คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #278 : Extra Log 274: พลังที่สืบทอด 1
Extra
Log 274: พลังที่สืบทอด 1
จาก 12 กลายเป็น 22
และตอนนี้จาก 22
ก็ย้อนกลับไปเป็น 12
นั่นคือประวัติศาสตร์ที่เรียกว่าอาคานาร์
อมฤตกำลังไหลบ่าเข้ามา
ที่รู้ว่าเป็นแบบนั้นก็เพราะรู้สึกถึงพลังที่เอ่อล้นจากภายในกำลังดึงเอาพลังจากภายนอกเข้ามาสู่ร่างกาย
เป็นหลักการทำงานเหมือนกับเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์...
จิตใต้สำนึกบอกอิงศรเช่นนั้น
เป็นการรับรู้เหมือนกับการที่เรียกพวกสัตว์ประหลาดว่า
‘สัตว์เทวะ’
ร่างกายในตอนนี้เป็นเหมือน
‘ไฮพีเรี่ยน’ ร่างซึ่งบิดเบือนกฎของ กาล-อวกาศ ความรู้สึกที่ได้อยู่ในร่างแบบนี้คือความรู้สึกที่แปลกใหม่
ราวกับว่าตัวเองทำการปฏิวัติอยู่ตลอดเวลา รู้สึกได้ถึงกระแสอันขัดแย้งจากมิติรอบตัวที่พยายามปฏิเสธการมีตัวตนในตอนนี้
นี่ก็คือ ‘อสุรา’ สินะ
ครั้งหนึ่ง สมัยที่ออร์ฟี่ยังเป็นซีลอร์ดก็ได้บอกกับเขาเอาไว้ว่า
เมื่อมนุษย์รับเอาอมฤตเข้าไปแล้ววิวัฒนาการ
เมื่อถึงตอนนั้นก็จะกลายเป็น ‘อสุรา’
“.....”
อิงศรจ้องมองไปยังเมอร์คาบาห์
โดยที่ตนกำลังเล็งหน้าไม้ไปที่นั่นโดยที่...
กำลังบินอยู่กลางอากาศกันทั้งคู่
ความรู้สึกที่ได้บินกลางอากาศมันไม่ได้แปลกใหม่สำหรับเขาเลยซักนิดเพราะว่าเคยทำตอนที่ใช้
เดม่อนแอพสเลปเนียร์มาหลายครั้งแล้ว แต่สิ่งที่แปลกใหม่ก็คืออุปกรณ์ปีกจักรกลที่อยู่บนหลังของตัวเองตอนนี้คือตัวช่วยพยุงร่างกายให้ลอยอยู่กลางอากาศได้โดยท้าทายกฎของแรงโน้มถ่วงอย่างน่าอัศจรรย์นี่ต่างหาก
แม้จะผ่านการทดสอบของต้นไม้แห่งชีวิตและได้รับพลังใหม่กับร่างใหม่นี้มาแล้ว
แต่เมอร์คาบาห์ก็ยังถือข้างที่จะคืนชีพให้ซูลวาน
ถ้าอย่างนั้นก็มีแต่ต้องสู้กันเท่านั้น
ต้องเอาเมอร์คาบาห์กลับคืนมาจากซูลวาน
“ชาร์คชู้ต”
อิงศรลั่นไกหน้าไม้ทันทีที่ร่ายสกิล
‘ชาร์คชู้ต’ ทีปกติแล้วจะต้องใช้ยันต์อาคมหนึ่งแผ่นเป็นค่าใช้งานแต่ตอนนี้เงื่อนไขพวกนั้นมันไม่จำเป็น
ด้วยพลังของ ‘ซากิต้ามาเรเควียม’
สกิลที่มีคุณลักษณะเกี่ยวกับธนูหรือการโจมตีระยะไกลทั้งหมดจะใช้งานโดยไม่ต้องสนเงื่อนไข
มวลน้ำรูปฉลามพุ่งออกไปจากหน้าไม้
ฉลามอ้าปากพุ่งใส่เมอร์คาบาห์
แต่เมอร์คาบาห์แค่ตวัดใบดาบที่แขนเบาๆ
ฉลามก็ขาดเป็นสองส่วนแล้ว แตกกระจายเป็นหยดน้ำ
แต่ก็เพราะหยดน้ำมากมายที่แตกกระจายจากฉลามทำให้ทัศนิวิสัยถูกบดบัง
จนเมื่อหยดน้ำกระจายตัวไปหมดแล้ว
อิงศรที่เตรียมพร้อมโจมตีครั้งต่อไปก็ตั้งท่าจะยิงแล้ว
“อะ...”
