คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #238 : Login 235: ขุนนางปีศาจล่ามังกร
Login
235: ขุนนางปีศาจล่ามังกร
“นี่คือสายสัมพันธ์ระหว่างฉันกับนรินทร์!”
ด้วยสิ่งที่เรียกว่า ‘อวาแทรนซ์’ พลังลึกลับที่ตื่นของอิงศรทำให้โล่มังกรแปดเศียร
ยามาตะโนะโอโรจิ จาก เดธอาคานาร์เพิ่มขีดความสามารถขึ้นสะท้อนจน สายฟ้ากลับไปหาแฟรนเซียม
แต่แฟรนเซียมก็ตอบโต้ได้ในทันที
ราชามนาย์ต่างดาวหมุนดาบในมือ ปักมันลงบนพื้น
“รีลีสสเตจโควริว”
พื้นบริเวณที่ดาบปักลงไปนั้นพลันก็เปล่งแสงสว่างเป็นรูปวงเวท
ปีศาจถูกอัญเชิญขึ้นมาจากวงเวทนั่น
ปีศาจซึ่งไดชื่อว่าเป็นเทพเจ้า มังกรทองคำปรากฏตัวขึ้นเบื้องหลังแฟรนเซียม
มันอ้าปากคำราม เพียงแค่เสียงคำรามของบมันก็ทรงพลังมากแล้ว
มากพอทำให้สายฟ้าที่ย้อนกลับไปเล่นงานแฟรนเซียมหายไปในพริบตา
แล้วคลื่นเสียงก็ยังเหลือพลังพุ่งมาถึงอิงศร
แต่เพราะเกราะจากเดธอาคานาร์ช่วยต้านรับไว้ไม่อย่างนั้นร่างกายอาจจะถูกคลื่นเสียงแห่งเทพฉีกเป็นชิ้นไปแล้ว
โควริว
เป็นปีศาจที่เกิดจากการรวมร่างของปีศาจสี่ตนที่เรียกว่าสี่สัตว์เทพ
พลังของมันไม่ใช่สิ่งที่จะประมาทได้เลย
นับเป็นครั้งที่ห้าที่ต้องเผชิญหน้ากับปีศาจตระกุลมังกรก็ว่าได้
ครั้งแรกคือสัตว์เทวะที่เกือบจะฆ่ามีนาด้วยการเป็นกาฝากยึดร่างของหล่อน
ครั้งที่สองคืออนันตา
ปีศาจของอารย-สนธยา
ครั้งที่สามคือเดโมนอยด์เควตซัลโคลต์ซึ่งตัวจริงคือวิเชียรมาศ
ครั้งที่สี่คืออาซีดาฮากาที่แฟรนเซียมเรียกออกมาที่สนามรบบนชายหาด
แล้วนี่ก็เป็นครั้งที่ห้า...
