คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ✚ r o o m . III
Chapter III
ความรู้สึกในหัวของคยองซูตอนนี้ก็คือ เขาอยากจะวิ่งออกไปให้ไกลจากตรงนี้มากที่สุด แล้วไปอาเจียนความน่าสยดสยองกับการกระทำของหมอและคนไข้เมื่อครู่นี้ ติดอยู่ที่ว่า ขาไม่แข็งจนไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้ ทำให้ต้องยืนนิ่งแข็งทื่ออยู่หน้าห้องพักอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ขอโทษที่ปล่อยให้รอนะครับหมอ รอผมนานมั้ยครับ” ลู่หานรีบขอโทษขอโพยหลังจากปล่อยให้คยองซูยืนทื่ออยู่คนเดียว
“ม…ไม่เป็นไร…ค…ครับ…”
“เหรอครับ เป็นอะไรรึเปล่าครับหมอ หน้าซีดเชียว” ลู่หานถามพร้อมเอามือมาแตะที่หน้าผากคนตัวเล็กที่ยืนหน้าซีดอย่างที่บุรุษพยาบาลว่าเอาไว้
“…”
“จริงสิครับ นี่ก็จะเที่ยงคืนแล้ว หมอไปนอนพักเถอะครับ ซักตีสองค่อยออกมาเดินดูอีกซักรอบ พวกเราเข้าเวรถึงแค่ตีสามน่ะครับ เดี๋ยวตีสองผมจะเข้าไปปลุกหมอเอง”
“จ…จะดีเหรอครับ ผมไม่อยากปล่อยให้คุณทำงานคนเดียว”
“ผมเช็คความเรียบร้อยหมดแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่เอายาไปให้อี้ชิงกินก่อนน่ะครับ หมอไปนอนเถอะครับ”
“ถ้างั้น…ผมขอเอายาไปให้อี้ชิงได้มั้ยครับ ?”
“อย่าดีกว่าครับหมอ ผมเข้าไปเองดีกว่า หมอไปนอนเถอะครับ”
“แต่ว่า…”
‘ ไปนอนเถอะครับหมอ อย่ายุ่งให้มากเลยครับ ’
ลู่หานพูดประโยคตัดบทขึ้นมา ทำให้คยองซูไม่กล้าที่จะดื้อต่อ จะอะไรล่ะ ฟังดูก็รู้แล้วว่าลู่หานคงเริ่มไม่พอใจเขาซักเท่าไหร่
คยองซูจำใจต้องเดินกลับมาที่ห้องพักแพทย์ โดยไม่ลืมเหตุการณ์อันน่าสยดสยองที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ในห้อง 404 ในขณะที่เดินออกมา ร่างเล็กก็แอบชำเลืองหันกลับไปดูลู่หานเป็นครั้งสุดท้าย
ลู่หานกำลังเปิดประตูเดินเข้าไปในห้อง 404 ก่อนจะมองซ้ายมองขวาจนมั่นใจว่าไม่มีใคร จึงปิดประตู…
บางที ลู่หานอาจจะแค่อยากทำหน้าที่จ่ายยาให้อี้ชิงให้เสร็จ เพื่อที่จะได้กลับไปนอนเร็วๆ แต่คงเพราะเขาไปมัวแต่ดื้อใส่ลู่หาน เลยทำให้เขาอารมณ์เสีย
นี่คือพยายามคิดแง่ดีนะ…
สุดท้าย คยองซูก็ลากสังขารที่เหนื่อยเต็มทนกลับมาจนถึงห้องพักแพทย์ ก่อนจะล้มตัวนอนบนเก้าอี้อย่างไม่ค่อยสงบจิตสงบใจ
ก็หวังแค่ว่า มันคงจะไม่มีอะไรไปมากกว่านี้นะ
.
.
“หมอครับ…หมอ…”
“ค…ครับ !!”
