ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #68 : Login 65: ความนึกคิดของราชครู 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 567
      31
      10 ม.ค. 60

    Login 65: ความนึกคิดของราชครู 2

     

                ครู่ต่อมาแบเรียมก็พามาถึงห้องโถงใหญ่

                ห้องตกแต่งไว้อย่างหรูหราแต่ก็ธรรมดาเอามากๆ

                พื้นปูด้วยพรมอย่างดี โต๊ะไม้สักวางแจกันประดับ เตาผิงตรงกลางห้อง เหมือนบ้านสไตล์ยุโรปของพวกเศรษฐี

                ที่หน้าเตาผิงนั่นเองราชครูลำดับสองนามซีเซียมกำลังรอการมาถึงของพวกเขา

                มิ่งขวัญจ้องมองใบหน้าของซีเซียมที่เหมือนกับพี่ชายตัวเองทุกระเบียดนิ้ว

                ตรงหน้าคืออิงศรในชุดราชครูสีดำ...

                คืออิงศรแบบมนุษย์ต่างดาว...

                ไม่สิก็แค่หน้าเหมือนกันเท่านั้นอีกฝ่ายไม่ใช่อิงศร ไม่ใช่พี่ชาย

                มิ่งขวัญย้ำตัวเองถึงเรื่องนี้ตั้งแต่สองปีที่แล้ว ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่เห็นใบหน้าของพี่ชายปรากฏอยู่บนจอมอนิเตอร์ของรูบิเดียม แต่ชายในหน้าจอกลับมีท่าทีเหมือนคนเสียสติ

                แล้วนี่ก็คือการเจอกันตรงๆ เป็นครั้งแรก

                พอเคลื่อนสายตาไปทางอื่นก็พบว่าไทเทเนียมก็อยู่ด้วย

                มิ่งขวัญหยุดอยู่หน้าประตูด้านในห้องส่วนแบเรียมก็พาราชครูลำดับที่ห้าคนใหม่เข้าไปถึงกลางห้อง

                จากนั้นชายผู้มีใบหน้าเหมือนอิงศรก็มองตรงมาทางนี้แล้วเดินมา

                เขาหยุดลงตรงหน้ามิ่งขวัญพลางเท้าคางแล้วจดจ้องใบหน้าของทางนี้อย่างถี่ถ้วน

                "คล้ายกับนายเมื่อก่อนเลยนะแบเรียม"

                ซีเซียมพูดโดยที่ยังจ้องหน้ามิ่งขวัญ

                แล้วแบเรียมก็ตอบเป็นคำถามมา

                "ถูกใจอย่างนั้นรึขอรับท่านพี่"

                "อื้ม"

                ซีเซียมครางเสียงดังแล้วผุดยิ้มอย่างมีเลศนัย

                "นั่นสิงั้นริบจากรูบิเดียมซะเลยดีไหมเอามาเป็นสัตว์เลี้ยงให้นายไง"

                แล้วพูดพลางเอื้อมมือมาแตะที่ปลายคางของมิ่งขวัญจับเชิดขึ้นเหมือนจงใจเหยียดหยาม

                "อึก"

                มิ่งขวัญพยายามขัดขืนแต่กลับขยับใบหน้าออกจากมือนั้นไม่ได้ครั้นพอจะแกะมือ อีกฝ่ายก็กลับปล่อยมือไปเสียก่อน

                จากนั้นแบเรียมก็พูดตอบมาแบบติดตลก

                “ให้เลี้ยงตัวเองนี่คงแปลกพิลึกนะท่านพี่

                ซีเซียมหัวเราะ

                “ก็นั่นสินะแถมยังมีเฟืองด้วย

                แล้วเดินกลับไปยังกลางห้อง

                แบเรียมเริ่มพูดอีก

                “จะว่าไปทำไมท่านพี่ต้องยึดติดกับเฟืองมากขนาดนั้นด้วยล่ะขอรับมีข้าอยู่แล้วทั้งคน

                “มันเป็นสัญญาน่ะถ้าได้เฟืองมาล่ะก็ไฮโดรเจนก็จะกลับมา

                คู่พี่น้องต่างดาวเริ่มสนทนากันเองจนเหมือนพากันลืมคนอื่นไป

                “ท่านไฮโดรเจนได้จากไปเพื่อทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับอดาเมียมหมายความว่าท่านพี่จะ…”

                แบเรียมหยุดคำพูดไว้เพียงแค่นั้นแล้วเบี่ยงสายตาจากพี่ชายมองมายังเหล่าบุคคลในห้องก่อนจะพูดปิดท้ายมาห้วนๆ

                “พูดที่นี่ไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาอยู่แล้วนี่นะ

                ตอนนั้นเองไทเทเนียมที่อยู่ในห้องตั้งนานแล้วก็พูดแทรกเข้ามาเพื่อให้สองพี่น้องต่างดาวเริ่มเข้าประเด็นกันเสียที

                “ขอประทานอภัยด้วยดิฉันจะพูดเองก็กระไรอยู่แต่อยากจะขอให้ท่านลำดับที่สองช่วยชี้แจงเรื่องที่เรียกดิฉันแล้วก็...