จากการต่อสู้กับมังกรสี่ตัวก่อนหน้าค่อนข้างจะเป็นที่แน่ชัดว่า
‘มังกร’ ในเกมนี้เป็นพวกที่เน้นเรื่องการป้องกันเป็นหลัก
แม้แต่กับยามาตะโนะโอโรจิของเขาเองก็ยังเป็นอาคานาร์ที่มีพลังในการป้องกัน
ถ้าอย่างนั้นเทพมังกรโควริวก็คงมีพลังในการป้องกันที่ไม่ธรรมดา
“แฟรนเซียมแกดูถูกมนุษย์สินะ บอกว่ามนุษย์เป็นแค่ก้อนเนื้อกับเลือด
ถ้างั้นฉันจะให้ดูเองว่าก้อนเนื้อกับเลือดก็สามารถก้าวไปข้างหน้าได้”
อิงศรกล่าวแล้วย้ายคันธนูในมือเหน็บติดกับหลัง
เป้นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของอาวุธในเกมอยู่แล้วก็เหมือนกับที่กวินทร์หรือขวัญทำอยู่บ่อยๆ
เขาจำเป็นต้องให้มือว่างทั้งสองข้างเพื่อแสดงการก้าวเดินไปข้างหน้าให้คนฉลาดอย่างแฟรนเซียมเข้าใจ
ต้องเป็นไอ้งี่เง่าที่เชื่อเรื่องพลังมิตรภาพจนถึงที่สุดขนาดไหนถึงจะชักจูงหมอนั่นให้กลับมายังเส้นทางที่ถูกต้องได้กันนะ
เขาประกาศ
“นี่คือสายสัมพันธ์ของฉันกับเมษา
อาคานาร์ฟอร์ซ ดิเอ็มเพอเรอร์”
แล้วใช้มือที่เพิ่งว่างข้างนั้นรองรับไพ่อาคานาร์แห่งจักรพรรดิ์
”ออกมา
เอลิกอร์”
อัศวินปีศาจปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้า
นี่คือเดม่อนแอพอันแรกสุดที่เขาครอบครอง
เป็นสูตรโกงอันแรกที่สิงห์ ธุวดารกะมอบให้
พอเห็นแบบนั้น
แฟรนเซียมก็พูด
“เฮอะ ปีศาจระดับแค่นั้นน่ะเรอะ”
อิงศรจ้องมองไปยังปีศาจที่ได้รับมอบจากคนที่กำลังเป็นศัตรูอยู่ในตอนนี้
เป็นความจริงแบบที่ไม่ต้องใช้สมองคิดก็ยังได้
ระดับแค่เอลิกอร์ที่ได้รับมอบมาจากอีกฝ่ายเอาชนะโควริวไม่ได้
แต่ว่า
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะ
ฉันจะแสดงให้ดูเองแฟรนเซียม จะให้แกได้เห็นว่าก้อนเนื้อกับเลือดที่แสนไร้ค่านั่นน่ะมีความเป็นไปได้มากกว่าที่แกเห็น”
อิงศรกล่าว จากนั้นเขาจึงพูดกับปีศาจของตัวเอง
“เอลิกอร์”
“ว่าไง”
“นายบอกว่าจะเชื่อใจฉันแล้วใช่ไหม”
“ถ้านั่นหมายถึงเชื่อฟังมันก็ใช่แหละนะ”
“ถ้างั้นฉันก็จะเชื่อใจนาย
เพราะงั้นพุ่งออกไปเลย”
ปีศาจแค่นลมหายใจอย่างขบขันเล็กน้อยแล้วพูดโดยไม่หันมามอง
“เหอะ
เอาไงเอากันสิลองเชื่อแกทีไรมีแต่เรื่องเด็ดๆ อยู่แล้วนี่นะ”
เอลิกอร์ควบม้าทะยานออกไป
มุ่งตรงไปหาเทพมังกรทอง
ถ้าปล่อยไว้เฉยๆ
เอลิกอร์จะถูกทำลายอย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังจะใช้เอลิกอร์อยู่ดี
เพราะหมอนี่มีประสบการณ์
ประสบการณ์ในการต่อสู้กับปีศาจที่เป็นมังกร
ประสบการณ์คือพลังของมนุษย์
ความผิดพลาดคืออาวุธของมนุษย์ที่ใช้ต่อกรกับพลังแห่งโชคชะตาของพระเจ้า
ถ้าอย่างนั้น...
“อวาแทรนซ์!!”