เสียงหวานใสของคนๆหนึ่งปลุกให้คยองซูตื่นขึ้นจากการหลับพักผ่อน ก่อนที่คนตัวเล็กจะหันไปมองนาฬิกาแขวน บอกเวลาตีสามเศษๆ ซึ่งเลยเวลากำหนดที่ลู่หานบอกเขาไว้
“บ…แบคฮยอน คุณ…”
“ขอโทษที่เข้ามาโดยพลการครับหมอ พอดีเห็นว่าจะหมดเวลาเข้าเวรแล้ว ก็เลยมาปลุกให้หมอกลับไปนอนที่แฟล็ตน่าจะดีกว่าน่ะครับ”
“ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่แวะมาปลุก ผมไปก่อนนะครับ”
แบคฮยอนบอกลาคยองซูด้วยใบหน้าที่ดูดีขึ้นกว่าเมื่อช่วงกลางวัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารอยยิ้มที่แบคฮยอนมีให้เขามันจะเป็นรอยยิ้มแห่งมิตรภาพ…
XXXXXXXXXX
หลังจากที่นอนได้แค่ไม่ถึงห้าชั่วโมง คยองซูก็ต้องมานั่งจมอยู่กับกองเอกสารบนโต๊ะอย่างเลี่ยงไม่ได้ กาแฟก็ไม่ได้ช่วยเยียวยาซักเท่าไหร่ เขาหวังแค่ว่าจะรีบๆทำมันให้เสร็จ แล้วพักผ่อนสายตาเสียที
ก๊อก ก๊อก !
“ครับผม…”
‘ ผม ลู่หาน เองครับ ’
“ครับ”
“ขอโทษที่เมื่อคืนไม่ได้เข้ามาปลุกนะครับหมอ”
“ไม่เป็นไรครับ”
คยองซูก็ได้แต่ส่งยิ้มแหยๆไปให้ลู่หาน ที่จริงก็ไม่ได้คาดหวังจะให้เขามาปลุกเท่าไหร่ รู้ๆกันอยู่ว่าคงยุ่ง
ดวงตากลมโตของคยองซูจากที่มองหน้ากับลู่หานอยู่ ก็ค่อยๆเลื่อนมองต่ำลงมา จนมาหยุดที่คอของร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ซอกคอขาวที่มีรอยสีแดงอ่อนๆ
นั่นไม่ใช่สิ่งที่นายควรจะยุ่งนะ คยองซู !!
“มองอะไรครับหมอ ?”
เหมือนลู่หานจะรู้ทันความคิดของเขา ก่อนที่จะยิงคำถามออกมา พร้อมรอยยิ้มซื่อๆราวกับไม่รู้เรื่องอะไร
“ป…เปล่า…เปล่าครับ”
“งั้นเหรอครับ ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ โชคดีครับ”
ลู่หานส่งยิ้มให้เขาอีกครั้ง มีความรู้สึกแปลกๆว่าผู้ชายคนนี้ใช้รอยยิ้มเปลืองเหลือเกิน แต่นั่นก็เป็นสิ่งดีไม่ใช่หรือ ?
ถ้าไม่ติดว่ารอยยิ้มนั่นมันเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง…
ที่มองแล้ว รู้สึกขนลุก และหัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ !
“ผมขอเตือนอะไรหมอหนึ่งอย่างนะครับ”
“…”
‘ อย่าได้เที่ยวไปมองคนอื่นแบบที่มองผมล่ะ ไม่งั้นจะหาว่าผมไม่เตือนนะครับ ’
เอาอีกแล้ว…ความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก มันมาอีกแล้ว… บางทีเสี่ยวลู่หาน บุรุษพยาบาลที่มีรอยยิ้มซื่อๆก็ดูน่ากลัวไม่แพ้คนอื่นๆที่นี่
รอยยิ้ม
คำพูด
และที่สำคัญ… ความคิด…
“ฮะๆ หน้าซีดเลย ผมล้อเล่นครับหมอ” ลู่หานหลุดหัวเราะออกมา ส่วนคุณหมอที่นั่งคิดอยู่ก็ได้แต่งงๆ
“เอ่อ…”
“ไม่ต้องคิดมากครับ ผมแหย่ไปแบบนั้นแหละ ขอตัวนะครับ”
แหย่อีกแล้ว มันตลกมากรึไงที่เห็นเขาต้องมานั่งทำหน้ากลุ้มใจแบบนี้ บางทีตัวของคยองซูเองก็เดาแทบไม่ทันแล้วว่า ตกลงเสี่ยวลู่หานคนนี้คิดอะไรอยู่
เดี๋ยวก็แหย่…
เดี๋ยวก็ยิ้ม…
“ไม่คิดจะออกไปดูคนไข้บ้างเหรอครับหมอ ?” ก่อนที่ลู่หานจะออกไป เขายังคงหันกลับมาหาคยองซูที่นั่งกุมขมับอยู่บนโต๊ะ
“เอ่อ…ครับๆ”
คยองซูเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ตั้งแต่เช้าเขายังไม่ได้กระดิกตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้แม้แต่น้อย พอนึกขึ้นได้ก็ไม่รอช้าที่จะหยิบอุปกรณ์ติดใส่กระเป๋าเสื้อไปด้วย แล้วเดินตามหลังลู่หานที่เพิ่งออกไปไม่นาน
จริงสิ…
ตอนนี้ จางอี้ชิง จะเป็นยังไงบ้างนะ
เขาควรจะเข้าไปดูหน่อย… จะดีมั้ย ??
