คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #237 : Login 234: ความหมายของมนุษย์ 2
Login 234: ความหมายของมนุษย์ 2
ไม่ทันแล้ว
“อย่านะ!”
อิงศรวิ่งออกไป
ทั้งที่มันไม่ทันแล้ว พลังชีวิตของกวินทร์กลายเป็นศูนย์
มันสายเกินไปที่จะช่วยแล้ว
“อย่านะ”
ถึงจะรู้อยู่เต็มอกแต่ขาของเขาก็ยังคงวิ่งต่อไป มุ่งหน้าต่อไป
แฟรนเซียมจับศพของกวินทร์หันเล็งมาทางนี้แล้วถีบพร้อมกับรูดดาบออก
แรงถีบนั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก เกิดเสียงแหวกอากาศดัง ฟ้าว
ขณะที่ศพของกวินทร์ลอยตรงเข้ามา
“อั่ก”
รุนแรงขนาดที่กระแทกกับอิงศรแล้วยังพากันกลิ้งโคโล่ไปข้างหลัง
ทันทีที่หยุดกลิ้ง อิงศรก็ลุกขึ้นมาดูอาการรุ่นน้อง
พยายามเรียก
“กวินทร์”
…
แต่อีกฝ่ายไม่ตอบกลับ
เลือดไหลทะลักออกมาจากรูบนหน้าอก อิงศรพยายามใช้มือปิดรูตรงนั้น
แต่แถบพลังชีวิตก็เลือนหายไป กวินทร์ตายแล้ว
“กวินทร์ตอบฉันหน่อย”
ช่วยพูดหน่อยเถอะ
…
“กวินทร์…”
ลมหายใจของกวินทร์หยุดไปแล้ว หยุดไปตั้งแต่ก่อนที่จะมาถึงตัวเขาเสียอีก
เขารู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว
รู้อยู่แล้ว แต่ว่า…
“โธ่เว้ย!!”
อิงศรเบือนหน้าหนีจากความเศร้าโศกเพื่อไปมองสิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่
แต่ไม่มีใครเหลืออยู่เลย
ไม่มี มิ่งขวัญ มีนา นรินทร์ เมษา ฟู มิกซ์ พลอย นิว เน็กส์
ที่นี่ไม่มีพวกพ้องที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่เลย
เขาตื่นสายเกินไป
ถ้าหากว่าตื่นขึ้นมาเร็วกว่านี้
ถ้าตื่นเร็วกว่านี้ล่ะก็
“อึก…บ้าเอ้ย!”
อิงศรซัดกำปั้นลงกับพื้นอย่างเจ็บใจและหลั่งน้ำตา
ไร้สาระ
มันเป็นเรื่องไร้สาระเสียเหลือเกิน
ยังมีศัตรูอยู่ตรงนี้แต่เขาก็ยังจะทำเรื่องไร้สาระอย่างหลั่งน้ำตากับทุบพื้นระบายความเจ็บใจ
”…”
แฟรนเซียมยังอยู่ตรงนั้น ไม่ได้ขยับหรือโจมตีมา
ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
แต่ทั้งที่ไม่รู้อิงศรก็ยังแบกศพของกวินทร์แล้วลุกเดินไปทางที่เขาอยู่ตอนฟื้นขึ้นมา
ที่นั่นยังมีหัวของซีลอร์ดวางอยู่บนพื้น
“นาย…ยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า”
หัวของซีลอร์ดพูดตอบกลับมา
“ก็เหมือนตายไปครึ่งหนึ่งแล้วล่ะ
