ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #202 : Login 199: พงศาวดารแห่งเทวาสุรสงคราม (พูดคุยกับปีศาจ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 157
      7
      7 ก.พ. 61

    Login 199: พงศาวดารแห่งเทวาสุรสงคราม (พูดคุยกับปีศาจ)

     

                อิงศรไล่ตามมิ่งขวัญที่ออกไปข้างนอก

                หลังจากฆ่า ‘อสูร’ แล้วเขาที่เอลิกอร์สิงสู่อยู่ก็ออกจากห้องนอนมาที่ระเบียงซึ่งมืดสนิท

                มองข้ามแนวรั้วกั้นระเบียงออกไปก็เห็นแต่เงาของแมกไม้ที่ปลูกอยู่ในสวนด้านล่าง

                ”เจ้าขวัญไปไกลแล้วเหรอเนี่ย”

                อิงศรพูดคำรามอย่างเจ็บใจ

                ตอนนั้นเอง ก็รู้สึกว่าเขี้ยวในปากหายไป เขาบนหัวก็เริ่มยุบตัวเช่นกัน

                เอลิกอร์ที่อยู่ในร่างกล่าวว่า

                “เฮอะ ไม่มีให้สู้แล้วงั้นข้าขอตัวล่ะนะ”

                สัมผัสของเอลิกอร์กำลังจะหายไป แอพพลิเคชันคงถึงขีดจำกัดแล้ว

                “อืม ขอบใจนะ”

                “เฮอะ ถ้าจะขอบใจปีศาจก็อย่าเอาแต่พูดตามมารยาทรีบๆ ยกร่างนี้ให้ข้าซะ”

                นั่นปะไร…อิงศรคิด

                สุดท้ายแล้วเอลิกอร์ก็ยังเหมือนเดิมทั้งที่แอบคิดไปเองบ้างแล้วว่าอีกฝ่ายยอมเชื่อฟังเขาขึ้นมาบ้าง

                แต่เอลิกอร์ก็ยังพูดต่อไปอีกว่า

    เอาเถอะเรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ช่างแต่แกเป็นผู้ชายที่ตรงกับที่ข้าคิดเอาไว้จริงๆ”

                “หมายความว่ายังไง”

                พอถามไปปีศาจก็หัวเราะ

                “ฮะฮะฮะ ก็หมายความว่าแกมาถึงตรงนี้ได้ยังไงล่ะ อิงศรข้าน่ะเป็นปีศาจ ปีศาจซึ่งโหยหาโชคชะตาแล้วโชคชะตาของเจ้าก็ช่างหอมหวานเสียเหลือเกินเพราะเป็นเจ้าถึงได้เดินมาถึงจุดที่มนุษย์น่าโง่ตัวไหนก็มาไม่ถึงไม่สิต้องบอกว่ามาถึงตรงนี้ได้โดยยังหลงเหลือความเป็นมนุษย์อยู่ต่างหาก”

                “อยากจะพูดอะไรกันแน่”

                “เอ๋~ เรื่องนั้นข้าว่าเจ้ารู้อยู่แก่ใจดีแล้วนะหรือจะให้ข้าพูดมันออกมากันล่ะ ลึกๆ แล้วในใจเจ้าก็คิดอยู่สินะว่าสุดท้ายก็ต้องทำสงครามกับพระเจ้าน่ะเพราะว่าพวกมันไม่ยอมคุยกับมนุษย์แน่ ทางเลือกของเจ้ามันชี้ไปแบบนั้นแล้วทีนี้เจ้าก็จะเป็นคนของคำทำนาย ผู้สืบทอดชะตากรรมของเทวสุรสงครามที่ยาวนานมาถึงปัจจุบันนี่ ไม่มีโชคชะตาไหนจะมุ่งหน้าสู่สนามรบอันยิ่งใหญ่ได้เท่านี้อีกแล้วเพราะอย่างนั้นข้าหายนะแห่งสงคราม เอลิกอร์ผู้นี้ถึงเลือกเจ้าเป็นผู้ถือครองยังไงล่ะ”

