ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #238 : ​Login 235: ขุนนางปีศาจล่ามังกร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 148
      6
      26 พ.ค. 61

    Login 235: ขุนนางปีศาจล่ามังกร

     

                นี่คือสายสัมพันธ์ระหว่างฉันกับนรินทร์!”

                ด้วยสิ่งที่เรียกว่า อวาแทรนซ์ พลังลึกลับที่ตื่นของอิงศรทำให้โล่มังกรแปดเศียร ยามาตะโนะโอโรจิ จาก เดธอาคานาร์เพิ่มขีดความสามารถขึ้นสะท้อนจน สายฟ้ากลับไปหาแฟรนเซียม

                แต่แฟรนเซียมก็ตอบโต้ได้ในทันที ราชามนาย์ต่างดาวหมุนดาบในมือ ปักมันลงบนพื้น

                รีลีสสเตจโควริว

                พื้นบริเวณที่ดาบปักลงไปนั้นพลันก็เปล่งแสงสว่างเป็นรูปวงเวท

                ปีศาจถูกอัญเชิญขึ้นมาจากวงเวทนั่น ปีศาจซึ่งไดชื่อว่าเป็นเทพเจ้า มังกรทองคำปรากฏตัวขึ้นเบื้องหลังแฟรนเซียม มันอ้าปากคำราม เพียงแค่เสียงคำรามของบมันก็ทรงพลังมากแล้ว

                มากพอทำให้สายฟ้าที่ย้อนกลับไปเล่นงานแฟรนเซียมหายไปในพริบตา แล้วคลื่นเสียงก็ยังเหลือพลังพุ่งมาถึงอิงศร แต่เพราะเกราะจากเดธอาคานาร์ช่วยต้านรับไว้ไม่อย่างนั้นร่างกายอาจจะถูกคลื่นเสียงแห่งเทพฉีกเป็นชิ้นไปแล้ว

                โควริว เป็นปีศาจที่เกิดจากการรวมร่างของปีศาจสี่ตนที่เรียกว่าสี่สัตว์เทพ พลังของมันไม่ใช่สิ่งที่จะประมาทได้เลย นับเป็นครั้งที่ห้าที่ต้องเผชิญหน้ากับปีศาจตระกุลมังกรก็ว่าได้

                ครั้งแรกคือสัตว์เทวะที่เกือบจะฆ่ามีนาด้วยการเป็นกาฝากยึดร่างของหล่อน

                ครั้งที่สองคืออนันตา ปีศาจของอารย-สนธยา

                ครั้งที่สามคือเดโมนอยด์เควตซัลโคลต์ซึ่งตัวจริงคือวิเชียรมาศ

                ครั้งที่สี่คืออาซีดาฮากาที่แฟรนเซียมเรียกออกมาที่สนามรบบนชายหาด

                แล้วนี่ก็เป็นครั้งที่ห้า...

                จากการต่อสู้กับมังกรสี่ตัวก่อนหน้าค่อนข้างจะเป็นที่แน่ชัดว่า มังกร ในเกมนี้เป็นพวกที่เน้นเรื่องการป้องกันเป็นหลัก แม้แต่กับยามาตะโนะโอโรจิของเขาเองก็ยังเป็นอาคานาร์ที่มีพลังในการป้องกัน

                ถ้าอย่างนั้นเทพมังกรโควริวก็คงมีพลังในการป้องกันที่ไม่ธรรมดา

                 แฟรนเซียมแกดูถูกมนุษย์สินะ บอกว่ามนุษย์เป็นแค่ก้อนเนื้อกับเลือด ถ้างั้นฉันจะให้ดูเองว่าก้อนเนื้อกับเลือดก็สามารถก้าวไปข้างหน้าได้

