ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Short Fic All Couple EXO

    ลำดับตอนที่ #2 : Friend เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ (Chanbaek ft.Kaido) (Part 1)

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ค. 56










      

       Title:Friend เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ  (Part 1)

    Couple:Chanbaek

    Author:BTScorpii, CrescenDo.STAR5

    Music: Zen me ban(What Shold I Do)-S.H.E

    Note:ปิดเพลงหน้าบทความก่อนนะค่ะ




     

     


     

     

     

     


    คุณรู้จักคำว่าเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อหรือเปล่า

    ผมคิดว่า ผมกำลังทำอยู่ในขณะนี้

    ทั้งๆที่ผมอาสาจะเป็นแม่สื่อแม่ชัก

    แต่ผมกลับดันไปปิ๊งไอ้โย่งหูกางนั้นจนได้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "ไอ้เหี้ยย!!!"ผมกระเด้งตัวจากที่นอนทันทีหลังจากที่ผมตื่นมามองนาฬิกาบนหัวเตียง ก็นาฬิกามันบอกว่าตอนนี้เวลาเจ็ดโมงกว่าแล้ว ผมมีเรียนตอนแปดโมงนี้ดิ จะทันไหมละเนี่ย? ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการอาบน้ำแต่งตัว ขนาดเสื้อผ้าที่ผมใส่ตอนนี้ยังไม่ได้รีบเลยด้วยซ้ำ ช่างมัน ใส่ลวกๆไปก่อนเอาเสื้อแขนยาวทับก็ไม่มีใครรู้ว่าแบคกี้คนน่ารักคนนี้ไม่ได้รีดเสื้อ คุคุ รีบกินนมแก้วหนึ่งวิ่งไปยังหน้าห้องพักของตัวเอง ใส่ร้องเท้า วันนี้เอาสีส้ม แนวๆหน่อยก็แล้วกัน นี้ขนาดผมรีบนะเนี๊ย -*- ผมเปิดประตูออกไปก็เจอผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันคือ…สาย  ไอ้กางหัวฟูห้องตรงข้ามนั้นเอง -.- ชายตรงหน้าผมนั้นเป็นใครมาจากไหนนั้นไม่มีใครทราบ ผมรู้จักเพียงว่ามันชื่อชานยอลเพื่อนสนิทผมเท่านั้นเอง เราสนิทกันมาก ถึงมากที่สุด สันดารพอๆกัน ทำให้เราเข้าใจกันและสนิทสนมกลมกลืนกันอย่างรวดเร็วมาได้หนึ่งปี

     

    "ไอ้หมาสายว่ะ!"

     

    "ทำอย่างกับมึงไม่สายนิ ไอ้กาง หมาตัวไหนคุยกับกูนะเวลานี้"

     

    "กรี๊ด!! มึงนะหยาบคาย"

     

    "มึงกรี๊ดทำไม!? มึงว่ากูเป็นหมาแล้วคุยกับกูได้นี้ก็คงเผ่าพันธุ์เดียวกัน"

     

     

     

     

     

     

     

     

     "กรี๊ดคือคำกริยาแสดงอาการตกใจ และก็หยุดพล่ามได้แล้วไอ้หมา หรือจะให้กูเรียกแบคกี้แบบคนอื่น ไม่เอากูไม่ชอบเหมือนคนอื่นว่ะ " 

     

    "เอ่อ ไม่อยากเถียงแล้วเดี๋ยวเข้าสาย" ผมพูดจบก็ถูกไอ้กางนั้นผลักหัวและกอดคอเดินลากออกจากหน้าห้องของเราไป

     

     

    ผมกับไอ้กางรีบวิ่งเข้ามามอมาเพราะว่าเพื่อนผมโทรมาบอกว่าอาจารย์เข้าแล้ว ความชิบหายมาเยือน เพราะถ้าคาบนี้ผมเข้าไม่ทันเช็กชื่อมีหวัง หมดสิทธิ์สอบกลางภาคชัวร์ ผมรีบวิ่งสุดฤทธิ์แต่ผมไม่เข้าใจว่าไอ้คนข้างหลังผมมันวิ่งตามทำไม ทั้งๆที่ถึงวันนี้มันขาดหรือเข้าสายก็ไม่มีผลอะไรกับมัน แต่ก็ช่างมันเถอะ ระยะทางจากหน้ามอมาถึงหน้าคณะผมไม่ได้ไกลนะ แต่ทำไมผมถึงเหนื่อยอย่างนี้ -3- แล้ววันนี้ผมมีเรียนชั้น5 แต่หน้าลิฟต์ดันมีนักศึกษายืนรออยู่เต็มเลย แถมที่คณะผมดันมีลิฟต์อยู่เพียงแค่ตัวเดียวอีกด้วยนะ ถ้าผมรอลิฟต์ผมว่าผมเช็กชื่อไม่ทันแน่ แต่มันชั้น5เลยนะT^T เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน ขาผมเปลี่ยนทิศทางไปยังบันไดทัน แต่ยังไม่ทันก้าวขึ้นบันไดเลยเสียงไอ้กางก็ดังขึ้นจนทำให้ผมหันไปมองมัน โอ้โห*0*สภาพมันนี้หอบเหมือนหมาขาดน้ำเลยครับ ขาก็ยาวกว่าผมนะแต่ทำไมวิ่งช้าก็ไม่รู้ -__-“