                “เหลวไหลน่ะ แกแค่บังเอิญเป็นแอพที่สิงห์เอามาให้ฉันมันก็เท่านั้นเอง”

                “แค่บังเอิญเรอะ เอาเถอะถ้าคิดได้แค่นั้นก็ตามใจอย่างไรซะข้าก็คือเจ้าแล้วเจ้าก็คือข้า เจ้ารู้อะไรข้าก็รู้เหมือนเจ้า”

                “พูดแบบนั้นจะเรียกเมอร์คาบาห์ออกมารึไง”

                “ชิ ขอเตือนไว้ก่อนเลยก็แล้วกันอิงศรถึงเทวทูตนั่นจะเป็นภาคหนึ่งของเจ้าแต่อย่าได้ไปไว้ใจพวกมันเชียวล่ะเพราะเทวทูตอย่างไรก็เป็นเทวทูตวันยังค่ำ”

                เอลิกอร์ฝากคำพูดเอาไว้แล้วจึงหายไป

                สัมผัสถึงตัวตนของปีศาจไม่ได้ อีกฝ่ายคงกลับไปแล้ว

                ตั้งแต่ได้เอลิกอร์กลับมาก็ดูเหมือนว่าจะพูดมากกว่าเดิมถึงเนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องโกหกก็ตาม

                เจ้านั่นแค่แต่งเรื่องโดยใช้ความทรงจำของผู้ครอบครองที่จะแบ่งให้กับปีศาจ

                แต่ก็ปฏิเสธเรื่องที่คิดว่าอาจจะต้องสู่กับแอดมินิสเทรเตอร์ไม่ได้ ลึกๆ แล้วเขาก็กังวลว่าอาจจะไม่มีทางเลี่ยงแล้วก็เป็นได้

                ก่อนหน้านี้ตอนที่แอดมินิสเทรเตอร์ลูนาริสลงมาที่โลกก็ได้พูดเอาไว้ว่า

                ผลการตัดสินลุล่วงไปแล้ว

                วัชพืชบนสวนจะต้องถูกกำจัด

                รวมกับที่ฟังจากซีลอร์ดมาก็พอจะรู้อยู่เลาๆ ว่าลูนาริสคือผู้ที่คัดค้านการกวาดล้างในตอนแรกแล้วเลือกมอบบททดสอบให้แต่ตอนนี้เจ้าตัวกลับมาบอกว่าต้องกวาดล้าง นั่นหมายความว่าแอดมินิสเทรเตอร์ไม่คิดจะต่อรองกับมนุษย์ที่ถูกตัดสินเป็นวัชพืชอีกแล้ว

                ถ้าดูจากสาเหตุที่การทดสอบนี้เริ่มขึ้นก็คงเป็นเมอร์คาบาห์

                เริ่มจาก อารย-สนธยา อยากจะบุกรุกถิ่นที่อยู่ของแอดมินิสเทรเตอร์จึงค้นคว้าเกี่ยวกับเมอร์คาบาห์ ราชรถซึ่งนำทางสู่สวรรค์ นั่นเป็นสิ่งที่รู้มาในตอนที่เริ่มสงสัยเกี่ยวกับครอบครัวของตัวเองและค้นพบฐานลับของอารย-สนธยาที่มีเอกสารลับการซื้อขายตัวเขากับน้องชายสำหรับใช้เป้นตัวทดลอง

                แล้วก็ด้วยเหตุนั้นเองแอดมินิสเทรเตอร์จึงลงโทษมนุษย์ที่คิดทะเยอทะยานเช่นนั้น

                แต่เบื้องหลังกลับกลายเป็นสิงห์ที่เป็นคนของเมตไตรยอยู่เบื้องหลังการทดลองของอารย-สนธยาที่จะอัญเชิญเมอร์คาบาห์ไปแทน