                อิงศรกล่าวแล้วย้ายคันธนูในมือเหน็บติดกับหลัง เป้นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของอาวุธในเกมอยู่แล้วก็เหมือนกับที่กวินทร์หรือขวัญทำอยู่บ่อยๆ เขาจำเป็นต้องให้มือว่างทั้งสองข้างเพื่อแสดงการก้าวเดินไปข้างหน้าให้คนฉลาดอย่างแฟรนเซียมเข้าใจ

                ต้องเป็นไอ้งี่เง่าที่เชื่อเรื่องพลังมิตรภาพจนถึงที่สุดขนาดไหนถึงจะชักจูงหมอนั่นให้กลับมายังเส้นทางที่ถูกต้องได้กันนะ

                เขาประกาศ

                นี่คือสายสัมพันธ์ของฉันกับเมษา อาคานาร์ฟอร์ซ ดิเอ็มเพอเรอร์

                แล้วใช้มือที่เพิ่งว่างข้างนั้นรองรับไพ่อาคานาร์แห่งจักรพรรดิ์

                ออกมา เอลิกอร์

                อัศวินปีศาจปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้า

                นี่คือเดม่อนแอพอันแรกสุดที่เขาครอบครอง เป็นสูตรโกงอันแรกที่สิงห์ ธุวดารกะมอบให้

                พอเห็นแบบนั้น แฟรนเซียมก็พูด

                เฮอะ ปีศาจระดับแค่นั้นน่ะเรอะ

                อิงศรจ้องมองไปยังปีศาจที่ได้รับมอบจากคนที่กำลังเป็นศัตรูอยู่ในตอนนี้

                เป็นความจริงแบบที่ไม่ต้องใช้สมองคิดก็ยังได้ ระดับแค่เอลิกอร์ที่ได้รับมอบมาจากอีกฝ่ายเอาชนะโควริวไม่ได้

                แต่ว่า

                ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะ ฉันจะแสดงให้ดูเองแฟรนเซียม จะให้แกได้เห็นว่าก้อนเนื้อกับเลือดที่แสนไร้ค่านั่นน่ะมีความเป็นไปได้มากกว่าที่แกเห็น

                อิงศรกล่าว จากนั้นเขาจึงพูดกับปีศาจของตัวเอง

                เอลิกอร์

                ว่าไง

                นายบอกว่าจะเชื่อใจฉันแล้วใช่ไหม

                ถ้านั่นหมายถึงเชื่อฟังมันก็ใช่แหละนะ

                ถ้างั้นฉันก็จะเชื่อใจนาย เพราะงั้นพุ่งออกไปเลย

                ปีศาจแค่นลมหายใจอย่างขบขันเล็กน้อยแล้วพูดโดยไม่หันมามอง

                เหอะ เอาไงเอากันสิลองเชื่อแกทีไรมีแต่เรื่องเด็ดๆ อยู่แล้วนี่นะ

                เอลิกอร์ควบม้าทะยานออกไป มุ่งตรงไปหาเทพมังกรทอง

                ถ้าปล่อยไว้เฉยๆ เอลิกอร์จะถูกทำลายอย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังจะใช้เอลิกอร์อยู่ดี

                เพราะหมอนี่มีประสบการณ์

                ประสบการณ์ในการต่อสู้กับปีศาจที่เป็นมังกร

                ประสบการณ์คือพลังของมนุษย์ ความผิดพลาดคืออาวุธของมนุษย์ที่ใช้ต่อกรกับพลังแห่งโชคชะตาของพระเจ้า

                ถ้าอย่างนั้น...

                อวาแทรนซ์!!

