คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #57 : บทที่ 12 (4)
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับกระดุมเม็ดสุดท้ายที่ถูกติด
“เข้ามา” เอริคก้มลงมาจูบที่แก้มเนียนใสหนักๆ
ทีหนึ่งก่อนจะพูดเสียงเรียบ ชายหนุ่มผละห่างร่างเล็กเดินอ้อมโต๊ะไปเก็บแฟ้มเอกสาร
และแก้วกาแฟที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นวางไว้บนโต๊ะ เขาทำทั้งหมดเสร็จก่อนที่ประตูจะเปิดออกเพียงแค่เสี้ยววินาที
“คุณเมริษามาขอพบครับ”
“ให้เข้ามา” พอบอกกับวิลเลียมผู้ช่วยวัยหกสิบเสร็จ
เอริคก็หันมาพูดกับหญิงสาวที่ขยับไปอยู่มุมหนึ่งของห้องด้วยน้ำเสียงล้อเลียน
“ทำท่าแบบนั้น เดี๋ยวคนก็สงสัยหรอก” เอริคว่าพลางสาวเท้ากลับไปทรุดกายลงนั่งที่เก้าอี้ทำงานหนังสีดำ
‘ใครจะไปเนียนเหมือนพี่ล่ะ’ เพราะคนที่ได้รับอนุญาตเข้ามาในห้องเสียก่อน
รัตน์วลีจึงได้แต่ถลึงตาและต่อว่าคนที่ตีหน้านิ่งราวกับไม่มีอะไรขึ้นต่างจากเธอที่ระแวงไปหมดในใจ
“เมญ่า มีอะไรหรือเปล่า”
เสียงเรียบที่เอ่ยทักทำให้รัตน์วลีหันไปมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง
ก่อนจะพบว่าหญิงสาวในชุดเดรสแขนยาวรัดรูปสีแดงเลือดนกเป็นใคร
เพราะเธอกับเอริคไม่ได้รักกันปานจะกลืนกิน
เธอจึงไม่ได้รู้จักกับเพื่อนของเขามากมายขนาดนั้น จึงไม่รู้ว่าเมริษา กับเมญ่า
เป็นคนๆ เดียวกัน
“ไม่มีอะไรแล้วฉันจะมาหานายไม่ได้หรือไง” เพราะคิ้วที่ขมวดเข้าหากันทำให้เมริษาคลี่ยิ้มแล้วพูดออกมาอีกครั้ง
“ไปหาอะไรกินกัน มีเรื่องจะคุยด้วย”
“นี่มันเวลางาน”
“ก็คุยเรื่องงานนั่นแหละ ก็เรื่องที่ดินที่นายอยากได้มาสร้างโครงงานใหม่ไง
ฉันช่วยนายได้นะ”
“ก็ได้” เอริคว่าพลางลุกขึ้นเต็มความสูง
มือหนาติดกระดุมสูทขณะเดินนำเมริษาไปที่ประตูห้อง มือหนาดึงประตูห้องให้เปิดออกแล้วรอให้หญิงสาวในชุดหรูสีแดงเดินออกไปก่อน
แต่ก่อนที่ร่างสูงจะออกจากห้อง ชายหนุ่มก็หันกลับไปหาหญิงสาวอีกคนที่ยังยืนนิ่งอยู่มุมห้องแล้วพูดขึ้น
“รอกลับพร้อมกัน”
“รัตน์กลับเองก็ได้ค่ะ” คงเพราะใกล้เลิกงานแล้ว
เขาเลยหันมาสั่งเธอแบบนั้น
และคงเป็นเพราะนัยน์ตาสีเทาที่มองมาเหมือนตอนที่เขาบอกว่า ‘ไว้คืนนี้ก็ได้’ ที่ทำให้หน้าเนียนใสที่เพิ่งกลับมาเป็นปกติ ร้อนเห่อขึ้นอีกครั้ง
“รอกลับพร้อมกัน” ชายหนุ่มย้ำคำเดิมอีกครั้ง
เพื่อย้ำความต้องการของตน
“ค่ะ”
พอได้คำตอบที่ตัวเองพอใจ ร่างสูงก็ก้าวออกจากห้องไป
แต่แวบหนึ่งก่อนที่ประตูจะปิดลงเธอก็ได้สบตากับหญิงสาวที่เธอรู้ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันมากของเอริค
ความหวาดหวั่นในดวงตาที่เหมือนกลัวจะถูกแย่งของรักไป
และมือบางที่เข้ามาคล้องแขนเอริคไว้แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของก็ทำให้เธอรู้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายได้
คงเป็นเพราะเมื่อก่อนเธอไม่ได้รู้สึกกับเอริคอย่างที่รู้สึกอยู่ตอนนี้
