ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] ฟิคเหนียวไก่ [Chan x Kai]

    ลำดับตอนที่ #12 : เหนียวไก่น่องที่ 11 (ร้อยเปอร์ไปเลยจ้า)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 140
      7
      19 มี.ค. 58

    CR.SHL





    เหนียวไก่น่องที่ 11

     

     

     



     

    “ทุกคนนนนนนนน มารวมกันที่นี่เร็ว”

     

    “เจ๊! เสียงดังอะไรเนี่ย”

     

    “เรื่องของฉัน”

     

    “โถ่ เด็กๆอย่าตีกันสิจ๊ะ”

     

    “ก็ดูไอ้จงอินสิม๊า มันมาหาเรื่องรินอ่ะ”

     

    “ก็เจ๊เล่นเคาะประตูห้องคนอื่นเค้าแบบนี้อ่ะ”

     

    “โถ่เด็กๆ ม๊าจะเป็นลม”

     

    “ไอ้เด็กดำ แกทำให้ม๊าจะเป็นลมเนี่ย!

     

    “เจ๊ขาวตายแหละ”

     

    “ฉันจะฟ้องชานยอล!

     

    “”ฟ้องแล้วจะทำไม! คิดว่ามันทำอะไรผมได้เหรอ?”

     

    “ได้ดิ” <- พี่ปาร์ค

     

    “มาตอนไหนวะเนี่ย!

     

    “ฉันเรียกมาเองแหละ”

     

    “แล้วเรียกทุกคนมาทำไมอ่ะ?” พอหันไปมองคนอื่นๆก็ออกมาจากห้องกันจนครบองค์ประชุม

     

    “ฉันอยากจะแจ้งกำหนดการพรุ่งนี้หน่อย พรุ่งนี้เราจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันตั้งแต่เช้าฉะนั้นคืนนี้อย่านอนดึกกันนะจ๊ะ ส่วนกิจกรรมอื่นๆฉันจะแจ้งให้ในวันพรุ่งนี้แล้วกันนะ มีอะไรสงสัยถามนูน่ามาได้นะ”

     

    “ครับ / เออ”

     

    เพี๊ยะ!

     

    “โอ๊ยเจ๊! ตบปากทำไมวะ”

     

    “ดูคนอื่นสิ เค้าตอบกับสุภาพๆ แกกล้าดียังไงมาตอบเออกับฉันห๊ะ?”

     

    “ทีเจ๊ยังทำเลย ดูพูดกับชาวบ้านนะแทนตัวเองว่านูนงนูน่า ทีพูดกับน้องละฉันๆแกๆ”

     

    “ฉันสวยฉันทำได้”

     

    “ผมก็หล่อมากก็เลยทำได้เหมือนกัน”

     

    “ไปเลยไปๆๆ ชานยอล นูน่าฝากจัดการมันที”

     

    “จัดการไร เจ๊อธิบายมา โอ๊ย อย่าเพิ่งมาลากฉันได้ไหม?” 

     

    “ไปนอนได้แล้ว” หืม... ดันหลังแรงขนาดนี้ ถีบเลยก็ได้นะกาง ไม่ว่า

     

    “โอ๊ยไม่มีอะไรดูเลยอ่ะ” กดรีโมตทีวีพลางนอนกระดิกเท้าบนเตียงและมีไอ่กางนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ข้างๆ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้ดูเลยแฮะ...

     

    ใช้เวลากดๆหาช่องที่ถูกใจอยู่สักพักก็ป๊ะเข้ากับหนังผีสุดโปรด ผมเขยิบตัวไปนั่งใกล้ๆกันทีวีมากขึ้น หนังแบบนี้แหละวิถีแห่งคนแมน

     

    “ไม่กลัวเหรอ?” ชานยอลกระตุกเสื้อข้างหลังผมเบาๆ ตอนนี้เสียงมันสั่นได้ตลกเป็นบ้า

     

    “ไม่”

     

    “....”

     

    “ออกมานั่งดูดีๆดิ จะมุดผ้าห่มทำไมล่ะ หรือว่าคุณชานยอลกลัวผีเหรอครับ? หื้ม?”

     

    “ปล่าว หนาวเฉยๆ”

     

    “เดี๋ยวเบาแอร์ให้” ว่าแล้วก็เดินไปเบาแอร์ให้มันสักหน่อย “ทีนี้ออกมาจากผ้าห่มได้ละ”

     

    “ไม่เป็นไร ผมชอบในนี้”

     

    “เร็วๆ ผีจะออกมาละ”

     

    “จริงๆคุณไล่ให้ผมกลับห้องไปก็ได้นะ”

     

    “ไม่ นายต้องอยู่จนกว่าหนังนี่จะจบ ไหนบอกว่าอยากอยู่กับฉันไง”

     

    “ก็คิดว่าคุณคงอยากจะมีเวลาส่วนตัวบ้าง”

     

    “พอดีตอนนี้รู้สึกว่าอยากมีเพื่อนดูหนังอ่ะ” ดึงมันอยู่นานสองนานสุดท้ายก็ยอมโผล่ออกมาจากผ้าห่มได้สักที

     

    “รักกันจังเลยนะ”

     

    [กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด]

     

    “เฮ้ยๆๆ”

     

    5555555555555555555 โตป่านนี้แล้วยังจะกลัวผีอีกเหรอ”

     

    “ไม่ได้กลัว ผมแค่ตกใจ ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงสวยจัง อะไรแบบนั้น”

     

    “เหรออออออ”

     

    “อืม..เฮ้ยยย”

     

    “แล้วนี่ตกใจอะไรอีก? ผียังไม่โผล่มาสักตัว” ผมมองจอทีวีที่มีแต่ความว่างเปล่าแต่ปาร์คชานยอลดันเอาตัวมาซบๆผมเนี่ย

     

    “ตกใจทำไมคุณน่ารักจัง”

     

    “กลับห้องไปเลย!

     

    “ไม่กลับแล้ว เดี๋ยวคุณไม่มีเพื่อนดูหนัง”

     

    “ดี จำไว้นะ ห้ามกลับนะไอ้กาง”

     

    [ครืดดดดดดดดดดดดดด / กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด]

     

    เอาแล้วๆๆ ผีมันเอาเลื่อยไฟฟ้าหั่นคนใหญ่แล้วเว้ย

     

    “คุณๆๆ เบาเสียงๆๆๆๆ”

     

    “อะไรนะ? เพิ่มเสียง? ได้ๆๆ”

     

    [กรี๊ดดดดดดดดดดด / อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก]

     

    “โอ๊ย”

     

    “เงยหน้ามาดูเร็ว เลือดกำลังสาดเลย”

     

    “ไม่เอาอ่ะ”

     

    “โห นี่ๆๆ จุดพีคของเรื่องเลยนะ อีที่ผีมันเดินกลับหัวอ่ะ”

     

    “ไม่ดูแล้ว”

     

    “เอ้า ปิดทีวีทำไมเนี่ย กำลังสนุกเลย”

     

    “ไม่อยากดูแล้ว หนังโหด”

     

    “ก็ฉันอยากดูอ่ะ”

     

    “มาดูหน้าผมนี่มา อย่าดูหนังแบบนั้นเลย”

     

    “คือจะบอกว่าหน้านายกับผีก็เหมือนๆกันสินะ”

     

    “ดูดีกว่าตั้งเยอะ”

     

    “จะอ้วก”

     

    “ท้อง?”

     

    “ตลกมากไหม?”

     

    “ขำ”

     

    “ไม่ขำเท่าหน้านายตอนดูหนังผีหรอก”

     

    เพี๊ยะ

     

    “เดี๋ยวนี้กล้าตีฉันเหรอ?”

     

    “อือ”

     

    “กลับห้องไปเลย!

     

    “ไม่อ่ะ ผมกลัวผีแล้ว ไม่กล้านอนคนเดียว”

     

    “ไปนอนกับจงแดเพื่อนรักสิ”

     

    “ไม่ เบื่อ”

     

    “งั้นนายก็ไปนอนกับคริสดิ”

     

    “ไม่เอา ให้ไปนอนกับใครผมก็ไม่ไปหรอกถ้าไม่ใช่คุณอ่ะ”

     

    “ไม่ถามสุขภาพฉันสักคำ”

     

    “สบายดีไหม?”

     

    “ตอนแรกก็ดีจนกระทั่งมีนายเข้ามาในชีวิตเนี่ย”

     

    “ดีจัง”

     

    “โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

     

    “อย่ามาสำออย” ผมใช้หางตามองคนที่ถูกบิดเนื้อตรงแขนแล้วลงไปนอนดิ้นๆบนเตียงสักพักก็เขยิบเข้ามาเกี่ยวเอวผมไว้

     

    “ทุบซะเลยดีไหม”

     

    “ยอม”

     

    “ทีเรื่องแบบนี้ยอมง่ายจังนะ”

     

    “ผมใจง่าย”

     

    “คนบ้าอะไรด่าตัวเองก็เป็นด้วย”

     

    “อยู่กัยคุณแล้วผม้าทุกทีนั่นแหละ”

     

    “เอ้ะ ยังไง”

     

    “ง่วงจังเลยนะ...โอ้ะๆ ไม่ต้องพูด ผมไม่กลับห้องไปนอนหรอกนะ”

     

    “โอ๊ยย แล้วจะมานอนเบียดกันอ่ะนะ”

     

    “ป่าว แค่ขออยู่ด้วยอีกเป๊ปนึง ง่วงแล้วจะกลับไปเองแหละ”

     

    “เป๊ปนึงนี่กี่นาที”

     

    “จนกว่าจะพอใจ”

     

    “มันเป๊ปนึงตรงไหน”

     

    “ไม่รู้”

     

    “...” ผมะเอือมมันจริงๆ

     

    “...”

     

    “มองหน้ากันทุกวันไม่เบื่อเหรอ?”