นี่ก็จะเป็นการส่งพลังของมนุษย์ไปให้กับปีศาจ
เป็นการสร้างตำนานขึ้นมาใหม่
เป็นการละเมิดต่อกฎระเบียบของพระเจ้าอย่างแท้จริง
อิงศรจับอาคานาร์ทั้งสองใบไว้ในมือมั่น
มือของเขาเปล่งแสงด้วยพลัง อวาแทรนซ์
พลังของมนุษย์ที่ใช้เพิ่มขีดความสามารถให้กับปีศาจ
อาคานาร์แห่งความตาย
และ อาคานาร์อีกใบที่โผล่ขึ้นมาแทนที่อาคานาร์แห่งจักรพรรดิ
อาคานาร์แห่งสายสัมพันธ์ระหว่างเขากับเอลิกอร์
เดอะสตาร์ (The
Star)
ภายใต้ดวงดาวแห่งโชคชะตาอันเจิดจรัส
มนุษย์จะผูกพันโชคชะตากับปีศาจแล้วแสดงพลังอันใหม่ออกมา พลังที่ละเมิดต่อกฎระเบียบและความเป็นไปได้
“นักรบอสูรที่ต้องคำสาปกับเลือดของมังกรร้าย
จงหลอมรวมกันแล้วกลายเป็นตำนานบทใหม่”
อิงศรผสานแขนที่ถืออาคานาร์ทั้งสองใบไว้ด้วยกัน
แล้วตวัดออกพร้อมๆ กัน
พลันเกิดแสงสว่างเป็นรูปวงเวทขึ้นตรงจุดที่ไพ่เดินทางมาบรรจบไขว้กันในวินาทีที่อิงศรสะบัดแขนออก
แสงสว่างนั้นพุ่งออกไปข้างหน้าจนมองเห็นลำ
แสงเข้าไปชนกับเอลิกอร์แล้วอาบย้อมร่างอันดำทะมึนของอัศวินปีศาจแห่งหายนะ
”ดยุกปีศาจล่ามังกร
เอลิกอร์ซิกฟรีด!! (Duke of Dragon Hunting, Eligor Siegfried)”
พลังแห่งความเป็นไปได้
มันได้เปลี่ยนแปลงร่างของอัศวินมารบนหลังม้าไปสู่รูปลักษณ์ใหม่
เอลิกอร์อยู่ในชุดเกราะใหม่ที่กลายเป็นสีทองทั้งตัว
หอกกลายเป็นดาบ บรอดซอร์ดที่ใบดาบมีความกว้างเป็นพิเศษราวกับเอาไว้บดขยี้สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์
ม้าปีศาจที่ควบอยู่กลายร่างเป็นโฮเวอร์บอร์ด
วัตถุคล้ายกับกระดานสเก็ตบอร์ดที่ลอยได้
แฟรนเซียมจ้องมองปีศาจที่เกิดขึ้นจากพลังแห่งความเป็นไปได้
จ้องมันเขม็งแล้วพูดเหมือนสบถ
“เอลิกอร์ซิกฟรีด...ไม่มีปีศาจแบบนั้นอยู่แน่ๆ
นี่แกเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่งั้นเรอะ อิงศร!”
อิงศรเมินคำถามนั้น
ชักคันธนูที่เหน็บหลังไว้มาแล้วสั่งให้แอพพลิเคชั่นปีศาจที่ติดตั้งอยู่ทำงาน
“สเลปเนียร์”
แอพพลิเคชั่นซึ่งได้มาจาก
อาคานาร์ เดอะ เลิฟเวอร์ เป้นสายสัมพันธ์ระหว่างเขากับมีนา
ด้วยพลังของสเลปเนียร์ทำให้เท้าของอิงศรลอยขึ้น
ภายในสิบวินาทีนี้เขาจะบินได้
อิงศรพุ่งทะยานตามเอลิกอร์ซิกฟรีดไป
“จัดการพร้อมกันเลยเอลิกอร์”
“ตามข้ามาเลยอิงศร”
ขุนนางปีศาจกล่าวพร้อมกับเร่งความเร็วของโฮเวอร์บอร์ดนำหน้าไปก่อน
มังกรทองสัมผัสได้ถึงความคุกคามจากพวกเขา
จึงปลดปล่อยสายฟ้าออกมา
เมื่อเห็นแบบนั้น เอลิกอร์ซิกฟรีดก็ยื่นดาบออกไป
สายฟ้าทั้งหมดไหลมารวมกันที่ปลายดาบเหมือนมันเป็นสายล่อฟ้า สายฟ้าทั้งหมดถูกกักเก็บเอาไว้ในตัวดาบโดยที่ไม่รั่วไหลออกมาทำร้ายผู้ถือแม้แต่น้อย
แล้วเมื่อเขากับเอลิกอร์ซิกฟรีดรุกคืบมาประชิดตัวมังกรได้
“...”
