คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 1
1
‘อยู่ไม่ได้แล้ว’ ร่างเพรียวหากอวบอิ่มด้วยวัยแรกสาวคิดอื้ออึงอยู่ในหัว ตากลมโตเบิกกว้าง เอามือปิดปากพลางกลั้นเสียงร้อง หลังจากจัดการ ฟาด กบาลไอ้ชั่ว ที่มาอาศัยเกาะชายกระโปรงแม่เธอกินอยู่ มานานหลายปี
ลำตัวผอมกะหร่องเพราะติดยา ล้มลงไปนอนเอามือกุมหัว แหกปากร้องครวญครางเหมือนควายถูกเชือด ฝ่ามือหยาบชุ่มโชกไปด้วยเลือดสีแดงสดไหลย้อยมาตามง่ามนิ้ว จนหัวชื้นแฉะเหมือนคนเพิ่งสระผมเสร็จ
วับวาว เอาเท้าเขี่ยท่อนขาเก้งก้างให้พ้นทาง ลำตัวคู้งอเหยียดออกเป็นนอนหงายพร้อมทั้งป่ายมือข้างหนึ่งขึ้นมาจับข้อเท้าเธอไว้ เด็กสาวร้องหวีดออกมาเสียงดังก่อนจะตะปบปากตัวเองไว้เหมือนเดิม ขาเรียวเล็กสลัดออกจากมือเปื้อนเปียกเลือดนั้นโดยเร็ว ด้วยความกลัวไอ้ขี้ยามันจะลุกขึ้นมาจัดการเธอต่อเหมือนไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
เด็กสาวถอยหลังเดินเข้าห้อง คว้าเป้ใบเดียวที่มีอยู่ยัดเสื้อผ้าสามสี่ชุดใส่ลงไป เธออยู่ไม่ได้แล้ว ถึงผัวใหม่แม่จะไม่ตาย แต่ตัวเธอเองอาจจะต้องตาย ไม่เพราะถูกแม่ตี ก็ต้องเพราะเสียใจที่เห็นแม่ประคบประหงมเข้าข้างมันเหมือนทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา
ใช่! ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมีปัญหากับไอ้ชัย แต่เป็นครั้งแรกที่เธอเหลืออด ฟาดหัวมันด้วยขวดเหล้าขาวจนกบาลแยก เพราะมันพยายามจะปล้ำเธอกลางวันแสกๆ แบบไม่แคร์แสงพระอาทิตย์
วับวาวถอดเสื้อคอซองกับกางเกงขาสั้นใส่อยู่บ้าน เปลี่ยนเป็นกางเกงยีนส์กับเสื้อยืดตัวโคร่ง หนังสือเรียนกระจัดกระจายที่ถูกอ่านอย่างหนักเมื่ออาทิตย์ก่อนถูกรวบเก็บยัดใส่ตู้เสื้อผ้าเอาไว้ เธอคงไม่ได้ใช้มันอีกเพราะเพิ่งสอบเทอมสุดท้ายเสร็จวันนี้ ก่อนจะมาเกิดเรื่องขึ้น เด็กสาวคิดเสียดาย เธอคงไม่ได้ไปร่วมงานปัจฉิมกับเพื่อนๆ แล้ว ซ้ำยังไม่มีโอกาสได้ร่ำลาใคร แต่ยังไงหลังจากนี้เธอต้องหาโอกาสกลับไปเอาใบประกาศที่โรงเรียนทีหลัง วุฒิ ม.6 อาจทำให้เธอหางานดีๆ ไม่ได้ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรติดตัวไปเลย
เสียงกุกกักด้านนอกทำให้วับวาวสะดุ้งเฮือก เด็กสาวผวาไปที่ประตู จังหวะเดียวกันกับที่บานประตูเปิดออก ใบหน้ามอมแมมของเด็กหญิงอายุราวสิบสี่โผล่มาด้วยความตกใจ ก่อนก้าวเข้ามายื้อมือข้างที่ถือเป้เสื้อผ้าเอาไว้
“พี่วาวจะไปไหน”
“พี่อยู่ไม่ได้แล้วว่าว พี่ตีหัวไอ้ชัยแตก ถ้ามันฟื้นขึ้นมามันเอาพี่ตายแน่”
วับวาวตอบน้องเมื่อได้สติ พร้อมทั้งพุ่งตัวออกจากห้อง เด็กหญิงหน้าเบะเหมือนจะร้องไห้ เมื่อมือที่คว้าแขนพี่ไว้หลุดออก ขาสั้นๆ ก็ซอยเท้าวิ่งตามพี่สาวอย่างรวดเร็ว
“พี่วาวไปไหน ว่าวไปด้วย”
เด็กสาวถอนหายใจ กุมมือเล็กที่ตามมาคว้าเอวเธอไว้หน้าห้องเช่าพร้อมกอดแน่น
“ว่าวไปด้วย”
“ไปไม่ได้ ว่าว พี่ยังไม่รู้เลยว่าคืนนี้ พี่จะไปนอนที่ไหน”
“ว่าวไปด้วย ว่าวไม่อยากอยู่บ้าน ว่าวกลัวน้าชัย” เด็กหญิงสะอึกสะอื้น
วับวาวเองก็สะอึก ตาเรียวกวาดมองร่างผอมแห้งเป็นไม้กระดานเหมือนเด็กผู้ชายของน้องสาวไปจนทั่ว
ปีนี้วาววาขึ้น ม. 1 แล้ว โตพอจะรู้เรื่องอุบาทว์อัปรีย์ของผู้ใหญ่ได้ โดยเฉพาะผู้ใหญ่กะโหลกกะลาสองคนที่มักจะคุยและทำเรื่องใต้สะดือกันประเจิดประเจ้อ ไม่แคร์สายตาดำๆ ของเด็กอีกสองชีวิตที่ร่วมชายคาบ้าน
เด็กสาวถอนใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ รับรู้ถึงความหวาดกลัวของวาววา แต่เธอคงไม่สามารถหอบกระเตงน้องไปด้วยได้ อีกอย่างดูจากรูปลักษณ์ภายนอกของน้องสาวที่ดูยังไงก็ยังเหมือนเด็กผู้ชาย วาววาคงจะปลอดภัยจากความหื่นของไอ้ชัยอย่างน้อยก็ปีสองปี
ไม่เหมือนเธอ ที่กลิ่นอายความเป็นสาวมันคงโชยเข้าจมูก จนหมาหนุ่มหมาแก่ละแวกนี้รวมทั้งหมาจรจัดที่แม่เธอชุบเลี้ยงเอาไว้ มันเลยจ้องที่จะขย้ำกันอยู่ไม่เว้นแต่ละวัน
วับวาวเหลือบตามองผิวเนื้อที่โผล่พ้นแขนเสื้อออกมา ผิวสีน้ำผึ้งนี้เธอได้มาจากพ่อที่เป็นคนใต้แท้ๆ แต่ความอวบอัดเฉพาะส่วนเธอกลับได้แม่มาเต็มๆ ผิดกับวาววา นอกจากผิวขาวราวหยวกกล้วยที่ได้แม่มา นอกนั้นน้องสาวเธอไม่มีส่วนใดคล้ายคลึงพ่อกับแม่อีกเลย วาววาแววตาแห้งแล้งเหมือนเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ขี้โรค หาความน่าดูน่ามองไม่เจอ พูดง่ายๆ คือไม่มีแรงดึงดูดใจอะไรให้เพศตรงข้ามหรือแม้แต่เพศเดียวกันให้สนใจ เด็กหญิงจึงมักจะถูกใครๆ มองข้ามหรือหลงลืมถึงการมีตัวตนอยู่เสมอ แต่วับวาวไม่ใช่...
