ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #115 : Login 112: 'IF'

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 366
      12
      30 พ.ค. 60

    Login 112: 'IF'

     

                ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นักว่าเกิดอะไรขึ้นแต่อิงศรก็ตามมิ่งขวัญกลับจากโรงเรียนจนกระทั่งมาถึงบ้าน

                เจอหน้าแม่ที่วันนี้หยุดงานกำลังเตรียมกับข้าวอยู่ในครัว

                พ่อที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านพอดี

                กินข้าวพร้อมหน้า อาบน้ำ แล้วเขากับน้องชายก็แยกย้ายกันไปที่ห้องของตัวเอง

                ชีวิตประจำวันอย่างที่ควรจะเป็นถ้าหากว่าโลกไม่ได้ล่มสลาย ไม่มีปีศาจ อารย-สนธยากับเมตไตรยไม่ได้ทำวิจัยพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ขายพวกเขาให้เป็นวัตถุดิบทดลอง

                ราวกับโลกในอุดมคติ

                ราวกับความฝัน...

                แต่อิงศรทดลองหลายๆ อย่างกับตัวเองแล้วทั้งหยิกทั้งชกตัวเองแรงๆ แต่ความรู้สึกก็สมจริงเสียจนพูดได้ว่าเขากำลังอยู่ในความจริง อยู่ในโลกที่ไม่ได้เกิดเกมวันโลกาวินาศขึ้น

                อิงศรนั่งอยู่บนเตียงของตัวเองภายในห้องส่วนตัว

                ในบ้านที่อยู่ในความทรงจำ...ทุกอย่างแทบจะไม่เปลี่ยนไปจากความทรงจำสมัยเด็กจะมีก็แค่รู้สึกว่ามันคับแคบลงนิดหน่อยแต่อาจจะเป็นเพราะขนาดตัวที่โตกว่าเมื่อก่อน...

                เมื่อก่อนเขากับมิ่งขวัญใช้ห้องนี้ร่วมกันนอนด้วยกัน เล่นด้วยกัน

                อิงศรย้ายสายตาไปทางผนังห้อง ที่นั่นมีโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยหนังสือและข้าวของวางระเกะระกะกับคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง มีที่ว่างระหว่างโต๊ะกับตู้หนังสือเหมือนกับว่าเคยมีโต๊ะอีกตัวตั้งอยู่

                มันเพิ่งถูกยกออกไปตอนที่มิ่งขวัญได้ห้องเป็นของตัวเองแล้วเราก็แยกห้องกันนอนนับแต่นั้นมา...

                ความทรงจำแบนั้นไม่เคยมีอยู่ในหัวมาก่อน...อิงศรคิดแบบนั้น

                เด็กหนุ่มลุกจากเตียงแล้วเดินตรงไปยังที่ว่างนั่น

                เมื่อไปถึงก็รู้สึกว่าความทรงจำนั้นเด่นชัดยิ่งขึ้น มันเคยเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจริงๆ

                ในตอนนั้นเองโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้นมา ไม่ใช่สายเรียกเข้าจากโทรศัพท์แต่บนหน้าจอแสดงไอคอนสายเรียกเข้าของโปรแกรมไลน์

                อิงศรหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดรับสายตามด้วยกดเปิดลำโพงเสียงจากทางนั้นดังมาว่า

                'เฮ้ย! ศรวันนี้แกจดการบ้านเลขมาด้วยป่าวเขาให้ทำถึงข้อไหนวะ!"

                เสียงของเมษา ธุวดารกะดังออกมาจากลำโพงมือถือ

                เขาไปมีไลน์ของเมษาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

                ที่สำคัญกว่านั้นหมอนั่นน่าจะยังถูกพวกของกุมภาจับตัวไว้ไม่ใช่หรือ?

                พอเริ่มคิดแบบนั้นก็นึกความทรงจำที่ไม่คุ้นออกมาได้อีก...