ไม่สิเหลือแต่หัวแบบนี้ต้องเรียกตายไปทั้งตัวสินะ”
ซีลอร์ดพูดติดตลกก็จริงแต่ก็ไม่ได้ส่งเสียบขบขันตามมา
ในเวลาแบบนี้ก็ยังเล่นมุกตลกทั้งที่มันไม่ขำเอาเสียเลย
แต่สาเหตุก็เพื่อไม่ให้เขาเป็นกังวลนั่นแหละ
จนถึงตอนนี้ทุกคนก็ยังพยายามช่วยเหลือเขาอยู่
แต่ตนเองกลับช่วยใครไว้ไม่ได้เลย
“ฉัน…ฝากกวินทร์ทีนะ”
อิงศรวางร่างของรุ่นน้องลงข้างๆ ซีลอร์ด
แล้วยื่นมือไปปิดดวงตาศพที่เบิกโผลงด้วยความเจ็บปวดในวาระสุดท้ายลง
“…”
อิงศรยืนขึ้น กำหมัดแน่น ข่มกดความโศกเศร้าเอาไว้
พยายามปรับระดับเสียงกับน้ำเสียงให้มั่นแล้วถามไปยังฆาตกร
ฆาตกรที่เลี้ยงดูเขามาตลอดสามปีในโลกที่ล่มสลาย
โลกที่บิดเบี้ยวแห่งนี้
“นี่คือโลกที่นายต้องการอย่างนั้นเหรอ…สิงห์”
แฟรนเซียมสะบัดดาบที่มีคราบเลือดของกวินทร์ติดออก
เก็บดาบลงฝักที่เหน็บกับเอวแล้วตอบคำถาม
“เออสิ คนที่ไร้ความสามารถก็ยอมรับว่าไร้ความสามารถ
คนที่อ่อนแอก็ตายไปซะนั่นแหละคือ ความถูกต้องของฉันเป็นโลกที่ตรงไปตรงมาไม่มีการย้อนแย้ง”
บิดเบี้ยวเหลือเกิน
คำพูดของสิงห์ ธุวดารกะ ช่างบิดเบี้ยวสิ้นดี
อิงศรหันกลับไปโต้แย้งคำพูดอันบิดเบี้ยวนั่น
“โลกพรรค์นั้นน่ะมันจะดีจริงๆ น่ะเหรอ!”
“…”
“โลกแบบนั้นมันเหลือแต่นายตัวคนเดียวเลยนะ”
ถ้าหากว่ามันเป็นโลกตรมความหมายนั้นจริงๆ คนที่อ่อนแอกว่าสิงห์ก็ต้องตาย
แต่สิงห์ก็ตอบโดยไม่หยี่ระต่อความจริงข้อนั้น
“ถ้ามันไม่ได้เรื่องกันหมดถึงเหลือฉันแค่คนเดียวก็ไม่เป็นไร
แค่นั้นก็พอแล้ว”
“นายมันบ้าไปแล้วรึไง โลกไม่ใช่แค่ ดิน ฟ้า อากาศ กับ น้ำ นะแต่มันคือผู้คน
เพราะมีผู้คนอยู่อาศัยที่นั่นคอยช่วยเหลือกันผูกพันกันก้าวเดินไปด้วยกันมันถึงได้เป็นโลก…”
ทว่าสิงห์ ก็พูดแย้งคำพูดของเขา
“มนุษย์มันก็แค่ก้อนเนื้อกับเลือดเท่านั้นแหละ ไอ้โลกที่มีแต่ก้อนเนื้อไร้ประโยชน์อัดกันเนืองแน่นนั่นมันไม่จำเป็นหรอก”
“แล้วนายไม่ใช่ก้อนเนื้อกับเลือดด้วยรึไงเล่า”
“ฉันเลิกเป็นก้อนเนื้อไร้ประโยชน์นั่นไปตั้งนานแล้ว”
นั่นสิ… ก็ตอนนี้น่ะ
ที่ยืนอยู่ตรงนี้น่ะ
ไม่ใช่ก้อนเนื้อกับเลือดที่เรียกว่า สิงห์ ธุวดารกะ แต่เป็นมนุษย์ต่างดาว
ราชาแห่งมนุษย์ต่างดาวแฟรนเซียม
“นายไม่ใช่มนุษย์แล้วสินะ”
“เออ”
“นายฆ่ากวินทร์ด้วยเหตุผลแค่นั้นน่ะเหรอ”
“ไม่ใช่แค่กวินทร์
