คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Sapheria Twin An Angel & A Lucifer
ฉันชื่อ ฟาเรน่า ซาเฟอร์เรีย
ผมชื่อ ไฟน์เร็น ซาเฟอร์เรีย
เราทั้งคู่คือฝาแฝดกัน
ชีวิตของฉันเต็มไปด้วยความสวยงามของเหล่าชนชั้นสูง
ชีวิตของผมเต็มไปด้วยความสวยงามของเหล่าชนชั้นสูง
แต่พวกเราไม่เคยรับรู้ถึงความมืดมนที่อยู่ภายใต้ความสวยงามอันสว่างไสวนั่น
จนเมื่อฉันอายุครบสิบห้าปี ในวันที่ฉันมีความสุขนั้น
จนเมื่อผมอายุครบสิบห้าปี ในวันที่ผมมีความสุขนั่น
ชีวิตของพวกเราก็เปลี่ยนไปจากเดิมโดยไม่มีวันย้อนกลับคืน
“สุขสันต์วันเกิดนะครับ คุณหนูซาเฟอร์เรียทั้งสอง”
“ค่ะ ขอบคุณที่ให้เกียรติมาร่วมงานของพวกเรานะคะ”เด็กสาวในชุดเดรสสีขาวสะอาดยาวกรอมเท้าประดับด้วยลูกไม้สีนวลตอบรับคำอวยพรด้วยคำพูดสุภาพอ่อนหวานและรอยยิ้มใสสะอาดบริสุทธิ์
“ครับ ขอบคุณครับ”เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าคล้ายคลึงกับเด็กสาวในเดรสสีขาวข้างกาย อยู่ในชุดสูทสีขาวสะอาดตา ตอบรับคำอวยพรอย่างนอบน้อม
“เป็นยังไงบ้างลูกๆ ชอบงานที่พ่อจัดไว้ให้ไหม” ชายหนุ่มในชุดสูทขาวเดินเข้ามาทักทายลูกๆฝาแฝด ท่าทางการเดินของชายหนุ่มดูเปี่ยมไปด้วยอำนาจล้นเหลือ ข้างกายมีหญิงสาวในชุดเดรสเกาะอกสีเหลืองอ่อนยาวลากไปกับพื้น ผ่าข้างเพื่อสะดวกต่อการเดิน กระโปรงมีลูกไม้ซ้อนห้าชั้นคลุมด้วยตาข่ายบางๆสีทองเหลือบเงิน ทั้งคู่เดินควงแขนมาด้วยกันตรงมาทางลูกสาวและลูกชายทั้งสอง
เด็กสาวยกชายกระโปรงขึ้นลฺกน้อยพลางย่อกายลงเคารพผู้ปกครองทั้งสอง เด็กชายโค้งตัวลงพร้อมๆกัน
“ฟาชอบมากเลยล่ะค่ะ ทุกๆคนดูมีความสุขและชอบงานนี้เหมือนกันนะคะ” เด็กสาวนัยตาสีเงินยวงดุจแสงจันทร์ ผมสีฟ้าอ่อนยาวระเอวปลิ้วพริ้วไปกับสายลมนาม ‘ฟาเรน่า ซาเฟอร์เรีย’ แย้มยิ้มออกมา รอยยิ้มของเธอดูบริสุทธิ์ราวกับนางฟ้าลงมาจุติลงบนโลกมนุษย์
“ก็ดีครับท่านพ่อ” เด็กหนุ่มนัยตาสีอเมทิสต์ ผมสีน้ำเงินเข้มนาม ‘ไฟน์เร็น ซาเฟอร์เรีย’ กล่าวกับผู้ปกครองทั้งสอง บุคคลิกที่เย่อหยิ่งราวกับราชาผู้เป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างนั้น ดูโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางแขกที่มาร่วมงานอันหลากหลาย
•°•.° ~ ~ °.•°•
เสียงเพลงสนุกสนานเริ่มบรรเลงขึ้นจากวงออเครสต้า ชายหนุ่มทุกคนเริ่มโค้งกายเชื้อเชิญหญิงสาวที่เป็นคู่ควงร่วมเต้นรำบนฟลอร์เต้นรำ และแน่นอน คู่หนุ่มสาวที่เป็นเจ้าของงานซึ่งก็ไม่พ้นฝาแฝดซาเฟอร์เรียก็ร่วมควงแขนกันลงมาเต้นรำบนฟลอร์เป็นคู่เปิดงาน
