ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #114 : Login 111: New Game Plus

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 396
      12
      22 พ.ค. 60

    Login 111: New Game Plus

     

                ท่ามกลางเศษซากความมืดที่กระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้เผยให้เห็นไพ่อาคานาร์ของเฟนริลลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ

                ไพ่ลอยเข้ามาหาราวกับถูกดึงดูดอิงศรจับไพ่นั่นไว้ ไพ่แสดงรูปของสาวงามกับสิงโตอันเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งที่ควบคุมได้ ความกล้าหาญและคุณธรรม ชื่อของมันถูกเขียนเอาไว้ว่า เดอะสเตร็งค์ (The Strength)’

                ทันใดนั้นเอง...

                ทิวทัศน์รอบๆ ก็พุ่งทะยานขึ้นไป ไม่สิตัวเขากำลังร่วงลงไปต่างหากเพราะไม่มีแรงดึงดูดจากหลุมดำหลงเหลืออยู่อีก ฟันเฟืองที่ช่วยให้บินได้จู่ๆ ก็หายไปในช่วงที่เหม่อลอยอยู่กับอาคานาร์ หายอย่างไร้ร่องรอยไม่ทันแม้แต่จะรู้สึกตัวด้วยซ้ำ

                ตอนที่คิดว่าจะต้องร่วงลงไปกระแทกพื้นก็ทำให้เกิดความกลัวจนต้องหลับตา

                ตุบ...

                เกิดเสียงปะทะเบาๆ ทั้งที่หล่นจากที่สูงขนาดนั้นแต่กลับตกถึงพื้นเร็วจนน่าเหลือเชื่อ

                “...”

                ไม่รู้สึกเจ็บ...อิงศรปรือตาขึ้นและพบว่าตนเองอยู่อ้อมแขนของซีลอร์ด

                พวกเขากำลังโรยตัวลงไปข้างล่างอย่างช้าๆ

                ซีลอร์ดยิ้มให้แล้ว...

                “เพราะเธอแท้ๆ เลย ผมถึงรอดมาได้ขอบคุณนะ

                กล่าวขอบคุณพอดีกับตอนที่เท้าเหยียบลงบนพื้น จากนั้นจึงวางอิงศรลง ช่วงเวลาเดียวกับที่อิซานามิร่อนตามลงมาด้วย

                “นี่เธอก็บินได้ด้วยเหรอ

                อิงศรถามขณะมองหล่อนพลิกตัวจากที่ร่อนเอาหัวดิ่งขึ้นมายืนบนพื้น

                “ปกติทำไม่ได้หรอกนะแต่ที่นี่ไม่ใช่บนโลกก็เลยทำได้

                อิซานามิตอบ

                “จะว่าไปทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ

                ขณะที่ถามอยู่นั้นเองซีลอร์ดก็พูดแทรก

                “พูดถึงเรื่องนั้นแล้วผมเองก็อยากจะถามเหมือนกันนะเดธอาคานาร์อิซานามิเธอเองก็เป็นพวกเดียวกับอาคานาร์ที่บุกมานั่นด้วยใช่รึเปล่า

                จะว่าไปแล้ว...ตอนที่อิซานามิปรากฏตัวที่นี่หล่อนก็กินปีศาจเด็กสาวที่ชื่อว่าอลิสเข้าไปด้วยแล้วก็บอกว่าเป็นการรวมร่างกลับเป็นหนึ่งเดียวกันนอกจากนี้ตอนที่พบกันหล่อนก็เคยบอกว่าเป็นเศษเสี้ยวหนึ่งของเดธอาคานาร์ เมื่อดูจากที่ปีศาจทั้งสามตนต่างก็มีอาคานาร์หล่นออกมาหลังกำจัดไปแสดงว่าอลิสก็น่าจะมีเช่นกันและคงจะเป็นเดธอาคานาร์

