ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #69 : Login 66: Megiddo Ark

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 570
      31
      12 ม.ค. 60

    Login 66: Megiddo Ark

     

                แสงแดดเปลี่ยนสี ท้องฟ้ายามเย็น

                เสียงคลื่นกระทบฝั่ง ระลอกคลื่นบนทะเล

                นรินทร์ ระจินดา มองทิวทัศน์อันเวิ้งว้างของท้องทะเลที่เงียบสงบนั้นจากบนกำแพง 'ไอจิส' ซึ่งเป็นแนวกำแพงป้องกันเมืองชั้นในสุด กำแพงสูงกว่าห้าเมตรและหนาสามเมตรมีทางเดินบนกำแพง

                ด้านหน้ายังมีกำแพง 'ไออัส' ล้อมอยู่อีกชั้น ทางเดินบนกำแพงทั้งสามเต็มไปด้วยทหารซุ่มโจมตีและฝ่ายเทคนิคที่คอยสนับสนุนด้านยุทธวิธี มีคนอยู่กระจายกันไปไม่ค่อยหนาแน่นผิดกับข้างล่าง ที่ตรงช่องว่างระหว่างกำแพงซึ่งเต็มไปด้วยทหารประจัญบานดูแน่นขนัด พอมองจากมุมนี้แล้วเครื่องแบบสีเขียวหญ้าของทุกคนทำให้กำแพงดูเหมือนแปลงปลูกพืชไปเลย

                ส่วนด้านหลังเขาคือถิ่นอาศัยที่เต็มไปด้วยประชาชนมากมาย

                ที่นี่คือแนวป้องกันสุดท้ายซึ่งจะต้องปกป้องเอาไว้ดังนั้นเขาที่มีอาชีพด้านเยียวยารักษาจึงถูกให้มาประจำอยู่ที่นี่เพื่อคอยสนับสนุนแนวหน้าในกรณีที่เลวร้ายที่สุดหากต้องเสียกำแพงชั้นแรกไปพวกที่ถอยร่นเข้ามาก็จะได้รับการสนับสนุนทันที

                นอกจากเขาแล้วคนที่อยู่หน่วยเดียวกันและถูกให้มาประจำแนวหลังก็ยังมีกวินทร์ วชิระ อีกคนทั้งที่เป็นอาชีพประจัญบานแต่ถูกไล่มาอยู่ตรงนี้ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่มีประสบการณ์กับเรดบอสที่กำลังจะมาซึ่งเขาเองก็เหมือนกัน

                ทั้งเขาและกวินทร์ต่างก็เข้าสังกัดกองทัพเมื่อปีที่แล้วกับปีนี้โดยสมัครเข้าที่ค่ายในกรุงเทพต่างกับอิงศร มีนา และเมษาที่เคยประจำการอยู่ศูนย์ใหญ่มาสองปีกว่าจึงมีความคุ้นเคยกับเรดในครั้งนี้ กระนั้นแล้ว...

                "ไม่เห็นพี่ศรเลยนะครับ"

                กวินทร์พูดมาจากทางด้านหน้าขณะที่ค้ำมือกับขอบกำแพงแล้วเขย่งมองไปยังแนวชายหาดด้านนอกกำแพงชั้นไออัส

                ตรงจุดที่พวกเขายืนกันอยู่เป็นตอนกลางของกำแพงไอจิสที่ทอดยาวจากหน้าผาไปจนสุดแนวชายหาดแล้วจึงวกเข้าด้านในไปล้อมส่วนของตัวเมืองอีกที

                นรินทร์เดินเข้าใกล้ขอบกำแพงบ้างแล้วเพ่งสายตามองไปยังแนวหน้า

                เจอเมษา

                เจอมีนา

                เจอพันโทข้าวหลาม

                เจอร้อยเอกวิเชียรมาศ แล้วก็คนมียศสำคัญอีกสองสามคนที่พอจะคุ้นหน้าอยู่บ้างแต่กลับไม่เจออิงศร

                "สงสัยจะมาสายล่ะมั้ง"