     

    "ไอ้หมา มึงจะไปไหน"ไอ้โย่งถามผมทั้งที่เสียงมันยังหอบอย่างหมาอยู่

     

    "ก็ขึ้นไปเรียนไง สัด!ชวนกูคุย เดี๋ยวกูหมดสิทธิ์สอบขึ้นมามึงตายแน่"ผมหันไปด่ามันก่อนรีบวิ่งขึ้นบันได สาบานว่าบันไดมีไม่ถึงร้อยขั้นแต่มันทำให้ผมแทบหมดแรงเดิน ผมมาหยุดอยู่หน้าห้องก่อนรีบเปิดประตูเข้าไป

       

    "บยอน แบคฮยอน"

     

    "มาครับ"

     

    ความเหนื่อยล้าเข้ามาหาขาผม ผมเดินเข้าไปนั่งข้างคนตัวเล็กข้างๆซึ่งเป็นเพื่อนร่วมเอกของผม โด คยองซู เกือบซวย       -___-   พร้อมกับเสียงไอ้กางที่ดังตามมา

     

    "ขอบใจนะคยองซูที่โทรมาบอก" ผมพูดพร้อมกับเหลือบไปมองชานยอลที่ทิ้งน้ำหนักลงข้างๆ

     

    "ไม่เป็นไร โชคดีแล้วนะที่มาทัน เส้นยาแดงเลยนะเนี่ย"

     

    "สวัดดีคยองซู^__^" ชานยอลทักคยองซูด้วยเสียงร่าเริง ทั้งทีมันวิ่งหอบอย่างกับหมาไม่หยุด

        

     

    "สวัดดี ชานยอล ^^" คยองซูทักอย่างเป็นมิตรพอเป็นพิธีก่อนจะสนใจข้างหน้าที่อาจารย์สอน ผมกับคยองซูเป็นเพื่อนกันมานมนานแล้วล่ะครับ เราเป็นเพื่อนร่วมแก็งอนุบาลอมยิ้ม ไม่อยากคุยโว้ ผมนี้แหล่ะหัวหน้าและคยองซูคือเพื่อนและลูกสมุนในแก็งของผมแต่คนอื่นแยกย้ายกันไปตามกาลเวลาและเหลือผมและคยองซู ทำให้ผมและคยองซูสนิทและติดกันมาก จนเราเรียนด้วยกันมาจนถึงมหาลัย และชานยอลก็คือเพื่อนในรอบหลายปีของผม ซึ่งตลอดมานั้นผมไม่เคยคิดที่จะคบกับใครเป็นเพื่อนเลย เพราะผมคิดว่าผมมีแค่คยองซูก็พอแล้ว แต่ที่ผมคบกับชานยอลนี้เพราะความบังเอิญล้วนๆครับ ผมเหลือบไปดูไอ้กางข้างผมที่ทำท่าสลิดสดิ้ง เมื่อคยองซูส่งยิ้มมาให้ผมแต่มันเสือกคิดว่าเป็นมัน อย่างคิดว่าผมไม่รู้ว่าชานยอลคิดอะไรกับคยองซูนะ ไม่งั้นผมจะใช้คำว่าเพื่อนสนิทกับมันได้อย่างไร เห็นหน้าก็รู้ใส้รู้พุงรู้ตับรู้ไตหมดแล้วไอ้โย่งนี้ดูง่ายจะตาย 

     

     

     

     

     

    "มึงหุบยิ้มหน้าบานเป็นดอกตะวันแรกแย้มเห็นพระอาทิตย์ได้แล้ว" ผมพูดพร้อมกับเอาปากกาชี้ไปยังบนกระดาน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "เอ่อ" มันพูดพร้อมเชิดใส่หน้าผมแล้วหันไปสนใจกระดาน เห็นแลัวหมั่นใส้ว่ะ -___-!!