ตั้งแต่เด็กจนโต วับวาวรู้ตัว เธอเป็นที่น่าจับตามองของคนรอบข้างตลอดเวลา ความคมคายของหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ ผิวสีน้ำผึ้งเนียนเข้ม รูปร่างสูงโปร่งหากอวบอิ่มในส่วนที่ควรจะมี ที่สำคัญ แววตาวับวาว ท้าทาย ที่หาไม่ได้จากความสวยดาษดื่นตามท้องถนน เด็กสาวจึงดูแตกต่างและโดดเด่น จนวันนี้ที่ความโดดเด่นกำลังนำภัยมาให้เธอ
ความสวยที่หยิบฉวยได้ง่ายแค่เอื้อมมือ ใครๆ ก็อยากลิ้มลอง... และเด็กสาวเองก็ไร้เกราะกำบังจากตรายรอบด้านอย่างสิ้นเชิง
เด็กสาวดึงน้องเข้ามากอด ลูบหัว พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ไปไม่ได้ว่าว พี่เอาว่าวไปด้วยไม่ได้ ไม่ต้องกลัว ไปหาแม่ เล่าให้แม่ฟังว่าไอ้ชัยมันจะปล้ำพี่ ไม่ใช่ครั้งเดียว มันหาโอกาสมาหลายครั้งแล้ว ถ้าวันนี้พี่ไม่ตีหัวมันแตก พี่กับแม่ต้องมีผัวคนเดียวกัน ถ้าแม่ไม่เลิกกับมัน พี่จะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก”
“แล้วหนูล่ะ หนูจะทำยังไง หนูก็กลัวเหมือนกัน ไม่อยากมีผัวคนเดียวกันกับแม่”
วับวาวอยากจะหัวเราะทั้งที่น้ำตาเริ่มซึมกับคำพูดไร้เดียงสาของวาววา นั่นนะสิ เธอกำลังทิ้งน้องให้เผชิญกับชะตากรรมแบบที่ตนเองเคยประสบอยู่หรือเปล่า แม้จะค่อนข้างแน่ใจ ว่าไอ้ชัยมันคงไม่ทันคิดอะไรเชิงชู้สาวกับเด็กตัวเล็กๆ อย่างวาววาเป็นแน่ แต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ เด็กสาวกอดน้องแน่นอย่างตัดใจ
“ไม่หรอกว่าว ว่าวยังเด็ก มันไม่ทำอะไรหรอก แต่ยังไงก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ อยู่ใกล้แม่เข้าไว้ อดทน อีกไม่นานพี่จะมารับ”
“เมื่อไหร่ พี่วาวจะมารับเมื่อไหร่” เด็กหญิงสะอื้นฮัก กอดคอพี่แน่นไม่ปล่อย วับวาวเลี้ยงน้องมาตั้งแต่เกิด ใกล้ชิดกว่าแม่เสียอีก แล้ววันนี้จะทิ้งไป
“ไม่นานว่าว ไม่นาน พี่สัญญา จะมารับ”
“จริงๆ นะ”
เด็กสาวพยักหน้ายื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวนิ้วเล็กๆ ของน้องไว้เป็นคำสัญญา แม้ตัวเองจะยังไม่รู้ จะมีโอกาสได้ทำตามคำสัญญานั้นหรือ เพราะอนาคตมันช่างมืดมน
มองไม่เห็นหนทางจริงๆ ว่าต่อจากนี้ ทางเดินชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไร
*******************************
“แน่ใจเหรอคิมหันต์ว่าจะไป กรุงเทพมันไม่ได้ง่ายดายอย่างเพชรบุรีที่เธอจะเดินเข้าออกซอกนั้นซอยนี้แล้วมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายได้หรอกนะ มันยากกว่านั้นเยอะ”
หญิงวัยกลางคนหรี่ตามองลอดแว่นบางเฉียบเพื่ออ่านเนื้อความในจดหมายขอลาออกจากมูลนิธิตะวันฉาย ของเด็กหนุ่มที่อยู่ที่นี่มาตั้งแต่จำความได้จนเริ่มทำงาน
“ครูก็ไม่อยากขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของเธอหรอกนะ เธอเองโต จนเรียนจบมีการมีงานทำแล้ว เพียงอยากเช็คให้มั่นใจ ว่าคนของตะวันฉาย จะออกไปเจอสิ่งใหม่ที่ดีกว่า ไม่ใช่เลวลง”