                “นี่ๆ อย่าเอาฉันไปเหมารวมนะ

                อิซานามิพูดพลางตีหน้าบึ้ง

                “จะว่าไปพูดไม่เหน่อแล้วนี่แถมสำเนียงเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาแล้วด้วย

                “แหงสิก็ได้เสี้ยวที่เสียไปคืนมาตอนนี้ก็เลยปรับภาษาให้สมบูรณ์ได้แล้วไงล่ะ

                ฟังดูเป็นเรื่องน่าทึ่งที่ปีศาจสามารถปรับรูปแบบภาษาที่ใช้สื่อสารกับมนุษย์ได้ตามใจชอบแต่บางทีอาจจะเป็นระบบเดียวกับเกมโลกาวินาศนี่ก็ได้เพราะในปัจจุบันมนุษย์สามารถสื่อสารกันได้โดยไม่มีกำแพงของภาษาแล้ว

                “แล้วตกลงทำไมเธอถึงมาอยู่กับอิงศรและเข้ามาที่นี่ได้ล่ะ

                ซีลอร์ดถามย้ำเหมือนกลัวว่าจะลืมประเด็นไป อิซานามิทำหน้าลำบากใจแล้วตอบว่า

                “คือมันก็ไม่ได้ถึงกับเป็นความลับอะไรนักหรอกนะแต่มันบอกไม่ได้เพราะว่าฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไปอยู่ในตัวของนรินทร์ที่เป็นเพื่อนของเจ้าหนูนี่น่ะสิ

                อิงศรเองก็ได้ยินมาแค่นั้นเหมือนกันเพราะเกิดเรื่องขึ้นหลายๆ อย่างทำให้ไม่มีได้สอบถามเสียทีจนถึงตอนนี้เขาก็รู้เพียงแค่ว่าหล่อนเป็นปีศาจจากอาคานาร์ที่นรินท์ถือครองรู้เพียงแค่นั้นจริงๆ และยังอยากรู้อีกด้วยว่าทำไมนรินทร์ถึงได้ครอบครองอาคานาร์ได้เหมือนกับเขา หรือบางทีอาจจะไม่ได้ครอบครองในความหมายเดียวกับตัวเขาเองแต่แค่ถูกอาคานาร์ฝังตัวเป็นกาฝากเท่านั้นความเป็นไปได้จ้อไหนคือข้อเท็จจริงกันนะ

                อิซานามิกล่าวต่อไปว่า

                "ส่วนวิธีเข้ามาก็เพราะรู้สึกได้ว่าเจ้าหนูกำลังมีภัยก็เลยตามมาช่วยเรื่องมันก็แค่นั้นแหละนายเองก็น่าจะรู้ถึงคุณสมบัติของอาคานาร์อยู่แล้วนี่สามารถติดตามผู้ครอบครองไปยังที่ใดก็ได้"

                พอได้ฟังดังนั้นซีลอร์ดก็ถาม

                "หมายความว่าเธอยอมรับให้อิงศรเป็นผู้ครอบครองเหรอ"

                "ก็แค่ชั่วคราวจนกว่าจะได้ทั้งร่างกลับคืนมาแหละนะ"

                "..."

                อิงศรจ้องจับปฏิกิริยาจากซีลอร์ดคอยดูว่ากำลังจับโกหกอิซานามิอยู่หรือไม่เพราะเขาอ่านทางปีศาจไม่ค่อยออกแต่บางทีหมอนี่อาจจะรู้ก็ได้ว่าที่หล่อนพูดมานั้นจริงหรือโกหก

                "..."

                ไม่มีปฏิกิริยาที่น่าสงสัยออกมาบางทีหล่อนคงพูดความจริงหรือไม่ซีบอร์ดก็แค่ไม่สนใจกันแน่แต่ที่ชัดเจนมีอยู่หนึ่งอย่าง...