     

     

     

     

     

     

      

     

     

     

    ทั้งๆที่มันเหมือนจะทำตามที่ผมบอกแต่ตอนแรกแล้วนะ  แต่ก็.........ทั้งคาบครับ ไอ้ชานยอลยังคงนั่งมองหน้าคยองซูทั้งคาบ ไอ้ตัวเล็กที่นั่งข้างผมนี้ก็ไม่รู้เลยว่าใครมองอยู่เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาเรียนอย่างเดียว ผมก็เป็นโรคจิตอะไรไม่รู้หงุดหงิดทั้งคาบ ยิ่งเห็นไอ้กางยิ้มหน้าบานยิ่งฟัน19ซี่นี้ผมก็ยิ่งหงุดหงิด หงุดหงิดจนผมทนไม่ไหว

     

     

     "มึงช่วยหุบยิ้มหน่อยดิ เห็นแล้วรำคาญตา"ผมกระซิบบอกมันอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เสียงดังระหว่างอาจารย์สอน

     

    "มึงก็อย่ามองดิ กูไม่ได้ยิ้มให้มึงนะ"แทนที่มันจะทำตามที่ผมบอก แต่ครั้งนี้มันกลับเถียงผมครับ แต่ก็จริงอย่างมันพูดนะ -_-

       

      

     

     

    "ก็มันอยู่ในรัศมีตากูอะ กูเห็น ไม่รู้แหละ ถ้ามึงไม่หุบยิ้มกูก็ไม่ช่วยมึงเรื่องคยองซู"ชานยอลรีบหุบยิ้มทันทีหลังจากที่อีกฝ่ายเอ่ยชอบคนที่เขาแอบรักออกมา  คำขู่นั้นเหตุผลทันที ที่ทำให้ผมชนะชานยอลได้นั้นมันเป็นเรื่องเมื่ออาทิตย์ที่แล้วจู่ๆไอ้โยงมันก็มาสารภาพกับผมว่ามันชอบคยองซู ถามว่าผมอึ้งไหมผมบอกได้เลยว่านิดหน่อยจริง แค่ไม่คุยกับมันวันหนึ่งเต็มๆ !! -__- ก็ผมงอนนิ ถึงจะสนิทกับมันมากรู้ทุกเรื่องของมันยกเว้นเรื่องเดียว ที่ผมไม่เคยรู้คือ หัวใจ ของมันนั้นเอง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากเรียนมาทั้งเช้าเสร็จหมด คาบบ่ายพวก ผมก็ว่างกันทันที คยองซูขอกลับก่อนเพราะมีนัดจงอิน เพื่อนต่างคณะที่เห็นรู้จักกันมาตั้งแต่เข้ามหาลัยใหม่ๆผมก็รู้จักผ่านๆ

     

    ผมโบกมือลาคยองซูกับเสียงโหยหวนล่ำลาของชานยอล ผมเตรียมตัวกลับหอไปนอน เพราะเมื่อคืนด็อดเอตีด่านนานไปหน่อย ง่วงสาดๆ!!เลย -3- ในขณะที่กำลังจะหันกลับนั้นก็ถึกแรงช้างพรานช้างที่แรงเยอะม๊ากกกมากกกก!! นั้นดึงเอาไว้

     

    "ไอ้หมา จะไปไหน" ชานยอลถามผมล็อกคอผมไว้แน่นหนา

     

     

     

    "นอน" ผมบอกพร้อมกับแกะมือมันออก แต่มันก็ไม่ออกสักที

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "ไปดูหนังเป็นเพื่อนกูหน่อยสิ" ไม่พูดเฉยๆเสือกมากระซิบข้างหู ให้ขนแขนผมลุกเต้นทันที

     

     

     

    "เฮ้ย!! อะไรของมึงว่ะ"

     

     

     "แบคกี้ สุดน่าร็อค^++++^ ไปดูหนังกับยอลลี่หน่อยได้เปล่าครับ?"

     

     

     "หนังไร?"  

      

     

     

     "เถอะน่า" พูดเท่านั้น มันก็ลากผมมามันที ไม่รอคำตอบแต่ใดมา....