                ตัวตนที่ผลักดันสิงห์อยู่อีกทอดก็คือซีลอร์ดหนึ่งในเครื่องทำสวนทั้งสิบสอง

                จากข้อมูลเรื่องพงศาวดารเทวสุรสงครามเครื่องทำสวนถูกสร้างขึ้นมาในสงครามยิ่งใหญ่ครั้งอดีต

                สครามนั่นบางทีอาจจะหมายถึง แอดมินิสเทรเตอร์ กับ ยฮวฮ และพวกเทวทูตที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังเมตไตรยทำสงครามกันในสมัยก่อนและถูกขับไล่ลงมาที่โลก

                แล้วข้อมูลใหม่จากซีลอร์ดและซีเซียมที่บอกเล่าว่าเทวทูตพวกนั้นทำการทดลองอัญเชิญปีศาจโดยปิดตายเมืองแห่งหนึ่งทำให้สิงห์ได้พบกับซีลอร์ดเมื่อสิบสองปีก่อนก็คือจุดเริ่มต้นการอัญเชิญเมอร์คาบาห์ในเวลาต่อมา

                 ถ้าสรุปแบบนั้นตัวต้นเหตุที่ทำให้มนุษย์ต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบก็คือแอดมินิสเทรเตอร์เองไม่ใช่หรือไง มนุษย์แค่ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมืออีกทีไม่ใช่เหรอ

                ที่ไหนซักแห่งในใจของเขาคงกำลังเรียกร้องหาความยุติธรรมด้วยความโกรธที่รอจะปะทุออกมาอยู่กระมัง แล้วเอลิกอร์ก็ใช้ประโยชน์จากตรงนั้นพยายามจะปลุกเอาความโกรธของเขาขึ้นมาเพื่อให้ไปต่อสู้ชี้ขาดกับแสงสว่างที่เป็นแอดมนิสเทรเตอร์

                แต่ว่า...

                “ก็ยังแปลกอยู่ดี”

                อิงศรครุ่นคิดไปก็ออกวิ่งไปตามทางเดินระเบียงมุ่งหน้าไปยังบันไดเพื่อขึ้นไปยังชั้นห้าที่พวกผู้หญิงพักอยู่เขารู้สึกเป็นห่วงตรงนั้นมากกว่าเพราะพลอยกับนิวที่ยังอ่อนหัดเรื่องต่อสู้ก็อยู่ที่นั่นไหนจะมีนาท่ป้องกันตัวเองไม่ค่อยจะได้อีก

                ระหว่างนั้นก็ทบทวนความคิดเสียใหม่

                การที่ซีลอร์ดฝากซีเซียมให้ถ่ายทอดนิทานเรื่องนี้จะต้องมีจุดประสงค์อะไรอยู่อย่างแน่นอน

                ก่อนหน้านี้เขาคิดมาซักพักแล้วว่า

                หากสรุปว่าแอดมินิสเทรเตอร์ทำสงครามกับยฮวฮในสมัยก่อนคือพงศาวเทวสุรสงครามแล้วล่ะก็ยังมีเรื่องไม่ถูกต้องอยู่หลายจุดเลย

                มนุษย์คนแรก ‘อดัม’ นั่นน่าจะเกิดขึ้นหลังจากเทวสุรสงคราม เพราะกำเนิดจาก ‘มังกร’ ที่ถูกจัดการลงทำให้สงครามสิ้นสุด

                แต่ตอนที่ ยฮวฮ หลุดออกมาจากอาคาชิกเรคคอร์ดมันน่าจะเป็นหลังจากนั้น เพราะในเหตุการณ์เฮเว่นฟอล นั่นซีลอร์ดพูดเหมือนกับว่ามนุษย์ดำรงอารยธรรมมาได้ซักระยะแล้วถึงไดมีความเชื่อที่กลายเป็นขุมพลังให้กับ ยฮวฮ ถ้าอย่างนั้นเทวสุรสงครามก็ไม่ใช่สงครามระหว่างแอดมินิสเทรเตอร์กับยฮวฮ แต่เป็นอย่างอื่น