     

    “อยากมองมากกว่าเดิมอีก”

     

    “เอ้า”

     

    “อือ”

     

    “ตอนเรียนนี่เรียนหนักมากใช่ไหม พอจบมาเลยขาดๆเกินๆแบบนี้”

     

    “ไม่รู้สิ”

     

    “ผมยาวแล้วนี่ ไม่ไปตัดหน่อยเหรอ?” ผมจับกลุ่มผมของคนที่นอนหนุนตักขึ้นมาเมื่อเหนว่ามันเริ่มยาวจนปรกตาแล้ว

     

    “คุณอยากตัดให้ผมไหม?”

     

    “อยากให้ชีวิตแบบผมแหว่งๆก็เชิญ”

     

    “นี่ก็ยอม”

     

    “ไว้กลับบ้านแล้วตัดให้”

     

    “สัญญา?”

     

    “เออ เคยพูดแล้วไม่ทำป้ะล่ะ”

     

    “เกี่ยวก้อยก่อน”

     

    “...” ถอนหายใจเบาๆกับความคิดเด็กๆของหมอนี่ เกี่ยวก้องเกี่ยวก้อยสัญญาอะไรเป็นเด็กเลย

     

    “...”

     

    “อ่ะ...” พอเห็นหน้ามันแล้วก็เป็นแบบนี้อีกละ สุดท้ายก็ต้องยอมยื่นมือไปให้มันเกี่ยวก้อยแล้วยิ้มหน้าแป้นอยู่นั่น

     

    “จะกลับห้องยัง?”

     

    “อื้อ เดี๋ยวกลับละ” ชานยอลพูดพร้อมยันตัวขึ้นมานั่งตามปกติ แล้วจะให้ทำอะไรต่อ มานั่งมองหน้าทำไม

     

    “ฝันดีนะคุณ”

     

    “เออ ฝันดี”

     

    “....” เห้ย บอกฝันดีแล้วก็ลับห้องไปสิ มานั่งมองหน้าอีกทำไมวะเนี่ย ผมยกมือขึ้นมาเกาแก้มเบาๆเมื่อเห็นว่าอีกคนยังไม่ยอมขยับไปไหน ชานยอลยิ้มออกมานิดนึงก่อนจะขยับตัวเข้ามาใกล้ๆแล้วมันก็..

     

    จุ๊บ

     

    “....” อะไรวะ!!

     

    55555555555555555555 ไปละ”

     

    “ไปไหนก็ไปเลย!

     

    “เขินเหรอ?”

     

    “ยุ่ง!!” ปิดประตูล็อคประตูล็อคมันทุกประตูเลยเนี่ย!!

     

    ผมกลับขึ้นมานั่งๆนอนๆบนเตียงอีกครั้ง กลิ้งไปกลิ้งมาเป็นพันรอบแล้วก็ยังไม่เลิกฟุ้งซ่าน โอ๊ย ไอ้กางมันอันตรายขึ้นทุกวันแล้วนะ ต่อไปนี้ผมจะไม่ให้มันเข้าใกฃ้ผมเกินห้าเมตร!

     

    โอ๊ยยยยย รู้สึกอยากฆ่ามันมากตอนนี้ แล้วก็รู้สึกอยากฆ่าตัวเองตายด้วย คือไม่ใช่ว่าผมจะไม่เคยมีจูบแรกหรืออะไรแบบนี้หรอกแต่มันก็กับผู้หญิงป้ะ แล้วไอ้บ้านี่มันเป็นใคร! เออๆ ถึงมันจะไม่ใช่จูบดีพบ้าบอ มันก็แค่ปากแตะกันเฉยๆก็เหอะ ไอ้บ้านั่นมันเป็นใคร เป็นใครห๊ะ!!

     

    โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

     

     

     

     

     

    ============================

     

     

     

     

    “จงอินน ออกมาได้แล้วเว้ยยยยย”

     

    “...” ไม่มีสัญญาณตอบรับ

     

    “ไม่ตื่นฉันจะทิ้งแกไว้ที่นี่นะเว้ย”

     

    “อืออออออ”

     

    “ออกมาโว้ยยย”

     

    “รู้แล้ววว”

     

    “ฉันไปรอข้างนอกนะ” ฮโยรินเดินมาตบบ่าชานหยุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆก่อนจะเดินโบกธงนำคนอื่นๆออกไป

     

    “....”

     

    “นี่...”

     

    “ฮื่อออออออ” พอถูกเขย่าตัวก็ร้องฮื่อแฮ่เป็นผีดิบเลย

     

    “ลุกเร็วๆ”


    “ขออีกห้านาที”

     

    “คนอื่นเค้าไปกันหมดแล้ว”

     

    “ฮื่ออออ ทำไมม๊าเสียงใหญ่จัง”

     

    “ไม่ลุกทับนะ”

     

    “....”คนขี้เซายกมือปัดๆไปมาเหนือหัวก่อนจะเอาหมอนหนุนขึ้นมาปิดหน้า

     

    “...”

     

    “อั่ก”

     

    “ลุกเร็ว”

     

    “แก!!!” ทันทีที่ลืมตาตื่นอย่างเต็มที่ก็เห็นว่าอีกคนเป็นใคร ไอ้นี่...

     

    “หื้อ?”

     

    “ไม่มีอะไร”

     

    “เอ้า” มองตามแผ่นหลังที่เดินเซเข้าไปในห้องน้ำแบบงงๆ แล้วนั่นเป็นอะไรของเขาน่ะ ปกติจะถ้าเขานอนทับแบบนี้ต้องถูกตีถูกทุบไม่ก็ถูกด่าสักอย่าง แต่นี่กลับเดินไปเข้าน้ำแต่โดยดีซะงั้น

     

    ใช้เวลาอาบน้ำไม่นานตามแบบฉบับจงอินสไตล์ พอแต่งตัวอะไรเรียบร้อยเสร็จก็เดินออกมาจากห้องน้ำ แต่พอเห็นหน้าคนที่ยืนรอยู่ในห้องก็ต้องรีบกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบ

     

    “เดี๋ยวๆ คุณจะไปไหน? เป็นอะไรไหมเนี่ย?”

     

    “เอ่อ...” พอถูกลากกลับออกมาจากห้องน้ำก็รีบจับตัวเขาหมุนไปหมุนมา นี่จะเป็นก็ตรงที่แกเอาแต่หมุนฉันเนี่ย!

     

    “นี่..”

     

    “ไปกันเหอะ เดี๋ยวเจ๊ด่า”

     

    “เอ้าคุณ รอด้วยดิ”

     

    “...” พอได้ยินแบบนั้นแทนที่เขาจะเดินให้ช้าลงแต่ปล่าวเลย ขาสองข้างกลับเร่งความเร็วมากกว่าเดิมอีก

     

    “เดี๋ยวดิ”

     

    “อะไร”

     

    “รอก่อน”

     

    “....” สุดท้ายก็แพ้อีกแล้ว ตอนนี้คิมจงอินหยุดเดินแล้วหันกลับไปรอคนที่กำลังวิ่งตามมาจนทันแล้วคว้ามือเขาไว้หน้าตาเฉย

     

    “ไปกัน”

     

    “...”

     

    “อะไรอ่ะ? ป่วย?”

     

    “ปล่าว”

     

    “จริงนะ?”

     

    “อือ”

     

    ........เงียบ.......

     

    “เอ้านั่นไงๆ มากันแล้ว”

     

    “ห้ะ? ใครอ่ะ?”

     

    “สองคนนั้นไง ถามแปลกนะ”

     

    “ถามคยองซูไม่ได้ถามแปลก”

     

    “...”

     

    “อูยยยยย เบาครับคยองซู แบคเจ็บๆ อย่าบิดหู”

     

    “สองคนนั้นดูเงียบๆนะ..นายว่าไหม?”

     

    “ยังไม่ตื่นมั้ง”

     

    “หือ..ใช่เหรอ?”

     

    “แบคก็ไม่ทราบครับคุณคยองซูผู้น่ารัก”

     

    “เดี๋ยวนะๆ เดี๋ยวจะโดนนะแบคฮยอน”

     

    “อ่า..ขอโทษครับๆ เออใช่ๆ ชานยอลฮยอง ฮยองเคยมาดูพระอาทิตย์ขึ้นแบบนี้ป้ะ?” พอเห็นว่าทั้งสองคนขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้วเด็กร่าเริงแบบแบคฮยอนก็ไม่ยอมให้พวกเขาพาบรรยากาศเงียบเชียบเข้ามาด้วยหรอก

     

    “เคยๆ แต่ว่ามากับครอบครัว”

     

    “อ๋อ....แล้วคยองซูอ่ะ?”

     

    “ก็..มีตอนเข้าค่ายตอนเด็กๆ”

     

    “ไม่เคยมากับแฟนใช่ป้ะ?”

     

    “อืม”

     

    “โอ้โห ดีจัง”

     

    “ไม่ง่วงเหรอแบคฮยอน?” พอเห็นว่าน้องเล็กร่าเริงกว่าคนอื่นๆที่กำลังสะลึมสะลือ ชานยอลก็เลยชวนคุยเป็นเพื่อน

     

    “ไม่ฮะ เมื่อคืนโดนคยองซูไล่ให้นอนตั้งแต่ฮโยรินนูน่าพูดเสร็จ”

     

    “งั้นอย่าให้เห็นว่าแบตหมดตอนกลางวันนะแบค” กลายเป็นคยองซูที่หันมาพูดใส่แบคที่กำลังหันไปปีนเบาะเล่น

     

    “ครับๆ คริสฮยองงงงง ผมขอเล่นกับเทาเทาหน่อย”

     

    “หือ..อ...ได้สิ”

     

    “ขอบคุณครับ เทาเทามาหาพี่แบคเร็ว อ้ะ อย่าเหยียบหัวพี่ชานยอลสิครับ”

     

    หลังจากที่ร่างอ้วนๆของแพนด้าเคลื่อนตัวเองมาได้จนถึงเบาะหน้าแบคฮยอนก็จับมันนอนหงายเล่นส่วนคยองซูก็นั่งเกาพุงแพนด้าอย่างหมั่นเขี้ยว

     

    “อั้ยยยย น่ารักจัง”

     

    “เนอะ”

     

    “หมายถึงคยองซูอ่ะ”

     

    _

     

    5555555

     

    _

     

    “โอ๋ๆ ไม่ตาเหลือกนะครับ” กอดๆๆๆ

     

    “น่าหมั่นไส้จริงๆ”

     

    “น่ารักจริงๆ”

     

    “นายนี่นะ...”