                เขากับเมษาเจอหน้ากันตอนขึ้นมัธยมปลาย แรกๆ ไม่ค่อยถูกกันนัก เขาโดนเมษาเหม็นขี้หน้าแบบไม่มีสาเหตุแต่ก็ได้มีนาที่เป็นฝาแฝดคอยช่วยไกล่เกลี่ยตอนที่ขึ้นชั้นปีที่สองพวกเราก็สนิทกันมากขึ้น มีความทรงจำแบบนั้นผุดขึ้นมา

                'เฮ้! ฟังอยู่รึเปล่าเนี่ย'

                เสียงของอีกฝ่ายเร่งรัดมาคงเพราะเห็นเขาเงียบไปครู่ใหญ่ แต่จะตอบให้ก็ทำไม่ได้อยู่ดี เขาไม่รู้ว่าการบ้านที่เมษาพูดคืออะไรก็วันนี้พอตื่นมาก็เป็นตอนเย็นไปแล้วนี่นะ

                ระหว่างที่กำลังคิดหาคำตอบอยู่นั่นเองมือของเด็กหนุ่มก็ยืดไปที่โต๊ะแล้วคว้าสมุดเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋านักเรียนที่วางทิ้งไว้บนนั้นพลางเปิดไปหน้าล่าสุดที่เพิ่งจดบันทึก

                อิงศรอ่านจดการบ้านในนั้นใส่มือถือกลับไป

                "ทำข้อสี่ถึงข้อหกในหน้าห้าสิบสามน่ะ"

                'ข้อสี่ถึงหกนะ เคๆ ขอบใจวางละ'

                แล้วเมษาก็ตัดสายไป

                เมื่อครู่ที่หยิบสมุดออกมานั้นร่างกายขยับไปเองตามความทรงจำที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน พอเริ่มสงสัยหรือคิดว่าต้องทำสิ่งใดก็จะมีอะไรมาดลใจอยู่เสมอราวกับว่าต้องการทำให้เขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของโลกที่คล้ายกับความฝันนี้

                ตอนนั้นเอง...

                "พี่ศรหลับแล้วยัง"

                ก็มีเสียงของมิ่งขวัญดังมาจากด้านหลังประตูห้อง

                นี่ก็เป็นอีกอย่างที่ชวนให้รู้สึกแปลกมิ่งขวัญเรียกเขาว่า 'พี่' ถึงจะเคยเรียกก่อนที่โลกจะล่มสลายก็ตามแต่พอเริ่มปีกกล้าขาแข็งเข้าหน่อยเจ้าน้องคนนี้ก็เลิกอ้อนพี่ไปแล้ว ทว่า...

                "พี่ศรยังตื่นอยู่รึเปล่าไม่งั้นจะเข้าไปแล้วนา~"

                เจ้าหมอนี่ก็ยังเป็นน้องชายตัวแสบจริงๆ นั่นแหละถ้าเจ้าของห้องยังไม่อนุญาตใครที่ไหนก็ห้ามเข้าห้องเฟ้ย!

                อิงศรคิดอย่างหงุดหงิดระหว่างนั้นประตูห้องก็โดนถือวิสาสะเปิดออกเสียเอง

                มิ่งขวัญก้าวเท้าเข้ามาในห้องแล้งมองตรงไปที่เตียงแต่ไม่พบตัวเขาเพราะอย่างนั้นล่ะมั้งถึงได้หันมาทางโต๊ะติดผนังที่เขายืนอยู่แทน

                "มีอะไร"

                อิงศรถามพลางขมวดคิ้วทำหน้ามุ่ย

                แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจคำพูดที่ลอยอยู่บนสีหน้าของเขาแล้วตอบความปราถนาออกมาอย่างไร้เดียงสา

                "ขอยืมปากกาหน่อยลืมซื้อตอนกลับบ้านอ่ะ"

                ได้ยินดังนั้นอิงศรก็คว้ากระเป๋านักเรียนบนโต๊ะมาล้วงเอาปากกาสองสามด้ามส่งให้น้องชายไป

                เอาอีกแล้ว... เด็กหนุ่มคิด

                จู่ๆ ก็รู้ด้วยตัวเองว่ามีปากกาอยู่ในกระเป๋า เขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มรู้จักโลกใบนี้มากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังคล้อยตามโดยแทบไม่รู้ตัว

                "เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าคืนนะ"

                มิ่งขวัญพูดแบบนั้นแล้วหันหลังเตรียมจะเดินออกไป

                “เดี๋ยว!”

