คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #68 : Login 65: ความนึกคิดของราชครู 2
Login 65: ความนึกคิดของราชครู 2
ครู่ต่อมาแบเรียมก็พามาถึงห้องโถงใหญ่
ห้องตกแต่งไว้อย่างหรูหราแต่ก็ธรรมดาเอามากๆ
พื้นปูด้วยพรมอย่างดี
โต๊ะไม้สักวางแจกันประดับ เตาผิงตรงกลางห้อง เหมือนบ้านสไตล์ยุโรปของพวกเศรษฐี
ที่หน้าเตาผิงนั่นเองราชครูลำดับสองนามซีเซียมกำลังรอการมาถึงของพวกเขา
มิ่งขวัญจ้องมองใบหน้าของซีเซียมที่เหมือนกับพี่ชายตัวเองทุกระเบียดนิ้ว
ตรงหน้าคืออิงศรในชุดราชครูสีดำ...
คืออิงศรแบบมนุษย์ต่างดาว...
ไม่สิก็แค่หน้าเหมือนกันเท่านั้นอีกฝ่ายไม่ใช่อิงศร
ไม่ใช่พี่ชาย
มิ่งขวัญย้ำตัวเองถึงเรื่องนี้ตั้งแต่สองปีที่แล้ว
ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่เห็นใบหน้าของพี่ชายปรากฏอยู่บนจอมอนิเตอร์ของรูบิเดียม
แต่ชายในหน้าจอกลับมีท่าทีเหมือนคนเสียสติ
แล้วนี่ก็คือการเจอกันตรงๆ
เป็นครั้งแรก
พอเคลื่อนสายตาไปทางอื่นก็พบว่าไทเทเนียมก็อยู่ด้วย
มิ่งขวัญหยุดอยู่หน้าประตูด้านในห้องส่วนแบเรียมก็พาราชครูลำดับที่ห้าคนใหม่เข้าไปถึงกลางห้อง
จากนั้นชายผู้มีใบหน้าเหมือนอิงศรก็มองตรงมาทางนี้แล้วเดินมา
เขาหยุดลงตรงหน้ามิ่งขวัญพลางเท้าคางแล้วจดจ้องใบหน้าของทางนี้อย่างถี่ถ้วน
"คล้ายกับนายเมื่อก่อนเลยนะแบเรียม"
ซีเซียมพูดโดยที่ยังจ้องหน้ามิ่งขวัญ
แล้วแบเรียมก็ตอบเป็นคำถามมา
"ถูกใจอย่างนั้นรึขอรับท่านพี่"
"อื้ม"
ซีเซียมครางเสียงดังแล้วผุดยิ้มอย่างมีเลศนัย
"นั่นสิงั้นริบจากรูบิเดียมซะเลยดีไหมเอามาเป็นสัตว์เลี้ยงให้นายไง"
แล้วพูดพลางเอื้อมมือมาแตะที่ปลายคางของมิ่งขวัญจับเชิดขึ้นเหมือนจงใจเหยียดหยาม
"อึก"
มิ่งขวัญพยายามขัดขืนแต่กลับขยับใบหน้าออกจากมือนั้นไม่ได้ครั้นพอจะแกะมือ
อีกฝ่ายก็กลับปล่อยมือไปเสียก่อน
จากนั้นแบเรียมก็พูดตอบมาแบบติดตลก
“ให้เลี้ยงตัวเองนี่คงแปลกพิลึกนะท่านพี่”
ซีเซียมหัวเราะ
“ก็นั่นสินะแถมยังมีเฟืองด้วย”
แล้วเดินกลับไปยังกลางห้อง
แบเรียมเริ่มพูดอีก
“จะว่าไปทำไมท่านพี่ต้องยึดติดกับเฟืองมากขนาดนั้นด้วยล่ะขอรับมีข้าอยู่แล้วทั้งคน”
“มันเป็นสัญญาน่ะถ้าได้เฟืองมาล่ะก็ไฮโดรเจนก็จะกลับมา”
คู่พี่น้องต่างดาวเริ่มสนทนากันเองจนเหมือนพากันลืมคนอื่นไป
“ท่านไฮโดรเจนได้จากไปเพื่อทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับอดาเมียมหมายความว่าท่านพี่จะ…”
แบเรียมหยุดคำพูดไว้เพียงแค่นั้นแล้วเบี่ยงสายตาจากพี่ชายมองมายังเหล่าบุคคลในห้องก่อนจะพูดปิดท้ายมาห้วนๆ
“พูดที่นี่ไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาอยู่แล้วนี่นะ”
ตอนนั้นเองไทเทเนียมที่อยู่ในห้องตั้งนานแล้วก็พูดแทรกเข้ามาเพื่อให้สองพี่น้องต่างดาวเริ่มเข้าประเด็นกันเสียที
“ขอประทานอภัยด้วยดิฉันจะพูดเองก็กระไรอยู่แต่อยากจะขอให้ท่านลำดับที่สองช่วยชี้แจงเรื่องที่เรียกดิฉันแล้วก็...”