เมอร์คาบาห์ขยับตัวเล็กน้อยแต่ยังไม่หนีไป
หรืออาจจะกำลังลังเลว่าจะรับมือกับอาวุธของเขาอย่างไรอยู่ล่ะมั้ง
อาวุธที่ว่าก็คือกระบอกปืนที่พับเก็บอยู่ในปีกจักรกล
ตอนที่ฉลามแตกออก
อิงศรก็ให้ปีกทั้งสองพับเข้าหากัน
เมื่อปีกอยู่ตรงกับบริเวณหัวไหล่พอดี กระบอกปืนใหญ่ที่พับเก็บอยู่ในปีกก็ดันตัวเองขึ้นมาพาดบนไหล่โดยอัตโนมัติ
“โซเดีย!!”
อิงศรคำราม
เหมือนกับการร่ายสกิล
นี่เป็นคำสั่งให้อุปกรณ์ที่เป็นเหมือนเครื่องทำสวนทำการโจมตี
เสียงหวีดหวิวของอากาศดังขึ้น
อากาศกำลังไหลเข้าไปในปากกระบอก
จากนั้นลำแสงก็พุ่งทะยานออกไป
เสียงปะทุของการยิงจากกระบอกปืนที่พาดอยู่บนไหล่ทั้งสองข้างคงทำให้หูเขาดับไปแล้วถ้าไม่มีอุปกรณ์คล้ายกับหูฟังที่ติดมากับหมวกครอบหูปกป้องเอาไว้
เมอร์คาบาห์ที่ไม่ทันตั้งตัวทำท่ายกแขนขึ้นเหมือนตั้งใจจะใช้ใบดาบตัดลำแสงแต่ก็เปลี่ยนใจเอาในวินาทีสุดท้ายแล้วบินหลักหลบออกไปด้านข้าง
ลำแสงจึงพลาดเป้า...
ไม่ใช่หรอก
อิงศรไม่ได้ตั้งใจเล็งยิงเมอร์คาบาห์อยู่แต่แรกแล้ว
ลำแสงที่ดูเหมือนพลาดนั้นพุ่งต่อไปและกระทบกับคุกแก้วที่ขังออร์ฟี่ซึ่งตอนนี้มันถูกหุ้มด้วยวัตถุสีดำที่ไม่รู้จัก
ลำแสเข้าปะทะแล้วก็จริงแต่ก้อนกลมสีดำนั่นกลับไม่เป็นอะไรเลยซักนิดเดียว
“ชิ
แข็งขนาดนั้นเลยเรอะ”
อิงศรสบถ
ขณะเดียวกันปืนใหญ่ก็พับตัวเองกลับเข้าไปในปีกเพราะเมอร์คาบาห์กำลังพุ่งมาที่นี่
หลบ...ไม่สิ
ไม่ทันแน่
อิงศรคาดการณ์จากความเร็วกับระยะทางแล้วฝั่งเมอร์คาบาห์ที่ออกตัวก่อนได้เปรียบแน่
ถ้าเขาหันหลังหนีก็จะถูกฟันจากข้างหลัง
ถ้างั้นก็ต้องรับด้วยดาบ
แต่ว่าดาบไม่มีอยู่แล้ว
อาวุธที่ได้รับพลังใหม่มาไม่มีของที่ใช้ต่อสู้ในระยะประชิดเลย....
‘มีสิ’
“หา?”