อิงศรก็เหลือบสายตาคอยมองแฟรนเซียมอยู่เนืองๆ
มาตลอด พยายามระวังตัวอยู่เสมอว่าเมื่อไหร่ที่แฟรนเซียมจะใช้ดาบเล่มนั้น
ดาบมังกรเทวะที่เอาออกมาตั้งแต่แรกและยังถืออยู่ในมือขวามาโดยตลอด
ทำไมถึงไม่ยอมใช้ดาบนั่น....
อิงศรคิดแล้วก็เข้าใจขึ้นมา เพราะว่าแฟรนเซียมก็คือสิงห์
ดังนั้นความคิดก็คงเหมือนกันกับตัวเอง
ต่างฝ่ายต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี
คงเหมือนกับที่เรากำลังคิดสินะ วิธีเดียวที่จะตอบโต้ดาบนั่นได้สำหรับเราก็มีแต่เมอร์คาบาห์เท่านั้น
หมอนั่นกำลังรอจังหวะที่เราจะเอาเมอร์คาบาห์ออกมาแล้วใช้ดาบเอาตอนนั้น
พอตีความการกระทำที่ไม่เข้าใจของแฟรนเซียมได้อิงศรก็ปรายยิ้มออกมา
“ถ้างั้นนายก็แพ้แล้วล่ะเพราะว่าฉันไม่ได้มีพลังเพียงแค่นั้นอีกแล้ว”
เมื่อพูดออกไป
เขากับเอลิกอร์ก็ช่วยกันทำลายมังกร
เอลิกอร์ใช้ดาบที่สะสมสายฟ้ามาฟาดใส่เกล็ดทองคำจนมันปริแตก
มังกรแผดเสียงร้องอย่างเจ็บปวด
ในตอนนั้นเอง
อิงศรก็สลับที่กับเอลิกอร์โจมตีซ้ำลงไปที่บาดแผลของมังกร
“ครอสวูฟล์”
เขาไขว้ดาบกับคันฟาดลงไปบนรอยร้าวของเกล็ดมังกร
หมาป่าไฟที่พุ่งออกไปจากการใช้สกิลนั้นกัดขย้ำร่างของมังกรขาดเป็นสองท่อน
ร่างของมังกรทยอยสลายเป็นฝุ่น
จนกระทั่งหายไป
พลังของสเลปเนียร์หมดลงอิงศรจึงลงจอดบนพื้นห่างออกไปจากแฟรนเซียมไม่ไกลนัก
เขาจ้องมองไปที่ราชามนุษย์ต่างดาวที่เอาแต่ยืนตัวแข้งทื่อ
แฟรนเซียมเองก็จ้องมองกลับด้วย
ใบหน้าที่เคยเย็นชาและเครื่องหน้าที่สงบนิ่งอยู่ตลอดตอนนี้มีเค้าของการเปลี่ยนแปลงผุดขึ้นมา
แฟรนเซียมกำลังเบ้หน้าด้วยความประหลาดใจอยู่แล้วพูดถามมาว่า
“มีพลังถึงขนาดนี้เลยเรอะ
แกทำแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แกละทิ้งอะไรไปเพื่อให้ได้พลังนั้นมากันแน่อิงศร”
อิงศรพูดโดยที่ไม่ลดอาวุธลง
“แฟรนเซียม ไม่สิ
สิงห์นายเคยสอนฉันสินะว่าให้ทิ้งสิ่งที่ไม่จำเป็นไปซะไม่อย่างนั้นจะแข็งแกร่งขึ้นไม่ได้”
“…”
“ที่จริงแล้วฉันยังไม่ได้ละทิ้งอะไรไปเลย”
เพราะตัดสินใจไปแล้วว่าไม่สามารถทิ้งพวกพ้อง
หรือ ครอบครัวไปได้ แล้วก็ละทิ้งหนทางที่ควรก้าวเดินไปไม่ได้ด้วย
แต่ก็เพราะแบบนั้นแหละ
คิ้วของแฟรนเซียมขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินที่เขาพูดไป
“ยังไม่ละทิ้งอะไรไปเลยอย่างนั้นเรอะ
ถ้างั้นทำไม...”