                นี่ก็จะเป็นการส่งพลังของมนุษย์ไปให้กับปีศาจ

                เป็นการสร้างตำนานขึ้นมาใหม่

                เป็นการละเมิดต่อกฎระเบียบของพระเจ้าอย่างแท้จริง

                อิงศรจับอาคานาร์ทั้งสองใบไว้ในมือมั่น มือของเขาเปล่งแสงด้วยพลัง อวาแทรนซ์ พลังของมนุษย์ที่ใช้เพิ่มขีดความสามารถให้กับปีศาจ

                อาคานาร์แห่งความตาย และ อาคานาร์อีกใบที่โผล่ขึ้นมาแทนที่อาคานาร์แห่งจักรพรรดิ

                อาคานาร์แห่งสายสัมพันธ์ระหว่างเขากับเอลิกอร์ เดอะสตาร์ (The Star)

                ภายใต้ดวงดาวแห่งโชคชะตาอันเจิดจรัส มนุษย์จะผูกพันโชคชะตากับปีศาจแล้วแสดงพลังอันใหม่ออกมา พลังที่ละเมิดต่อกฎระเบียบและความเป็นไปได้

                นักรบอสูรที่ต้องคำสาปกับเลือดของมังกรร้าย จงหลอมรวมกันแล้วกลายเป็นตำนานบทใหม่

                อิงศรผสานแขนที่ถืออาคานาร์ทั้งสองใบไว้ด้วยกัน แล้วตวัดออกพร้อมๆ กัน

                พลันเกิดแสงสว่างเป็นรูปวงเวทขึ้นตรงจุดที่ไพ่เดินทางมาบรรจบไขว้กันในวินาทีที่อิงศรสะบัดแขนออก

                แสงสว่างนั้นพุ่งออกไปข้างหน้าจนมองเห็นลำ แสงเข้าไปชนกับเอลิกอร์แล้วอาบย้อมร่างอันดำทะมึนของอัศวินปีศาจแห่งหายนะ

                ดยุกปีศาจล่ามังกร เอลิกอร์ซิกฟรีด!! (Duke of Dragon Hunting, Eligor Siegfried)”

                พลังแห่งความเป็นไปได้ มันได้เปลี่ยนแปลงร่างของอัศวินมารบนหลังม้าไปสู่รูปลักษณ์ใหม่

                เอลิกอร์อยู่ในชุดเกราะใหม่ที่กลายเป็นสีทองทั้งตัว หอกกลายเป็นดาบ บรอดซอร์ดที่ใบดาบมีความกว้างเป็นพิเศษราวกับเอาไว้บดขยี้สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์

                ม้าปีศาจที่ควบอยู่กลายร่างเป็นโฮเวอร์บอร์ด วัตถุคล้ายกับกระดานสเก็ตบอร์ดที่ลอยได้

                แฟรนเซียมจ้องมองปีศาจที่เกิดขึ้นจากพลังแห่งความเป็นไปได้ จ้องมันเขม็งแล้วพูดเหมือนสบถ

                เอลิกอร์ซิกฟรีด...ไม่มีปีศาจแบบนั้นอยู่แน่ๆ นี่แกเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่งั้นเรอะ อิงศร!

                อิงศรเมินคำถามนั้น ชักคันธนูที่เหน็บหลังไว้มาแล้วสั่งให้แอพพลิเคชั่นปีศาจที่ติดตั้งอยู่ทำงาน

                สเลปเนียร์

                แอพพลิเคชั่นซึ่งได้มาจาก อาคานาร์ เดอะ เลิฟเวอร์ เป้นสายสัมพันธ์ระหว่างเขากับมีนา

                ด้วยพลังของสเลปเนียร์ทำให้เท้าของอิงศรลอยขึ้น ภายในสิบวินาทีนี้เขาจะบินได้

                อิงศรพุ่งทะยานตามเอลิกอร์ซิกฟรีดไป

                จัดการพร้อมกันเลยเอลิกอร์

                ตามข้ามาเลยอิงศร

                ขุนนางปีศาจกล่าวพร้อมกับเร่งความเร็วของโฮเวอร์บอร์ดนำหน้าไปก่อน

                มังกรทองสัมผัสได้ถึงความคุกคามจากพวกเขา จึงปลดปล่อยสายฟ้าออกมา

                เมื่อเห็นแบบนั้น เอลิกอร์ซิกฟรีดก็ยื่นดาบออกไป สายฟ้าทั้งหมดไหลมารวมกันที่ปลายดาบเหมือนมันเป็นสายล่อฟ้า สายฟ้าทั้งหมดถูกกักเก็บเอาไว้ในตัวดาบโดยที่ไม่รั่วไหลออกมาทำร้ายผู้ถือแม้แต่น้อย

                แล้วเมื่อเขากับเอลิกอร์ซิกฟรีดรุกคืบมาประชิดตัวมังกรได้

                ...