เสียงของดีเซมแมร์ดังแว่วมา
แต่อิงศรไม่รู้ว่ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร
‘ที่หลังเอว’
อิงศรเอื้อมมือไปตามที่เสียงนั้นบอก
“นี่มัน”
‘เร็วเข้า’
เสียงนั้นเร่งเร้ามา
ที่ๆ มือเขาเอื้อมไปนั้นมีบางอย่างเหน็บอยู่หลังเอว
อิงศรเหลือบสายตาไปมองก็เห็นขนนกสีดำยื่นออกเป็นพู่ๆ
ข้างเอวทั้งสองฝั่งตรงกลางที่มือเขาจับไปนั้น คล้ายกับมีที่ให้สอดมือเข้าไป
ไม่มีเวลามาลังเลแล้ว
อิงศรสอดมือเข้าไปในที่จับนั่นแล้วลองดึงออก มันส่งเสียงดัง ป๊อก
เหมือนกับเสียงเปิดขวดโซดา แล้วสิ่งนั้นก็หลุดออก
อิงศรดึงมันออกมาด้านหน้า
มันเป็นอุปกรณ์ที่ดูคล้ายกับมือจับที่มีขนนกสีดำประดับเหมือนปีก
เขาจ้องมองมันอย่างงุนงงอยู่เสี้ยวสินาทีหนึ่ง
ก็เข้าใจขึ้นมาว่าสิ่งนี้มีรูปร่างเป็นอย่างไรแล้วมีไว้ทำไม
ข้อมูลการใช้งาน
วิธีใช้งาน วิธีต่อสู้ด้วยสิ่งนี้ไหลเข้ามาในหัวโดยตรง
คิดว่าคงมาจากตัวอุปกรณ์ที่ตั้งเอาไว้ว่าเมื่อมันอยู่ในมือแล้วให้ส่งวิธีใช้งานมาให้
อิงศรตวัดมือจับนั้นออกไปเหมือนตวัดดาบแล้วตะโกนไปพร้อมกัน
“โซเดียคัทเตอร์!!”
พริบตานั้น
ใบดาบลำแสงก็ยืดออกจากมือจับ กลายเป็นดาบไปนั่นเอง
ใบดาบของเมอร์คาบาห์กับดาบลำแสงเข้าปะทะกัน
เกิดเสียงปะทุดัง ‘จี่’ คล้ายเสียงเชื่อมเหล็ก
“ว้ากกก!!”
อิงศรดันดาบออกไปด้วยมือเพียงข้างเดียว
เพียงแค่นั้นก็ทำให้เมอร์คาบาห์ถอยออกไปได้
พลังกล้ามเนื้อก็เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้าอย่างลิบลับ
อิงศรเล็งหน้าไม้ไปตอนที่เมอร์คาบาห์ยังพยายามทรงตัวหลังจากถูกดันจนเสียหลัก
อิงศรลั่นไก
ลูกดอกที่ยิงจากหน้าไม้ใหม่ก้เป้นลำแสงที่เหมือนกับพวกเครื่องทำสวนปล่อยออกมาลำแสง
‘โซเดีย’ หรือก็คือลำแสงที่เกิดจากการบีบอัดอนุภาคของ ‘อมฤต’ จนกลายเป็นก้อนพลังงานแล้วยิงออกไป เมื่ออยู่ในสภาพควบแน่นเป็นลำแบบนั้น
อมฤต จะมีความเปราะบางและระเบิดทันทีที่สัมผัสกับอะไรก็ตาม
เมอร์คาบาห์บินเบี่ยงซ้ายหลบลูกดอกแสงทั้งหมด
คงจะรู้เรื่องคุณสมบัติระเบิดทันที
จากการที่เคยสู้กับออร์ฟี่ในการทดสอบเมื่อนานมาแล้ว กับรู้ด้วยว่าลำแสงอมฤตไม่สามารถลบล้างด้วยความสามารถลบล้างภาพลวงตาอย่าง
‘อิลูชั่นเบรกเกอร์’ ได้
@@@@@
ขณะเดียวกันคนที่ต้องต่อสู้ก็ไม่ได้มีแค่อิงศรคนเดียว
ภายในสวนศักดิ์สิทธิ์กำลังเกิดความยุ่งเหยิง
สับสนอลหม่านไปหมด