“ทำไมฉันถึงไล่ต้อนนายได้กำลังสงสัยเรื่องนั้นอยู่สินะ”
“แล้วไง”
“ฉันน่ะไม่ได้ละทิ้งแต่ว่าสูญเสียไปต่างหาก”
“คือแกไม่ได้ทิ้งมันไปด้วยตัวเองสินะ”
”พวกเราน่ะโค่นลูนาริสลงไปแล้ว
ทำลายพระเจ้าไปได้ตั้งหนึ่งองค์แล้ว ที่ทำแบบนั้นได้ก็เพราะฉันมีสายสัมพันธ์กับทุกคนอยู่แล้วก็เพราะสายสัมพันธ์นั่นทำให้ฉันต้องสูญเสียสิ่งสำคัญไป
พวกพ้องที่แสนสำคัญของฉันถึงจะไม่อยู่แล้วก็ยังคอยเป็นพลังให้
ส่วนนายตัวคนเดียว....”
ทว่าแฟรนเซียมก็หัวเราะขัดคำพูดของเขา
“ฮะฮะฮะ
จะมาพล่ามเรื่องพลังมิตรภาพให้ฉันฟังรึไง อยากจะอวดว่าหาเพื่อนได้มากกว่าฉันงั้นเรอะ”
อิงศรนิ่งเงียบไปซักพักแล้วก็พูดต่อ
“เปล่าหรอก
แค่อยากจะบอกว่านายเองก็เหมือนกัน”
“หา?”
“นายกับฉันก็มีสายสัมพันธ์เหมือนกัน
รูบิเดียมเล่าให้ฟังหมดแล้วเพราะงั้นฉันจะปลดปล่อยนายจากฟาวเดชั่นอีเอง”
อิงศรย้ายดาบไปรวมกับธนูที่อีกมือแล้วยื่นมือที่ว่างนั้นออกไป
“มาสิ
ยังทันอยู่นะ ถ้าพวกเราก้าวไปข้างหน้าด้วยกันล่ะก็”
พยายามพูดชักชวนแม้จะรู้ว่าด้วยอีโก้ของฝ่ายนั้นแล้วคำพูดชักชวนคงไม่ได้ผล
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเชื่ออยู่ลึกๆ
เชื่อว่าแฟรนเซียมจะยังคงเป็นสิงห์ ธุวดารกะ ที่ไหนซักแห่งในอกของราชามนุษย์ต่างดาวอาจจะยังมีหัวใจหลงเหลืออยู่
เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว ตัวเขาก็คง...