“ครับ”
“ปีนี้เธออายุยี่สิบสอง ถือว่าบรรลุนิติภาวะแล้ว ตามกฎหมายเธอสามารถตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเองได้ทุกอย่าง แม้แต่จะขอออกไปจากที่นี่ ครูไม่ได้ห้าม แต่อยากให้เธอคิดตรึกตรองดูให้ดี มันไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ มันคือการเปลี่ยนครั้งใหญ่ของชีวิตเธอเลยทีเดียว”
ครูโฉมชบาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อการเจรจาผ่านไปราวสิบนาทีแต่ชายหนุ่มพูดน้อยอย่างคิมหันต์ก็ยังตอบกลับแค่ ครับ ครับครู แน่ใจครับครู ด้วยท่าทีเคร่งขรึม จนหมดปัญญาจะเหนี่ยวรั้ง สุดท้ายเลยทำได้แค่เลียบเคียงถามถึงใครบางคน
“แล้วคุณสรรค์ของเธอเขาบอกหรือเปล่า ว่าจะมารับเมื่อไหร่”
ใครบางคน ที่เคยมีช่วงชีวิตสั้นๆ ช่วงหนึ่ง อยู่ร่วมกันในมูลนิธิ
“บอกครับ เดือนหน้า ถ้าทุกอย่างพร้อม คุณสรรค์ให้ติดต่อไปตามที่อยู่และเบอร์โทรที่ให้ไว้ครับ”
หญิงวัยกลางคนผ่อนลมหายหายใจออกมาอีกเฮือก แม้ที่อยู่ที่แจ้งไว้ในจดหมายจะการันตีเด่นหราว่าสถานที่ที่คิมหันต์จะไปอยู่และทำงานด้วยนั้นคือบริษัทรับเหมาก่อสร้างอันโด่งดัง แต่ก็อดหวั่นใจตามประสาไม่ได้ว่าลูกศิษย์ในปกครองจะไปตลอดรอดฝั่งหรือ
ในเมื่อบุคคลที่ชักนำไปนั้นช่างอันตรายเหลือเกิน
“คุณสรรค์ของเธอคงสบายดี ครูไม่ได้ข่าวคราวเขานานเหลือเกินจนอดแปลกใจไม่ได้ที่รู้ว่าเธอยังติดต่อกันอยู่ ฝากความระลึกถึงและความปรารถนาดีให้เขาด้วยนะ แม้ช่วงเวลาที่เขาอยู่ที่นี่มันจะไม่น่าจดจำ แต่ครูทุกคนที่นี่ดีใจและยินดีกับเขาด้วย ที่ย่างก้าวไปได้ไกลถึงขนาดนั้น”
คิมหันต์รับคำนิ่งไม่แสดงความคิดเห็น ความเป็นไปของเพื่อนรุ่นพี่ที่เขานับถือในน้ำใจเมื่อสมัยอยู่ร่วมกันในมูลนิธิ เขารู้ไม่ปะติดปะต่อ สถานกักกัน แหล่งซ่องสุมนักเลงหัวไม้ หรือแม้แต่เรือนจำ คือสถานที่ที่คิมหันต์คุ้นเคยว่าต้องไปเยี่ยมเยียนคุณสรรค์ ข่าวคราวชายหนุ่มเงียบหายไปหลายปี โผล่มาอีกที คุณสรรค์ ก็กลายเป็นผู้บริหารบริษัทคอนสตรัคชั่นอันเลื่องชื่อเสียแล้ว
*******************************
ร่างเล็กเดินเกร่ไปมาบริเวณทางเท้าฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยที่เธอมีความฝันว่าอยากเข้าไปร่ำเรียนสักครั้งหลังจบการศึกษา
เด็กสาวกระทืบขาไล่ยุงที่มาตอมแม้จะช่วยอะไรไม่ได้มาก บริเวณนี้คนพลุกพล่านทั้งที่เป็นเวลาค่อนดึกแล้ว อากาศร้อนอบอ้าวจนตัวเหนียว ทำให้เริ่มจะหงุดหงิดเมื่อคนที่นัดเธอไว้ยังไม่มาสักที
เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาชะลอใกล้ๆ พร้อมทั้งกระพริบไฟใส่เหมือนหลายคันก่อนหน้า แต่เด็กสาวมองเมินไม่สน ทำไมจะไม่รู้ว่าสัญญาณเหล่านั้นหมายถึงอะไร เธออยู่ละแวกนี้มาตั้งแต่เกิด ชื่อว่าวของวาววาก็มาจากที่เธอไปช่วยแม่ขายว่าวปักเป้าที่สนามหลวงตอนแม่ท้องโตนั่นไง