     

    “หื้อ???”

     

    “เมื่อไหร่จะโตหื้ม?” ลูบผมเบาๆ

     

    “โตแล้วนี่ไง”

     

    “นี๋โตแล้วเหรอ?”

     

    “ใช่”

     

    “เตี้ยเป็นต่อม่อแบบนี้อ่ะนะ?”

     

    “แหม่ ตัวเองสูงมากเลยครับคุณคยองซู”

     

    “ก็รุ่นฉันตอนเด็กมันไม่มีอะไรบำรุงไง”

     

    “อ้อเหรอออ” แบคฮยอนละมือออกจากพุงแพนด้าแล้วยื่นไปผลักหัวอีกคนแทน แน่นอนว่ารีแอคชั่นนั้น...

     

    “นี่!!! _

     

    5555555555555555

     

    “อ่อคๆๆ” แบคฮยอนหายใจติดขัดทันทีเมื่อถูกอีกคนล็อคคอไว้ด้วยแรงที่มี แรงเยอะจริงตัวแค่นี้

     

    “แบค...ฮะ....ยอน..”

     

    “คะ..ครับ”

     

    “เดี๋ยวนี้ชักจะเยอะแล้วนะเราอ่ะ”

     

    “เยอะ? ความรักอ่ะดิ”

     

    “...” ล็อคแน่นขึ้น

     

    “โอ่ยยยย”

     

    “เทาเทาครับ ปีนไปเบาะหน้าไม่ได้นะ” คยองซูรีบปล่อยมือจากแบคฮยอนทันทีที่เจ้าแพนด้ากำลังปีนข้ามไปที่เบาะข้างหน้าข้างคนขับ

     

    “กลับไปอยู่กับคุณพ่อไหม?” ไม่ต้องรอคำตอบใดๆเจ้าแพนด้าก็ใช้ตัวอ้วนๆของมันมุดใต้เบาะกลับไปข้างหลังสุดโดยมีคยองซูและแบคฮยอนเอาใจช่วยให้ตัวมันไม่ติดไปซะก่อน

     

    “แบค..”

     

    “หื้อ??”

     

    “....”

     

    “???”

     

    “ไม่เห็นเหรอ? _” คอยงซูหันไปทางชานยอลและจงอินที่หลับจนหัวซบกันตอนไหนไม่รู้ แล้วหันกลับมามองแบคฮยอนที่ทำหน้าตาเหมือนรู้อะไรบางอย่าง

     

    “เห็นสิ”

     

    “แล้ว..?”

     

    “น่ารักออก”

     

    “ไปปิ๊งกันตอนไหน?”

     

    “นานแล้วนะ คยองไม่รู้เหรอ?”

     

    “ไม่เห็นจะรู้เลย”

     

    “...ก็แบบซะแบบนี้อ่ะนะ” แบคฮยอนว่าพลางยีผมคนข้างๆด้วยความเอ็นดู ก็น่ารักแบบนี้อ่ะนะ...

     

    “ผมยุ่งหมดแล้ว”

     

    “เหมือนแพนกวิ้นเลย”

     

    _

     

    “งืออออ น่ารัก” กอดกันๆ กอดแพนกวิ้นน่ารัก

     

    เอี๊ยด

     

    รถเบรก -_____-

     

    “ถึงแล้วเหรอครับ?”

     

    “ครับๆถึงแล้ว”

     

    “หื้อ? ที่นี่ที่ไหน?” ให้ตายเถอะ รถเบรกทีเดียวแบคฮยอนความจำเสื่อมเลยเหรอ?

     

    “ภูเขาไง ปลุกทุกคนด้วย”

     

    “รับทราบครับ ฮยองงงงงงงงงงงงง!!!!!!!!!!!! ตื่นนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!!!!

     

    “โอ๊ยยย ใครมาโวยวายอะไรวะ” <- จงอิน

     

    “ตื่นครับตื่นนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!!!!!!!

     

    “ถึงแล้วเหรอ?” <- จงแด

     

    “หือ...ออ” <- คริส

     

    “...” <- ชานยอล

     

    “เทาเทา เทาเทาอยู่ไหนลูก?”

     

    “อยู่นู่นไงคริสฮยอง” แบคฮยอนชี้ไปที่พื้นรถที่มีแพนด้านอนหงายอยู่ที่พื้น สงสัยร่วงจากเบาะตอนรถเบรก

     

    “นี่ๆ ฮยองสองคนอ่ะตื่นแล้วนะ เมื่อกี้จงอินยังตื่นมาโวยผมอยู่เลยไหงหลับอีกแล้วอ่ะ ตื่นๆ”

     

    “หื้อ? ถึงแล้ว?? เฮ้ คุณๆ ตื่น”

     

    “อื้อออออ”

     

    “ทำไมแฟนแกปลุกยากงี้วะ”

     

    “เป็นนิสัยแล้วมั้ง เฮ้คุณ ตื่นสิ”

     

    “งั้นผมไปก่อนนะ ชานยอลฮยองรีบตามไปนะครับ”

     

    “อ่าวๆๆ แบคๆๆ รอฉันด้วย ไอ้ชาน ฉันไปก่อนนะ รีบตามมาด้วย”

     

    “เออๆ เดี๋ยวตามไป” หลังจากนั้นทุกๆคนที่ตื่นแล้วก็ลงจากรถไปรวมตัวกันที่ทางขึ้นกระเช้า เพราะฟ้ายังคงมืดทำให้ทุกคนต้องอยู่ใกล้ๆกันเข้าไว้เพื่อป้องกันการพลัดหลง

     

    หลังจากที่ยืนรอสองคนในรถอยู่นานสองนานก็ไม่เห็นว่าจะลงมา ทุกๆคนเลยตัดสินใจขึ้นไปรอทีข้างบนก่อนเนื่องจากคนเริ่มมากันเยอะถ้าช้ากว่านี้พระอาทิตย์อาจจะขึ้นก่อนก็เป็นได้

     

     

     

     

     

     

    ===============================

     

     

     

     

     

    “อ้าว ทุกคนไปไหนกันหมด!!” หลังจากได้สติแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมาจงอินก็โวยวายที่ถูกทิ้งไว้ในรถกับชานยอลแค่สองคน

     

    “ขึ้นกระเช้ากันไปหมดแล้ว”

     

    “แล้วนายอ่ะ”

     

    “ค่อยตามขึ้นไปพร้อมคุณก็ได้”

     

    “แล้วต้องรอนานป้ะ กว่ามันจะลงมาอีกรอบ?”

     

    “ขอโทษนะครับ กระเช้านี่ต้องรออีกนานไหมครับกว่านะลงมารับน่ะ?” ในที่สุดทั้งสองคนก็ตัดสินใจลงจากรถที่ลุงคนขับนอนหลับคร่อกๆบนรถแล้วเดินลงมาถามเจ้าหน้าที่แถวนั้นแทน

     

    “รอบนึงก็สิบนาทีได้ค่ะ แต่ตอนนี้แถวยาวมากกว่าจะขึ้นเกรงว่าพระอาทิตย์จะขึ้นก่อนน่ะสิคะ” พนักงานสาวยิ้มอ่อนๆให้ทั้งสองคนก่อนจะหันไปตอบคำถามจากคนอื่นอีก

     

    “เอาไงคุณ? อยากดูหรือเปล่า?”

     

    “นายสิอยากดูไหม ถ้าอยากดูก็...ขอโทษที่ไม่ยอมตื่น..”

     

    “ไม่หรอก ผมตั้งใจจะอยู่รอไปพร้อมคุณเอง ส่งมือมา”

     

    “หื้อ?”

     

    “วิ่งกันสักหน่อยคงไม่เป็นไร” ชานยอลรีบคว้ามืออีกคนไว้แล้วพาวิ่งขึ้นไปทางบันไดยาวข้างๆกับกระเช้า

     

    “อย่าก้าวยาวสิ วิ่งตามไม่ทัน..แล้วนะ” ขึ้นมาได้สักพักจงอินก็หอบกิน ไม่ใช่ว่าไม่ไหวนะ แต่ว่าการที่เพิ่งตื่นมาแล้ววิ่งเลยก็ยังไงอยู่ เหนื่อย..

     

    “มาจับมือผมไว้นี่”

     

    “อยากดู..พระอาทิตย์ เฮ้อ...ขนาดนั้นเลย?”

     

    “ก็แค่อยากดูกับคุณ”

     

    “ระ..เหรอ”

     

    “อื้อ มาเร็ว เดี๋ยวไม่ทันนะ” พอได้ยินแบบนั้นก็ยอมส่งมือไปจับกับอีกคนไว้แล้วออกแรงวิ่งต่อ อีกใกล้ไหมเนี่ยยยย

     

    “ใกล้ถึงยัง??”

     

    “นู่นๆ คุณเห็นสุดขอบบันไดหรือยัง?”

     

    “อื้อ..แฮ่กๆๆ กลับไปโรงแรมนะ ฉํนจะไปนอนต่อทั้งวันเลยคอยดู”

     

    “เอาน่าคุณครั้งนึงในชีวิต”

     

    “โอ๊ย ถึงแล้วๆๆๆๆ” วิ่งไปบ่นไปตลอดทางแต่สุดท้ายก็พากันวิ่งมาจนถึงจุดชมวิวจนได้

     

    “เหนื่อยอ่ะ...”

     

    “ไม่ต้องพูดเลยนาย ฉันก็เหนื่อย เฮือกกกขอถังออกซิเจนด้วย”

     

    “พระอาทิตย์จะขึ้นยังอ่ะคุณ?”

     

    “กำลังจะ” พอมองไปที่ท้องฟ้าก็เริ่มเห็นแสงสีแดงๆโผล่ขึ้นมาจากขอบความมืดแล้วล่ะ ดีจังที่ขึ้นมาทันเวลา...