                สรุปก็คือทั้งเรื่องที่นรินทร์ถูกพาตัวไป เรื่องที่ปีศาจอาคานาร์บุกมาโจมตีที่นี่แล้วก็ตัวอิซานามิที่มาอยู่ที่นี่ได้น่าจะมีศัตรูที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แต่จะใช่อารย-สนธยาหรือว่าเป็นศัตรูที่นังไม่เผยตัวออกมากันแน่

                อิงศรจ้องมองซีบอร์ดดวงตาเขม็งจริงจังแล้วถามออกไป

                “จะว่าไปแล้วนายน่ะทำไมถึงได้โดนต้อนซะขนาดนั้นได้ล่ะทั้งที่...

                เขายังไม่ลืมเรื่องเสียงที่อาจจะเป็นตัวการของเรื่องคราวนี้พูดเอาไว้

                เรื่องที่ซีลอร์ดอาจจะ...

                ”น่าจะเก่งขนาดเครื่องทำสวนที่เคยอาละวาดนั่นแท้ๆ

                แค่คิดว่าอาจจะใช่ที่จริงมันมีมูลเหตุให้อยาทกสันนิษฐานแบบนั้นอยู่หลายเรื่อง

                “ทำไมถึง…”

                ซีลอร์ดเลิกคิ้วขึ้น...เพียงแค่เล็กน้อย

                แต่เพียงแค่นั้นแหละ

                “ตกลงว่าใช่สินะ

                อิงศรสรุปเอาเองในทันทีเพราะค่อนข้างมั่นใจในสมมติฐานเขาแค่อยากดูปฏิกิริยาตอบสนองของซีลอร์ดเพื่อยืนยันอีกทีมันก็เท่านั้นเอง

                “ฉันได้ยินเจ้าเสียงที่พูดลงมาก่อนหมาป่ายักษ์นั่นจะกลายเป็นหลุมดำคนที่มันเรียกว่าเครื่องทำสวนนั่นน่ะหมายถึงนายสินะ

                “...”

                ซีลอร์ดไม่ได้ตอบมาทันทีแต่แสดงสีหน้าครุ่นคิดออกมาตรงๆ แล้วจึงกล่าว...

                “เพราะซากเมืองเหล่านี้คือแบคอัพของสวนแห่งที่สองถ้ามันถูกทำลายไปล่ะก็สวนแห่ง

    นี้จะไม่มีวันกลับมาได้อีก

                คำตอบของคำถามแรกถึงสาเหตุที่ถูกปีศาจไล่บี้แต่นั่นก็เหมือนจะให้คำตอบในคำถามที่สองไปด้วยกลายๆ

                “พูดซะยังกับเป็นคนดูแลสวนเลยนะงั้นนายก็ยอมรับสิว่าตัวเองเป็นเครื่องทำสวนจริงๆ น่ะ

                อิงศรพูดไล่ต้อนพยายามกดดันอีกฝ่ายให้จนคำพูด

                ทว่า...

                “ก็อยู่ที่เธอจะยอมรับแหละนะผมเคยพูดไปแล้วว่ามนุษย์จะต้องเป็นคนเลือกหนทางหลังจากนี้ไปเองจะต้องแสดงความตั้งใจออกมา

                อีกฝ่ายกลับตีหน้าเซ่อพูดมาแบบนั้นเหมือนจงใจบ่ายเบี่ยงให้ไขว้เขว

                “นายต้องการอะไรกันแน่ไม่ใช่สิ ที่จริงแล้วนายเป็นใครกันแน่มีทั้งส่วนเกี่ยวข้องกับสิงห์ ทำเหมือนกับรู้จักพวกมนุษย์ต่างดาวชั้นสูงอีกแถมยังเป็นเครื่องทำสวน

                “ผู้ถูกลืมเลือนไง จำได้ว่าเคยบอกไปแล้วนะ

                ซีลอร์ดยังคงตีหน้าเซ่อและพ่นคำตอบงี่เง่าออกมา อิงศรจึงคิด

                คิดว่าต้องหาแรงกระตุ้นที่มากพอจะบดขยี้ให้อีกฝ่ายตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาแล้วหัวข้อที่ว่านั่นก็บังเอิญลอยอยู่บนหัวพวกเขาพอดี

                เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นจ้องมองไปยังเทวทูตกึ่งจักรกลที่ตนเป็นผู้เรียกออกมาเทวทูตผู้ได้ชื่อว่ากฏอันเข้มงวด เมอร์คาบาห์เขาชี้ขึ้นไปที่เมอร์คาบาห์แล้วถามว่า

                “ก่อนหน้านี้ฉันเคยไปเห็นเอกสารแผนงานหนึ่งของอารย-สนธยาเข้าพ่อกับแม่ของฉันมีส่วนในเรื่องนั้นด้วยแล้วก็ชื่อของแผนงานที่ว่าก็คือ...เมอร์คาบาห์

                เขาจงใจเน้นคำพูดในตอนท้ายแต่อีกฝ่ายกลับไม่แสดงปฏิกิริยาตอบโต้คำพูดเลยแม้แต่น้อย

                “ผมไม่ได้รู้เรื่องที่พวกผู้อาศัยในสวนแห่งที่สองทำกันไปซะทั้งหมดหรอกนะ

                ซีลอร์ดพูดบ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามอีกแต่อิงศรก็พูดแทรกในทันที

                “มนุษย์จะถูกกอบกู้โดยมนุษย์เท่านั้น!

                พูดคำพูดที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจความหมายออกไปแต่เป็นคำพูดที่ทำให้คนตกใจมาถึงสองครั้ง

                ในครั้งแรกคือราชครูลำดับที่สามพอพูดคำๆ นั้นออกไปหล่อนก็ทำหน้าตกใจส่วนครั้งที่สองก็เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้และซีลอร์ดคือคนที่มีปฏิกิริยาร่วมในตอนนั้น

                ดังนั้นมันจะต้องมีอะไรอย่างแน่นอน

                ความหมายของคำๆ นี้ซึ่งผุดขึ้นมาจากความทรงจำที่ตนเองก็ไม่รู้จัก

                “…”

                ใบหน้าของซ๊ลอร์ดยังคงความสงบนิ่งไว้ได้บางทีอีกฝ่ายคงเตรียมใจเรื่องที่จะโดนเขาซํกถามเอาไว้แล้วคงจะพยายามเก็บอาการให้มากที่สุด

                “เลิกทำไก๋ได้แล้วน่ายังไงเรื่องนี้นายก็ต้องตอบมาเพราะฉันเห็นนายคุยกับใครก็ไม่รู้บนสวนที่ไหนซํกแห่งแล้วคนๆ นั้นก็พูดคำๆ นี้กับนายแถมตอนนั้นนายก็มีปฏิกิริยาด้วยถ้ายังไม่อยากโดนเทก็รีบพูดมาซะ

                อิงศรพูดข่มขู่ออกไป

                ทว่า...

                “เท ที่ว่าเนี่ยหมายถึงการเอาของเหลวในภาชนะออกไปใช่รึเปล่าผมค่อนข้างจะไม่เข้าจำพูดนั่นเอาซะเลย

                “อย่ามานอกเรื่องได้ไหม!

                อิงศรตะคอกด้วยความโมโห

                ตอนนั้นเองอิซานามิก็พูดแทรกเข้ามาอธิบายให้ซีลอร์ด

                “เท นั่นน่ะหมายถึงจะไม่สนใจแล้วก็ไม่ฟังเธออีกแล้วหรือก็คือเลิกคบกันไงล่ะคิดว่ารีบๆ ตอบเจ้าหนูไปจะดีกว่านะถ้ามัวแต่ลีลาเดี๋ยวเสียเพื่อนไม่รู้ด้วยล่ะ

                น่าแปลกที่หมอนั่นพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่ายแล้วเริ่มเปิดปากพูดเข้าเรื่อง