วชิระแต่ฉันจะฆ่านายด้วยที่มานี่ก็เพราะเหตุผลนั้นอยู่แล้ว”
“…”
อิงศรจ้องเขม็งไปยังสัตว์ประหลาดที่สวมหนังมนุษย์ สัตว์ประหลาดที่เป็นอีกความเป็นไปได้หนึ่งของสิงห์ธุวดารกะ
แล้วคิดว่าควรจะทำอย่างไรดี
อีกฝ่าบอกแล้วว่าจะฆ่าเขา
“…”
ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่ต้องทำก็มีแค่อย่างเดียว
ในเมื่อที่อยู่ตรงหน้านี่ไม่ใช่มนุษย์ ที่ต้องทำก็คือฆ่าก่อนที่จะถูกฆ่า
นั่นเป็นหนึ่งในคำสอนที่ สิงห์ ธุวดารกะ เคยใช้ตอนที่ฝึกฝนเขามา
อิงศรเริ่มสำรวจตัวเองโดยใช้แค่ความรู้สึก อาวุธของเขายังคงอยู่กับตัว
ดาบยังเหน็บอยู่ที่เอว
แต่หน้าไม้ไม่อยู่ คงหลุดมือไปตอนที่ตัวเองหมดสติ
“กลับมา”
พอพูดแบบนั้นคันธนูที่เป็นรูปแบบดั้งเดิมของหน้าไม้ก็โผล่ขึ้นมาอยู่ในมือ
เป็นฟังก์ชันอย่างหนึ่งสำหรับอาวุธอยู่แล้วเมื่อมันหลุดจากมือเจ้าของไปไกลมาก
หากอาวุธยังไม่พังเสียหายระบบก็จะทำการเก็บอาวุธลงในคลังพิเศษเพียงแค่เรียกให้กลับมามันก็จะกลับมาอยู่ในมือ
“…”
ถึงอาวุธจะกลับคืนมาได้ แต่ชีวิตของพวกพ้องก็ไม่กลับคืนมา
ถึงจะฆ่าแฟรนเซียมลงตรงนี้ก็ไม่ได้อะไรกลับคืนมาอยู่ดี
แต่เขาจะถอยไม่ได้แล้วจะตายอยู่แค่ตรงนี้ไม่ได้ด้วย
ไม่อย่างนั้นทุกคนคงจะโกรธเขาแย่เลย
จะต้องก้าวเดินต่อไป ก้าวเดินไปข้างหน้า
ไปทำให้พระเจ้าที่ยังเหลืออยู่อีกหนึ่งยอมสยบให้กับมนุษย์
ยอมให้มียุคสมัยของมนุษย์
ดังนั้น…
“แฟรนเซียมมมมมม!!”
อิงศรเปลี่ยนคันธนูเป็นหน้าไม้ทันทีหลังจากตะโกน
เขาเล็งหน้าไม้ใส่สัตว์ประหลาดที่เลี้ยงดูตัวเองมา
ขณะเดียวกันแฟรนเซียมก็แสยะยิ้มแล้วยื่นมือขึ้นไป
เมือกสีดำคล้ายแผ่นฟิมล์บางๆ ที่กำบังแสงจากด้านบนซึ่งอิงศรยังไม่รู้ว่าคืออะไร
ส่วนหนึ่งของมันย้อยลงมาที่มือแฟรนเซียม
เขาจับมันไว้แล้วแล้วเมือกก็กลายเป็นดาบ
ดาบมังกรเทวะ
“มาเลย!”
แฟรนเซียมตวัดดาบพร้อมกับพุ่งเข้ามา
ความเร็วระดับราชามนุษย์ต่างดาวที่ไม่ว่าจะพยายามมองดูซักกี่ครั้งก็ตามไม่ทัน
แม้แต่ตอนที่ตัวเองมีเลเวลเทียบเท่ากับอีกฝ่ายแล้วก็ตาม
อิงศร Lv.144
[/////48000:48000/////]
Francium Lv. 144 [/////100000:100000/////]
แค่ตัวเลขพลังชีวิตก็เทียบกันไมได้ไปแล้ว
ส่วนต่างที่มากถึงขนาดนี้คงจะเป็นเพราะเผ่าพันธุ์
“ฮึ่ย!”