                พอได้ยินเสียงเรียกของเขาแผ่นหลังของน้องชายก็ลุกชันขึ้นอย่างผิดสังเกต

                มิ่งขวัญหันกลับมาทันทีและโต้ตอบด้วยน้ำเสียงกับท่าทางเก้ๆ กังๆ

                "ข...ขอบคุณ เอ่อ...ขวัญไม่ได้ลืมพูดขอบคุณซักหน่อยนะพี่ศร"

                ตกลงว่าที่ดูมีพิรุธเพราะเรื่องนั้นเองหรอกหรือ...อิงศรเบ้หน้าอย่างเซ็งๆ

                "เปล่าไม่ได้จะว่าเรื่องนั้นแค่อยากจะถามอะไรหน่อย"

                พอคิดว่าจะลองถามเรื่องของโลกที่ล่มสลายก็เกิดรู้สึกว่าตัวเองกำลังเขินอายคงเพราะมันเป็นเรื่องที่ถ้าเป็นโลกปกติคงไม่มีใครพูดกัน

                ทั้งที่มันเป็นเรื่องซึ่งเกิดขึ้นจริงแต่กลับตะขิดตะขวงที่จะพูด

                "..."

                มิ่งขวัญยังคงยืนรอคำถามอย่างใจจดใจจ่อดังนั้นควรจะต้องถามออกไป

                ถามให้รู้แน่ชัดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่อย่างน้อยที่สุดถ้ามิ่งขวัญไม่รู้อะไรเลยแค่หาเรื่องมาพูดกลบเกลื่อนก็พอ

                อิงศรคิดอย่างมั่นใจแล้วพูดสิ่งที่เป็นเรื่องเหลือเชื่อในโลกยามปกติ

                "คือว่า...โลกของพวกเราน่ะเคยล่มสลายไปแล้วใช่ไหม"

                พอถามออกไปแบบนั้นมิ่งขวัญก็ทำหน้าเป็นงงกับคำถาม

                อิงศรยังคงพยายามต่อเขาคิดว่าขอลองดูอีกซักหน่อยแล้วค่อยฟันธง

                "คือว่าโลกถูกพวกเอเลี่ยนโจมตีจนกลายเป็นเกม..."

                "หืม หรือว่าพี่ศรกำลังพูดถึงอโพออนไลน์รึป่าว"

                "อ...อโพออนไลน์เหรอ.."

                มิ่งขวัญพยักหน้าให้กับคำถามนั้นแล้วชี้ไปที่จอเครื่องคอมพิวเตอร์

                ชี้ไปยังไอคอนโปรแกรมตัวหนึ่งที่ชื่อว่า 'Apocalypse Online'

                "จะคุยเรื่องเกมนี่ใช่ป่าวอ่ะ"

                มิ่งขวัญพูด

                "เอ่อ..ใช่"

                เขาตอบตามน้ำไปแต่ในหัวกำลังคิดหาทางไปต่อว่าจะคุยอะไรเกี่ยวกับเกมที่ว่า จากการที่มิ่งขวัญฟังเรื่องของเขาแล้วพูดถึงเกมนี้ขึ้นมาแสดงว่าเกมโลกาวินาศนั้นน่าจะถูกนำไปทำเป็นเกมบนคอมพิวเตอร์

                ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าที่ผ่านมาเขาแค่ฝันไปเองอย่างนั้นหรือเปล่า?

                ความเป็นจริงก็คือแบบนี้...

                เขาเล่นเกมอโพออนไลน์นั่นมากเกินไปจนเก็บเอาไปฝันเป็นตุเป็นตะ ถึงขั้นดึงเอาคนรอยตัวที่อยู่ในความเป็นจริงเข้าไปพัวพันกับความเพ้อฝันใหญ่โตที่ไร้ซึ่งแก่นสาร

                อิงศรเริ่มจะอยากยอมรับความเป็นจริงแบบนั้นขึ้นมา...

                "พรุ่งนี้นรินทร์นัดไปลงบอสกันน่ะลากกวินทร์มาด้วยสิจะได้มีคนทำดาเมจ"

                อิงศรพูดออกไปโดยที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงสร้างคำพูดที่ตนเองก็ไม่รู้ออกมาได้แต่ว่า...