หล่อนเบนสายตาไปที่มิ่งขวัญแวบหนึ่งก่อนจะพูดต่อจนจบประโยค
“ท่านอื่นๆ มาที่นี่”
ซีเซียมมองหล่อนเหมือนเป็นตัวขัดใจ
ทั้งที่ด้วยนิสัยของซีเซียมที่แสดงให้เห็นก็น่าจะได้ยินเสียงตำหนิไทเทเนียมที่ทำตัวสอดยุ่งไม่เข้าเรื่องมาแต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น
ซีเซียมเริ่มพูดด้วยท่าทางจริงจัง
“ก็จริงอย่างที่ว่าคนมากันครบแล้วด้วยนี่นะถ้างั้นจะขอพูดถึงกำหนดการณ์ที่ได้รับมอบมาจากแฟรนเซียมก็แล้วกัน”
แฟรนเซียมหรือลำดับที่หนึ่ง
ชายผู้เป็นพระราชาของมนุษย์ต่างดาว
ช่วงเวลาสามปีมานี่มิ่งขวัญเคยเห็นใบหน้าของชายผู้นั้นแค่ครั้งเดียว
จากความทรงจำแฟรนเซียมเป็นชายที่น่ากลัวจนไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยทำให้แม้แต่ภาพในความทรงจำก็ยังเลือนราง
“ตอนนี้รูบิเดียม
โพแทสเซียมแล้วก็ลิเธียมกำลังจัดกำลังสำหรับบุกถล่มองค์กรของพวกชาวโลกที่ชื่อว่าเมตไตรยอะไรนั่น
ดังนั้นในระหว่างนี้ฉันจะเป็นคนดูแลตัวปัญหาที่ใช้เดม่อนแอพได้อย่างพวกแกทั้งคู่เอง”
พอได้ฟังที่ซีเซียมพูด
มิ่งขวัญก็หันไปทางไทเทเนียมทันที
หมายความว่าหล่อนก็เป็นมนุษย์ต่างดาวที่ใช้พลังของปีศาจได้?
หมายความว่าหล่อนเคยเป็นมนุษย์มาก่อน?
มิ่งขวัญจ้องมองหล่อนแล้วคิดอย่างหนักแน่นถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่ถูกหล่อนช่วงชิงริมฝีปากแล้วพูดข่มขู่ให้เขาเลิกเป็นมนุษย์
ให้ทิ้งความเป็นมนุษย์ไป
ถ้าอย่างนั้นหล่อนก็คงทิ้งมันได้แล้วแต่ทำไมถึงมาพ่วงเขาไปด้วย
ไม่เข้าใจความคิดนั่นเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างที่คิดแบบนั้นคำพูดของซีเซียมก็ยังดำเนินต่อไปแต่มิ่งขวัญก็ไม่ได้สนใจที่จะฟังมันซักเท่าไหร่
ถึงอย่างนั้นก็จับใจความได้ถึงเรื่องที่ราชครูลำดับที่ห้าคนใหม่ซึ่งรับสืบทอด
‘โซเดียม’
ที่เป็นชื่อประจำตำแหน่ง
จะมาเป็นผู้บังคับบัญชาร่วมกับซีเซียมโดยมีเขากับไทเทเนียมและแบเรียมที่เป็นอัศวินคอยคุ้มกันให้ก็นับรวมไปด้วยเป็นลูกน้อง
นั่นคือเนื้อหาทั้งหมดของการประชุมที่แสนจะหลักลอย
นั่นก็เพราะว่าสำหรับมิ่งขวัญแล้วมีแต่เรื่องของอิงศรเท่านั้นที่คิดจริงจัง
จะไปหนีออกจากที่นี่อย่างไร...
จะไปหาอิงศร... จะหนีไปด้วยกัน...
ความคิดเพียงแค่นั้นในแต่ละวันก็เพียงพอแล้ว
...