เพราะที่กลับมาจากดินแดนแห่งความตายไม่ได้มีแค่พวกมิ่งขวัญแต่สัตว์เทวะ
ในดินแดนนั่นก็ไล่ตามมาด้วย โดยผ่านทางเวิ้งแห่งความมืดที่เป็นเสมือนประตูมิติ
เปิดแผ่อยู่บนพื้น
ประตูมิติไม่ได้แค่เปิดอยู่เฉยๆ
แต่มันยังแผ่ขยายออกไปด้วย
“นี่ฉันว่าไอมืดๆ
นี่มันกว้างขึ้นกว่าเมื่อกี้นะ”
เมษาพูด
“ฉันก็คิดงั้นเหมือนกันค่ะบางทีถ้าไม่ทำอะไรกับเจ้านี่มันอาจจะแผ่ไปทั้งสวนแล้วก็ทำให้สัตว์เทวะออกมากันไม่หยุดก็ได้”
มีนากล่าวเสริม
“งั้นก็ต้องปิดมันก่อนจะเป็นแบบนั้น”
แฟรนเซียมพูดจากนั้นก็ชี้ไปที่ท้องฟ้า
บนท้องฟ้านั้นแบ่งออกเป็นสองส่วน
ส่วนหนึ่งคือจุดที่พวกสัตว์เทวะแห่กันไปกระจุกตัวอยู่ กับอีกส่วนที่อิงศรกับเมอร์คาบาห์กำลังปะทะกัน
เพราะการต่อสู้ของทั้งสองรุนแรงเป็นอย่างมากทำให้ไม่มีสัตว์เทวะตัวไหนกล้าย่างกรายเข้าไป
“แล้วจะหยุดมันยังไงเล่า”
ฟูถาม
วิธีที่จะหยุดหายนะคราวนี้จะมีอยู่จริงๆ
น่ะเหรอ มิ่งขวัญได้ตั้งคำถามกับตัวเองอย่างนั้น
เขามองเหตุการณืมาซักพักแล้ว
สถานการณ์ในตอนนี้ต่อให้หัวทึบแบบตัวเองก็ยังเข้าใจดีว่ามันสิ้นหวัง
ขนาดไหน
แล้วต่อให้รู้วิธีจริงๆ
ก็ไม่แน่ว่าจะทำได้ด้วยรึเปล่า
แฟรนเซียมพูดตอบที่ฟูถาม
“ประตูนี่เกิดขึ้นจากการบิดเบือนของมิติถ้าสร้างระเบิดพลังงานที่สามารถฉีกกระชากมิติได้มันก็จะไปรบกวนการเชื่อมต่อประตูก้จะปิดตัวลงไปเอง”
ระหว่างที่พูดอยู่สัตว์เทวะกอลิร่าที่เพิ่งจะผุดขึ้นมาจากใต้ประตูมิติก็พุ่งเข้ามาโจมตีพวกเขา
กวินทร์พุ่งออกไปรับมือมันด้วยดาบที่ถือไว้ตั้งแต่แรกเพราะตอนอยู่ในดินแดนแห่งความตาย
กวินทร์เป็นคนที่โดนสัตว์เทวะไล่ล่า
กวินทร์ประสานดาบที่แยกเป็นสองเล่มด้วยโหมดเทคนิคัลเวพ่อน
ต้านรับกำปั้นของกอลิร่าเอาไว้
“อึก”
แรงกำลังอันมหาศาลดันกวินทร์ถอยครูดกลับมาถึงหน้ากลุ่มพวกเขา
“เจ้านี่มันที่ไล่ตามผมเมื่อกี้นี่นา”
กวินทร์พูดแบบนั้น
ดูเหมือนสัตว์เทวะตัวนี้จะเป็นตัวเดียวกับที่กวินทร์เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้
นอกจากกอลิร่าแล้วมิ่งขวัญก็จ้องมองไปยังสัตว์เทวะแต่ละชนิดที่ออกมาจากประตูมิติด้วย
พวกมันเป็นชั้นจ่าฝูงระดับที่อยู่ในเรดบอสกันแทบทุกตัว
พวกที่ไม่ใช่ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกน้องที่พวกระดับจ่าฝูงสร้างขึ้นมาอีกที
นอกจากจะต้องปิดประตูแล้วก็ต้องกำจัดสัตว์เทวะที่หลุดออกมาก่อนด้วย