                มิ่งขวัญพยักหน้าและยิ้มให้

                "โอเคแล้วพรุ่งนี้จะบอกมันให้"

                น้องชายตอบรับเช่นนั้นแล้วเดินออกจากห้องไป

                กวินทร์เป็นเพื่อนร่วมชั้นกับมิ่งขวัญแล้ว...นรินทร์ เมษา มีนารวมกับเขาด้วยก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นที่ติดเกมอโพคาลิปส์ออนไลน์งอมแงม

                ...มันเริ่มมีเค้าโครงเรื่องแบบนั้นผุดขึ้นมาในสมองแถมยังมีเริ่มมีความทรงจำที่ทำให้เชื่อและยอมรับได้ว่านี่คือความเป็นจริง

                เด็กหนุ่มเริ่มจะยอมรับมันโดยที่ไม่รู้ตัว

                แล้วค่ำคืนก็ได้ผันผ่านไป

                ในเช้าวันต่อมาอิงศรออกไปโรงเรียนพร้อมกับน้องชาย เข้าเรียนตามปกติใช้ชีวิตประจำวันอย่างเด็กวัยรุ่นปกติธรรมดา

                ไม่ต้องต่อสู้

                ไม่ต้องพลัดพราก

                ไม่ต้องมีเรื่องโศกเศร้า

                นี่แหละคือความเป็นจริงชีวิตไม่ได้มีอะไรที่พลิกโผเลย

                และแล้ว...

                ก็มาถึงตอนที่เข้าไปเล่นในเกมอโพคาลิปส์ที่ว่านั่น

                เป็นเกมเวอชวลเรียลลิตี้ที่ใช้การสวมเครื่องเล่นรูปร่างคล้ายหมวกกันน็อกต่อสายพ่วงกับเครื่องคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็ล็อกอินแล้วเริ่มเกม

                ภายในเกมเหมือนกันทุกอย่างกับโลกแห่งการล่มสลายในความฝันนั่น

                มีทั้งมนุษย์ต่างดาว

                องค์กรทหารรับจ้างที่เหมือนกับเมตไตรย

                องค์กรของปีศาจที่เหมือนกับอารย-สนธยา

                และสัตว์เทวะ...

     

                เบื้องหน้าอิงศรคือสัตว์เทวะมังกรแบบเดียวกับตอนที่เกิดเรดบอสที่ค่ายในความฝัน ตอนนั้นพวกเขาต้องสู้แทบตายถวายชีวิต เกือบจะต้องสูญเสียพวกพ้องไป แต่ในตอนนี้

                "คุณอิงศรคะตอนนี้แหละลาสชอตเลยค่ะ!"

                มีนาที่อยู่บนถนนตะโกนขึ้นมา

                ตอนนี้เด็กหนุ่มยืนอยู่บนดาดฟ้าของอาคารหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ท่ามกลางซากเมือง พวกเขาล่อให้มังกรออกจากถนนหน้ารั้วมหาลัยซึ่งเป็นสถานที่ปรากฏตัวให้ตามเข้ามาในดงป่าคอนกรีตนี่เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวของมัน

                มังกรตัวนี้พูดไม่ได้และก็ไม่ฉลาดเหมือนกับมังกรตัวนั้น มันถูกควบคุมด้วยโปรแกรมทำให้อ่านทางได้ง่าย พวกเพื่อนๆ เองก็มีอาชีพกับวิชาที่เหมือนกับในความฝันจะเป็นมนุษย์หรือมนุษย์ต่างดาวก็ทำได้แค่เลือกเผ่าตอนสร้างตัวละครแต่พอเริ่มเล่นจะไปไหนมาไหนหรือทำอะไรก็เป็นสิทธิ์ที่ผู้เล่นเลือกเอาเองดังนั้นมิ่งขวัญที่เป็นมนุษย์ต่างดาวจึงมาอยู่ที่นี่และคอยช่วยต่อสู้

                อิงศรขึ้นลูกธนูเล็งไปยังหัวของมังกรและยิงดับลมหายใจของมัน

                ง่าย...