เวลาผ่านไปค่อนคืน กว่าคนที่นัดเธอไว้จะซอยขาถี่ข้ามถนนมาจากฝั่งตรงข้าม
“วาว รอนานไหม”
วับวาวยิ้มให้เพื่อนสนิทคนเดียวที่มี เธอมีเพื่อนไม่มาก ยิ่งขึ้นม.ปลาย พื้นฐานการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากเพื่อนในห้อง ทำให้เด็กสาวไม่สนิทกับใครและไม่กล้าให้ใครก้าวล้ำเข้ามาจนสามารถใช้คำว่าเพื่อนสนิทได้เลย และแน่นอน ปิง ไม่ใช่เพื่อนที่โรงเรียน เธอเรียนร่วมกับปิงในช่วงเวลาสั้นๆ ตอน ม. ต้น ก่อนที่เพื่อนของเธอจะยอมแพ้ต่อชะตากรรมและความยากจน ลาออกทั้งที่ยังไม่จบ ม.3 แต่ถึงอย่างนั้นเธอสองคนก็ยังสนิทกัน เพราะบ้านของปิงอยู่ในชุมชนแออัดเดียวกับเธอ
“ก็นิดหน่อย ปิง ตกลงเจอว่าวไหม ว่าวกับแม่เป็นไงบ้าง”
ปิง หรือปิงปิง ยักไหล่อย่างมีจริตจะก้าน เมื่อได้ยินประโยคคำถามเดิมๆ จากวับวาวมาร่วมอาทิตย์
“เจอมาเมื่อเย็น ว่าวมันไปขายพวงมาลัยอยู่กับป้าศรี ส่วนแม่แกก็เมาทุกวัน เห็นว่าไอ้ชัยมันไม่ยอมกลับบ้าน ทะเลาะกันตั้งแต่วันที่แกตีหัวมันแตก แล้วมันก็ไม่ยอมกลับมาอีกเลย”
“จริงเหรอ” วับวาวยิ้มด้วยความดีใจ ถึงแม้จะห่วงน้อง แต่ก็ใจชื้นที่ได้ยินข่าวว่าไอ้ชั่วมันไม่อยู่บ้านแล้ว อย่างนี้ถ้าเธอจะกลับบ้านไปหาน้องกับแม่...
“เออ แต่อย่าเพิ่งดีใจไป มันไม่อยู่ตอนนี้ แต่ก็ไม่รู้มันจะหมดตัวกลับมาเกาะแม่แกอีกเมื่อไหร่ ป้าแววยิ่งหลงมันอยู่ นี่ขนาดรู้ว่ามันปล้ำแก ยังไม่กล้าทำอะไร”
เด็กสาวหน้าสลดลงเมื่อได้ยินคำพูดไร้การปรุงแต่งของเพื่อน
“แล้วนี่มีเงินหรือเปล่า อ่ะเอาไป มีติดตัวอยู่พันนึง เมื่อวานโดนไอ้แสบสามตัวมันไถไปแทบจะหมดตัว มันบอกว่าค่าทำรายงาน ค่าทำรายงานห่... ไรวะมาพร้อมกันสามคน อย่าให้แม่รู้นะว่ามันเอาไปเล่นเกมส์ แม่จะด่าสามวันไม่ซ้ำเลย”
ปิงปิงควักแบงค์ห้าร้อยยับๆ สองใบออกจากกระเป๋ากางเกงยีนส์สั้นกุด เหรียญเล็กๆ หล่นลงพื้นกลิ้งไปตามทางเท้าให้เจ้าของจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิด เพราะกางเกงมันสั้นกระเป๋ากางเกงมันเลยตื้นตาม ควักทีผ้ารองซับมันเลยปลิ้นออกมาหมด วับวาวมองเพื่อนก้มลงเก็บเศษเหรียญและยัดแบงค์ยี่สิบสามใบลงไปที่เดิมพลางก่นด่าน้องสามคน ปิงปิงมีชีวิตที่ไม่ได้สุขสบายไปกว่าเธอ อายุสิบแปด เลี้ยงน้องชายสามคน ไม่มีทั้งพ่อและแม่
“ไม่เอาหรอกปิง ของเก่ายังไม่ได้คืนเลย”
แต่น้ำใจของเพื่อนมากล้น เด็กสาวผลักมือที่ยื่นเงินให้ออกจากตัว หลังจากที่รู้ว่าเธอมีปัญหาที่บ้าน ปิงก็ให้เธอหยิบยืมมาสองพันแล้ว แปดร้อยวับวาวเอาไปจ่ายค่าที่ซุกหัวนอนโทรมๆ พันนึงฝากให้น้องสาว ส่วนที่เหลือวับวาวใช้ปะทังชีวิตมาจนถึงวันนี้