     

    เราสองคนมาอยู่หน้าโรงหนังพร้อมกับสีหน้าของผมที่คิ้วขมวด ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมมันลากผมมาดูด้วยเพราะชานยอลมันชอบดูหนังผี แต่กลัวผีนั้นเอง ผมลืมไปเลย -___-

      

      

     เมื่อหนังเริ่มฉาย ตอนแรกก็เหมือนเรา2คนต่างคนต่างดู แต่พอผ่านไปสักพักหนึ่ง มือของผมก็ถูกไอ้กางนั้นกุมไว้แล้ว จริงๆผมอยากจะแกะมือมันออกนะ แต่ทำไมสมองผมถึงไม่สั่งการให้สะบัดมืออกละ เป็นเวลา2ชั่วโมงเต็มๆที่ไอ้กางเอาแต่จับมาผมไว้แน่น ทุกครั้งที่ผีโผล่ออกมามือข้างที่มันกุมไว้จะถูกมันยกขึ้นไว้ที่ปากและมือข้างที่อยู่ตรงปากมันคือ มือผม     ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาใจผมเต้นแปลกๆผมไม่ได้กลัวผีหรือว่าอะไรนะ ผมไม่รู้จริงๆว่าทำไมใจผมถึงเต้นผิดปกติอย่างนี้ พออกมาจากโรงหนังผมรีบขอกลับบ้านทันที ทั้งๆทีมันชวนผมกินข้าวก่อน แต่คือตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จริงๆ ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรแต่ใจผมมันสั่นแปลกๆความง่วงของผมหายไปหมด อาการแบบนี้มันเกิดตั้งแต่ตอนที่ชานยอลยิ้มให้คยองซู ถามถึงคยองซู หรือพูดเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับคยองซู ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรจริงๆ

     

         

     

    ผมมานอนคิดทบทวนกับสิ่งที่ทำให้ผมเกิดอาการแบบนี้นั้นเพราะอะไร นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงนอนม้วนตัวเป็นดักแด้เผื่อจะคิดออก แต่กับคิดไม่ออกว่าผมเป็นโรคอะไรร้ายแรงเปล่า?  แต่แล้วเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ผมแตกตัวเป็นผีเสื้อบินออกมายังหน้าประตู เมื่อเห็นว่าใครมา ผมอยากกลับเป็นดักแด้อย่างเดิมจัง -___-

     

    "มีอะไร" ผมถามไอ้กางที่อยู่ข้างหน้าผม

     

    "หิว ขอมาม่าหน่อย" พูดเสร็จก็เบียดตัวเข้ามาในห้องของผมอย่างกับห้องตัวเอง

     

    "มึงกินไรยัง?"

     

    "ยัง" ผมพูดจบมันก็ต้มมาม่าเผื่อผมด้วยอย่างหมารู้หน้าที่ ผมนั่งอยู่บนเตียงดูมันทำ เมื่อมันทำเสร็จมาว่างโต๊ะกลางห้องทำให้ผม ต้องย้ายตัวเองตามกลิ่นนั้นมาด้วย เพราะผมรีบหลบหน้ามันเพราะอาการแปลกที่เป็นถี่ช่วงนี้ ทำให้ผมไม่ได้กินข้าวด้วยเหมือนกัน ไอ้กางรู้หน้าที่ของมันเตรียมให้ผมเรียบร้อยก่อนที่เราทั้งคู่จะลงมือทาน ไม่วายที่ผมจะถามมันด้วยว่าทำไมถึงมาขอมาม่าห้องนี้

     

    "ก็กูไม่มีเพื่อนกินข้าว" มันพูดผมก็พยักหน้ารับพร้อมกับคีบมาม่าเข้าปากอย่างเร็วเพราะไม่อย่างนั้นไอ้กางกินหมด ไม่เหลือให้แดกแม้แต่น้ำ

         

      

    "หมา มึงจะช่วยกูเรื่องคยองซูเมื่อไหร่ กูขอร้องมึงเป็นอาทิตย์แล้วนะ นานแล้ว" ผมเหลือบไปมองพร้อมกับพูดทั้งๆที่มาม่ายังเต็มปากตัวเอง

     

    "แล้วแต่พฤติกรรมที่น่าพอใจของมึง ถ้าไม่ผ่านมาตราฐานกู มึงก็อย่าหวังว่าจะได้จีบคยองซูเลย ไอ้กาง"

     

    "เอ่อ กูจะแสดงให้เห็น" มันพูดพร้อมกับคีบมาม่าแข่งกับผม เพราะเราเอาแต่คีบกินอย่างรีบและผมที่กลัวมันแย่ง อย่างกับหมาห่วงข้าว ทำให้ผมสำลักน้ำลายตัวเอง

     

    "แค่กๆ นะ..น้ำ"

     

    "เอ้า! กินเหี้ยยังไงว่ะ มาม่าติดคอ"มันพูดขึ้นพร้อมกับลูบหลังให้ผมเบาๆ

     

    "สะ.." เสือก คำนี้หายไปเพราะหน้าของชานยอลที่เข้ามาใกล้พร้อมกับมือที่สัมผัสแก้มของผมอย่างเบาๆ นั้นทำให้ผมรับรู้ถึงลมหายใจขัดของชานยอล....  ความรู้สึกผมกับมารับรู้อีกที่เมื่อลมหายใจของเราใช้ร่วมกันแล้ว เพราะอะไรไม่รู้ทำให้ผมหลับตาและชานยอลที่มอบจูบแผ่วเบานั้นให้ผม  มันอาจเป็นเพราะมาม่าอืดๆนั้น 

     

     

    ก็ได้ ...