ตอนนี้ขาของคยองซูก็นำพาให้คนตัวเล็กมาหยุดอยู่ที่ห้อง 404 มือเล็กที่กำลังเตรียมจะเคาะประตูเต็มไปด้วยเหงื่อที่ชุ่มฝ่ามือ และกำลังสั่นเทา
ก๊อก…ก๊อก…
“ขอโทษนะครับ คุณจางอี้ชิงอยู่มั้ยครับ ?”
บางที ถ้าเขาจะเคาะประตูแล้วถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเลยก็จะกระไรๆอยู่ ถึงแม้ว่าอี้ชิงจะเป็นคนไข้ แต่เขาก็ควรจะให้เกียรติซักนิด
ถ้าเกิดเปิดพรวดพราดเข้าไป…
อาจจะเจอภาพที่เกิดขึ้นเมื่อกับเมื่อวานก็ได้
ต่างกันหน่อยตรงที่… เมื่อวานมีแค่เสียง…
‘ เข้ามาสิ ’
หลังจากที่อี้ชิงตอบรับแล้ว ทำให้คยองซูรู้สึกโล่งใจไปครึ่งหนึ่ง อาจเป็นเพราะว่าน้ำเสียงของเขาไม่ได้ฟังดูก้าวร้าว หรือดูเยือกเย็น เหมือนคนไข้คนอื่นๆที่เขาเจอมา
ร่างเล็กค่อยๆเอื้อมมือที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อไปที่ลูกบิดประตู ก่อนจะค่อยๆเปิดเบาๆ และพบคนไข้กำลังนั่งอ่านหนังสือนวนิยายอยู่
“หนีห่าวครับ…”
จางอี้ชิง เป็นฝ่ายเริ่มทักทายเขาก่อน พร้อมด้วยรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าซีดๆของเขา แถมใบหน้ายังดูใสซื่อกว่าที่คยองซูคาดไว้เยอะ
หน้าตาดูไม่น่า…
ไม่น่า…
ช…ช่างมันเถอะ
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน มันลอยเข้ามาในหัวของคยองซูอีกครั้ง นั่นมันเรื่องของคนอื่นเขา นายอย่าไปยุ่งเลยคยองซู
“เสียดายนะครับที่เมื่อวานเราไม่ได้เจอกัน” อี้ชิงพูดพร้อมยิ้มน้อยๆควบคู่ไปด้วย
“ครับ”
“แล้วนี่…คุณหมอมาหาผม มีอะไรเหรอครับ ?”
“ค…คือ…”
นั่นสินะ สมควรที่อี้ชิงจะถามอยู่หรอก ก็อยู่ๆเขาเล่นเดินเข้ามาในห้อง โดยไม่มีอะไรติดไม้ติดมือมาเหมือนหมอคนอื่นๆ เป็นใคร ใครก็สงสัย
“แค่มาดูน่ะครับ ว่าคุณโอเครึยัง ?”
“เหรอครับ ?”
“ค…”
“ผมนึกว่า…”
อี้ชิงพูด ก่อนที่จะลากเสียงช้าๆแล้วหยุดเสียงนั้นไว้ พร้อมกับหันมามองคยองซู โดยไม่ลืมที่จะยิ้ม แต่รอยยิ้มกลับไม่ได้มีเสน่ห์อย่างที่คยองซูคิดในตอนแรก
รอยยิ้มเยือกเย็นนั่น…
มันมาอีกแล้ว… !!
‘ ผมนึกว่า….คุณมาเพราะอยากรู้เรื่องของผมซะอีก ’
…TO BE CONTINUED…
ขอบคุณสำหรับทุกยอดเม้นท์นะคะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่หายไปนานพอสมควร กลับมาอัพแล้ว คึคึคึ
ยังไงก็ขอให้เม้นแบบนี้เสมอต้นเสมอปลายนะคะ รักทุกคนค่ะ.
ตอนต่อไปจะมาหรือไม่มา อยู่ที่คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของรีดเดอร์นะคะ ^^
ปล. อัพรอบต่อไป ขอเม้นถึง 80 (เยอะไปป่ะ ?)
ความคิดเห็น