“เฮ้ย เอาไปเถอะ ยังไม่ได้งานไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องห่วงคืนนี้เจอลูกค้าเก่า เงินตั๋ง ให้ทำสักประตูสองประตู เดี๋ยวก็ได้คืนแล้วไอ้แบงค์ม่วงเนี่ยะ” ปิงปิงยักคิ้วเอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้ถูกัน พูดจาสองแง่สองง่าม ทำท่าทางไม่แยแส
“อือยังไม่ได้งาน แต่วันนี้จะลองไปล้างจานที่ร้านข้าวต้ม เค้าให้วันละห้าสิบ กินข้าวฟรีมื้อนึง”
ปิงปิงถอนหายใจ ทำไมจะไม่รู้ว่าไอ้ห้าสิบบาทที่เพื่อนว่าต้องแลกกับการล้างชามทั้งคืนจนมือเปื่อย เธอผ่านมาหมดแล้วกับงานเหล่านี้ ถึงได้รับรู้ถึงความยากลำบากของงานหนักแต่เงินน้อยที่วับวาวเผชิญอยู่
“แล้วคิดจะทำจนถึงเมื่อไหร่”
“ถ้าได้ใบประกาศมา ก็ว่าจะลองไปสมัครเซเว่นแถวๆ ห้องเช่าดู เมื่อวานไปถาม เขายังไม่ได้รับคน”
“แล้วเมื่อไหร่จะได้ใบประกาศ...”
วับวาวยังไม่ได้ตอบเพื่อน เสียงบีบแตรเร่งถี่ๆ ก็ดังมาจากถนนฝั่งตรงข้าม ปิงปิงหันไปดูพลางยกมือโบกกลับ วับวาวเพิ่งเห็นรถเบนซ์สีดำคันโตจอดกระพริบไฟปริบพลางลดกระจกลง
“แหม เร่งจริง พอถึงเวลาไม่เห็นจะเร่งขึ้นเลย อ่อนปวกเปียกเป็นมะเขือเผา ไอ้แก่เอ๊ย... อ่ะ วาว เอาไป อย่าลีลา เดี๋ยวเค้าต้องไปแล้ว ลูกค้ามีเวลาไม่มาก เดี๋ยวกลับบ้านไปกินนมเมียไม่ทัน วาวมีอะไรก็โทรมานะ ส่วนไอ้ว่าว เดี๋ยวจะเข้าไปดูให้บ่อยๆ ”
ปิงปิงบ่น ยัดเงินใส่มือเพื่อนเพื่อตัดบท ก่อนจะหันหลังก้าวเท้าลงจากฟุตบาท วับวาวมองเงินในมือด้วยความหดหู่ปนละอาย รู้ว่าเงินที่ปิงปิงช่วยเหลือเจือจานเธอแลกมาจากอะไร งานที่ใครๆ ว่าไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี งานที่เธอไม่อยากให้เพื่อนทำ มันกำลังช่วยให้เธออยู่รอด
“คิดจะทำถึงเมื่อไหร่”
แต่ถึงกระนั้นวับวาวก็ไม่อยากให้เพื่อนทำ ปากที่ไวพอกับความคิด เอ่ยถามประโยคเดียวกันกับทีปิงปิงถามเธอก่อนหน้า เพื่อนไม่อยากให้เธอทำงานหนักเงินน้อย เธอเองก็ไม่อยากให้ปิงปิงทำงานน้อยเงินหนักแต่ไร้ศักดิ์ศรีเหมือนกัน
ปิงปิงชะงัก ใจแปลบชาจากคำถามเพื่อน แต่ก็แค่เพียงวูบเดียวก่อนจะหายไป ร่างเล็กกว่าวับวาวหันหลังมายักไหล่ด้วยท่าทางไม่แยแสอันเป็นบุคลิกประจำ ไม่แยแสว่าใครจะคิดยังไง ไม่แคร์สังคม ไม่แคร์สายตาคนรอบข้าง ไม่แคร์แม้จะมีใครเรียกเธอต่อหน้าว่า อีตัว
“ก็ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่ใครเอา ไม่มีใครซื้อ... วาว บางทีแกอาจจะไม่เคยหิวข้าวจนแสบท้อง เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด ร้องไห้สมเพชตัวเองจนไม่มีน้ำตาจะไหล ศักดิ์ศรีของแกวันนี้มันยังกินได้ แต่ถ้าวันหนึ่งมันกินไม่ได้ มันรอไม่ได้ เพราะข้างหลังมีอีกหลายคนรอแกอยู่ บางที แกอาจจะอยากขอคำแนะนำจากฉันนะ”
วับวาวอึ้ง เมื่อเห็นเพื่อนรักแค่นหัวเราะเย้ยหยัน ไม่รู้สมเพชใคร ตัวเอง หรือ เธอ
“ปิง คือ...”