แต่ทว่า
แฟรนเซียมกลับหัวเราะเยาะให้คำชักจูง ทั้งที่คำพูดนั้นน่าจะมีพลังมากพอ
เพราว่าตนได้แสดงความตั้งใจกับพลังไปแล้วคำพูดชักจูงนั่นไม่มีทาวถูกมองเป็นเรื่องเพ้อเจ้อให้โดนหัวเราะไปได้แน่
ถ้าอย่างนั้นทำไมแฟรนเซียมถึงหัวเราะกันล่ะ
“หึ ฮะฮะฮะ
ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ขำอะไร”
“จะช่วยฉันงั้นเรอะ
งี้นี้เอง”
แฟรนเซียมล้วงมือเข้าไปในเสื้อโค้ทแล้วหยิบบางอย่างออกมา
”งั้นไอ้เจ้านี่ก็คือสายสัมพันธ์ของฉันกับแกสินะ”
สิ่งที่หยิบออกมานั้นเป็นของที่เหมือนกับไพ่
ไพ่อาคานาร์...
อิงศรขยับตัวเล็กน้อย
เขาเพ่งสายตาจ้องมองสิ่งที่อยู่ในมือของแฟรนเซียม ไม่ผิดแน่ ไม่มีทางที่จะมองผิดไปได้สิ่งนั้นคือ...
“นั่นมัน...นี่หรือว่านาย”
“อาคานาร์ไงล่ะเหมือนกับไอ้ที่นายใช้อยู่
ที่เรียกมันป่าวๆ ว่าสายสัมพันธ์นั่นน่ะคือพลังของเจ้าคนที่ผูกมัดฉันเอาไว้
นี่แหละพลังของฟาวเดชั่นอีล่ะ”
จะบอกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการได้รับอาคานารืของเขาก็เป็นฝีมือของฟาวเดชั่นอี
อย่างนั้นเหรอ
แต่ซีลอร์ดเคยบอกเอาไว้ว่า
ผู้ที่ควบคุมอาคานาร์ได้นั้นคือแอดมินิสเทรเตอร์
สมมติฐานหนึ่งลอยขึ้นมาแต่ว่ามันก็ยังยากที่จะเชื่อ
“ถ้างั้นตัวจริงของหัวหน้าฟาวเดชั่นอีก็...”
แต่ถ้าเชื่อไปล่ะก็บางทีการได้ขึ้นมาถึงที่นี่ก็อาจจะเป็นแผนของฟาวเดชั่นอีด้วยอย่างนั้นรึเปล่า
ห้ามเชื่อนะ
ห้ามเชื่อเด็ดขาด
หัวใจของเขาพร่ำบอกอยู่เช่นนั้น
เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว...
มิ่งขวัญ กวินทร์
เมษา มีนา นรินทร์ ฟู มิกซ์ พลอย เน็กส์ นิว พวกเขาทั้งหมดจะเสียสละไปเพื่ออะไร เพื่อใครกันล่ะ?
แฟรนเซียมพูดต่อ
“ฉันได้ไอ้นี่มาเพราะเจ้านั่นบอกว่าให้เอามาส่งให้นายนั่นหมายความว่ายังไงรู้ไหม
ผู้ครอบครองอาคานาร์คือผู้ที่ครอบครองโชคชะตาถ้าจะต้องยกโชคชะตาให้กับคนอื่นนั่นก็เท่ากับเอาชีวิตตัวเองให้ไป”
“เดี๋ยวก่อนสิงห์นี่มันหมายความว่ายังไงกันน่ะ
ฟาวเดชั่นอีคืออะไร…ไม่สิมันเป็นใครกันแน่นายรู้ใช่ไหมบอกมาทีเถอะ”
แต่แฟรนเซียมไม่สนใจแล้วดำเนินการต่อ
“ก่อนที่นายจะโอ้อวดว่าโค่นพระเจ้ามาแล้วก็ลองสยบเจ้านี่ที่ได้ชื่อว่าเป็นอริของพระเจ้าให้ฉันดูหน่อยเถอะ”
ดึงดาบที่ใช้กับสกิลของเกมซึ่งปลดปล่อยโควริวและสุญเสียมันไปขึ้นมาจากพื้น
พลางทาบอาคานาร์ลงไปบนตัวดาบ
“เดวิลอาคานาร์ รีลีส สเตจ
ซาตาน!!”
ความคิดเห็น