     

    “โอ้ะๆๆ นั่นไงๆ” จู่ๆเสียงที่คุ้นเคยกดังขึ้น พอหันไปก็เห็นจงแดกำลังยืนกระโดดอยู่ข้างหลังคุณคริสที่ยืนตัวสูงให้แพนด้าขี่คออยู่

     

    “จะไปหาทุกคนไหม?”

     

    “คุณไปเหอะ ผมขอดูอยู่ตรงนี้แหละ”

     

    “ไปด้วยกันดิ..เอ่อ...ถ้างั้นไม่ไปก็ได้ ดูกันสองคนนี่แหละ”

     

    “...”

     

    “ยิ้มอะไร ดูพระอาทิตย์ไปเลย” จับหน้าอีกคนให้หันไปทางดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นมาจากขอบฟ้าทีละนิด พอได้เห็นภาพแบบนี้ก็ลืมไปเลยนะว่าวิ่งมาเหนื่อยขนาดไหน

     

    “ถ่ายรูปกัน” จู่ๆชานยอลก็หยิบมือถือออกมาแล้วสะกิดอีกคนให้หันหน้ามามองกล้องโดยมีแสงจากพระอาทิตย์เป็นฉากข้างหลัง

     

    “โหย หน้าบวมโคตร” พอเห็นสภาพหน้าตัวเองที่สดจนไม่รู้จะพูดยังไงในกล้องแล้วอยากจะร้องไห้ ทำไมไอ่กางนี่ถึงได้ดูดีตลอดเวลาวะ

     

    “ไม่เห็นเป็นไรเลยคุณ น่ารักออก เอ้ายิ้มๆๆ” ถึงจะบ่นสุดท้ายก็ยอมถ่ายรูปด้วยกัน แน่นอนว่าคนแบบชานยอลคงไม่กดชัตเตอร์แค่ช็อตเดียวหรอก มันกดไปเป็นสิบแล้วเนี่ย

     

    “ไหนๆ ดูรูปหน่อย โหย..นายดูดีอยู่คนเดียว ดูดิ ถ่ายมาสิบภาพหน้าฉันบวมเหมือนเดิมสิบภาพเลย”

     

    “บอกว่าน่ารักก็น่ารักสิคุณ” พอเห็นว่าอีกคนงอแงก็รีบกอดคอพาเดินไปหาคนอื่นๆที่กำลังโวยวายแย่งกันถ่ายรูป

     

    “กัดหูขาดเลยดีไหม?”

     

    “กัดดิ”

     

    “ไม่เอา เค็ม”

     

    “ใจร้าย”

     

    “ตรงไหน? นี่น่ารักสุดแล้ว”

     

    “เหอะ” นิ้วยาวๆยกขึ้นมาดีดหน้าผากอีกคน ชานยอลเอาแต่หัวเราะร่าเมื่อจงอินโวยวายชุดใหญ่

     

    “อ้าว มากันแล้วเหรอ?”

     

    “ยังมั้งเจ๊”

     

    “อยากตายเป็นผีบนดอยใช่ไหม?”

     

    “ดีนะ เย็นดี”

     

    “...” ถีบ

     

    “เจ็บจุงเบย”

     

    “เอาอีกไหม?”

     

    “ไม่เอาครับๆๆ ผมกลัวแล้ว คุณพี่ขาใหญ่ขาโหด”

     

    “ขาใหญ่ไร! นี่ขานางแบบชัดๆ เพรียวขนาดน็”

     

    “มโน”

     

    “ไอ้น้องไม่รักดี!

     

    “...” วิ่งเข้าห้องน้ำไปแล้ว

     

    “นี่ชานยอล”

     

    “ครับ?”

     

    “นายเคยโดนมันแซะบ้างไหม?”

     

    “แซะ?”

     

    “แบบที่มันทำกับฉันเมื่อกี้อ่ะ”

     

    “นอกจากเรียกผมว่า ไอ้กาง  แล้วก็ไม่มีอะไรนะครับ”

     

    “ไอ้น้องทรยศ ทีกับผู้ชายนะพูดจาดี๊ดี”

     

    “จงแด นายพกไข่ดำๆของนายมาด้วยเหรอ?” ทันทีที่ออกมาจากห้องน้ำก็เดินไปแซะชาวบ้านเค้าเล่น เห้อ..

     

    “ก็มันหิวนี่ นายจะกินไหมล่ะจงอิน?”

     

    “ไม่เว้ย ไหม้ขนาดนั้นไฟไหม้ห้องนอนนายตอนทำเหรอ?”

     

    “เอ้ะ”

     

    “เห้อ..มันแซะทุกคนยกเว้ยนายสินะ” นูน่าหันมาส่ายหน้าให้กบความปากจัดของน้องชายตัวเอง นี่ตอนเกิดมันคาบหมามาด้วยหรือเปล่า

     

    “เขาไม่แซะแต่เน้นทำร้ายร่างกายมากกว่า”

     

    “แล้วนายก็สมยอมมัน?”

     

    “ไม่ยอมก็โดนซ้ำสิครับ”

     

    “แล้วจะยอมมันทำม้ายยยย ตัวก็สูงกว่าจับๆมันโยนทิ้งทีเดียวก็ปลิวแล้ว”

     

    “ฮ่ะๆๆๆ”

     

    “นี่ สองคนนั้นคุยอะไรกัน นินทาเหรอ!!

     

    “ปล่าว ใครเค้าจะไปพูดถึงแกห้ะ?”

     

    “โกหกขอให้ดำขึ้น”

     

    “มานี่มาคุณ พูดเยอะจัง หิวเหรอ..จงแดๆขอไข่แกให้จงอินทานหน่อยสิ”

     

    “หึ้ย ไม่เอา ไม่อยากกิน”

     

    “อ่ะกินสิ ติดใจไข่ฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?”

     

    “ไม่ต้องมายัดเยียดไข่ดำๆนี่ให้ฉัน ของคยองซูอร่อยกว่าตั้งเยอะ”

     

    “แค่กๆๆๆๆๆ”<- แบค

     

    “เคยกิน?” <- ชานยอล

     

    “ห๊ะ? ก็แบคเคยพูดให้ฟังว่าคยองซูทำอาหารอร่อย”

     

    “กินไข่ฉันไปเหอะ ไม่ตายหรอก”

     

    “รู้แล้วน่า อ่าว แบคฮยอนเป็นอะไรอ่ะ สำลักข้าวเหรอ?”

     

    “ครับๆ”

     

    “ค่อยๆดิ”

     

    “แค่ก”

     

    “เอ้า คยองซูมาดูแลสิ มันสำลักใหญ่แล้วน่ะ”

     

    “อ่า...คุณคริสไปไหนมาน่ะครับ?”

     

    “ป้อนไผ่ให้เทาเทาน่ะครับ ตอนนี้กินอิ่มหลับปุ๋ยไปแล้วครับ”

     

    “ทุกคน ถ้ากินข้าวที่เตรียมมากันอิ่มแล้วเดี๋ยวไปถ่ายรูปรวมกันตรงนู้นนะ เก็บไว้เป็นที่ระลึก ส่วนขยะนี่ปาใส่จงอินได้เลยเดี๋ยวให้มันเก็บไปทิ้งให้”

     

    “เจ๊ นี่น้องนะเว้ย”

     

    “เอ้ะ เดี๋ยวนี้มีว้งมีเว้ยใส่”

     

    “เออ”

     

    “โถ่ๆ มีไม่พอใจซะด้วย เมนส์มาเหรอจ๊ะจงอินน้องรัก”

     

    “อ้าว เดี่ยวนี้ผู้ชายก็เป็นได้แล้วเหรอครับ? หรือว่าคุณจงอินเป็นทอม?”

     

    “นี่นาย..เห้อ..คริส...อย่าไปฟังเจ๊ให้มันมากเลย นั่นมันคนบ้า”

     

    “จงอิน!” ฮโยรินคว้ากระป๋องโค้กที่ชานยอลเพิ่งซดไปจนหมดมาถือไว้ในมือก่อนจะปาไปโดนหัวน้องชายตัวเองเป๊ะๆก่อนที่มันจตกลงไปในถุงขยะที่จงอินถือไว้อย่างสวยงาม

     

    แปะๆๆๆ (ชานยอล แบคฮยอน คริส เทาเทา คยองซู ป๊าและม๊าปรบมือ)

     

    “โป้งแล้ว!!!

     

    “สงสัยเมนส์คงมาจริงๆ” <- จงแด







     

    สามสิบเปอร์เบาๆอีกรอบ







     

    “มาถ่ายรูปกันเร็วเด็กๆ”

     

    “ครับๆ”

     

    “เดี๋ยวรอคุณคริสเป๊ปนึงนะครับเค้าบอกว่าจะเอาแพนด้ามาถ่ายด้วย”

     

    “วุ้ย ไอ้แพนด้านี่ชีวิตมันจะดีเกินไปละ”

     

    “พูดมากปากเหม็น”

     

    “เจ๊!

     

    “ทำไมอิจฉาแพนด้าหรือไง อยากมีคนดูแลบ้างไหมล่ะ? นู่นไงชานยอล”

     

    “ไม่เอา!

     

    “ปากแข็งระวังเสียใจทีหลังนะจ๊ะนังหนู”

     

    “ผมยังมีโอกาสอีกเยอะ เจ๊บอกตัวเองเหอะ แก่จนปูนนี้แล้วยังไม่มีผู้ชายตกถึงท้องสักคน”

     

    ผั๊วะ!