ในคืนหนึ่งหลังจากกลับมาที่ศูนย์ใหญ่ในชลบุรีอิงศรก็ฝัน
มันคือการฝันเพื่อไปให้ถึงการเชื่อมต่อกับรูนรูม
ที่นั่นซีลอร์ดผู้ถูกลืมเลือนรอที่จะได้พูดคุยอยู่
ที่จริงการพูดคุยได้เริ่มมาซักพักแล้วตั้วแต่ตอนที่แชทกันก่อนจะเข้านอน
ดังนั้นอิงศรจึงพูดต่อจากที่ค้างไว้ทันที
"ว่าแต่ไอ้เมกิดโด้อาร์คกำลังทำงานเนี่ยมันคืออะไร"
อิงศรเปิดหน้าจอซึ่งมีรายละเอียดของแพทซ์ปัจจุบันจากนั้นหันจอไปฝั่งซีลอร์ดแล้วชี้ที่บรรทัดซึ่งเขียนว่า
'Megiddo Ark กำลังทำงาน'
พอถูกถามผู้ถูกลืมเลือนก็ตอบมาว่า
"จำได้ว่าเขียนเอาไว้ในนั้นแล้วนะ"
อิงศรกดนิ้วลงไปบนตัวหนังสือนั้นแล้วรายละเอียดบนหนาจอก็เปลี่ยนไปจากนั้นจึงชี้ให้ดูบรรทัดหนึ่งบนหน้าจอนั้น
"แต่มันบอกแค่ว่าการโจมตีของสัตว์เทวะจะรุนแรงขึ้นเขียนไว้แค่นี้เองนะ"
ซีลอร์ดพยักหน้า
"อืม ก็ตามนั้นแหละ"
"หมายถึงพลังโจมตีเพิ่มขึ้นรึไง"
"ไม่รู้สิ"
"หา?
ไม่รู้เนี่ยนะนายเป็นคนเขียนเจ้าแพทซ์นี่เองไม่ใช่รึไง"
"ก็ใช่ผมเป็นคนเขียนแต่เนื้อหาน่ะมาจากอาคาชิกเรคคอร์ดบอกตามตรงว่าบางอย่างผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน"
ได้ฟังดังนั้นอิงศรก็หรี่ตาลง
"แต่คนที่ทำให้โลกนี้กลายเป็นเกมเพื่อให้มนุษย์ต่อต้านการทดสอบของพระเจ้ามันคือนายไม่ใช่เรอะ"
"ก็ถูกอีกแต่ว่าระบบน้ำอมฤตเองก็ยังมีส่วนที่ผมไม่เข้าใจอยู่หลายอย่างบอกตามตรงเลยว่าหลังจากสร้างกฏให้กับมันเพื่อที่มนุษย์จะใช้ประโยชน์ได้ขึ้นมาแล้วการเปลี่ยนแปลงหลังจากนั้นก็ล้วนแต่เป็นไปตามที่อมฤตจะนำไปทั้งนั้น"
"หมายความว่านายปล่อยให้ระบบไหลไปเองเหมือนกับน้ำเลยงั้นสิ"
ซีลอร์ดพยักหน้าอีก
หากเทียบตามที่พูดไปเท่ากับว่ากฏที่สร้างขึ้นเพื่อให้น้ำอมฤตอะไรนั่นเปลี่ยนโลกให้เป็นเกมก็คือทางน้ำไหล
ถ้าอย่างนั้นการอัพเดทแพทซ์จะต่างอะไรกับน้ำที่ไหลช้าบ้างเร็วบ้างหรือไม่ก็ล้นทะลักจนเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้น
ผู้ถูกลืมเลือนคงตั้งใจจะบอกมาแบบนั้น
จงใจไม่พูดว่า ‘ตัวเองก็ควบคุมของที่เอามาใช้เองไม่ได้’
อิงศรไถลนิ้วไปบนหน้าจอเพื่อให้มันกลับไปยังหน้าตอนแรก
"ถ้างั้นไอ้ที่เขียนว่าอเวคเคนนิ่งพาวเวอร์อะไรเนี่ยก็ไม่รู้เหมือนกันเหรอ"
จากนั้นก็ชี้ไปยังบรรทัดที่เขียนว่า
'Awakening Power System'
แต่ซีลอร์ดกลับส่ายหัวพูดปฏิเสธมาอย่างง่ายดาย
"ขอโทษนะผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร"
"ให้ตายเถอะใช้ไม่ได้เลยนะนายเนี่ย"
อิงศรถอนหายใจแล้วปิดหน้าจอแพทซ์
"ถ้างั้นถึงจะถามเรื่องของอารย-สนธยาไปนายก็คงไม่รู้อยู่ดีสินะ"
"เรื่องนั้นก็เหมือนกันผมตอบไม่ได้หรอกแล้วเพิ่งจะรู้ด้วยว่าวันนี้เธอไปเจออะไรมาก็ตอนที่เล่าให้ผมฟัง"
"ไม่ใช่ว่านายคอยจับตาดูฉันอยู่ตลอกหรอกเหรอ"
ซีลอร์ดส่ายหน้า
"ก็ไม่ได้จับตาดูตลอดหรอกเพราะการมองภาพแค่มุมเดียวมันทำให้ความจริงหมองมัวเกินไปจึงต้องเปลี่ยนมุมมองกันบ้างผมจึงต้องจับตาดูที่อื่นๆ
ด้วย"
"หมายถึงขวัญงั้นเรอะ"
ที่อื่นๆ
ของซีลอร์ดน่าจะมีความหมายว่าผู้ถูกฟันเฟืองเลือกคนอื่นและที่พอจะนึกออกก็มีแต่มิ่งขวัญคนเดียว
แต่ซีลอร์ดกลับไม่ตอบ
"..."