                ยิ่งเอลิกอร์ที่เป็นปีศาจตั้งตัวเป็นศัตรูกับเทวทูตอย่างเมอร์คาบาห์ให้เห็นอีกทำให้ฟันธงได้ว่า เทวสุรสงครามน่าจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับเฮเว่นฟอล อีกย่างทั้งสองเหตุการณ์ถูกพูดถึงโดยซีลอร์ดทั้งคู่แต่เรียกชื่อเหตุการณ์แยกกันนั่นเป็นเรื่องยืนยันที่ดีที่สุดแล้ว

                ถ้าอย่างนั้น เทวสุรสงคราม เป็นสงครามระหว่างอะไรกันล่ะ

                เรื่องที่ยืนยันได้คือฝ่ายหนึ่งต้องเป็นแอดมินิสเทรเตอร์ที่สร้างเครื่องทำสวนอย่างแน่นอนแต่อีกฝ่ายล่ะ

                ฝ่ายที่เรียกตัวเองว่า ‘ความมืด’

                สร้าง ‘อสุรา’ ขึ้นมาเป็นอาวุธ

                ให้กำเนิดมนุษย์จาก ‘มังกร’

                “…”

                ตอนที่คิดอยู่นี่ก็เดินขึ้นมาถึงชั้นห้าพอดีแล้วก็มีเสียงต่อสู้ดังแว่วมาจากทางที่ห้องของพวกมีนาตั้งอยู่

                “ขวัญ! เดี๋ยวจะทำอะไรน่ะ”

                “อ๊ะ คุณมิ่งขวัญ

                ได้ยินพลอยกับมีนาตะโกนโหวกเหวกมาแบบนั้น

                “ขวัญงั้นเหรอ”

                อิงศรสลัดความคิดทั้งหมดออกจากหัวแล้ววิ่งตรงไปตามทางที่มืดสนิทของระเบียง

                เขาวิ่งผ่านจุดที่มีแผงสวิตซ์ไฟโดยที่ทดลองกดสวิตซ์ทั้งหมดแล้ววิ่งผ่านมาเลย

                แต่ไฟไม่ติด

                ดูเหมือนว่าศัตรูจะเล่นงานระบบไฟฟ้าของอาคารด้วย

                “เฮ้! เป็นไงกันบ้าง”

                อิงศรตะโกนพร้อมเร่งฝีเท้าฝ่าความมืดจนมาถึงหน้าห้องพวกผู้หญิง

                ตรงฝั่งรั้วกั้นระเบียงที่มองออกไปเห็นหมู่ดาวระยิบระยับพร่างพราย

                มีนา

                พลอย

                นิว

                ทั้งสามอยู่ในชุดรบพร้อมอาวุธ ท่าทางเหมือนเพิ่งจะต่อสู้เสร็จมาหมาดๆ อยู่ที่นั่น


                มีนาที่นั่งแหมะอยู่บนพื้นพูด

                “คุณอิงศร...”

                แล้วใช้เคียวหยัดตัวลุกขึ้นยืน

                อิงศรถาม

                “เพิ่งสู้กับขวัญไปเหรอ”

                แต่มีนาทำหน้างุนงงแล้วส่ายหน้า

                “เปล่าค่ะที่พวกเราสู้ด้วยคือผู้หญิงแก่ๆ ที่ฉันเห็นในป่าเมื่อวันก่อนดูเหมือนจะไม่ใช่มนุษย์ด้วยล่ะค่ะ”

                มีเสียงห้าวๆ ของผู้ชายดังมาจากด้านหลังของทั้งสาม

                “เจ้านั่นเป็นอสูรน่ะ”