     

    “นี่เจ๊! ต่อยมาไม่ได้ดูกำลังแขนตัวเองเลยนะ แขนจะหักไหมเนี่ย”

     

    “ฉันไม่ต่อยหน้าก็ดีเท่าไหร่แล้ว ชานยอลมาเอามันไปทีสิ! ฉันเบื่อขี้หน้ามันแล้วเนี่ย”


    "พวกแกเลิกตีกันสักสองนาทีจะได้ไหม? ป๊าจะได้ถ่ายรูปให้ไหมเนี่ย”

     

    “มาครับๆ พร้อมแล้วครับ” ชานยอลที่เดินอ้อมมาจากข้างหลังใช้แขนยาวๆเกี่ยวคอจงอินให้เขยิบเข้ามาใกล้และเว้นที่ตรงกลางไว้ให้ป๊าวิ่งเข้าเฟรมมาถ่ายรูปรวมด้วยกัน

     

    “หนักนะเว้ย”

     

    10 วินะทุกคน เออๆ ขอบใจมากชานยอล แต่เว้นแคบไปนิดขอพื้นที่ให้ฉันกว้างๆหน่อย”

     

    “ทำไมนานจังป๊า กดๆแล้วมาถ่ายสักทีเถอะ”

     

    “เออจ้ะพ่อคนใหญ่คนโต พ่อจงอินที่สั่งได้ทุกอย่าง เอานะ 10….9.…8….” พอกดชัตเตอร์ป๊าก็รีบวิ่งมายืนตรงที่ที่ชานยอลเว้นไว้ให้ตั่นก็ยังไม่พออยู่ดีจนคนอื่นต้องเขยิบออกข้างๆกันไปแต่ก็เขยิบได้เพียงนิดเดียวเนื่องจากกลัวตกเฟรม

     

    “เอาแก้มแกออกไปจากหน้าฉันเลยไอ่กาง”

     

    “ไม่ได้คุณ คนอื่นเค้าเบียด”

     

    5…4….3…

     

    “แล้วฉันเบียดนะ”

     

    “เอาน่า..รักกันไว้ยิ้มๆ”

     

    2…1…. แชะๆๆ

     

    “นี่ป๊ากดไว้กี่ภาพเนี่ย!!

     

    แชะๆ

     

    “จงอินเงียบไป ทุกคน ทำท่าไชโยเร็ว”

     

    “โอ๊ยไอ้กาง หอมแก้มฉันเลยไหมถ้าจะขนาดนี้”

     

    “ให้ด้วย?”

     

    “ไอ่เลว!

     

    “เฮ้!!!

     

    แชะๆๆ

     

    “ไหนๆ มาดูรูปสิ” ป๊าและคนอื่นๆรีบวิ่งออกจากวงไปที่กล้องเพื่อกดดูรูปที่เพิ่งถ่ายรัวไป

     

    “ทำไมตัวไม่ยิ้มเลยอ่ะ” แบคฮยอนหันไปถามคยองซูเมื่อเห็นรูปว่าจากรูปเป็นสิบคยองซูยิ้มแค่สองรูปสุดท้าย

     

    “กล้องมันเร็วขนาดนั้น ใครมันจะไปยิ้มทันทุกรูป” เลยยิ้มทันแค่สองรูปสุดท้ายสินะ...

     

    “แล้วนี่สองคนนี้เล่นอะไรกันวะ?” ป๊าส่งกล้องให้กับชานยอลและจงอินที่กำลังยืนตีกันอยู่ที่เดิมดู

     

    “ไหนๆ โหยย ทำไมมีแต่รูปแบบนี้อ่ะ” จงอินโวยวายเมื่อเห็นว่าแต่ละรูปมันออกมาแบบไหน สองรูปแรกก็กำลังทำหน้าบึ้งๆเพราะถูกเบียด หลังจากนั้นก็เป็นรูปตอนที่เขากำลังถามพ่อว่ากดถ่ายไปกี่รูป ส่วนที่เหลือก็เป็นรูปเขากำลังผลักหน้าชานยอลให้ออกไปพ้นๆ

     

    “ก็เอาแต่เล่นกัน”

     

    “ไอ้นี้เลยป๊า ด่ามัน” ได้ทีก็ฟ้องป๊าเลย แกโดนแน่ไอ้กางแกโดนป๊าฉันด่าแน่ ว้ายๆๆๆๆ

     

    “ด่าแกเนี่ย เล่นไม่รู้เวลา หน้าปกติก็ทุเรศละ ทำงี้ยิ่งทุเรศ”

     

    “ป๊า!!!

     

    5555555555555555555555

     

    “ไม่ต้องขำเลยไอ่กาง เพราะนายทั้งนั้นเลยเนี่ย!

     

    “เอ้า ผมผิดอีก 555555555555

     

    “เอ้าทุกคนๆๆ เดี๋ยวเราจะลงไปทำกิจกรรมกันข้างล่างรีสอร์ทกันนะ...”

     

    “เล่นเกมส์ป้ะครับนูน่า?” แบค

     

    “แน่นอน adventure สุดๆ”

     

    “โอ๊ยตาย ฉันจะไหวไหมเนี่ย” จงแด

     

    “ปวดเข่า?” ชานยอล

     

    “จ้ะ แก่แล้วก็เงี๊ยะ ใครมันจะไปฟิตพาเด็กวิ่งขึ้นเขามาดูพระอาทิตย์ด้วยกันแบบใครบางคนล่ะ”

     

    “ไม่มีคนให้พาขึ้นมาก็พูด อย่าเอาอายุมาอ้างครับคุณจงแด ได้ข่าวว่าเราสองคนก็ยี่สิบต้นๆ

     

    “ไว้ฉันหาได้เมื่อไหร่นะ จะพามาควงอวดเช้าเย็นเลยคอยดู”

     

    “ขอให้ได้ขอให้โดนเลย”

     

    “ซ้าาาาาาาาธุ ขอแบบขาวๆหมายๆอวบๆน่ารักน่าฟัดสักคน”

     

    “เฮ้ ฮยองสองคนนั้นรถจะไปแล้วจะยืนคุยกันอีกนานไหม? พวกเราจะไปแล้วนะ”

     

    “ไปๆๆๆ อย่าเพิ่งทิ้งกันดิ๊ แบคฮยอนนน”

     

     

     

     

     

    =============================

     

     

     

     

    “เดี๋ยวฉันจะปล่อยให้ไปพักผ่อนนอน กิน เล่น กันก่อนนะ เดี๋ยวอีกประมาณชั่วโมงนึงฉันจะไปเรียกล่ะกัน”

     

    “ครับๆ” หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มแยกย้ายกันไปตามห้องนอนของตัวเอง ส่วนคนแบบแบคฮยอนน่ะเหรอ...ก็อยู่กับคยองซูสุดที่รักนี่ไง

     

    “คายองจูววว”

     

    “หื้อ?”

     

    “เล่นเกมกัน”

     

    “เกมอะไรล่ะ?”

     

    “นับเลขกัน ใครนับถึง 20 ก่อนแพ้”

     

    “อือๆ 1

     

    2 3 4”

     

    “5”

     

    “6 7”

     

    “8 9”

     

    “10 11 12”

     

    “13 14 15”

     

    “16 17 18”

     

    “19”

     

    “โอ๊ย แพ้ละ นายจะเอาอะไรกับติวเตอร์ภาษาอังกฤษห้ะแบคฮยอน เปลี่ยนเกมเหอะ”

     

    “เฮ้ย ตัวเองแพ้แล้วก็ต้องฟังคำสั่งก่อนสิ”

     

    “อ่ะ จะให้ทำอะไรว่ามา” นั่นแหน่..ไม่กลัวซะด้วย

     

    “หอมนี่” ยกมือขึ้นเคาะแก้มที่อมลมเอาไว้จนพอง หอมๆเร็วคยองซูววว

     

    “หลับตาสิ”

     

    “...อ่ะๆหลับๆ”

     

    “...”

     

    “โง้ยยยยย” แบคฮยอนร้องโอดครวญทันทีเมื่อถูกคยองซูดึงแก้มจนยืดเป็นทางยาว(?)

     

    “แก้มยืดเชียวนะ”

     

    “ก็ตัวเองดึงทุกวัน”

     

    “ก็มันน่าดึง”

     

    “เร็วๆๆๆ”

     

    “อะไร?”

     

    “โอ๊ย ก็ตัวเองแพ้ไง หอมแก้มเร็วๆ”

     

    “ขอทำงานก่อน”

     

    “...” พอเห็นว่าคยองซูหยิบโน้ตบุ๊คออกมาทำงานแบคฮยอนก็หน้าเบะทันที มาเที่ยวทั้งทีแต่ว่าเจ้าตัวดันเอางานมาทำด้วยเนี่ยนะ ไม่ใจเลยยยย

     

    “....”

     

    “...เห้อ” เอาเหอะแบคฮยอน ถึงจะงอแงไปคยองซูก็คงจะทำงานต่ออยู่ดี เผลอๆโดนดุอีกต่างหาก

     

    “นั่งนิ่งๆเป็นเด็กดีนะ” คยองซูยกมือขึ้นลูบหัวเด็กที่ไปหยิบไอติมถ้วยมานั่งทานหงุบหงับอยู่ข้างๆ

     

    “กินป้ะ?”

     

    “ไม่อ่ะ”

     

    “โอเคๆ”

     

    “....”

     

    “ทำอะไรอ่ะ?”

     

    “พิมพ์แบบฝึกหัด อย่ามาแอบดูก่อนสิ” คยองซูรีบหันโน้ตบุ๊คหลบสายตาแบคฮยอนที่พยายามชะเง้อคอมามอง

     

    “ดูหน่อยนะๆๆ”

     

    “ไม่”

     

    “ตัวเองอ่ะ!!!

     

    “รอเป๊ปนึง เดี๋ยวพิมพ์เสร็จแล้วจะไปเล่นด้วย”

     

    “งุ้ย...ก็ได้ครับ”

     

    “เด็กดีนี่..” หลังจากนั้นคยองซูก็ใช้เวลาไปกับการพิมพ์แบบฝึกหัดโดยมีเสียงแบคฮยอนที่โวยวายกับหนังในทีวีอย่างเอาเป็นเอาตาย

     

    “เสร็จแล้ว”

     

    “เย้!” พอเห็นว่าคยองซูกดเซฟงานแล้วเอาโน้ตบุ๊คไปเก็บแบคฮยอนก็รีบกระโจนกลับขึ้นมาบนเตียงทันที

     

    “ดีใจมากเหรอ?”

     

    “มากสิ”

     

    “นี่กินไอติมยังไงถึงได้เลอะแบบนี้เนี่ย?”

     

    “เลอะอ่อ?”

     

    “อือ เนี่ย” ใช้นิ้วมือปาดคราบไอศกรีมที่ปากอีกคนออกอย่างลวกๆก่อนจะบีบจมูกแรงๆหนึ่งที

     

    “คยองน่ารักกก”

     

    “นายน่ารักกว่าอีก”

     

    “...พ...พูดอีกได้ป่ะ?”