                “คำพูดที่อิงศรพูดเมื่อกี้เป็นประโยคที่เขาคนนั้นมักจะพูดอยู่บ่อยๆ

                ระหว่างที่เล่าซีลอร์ดก็แหงนหน้าจ้องมองเมอร์คาบาห์ไปด้วยแล้วจึงเริ่มกล่าวต่อไปว่า

                “เขาคนนั้นคือ อาดาเมียม หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ อดัม เขาเป็นมนุษย์คนแรกและเป็นบิดาของเหล่าผู้อาศัยในสวนแห่งที่สอง เป็นสหายเพียงหนึ่งเดียวของผม

                ชื่อ อดัมนั้นค่อนข้างฟังแล้วคุ้นหูอยู่ไม่น้อย ก็มันเป็นชื่อของมนุษย์คนแรกที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา อดัมผู้กินผลไม้ต้องห้ามเข้าไปทำให้โดนขับไล่จากสวนสวรรค์ตามที่เขียนไว้ในไบเบิล

                ”เธอคงจะเคยอ่านหรือได้ยินเรื่องเล่านี้มาจากตำนานที่ผู้อาศัยในสวนของเธอเขียนเล่ามาอย่างผิดๆ บ้างสินะ

                ก็เป็นไปตามที่ว่าอิงศรพยักหน้าตอบแล้วพูดว่า

                “แต่ที่บอกว่าเล่ากันมาอย่างผิดๆ แล้วก็เป็นบิดาของมนุษย์ต่างดาวเนี่ยเพิ่งจะเคยได้ยินถ้าจำไม่ผิดโดโกบาร์ที่เป็นเครื่องทำสวนเหมือนกันเคยบอกว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์ต่างดาวเพื่อหาสาเหตุที่มนุษย์แปดเปื้อนไม่ใช่รึไงแล้วทำไมรูบิเดียม...หมายถึงราชครูลำดับที่สามของพวกมนุษย์ต่างดาวถึงได้พูดชื่อ อดาเมียม ออกมาตอนที่ฉันไปเจออย่างกับรู้จักล่ะ

                พูดข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดไปเพื่อให้ได้คำตอบมา ซีลอร์ดได้ยินก็ทำท่ากอดอกชันคางด้วยมือขวาแล้วถามกลับมา

                “งั้นเธอก็ได้เจอกับรูบิเดียมแล้วสินะได้ยินอะไรมาบ้างล่ะ

                อิงศรส่ายหน้า

                “ไม่เลย ยัยนั่นไม่ได้บอกอะไรเลยซักอย่าง

                “ก็คงจะอย่างนั้นผมพอจะเดาได้เพราะว่าเธอเคยเป็นน้องสาวมาก่อน เอาเถอะเรื่องที่บอกได้ก็คือมโนภาพที่เธอเห็นอาจจะเป็นสิ่งที่เหล่าผู้อาศัยในสวนแห่งสองเรียกกันว่านิมิติ...

                “เดี๋ยวก่อน!

                อิงศรพูดขัดทั้งที่ซีลอร์ดยังเล่าไม่จบเพราะบังเอิญได้ยินเรื่องบางอย่างที่น่าตกใจเข้า

                “เมื่อกี้นายบอกว่ารูบิเดียมเป็นน้องสาวเหรอ

                “ก็ใช่แล้วมันทำไมเหรอ

                ได้ยินคำถามที่ฟังดูซื่อๆ แบบนั้นทำเอาอิงศรแทบควบคุมสีหน้าไม่ได้

                “ทำไมน่ะเหรอ! ก็ถ้านายเป็นพี่ชายของเธอนั่นก็หมายความว่านายเป็นมนุษย์ต่างดาวไม่ใช่รึไง

                เด็กหนุ่มพูดกึ่งตะหวาด

                แต่ซีลอร์ดกลับส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธอย่างจริงจัง

                “ผมไม่ใช่บุตรแห่งแสงหรอกนะเคยบอกไปแล้วนี่หรือว่าจะสับสนเรื่องความสัมพันธ์

                “หมายความว่ายังไง

                ดวงตาของซีลอร์ดหรี่แคบลงเล็กน้อยเหมือนจะเข้าใจจุดประสงค์ของคำถามแล้วถึงได้กล่าวตอบ

                “เธอคิดว่าเหล่าผู้อาศัยในสวนแห่งที่หนึ่งอย่างผมกับพวกบุตรแห่งแสงที่เธอเรียกว่ามนุษย์ต่างดาวนั่นมีความสัมพันธ์แบบการสืบพันธุ์เหมือนมนุษย์หรือไงกัน

                เหมือนคำถามมาแบบนั้น

                “...”