                หล่อนเบนสายตาไปที่มิ่งขวัญแวบหนึ่งก่อนจะพูดต่อจนจบประโยค

                “ท่านอื่นๆ มาที่นี่

                ซีเซียมมองหล่อนเหมือนเป็นตัวขัดใจ

                ทั้งที่ด้วยนิสัยของซีเซียมที่แสดงให้เห็นก็น่าจะได้ยินเสียงตำหนิไทเทเนียมที่ทำตัวสอดยุ่งไม่เข้าเรื่องมาแต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น

                ซีเซียมเริ่มพูดด้วยท่าทางจริงจัง

                “ก็จริงอย่างที่ว่าคนมากันครบแล้วด้วยนี่นะถ้างั้นจะขอพูดถึงกำหนดการณ์ที่ได้รับมอบมาจากแฟรนเซียมก็แล้วกัน

                แฟรนเซียมหรือลำดับที่หนึ่ง ชายผู้เป็นพระราชาของมนุษย์ต่างดาว

                ช่วงเวลาสามปีมานี่มิ่งขวัญเคยเห็นใบหน้าของชายผู้นั้นแค่ครั้งเดียว จากความทรงจำแฟรนเซียมเป็นชายที่น่ากลัวจนไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยทำให้แม้แต่ภาพในความทรงจำก็ยังเลือนราง

                “ตอนนี้รูบิเดียม โพแทสเซียมแล้วก็ลิเธียมกำลังจัดกำลังสำหรับบุกถล่มองค์กรของพวกชาวโลกที่ชื่อว่าเมตไตรยอะไรนั่น ดังนั้นในระหว่างนี้ฉันจะเป็นคนดูแลตัวปัญหาที่ใช้เดม่อนแอพได้อย่างพวกแกทั้งคู่เอง

                พอได้ฟังที่ซีเซียมพูด มิ่งขวัญก็หันไปทางไทเทเนียมทันที

                หมายความว่าหล่อนก็เป็นมนุษย์ต่างดาวที่ใช้พลังของปีศาจได้?

                หมายความว่าหล่อนเคยเป็นมนุษย์มาก่อน?

                มิ่งขวัญจ้องมองหล่อนแล้วคิดอย่างหนักแน่นถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่ถูกหล่อนช่วงชิงริมฝีปากแล้วพูดข่มขู่ให้เขาเลิกเป็นมนุษย์ ให้ทิ้งความเป็นมนุษย์ไป ถ้าอย่างนั้นหล่อนก็คงทิ้งมันได้แล้วแต่ทำไมถึงมาพ่วงเขาไปด้วย

                ไม่เข้าใจความคิดนั่นเลยแม้แต่น้อย

                ระหว่างที่คิดแบบนั้นคำพูดของซีเซียมก็ยังดำเนินต่อไปแต่มิ่งขวัญก็ไม่ได้สนใจที่จะฟังมันซักเท่าไหร่

                ถึงอย่างนั้นก็จับใจความได้ถึงเรื่องที่ราชครูลำดับที่ห้าคนใหม่ซึ่งรับสืบทอด โซเดียมที่เป็นชื่อประจำตำแหน่ง จะมาเป็นผู้บังคับบัญชาร่วมกับซีเซียมโดยมีเขากับไทเทเนียมและแบเรียมที่เป็นอัศวินคอยคุ้มกันให้ก็นับรวมไปด้วยเป็นลูกน้อง

                นั่นคือเนื้อหาทั้งหมดของการประชุมที่แสนจะหลักลอย นั่นก็เพราะว่าสำหรับมิ่งขวัญแล้วมีแต่เรื่องของอิงศรเท่านั้นที่คิดจริงจัง

                จะไปหนีออกจากที่นี่อย่างไร... จะไปหาอิงศร... จะหนีไปด้วยกัน...

                ความคิดเพียงแค่นั้นในแต่ละวันก็เพียงพอแล้ว

     

                ...