                อิงศรมองไปทางนั้นแล้วพบว่ายังมีอีกคนนอกจากพวกพ้องอยู่ที่นี่อีกคน เป็นชายผิวคล้ำร่างกำยำสูงใหญ่มีเขายาวโง้งงอกจากหน้าผากและปีกค้างคาวบนหลังทำให้รู้ว่าหมอนี่ไม่ใช่มนุษย์

                หืม หมอนี่ใครน่ะ”

                อ๋อ เวตาลน่ะค่ะใช้ลีลีสสเตจเรียกออกมาค่ะ”

                มีนาพูดแล้วแกว่งเคียวในมือให้ดูเป็นนัยว่าชายแปลกหน้าออกมาจากแอพพลิเคชันที่ติดตั้งไว้ในเคียว

                อิงศรพูด

                ช่างเถอะแล้วตกลงเมื่อกี้เจอขวัญด้วยรึเปล่า”

                ค่ะ พวกฉันตั้งใจจะจับอสูรผนึกเป็นเดม่อนแอพแต่คุณมิ่งขวัญโผล่มาจากไหนไม่รู้แล้วก็อุ้มอสูรหนีลงไปที่สวนแล้วล่ะค่ะ

                พอได้ยินว่ามีนาจะจับอสูรผนึกเป็นแอพพลิเคชัน อิงศรก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

                เดี๋ยวนะอสูรมันทำเป็นเดม่อนแอพได้ด้วยเหรอ”

                แค่ทดลองดูน่ะค่ะแต่ก็อย่างที่บอกไปว่ายังไม่ทันเสร็จพิธีคุณมิ่งขวัญก็…”

                ช่างเถอะ แล้วขวัญไปทางไหนรีบตามไปก่อนจะคลาดกันดีกว่า”

                พอได้ฟังที่พูดไปมีนาก็หรี่ตาจ้องมองเขาเหมือนจะตำหนิผ่านสายตา

                คุณอิงศรคะ ยอ เอือ กอ เยือก ยอ เอ นอ เย็น ค่ะ”

                หล่อนพูดด้วยเสียงยานคาง

                หา?”

                ตอนนี้มันมีเรื่องที่สำคัญกว่าการตามคุณมิ่งขวัญไปทันทีอยู่ไม่ใช่เหรอคะ”

                “…”

                มีนาถอนหายใจด้วยความเอือมระอา

                คุณอิงศรเนี่ยพอเป็นเรื่องของน้องชายแล้วก็หัวร้อนทุกทีเลยนะคะเมื่อเย็นก็ทีหนึ่งแล้วถ้าอยากจะทำตัวเป็นพระเอกฮาเร็มแบกตี้สาวน้อยบอบบางไปเจอศัตรูทั้งโขยงก็ตามใจค่ะยังไงก็คงทิ้งให้ไปคนเดียวไม่ได้อยู่แล้ว”

                มันก็จริงอย่างที่หล่อนพูด พอถูกดึงสติอิงศรก็นึกขึ้นได้ว่าหากไล่ตามไปตอนนี้

                มิ่งขวัญที่มีท่าทีแปลกๆ ช่วยเหลือศัตรูหนีไปมีความเป็นไปได้ที่จะถูกควบคุมหรือทำอะไรบางอย่างเข้า

                หากไล่ตามไปทั้งแบบนี้อาจจะถูกลวงเข้าไปในถิ่นศัตรูโดยที่มีแต่สมาชิกที่อ่อนแอก็จะกลายเป็นว่าเข้าไปเหยียบกับดักของศัตรูเอาง่ายๆ

                ทำไมเขาถึงนึกเรื่องพื้นฐานขนาดนี้ไม่ออกกันนะ

                เพราะขวัญสินะ

                ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อคืนเขาก็เป็นกังวลจนนอนไม่หลับ พอไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอบวกกับความกลัดกลุ้มอีกความสามารถในการตัดสินใจเลยตกลงถึงขนาดที่พวกพ้องสังเกตได้

                มีนาพูด

                แล้วอีกอย่างถ้าจะไล่ตามคุณมิ่งขวัญไปน่ะเราก็มีตัวช่วยอย่างระบบติดตามตัวของปาร์ตี้อยู่แล้วนี่คะ”

                เข้าใจล่ะ งั้นเราไปสมทบกับพวกกวินทร์ข้างล่างแล้วค่อยไล่ตามไป”

                พาพวกราชครูไปด้วยดีไหมคะพวกนั้นน่าจะช่วยเราได้เยอะ”

                พอมีนาพูดก็ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่าก่อนจะขึ้นมาที่นี่นั้น...