                ง่ายดายเสียจนรู้สึกเบื่อขึ้นมาเลยทีเดียว ขณะที่คิดแบบนั้นร่างของมังกรก็แตกตัวกระจัดกระจาย ไอเทมของรางวัลโปรยปรายไปทั่วพื้นที่

                พวกพ้องของเขาส่งเสียงด้วยความดีใจไปพลางวิ่งไล่เก็บไอเทมไปพลาง

                ได้ใช้ชีวิตอย่างธรรมดาๆ สนุกสนานกับเพื่อนฝูงไปวันๆแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

                นี่แหละความเป็นจริง...

                ทว่าอิงศรที่คิดแบบนั้นได้ไม่ทันไรก็ถูกเรียก

                “แบบนี้ดีแล้วเหรอ”

                ถูกเรียกด้วยเสียงของมิ่งขวัญแต่ตอนนี้น้องชายยังอยู่ข้างล่างบนถนนแห่งนั้น

                ทว่า เสียงกลับแว่วมาจากทางด้านหลังของเขาซะเอง

                อิงศรหันกลับไปและเผชิญหน้ากับมิ่งขวัญอีกคน

                มิ่งขวัญวัยสิบเอ็ดขวบกำลังยืนอยู่ที่นั่น พออีกฝ่ายปรากฏตัวออกมาเวลารอบๆ ก็เหมือนจะหยุดเอาไว้ บรรยากาศหยุดนิ่ง เสียงเอะอะของพวกพ้องที่พื้นข้างล่างจู่ๆ ก็เงียบไป

                มิ่งขวัญที่อยู่ตรงหน้าช่างเหมือนกันกับมิ่งขวัญที่ปรากฏออกมาก่อนที่เขาจะได้พบกับซีลอร์ดเป็นครั้งแรก

                มิ่งขวัญพูดว่า...

                "ศรจะหยุดอยู่ที่นี่ไม่ได้นั่นไม่ใช่ทางที่จะก้าวไปข้างหน้านี่ไม่ใช่ความเป็นจริง"

                พูดเรื่องแบบนั้นด้วยใบหน้าจริงจัง บอกว่าตัวเองที่กำลังมีความสุขอยู่บนถนนนั่นไม่ใช่ความเป็นจริง

                "นายไม่ใช่มิ่งขวัญ...เป็นใครกันแน่"

                พอถามไปอย่างนั้นมิ่งขวัญตรงหน้าก็หายตัวไปและมีอย่างอื่นมาแทนที่

                เป็นตัวตนที่น่าจะมีอยู่แค่ในความฝันก่อนที่จะตื่นเท่านั้น

                “เมอร์คาบาห์”

                อิงศรพูดแบบนั้น เรียกเทวทูตกึ่งจักรกลที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นมาตอนที่อยู่บนรากของอาคาชิกเรคคอร์ด

                ซีลอร์ดเรียกมันว่ามหาโชคชะตา โชคชะตาเพียงหนึ่งเดียวที่จะไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตายเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่ตนเองก็สัมผัสและรับรู้ได้ ณ ตอนที่ได้รับมันมาแต่ในขณะเดียวกันก็ไม่เข้าใจว่าโชคชะตาคืออะไรกันแน่

                เข้าใจแต่ก็ไม่ข้าใจ...

                “นี่ไม่ใช่ความจริง”

                เมอร์คาบาห์พูดมาอย่างนั้น

                นี่คือความจริง...ความรู้สึกภายในส่วนลึกบอกกับตัวเขาเอง

                ลักลั่นย้อนแย้ง...

                “นี่…ไม่ใช่ความจริง”

                เมอร์คาบาห์ยังคงพูดย้ำแต่เสียงในใจของเขาก็กำลังปฏิเสธ

                นี่คือความจริง...

                “นี่ไม่ใช่ความจริง”

                น้ำเสียงของเมอร์คาบาห์เรียบนิ่งและเป็นโทนเสียงเดิมตลอดราวกับเครื่องจักร เหมือนไม่ได้เกิดขึ้นจากการเปล่งด้วยลำคอแต่เสียงภายในใจของเขากลับมีแต่จะดังยิ่งขึ้น

                นี่คือความจริง

                นี่คือความจริง

                “นี่คือความจริง!!”