                นรินทร์เอ่ยลอยๆ เขาไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับอิงศรซักเท่าไหร่เพราะเพิ่งสนิทกันไม่นานที่พอจะรู้ก็มีแค่เสียงลือเสียงอ้างที่ชอบเข้าเรียนวิชาทหารสายไม่ก็โดดไปเลย แกล้งทำผลทดสอบตกบ้างอะไรบ้าง ถึงจะมีชื่อเสียค่อนข้างเยอะแต่ก็มีเสียงเล่าลือกันหนาหูว่าในสถานการณ์คับขันหรือเวลาสำคัญอิงศรมักจะอยู่ที่นั่นเสมอและมีส่วนช่วยให้พ้นวิกฤติเป็นอย่างมากดังนั้นจึงคาดหวังได้ว่าเขาจะไม่หนีไปจากเรดในครั้งนี้อย่างแน่นอน

                แล้วอะไรทำให้อิงศรคนนั้นไม่มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่กันล่ะ?

                ตอนนั้นเองกวินทร์ก็เรียกหน้าจอสื่อสารขึ้นมา

                "ผมว่าลองโทรตามหน่อยดีกว่า"

                กวินทร์หันมามองราวกับจะขอความเห็น นรินทร์ได้แต่พยักหน้าตอบอย่างเห็นด้วยเพราะเขาเองก็อยากรู้เหตุผล

                "มัวมาชมวิวอยู่แบบนี้มันจะดีเหรอโชเน็น"

                มีเสียงของผู้หญิงดังมาพอหันไปดูก็พบว่าเป็นคนรู้จักอีก ซากิรินั่นเอง

                หัวหน้านักวิจัยจากหน่วยวิจัยสัตว์เทวะและหน่วยพัฒนาแอพพลิเคชั่นปีศาจ

                หญิงสาวในเสื้อกาวน์จ้องมองมาที่พวกเขาพลางผุดยิ้มเล็กน้อย

                "คุณซากิริก็มาออกแนวหน้าด้วยเหรอครับ"

                นรินทร์ถาม ขณะเดียวกันกวินทร์ก็ละความสนใจจากทางนี้แล้วเริ่มโทรหาอิงศร

                ซากิริตอบคำถามนั้นว่า

                “เพราะว่ามีแค่ฉันคนเดียวที่สามารถใช้เดม่อนแอพแบบเฉพาะจัดการกับบอสตัวหนึ่งได้น่ะ

                “หมายความว่ายังไงหรือครับ

                นรินทร์ทำหน้าสงสัย

                “รู้เรื่องกฎของการคราฟเมืองใช่ไหมว่าทุกเดือนจะต้องรับการโจมตีจากเรดบอส

                นรินทร์พยักหน้า

                “แล้วเรดก็วนสับเปลี่ยนกันมาทุกปีสำหรับเจ็ดแตรแห่งวิบัตินี่ก็วนมาเป็นปีที่สามแล้วล่ะ

                จากนั้นซากิริก็ชี้ไปที่ทะเล

                “ศัตรูจะบุกมาจากตรงนั้นจะมีเสียงเป่าแตรให้สัญญาณจ่าฝูงตัวแรกโจมตีทุกๆ เจ็ดสิบนาทีถ้าไม่สามารถกำจัดให้ได้ก่อนหมดเวลาก็จะต้องรับมือจ่าฝูงอีกตัวในสัญญาณครั้งต่อไปพร้อมกันแล้วเราก็จะป้องกันลำบากน่าจะเคยได้ยินมาบ้างใช่ไหมล่ะเพราะเรดนี้ส่งเสียงอึกทึกครึกโครมทุกปีเลยล่ะ

                “ก็เคยได้ยินข่าวลือมาบ้างน่ะครับเพราะตัวผมเพิ่งจะเข้ากองทัพก็ตอนที่ค่ายกรุงเทพก่อตั้งขึ้นมาหมาดๆ เองเรื่องของที่นี่ผมไม่ค่อยรู้หรอก

                “งั้นเหรอถ้างั้นฉันจะสปอยให้หมดเลยก็แล้วกันตั้งใจฟังให้ดีๆ ล่ะเจ้าหนูหัวเม่นที่อยู่ตรงนั้นก็ด้วย

                หล่อนเรียกกวินทร์ เด็กชายเองก็ได้ยินที่พูดกันมาตั้งแต่ต้นจึงพยักหน้าตอบกลับไปแทนคำพูดขณะที่หน้าจอสื่อสารยังคงรอการตอบรับจากอิงศรที่น่าจะอยู่ตรงปลายสาย

                ซากิริพูดต่อไปว่า

                “ลูกน้องที่ปล่อยออกมาแต่ละตัวมีความสามารถแตกต่างกันออกไปตัวแรกชื่อว่าดูเบ...

                ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังมาจากกำแพงไออัสที่อยู่ชั้นหน้าสุด

                “ศัตรูปรากฏตัวจากทะเลแล้ว!!

                เพียงเท่านั้นสายตาของทุกคนเพ่งเล็งไปยังท้องน้ำอันเวิ้งว้าง.... แต่ที่นั่นกลับไม่มีอะไรเลย

                เริ่มได้ยินเสียงแตรเขาสัตว์ดังแว่วมาแต่ก็ยังไม่มีอะไรโผล่ขึ้นบนท้องน้ำอย่างที่เสียงตะโกนเมื่อครู่บอกจนทุกคนพากันสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น

                หน่วยสังเกตดูผิดไปหรือว่าแจ้งเตือนผิดกันแน่ เริ่มมีการถกเถียงและถามกันไปมา

                “เฮ้! ไม่เห็นมีอะไรเลย

                “หอสังเกตการณ์แจ้งผิดรึเปล่า

                “ได้ยินแต่เสียงแตรอย่างเดียวไม่เห็นอะไรเลย

                คำถามมากมายและท่าทีกระวนกระวายอยู่ไม่สุขด้วยความไม่รู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น อาการเหล่านี้เป็นของคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในเรดนี้ทุกคน

                นรินทร์เองก็เช่นกันเขาใคร่รู้นักว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ก็พยายามทำใจให้สงบแล้วมองสถานการณ์อย่างเยือกเย็น

                “…”

                แต่ก็ไม่รู้อะไรเลย... ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ด้วยซ้ำเพราะไม่รู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คนที่รู้ก็เหมือนจะมีแต่พวกที่มีประสบการณ์แต่กลับไม่พูดไม่จาหรือมีท่าทีจะอธิบายอะไรกับคนที่ไม่รู้

                คนที่รู้ทุกคนกลับเอาแต่หันไปหันมาราวมองหาอะไรบางอย่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเสียจนคนที่ไม่รู้ก็ไม่กล้าเข้าไปถาม ตัวช่วยเพียงตัวเดียวที่เหลืออยู่สำหรับนรินทร์ก็เหลือแค่ซากิริ

                เขาจึงหันไปเพื่อจะถาม แต่ทว่า...

                “คุณซากิ…”

                นรินทร์พูดได้แค่นั้นก่อนที่ร่างของเขาจะถูกดึงจากด้านหลังด้วยแรงมหาศาลจนเซถลาไปและนั่นทำให้สวนกับชายคนที่ดึงพลเอกสิงห์นั่นเอง...

                ดาบของพลเอกที่ชักออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ได้ตวัดออกไปและฟันบางอย่างจนขาดสะบั้นเกิดเสียงเหมือนตัดกระดาษดังฉับ

                นรินทร์เซไปจนหลังพิงกำแพงขณะที่ดวงตาจับจ้องไปยังสิ่งที่พลเอกฟันทิ้งไปเมื่อครู่ เจ้าสิ่งนั้นมีแถบพลังชีวิตแสดงอยู่ด้วยแต่มีขนาดที่เล็กเท่านิ้วโป้งและขนาดตัวเจ้าของแถบพลังชีวิตนั้นก็เล็กเสียยิ่งกว่า

     

    Heraldic Beast Deity: Dubhe Lv.70

    […..0:1…..]