แต่การจะกำจัดทั้งหมดนี่เป็นไปไม่ได้เลย ต่อให้จะปิดประตูได้แต่ปริมาณของสัตว์เทวะที่ออกมาแล้วก็ยังมีมากเกินกว่าจะรับมือไหว
“มีแผนไหม”
มิ่งขวัญถามแฟรนเซียม
“ฉันเหรอ”
แฟรนเซียมถามว่ากำลังพูดกับเขาอยู่รึเปล่าสินะ
นั่นสิจะสงสัยก็ไม่แปลกหรอกก็ขนาดตัวเองยังแปลกใจเลยที่คิดไว้ใจแฟรนเซียมขึ้นมา
แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาตั้งแง่อีกแล้ว
อีกอย่างในการทดสอบที่ผ่านมามันก็ทำให้รู้ตัวแล้วด้วยว่าเขาจะเอาแต่พึ่งพาอิงศรอย่างเดียวไม่ได้
มีครอบครัวกับพวกพ้องที่จะให้ยืมพลังอยู่อีกต้องร่วมมือกันเพื่อเอาชนะหายนะคราวนี้
“ใช่ ถามนายนั่นแหละ”
แฟรนเซียมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพลางแค่นเสียงขึ้นจมูก
“เฮอะ
เอาเถอะตอนนี้ไม่ใช่เวลามานั่งพูดคุยเรื่องความบาดหมางนี่นะ แผนน่ะมันก้มีอยู่หรอกแต่พลังมีไม่พอนี่สิ”
ตอนนั้นเอง
เน็กส์ก็พูดแทรกเข้ามา
“พี่ขวัญฮะไพ่นี่ไงครับ”
เด็กชายเดินถือไพ่เข้ามา
ไพ่อาคานาร์ที่พวกเขาเองก็มีกันทุกคน
อาคานาร์ประหลาดที่มรูปตัวเองอยู่บนหน้าไพ่
เน็กส์พูดถึงไพ่นั้นด้วยเนื้อหาที่ค่อนข้างประหลาด
“ลองเงี่ยหูฟังเสียงไพ่ดูสิครับ”
ถึงจะยังไม่เข้าใจแต่ทั้งมิ่งขวัญ
ทั้งแฟรนเซียมก็ทำตาม
มิ่งขวัญรู้จักเน็กส์พอๆ
กับที่อิงศรรู้ว่าเน็กส์นั้นเป็นเด็กที่ฉลาดแต่ไม่ค่อยกล้าแสดงออกถ้าไม่ใช่ว่ามีเหตุจำเป็นจริงๆ
ดังนั้นถ้าเน็กส์พูดขึ้นมาเองก็ต้องเป็นเรื่องที่จริงจัง
แต่ว่าแฟรนเซียมก็รู้ถึงเรื่องนั้นด้วยเหรอ?
ถ้าเป็นคนปกติทั่วไปคงต้องถามกลับไปแล้วว่า
‘พูดถึงเรื่องอะไรอยู่’
หรือไม่ก็อาจจะคิดอยู่ในใจ
‘เอาอาคานาร์ติดตั้งลงอาวุธสิ’
ได้ยินอย่างที่เน็กส์พูดจริงๆ เป็นเสียงของจูเนอร์มินาร์คนพี่สาว
“นั่นเธอเหรอ”
มิ่งขวัญถามกลับไป
ขณะเดียวกันแฟรนเซียมก็พูด
“ดูเหมือนว่าพวกเครื่องทำสวนจะกลายเป็นไพ่ไปแล้วนะพวกนายลองฟังเสียงของมันดูสิ”
คนอื่นๆ เริ่มทำตาม
“ได้ยินจริงๆ
ด้วยค่ะเสียงของคุณเอพบูรอาร์”
มีนาพูด
“แต่ให้เอาไพ่ติดตั้งลงไปในอาวุธนี่ต้องทำยังไงล่ะ”
มิกซ์พูด
“อาจจะให้ทำแบบนั้นก็ได้มั้ง”
นรินทร์ชี้ไปยังท้องฟ้าที่อิงศรกับเมอร์คาบาห์สู้กันอยู่
“ตอนที่ขวัญขว้างธนูไปให้ผมเห็นอิงศรยื่นไพ่ไปแตะกับธนูจากนั้น
อิงศรก็แปลงร่างเป็นแบบนั้น”
“งั้นแค่เอาไพ่นี่แตะกับอาวุธก็พอสินะคะ”