อิงศรชักดาบจากเอว
แต่ไม่ได้แกว่งมันเพื่อโจมตีเขายกดาบขึ้นมาป้องบริเวณใกล้กับคอ
แกร๊ง
เกิดเสียงโลหะแหลมสูงแล้วตัวเขาก็ถอยครูดไปข้างหลังด้วยแรงปะทะเทียบเท่ากับถูกรถบรรทุกทั้งคันทุ่มใส่
แฟรนเซียมอยู่ตรงหน้านี่เอง
เข้ามาใกล้ได้แบบไม่ทันรู้ตัว
ถ้าเมื่อกี้ไม่ฉุกใจคิดเรื่องป้องกันเอาไว้ก่อนแล้วปล่อยใจไปกับเรื่องการโจมตีเพราะเห็นว่าระยะห่างมีอยู่มากและตัวเองที่โจมตีระยะไกลได้เปรียบ
ป่านนี้หัวกับตัวคงแยกกันอยู่ไปแล้ว
แต่ถึงจะรับไว้ได้ก็ยังโดนเบียดจนถอยครูดไปข้างหลังอยู่ดี
“หนัก”
ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
นี่น่ะเหรอพลังของแฟรนเซียม
อิงศรจ้องมองไปที่ดาบซึ่งปะทะเข้ามา
แต่ว่านั่นไม่ใช่ดาบมังกรเทวะ
“นี่มัน”
แต่เป็นดาบธรรมดาที่ติดตั้งแอพพลิเคชั่นปีศาจเอาไว้
ตอนนั้นเองแฟรนเซียมก็หยุดดันดาบเข้ามาแล้วร่ายสกิล
“ซัมมอนซอร์ดเทคนิค”
หน้าจอระบบปรากฏขึ้นเหนือใบดาบ
แฟรนเซียมทิ่มนิ้วลงไปบนจอนั่นด้วยความเร็วที่ตอบโต้ไม่ทันทำให้หน้าจอหายไป
และแล้ว
ปีศาจที่ติดตั้งอยู่ในดาบก็ทำงาน
“ติดตั้งชิงหลง กระบวนท่าลับเทพมังกรไร้ใจ”
วินาทีถัดมาร่างของแฟรนเซียมก็ถูกห่อหุ้มด้วยไฟสีเขียวคล้ายกับมังกร
“ห๊ะ”
อิงศรระมัดระวังตัวทันที
ลับสัมผัสของทั้งร่างให้ตอบสนองอย่างว่องไวที่สุด เพราะปล่อยให้ฝ่ายนั้นร่ายสกิลเสร็จไปเสียแล้ว
ถ้าใช้สกิลก็หมายความว่าแฟรนเซียมกำลังใช้พลังของสิงห์ที่มีอาชีพซัมมอนเนอร์
โดยพื้นฐานแล้วเป็นอาชีพที่เน้นหนักไปที่การใช้แอพพลิเคชั่นปีศาจหรือไม่ก็การสร้างสิ่งไร้ชีวิตขึ้นมาต่อสู้แบบมีนา
ที่ขา...