                อิงศรตะโกนออกมาโดยที่เขาเองก็แทบจะไม่รู้ตัวในช่วงที่ตะโกน

                “...”

                เมอร์คาบาห์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดคำพูดอื่น

                “จริงน่ะเหรอ…นี่คือความจริงแน่เหรอ”

                “…”

                อิงศรตอบคำถามนั้นไม่ได้.. อันที่จริงเด็กหนุ่มก็รู้อยู่แก่ใจว่านี่ไม่ใช่ความเป็นจริง

                แต่ความเสียดายก็รั้งความมีเหตุมีผลเอาไว้และปล่อยให้ความปรารถนาเข้าครอบงำ

                ถ้าหากโลกที่ล่มสลายเป็นได้เพียงแค่เกมที่เล่นเอาสนุกแบบนี้ได้ก็คงดี

                ได้มีชีวิตอย่างคนธรรมดาแบบนี้ก็คงจะดีทั้งที่สมัยยังเป็นเด็กเคยคิดด้วยซ้ำว่ามันน่าเบื่อ แต่วันเวลาที่น่าเบื่อแบบนั้นแหละถึงได้ทำให้มนุษย์สูญเสียความตั้งใจที่จะก้าวเดินต่อไปและทำให้โลกล่มสลาย

                ลักลั่นย้อนแย้ง

                ทำไมความสงบสุขถึงทำให้ล่มสลาย?

                มันเป็นคำถามที่ไม่เคยได้คำตอบ

                เดี๋ยวจะต้องกลับบ้านแล้วแถมวันนี้ยังมีการบ้านรออยู่อีกเป็นตั้ง พรุ่งนี้ก็มีสอบเก็บคะแนนท้ายคาบ

                จู่ๆ ก็เริ่มคล้อยตามกับโลกจอมปลอมขึ้นมาอีก

                ความปรารถนากำลังพยายามเหนี่ยวรั้งตัวเขาไว้ที่นี่

                “ใช่ นี่คือความจริง คือความจริงที่ฉันอยากให้เป็น”

                อิงศรพูดแล้วหันหลังกลับ ก้มหน้ามองลงไปยังพื้นถนนเบื้องล่าง

                ที่นั่นมองเห็นเหล่าเพื่อนพ้องกำลังสนุกสนานกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

                แต่ว่า...

                แต่ว่าที่นั่นไม่มีฟู มิกซ์ พลอย...ไม่มีเหล่าผู้คนที่พบเจอหลังจากการล่มสลายของโลกทั้งที่นั่นก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกัน

                พอนึกถึงตรงนี้ก็ควรจะมีความทรงจำเกี่ยวกับคนพวกนั้นผุดขึ้นมาบ้าง เรื่องแต่งที่อ้างอิงจากคนเหล่านั้นเพื่อให้เขาปรารถนาโลกใบนี้ต่อไป

                “…”

                ทว่า กลับไม่มีออกมาเลย

                เขานึกความทรงจำจอมปลอมเกี่ยวกับพวกฟูไม่ออกเลยแม้แต่น้อยนี่แสดงว่าโลกใบนี้ไม่อยากให้เขาจดจำเรื่องของคนเหล่านั้นเพราะมันจะทำให้ความเป็นจริงของที่นี่สูญเปล่า

                เพราะพวกฟูเป็นผลผลิตจากอารย-สนธยารวมถึงพวกเมตไตรยก็ไม่สามารถจะมีตัวตนอยู่ในโลกแห่งอุดมคติของเขาได้เพราะเป็นตัวต้นเหตุของความทุกข์ทั้งปวงและถึงจะแสร้งสร้างเรื่องจอมปลอมขึ้นมาโดยใช้คนเหล่านั้นเป็นวัตถุดิบก็มีแต่จะทำให้ความจริงจอมปลอมสั่นคลอน

                ใครบางคนที่จงใจทำให้เขาเห็นโลกใบนี้เข้าใจตัวเขาเป็นอย่างดีรู้กระทั่งว่าต้องอยู่ในปริมาณขนาดไหนที่จะไม่ก้าวก่ายเส้นของความมีเหตุมีผลของเด็กหนุ่มรู้กระทั่งว่าอะไรที่ทำให้เห็นแล้วเจ็บปวดแถมยังกล้าเสี่ยงเอามิ่งขวัญใส่ลงในความทรงจำนี้อีกทั้งที่เป็นกรณีเดียวกับพวกฟูทั้งที่รู้ว่าการพลัดพรากจะเป็นตัวแยกเขาออกจากโลกใบนี้ศัตรูกล้าเสี่ยงถึงขนาดนั้น

                “แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นสินะ”

                อิงศรพึมพำอย่างแผ่วเบาและ...