                อย่าเพิ่งดีกว่าเมื่อกี้ตอนฉันสู้กับอสูรที่ห้องนอน เผลอทำเพดานถล่มไปชั้นล่างตกใส่หัวเจ้าซีเซียมซะสลบเหมือดขืนไปตอนนี้ได้เคลียกันยาวแหง”

                ได้ยินแบบนั้นมีนาก็ยกมือปิดปากพลางลั่นอุทานว่า

                อุหวาย แบบนั้นคงไม่ดีจริงๆ นั่นแหละค่ะ

                ถ้างั้นก็รีบไปกันเถอะ

                อิงศรพูดตัดบทแล้วก้าวท้าวเตรียมจะวิ่งแต่ก็ถูกมีนาดึงแขนเอาไว้

                เดี๋ยวก่อนค่ะไหนๆ ก็แล้วเตรียมตัวให้พร้อมออกรบเลยดีกว่าไหมคะ

                เด็กสาวพูดแล้วชี้มาที่ตัวของเขา

                กว่าจะเข้าใจว่ามีนากำลังหมายถึงเสื้อก็ต้องใช้เวลาอยู่พักหนึ่ง

                เข้าไปเปลี่ยนที่ห้องน้ำในห้องของพวกฉันก็ได้ค่ะ

                อิงศรเดาะลิ้นด้วยความไม่พอใจ

                แต่มันก็จำเป็นจริงๆ นั่นแหละ เขาบอกกับตัวเองแบบนั้นแล้วเปิดหน้าจอคลังดึงเอาเครื่องแบบออกมาก่อนจะจ้ำเท้าเร็วๆ หายเข้าไปในห้องน้ำแล้วกลับออกมาในสิบวินาทีให้หลัง

                เร็วจังนะคะ

                ไม่มีเวลามาโอเอ้แล้วรีบเข้าเถอะ

                อิงศรพูดแล้วออกเดินนำไปทันที

                ใส่เสื้อกลับด้านนอกเข้าด้านในแล้วค่ะ

                พอถูกทักมาแบบนั้นทำให้เพิ่งสังเกตตัวเองว่าใส่กลับด้านจริงๆ นั่นแหละ

                แต่อิงศรไม่คิดจะมาเสียเวลาเข้าไปกลับด้านเสื้อในห้องน้ำอีกแล้ว เด็กหนุ่มปลดกระดุมเสื้อแล้วถอดมันออกโดยไม่หยุดฝีเท้า

                ได้ยินเสียงมีนาดังแว่วมาจากทางด้านหลัง

                อุ้ย

                เสียงฝีเท้าของอีกสองคนที่เหมือนจะหยุดกึกไปกลางคัน

                อิงศรเมินท่าทีเหล่าแล้วกลับด้านเสื้อใส่ใหม่โดยที่ไม่หยุดเดิน

                จากนั้นเสียงฝีเท้าไล่ตามก็เริ่มดังขึ้นมาอีก

                มีนาพูดไล่มาจากด้านหลังว่า

                คุณอิงศรเนี่ยไม่มีความละเอียดอ่อนเอาซะเลยนะคะ

                ดูเหมือนเขาจะถูกตัดสินว่าไม่มีความละเอียดอ่อนเพราะแค่เปลี่ยนเสื้อต่อหน้าผู้หญิง

                หนวกหูน่ะ

                เขาคำรามเบาๆ แล้วยิ่งจ้ำเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อหนีให้ห่าง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×