“แต่แกไม่ต้องรอให้ท้องแกมันร้องประท้วงหรอกนะ แค่หัวใจแกมันเจ็บเพราะไม่มีทางเลือก มันปวดเพราะมันดิ้นรนไปไหนไม่ได้อีกแล้ว ต่อไปมันจะชาและไม่รู้สึกผิดหรืออายอีก เวลาที่ต้องนอนอ้าขาแลกกับเงิน”
**************
ปิงปิงผลักร่างท้วมที่หมดแรงซบลงบนตัวเธอออกอย่างหงุดหงิด แล้วลุกขึ้นสางผมที่ยุ่งเหยิงพันกันให้เรียบร้อยเข้าที่ ชายเสื้อยืดตัวจิ๋วที่ถูกเลิกค้างไว้บนหน้าอกเล็กเป็นกะเปาะถูกดึงลงหลังจากจัดการติดตะขอเสื้อชั้นที่ไม่ได้ถูกถอดออกด้วยซ้ำ เวลาทำเรื่องอย่างว่า อย่างที่รู้ลูกค้าเธอมีเวลาไม่มาก
“ให้เฮียไปส่งไหมปิง”
“ไม่ต้องหรอกเฮีย วันนี้รีบไม่ใช่หรือ”
ปิงปิงปฏิเสธพลางหยิบกางเกงขาสั้นที่หล่นอยู่ข้างเตียงมาสวม เด็กสาวใช้เวลาไม่นานในการแต่งตัว ก่อนสะพายกระเป๋าเดินมานั่งลงบนเตียงพร้อมยื่นกระเป๋าสตางค์ที่ล้วงจากกางเกงขายาวที่กองอยู่ข้างเตียงมาส่งให้
เฮียหยิบแบงค์สีเทายัดใส่มือเธอสองใบ โดยไม่ได้เงยหน้าที่ซุกกับหมอนขึ้นมา ลมหายใจหอบกระชั้นจนแผ่นอกอุดมไขมันนั้นกระเพื่อมขึ้นลง
“ไปก่อนนะเฮีย วันหลังปิงจะแถมชั่วโมงให้”
ปิงปิงยัดเงินที่ได้ลงกระเป๋ากางเกงขาสั้นตัวเดิม เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วเธอเพิ่งจะควักแบงค์ห้าร้อยให้วับวาวไปสองใบ ในเวลาไม่ถึงชั่วโมงเธอสามารถเอากลับคืนมาได้หนึ่งเท่าตัว มากกว่าเงินที่วับวาวจะได้จากการรับจ้างล้างจานชามทั้งเดือนเสียอีก
เด็กสาวไม่ได้โกรธเพื่อน แค่รู้สึกสมเพชตัวเองที่อดเจ็บเล็กๆ กับคำพูดของวับวาวไม่ได้ วับวาวเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจอาชีพที่เธอทำ แม้คนรอบตัวจะก่นด่าหรือเบ้ปากด้วยความรังเกียจ แต่เพื่อนก็คือเพื่อน เธอยังคบกันมายืดยาวจนถึงวันนี้
ความหงุดหงิดเดียวที่ปิงปิงมีคือ เธอเหมือนจะเห็นเงาตัวเองในวันวาน ซ้อนทับอยู่ในตัววับวาว
เธอเคยไม่แน่ใจ สับสน ละอาย อาชีพที่น่ารังเกียจ แต่สุดท้ายก็เลือกไม่ได้ที่จะทำ ได้แต่หวัง ว่าทางเดินของวับวาวจะทอดยาวออกไปเรื่อยๆ อย่าได้หมดสิ้นหรือเจอทางตันในระยะเวลาอันใกล้... นี้เลย
**************
ความคิดเห็น