     

    “มีรอบเดียว”

     

    “โถ่ คยองจูววว”

     

    you’re so cute’’

     

    you too”

     

    “I know”

     

    “หลงตัวเองนะเดี๋ยวนี้...”

     

    “ติดมาจากคนแถวนี้แหละ”

     

    “แล้วหลงเค้าด้วยป้ะ?”

     

    “คิดเอง”

     

    “โหย...เออนี่ๆ ลืมป้ะเนี่ย?” แบคฮยอนจับแขนอีกคนเขย่าๆก่อนจะเคาะไปที่แก้มตัวเองอีกครั้ง

     

    “จะเต้นเหรอ เพลงอะไรนะที่ดังๆอ่ะ”

     

    “คนร้องหล่อ”

     

    “คนที่ชื่อดีโอป้ะ?”

     

    “อย่ามา คนที่หน้าเหมือนวีบีทีเอสหล่อกว่าอีก”

     

    “คนนั้นตุ๊ดชัดๆ”

     

    “เอ้ะ...นี่ไม่ต้องพานอกเรื่องเลย”

     

    “งั้นมาใกล้ๆสิ”

     

    “อ่ะๆ” เขยิบๆ

     

    “...” ดึงจมูกเลยนี่แหนะ

     

    “โอ๊ยยยยย”

     

    “....”

     

    “....” แบคฮยอนรู้สึกเหมือนโนใครสักคนสต๊าฟไว้เนื่องจากว่าถูกอีกคนพุ่งจู่โจมหอมแก้มแบบไม่ทันตั้งตัว ร้ายนะคยองซู...

     

    “หายเจ็บยัง?”

     

    “...” เบะ

     

    _???”

     

    “...” จุ๊บ

     

    _!!!!” คยองซูรีบเข้าไปล็อคคอแบคฮยอนเอาไว้แน่นเมื่อถูกเจ้าเด็กปลาไหลนี่ขโมยจุ๊บไปเมื่อกี้ ลื่นกว่าปลาไหลก็แบคฮยอนนั่นแหละ!

     

    ก๊อกๆๆๆ

     

    “ใครครับ?”

     

    “นูน่าเอง มาตามน่ะ”

     

    “ชั่วโมงนึงแล้วเหรอ??”

     

    “เอาน่าไปเหอะ” คยองซูเดินไปจูงมือแบคฮยอนที่ยืนงงๆอยู่ ก็นั่นแหละ ขนาดเขาเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้ว เร็วชะมัด

     

    “อ่าว นั่นคริสฮยองนี่”

     

    “ไง”

     

    “เทาเทาล่ะครับ?”

     

    “คุณชานยอลยืมตัวไปเล่นเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนนะครับ อ้อ..ที่นี่พอจะมีของฝากให้ซื้อไหมครับ?”

     

    “อ้อๆ ผมเห็นตรงนู้นมีเข่งปลาทูขายนะ”

     

    “ปลาทู?”

     

    “ใช่ๆ มีพวงกุญแจปลาทูขายด้วยนะ”

     

    “อ๋อ โอเคๆ ขอบคุณนะแบคฮยอน”

     

    “อ้าวทุกคน นี่ฉันมาช้าสุดป้ะเนี่ย” จงแดวิ่งเข้ามารวมตัวกับคนอื่นๆด้วย

     

    “ไม่ๆ มีคนช้ากว่านายอีก”

     

    “ใครๆ เจ๊จะหมายถึงผมใช่ป้ะ มาแล้วโว้ยๆ”

     

    “แล้วไอ้ชานไปไหนอ่ะ? จงอินรู้..”

     

    “ไม่รู้เว้ย ฉันไม่ได้ตัวติดกับเพื่อนนายตลอดเวลานะ”

     

    “แหมรีบตอบจัง ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”

     

    “เออเนี่ยร้อนตัว”

     

    “เจ๊! เจ๊รู้จักจงแดเหรอ เข้าข้างกันเกิ๊น!

     

    “ทำไมฉันจะไม่รู้จัก? ต่อให้จงแดกับฉันจะไม่รู้จักกันแต่ถ้ามีแกในบทสทนาแล้วล่ะก็คนที่โดนต้องเป็นแก”

     

    “เจ๊!!

     

    “แท็กมือหน่อยสิคุณคิมจงแด”

     

    “จัดไปครับนูน่า”

     

    แปะ!

     

    “มาแล้วครับๆๆ” ชานยอลที่วิ่งออกมาจากโรงแรมโดยมีแพนด้ายักษ์เกาะหลังอยู่ หอบแฮ่กๆเมื่อมาถึง เอาจริงระยะทางก็ไม่ได้ไกลแต่ด้วยน้ำหนักตัวของแพนด้านั้นเล่นเอาเหนื่อยไม่ใช่น้อย

     

    “โอ้ะ มาครับ เดี๋ยวผมอุ้มเอง”

     

    “เดี๋ยวนี้เทาเทาซนกว่าเดิมอีกนะคุณคริส เมื่อกี้วิ่งไปหาลุงข้างห้องด้วย ผมต้องรีบไปอุ้มไว้แล้วบอกว่าเป็นตุ๊กตาไขลานแหนะ”

     

    “ฮ่ะๆๆๆ เด็กกำลังโตน่ะครับ ขอบคุณที่ดูแลให้นะครับชานยอล”

     

    “เจ๊ๆ นี่จะให้ทำอะไรบ้างอ่ะ?”

     

    “เล่นเกมไง หนุกๆมันส์ เรลลี่อ่ะเรลลี่ รู้จักมะ?”

     

    “....”

     

    “เอ้า เงียบๆ สงสัยไม่เก็ท”

     

    “....เออ”

     

    “นี่เคยเล่นกันไหมเรลลี่อ่ะ?”

     

    “เคยครับ” สามเสียงจากสามทหารเสือดโยโดรี โยดา และอี้ฟาน

     

    “งั้นก็ดี เดี๋ยวนูน่าจะทำฉลากให้นะ ครั้งนี้เราจะเล่นเป็นคู่ๆเอา” หลังจากนั้นฮโยรินก็หายไปสักพักพร้อมกับยืนผ้าพันคอสีๆให้แต่ละคน

     

    “คนที่ผ้าพันคอสีเหมือนกันแปลว่าได้อยู่ทีมเดียวกันนะ นูน่าให้การจับฉลากเพราะฉะนั้นที่ถือในมือนี่ดวงและโชคชะตาล้วนๆนะจ้ะ”

     

    “ฝากผมกับเทาเทาด้วยนะครับคุณคยองซู”

     

    “อ้าวไอ่ชานเพื่อนรักกกกกกก”

     

    “อ้าวจงแดเพื่อนรักกกกกก”

     

    “แบค....”

     

    “ห้ะ?”

     

    “เราคู่กัน” จงอินยืนมองผ้าพันคอในมือที่มันเป็นสีเดียวกันแบคฮยอนแล้วก็ถอนหายใจออกมา อย่างน้อยก็ไม่ใช่ไอ่กางแหละวะ

     

    “งั้นดีเลยฮยอง เราชนะแน่”

     

    “เออฉันกว่างั้น ดูทีมอื่นสิ กากมากๆ”

     

    “ทีมคริสฮยองคงทำอะมากไม่ได้เพราะต้องหิ้วแพนด้าหนักๆไปด้วยส่วนทีมชานยอลฮยองแค่ให้ฮยองไปอ้อนหน่อยเค้าก็ยอมแพ้แล้ว”

     

    “คงไม่คิดจะให้ฉันทำจริงๆใช่ไหม?”

     

    “ถ้ามันถึงเวลาจำเป็นก็ต้องทำนะ”

     

    “งั้นทำไมนายไม่ไปอ้อนเองล่ะ”

     

    “ผมอ่ะนะ? ฮยองได้ผลแรงกว่าบอกเลย”

     

    “แค่คิดฉันก็ขนลุกพรึ่บพรั่บละ”

     

    “เพื่อพวกเราน่าฮยอง สู้!!

     

    “เออๆๆๆๆ สู้!!

     

    “คู่นั้นคุยกันเสียงดังจัง”

     

    “ฮยองอย่าแอบฟังพวกผมคุยกันสิ...” แบคฮยอนหรี่ตามองคริสที่กำลังอุ้มแพนด้าไปไว้ที่ท้ายรถโฟร์วีลอย่าเอาเรื่อง

     

    “ขี้โกงอะไร พวกนายพูดกันเสียงดังเอง”

     

    “ตัวเองกลัวแพ้ทีมเค้าล่ะสิ”

     

    “เดี๋ยวก็รู้” คยองซูพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉยก่อนจะหันไปพูดกับคริสต่อ ส่วนแบคฮยอนน่ะเหรอ? วิ่งกลับไปหลบหลังจงอินตั้งแต่คยองซูหันมาแล้ว

     

    “โถ่ กลัวแฟนนี่หว่า ไม่ใจเลย”

     

    “นี่คุณไปแซวน้องทำไม”

     

    one two one two no tree no tree” จงอินชี้ตัวเองกับแบคฮยอนสลับไปมาแล้วหันส่ายนิ้วไปให้ชานยอลที่เดินมาอยู่ตรงหน้า

     

    ขนาดนี้ก็บอกว่าอย่าเสือกก็ได้ครับจงอิน...

     

    “เอ้ยยย ผมเสียทรงหมดไอ่กาง” หลังจากถูกอีกคนผลักหัวก็รีบจัดทรงผมให้เข้าที่เหมือนเดิม ชานยอลยักไหล่เป็นการบอกว่าไม่แคร์

     

    “โอ่ยยยย เปลี่ยนคู่เลยไหมเพื่อนรัก?”