                ถึงตรงนี้อิงศรก็เริ่มจะนึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์แล้วที่ผ่านมาก็ไม่รู้ด้วยว่ามนุษย์ต่างดาวถือกำเนิดกันอย่างไรสืบพันธุ์กันแบบไหนพวกมันไม่เคยจะแสดงความต้องการทางเพศออกมาเลยด้วยซ้ำไป

                ซีลอร์ดพูดต่อจากที่ค้างเอาไว้

                “ผมกับรูบิเดียมไม่สิกับบุตรแห่งแสงทุกคนต่างก็เกิดจากโซลาริสโดยตรงดังนั้นจึงเป็นพี่น้องกันส่วนอดัมเขาเกิดทางอ้อม เกิดจากวัสดุอีกทีจึงไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันพี่น้องกับบุตรแห่งแสงแต่เป็นบิดาเพราะนอกจากพื้นฐานทางความคิดที่ยึดเอาแบบมาจากตัวผมแล้วรูปลักษณ์ต้นแบบส่วนหนึ่งก็ยึดมาจากอดัมน่ะพูดแบบนี้พอจะเข้าใจรึเปล่าล่ะ

                อิงศรพยักหน้ารับให้คำอธิบายอันยืดยาวนั่นและยอมรับไปถึงหัวใจเลยว่าตนเองคิดตื้นไปจริงๆ

                ถ้าซีลอร์ดเป็นเครื่องทำสวนซึ่งพระเจ้าที่เรียกว่าแอดมินิสเทรเตอร์เป็นผู้สร้างขึ้นมาการจะมีสัมพันธ์กับพวกมนุษย์ต่างดาวที่เกิดจากผู้สร้างเดียวกันมันก็ไม่แปลก

                “งั้นขอต่อจากที่ค้างไว้เลยนะเรื่องที่ภาพนิมิตที่เธอเห็น

                ซีลอร์ดถาม

                “อืม

                “เรื่องของอดัมที่เธอรู้จักน่ะมันแต่งขึ้นจากเค้าโครงความจริงบางส่วนที่ผู้อาศัยในสวนแห่งที่สองซึ่งเป็นลูกหลานระลึกได้จากความทรงจำของอดัมที่ฝังรากลึกอยู่ในสายพันธุกรรมแต่ก็เป็นกรณีที่เกิดได้ยากบางครั้งเธอก็อาจจะเคยได้ยินหรือว่าประสบมาเองก็ได้ความฝันที่ไม่รู้จักแต่มันกลับมีอยู่ในความทรงจำนั่นก็คือตัวตนของภาพนิมิตที่เธอเห็น

                สรุปก็คือหมอนี่ตั้งใจจะบอกว่าเขาสมองเฝื่อนคิดฟุ้งซ่านไปเองอย่างนั้นสินะแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบเรื่องของเมอร์คาบาห์อยู่ดี เขาอยากจะถามต่อแต่ตอนนี้มีอีกเรื่องที่สำคัญกว่าเรื่องที่ฟังมาจากไทเทเนียม

                หล่อนเคยพูดเอาไว้แบบนี้ตอนที่เขาถามเกี่ยวกับเป้าหมายของแฟรนเซียมซึ่งเป็นราชครูลำดับที่หนึ่ง