     

                เจ้าสิ่งนั้นเป็นอะไรที่คล้ายกับแมงกะพรุนขนาดจิ๋วซึ่งลอยไปมาในอากาศ จากแถบพลังกับชื่อของมันที่เกือบจะหายไปทำให้รู้ว่าเป็นสัตว์เทวะระดับจ่าฝูงดังนั้นจึงเป็นบอสของเรดอย่างไม่ต้องสงสัย หากดูแค่ผิวเผินก็เป็นสัตว์เทวะที่อ่อนแอจนไม่สมกับระดับเลเวลที่มีอยู่เอาเสียเลย

                แต่นรินทร์มองออกถึงความร้ายกาจที่ซ่อนอยู่ภายในร่างเล็กกระจ้อยและภาพลักษณ์อันอ่อนแอนั่นเพราะนี่คือเรดบอสที่เดิมพันการป้องกันไม่ให้สัตว์เทวะเข้าไปถึงแกนกลางของพื้นที่ป้องกันแต่เจ้าสัตว์เทวะอ่อนแอตัวนี้กลับฝ่ามาถึงกำแพงชั้นสุดท้ายได้โดยไม่มีใครทันสังเกต หากปล่อยให้มันเล็ดลอดเข้าไปได้ล่ะก็เมืองทั้งเมืองคงได้พินาศไปแล้ว

                “อย่าประมาท

                สิงห์พูดก่อนจะเก็บดาบลงในฝักแล้ววิ่งกระโดดข้ามไปยังกำแพงชั้นหน้าด้วยพลังเหนือมนุษย์ จากนั้นก็กระโดดจากกำแพงชั้นหน้าลงไปบนหาดทราย พวกทหารที่อยู่ตรงนั้นพากันส่งเสียงต้อนรับการมาของพลเอก

                นรินทร์ยังคงไม่ขยับตัว เขาเข้าใจสถานการณ์แล้วแต่กลับตามมันไม่ทันต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าจะได้สติ

                “นี่น่ะเหรอเรดเจ็ดสิบ

                ...แล้วพูดเช่นนั้น

                ซากิริตบมุกให้ว่า

                “ถ้าพลาดเพราะลูกไม้แบบนี้มนุษยชาติคงต้องทบทวนตัวเองแล้วล่ะว่าไหมโชเน็น

                นรินทร์ดีวตัวเองออกจากกำแพงแล้วเดินกลับที่ ตอนนั้นเองกวินทร์ก็หันมาพูด

                "พี่ศรบอกว่ารอโดโรธีแต่งตัวอยู่น่ะครับ"

                "อะ...เหรอ"

                นรินทร์ตอบได้แค่นั้นปฏิกิริยาต่อสถานการณ์ของกวินทร์ทำให้รู้สึกว่าเด็กหนุ่มจะเอาแต่สนใจกับการติดต่อกับอิงศรจนไม่ได้รู้สึกถึงเหตุการณ์รอบตัว

                "อ๊ะ! ดูเบอีกตัว"

                แต่กวินทร์กลับตอบโต้ทันทีที่มองเห็นแมงกระพรุนตัวใหม่ลอยข้ามขอบกำแพงมาเขาชักดาบจากหลังแล้วหันเอาด้านกว้างของใบดาบทุบลงไปแทน สัตว์เทวะถูกบี้อยู่ระหว่างใบดาบหนักอึ้งกับขอบกำแพงแล้วตายไปทั้งอย่างนั้น

                นรินทร์มองการโจมตีนั้นแล้วก็ตระหนักว่าในเหตุโกลาหลวุ่นวายเมื่อครู่คนที่ทำใจเย็นสู้จะไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว

                ยังมีดูเบอีกหลายตัวลอยข้ามกำแพงมาทหารที่ไม่มีประสบการณ์ก็เริ่มจะคุ้นเคยกับการเพ่งตามองหาตัวดูเบและกำจัดทิ้งกันแล้วเพียงแต่...