และคงเป็นเพราะเธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้ใครมาก่อน เธอจึงมองไม่ออกว่าสายตาของเมริษายามมองเอริคมันไม่เหมือนเพื่อนมองเพื่อน
ทว่าตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว เข้าใจดีเสียด้วย และทั้งๆ ที่บอกตัวเองซ้ำๆ
ว่าสำหรับเอริค เมริษาก็เป็นแค่เพื่อนที่สนิทกันมานานเท่านั้น แต่คงเป็นเพราะเอริคไม่ได้ว่าอะไรและปล่อยให้เธอคล้องแขนเอาไว้โดยไม่มีท่าทีจะรั้งแขนตัวเองออกละมั้งที่ทำให้ผู้หญิงที่อยู่ในสถานะไม่ชัดเจนอย่างเธออดรู้สึกหวั่นใจไม่ได้
แสงสว่างบนท้องฟ้าที่เห็นจากผนังด้านหนึ่งที่ทำจากกระจกบานใสสูงตั้งแต่พื้นจรดเพดานถูกกลืนหายเข้าไปในความมืดมิดได้เกือบชั่วโมงแล้ว
ทว่ากรุงเทพมหานครก็ยังสว่างไสวได้ด้วยแสงไฟหลากสีจากตึกรามบ้านช่อง
รายงานการประชุมของวันนี้ ถูกพิมพ์ออกมา และจัดใส่แฟ้มวางไว้ที่โต๊ะทำงานของท่านประธานเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน
หลังจากเสร็จประชุมตอนบ่ายสี่โมง ไหนจะถูกเขาเอาเปรียบอีก วันนี้มันไม่ควรจะเสร็จเสียด้วยซ้ำ
ทว่าการทำงานเพื่อให้ตัวเองไม่มีเวลามานั่งคิดมาก คิดไปเองไร้สาระ ก็ทำให้มันเสร็จจนได้
แต่เพราะมันเสร็จก่อนที่คนที่บอกให้เธอรอจะกลับมา เธอจึงต้องมานั่งมองแสงไฟระยิบระยับอย่างฟุ้งซ่านอยู่แบบนี้
“เขาแค่เพื่อนกัน อย่างี่เง่าน่า”
หญิงสาวกระซิบบอกตัวเอง ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจากสถานะอะไรก็ไม่รู้ที่เป็นอยู่
ตัวเองมีสิทธ์หึงไหม มีสิทธิ์หวงหรือเปล่าแต่เธอก็ยังทั้งหึงทั้งหวงอย่างไร้เหตุผล
ครืด...ครืด...
เสียงสั่นของโทรศัพท์ที่ไถลตัวไปบนโต๊ะเมื่อมีคนโทรเข้าปลุกรัตน์วลีหลุดออกจากภวังค์
เพราะคิดว่าจะเป็นเอริคโทรมาเธอจึงรีบคว้ามันขึ้นไว้ในมือ
แต่พอเห็นว่าไม่ใช่หัวใจที่พองโตขึ้นก็ฟีบแบนลงทันควัน
“ว่าไงโอม”
“อยู่ไหน”
“บริษัท”
“ทำโอทีเหรอ”
“อืม”
รัตน์วลีครางตอบรับความเข้าใจผิดของอีกฝ่ายไปสั้นๆ
“เหมือนกันเลย ว่าแต่...”
“โอม เดี๋ยวเราโทรกลับ พอดีมีสายซ้อน”
อีกฝ่ายยังพูดไม่จบเธอก็พูดแทรกขึ้น เพราะมีเบอร์โทรเข้าแทรกเข้ามา
แล้วก็เป็นเบอร์ของใครบางคนที่เธอรออยู่ หลังบอกอีกฝ่ายจบเธอก็กดวางสายทันทีโดยไม่รอให้ภูศิลป์ตอบกลับมา
“ค่ะ” รัตน์วลีกรอกเสียงลงไปทันที
“กินข้าวหรือยัง”
เสียงห่วงใยที่ดังเข้ามาทำให้ริมฝีปากของเธอคลี่กว้างขึ้น
“ยังเลยค่ะ แต่กินขนมรองท้องแล้ว”
เพราะคิดว่าวันนี้คงได้กินข้าวเย็นด้วยกันเหมือนทุกวัน เธอจึงรองท้องด้วยขนมปังที่ลงไปซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ
“ขอโทษ รออยู่ใช่ไหม”
“ก็บอกให้รอ รัตน์ก็ต้องรอสิคะ
พี่อยู่ไหนแล้วคะ”
“ยังไม่เสร็จธุระเลย กลับก่อนเลยนะ
แล้วก็หาอะไรกินด้วยไม่ต้องรอ”
รอยยิ้มที่คลี่ขึ้นราวกับคนบ้าๆ ทั้งๆ
ที่ก่อนนี้เครียดแทบตายค่อยๆ หุบลง
“ค่ะ” เงียบอยู่นานเธอก็ตอบเขาไปในที่สุด
ความคิดเห็น