คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #217 : Login 214: มหาเทพแห่งแสงสว่างและความมืด 1
Login
214: มหาเทพแห่งแสงสว่างและความมืด 1
…ย้อนกลับไปราวสองวันก่อน
นับเป็นวันที่สามที่พวกอิงศรพักอยู่บนเกาะและเป็นวันที่มีนาหายจากอัลไซเมอร์
ขณะเดียวกันแฟรนเซียมที่ออกจากเกาะตั้งแต่วันแรกที่ไปถึงก็ย้อนกลับมาที่สนามรบชายหาดโดยใช้เวลาเดินทางถึงสามวัน
ที่จริงแล้วด้วยพลังของราชามนุษย์ต่างดาวจะมุ่งหน้าตรงมาที่นี่ในวันเดียวเลยก็ยังได้
แต่เพราะตลอดทางที่ผ่านมาต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าหน้ากับเครื่องทำสวนที่เริ่มทำงานขึ้นมาเองพร้อมกันทั่วทั้งโลก
ที่รู้ว่าเป็นเครื่องทำสวนทั้งหมดบนโลกก็เพราะในบรรดาเครื่องทำสวนที่เจอระหว่างทางนั้นมีเครื่องทำสวนที่ไม่ได้อยู่ที่ประเทศนี้ตั้งแต่แรกข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงที่นี่พร้อมกับนำ
‘ความว่างเปล่า’
มากวาดล้างผืนแผ่นดินที่ยังหลงเหลืออยู่ซึ่งน่าจะเหลือแค่ประเทศนี้กับจีนตอนบนอีกส่วนน้อย
ความว่างเปล่ากำลังไล่ต้อนมนุษยชาติด้วยเวลาที่เหลือไม่ถึงสามสัปดาห์
แล้วเพราะเหตุนั้นก็เลยเสียเวลาเพิ่มไปอีกสองวันและกลับมาถึงสนามรบ
เขามาถึงในช่วงบ่ายของวันพอดี
ดวงตะวันกำลังเปล่งแสงแดดอย่างแรงกล้าจนรู้สึกร้อน
ในอกของเขาเองก็ร้อนลุ่มไม่แพ้กัน
ถ้ากลับไปแล้วยังจะเจออะไรอีก จะยังเหลืออะไรอยู่บ้าง แฟรนเซียมเอาแต่คิดแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมาจนเหมือนกับตัวเองกำลังภาวนา
“…”
มองเห็นชายหาดที่ว่า
แต่ลักษณะทางภูมิศาสตร์กลับเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง
ไม่หลงเหลือเค้าเดิมของมันอีก
ซากเมืองที่เคยเกลื่อนอยู่บนชายหาด
แนวสันเขาที่โอบล้อมเป็นปราการ
เกาะเล็กเกาะน้อยที่ตั้งอยู่บนน่านน้ำใกล้เคียง
รวมถึงน้ำทะเลก็เหือดหายไปเช่นกัน
อันที่จริงเขาเดินบนทรายมาซักพักแล้ว ตั้งแต่ก้าวเท้าเหยียบเข้ามาในน่านน้ำนี้
ทุกสิ่งทุกอย่างก็มีแต่ทราย…
ไม่สิ
ไม่ใช่ทราย
เม็ดของมันมีสีขาวและเนื้อละเอียดจนโดนลมพัดปลิวได้โดยง่ายดูแล้วเหมือนกับขี้เถ้ามากกว่า
แต่กลับมีสีขาวบริสุทธิ์ นี่คือสิ่งที่หลงเหลือจากไฟชำระของพระเจ้า
แฟรนเซียมยังคงจำเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้ดีราวกับเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวาน
ลูนาริสลงมาที่โลกแล้วปล่อยไฟชำระลงมาแผดเผาแผ่นดินนี้จนเหลือแต่ขี้เถ้าขาวปกคลุม
เขาเองก็ควรจะเป็นหนึ่งในขี้เถ้าเหล่านี้แต่เพราะข้าวหลามกับวิเชียรมาศช่วยเอาไว้
ตัวเองจึงได้หลบหนีไปพร้อมกับพวกอิงศร ไปยังเกาะแห่งนั้น
แฟรนเซียมเหยียดเท้าลงไปบนขี้เถ้าที่สุมกองอยู่บนเนินอันว่างเปล่ากินพื้นที่หลายพันตารางกิโลเมตร
ทอดสายตามองไปทางไหนก็แลเห็นแต่ขี้เถ้าสุดลูกหูลูกตาจรดกับเส้นแบ่งที่เห็นเป็นเมืองอยู่ลิบๆ
ซึ่งไฟชำระคงจะไปหยุดเอาตรงนั้นพอดี
ขี้เถ้า
ขี้เถ้า
กระทั่งขี้เถ้าที่ตนเองกำลังเหยียบอยู่ก็อาจจะเคยเป็นวิเชียรมาศหรือข้าวหลาม
หรือพวกทหารเมตไตรยที่ยังเหลือรอดในตอนนั้น
ทุกอย่างหายไปหมด
กลายเป็นขี้เถ้าไปหมดสิ้น
ทั้งกองกำลัง
ทั้งพวกพ้อง
กระทั่งเครื่องทำสวน...พลังที่ตนใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตสั่งสมมา
ก็มลายหายไปเพราะออร์ทิเกสซาร์หักหลัง
เจ้านั่นวางแผนเอาไว้แต่แรกว่าจะให้พระเจ้าทำลายทั้งหมด
ถึงแม้ตัวมันเองจะต้องพินาศไปด้วยก็ตาม
“…”
ถ้าให้พูดก็คือตัวเองในตอนนี้เหมือนได้ตายไปแล้ว
การคงอยู่ไม่มีความหมายอีก
เมื่อไร้แผนการโลกจะไม่มีทางอยู่รอดได้ทุกอย่างจะถูกลบหายไปในความว่างเปล่า
แม้แต่ตอนนี้เมื่อหันหบังกลับไปก็จะมองเห็นความว่างเปล่ากำลังกัดกินท้องฟ้าไล่หลังมาติดๆ
“…”
ทั้งที่ยืนตากแดดอยู่บนเนินขี้เถ้า
แสงแดดแรงกล้าแต่กลับรู้สึกว่าโลกมันมืดมน
แฟรนเซียมจมอยู่กับสิ้นหวังจนละทิ้งสัมผัสต่อสิ่งรอบข้าง
การตอบสนองจึงช้าลง
กว่าจะรู้ตัวว่าจุดที่ยืนอยู่มันมืดลงจริงๆ
มืดเพราะมีเงาขนาดใหญ่ทาบทับลงมา
“อะไร…”
แฟรนเซียมแหงนหน้ามองสิ่งที่มาบดบังแสงแดด
พอเห็นสิ่งนั้นดวงตาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจและหวั่นเกรง
เสียงจักรกลกำลังทำงาน
เสียงหมุนของฟันเฟืองดังเอี้ยดอ้าด
ตัวตนนั้นใหญ่โตขนาดบดบังท้องฟ้าได้
คลื่นพลังหรืออะไรที่มันใช้ลอยตัวทำให้เกิดลมกรรโชกเสมือนมีลมพายุก่อตัวขึ้นมาหอบพัดเอาขี้เถ้าปลิวว่อนไปหมด
ร่างกายเป็นโลหะไม่ทราบชนิดผิวสะท้อนแสงมันวาวมีรูปลักษณ์ดั่งรูปสลักวานรทรงปัญญากำลังนั่งขัดสมาธิและพนมมือ