                อิงศรก็เหลือบสายตาคอยมองแฟรนเซียมอยู่เนืองๆ มาตลอด พยายามระวังตัวอยู่เสมอว่าเมื่อไหร่ที่แฟรนเซียมจะใช้ดาบเล่มนั้น

                ดาบมังกรเทวะที่เอาออกมาตั้งแต่แรกและยังถืออยู่ในมือขวามาโดยตลอด

                ทำไมถึงไม่ยอมใช้ดาบนั่น.... อิงศรคิดแล้วก็เข้าใจขึ้นมา เพราะว่าแฟรนเซียมก็คือสิงห์ ดังนั้นความคิดก็คงเหมือนกันกับตัวเอง

                ต่างฝ่ายต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี

                คงเหมือนกับที่เรากำลังคิดสินะ วิธีเดียวที่จะตอบโต้ดาบนั่นได้สำหรับเราก็มีแต่เมอร์คาบาห์เท่านั้น หมอนั่นกำลังรอจังหวะที่เราจะเอาเมอร์คาบาห์ออกมาแล้วใช้ดาบเอาตอนนั้น

                พอตีความการกระทำที่ไม่เข้าใจของแฟรนเซียมได้อิงศรก็ปรายยิ้มออกมา

                ถ้างั้นนายก็แพ้แล้วล่ะเพราะว่าฉันไม่ได้มีพลังเพียงแค่นั้นอีกแล้ว

                เมื่อพูดออกไป เขากับเอลิกอร์ก็ช่วยกันทำลายมังกร

                เอลิกอร์ใช้ดาบที่สะสมสายฟ้ามาฟาดใส่เกล็ดทองคำจนมันปริแตก มังกรแผดเสียงร้องอย่างเจ็บปวด

                ในตอนนั้นเอง อิงศรก็สลับที่กับเอลิกอร์โจมตีซ้ำลงไปที่บาดแผลของมังกร

                ครอสวูฟล์

                เขาไขว้ดาบกับคันฟาดลงไปบนรอยร้าวของเกล็ดมังกร หมาป่าไฟที่พุ่งออกไปจากการใช้สกิลนั้นกัดขย้ำร่างของมังกรขาดเป็นสองท่อน

                ร่างของมังกรทยอยสลายเป็นฝุ่น จนกระทั่งหายไป

                พลังของสเลปเนียร์หมดลงอิงศรจึงลงจอดบนพื้นห่างออกไปจากแฟรนเซียมไม่ไกลนัก

                เขาจ้องมองไปที่ราชามนุษย์ต่างดาวที่เอาแต่ยืนตัวแข้งทื่อ แฟรนเซียมเองก็จ้องมองกลับด้วย

                ใบหน้าที่เคยเย็นชาและเครื่องหน้าที่สงบนิ่งอยู่ตลอดตอนนี้มีเค้าของการเปลี่ยนแปลงผุดขึ้นมา

                แฟรนเซียมกำลังเบ้หน้าด้วยความประหลาดใจอยู่แล้วพูดถามมาว่า

                มีพลังถึงขนาดนี้เลยเรอะ แกทำแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แกละทิ้งอะไรไปเพื่อให้ได้พลังนั้นมากันแน่อิงศร