อิงศรผ่อนแรงที่ยันดาบแล้วถีบตัวกระโดดทิ้งระยะห่างออกจากแฟรนเซียม
ไม่นานนักพื้นตรงที่เขาถอยออกมาก็มีรากไม้ไชทะลุขึ้นมา
รากไม้ปลายเรียวแหลมราวกับหอก
เหมือนกันไม่มีผิด
เหมือนกับที่สัตว์เทวะมังกรใช้ในเรดบอสที่ค่ายกรุงเทพ
อิงศรร่อนลงบนพื้นห่างออกไปพอประมาณ
แต่มันไม่พอหรอก
เลิกคิดเรื่องสู้ระยะไกลไปเลยจะดีกว่า
เมื่อคิดได้ดังนั้น
อิงศรจึงเปลี่ยนหน้าไม้กลับมาเป็นคันธนูแล้วรีบจัดท่าเป็นแบบสู้ประชิดตัวแทน
ท่าร่างที่ใช้คันธนูต่างดาบและใช้ดาบสั้นช่วยป้องกัน
ท่าร่างของแบทเทิลเรนเจอร์
“ซัมมอนซอร์ดเทคนิก!”
พริบตาที่ตั้งท่าร่างเสร็จ
แฟรนเซียมก็ขยับเข้ามาใกล้อีก พร้อมกับกดหน้าจอคำสั่งที่ลอยอยู่ข้างๆ ดาบ
“ติดตั้งไป๋หวู่ กระบวนท่าขย้ำ เทวะพยัคฆ์คำรน”
อิงศรก็ร่ายสกิลสวนกลับออกไปเหมือนกัน
“ครอสวูฟล์!”
เขาประสานดาบกับคันธนูแล้วตวัดพวกมันออกไปพร้อมๆ
กัน ไฟที่เหมือนกับหมาป่าสีเทาพุ่งออกไป
ทว่า
แฟรนเซียมก็ใช้แค่มือเปล่ารับเอาไว้แล้วบีบขยี้ทิ้งอย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามการป้องกันเมื่อกี้เป็นการใช้สกิลที่ร่ายไปแล้ว
ดูเหมือนว่าแอพฯของ เสือขาวจะเพิ่มพลังให้มือเปล่าเป้นอย่างมากนั่นเอง
แฟรนเซียมยังคงบุกอย่างต่อเนื่องคราวนี้ก็เปลี่ยนไปใช้แอพฯที่ได้จากสัตว์เทวะทั้งสี่เมื่อตอนนั้น
“ติดตั้งจูเชว่”
คราวนี้เป็นหงส์ไฟงั้นสิ
อิงศรเรียกหน้าจอคลังขึ้นมาแล้วล้วงมือเข้าไปหยิบกระดาษยันต์ปึกใหม่ออกมาสอดใส่แขนเสื้อ
ดึงหนึ่งในนั้นออกจากปึก เนื่องจากตอนนี้ไม่ได้ใช้อาวุธเทคนิคัล
สกิลโหลดยันต์อัตโนมัติเลยไม่ทำงาน กว่าจะเตรียมการเสร็จก็แทบจะไม่เหลือเวลาให้ร่ายสกิลแล้ว
”ค่ายกลสังหาร วิหกไฟชำระ”
แฟรนเซียมหมุนตัวตวัดดาบ
คลื่นไฟคล้ายหงส์พุ่งตรงมาที่นี่
อิงศรตั้งคันธนูแล้วขึ้นลูกดอกด้วยยันต์
“ชาร์คชู้ต”
ร่ายสกิลยิงฉลามน้ำออกไปดับคลื่นไฟ
เสียงปะทะกันของสกิลทั้งสองดัง
ฉู่ แล้วทำให้ไอน้ำพวยพุ่งออกมาจนบดบังทัศนวิสัย
“ซัมมอนซอร์ดเทคนิก”
แฟรนเซียมกระโจนขึ้นมาจากกลุ่มไอน้ำ
“ติดตั้งเสวียนอู่ ดาบดาราเต่ามังกรเยือกแข็ง”
ตัวดาบกลายเป็นน้ำแข็ง แฟรนเซียมตวัดดาบนั้น น้ำแข็งที่เกาะอยู่บนดาบกะเทาะตัวหลุดออก