     

                ในคืนหนึ่งหลังจากกลับมาที่ศูนย์ใหญ่ในชลบุรีอิงศรก็ฝัน

                มันคือการฝันเพื่อไปให้ถึงการเชื่อมต่อกับรูนรูม

                ที่นั่นซีลอร์ดผู้ถูกลืมเลือนรอที่จะได้พูดคุยอยู่ ที่จริงการพูดคุยได้เริ่มมาซักพักแล้วตั้วแต่ตอนที่แชทกันก่อนจะเข้านอน

                ดังนั้นอิงศรจึงพูดต่อจากที่ค้างไว้ทันที

                "ว่าแต่ไอ้เมกิดโด้อาร์คกำลังทำงานเนี่ยมันคืออะไร"

                อิงศรเปิดหน้าจอซึ่งมีรายละเอียดของแพทซ์ปัจจุบันจากนั้นหันจอไปฝั่งซีลอร์ดแล้วชี้ที่บรรทัดซึ่งเขียนว่า 'Megiddo Ark กำลังทำงาน'

                พอถูกถามผู้ถูกลืมเลือนก็ตอบมาว่า

                "จำได้ว่าเขียนเอาไว้ในนั้นแล้วนะ"

                อิงศรกดนิ้วลงไปบนตัวหนังสือนั้นแล้วรายละเอียดบนหนาจอก็เปลี่ยนไปจากนั้นจึงชี้ให้ดูบรรทัดหนึ่งบนหน้าจอนั้น

                "แต่มันบอกแค่ว่าการโจมตีของสัตว์เทวะจะรุนแรงขึ้นเขียนไว้แค่นี้เองนะ"

                ซีลอร์ดพยักหน้า

                "อืม ก็ตามนั้นแหละ"

                "หมายถึงพลังโจมตีเพิ่มขึ้นรึไง"

                "ไม่รู้สิ"

                "หา? ไม่รู้เนี่ยนะนายเป็นคนเขียนเจ้าแพทซ์นี่เองไม่ใช่รึไง"

                "ก็ใช่ผมเป็นคนเขียนแต่เนื้อหาน่ะมาจากอาคาชิกเรคคอร์ดบอกตามตรงว่าบางอย่างผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน"

                ได้ฟังดังนั้นอิงศรก็หรี่ตาลง

                "แต่คนที่ทำให้โลกนี้กลายเป็นเกมเพื่อให้มนุษย์ต่อต้านการทดสอบของพระเจ้ามันคือนายไม่ใช่เรอะ"

                "ก็ถูกอีกแต่ว่าระบบน้ำอมฤตเองก็ยังมีส่วนที่ผมไม่เข้าใจอยู่หลายอย่างบอกตามตรงเลยว่าหลังจากสร้างกฏให้กับมันเพื่อที่มนุษย์จะใช้ประโยชน์ได้ขึ้นมาแล้วการเปลี่ยนแปลงหลังจากนั้นก็ล้วนแต่เป็นไปตามที่อมฤตจะนำไปทั้งนั้น"

                "หมายความว่านายปล่อยให้ระบบไหลไปเองเหมือนกับน้ำเลยงั้นสิ"

                ซีลอร์ดพยักหน้าอีก

                หากเทียบตามที่พูดไปเท่ากับว่ากฏที่สร้างขึ้นเพื่อให้น้ำอมฤตอะไรนั่นเปลี่ยนโลกให้เป็นเกมก็คือทางน้ำไหล ถ้าอย่างนั้นการอัพเดทแพทซ์จะต่างอะไรกับน้ำที่ไหลช้าบ้างเร็วบ้างหรือไม่ก็ล้นทะลักจนเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้น

                ผู้ถูกลืมเลือนคงตั้งใจจะบอกมาแบบนั้น จงใจไม่พูดว่า ตัวเองก็ควบคุมของที่เอามาใช้เองไม่ได้

                อิงศรไถลนิ้วไปบนหน้าจอเพื่อให้มันกลับไปยังหน้าตอนแรก

                "ถ้างั้นไอ้ที่เขียนว่าอเวคเคนนิ่งพาวเวอร์อะไรเนี่ยก็ไม่รู้เหมือนกันเหรอ"

                จากนั้นก็ชี้ไปยังบรรทัดที่เขียนว่า 'Awakening Power System'

                แต่ซีลอร์ดกลับส่ายหัวพูดปฏิเสธมาอย่างง่ายดาย

                "ขอโทษนะผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร"

                "ให้ตายเถอะใช้ไม่ได้เลยนะนายเนี่ย"