                "บรรยากาศมันแปลกๆ แหะ"

                นรินทร์พูดขณะที่มองหน่วยสังเกตุการณ์บนกำแพงชั้นหน้ากำลังวุ่นวายกันยกใหญ่มีเสียงพูดคุยกันเองอย่างเอะอะดังแว่วมาแต่ก็ฟังจับใจความไม่ค่อยได้ พวกทหารในแนวรบอื่นก็เป็นเหมือนกันราวกับว่าตอนนี้ได้เกิดสถานการณ์อันผิดแปลกไปจากทุกทีโดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร

                “มีแต่ตัวกระจอกแบบนี้นี่น่ะเหรอเรดเจ็ดสิบน่ะ

                กวินทร์ทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อยแต่มือก็ไม่ได้หยุดเหวี่ยงดาบ

                ตอนนั้นเองซากิริก็เริ่มตรวจสอบเธอเรียกหน้าจอกับคีบอร์ดโฮโลแกรมขึ้นมาและหลังจากที่คีย์คำสั่งมากมายเข้าไปเพื่อทำการวิเคราะห์หล่อนก็สรุปผลออกมาด้วยใบหน้าทึ่งๆ

                “โชเน็น

                หล่อนเรียกนรินทร์...

                "ดูเบน่ะมีแค่ตัวเดียวนะจากนั้นสัญญาณแตรครั้งที่สองก็จะดังแล้วเมรัคที่เป็นตัวที่สองจะบุกมาเจ้านั่นมีความสามารถในการพรางตัวเองให้กลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมเรียกว่าล่องหนสมบูรณ์แบบก็ได้"

                แต่เสียงแตรเขาสัตว์ที่ดังอยู่ตอนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด?

                จากนั้นหล่อนก็กดปุ่มบนคีย์บอร์ดโฮโลแกรมเกิดเสียงดังแต๊กแล้วพื้นตรงหน้าก็เปล่งแสงอัญเชิญบางอย่างมา

                น่าจะเป็นปีศาจจากเดม่อนแอพฯ?

                รูปร่างเหมือนกับเทวดาในศาสนาคริสต์สวมชุดขาวมีปีกสี่ปีกมีวงแหวนแสงเหนือศีรษะแต่กลับมีใบหน้าเป็นโครงกระดูกสยดสยองในมือของเทวดาถือแตรอยู่คันหนึ่ง

                ซากิริพูดขึ้นอีกว่า

                "รู้ไหมว่าตำนานเกี่ยวแตรแห่งจุดจบน่ะมีอยู่ทั่วโลกเลยนะทั้งแตรเขาสัตว์ที่เรียกว่ากิอัลลาฮอร์นในตำนานนอร์สแล้วก็แตรของเทวทูตแห่งจุดจบในศาสนาคริสต์เจ้านี่คือเทวดาตกสวรรค์ทรัมเป็ตเตอร์"

                แล้วนิ้วเรียวของหล่อนก็กระแทกลงบนปุ่มคีย์บอร์ด

                “คลื่นเสียงสลายฟังชันก์พรางตัวทำงาน

                สิ้นคำเทวดาผู้น่าหวาดหวั่นก็ยกคันแตรขึ้นเป่าเสียงแตรนั้นดังกระหึ่มไปทั้งสนามรบแทบจะกลบเสียงแตรเขาสัตว์มิด เสียงแตรดังอยู่พักใหญ่ก่อนที่ความจริงจะปรากฏต่อสายตาหลายร้อยคู่ของเหล่าทหาร

                สัตว์เทวะจ่าฝูงทยอยปรากฏร่างให้เห็นทีละตัวๆ

                ตัวแรกเหมือนปลาดาวสีม่วงมีดวงตาสีแดงก่ำอยู่ตรงกลางลำตัว

                ตัวที่สองเหมือนเต่าทะเล

                ตัวที่สามน่าจะเป็นปลาวาฬมันปล่อยฝูงดูเบจำนวนมากออกมาจากรูบนหัว

                ตัวที่สี่เหมือนปลาหมึกยักษ์

                ตัวที่ห้ารูปร่างประหลาดเกินไปจนดูไม่ออกว่ากลายพันธุ์มาจากตัวอะไรแต่มีสีหลากสีสันและลักษณะมีตะปุ่มตะป่ำน่าจะเป็นปะการังทะเล

                ทั้งหมดอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่งและกำลังคืบคลานเข้ามา ขนาดตัวเฉลี่ยกันอยู่ที่ประมาณสิบเมตรน่ากลัวว่ากำแพงจะไม่พอต้านพวกมัน

                ซากิริที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดเหมือนกับจะอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง

                "นอกจากจะตัวใหญ่กว่าปีที่แล้วลิบลับกับขนมาทีเดียวหมดทั้งฝูงยังจะขยายความสามารถพรางตัวของเมรัคให้เพื่อนได้ด้วยดูท่านี่จะเป็นผลจากเมกิดโด้อาร์คสินะ

                “เมกิดโด้อาร์คนั่นที่ในแพทซ์บอกว่าการรุกรานของสัตว์เทวะจะรุนแรงขึ้นน่ะเหรอครับ

                นรินทร์ถาม

                "ใช่ แล้วทีนี้ความแตกต่างระหว่างคนมีประสบการณ์กับไม่มีก็คงไม่เหลือแล้วล่ะมั้งเพราะนี่ก็แทบไม่เหลือเค้าเดิมกับปีก่อนเลยด้วยบางทีนี่อาจจะเป็นจุดจบของมนุษยชาติเลยก็ได้นะ"

                หล่อนพูดถึงจุดจบของมนุษย์อย่างสบายๆ ราวกับไม่ทุกข์ร้อนในอะไรเลย พวกสัตว์เทวะเองก็เคลื่อนที่มาถึงชายหาดพร้อมกับเริ่มโจมตี

                สงครามเริ่มต้นขึ้นแล้ว

     

                อิงศรอยู่ในชุดพร้อมรบการเตรียมตัวของเขาเสร็จไปตั้งนานแล้วและพร้อมออกไปยังสนามรบได้ทุกเมื่อ แต่ทว่า...

                เฮ้ย ยังผูกไม่เสร็จอีกเรอะ

                “…”

                ไม่มีการตอบกลับจากคู่สนทนาที่กำลังนั่งผูกเชือกรองเท้าอย่างประดิดประดอยอยู่ในห้องพักขนาด 3.5 ตารางเมตรที่เล็กกว่าห้องพักที่ค่ายกรุงเทพนิดหน่อยนอกนั้นแล้วเฟอนิเจอร์กับสิ่งของก็ถูกจัดวางไว้ในลักษณะเดียวกันหมด

                โดโกบาร์ยังคงกะขนาดของปลายเชือกผูกรองเท้าที่ผูกเสร็จแล้วก่อนจะแกะมันแล้วผูกใหม่เพราะยังไม่ได้ความยาวเชือกที่สมมาตรกันทั้งสองข้างและยังตั้งหน้าตั้งตาผูกโดยไม่รู้สึกยี่หระต่อแรงกดดันจากอิงศรเลยแม้แต่น้อย

                นิสัยจุกจิกเรื่องสมมาตรไม่สมมาตรนี้ก็มีให้เห็นมาหลายครั้งตั้งแต่ที่เจอกันไม่รู้ว่าเป็นเพราะพื้นเดิมที่เป็นเครื่องทำสวนรึเปล่าถึงได้ทำให้มีนิสัยแปลกประหลาดเช่นนี้ ระหว่างที่ครุ่นคิดหาทางให้โดโกบาร์เลิกโอเอ้เสียทีก็มีเมล์เข้ามา

                เจ้ากวินทร์เรียกมาอีกแล้วเรอะ

                อิงศรจงใจบ่นให้โดโกบาร์ได้ยินเผื่อจะช่วยกระตุ้นได้แต่แล้วคนที่โดนกระตุ้นกลับกลายเป็นเขาเสียเองเพราะว่าเมล์ฉบับนั้นไม่ได้มาจากกวินทร์แต่เป็น GM หรือ ผู้ถูกลืมเลือน หรือ ซีลอร์ด

     

    ======================

    Subject: @Clipius Death Timing Delivery

    Form: GM

    Detail:

    ตัวจับเวลาตายของเพื่อนคุณมาถึงแล้ว!

    เวลาชีวิตที่เหลือของ สิงห์ ธุวดารกะ คือ [00:30:00]

    ======================

     

                อิงศรเบ้ปากให้กับเมล์ฉบับนั้น

                เอาอีกแล้วเหรอ!”

                เมล์ตัวจับเวลาความตายที่ไม่ได้มีเข้ามาเสียนานและเหยื่อรายแรกของการกลับมาในครั้งนี้ก็ช่างเหลือจะกล่าว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×