•°•.° ~ ~ °.•°•
จังหวะเพลงบรรเลงไปอย่างรวดเร็ว ผู้ร่วมงานเต้นรำทุกคนล้วนสนุกสนานร่วมไปกับเข้าของวันเกิดทั้งคู่ที่โลดแล่นไปบนฟลอร์อย่างพริ้วไสว ราวกับแสงจากดวงจันทร์ได้ทอดลงทั้งคู่เพียงสองคน
“ไฟน์คุง วันนี้พวกเราอายุสิบห้าแล้ว เร็วมากเลยนะ ไฟน์คุงคิดเหมือนพี่ไหม”ฟาเรน่ากล่าวขึ้นขณะที่ทั้งสองกำลังก้าวขึ้นไปบนฟลอร์
“ครับ ไม่น่าเชื่อว่าพวกเราจะอยู่ร่วมกันมาสิบห้าปีแล้ว”ไฟน์เร็นตอบกลับพี่สาวฝาแฝดพลางก้าวนำไปอย่างรวดเร็ว
“อื้ม ไฟน์คุงอยู่ข้างกายพี่มาสิบห้าปีแล้วสินะ เป็นคนที่พี่ไว้ใจได้มากที่สุดตลอดมา” ร่างบางหมุนอย่างอ่อนช้อนไปตามจังหวะ เส้นผมสีฟ้าพริ้วไปเป็นวงกว้าง
“ไม่รู้นะครับว่าใครกันที่อยู่ข้างกายผมมาสิบห้าปีและคอยช่วยเหลือผมมาตลอด”ร่างสูงดึงร่างบางกลับเข้ามาในอ้อมแขน ก่อนจะฝังจมูกลงบนพวงแก้มนวลเบาๆ
ร่างบางคลี่ยิ้มหวานออกมาอย่างสดใสพลางเอนตัวเข้าซบอกกว้างของน้องชายที่เธอวางใจและวางทุกสิ่งไว้กับเขาได้อย่างไม่เกรงกลัว
ทุกๆคนต่างได้รับรอยยิ้มจากฝาแฝดซาเฟอร์เรียทั้งสอง ทุกๆคนต่างเปี่ยมไปด้วยความสุขดั่งเช่นทุกๆปีที่ทั้งคู่เติบโตขึ้นมา...
11.07 PM
ตึกๆๆๆ
เสียงฝีเท้าของสองฝาแฝดซาเฟอร์เรียที่ออกมาจากงานเลี้ยงฉลองดังก้องกังวานไปตามระเบียงทางเดินชั้นในของคฤหาสถ์ ก่อนที่ไฟน์เร็นจะเปิดประตูห้องๆหนึ่งให้ฟาเรน่า ทั้งคู่ก้าวเข้าไปในห้องนั้นด้วยรอยยิ้ม
“วันเกิดปีนี้ท่านพ่อกับท่านแม่มาถึงเร็วกว่าพวกเราอีกเหรอคะเนี่ย” ฟาเรน่าพูดขึ้นก่อนจะโผเข้ากอดชายหนุ่มผู้เป็นพ่อนาม ‘เทมส์ ซาเฟอร์เรีย’
“พ่อเขาตื่นเต้นมากเลยนะ ถึงขั้นโดดออกจากงานเลี้ยงตั้งนานเพื่อมาเตรียมของขวัญวันเกิดให้ทั้งคู่โดยเฉพาะเลยนะจ๊ะ” หญิงสาวในชุดเกาะอกสีเหลืองอ่อนยืนอยู่ข้างๆเก้าอี้ที่เทมส์นั่งอยู่ ไฟน์เร็นเดินเข้าไปกอดผู้เป็นแม่นาม ‘โรเชล ซาเฟอร์เรีย’ ด้วยท่าทางแข็งๆ
“แล้วปีนี้ของขวัญของพวกเราคืออะไรงั้นเหรอครับ”ไฟน์เร็นถามโรเชลที่กอดเขาเอาไว้แน่น
“พ่อกับแม่มีสิ่งนี้มานานมากแล้วและรอคอยวันที่จะได้แบ่งปันมันให้ลูกๆทั้งสองที่พ่อรับมาเลี้ยงจากน้องชายที่ได้จากไปแล้ว” เทมส์ลูบหัวฟาเรน่าด้วยความเอ็นดู นัยตาสีแดงเลือดสะท้อนภาพลูกสาวเพียงคนเดียวอย่างอาวร
“มันคืออะไรเหรอคะ” ฟาเรน่าเงยหน้าขึ้นมองเทมส์ด้วยสายตาที่บริสุทธิ์ สายตาที่งดงามราวกับจันทร์กระจ่างใสอันโดดเด่น