มีนาพูด
มิ่งขวัญตอบรับคำพูดนั้น
“ถ้างั้นก็ไปกันเลยเถอะ”
แล้วยกไพ่อาคานาร์ขึ้นมา
คนอื่นๆ จึงเริ่มทำตาม
ตอนนั้นเอง กวินทร์ก็ถอยฉากออกห่างจากกอลิร่าแล้วกลับมารวมกลุ่ม
มีเสียงจากไพ่ดังขึ้นมาอีก
เป็นเสียงของเครื่องทำสวนแต่เครื่องที่พวกเขาเข้ารับการทดสอบด้วย
เสียงนั้นบอกให้พูดตาม
“ออริจินอาคานาร์
เรดดี้!! (Origin Arcana Ready)”
เสียงทั้งสิบเอ็ดประสานกันก่อนที่ไพ่อาคานาร์จะถูกวางลงบนอาวุธ
มันใดนั้นหน้าจอระบบก็เปิดขึ้นต่อหน้าทุกคน
หน้าจอนั้นแสดงออกมาแบบนี้
[ARTIFACT HYPEREALIZE]
ไพ่อาคานาร์เปล่งแสง
แสงสว่างขยายตัวออกมาจากทั้งสิบเอ็ดจุดรวมกันกลายเป้นโดมไฟที่ส่องสว่างสดใสท่ามกลางความมืดมิดของประตูมิติ
แต่แสงสว่างก็ไม่อาจข่มขวัญสัตว์เทวะได้
กอลิร่าปล่อยหมัดของมันตรงมาที่นี่
“ก็อดเวพ่อน!!”
เสียงตะโกนของทั้งสิบเอ็ดคนดังกังวาน
แล้วร่างของกอลิร่ายักษ์ก็ขาดเป็นสี่ส่วน
มองเห็นเหมือนกับว่าทิวทัศน์ด้านหลังมันถูกตัดเป็นรอยกากบาทไปแวบหนึ่ง
แสงสว่างดับมอดลง
เรือนร่างของกวินทร์ที่ทำการโจมตีสวนกลับเผยโฉมออกมา
ดาบคู่สีดำที่เคยแยกออกมาจากดาบเล่มเดียว
กลายเป็นดาบใหม่ที่มีขนาดของแต่ละเล่มเท่าๆ กับดาบดั้งเดิม
ปลายดาบแยกออกเป็นแฉกคล้ายก้ามปู ตัวดาบสีแดงก่ำ โกร่งดาบยื่นออกคล้ายใบหูกระต่าย
ที่มันมีลักษณะแบบนั้นก็เพราะเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ที่ทำการทดสอบเขาคือจูลลับบิทตาร์ที่เป็นการควบรวมนักษัตรกระต่ายกับราศีกรกฏนั่นเอง
นอกจากดาบก็มีผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มเพิ่มเข้ามา
รู้สึกได้ถึงพลังที่แผ่จากผ้าคลุม พลังที่ห่อหุ้มและยกร่างของเขาลอยจากพื้น
ดูเหมือนว่าจะบินได้ด้วย
“แบ่งเป็นสองกลุ่มไปจัดการพวกสัตว์เทวะกลุ่มหนึ่งที่เหลือมาช่วยฉันปิดประตูนี่”
แฟรนเซียมที่แปลงร่างเสร็จแล้วพูด
ร่างใหม่สวมชุดสีดำที่คล้ายกับเครื่องแบบราชครูตัวเดิมแต่มีรายละเอียดแตกต่างออกไป
ในมือถือดาบที่ใบดาบนั้นกลวงโหว่เป็นร่อง
***อาทิตย์นี้ไรท์งานยุ่งไปหน่อยเขียนไม่ทันเลยต้องแบ่งตอนครับ แอ่วว ต้องขอโทษจริงๆ
ตอนแรกว่าจะมีตอนพิเศษลงวันที่ 1 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ด้วย
จะเล่นกับบทที่พวกอิงศรวนอยู่ในวันที่ 1พฤศจิกายน ซะหน่อยแต่สงสัยจะไม่ทัน TwT****
ความคิดเห็น