     

    “ไม่เอา ฉันกับแบคฮยอนเราวางแผนไว้แล้ว”

     

    “เปลี่ยนก็ได้นะฮยองผมไม่ว่า”

     

    “แกจะไปชี้ช่องให้มันทำไมล่ะแบค”

     

    “ผมอยากเห็นฮยองมีความสุขด้วยกัน”

     

    “สุขกับผีอ่ะดิ”

     

    “นี่ทุกคนเลิกเถียงกันสักทีจะได้ไหม เอ้านี่ กุญแจรถ ขับไปตามลูกศรที่แปะไว้ตามทางนะ ถ้าเกิดพร้อมก็ออกตัวได้เลย”

     

    “เดี๋ยวผมขับให้นะคุณคยองซู”

     

    “แกจะขับหรือให้ฉันขับ?”

     

    “แกขับเหอะไอ่ชาน ถ้ายังไม่ชานตกเหวตาย”

     

    “โอเคๆ”

     

    “..จงอินฮยอง”

     

    “??”

     

    “ฮยองขับเป็นใช่ไหม?”

     

    “เจ๊!!!” หลังจากได้ยินน้องชายในไส้ตัวเองตะโกนเรียกฮโยรินก็ต้องเดินลงจากรถของตัวเองมาดู มันเป็นบ้าอะไรอีก?

     

    “อะไร???”

     

    “ก็รู้ๆอยู่ว่าผมขับรถไม่เป็นอ่ะ ยังจะมาให้ขับอีกเหรอ?”

     

    “จับฉลากป้ะ?”

     

    “ก็...เออ...ไม่ต้องห่วงนะแบคฮยอนเดี๋ยวฉันจะซิ่งพานายไปชนะเอง”

     

    “โห ฮยองโคตรเท่!

     

    “มันแน่อยู่แล้ว”

     

    “ชื่นชมเลย”

     

    “แปะๆๆๆ” เด็กน้อยปรบมือใหญ่แล้ว

     

    “ขึ้นรถกันไอ้หนู ไปก่อนได้เปรียบ” จงอินคว้ามือแบคฮยอนแล้ววิ่งขึ้นรถที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที ว่าแต่มันขับยังไงล่ะเนี่ย อันนี้คือเกียร์ใช่ไหม เออ ต้องบิดกุญแจก่อนป่าววะ

     

    ครืด..ครืดดด

     

    เสียงรถติดขึ้นทำไมให้ผมรู้สึกมั่นใจขึ้นประมาณสามล้านเปอร์เซ็นต์ แปลว่าผมมาถูกทางแล้วใช่ไหม? แล้วทำไงต่อเข้าเกียร์?

     

    คึกๆๆๆ บรืนนน

     

    จู่ๆรถมันก็ถอยหลังไปจนเกือบหล่นถนน ไอ้นี่มันเกียร์ถอยหลังเหรอวะ???

     

    บรืนนน

     

    โอ้เยส! ในที่สุดคิมจงอินผู้นี้ก็สามารถทำให้รถนี่เคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างปลอดภัย

     

    พอขับไปตามทางก็เห็นลูกศรสีสะท้อนแสงแดดแปะตามต้นไม้นั่นยิ่งทำให้มั่นใจว่ามาถูกทาง

     

    “ฮยองๆ มีป้ายเขียนเลข 1 อยู่ข้างหน้าอ่ะ เราต้องจอดป้ะ?”

     

    “จอดๆ แบค นายวิ่งลงไปดูนะ แล้วรีบกลับมา”

     

    “รับทราบครับ มองแบคฮยอนวิ่งดุ๊กๆลงไปแล้วก็ขำ มันกลมมาก

     

    “ฮยองๆ มีกระดาษแปะไว้อยู่ ผมว่าเราต้องลงมาทำภารกิจนะ”

     

    “กระดาษอะไรวะ?” หลังจากบิดกุญแจแล้วก็ลงจากรถไปหาน้องทันที

     

     

     

     

    ด่านแรก : ด้วยอุปกรณ์ทั้งหมดที่มี ให้ทำน้ำให้กลายเป็นน้ำแข็งให้ได้

    [ ทีมแรกที่ผ่านรับธง 3 อัน ทีมที่สองรับธง 2 อัน ทีมสุดท้ายรับธง 1 อัน ]

     

     

     

     

     

    “หื้ม?” มองไปยังโต๊ะที่มีกระดาษเปล่า ดินสอ ยางลบ แก้วน้ำ ขวดน้ำ และ...เอ่อ...ตุ๊กตาหมี วางอยู่แบบงงๆ

     

    “สวัสดีเด็กๆ!

     

    “โอ๊ยป๊า! โผล่มาจากไหนเนี่ย”

     

    “ใต้โต๊ะ..อ่านกติกากันเข้าใจแล้วใช่ไหม?”

     

    “เข้าใจ แต่ต้องทำไง นี่ไม่ใช่เอลซ่านะจะมาพูดเลทอิทโกแล้วเสกให้เป็นน้ำแข็งได้อ่ะ”

     

    “แต่ถ้าทำได้ในตอนสุดท้ายเราจะนับธงนะใครเก็บได้เยอะสุดจะได้รางวัลไป”

     

    “เห่ย...”

     

    “ฮยองรู้วิธีไหม?”

     

    “นายรู้เหรอแบคฮยอน?”

     

    “เชื่อใจผมป้ะล่ะ?”


     






    ==============================









     

    ปิ๊ง!!!!!!

     

    เพราะความเชื่อใจหรืออะไรสักอย่างที่ทำให้คิมจงอินมานั่งเอาแก้วน้ำฝั่งดินกับแบคฮยอนอยู่แบบนี้ นี่ก็ไม่เข้าใจว่ามันจะกลายเป็นน้ำแข็งได้ยังไง แต่ตอนนี้ทั้งสองคนก็มานั่งมองแก้วน้ำที่ถูกฝังดินไปครึ่งแก้วอย่างใจจดใจจ่อ

     

    “อีกนานไหม?”

     

    “คงอีกสักพักมั้งฮยอง รอๆ”

     

    “มันจะเป็นน้ำแข็งจริงๆเหรอวะ?”

     

    “จริงดิฮยอง ในดินมันมีความเย็นนะฮยองเคยเห็นแม่คะนิ้งป้ะ? มันยังเกาะบนยอดหญ้าเลย”

     

    “เออๆ พูดจามีเหตุผล”

     

    บรืนนนนน เอี๊ยดดดด

     

    เงยหน้าอันหล่อระทวยขึ้นมามองล้อรถที่จอดเฉียดแก้วน้ำไปนิดเดียว ถ้ามันเหยียบนะ คงได้ลุกไปอาละวาดอ่ะจริงๆ

     

    คิดได้ไม่เท่าไหร่ ขายาวๆของคนขับก็ก้าวลงมาพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมที่กำลังอุ้มแพนด้าปุกปุยลงมาด้วย

     

    “ตัวเอง เค้าช่วยอุ้มเทาเทาไหม?”

     

    “ฮึ้ย อย่าให้ความรักมาอยู่เหนือชัยชนะของเราสิแบค”

     

    “โอ้ะ ตัวเองถือไอ้อ้วนนี้ไปเลยเค้าไม่ช่วยละ”

     

    “ได้...”

     

    พอถูกตอบกลับมาแบบนั้นแบคฮยอนก็รีบวิ่งมานั่งเรียบร้อยที่เดิม ไอ้นี่ฉายแววกลัวเมียตั้งแต่เด็กเลยเว้ย

     

    “เป็นน้ำแข็งสักทีสิเว้ย” บ่นให้แก้วน้ำฟังแก้เบื่อเผื่อมันจะสำนึกได้ว่าควรแข็งได้แล้วพลางชะเง้อคอขึ้นไปมองคนมาใหม่ทั้งสองคน

     

    คริสกำลังทำหน้าตาระรื่นแล้วอาสาอุ้มแพนด้าจากคยองซูเพื่อให้อีกคนทำภารกิจได้สะดวก คยองซูที่ไม่มีแพนด้าเกาะค่อยๆยกแก้วน้ำขึ้นมาดูสักพักก่อนจะวางมันลงไปเหมือนเดิมแลวก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรยิกๆ

     

    “โอ้โห...ใช้เวลาไปแค่ 8 นาทีเอง ไม่เหมือนบางคู่มาตั้งนานแล้วยังนั่งบื้ออยู่นั่น”

     

    “ป๊า”

     

    “อย่ามาเรียกฉันว่าป๊าไอ้เด็กขี้เลื่อย”

     

    “นี่ลูกป๊านะ” ฟีลลิ่งตอนนี้ละอยากจะลงไปดิ้นๆๆๆ ชักดิ้นชักงอเรียกร้องความสนใจ แต่เกรงว่าจะได้ความรักและส้นเท้าป๊าเป็นการตอบแทน

     

    “ทำไมป๊าชอบเห็นคนอื่นดีกว่าลูกนะ”

     

    “แกยังจะกล้าถามอีกเหรอ เอ้อ ตอนคลอดพยาบาลคงหยิบลูกมาให้ผิดคนแน่ๆ ดูพ่อเบ้าหน้าก็ดี แม่ก็สวยปานนางฟ้า พี่สาวก็ฉลาดเป็นกรดเบสและเป็นกลาง ส่วนลูกคนเล็กนี่....เห้อ”

     

    “ผมไปได้แล้วใช่ไหมครับ?” คยองซูพูดขัดทำลายสงครามย่อมๆระหว่างสองพ่อลูก ก่อนจะรับธงทั้งสามอันมาไว้ในมือแล้วยื่นให้เทาเทาเล่น

     

    บรืนนนนน

     

    โดยไม่มีคำล่ำลาใดๆ 2 คนนั้นก็ได้ขับรถออกไปแล้ว ยิ่งหันไปมองแบคฮยอนที่กำลังนั่งกอดเข่าแล้วก็ยิ่งหมดหวังในชีวิต

     

    “นี่แบค วิธีนี้มันจะได้ผลจริงๆเหรอวะ เมื่อกี้เห็นคยองซูทำเป๊ปเดียวก็ผ่านละ หรือว่าคยองซูมีพลังดวงตาปีศาจวะ มองน้ำแล้วกลายเป็นน้ำแข็งเลย?”

     

    “ถามป๊าฮยองดูดิ”

     

    “คิดว่าป๊าจะบอกไหม?”