อย่างผู้ทรงศีลเหนือไหล่ทั้งสองมีคนโทบรรจุน้ำลอยอยู่
น้ำในนั้นเอ่อล้นไหลออกมาตลอดเวลา
“เครื่องทำสวน…เอพบูรอาร์ (Apebruar)”
เครื่องทำสวนลำดับสอง
“ผู้รดน้ำแห่งสวนศักดิ์สิทธิ์”
…ยามที่แฟรนเซียมนึกถึงรายละเอียดพวกนั้นเครื่องทำสวนก็ปล่อยการโจมตีออกมา
“วัชพืชเอ๋ย…วัชพืชซึ่งรุกล้ำสวนอันศักดิ์สิทธิ์จะต้องถอนรากถอนโคนให้สิ้น
จงเฉาตายไปเสียวัชพืชน่ารังเกียจ”
คนโทบนไหล่โน้นตัวลงทำมุมสี่สิบห้าองศาโดยหันปากมาทางนี้
ตลอดเวลานั่นน้ำที่บรรจุอยู่ในภาชนะก็ไหลกราดเทกราดลงมาทะเลขี้เถ้า
สิ่งที่สัมผัสโดนน้ำนั่นกลายเป็นน้ำแข็งในพริบตา
คนโทพ่นน้ำออกมาราวกับปืนใหญ่ยิงลูกกระสุน
มวลน้ำทรงกลมเกลี้ยงพุ่งมาด้วยความเร็วสูง
หากไม่ได้เป็นราชามนุษย์ต่างดาวคงมองไม่เห็นลูกกระสุนวารีอันงดงามนั่น
“ชิ”
แฟรนเซียมถีบพื้นกระดอนตัวเพื่อหลบ
ลูกกระสุนจึงตกลงบนขี้เถ้า
ไอเย็นพวยพุ่งออกมาจากหระแสน้ำที่ไหลกระจัดกระจายไปทั่วแล้วบันดาล ลานสเก็ตน้ำแข็งขึ้นมาในอึดใจเดียว
“โซเดียมิราจ จงมาสาวกแห่งข้า บรรจุภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งโอบอุ้มพระพิโรธที่จะลงทัณฑ์วัชพืช!”
เสียงของเครื่องทำสวนดังกระหึ่ม
เสียงของมันชักนำละอองอนุภาคสีทองที่รายล้อมมันให้กลั่นตัวเป็นรูปเป็นร่าง
ขันทองคำเจ็ดใบปรากฏขึ้นล้อมรอบเครื่องทำสวนสะท้อนแสงเป็นประกายดั่งรัศมี
ขันแต่ละใบมีแถบพลังชีวิตแสดงขึ้นมา
นั่นหมายความว่าพวกมันเป็นสัตว์เทวะอย่างนั้นหรือ ?
แฟรนเซียมคิดขณะที่จ้องมองขันเหล่านั้น
Primus
Phialam Lv. 70 [/////7000:7000/////]
Secundus
Phialam Lv. 70 [/////7000:7000/////]
Terrius
Phialam Lv. 70 [/////7000:7000/////]
Quartus
Phialam Lv. 70 [/////7000:7000/////]
Quintus
Phialam Lv. 70 [/////7000:7000/////]
Sextus
Phialam Lv. 70 [/////7000:7000/////]
Septimus
Phialam Lv. 70 [/////7000:7000/////]
ขันน้ำทุกใบมีเลเวลเจ็ดสิบและมีพลังชีวิตเจ็ดพันเท่ากันทั้งหมด
แต่ละใบบรรจุของเหลวสีแดงก่ำดั่งเลือดอยู่เต็มปริ่ม
ขยับเพียงนิดเดียวของเหลวข้างในคงจะหกรดลงมา
ถ้าต้องปะทะตรงๆ กับเครื่องทำสวนไม่มีทางเอาชนะได้แน่
ตัวเองในตอนนี้ก็ไม่มีฟันเฟืองแล้ว
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหนี
“อาซี ซาฮาค!”