                อิงศรพูดโดยที่ไม่ลดอาวุธลง

                 แฟรนเซียม ไม่สิ สิงห์นายเคยสอนฉันสินะว่าให้ทิ้งสิ่งที่ไม่จำเป็นไปซะไม่อย่างนั้นจะแข็งแกร่งขึ้นไม่ได้

                “…”

                ที่จริงแล้วฉันยังไม่ได้ละทิ้งอะไรไปเลย

                เพราะตัดสินใจไปแล้วว่าไม่สามารถทิ้งพวกพ้อง หรือ ครอบครัวไปได้ แล้วก็ละทิ้งหนทางที่ควรก้าวเดินไปไม่ได้ด้วย แต่ก็เพราะแบบนั้นแหละ

                คิ้วของแฟรนเซียมขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินที่เขาพูดไป

                ยังไม่ละทิ้งอะไรไปเลยอย่างนั้นเรอะ ถ้างั้นทำไม...

                ทำไมฉันถึงไล่ต้อนนายได้กำลังสงสัยเรื่องนั้นอยู่สินะ

                แล้วไง

                ฉันน่ะไม่ได้ละทิ้งแต่ว่าสูญเสียไปต่างหาก

                คือแกไม่ได้ทิ้งมันไปด้วยตัวเองสินะ

                พวกเราน่ะโค่นลูนาริสลงไปแล้ว ทำลายพระเจ้าไปได้ตั้งหนึ่งองค์แล้ว ที่ทำแบบนั้นได้ก็เพราะฉันมีสายสัมพันธ์กับทุกคนอยู่แล้วก็เพราะสายสัมพันธ์นั่นทำให้ฉันต้องสูญเสียสิ่งสำคัญไป พวกพ้องที่แสนสำคัญของฉันถึงจะไม่อยู่แล้วก็ยังคอยเป็นพลังให้ ส่วนนายตัวคนเดียว....

                ทว่าแฟรนเซียมก็หัวเราะขัดคำพูดของเขา

                ฮะฮะฮะ จะมาพล่ามเรื่องพลังมิตรภาพให้ฉันฟังรึไง อยากจะอวดว่าหาเพื่อนได้มากกว่าฉันงั้นเรอะ

                อิงศรนิ่งเงียบไปซักพักแล้วก็พูดต่อ

                เปล่าหรอก แค่อยากจะบอกว่านายเองก็เหมือนกัน

                หา?”

                นายกับฉันก็มีสายสัมพันธ์เหมือนกัน รูบิเดียมเล่าให้ฟังหมดแล้วเพราะงั้นฉันจะปลดปล่อยนายจากฟาวเดชั่นอีเอง

                อิงศรย้ายดาบไปรวมกับธนูที่อีกมือแล้วยื่นมือที่ว่างนั้นออกไป

                มาสิ ยังทันอยู่นะ ถ้าพวกเราก้าวไปข้างหน้าด้วยกันล่ะก็

                พยายามพูดชักชวนแม้จะรู้ว่าด้วยอีโก้ของฝ่ายนั้นแล้วคำพูดชักชวนคงไม่ได้ผล

                แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเชื่ออยู่ลึกๆ เชื่อว่าแฟรนเซียมจะยังคงเป็นสิงห์ ธุวดารกะ ที่ไหนซักแห่งในอกของราชามนุษย์ต่างดาวอาจจะยังมีหัวใจหลงเหลืออยู่ เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว ตัวเขาก็คง...