     

    บรืนนนนนนนนนนนน เอี๊ยดดดดดดดดดด

     

    มันมาอีกแล้ว รู้สึกเหมือนเจอเหตุการณ์เดจาวูยังไงก็ไม่รู้ ทั้งล้อรถที่จอดเฉียดแก้วน้ำ แล้วก็ขายาวๆของอีคนขับหน้าตาน่าหมั่นไส้ที่ก้าวลงมา แต่คราวนี้มันแย่กว่าตรงที่มันเตะแก้วน้ำฝังดินจนหกไปหมด เออดี ถือโอกาสกรวดน้ำแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลไปในตัวเลย

     

    “ไอ้กางงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง แกเตะแก้วน้ำฉันทำไมวะ!!!!” หมด หมดกัน โว้ยยยย!!

     

    “อ้าว แล้วคุณมานั่งดื่มน้ำทำไมตรงนี้?”

     

    “ไอ้..ไอ้..โว้ยยยย”

     

    “อ๋อไอ้ชานๆ เค้าบอกว่าให้เรานำน้ำให้กลายเป็นน้ำแข็งอ่ะ”

     

    “ใช้วิธีเดียวกันกับที่เราเคยทำตอนเข้าค่ายม.ปลายได้ป้ะ?”

     

    “เออ ได้มั้ง”

     

    “เห้ยๆ พวกนายรู้เหรอว่าต้องทำไงอ่ะ?”

     

    “...บอกดีไหมนะ?”

     

    “แล้วแต่แกเลยเพื่อนรัก เด็กในสังกัดแกนี่”

     

    “ไม่บอกดีกว่า”

     

    “อย่าทำแบบนี้นะปาร์คชานยอล” บอกเลยว่าคิมจงอินไม่เคยรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าขนาดนี้มาก่อนปาร์คชานยอลที่ได้รับธงสองอันไปเรียบร้อยแล้วกำลังมองมาทางนี้ด้วยสายตาที่เย็นชาและไร้เยื่อใยประหนึ่งคนรักเก่าในฟิคดราม่าหลายๆเรื่อง ฮึก...

     

    “ฉันถามจงแดก็ได้วะ” ไม่ง้อ คนแบบคิมจงอินไม่ได้ก็ไม่ง้อเว้ย มีตัวเลือกเสมอ

     

    “เหี้....” เอามือยกขึ้นมาปิดปากตัวเองก่อนจะหลุดพูดอะไรหยาบๆต่อหน้าป๊าหลังจากที่เห็นว่าคุณคิมจงแดและเพื่อนรักได้ขึ้นรถและขับออกไปเรียบร้อยแล้ว

     

    RRrrrrr……

     

    “โอ๊ะๆ รับโทรศัพท์เป๊ป อย่าเพิ่งกวน นี่ม๊าแกโทรมา” ป๊าหันหน้าจอมือถือมาให้ดูก่อนจะวิ่งกลมๆไปคุยหลังต้นไม้


    หมด


    หมดกัน


    หมดหวังมาก จะได้ไงดี..

     

    “แบค..”

     

    “มานี่เร็วฮยอง” มองไปหาอีกคนเพื่อจะถามความเห็นว่าเราควรทำอะไรต่อไปดี แต่ก็พบว่าแบคฮยอนที่นั่งหงอยนั้นกระโดดขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อยพร้อมกับชูกธงขึ้นมา

     

    เอามายังไงวะ?

     

    ไม่ทันได้สงสัยนาน แบคฮยอนก็ขยับปากออกมาว่า ขโมยมา

     

    ร้ายกาจ!!!

     

    รีบวิ่งสิครับรออะไรอยู่ สี่คูณร้อยเลยที่นี้ บิดกุญแจแล้วออกตัวโล้ดดดด

     

    “เห้ยๆๆๆ แกจะไปไหน ไอ้จงอิน เออม๊าจ๋า เดี๋ยวป๊าโทรกลับไปนะ โอ๊ย ไอ้เวรนี่!! ไม่ใช่ม๊าๆ ป๊าด่าไอ้จงอินมัน”

     

    “โอ๊บสะใจเว้ยยยยยย แบค แกนี่สุดยอดเลยว่ะ”

     

    “ก็นะ ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วอ่ะ เห็นป๊าฮยองคุยโทรศัพท์เลยวิ่งไปจิ๊กมา”

     

    “ทำดีๆ” เอื้อมมือไปขยี้ผมน้องด้วยความเอ็นดูและความรู้สึกเปี่ยมไปด้วยรัก

     

    ชีวิต ดี๊ ดียยย์

     

    รถโฟร์วีลถูกจอดอีกครั้งเมื่อเดินทางมาถึงฐานต่อไป

     

     


     

     
     

    ด้วยไม้ขีด 16 อัน ทำดาวให้ม๊าดูหน่อยสิจ๊ะ

    [ ทีมแรกที่ผ่านรับธง 3 อัน ทีมที่สองรับธง 2 อัน ทีมสุดท้ายรับธง 1 อัน ]

     

     
     

     
     

     

    เห็นกติกาแล้วก็อยากจะเปิดเพลง empty ประกอบ นอมูกงฮอแฮมาก

     

    “ม๊าาาาา” วิ่งดี๊ด๊าไปอ้อนม๊าที่น่ารักให้มอบธงให้เราแล้วผ่านไปเลยดีกว่า กรุบกริบ

     

    “ทีมอื่นผ่านกันไปหมดแล้วนะจ๊ะ”

     

    เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ เปิดเพลงฉันเหมือนโดนยิงประกอบด้วยได้ไหม โหยยยย ทำไมพวกมันเก่งขนาดนี้ ตอนเด็กพ่อแม่ให้กินเลือดกินเนื้อไอสไตน์มากันเหรออออ

     

    “เอาเลยฮยองๆ โชว์เลยๆ ผมรู้ว่าฮยองทำได้”

     

    นี่แหละคือความกดดัน... ที่ฉันต้องทนต้องเจอ....

     

    แบคฮยอน..นีกานอมูมีอันแฮมากตอนนี้ เพราะว่าตอนนี้สมองฉันว่างเปล่ามากไม่มีสิ่งใดอยู่เลยนอกจากขี้เลื่อยที่ปลิวว่อนไปมา ฉันผิดเองที่นอกจากหน้าตาที่ดีแลหุ่นที่แซ่บแล้วไม่มีอะไรดีอีกเลย

     

    แต่ก็นั่นแหละ ด้วยสปิริตอันแรงกล้าทำให้ชายผู้ชายไม่สามารถยอมแพ้และท้อถอยต่อหน้าเด็กม.ปลายวัยใสที่กำลังทำตาวิบวับอย่างมีความหวังไปได้...

     

    “ม๊าๆ ม๊าอยากเห็นดาวใช่ป้ะ?”

     

    “จ้า”

     

    “จงอินทำให้ดูได้นะ” ว่าพร้อมกับหยิบไม้ขีดขึ้นมากำหนึ่งแล้ววิ่งไปกลางสนามหญ้า

     

    แล้วก็โยนมันขึ้นไปบนฟากฟ้า!!!!

     

    “อู้หูวววว ดาวตกแหละม๊า”

     

    “...”

     

    “....”

     

    โห...โคตรหวิว ทำไมทุกคนพร้อมใจกันเงียบแบบนี้

     

    “เอ่อ...นี่ๆ ม๊าอยากดูดาวเคราะห์จงอินก็ทำได้นา นี่ไงๆ” ว่าแล้วก็เอาไม้ขีดเคาะๆๆกับพื้น

     

    “...”

     

    “...”

     

    “มีดาวฤกษ์ด้วย นี่ๆ เราเลิกกันเถอะ เธอมันดีเกินไป ฮึ้ย!’ ” พูดจบก็หักไม้ขีดทิ้งดังเป๊าะ

     

    “...”

     

    “...”

     

    “อยากดูดาวประกายพรึกกันป้ะ เอาไฟแช็กมาเดี๋ยวจงอินทำให้ดู”

     

    “...” ไร้ซึ่งคำตอบใดๆ นอกจากมือเรียวอันสั่นเทาของม๊าที่ค่อยๆเอื้อมมาวางบนไหล่

     

    หนูใช้ไฟแช็กจุดไม้ขีดเหรอลูก?

     

    ....

     

    ชิบหาย...

     

    ได้ยินเสียงอะไรเพล้งๆไหม เยงหน้าผมเองแหละ

     

    “อ๋อ เมื่อกี้เล่นมุขเฉยๆอ่ะม๊า มาๆ ม๊าตั้งใจดูนะ” หันไปส่งซิกให้แบคฮยอนวิ่งขึ้นไปนั่งรถที่รถหลังจากไอ้หนูได้คว้าธงที่ม๊าวางทิ้งไปที่พื้นข้างหลังได้เรียบร้อยแล้ว

     

    พรึ่บ

     

    ไม้ขีดในมือถูกจุดขึ้น ประกายอันโชติช่วงนั้นช่างสุกสกาวเหมือนดาวประกายพรึกเสียจริง

     

    “นี่ไงม๊า สวยใช่ไหม? แต่ม๊าของจงอินสวยกว่านะ” นั่น หยอดม๊าไปหนึ่งทีก่อนจะเดินไปขึ้นรถอย่าวหล่อๆ

     

    “จงอินรักม๊านะ แล้วเจอกันนะครับ” โบกมือหยอยๆให้ม๊าแล้วก็หันไปแท็กมือกับแบคฮยอนทันทีที่เราขับรถออกมา

     

    ...ถ้าไม่ได้เกิดอยู่ในครอบครัวนี้เราสองคนคงไปอยู่ในแก๊งโจรแน่ๆ

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    TBC. เหนียวไก่

     
     


    เกลียดไคแบคมากตอนนี้ 5555555555555555555555555555555

    ปล.คู่ที่จับกันในเกมส์แรลลี่เกิดจากการจับฉลากจริงๆของคนแต่งเองนะคะไม่ได้มีการวางตัวคู่ก่อนแต่งใดใดทั้งสิ้น
    เนี่ยพอจับฉลากคู่มาแล้วได้แบบนี้พอดี ความหายนะวอดวายเลยบังเกิด 55555555555555555555555555

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×