                เมื่อเด็กหนุ่มเข้าใจถึงความจริงอันไม่เที่ยงของโลกจอมปลอมที่ฝังลึกในความปรารถนาของตนเองมันก็ได้ทำให้นึกรังเกียจขึ้นมา

                ที่นี่เป็นแค่เปลือกแห่งความสุขจอมปลอมเท่านั้นเพราะว่าได้ผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากมาถึงได้เข้าใจว่าภายในความทุกข์ ความโศกเศร้า การได้พบและการพลัดพรากนั้นมันทำให้ได้เจอกับทุกคน

                สิ่งนั้นมีความหมายขนาดไหน

                นี่ต่างหากคือความเป็นจริง

                คือความปรารถนาอันแท้จริง

                เด็กหนุ่มคิดได้ดังนั้นจึงหันตัวกลับไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริงอีกครั้งและเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง

                เบื้องหลังของเมอร์คาบาห์ซึ่งก่อนหน้านี้เขายังไม่เห็นมันแต่ตอนนี้กลับมองเห็น

                มองเห็นพวกครอบครัวหลังโลกล่มสลาย

                มองเห็นพวกพ้องที่ต่อสู้ร่วมกันมา

                บัดนี้โลกจอมปลอมปิดสายตาของเขาไม่ได้อีกแล้วเพราะว่าจิตใจได้รับรู้แล้วว่านี่ต่างหากคือความจริง

                ว่ากันว่าเพราะรู้จักความทุกข์เลยทำให้รู้จักความสุข ในโลกที่ล่มสลายเองนั่นก็...

                ถึงจะพูดได้ไม่เต็มปากก็ตามแต่นั่นแหละคือ...

                “นี่คือความปรารถนาที่แท้จริง นายตั้งใจจะบอกแบบนั้นสินะเมอร์คาบาห์”

                “...”

                เทวทูตพยักหน้าให้

                "ที่ผ่านมานายคอยมองดูมาตลอดเลยสินะตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว"

                อิงศรหมายถึงตอนที่เขาได้เลือกจะก้าวเดินหน้าอีกครั้งในตอนนั้นที่เขาได้พบกับมิ่งขวัญและเหล่าครอบครัวหลังการล่มสลายในห้วงจิตซึ่งครั้งหนึ่งเคยคิดว่ามันเป็นความอ่อนหัดของตัวเองที่อยากจะยึดติดกับอดีตแต่มันกลับไม่ใช่ แท้จริงแล้วมันโชคชะตาที่รอให้เขาเลือกขับเคลื่อนมันต่างหาก

                ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเคยฝันแบบนั้น ทำไมซีลอร์ดถึงออกมาหลังจากนั้น

                เพราะตั้งแต่ตอนนั้นมาเมอร์คาบาห์ซึ่งเป็นโชคชะตาก็ได้ก้าวเดินไปพร้อมกัน

                โชคชะตาที่คอยเหนี่ยวรั้งให้เขาเดินหน้าต่อไปคือจิตคะนึงหา

                คือปรารถนาที่แท้จริง

                และแล้ว...

                เมื่อโลกจอมปลอมนี้ไม่ใช่ปรารถนาอันแท้จริงอีกต่อไปมันก็ได้พังทลาย

                ทิวทัศน์รอบๆ ปริแตกและทยอยกลายเป็นความมืดมิด

                พวกเขาตกอยู่ท่ามกลางความมืดอันเวิ้งว้าง

                แล้วสติก็หลุดลอยออกไปในตอนนั้น


    ***อาทิตย์นี้จะมีชดเชยที่ไรท์หนีไปเที่ยวอาทิตย์ก่อนให้ในวันเสาร์หนึ่งตอนนะครับอย่าลืมกันเน่อ ^w^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×