“ความแข็งแกร่งและชีวิตอมตะไร้วันสิ้นสุดยังไงล่ะ ลูกพ่อ” เทมส์พูดขึ้นอย่างเลือดเย็น ก่อนจะกางเขี้ยวออกมาและฝังลงบนลำคอระหง พร้อมๆกับโรเชลที่รั้งคอลูกชายในอ้อมแขนลงมาและฝังเขี้ยวลงไปอย่างหิวกระหาย
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
ราวกับสายเลือดแห่งปีศาจได้เข้าไปกัดกร่อนร่างกายทุกส่วนของผม
ความหิวกระหายในหยาดโลหิตของมวลมนุษย์เริ่มเกิดขึ้นกับฉัน
ความชั่วร้ายคืบคลานเข้ามาในจิตใจของเราทั้งคู่
มนุษย์ช่างอ่อนแอยิ่งนักเมื่อเทียบกับผม
มนุษย์มีนาฬิกาชีวิตที่สั้นยิ่งนักเมื่อเทียบกับฉัน
ก็ในเมื่อ... พวกเราเป็นแวมไพร์นี่นะ
ภาพเลือนรางจัง นั่นใครคะ ท่านพ่อท่านแม่เหรอคะ
“ฟื้นแล้วเหรอลูก” เสียงหวานของท่านแม่ดังขึ้นในโสตประสาทของฉัน ฉันค่อยๆลุกขึ้นมามองท่านแม่ ท่านแม่ที่มีศักดิ์เป็นป้าสะใภ้ของฉัน
“ไฟน์คุงล่ะคะ ไฟน์คุงอยู่ไหนคะ” ฉันรีบถามหาน้องชายที่ฉันรัก ตอนนี้ คนที่ฉันพึ่งพาได้เหลือเพียงเขาคนเดียวแล้ว แม้แต่ท่านพ่อท่านแม่ ฉันก็วางใจพวกท่านไม่ได้อีกแล้ว
ฉันรีบกระโดดลงจากเตียงที่ฉันนอนอยู่และออกจากห้องนั้น ตามการคาดการณ์ ท่านพ่อคงเป็นคนพาฉันมานอนที่ห้องของแขก ส่วนไฟน์คุงคงโดนท่านพ่อคุมตัวเอาไว้ที่ห้องของพวกเรา
ท่ามแม่เปิดประตูตามฉันออกมา รอยยิ้มที่ประทับบนใบหน้ายังคงเป็นรอยยิ้มหวานหยาดเย้มที่เหมือนเดิมกับทุกๆวัน แต่ความจริงที่ฉันได้พบทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้าหนีออกจากท่าน
เดรสสีขาวตัวเดิมเปื้อนไปด้วยเลือดจากคอเสื้อ เลือดแห้งกรังเปรอะเปื้อนไปทั่วร่างกายของฉัน รอยเขี้ยวที่ต้นคอด้านซ้ายยังสร้างความเจ็บปวดให้เป็นระยะๆจนฉันต้องกัดฝันทน
ฉันตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้องของฉันกับไฟน์คุงโดยไม่เคาะประตูก่อน ภาพที่ฉันเห็นตรงหน้าคือน้องชายของฉันกำลังเล็งปืนที่เหนี่ยวไกไว้แล้วเข้าหาท่านพ่อ
“อย่าเข้าใกล้ผมเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นผมจะยิงจริงๆ ผมไม่สนหรอกนะว่าท่านเป็นคนที่เคยเลี้ยงดูผมมา”
‘เพราะคุณทำให้พี่สาวของผมต้องเจ็บ อย่าได้หวังจะรอดไป’
เสียงความคิดของไฟน์ดังก้องในจิตใจของฉัน นัยตาสีอเมทิสต์ที่แปรเปลี่ยนเป็นสีโลหิตจ้องเขม็งไปที่ท่านพ่อที่ยืนยิ้มอยู่อย่างไม่ทุกข์ร้อนใดๆและยังคงยืนนิ่งๆอยู่ที่เดิม
ฉันรู้ดีว่าเขาตั้งใจที่จะปกป้องฉันที่ก้าวเข้ามาในห้อง และฉันรู้ดีว่า เขากำลังฝืนความเจ็บปวดที่เกิดจากรอยเขี้ยวของท่านแม่อย่างหนัก