แฟรนเซียมกรีดข้อมือ เลือดดำไหลทะลัก
นี่คือเลือดของเทวะซึ่งมีความแตกต่างกับอสูรที่
ฟาวเดชั่นอี สั่งให้ อารย-สนธยาพัฒนา มันเป็นเลือดพิเศษที่มีคุณสมบัติต่างออกไป
เลือดที่ไหลออกมาไม่ได้ร่วงลงพื้นแต่ก่อตัวขึ้นรูปเป็นดาบ
‘ดาบเทวะแห่งจุดจบ
อาซีซาฮาค’
แฟรนเซียมตวัดดาบนั่น ใบดาบแยกตัวออกภายในเชื่อมกันด้วยโซ่ที่ทำจากวัสดุเดียวกัน
ดาบจึงเลื้อยตวัดดั่งแส้
“ซอร์ดอายส์!”
ปรากฏดวงลายดวงตาขึ้นบนใบดาบแต่ละท่อน
แล้วเมื่อดวงตาทั้งหมดเบิกออกโดยสมบูรณ์ แฟรนเซียมก็ฟาดมันใส่ขันที่มีชื่อว่า ‘Septimus Phialam’
นั่นเป็นภาษาละตินที่หมายถึงขันน้ำลำดับที่เจ็ด
ขันถูกแส้ดาบรัดแล้วกระชากจนขาดเป็นสองเสี่ยง
การกระชากนั่นมีพลังของสกิลที่ทำให้ใบดาบลุกไหม้เป็นไฟและมีสายฟ้าสถิตผสมอยู่ด้วย
พลังจาก ‘ซอร์ดอายส์’ สกิลเฉพาะตัวของดาบเทวะเล่มนี้ทำให้ใช้สกิลที่มีคุณลักษณะของ ‘ดาบ’ ได้ทั้งหมด
พลังชีวิตของขันน้ำเหือดหายไปในบัลดล
ส่วนของเหลวสีแดงที่บรรจุอยู่ก็ร่วงหล่นสู่พื้น
วินาทีถัดมาของเหลวเหล่านั้นก็ลุกไหม้
ลุกโชนด้วยเปลวไฟสีคราม
ขันใบอื่นลอยตามมา
พวกมันเล็งที่จะเทรดของเหลวสีแดงใส่เขานั่นเอง
“ชิ”
แฟรนเซียมเดาะลิ้นแล้วตวัดแส้ดาบอีกครั้ง
ขันแต่ละใบมีพลังป้องกันไม่มากนักเพียงแค่สัมผัสถูกดาบที่อาบด้วยพลังจากสกิลอันหลากหลายที่ผสมอยู่ในการโจมตี
ขันน้ำถูกฟันสะบั้นเป็นสองเสี่ยงครบทั้งหกใบ
แต่นั่นดูจะอยู่ในการคำนวณของเครื่องทำสวนมาตั้งแต่แรก
คนโทน้ำบนไหล่กำลังเล็งมาที่นี่แล้วพ่นน้ำมาเป็นลำ
หลบไม่พ้น...