                อิงศรถอนหายใจแล้วปิดหน้าจอแพทซ์

                "ถ้างั้นถึงจะถามเรื่องของอารย-สนธยาไปนายก็คงไม่รู้อยู่ดีสินะ"

                "เรื่องนั้นก็เหมือนกันผมตอบไม่ได้หรอกแล้วเพิ่งจะรู้ด้วยว่าวันนี้เธอไปเจออะไรมาก็ตอนที่เล่าให้ผมฟัง"

                "ไม่ใช่ว่านายคอยจับตาดูฉันอยู่ตลอกหรอกเหรอ"

                ซีลอร์ดส่ายหน้า

                "ก็ไม่ได้จับตาดูตลอดหรอกเพราะการมองภาพแค่มุมเดียวมันทำให้ความจริงหมองมัวเกินไปจึงต้องเปลี่ยนมุมมองกันบ้างผมจึงต้องจับตาดูที่อื่นๆ ด้วย"

                "หมายถึงขวัญงั้นเรอะ"

                ที่อื่นๆ ของซีลอร์ดน่าจะมีความหมายว่าผู้ถูกฟันเฟืองเลือกคนอื่นและที่พอจะนึกออกก็มีแต่มิ่งขวัญคนเดียว

                แต่ซีลอร์ดกลับไม่ตอบ

                "..."

                "เงียบแบบนั้นแสดงว่าใช่สินะ"

                “ก็นะเธอเดาได้อยู่แล้วนี่

                ผู้ถูกลืมเลือนตอบห้วนๆ

                คืนนี้คงไม่มีอะไรจะต้องคุยกันอีกแล้วเขาควรรีบพักผ่อนเพื่อศึกใหญ่ในวันพรุ่งนี้

                แล้วอิงศรก็เริ่มคิดถึงเรื่องวันพรุ่งนี้

                พรุ่งนี้เรดบอสระดับเจ็ดสิบจะมาเยือนที่ศูนย์ใหญ่

                ศูนย์ใหญ่รวมถึงเมืองที่พวกประชาชนอาศัยอยู่นั้นถูกสร้างขึ้นมาด้วยระบบที่เรียกกันเอาเองว่า คราฟเมือง โดยจะทำให้เกิดพื้นที่พิเศษที่สัตว์เทวะจะไม่เกิดขึ้นในที่แห่งนั้นและไม่บุกมาโจมตีคล้ายกับระบบฮาบิแททย์พอยท์แต่จะไม่มีระยะเวลาหมดกำหนด เพียงแต่ในทุกรอบเดือนจะมีสัตว์เทวะชั้นจ่าฝูงบุกมาโจมตีโดยผลัดเปลี่ยนกันไปในแต่ละเดือน

                เหมือนกับฮาบิแททพอยท์หากถูกสัตว์เทวะบุกเข้าสู่ใจกลางหรือจุดสำคัญของดินแดนได้ระบบป้องกันก็จะถูกยกเลิกแล้วสัตว์เทวะก็แห่กันผุดขึ้นมา ดังนั้นเรดในแต่ละเดือนจะทวีความยากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งครบสิบสองเดือน ก็จะวนกลับไปที่ความยากต่ำสุดอีก

                เรดเลเวลเจ็ดสิบในวันพรุ่งนี้เป็นเรดสุดท้ายของชุดสิบสองเดือนเท่ากับว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันครบรอบการสถาปนาอาณาจักรแห่งสุดท้ายของมนุษยชาติที่ชื่อว่าเมตไตรยครั้งที่สามนั่นเอง ที่ผ่านมาก็มีการวิเคราะห์และหาแผนรับมือได้หมดแล้วตั้งแต่ปีแรกๆ ซึ่งวันพรุ่งนี้ก็คงจะจัดการได้เหมือนอย่างปีก่อนๆ

                แต่ทว่า...

                "เรดพรุ่งนี้สังหรณ์ใจไม่ดีเลยแหะ"

                อิงศรพึมพำ ตัวเขาเองก็รู้ถึงกำลังรบของศูนย์ใหญ่แล้วเขาก็เคยมีประสบการณ์ในเรดนี้มาแล้วตอนที่ยังเป็นแค่พลฝึกหัดทั้งที่น่าจะเคยชินกับมันด้วยซ้ำแต่กลับรู้สึกกระวนกระวายไม่เป็นสุข

                แต่ถึงกังวลโดยไม่รู้สาเหตุไปก็เท่านั้น อิงศรจึงบอกลาแล้วหายไปจากรูนรูม

                งั้นฉันกลับไปนอนละนะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×