      

     

       

    ทั้งที่เราจูบกันไปเมื่อคืนทำให้ผมนอนไม่หลับ เมื่อวานชานยอลขอโทษแล้วออกไป เพราะเขาบอกว่ามันคืออุบัตติเหตุ ตอนนั้นผมกับคิดว่าชานยอลอาจจะชอบผม แต่ผมลืมไปว่าชานยอลชอบคยองซูอยู่ ทำไมพอพูดถึงเรื่องนี้มันถึงเจ็บจี๊ดในใจนะ ทั้งๆที่ตั้งใจจะช่วยให้ทั้งสองคนรักกันแล้วแท้ๆ แต่พอถึงเวลาจริงๆกับไม่อยากทำ วันนี้ผมจึงหนีหน้าชานยอล โดยรีบออกจากหน้าแต่เช้า(เมื่อคืนนี้ผมนอนไม่หลับ=_=)เพื่อไม่ให้เจอหน้าชานยอล อย่างน้อยเจอตอนนี้เรียนดีกว่าเจอตอนนี้

     

     

     เนื่องจากออกมาจากหอเช้าทำให้ถึงมหาลัยเร็วกว่าปกติ ผมรีบเดินไปหน้าคณะผมทันที เมื่อถึงหน้าคณะผมเจอคยองซูกำลังนั่งคุยอยู่กับจงอิน ดูเหมือนว่าคู่นี้จะสนิทกันเป็นพิเศษ เพราะเวลาจะชานคยองซูไปไหน เจ้าตัวก็จะบอกว่า นัดกับจงอินไว้แล้วไปไม่ได้  ผมเดินเข้าไปหาคยองซู และดูเหมือนว่าจงอินจะเห็นเลยเดินออกไปผมได้แต่งงกับท่าทีของจงอิน เขาแค่จะมานั่งด้วยแต่ทำไมต้องทำท่ากลัวอะไรขนาดนั้น

     

    "อ้าว แบคกี้ทำไมวันนี้มาเช้าจัง"คยองซูเอ่ยขึ้น ทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิดแปลกๆของตัวเอง

     

    "เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับอะ” ที่จริงไม่ได้หลับเลยต่างหาก

      

      

     "เป็นอะไรรึป่าว"

     

    "ป่าว ไม่มีอะไร"คยองซูได้แต่พยับหน้ารับ พร้อมกับก้มลงมองหน้าจอมือถือ

     

    "คยองซู ขอถามอะไรหน่อยสิ"

     

    "ว่าไง"ผมเงียบก่อนนิดนึงก็ที่เอ่ยถามออกไป

     

    "ถ้าเวลาเราอยู่ใกล้ใครแล้วใจสั่นแปลกๆ ไม่ชอบเวลาเขาพูดถึงใครที่ไม่ใช้เรา โกรธทุกครั้งทุกเขาทำเหมือนไม่สนใจเรา แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรหรอ?"คยองซูได้ยิ้มออกมาตามแบบฉบับของคยองซู

     

    "แบคฮยอนแบบนี้เขาเรียกว่า รัก นะ^++++^" รักหรอเขาเนี้ยนะรักไอ้กาง ไม่ใช่มั้ง?

       

      

     

     

     

     

     

     

     

     

    *รอติดตามPart2 ต่อนะค่ะ

    ครั้งนี้ไรท์แต่งร่วมกับไรท์ CrescenDo.STAR5(ไรท์เรื่อง730วัน ฉันรักนาย)ค่ะ

    ครั้งนี้ลองแต่งชานแบคดูบางไม่รู้ว่าจะออกมาดีรึป่าวแต่งไรท์ทั้งสองตั้งใจแต่งเต็มที่นะค่ะ    ช่วยเป็นกำลังใจให้พวกเรากันเยอะๆนะค่ะ ^^

    ทวิตของไรท์ทั้งสองค่ะ

    มาพูดคุยกันได้นะค่ะ

    Writer BTScorpii: @BTScorpii

    Writer CrescenDo.STAR5: @ Crescendo_5   

       








     
    :) Shalunla 
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×