“กรอด”
แฟรนเซียมขบกรามเบ่งพลังให้แขนส่งเลือดไปให้ดาบมากขึ้น
“เอาเลือดไปให้หมดแต่อย่าข้าตายแล้วลืมตาตื่นขึ้นมา“
ซอร์ดเซอร์ไว...จำเป็นต้องผ่านขั้นที่สอง
‘ดาบมังกรเทวะแห่งจุดจบ’
ก่อนจึงไปยังขั้นสุดท้ายได้
แต่เวลามีไม่พอ ถ้าต้องเปลี่ยนเป็นขั้นที่สองแล้วค่อยประกาศขั้นที่สามป่านนั้นร่างกายคงจะโดนกระแสน้ำฉีกเป็นชิ้นๆ
ไปแล้ว ความสั่นไหวของอากาศที่สัมผัสได้จากรอบๆ
ลำน้ำบ่งบอกความรุนแรงของมันจนแทบไม่ต้องสัมผัสโดนก็รู้สึกเหมือนผิวจะปริแตกจากกันเพราะแรงสะเทือน
ถ้าจะรอดชีวิตไปให้ได้จำเป็นต้องก้าวข้ามขั้นของ
‘ดาบมังกรเทวะ’ ไปสู่ขั้น ’อสูรมังกรเทวะ’
ในทันทีเท่านั้น
ไม่รู้จะทำได้รึเปล่า
ไม่รู้ด้วยว่าหลังจากเอาชีวิตรอดไปได้แล้วจากนั้นจะทำอย่างไรต่อ
ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรจะเสียให้กับเดิมพันคราวนี้แล้ว
คิดได้ดังนั้นแฟรนเซียมก็หัวเราะ
“ฮะฮะฮะ แบบนั้นก็น่าสนุกดี”
แล้วชูดาบในมือขึ้น
”ซอร์ดไดรฟ์!”
เสี่ยงเดิมพันร่ายขั้นสุดท้ายของดาบออกมาโดยไม่ทำตามขั้นตอน
“อสูรมังกรเทวะ อาซี ดาฮากา ดาเอว่า!”
ดาบสูบเอาเลือดออกไปจากร่างกายจนแทบจะหมดทั้งที่สั่งไว้ว่าอย่าให้ถึงตาย
แต่การข้ามขั้นตอนทำให้ดาบต้องใช้เลือดเป็นจำนวนมากเพื่อกระโดดจากพลังขั้นพื้นฐานไปสู่จุดสูงสุดในครั้งเดียว
ผิวหนังเริ่มซีดขาวเพราะเลือดในตัวกำลังจะหมดลง
ดวงตาพร่ามัว มองเห็นโลกหมุนเหวี่ยงไปมา
กำลังจะหมดสติ
แฟรนเซียมก้มหน้าลง
“อึก”
ทรุดเข่าลงข้างหนึ่งแต่ยังพยายามชูดาบเอาไว้
ถึงจะมองไม่เห็นเพราะไม่มีแรงพอจะเงยหน้าแล้วก็ตามแต่สัมผัสความสั่นไหวจากมือข้างที่ถือดาบได้
ดาบได้รับเลือดไปมากพอและกำลังเปลี่ยนรูปร่าง
เลือดในตัวไม่โดนสูบออกไปอีกและกำลังฟื้นตัว
ต้องขอบคุณความสามารถในการฟื้นตัวอันสูงส่งของร่างราชามนุษย์ต่างดาวไม่อย่างนั้นคงจะสลบไปทันทีที่โดนดึงเลือดจำนวนมากออกไปจากร่างหรืออาจจะตายเลยก็ได้
แฟรนเซียมแหงนหน้าขึ้นมอง
ดาบกำลังขยายตัว บวมเป่งและเต้นตุบๆ เหมือนก้อนเนื้อ
กำแพงก้อนเนื้อรับกระแสน้ำแล้วเบี่ยงมันออกไป จะรับตรงๆ ไม่ได้ไม่อย่างนั้นถึงเป็นปราการอันแข็งแกร่งนี้ก็อาจจะถูกฉีกไปพร้อมกับเจ้าของ
ก้อนเนื้อรู้ถึงเรื่องนั้นโดยไม่ต้องพึ่งพาคำสั่ง
นั่นก็เพราะในร่างสุดท้ายมันได้กลายเป็นสิ่งที่สามารถคิดด้วยตัวเองได้
ก้อนเนื้อกลายเป็นมังกร
ทำให้บรรยากาศรอบๆ เกิดการบิดเบี้ยว