                แต่ทว่า แฟรนเซียมกลับหัวเราะเยาะให้คำชักจูง ทั้งที่คำพูดนั้นน่าจะมีพลังมากพอ

                เพราว่าตนได้แสดงความตั้งใจกับพลังไปแล้วคำพูดชักจูงนั่นไม่มีทาวถูกมองเป็นเรื่องเพ้อเจ้อให้โดนหัวเราะไปได้แน่ ถ้าอย่างนั้นทำไมแฟรนเซียมถึงหัวเราะกันล่ะ

                หึ ฮะฮะฮะ ฮ่าฮ่าฮ่า

                ขำอะไร

                จะช่วยฉันงั้นเรอะ งี้นี้เอง

                แฟรนเซียมล้วงมือเข้าไปในเสื้อโค้ทแล้วหยิบบางอย่างออกมา

                งั้นไอ้เจ้านี่ก็คือสายสัมพันธ์ของฉันกับแกสินะ

                สิ่งที่หยิบออกมานั้นเป็นของที่เหมือนกับไพ่

                 ไพ่อาคานาร์...

                อิงศรขยับตัวเล็กน้อย เขาเพ่งสายตาจ้องมองสิ่งที่อยู่ในมือของแฟรนเซียม ไม่ผิดแน่ ไม่มีทางที่จะมองผิดไปได้สิ่งนั้นคือ...

                นั่นมัน...นี่หรือว่านาย

                อาคานาร์ไงล่ะเหมือนกับไอ้ที่นายใช้อยู่ ที่เรียกมันป่าวๆ ว่าสายสัมพันธ์นั่นน่ะคือพลังของเจ้าคนที่ผูกมัดฉันเอาไว้ นี่แหละพลังของฟาวเดชั่นอีล่ะ

                จะบอกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการได้รับอาคานารืของเขาก็เป็นฝีมือของฟาวเดชั่นอี อย่างนั้นเหรอ

                แต่ซีลอร์ดเคยบอกเอาไว้ว่า ผู้ที่ควบคุมอาคานาร์ได้นั้นคือแอดมินิสเทรเตอร์

                สมมติฐานหนึ่งลอยขึ้นมาแต่ว่ามันก็ยังยากที่จะเชื่อ

                ถ้างั้นตัวจริงของหัวหน้าฟาวเดชั่นอีก็...

                แต่ถ้าเชื่อไปล่ะก็บางทีการได้ขึ้นมาถึงที่นี่ก็อาจจะเป็นแผนของฟาวเดชั่นอีด้วยอย่างนั้นรึเปล่า

                ห้ามเชื่อนะ

                ห้ามเชื่อเด็ดขาด

                หัวใจของเขาพร่ำบอกอยู่เช่นนั้น เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว...

                มิ่งขวัญ กวินทร์ เมษา มีนา นรินทร์ ฟู มิกซ์ พลอย เน็กส์ นิว พวกเขาทั้งหมดจะเสียสละไปเพื่ออะไร เพื่อใครกันล่ะ?

     

                แฟรนเซียมพูดต่อ

                ฉันได้ไอ้นี่มาเพราะเจ้านั่นบอกว่าให้เอามาส่งให้นายนั่นหมายความว่ายังไงรู้ไหม ผู้ครอบครองอาคานาร์คือผู้ที่ครอบครองโชคชะตาถ้าจะต้องยกโชคชะตาให้กับคนอื่นนั่นก็เท่ากับเอาชีวิตตัวเองให้ไป

                เดี๋ยวก่อนสิงห์นี่มันหมายความว่ายังไงกันน่ะ ฟาวเดชั่นอีคืออะไรไม่สิมันเป็นใครกันแน่นายรู้ใช่ไหมบอกมาทีเถอะ

                แต่แฟรนเซียมไม่สนใจแล้วดำเนินการต่อ

                ก่อนที่นายจะโอ้อวดว่าโค่นพระเจ้ามาแล้วก็ลองสยบเจ้านี่ที่ได้ชื่อว่าเป็นอริของพระเจ้าให้ฉันดูหน่อยเถอะ

                ดึงดาบที่ใช้กับสกิลของเกมซึ่งปลดปล่อยโควริวและสุญเสียมันไปขึ้นมาจากพื้น พลางทาบอาคานาร์ลงไปบนตัวดาบ

                เดวิลอาคานาร์ รีลีส สเตจ ซาตาน!!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×