                ‘ถ้าเป็นเรื่องเป้าหมายนายน่าจะรู้ดีกว่าฉันนะ ก็นายไปอยู่ใกล้ชิดเขามาตั้งสามปี

                ตอนที่ได้ยินว่าสามปีใบหน้าของคนแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวก็คือสิงห์ ธุวดารกะ แต่เพราะหมอนั่นตายไปแล้วผู้ต้องสงสัยคนถัดมาจึงกลายเป็นข้าวหลามแต่หมอนั่นก็เป็นพวกอารย-สนธยาป้ายต่อไปจึงหยุดที่ กุมภา ธุวดารกะ แต่เพราะคำพูดที่บอกว่าอยู่ใกล้ชิดเลยทำให้ไม่เข้าเค้าดังนั้นคนเดียวที่เหลืออยู่ในความสงสัยก็เลย...

                “นี่นายพอจะรู้ไหมว่าสิงห์อยู่ที่ไหน

                อิงศรเสี่ยงถามออกไปแล้วซีลอร์ดก็ยิ้มและพูดว่า

                “เรื่องนั้นผมยังบอกไม่ได้

                “ทำไม...

                อิงศรพยายามจะถามเค้นเอาคำตอบแต่ก็ต้องหยุดคำพูดไว้เพราะร่างกายของเขากำลังจากลงพอมองไปรอบๆ ก็เริ่มเห็นหมอกก่อตัว

                สัมผัสต่อสถานที่เริ่มจะเลือนราง

                เขากำลังจะหลุดออกจากรากของอาคาชิกเรคคอร์ด

                “จริงด้วยสิตอนที่กำลังจะเข้ามาที่นี่ข้างนอกพวกของเธอถูกปีศาจที่ชื่อ ยฮวฮ เล่นงานอยู่

                จู่ๆ อิซานามิก็โพล่งมาอย่างนั้นสีหน้าเหมือนคนที่เพิ่งนึกเรื่องสำคัญออก

                มันก็สำคัญจริงๆ นั่นแหละแถมเป็นเรื่องใหญ่จนน่าบันดาลโทสะใส่ไม่น้อยเลยทีเดียว

                อิงศรเบ้หน้าหลังจากได้ยินรายงานของอิซานามิ

                “ทำไมเรื่องสำคัญแบบนั้นถึงไม่บอกกันก่อนเล่า!

                พริบตานั้นเองทิวทัศน์รอบตัวก็จมหายไปในทะเลหมอก จากนั้นก็เป็นสัมผัสของเขาเองที่หลุดลอยออกไป

                อิงศรได้ออกไปจากรากของอาคาชิกเรคคอร์ดแล้ว....

                ...

                อิงศรรู้สึกตัวอีกครั้ง

                “อิงศร...

                ได้ยินเสียงเรียก

                “อิงศร...

                เสียงเรียกชื่อของตน น้ำเสียงใสของผู้ชายแต่มันไม่เหมือนเสียงของ กวินทร์ มิ่งขวัญ ฟู มิกซ์ หรือ เน็กส์ ไม่ใช่เสียงในหมู่พวกเขาเลย

                แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้จักเลยมันเป็นเสียงที่เขาจำได้ว่าในความทรงจำเคยได้ยินเสียงของคนๆ นี้

                อิงศรปรือตาขึ้นและพบว่าตนกำลังฟุบหน้านอนอยู่บนโต๊ะเรียนหนังสือ เขาผละออกจากโต๊ะในทันทีแล้วตรวจสอบสภาพรอบตัว

                ทิวทัศน์ไม่คุ้นตาบรรยากาศก็ไม่ใช่แบบทุกครั้ง

                เขานั่งอยู่ในห้องเรียนที่มีโต๊ะเก้าอี้หลายตัวเรียงรายหันหน้าไปทางกระดานไวท์บอร์ดเป็นห้องเรียนธรรมดาๆ