มิติถูกเจาะเป็นโพรงให้หัวของมังกรอีกนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาจากที่ต่างๆ
แม้จะมีจำนวนที่มากกว่าแต่หากนับเรื่องกำลังรบเป็นหลักแล้วทางนี้ยังตามเครื่องทำสวนอยู่อีกหลายเท่าตัว
แต่ยังพอใช้ถ่วงเวลาเพื่อหนีได้
“เท่านี้ก็หนีรอดสินะ”
แต่แฟรนเซียมไม่รู้สึกดีใจกับโชคชะตาดังกล่าวนัก
มันควรจะจบลงที่ตรงนี้ให้มันจบสิ้นไปเสียที
ถึงอยู่ต่อไปก็ก้าวไปข้าวงหน้าไม่ได้ ตนเองไม่ใช่คนของโลกนี้
ต่อให้ก้าวเดินต่อไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน
แต่ก็รอดมาแล้ว
คงต้องอยู่ต่อไปไม่อย่างนั้นความพยายามมันก็สูญเปล่าแล้วเขาก็ไม่ชอบเรื่องที่สูญเปล่าด้วย
แฟรนเซียมสรุปความคิดเช่นนั้นแล้วรอจนเรี่ยวแรงกลับมาจึงดึงตัวองออกให้ห่างจากการต่อสู้ระหว่างมังกรกับเครื่องทำสวน
ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด
มังกรล้อมโจมตีขากทุกทิศทางแต่เครื่องทำสวนก็เรียกขันทั้งเจ็ดใบออกมาแล้วยิงต่อต้าน
สามารถต้านรับการโจมตีได้ทั้งหมดแล้วยังสวนกลับได้อย่างสบายๆ
นี่คือพลังของเครื่องทำสวนที่ตื่นขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาฟันเฟือง
ทั้งพลังขับเคลื่อน
การเคลื่อนไหวต่างก็สมบูรณ์กว่าแบบที่มีมนุษย์เข้าไปยุ่งเกี่ยวแทบทั้งสิ้น
นั่นคือพลังดั้งเดิมที่มีในผู้ถอนวัชพืชแล้วโลกก็จะต้องถูกลบหายไปอย่างแน่นอน
แฟรนเซียมพาตัวเองข้ามเนินขี้เถ้าไปได้สามลูกก็หยุดเท้า
ไม่ใช่ว่าเขาเหนื่อยหรืออยากจะหยุดพักแต่เป็นเพราะมีอะไรบางอย่างกำลังมุ่งตรงมาที่นี่
เบื้องหลังของอะไรบางอย่างนั่นมีความว่างเปล่าไล่ตามหลังมาด้วย
สถานที่ที่มันเหยียบย่างผ่านไป...
จะเมือง
จะป่า
จะภูเขา
ทุกอย่างที่มองเห็นอยู่ลิบๆ ต่างก็พากันแหลกสลายเมื่อสิ่งนั้นวิ่งผ่าน
แล้วถูกความว่างเปล่าที่ไล่ตามมากลืนเข้าไปสิ้น
“นั่นมัน...ม้า...”
สิ่งที่เห็นอย่างเด่นชัดที่สุดจากรูปลักษณ์ของสิ่งนั้นคือหัวที่คล้ายกับม้า
ร่างจักรกล...
เครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์
แฟรนเซียมคำรามสบถ
“ดีเซมแมร์!”
‘ผู้เล็มกินวัชพืชแห่งสวนศักดิ์สิทธิ์’
เครื่องทำสวนที่มีพลังในการกวาดล้างวัชพืชมากที่สุดในหมู่เครื่องทำสวนทั้งสิบสอง
ถึงจะเป็นรองซีลอร์ด
แต่ความสามารถของมันที่แผ่ขยายความว่างเปล่าได้ดั่งใจทำให้การมีตัวตนของมันจะยิ่งเร่งเวลาแห่ง
‘การล่มสลายโดยสมบูรณ์’ ให้เร็วกว่ากำหนดวันที่คาดการกันไว้
ความคิดเห็น