"เงียบแบบนั้นแสดงว่าใช่สินะ"
“ก็นะเธอเดาได้อยู่แล้วนี่”
ผู้ถูกลืมเลือนตอบห้วนๆ
คืนนี้คงไม่มีอะไรจะต้องคุยกันอีกแล้วเขาควรรีบพักผ่อนเพื่อศึกใหญ่ในวันพรุ่งนี้
แล้วอิงศรก็เริ่มคิดถึงเรื่องวันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้เรดบอสระดับเจ็ดสิบจะมาเยือนที่ศูนย์ใหญ่
ศูนย์ใหญ่รวมถึงเมืองที่พวกประชาชนอาศัยอยู่นั้นถูกสร้างขึ้นมาด้วยระบบที่เรียกกันเอาเองว่า
‘คราฟเมือง’ โดยจะทำให้เกิดพื้นที่พิเศษที่สัตว์เทวะจะไม่เกิดขึ้นในที่แห่งนั้นและไม่บุกมาโจมตีคล้ายกับระบบฮาบิแททย์พอยท์แต่จะไม่มีระยะเวลาหมดกำหนด
เพียงแต่ในทุกรอบเดือนจะมีสัตว์เทวะชั้นจ่าฝูงบุกมาโจมตีโดยผลัดเปลี่ยนกันไปในแต่ละเดือน
เหมือนกับฮาบิแททพอยท์หากถูกสัตว์เทวะบุกเข้าสู่ใจกลางหรือจุดสำคัญของดินแดนได้ระบบป้องกันก็จะถูกยกเลิกแล้วสัตว์เทวะก็แห่กันผุดขึ้นมา
ดังนั้นเรดในแต่ละเดือนจะทวีความยากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งครบสิบสองเดือน
ก็จะวนกลับไปที่ความยากต่ำสุดอีก
เรดเลเวลเจ็ดสิบในวันพรุ่งนี้เป็นเรดสุดท้ายของชุดสิบสองเดือนเท่ากับว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันครบรอบการสถาปนาอาณาจักรแห่งสุดท้ายของมนุษยชาติที่ชื่อว่าเมตไตรยครั้งที่สามนั่นเอง
ที่ผ่านมาก็มีการวิเคราะห์และหาแผนรับมือได้หมดแล้วตั้งแต่ปีแรกๆ ซึ่งวันพรุ่งนี้ก็คงจะจัดการได้เหมือนอย่างปีก่อนๆ
แต่ทว่า...
"เรดพรุ่งนี้สังหรณ์ใจไม่ดีเลยแหะ"
อิงศรพึมพำ
ตัวเขาเองก็รู้ถึงกำลังรบของศูนย์ใหญ่แล้วเขาก็เคยมีประสบการณ์ในเรดนี้มาแล้วตอนที่ยังเป็นแค่พลฝึกหัดทั้งที่น่าจะเคยชินกับมันด้วยซ้ำแต่กลับรู้สึกกระวนกระวายไม่เป็นสุข
แต่ถึงกังวลโดยไม่รู้สาเหตุไปก็เท่านั้น
อิงศรจึงบอกลาแล้วหายไปจากรูนรูม
“งั้นฉันกลับไปนอนละนะ”
ความคิดเห็น