                ได้ยินเสียงของชีวิตมากมายดังแว่วมาจากด้านนอกห้องเรียน

                เสียงหัวเราะ

                เสียงตะโกน

                เสียงเตะอัดลูกฟุตบอล

                เสียงพูดคุยอย่างสนุกสนาน

                ทั้งหมดเป็นสุรเสียงในยามปกติของโลกที่ยังไม่ได้ล่มสลาย

                ที่หน้าต่างทางซ้ายมือมองเห็นท้องฟ้ายามเย็นและเงาของฝูงนกที่กำลังบินกลับรังถัดออกไปก็มองเห็นทางด่วนที่กำลังก่อสร้างและรถวิ่งสัญจรผ่านไปมาขวั่กไขว่

                พอเริ่มจะตั้งสติได้เด็กหนุ่มถึงมองเห็นว่าชุดเครื่องแบบทหารกลายเป็นเครื่องแบบนักเรียนไปซะแล้ว

                เครื่องแบบเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวกางขาสั้นสีกากีถุงเท้าขาวและร้องเท้าสีดำเป็นชุดเครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาๆ

                "เป็นอะไรไปน่ะอิงศรทำหน้าตาประหลาดแบบนั้น"

                เสียงที่เรียกชื่อเขาในตอนแรกถามมาอย่างนั้น พออิงศรหันไปก็ทำดวงตาเบิกโพล่งยิ่งกว่าเก่า

                เพราะคนที่อยู่กับเขาจนถึงเมื่อครู่นี้ก็คือนรินทร์

                นรินทร์ในชุดนักเรียนนั่งอยู่โต๊ะติดกัน

                "นรินทร์..."

                อิงศรพูดได้แค่นั้นเขาสับสนและประหม่าจนคิดอะไรไม่ออก

                "ป่วยรึเปล่าเนี่ยท้ายคาบก็ฟุบหลับไปเลยคนอื่นๆ เขากลับกันไปหมดแล้วนะ"

                นรินทร์พูดสั้นๆ แล้วดึงกระเป๋านักเรียนออกมาจากลิ้นชัก กวาดข้าวของบนโต๊ะลงกระเป๋าก่อนจะลุกจากที่นั่งแล้วหันมา

                "รีบเก็บของเถอะมิ่งขวัญเขามารอรับตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนา~"

                พูดพร้อมกับชี้ไปที่ประตูห้อง

                ที่นั่นมิ่งขวัญในชุดนักเรียนแบบเดียวกันกำลังยื่นหน้าเข้ามา

                "พี่ศรเก็บของเสร็จยังวันนี้จะกลับด้วยกันใช่ม้า--"

                แล้วกล่าวด้วยท่าทางกะตือรือร้น

                ไม่รู้ว่าทำไม แต่ว่า...

                ตอนนี้เขาอยู่ในปัจจุบันที่โลกไม่ได้ล่มสลายคิดได้เพียงแค่ทฤษฎีแบบนั้น

     

    ***สำหรับอาทิตย์นี้ก็จบแค่ตอนนี้นะครับเนื่องจากไรท์ต้องไปเที่ยวต่างประเทศตามที่แจ้งไว้แล้วและจะกลับมาอัพอีกทีวันอังคารหน้าครับ แต่จะชดเชยเพิ่มให้อีกตอน(ถ้าปั่นทันนะ) อ้อแล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าเนื้อเรือ่งเป็นมุกตัดจบหรือจะเปลี่ยนแนวเรื่องนะครับยังคงเดินตามเนื้อเรื่องอยู่(รู้สึกเดจาวูตอนอิงศรเกมโอเวอร์พิกล555+) ตอนนี้บอกใบ้ได้แค่ว่าทั้งหมดเป็นเพราะ ยฮวฮ ส่วนเฉลยรอตอนต่อไปวันอังคารหน้าเน่ออนึ่งสัตว์เทวะหายไปซะหลายตอนกำลังจะกลับมามีหมดแล้วล่ะสู้กับปีศาจนานจนแทบจะกลายเป็นชินเมกามิเทนเซย์ไปละโอเมก้าา***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×