เศษน้ำแข็งที่หลุดออกมารูปร่างเหมือนลิ่ม
โปรยลงมาดั่งสายฝน
“ชิ”
อิงศรเดาะลิ้นแล้วเร่งฝีเท้าวิ่งหนีออกห่างจากระยะโจมตี
แต่เพราะรู้ตัวช้าไปเพียงเล็กน้อยทำให้มีลิ่มน้ำแข็งบางส่วนกระเด็นเข้ามาเฉือนเนื้อไหล่จนมีเลือดไหลซึมออกมา
เมื่อหนีมาได้เขาใช้มือข้างที่จับดาบสั้นกดไหล่ซ้ายที่บาดเจ็บ
แล้วหันกลับไปเผชิญหน้า
ทว่า
แฟรนเซียมไม่ยอมปล่อยให้เขาได้พัก เจ้านั่นร่ายสกิลต่อเนื่อง
“ติดตั้งโควริว บัญชาแห่งเทพ มังกรสวรรค์สร้างโลก”
แล้วแทงดาบออกมา
ปลดปล่อยสายฟ้าจำนวนมากพร้อมกับเสียง เปรี้ยง บาดหูดังสนั่นไปทั้งลิฟต์
การโจมตีนั้นรวดเร็ว
เพราะเป็นการโจมตีด้วยความเร็วระดับสายฟ้า
สายฟ้าจะฉีกร่างของเขาเป็นชิ้น
หากรับไว้ไม่ได้
ไม่สิ
ห้ามรับไว้เด็ดขาดถ้ารับจะต้องตาย
แต่ว่าก็ไม่มีจังหวะให้หนีเหมือนกัน
“…”
อิงศรจ้องมองสายฟ้าที่กำลังจะคร่าชีวิต
จ้องมองมันจนดวงตารู้สึกแสบขึ้นมาเพราะความสว่างเจิดจ้า
ช่างเป็นสายฟ้าที่เชื่องช้าเสียจริง...
หรือต้องบอกว่าสัมผัสของร่างกายที่มีเลเวลเท่ากับราชครูมนุษย์ต่างดาวทำให้มันดุช้าลงกันนะ
การที่แฟรนเซียมโจมตีต่อเนื่องด้วยสกิลของซัมมอนเนอร์
แต่กลับไม่ใช้ดาบมังกรเทวะ
นี่คิดจะดูถูกเขาอยู่หรือว่ากำลังประเมินพลังอยู่กันนะ
หรือเพราะว่าเลเวลที่เพิ่มขึ้นเลยทำให้ไม่รู้ถึงฝีมือที่แท้จริงของเขาในเวลานี้
“ให้ตายสิ”
อิงศรพูดเหมือนประชด
ทำไมถึงได้เหมือนกันขนาดนี้นะ
เพราะเขาเองก็กำลังลองเชิงแฟรนเซียมอยู่เหมือนกันถึงได้หนีหัวซุกหัวซุนขนาดนี้แต่จนแล้วจนรอด
แฟรนเซียมก็ยังไม่ปล่อยไม้เด็ดออกมา
ในเมื่อตอนนี้ไม่มีลูนาริสอยู่ที่นี่แล้ว
ก็เท่ากับว่าใช้พลังของปีศาจได้อย่างเต็มที่รวมถึงอาคานาร์ด้วย
ใช้สูตรโกงได้อย่างไม่จำกัดแล้ว
ถ้างั้นก็จะเริ่มโกงล่ะนะ
“แฟรนเซียมไม่ใช่แกคนเดียวที่ใช้มังกรได้หรอกนะ”
อิงศรยื่นมือออกไปตอนที่สายฟ้าเกือบจะเข้ามาถึง
“อาคานาร์ฟอร์ซ เดอะเดธ ยามาตะโนะโอโรจิ”
พริบตานั้นเอง
โล่แสงก็ปรากฏขึ้นด้วยกันแปดวงปกป้องเขาจากสายฟ้า
“อวาแทรนซ์”
มือของอิงศรเปล่งแสง
แสงที่จะเพิ่มพลังให้กับปีศาจ แสงซึ่งมอบโชคชะตาให้
โล่ที่ได้รับพลังไปก็สะท้อนสายฟ้ากลับไปหาแฟรนเซียม
ความคิดเห็น