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอฟา หลับสบายไหม” ท่านพ่อหันมามองฉันที่ก้าวเข้ามาด้วยฝีเท้าที่เงียบกริบ ท่านก้าวเข้ามาใกล้ๆฉันทีละก้าวๆ
ฉันรีบก้าวเท้าถอยหลังด้วยความหวาดระแวง แต่ก็ต้องหยุดเมื่อประตูด้านหลังเปิดขึ้นอีกครั้ง และท่านแม่ก็ก้าวเข้ามาอีกคน
“เป็นอะไรไปฟาของพ่อ ลูกชอบให้พ่อกอดไม่ใช่เหรอ หือ?” ท่านพ่อก้าวเท้าเข้ามาอีก ฉันไม่กล้าถอยหลังต่อไปอีกแล้ว แต่ท่านพ่อก็ยังก้าวเข้ามาเรื่อยๆ
ไฟน์พุ่งตัวเข้ามากันไม่ให้ท่านพ่อเข้ามาใกล้ฉันด้วยความไวเกินมนุษย์ ปืนสีเงินยังคงเล็งไปที่ท่านพ่ออย่างแม่นยำ
“อย่าได้ก้าวเข้ามาอีก เด็ดขาด!” ไฟน์พูดกัดฟันด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว ท่านพ่อยิ้มน้อยๆ ก่อนจะถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“พ่อไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อยไฟน์ นั่งลงก่อนเถอะทุกคน เราคงมีเรื่องที่ต้องพูดกันนิดหน่อย” ท่านพ่อถอยหลังไปนั่งลงบนโซฟาที่เราสองคนตั้งไว้นั่งคุยกัน ท่านแม่เดินตามเข้าไปนั่งกับท่านพ่อ ปล่อยให้ฉันกับไฟน์ยืนอยู่ ไม่กล้าเข้าไปใกล้ท่านทั้งคู่
ท้ายที่สุด ฉันก็จำใจนั่งลงที่โซฟายาวระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ โดยมีไฟน์นั่งกั้นระหว่างฉันกับท่านพ่อ
“ว่าไง ชอบของขวัญที่พ่อกับแม่มอบให้ไหม” ท่านพ่อถามพวกเราด้วยน้ำเสียงยิ้มๆ สีหน้าของท่านเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
ฉันนั่งนิ่งๆไม่ได้ตอบโต้ท่านพ่อใดๆ จิตใจของฉันในตอนนี้ราวกับโดนทำลายจนแหลกสลาย ฉันในตอนนี้คงไม่ต่างจากแวมไพร์ไร้วิญญาณจริงๆ
ท่านพ่อไม่รอช้า เริ่มเอ่ยปากพูดต่อ
“ลูกๆทั้งสองคือความภาคภูมิใจของพ่อ พ่อรักลูกๆมากนะ พ่อถึงอยากให้ลูกๆมาเป็นแวมไพร์ เพื่อจะเข้ามารับตำแหน่งทั้งสองต่อจากพ่อและแม่”
“ตำแหน่งอะไร” ไฟน์คุงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ราวกับหมดความอดทนกับการกระทำของท่านพ่อท่านแม่เหล่านี้
“ราชาและราชินีแวมไพร์ยังไงล่ะจ๊ะ” ท่านแม่คลี่ยิ้มงดงามออกมาและตอบไฟน์ด้วยรอยยิ้มหยาดเยิ้มเดิมๆของท่าน
“ฟาขอไม่รับค่ะ” ฉันพูดแทรกด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ มือเรียวเย็นชืดยกขึ้นมาโบกปฏิเสธด้วยท่าทางที่อ่อนโยนเช่นเดิม
“ทำไมล่ะฟาของแม่ ในโลกนี้จะไม่มีแวมไพร์ตนไหนมีอำนาจไปมากกว่าลูกแล้วนะ” ท่านแม่ที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวข้างๆฉันเอื้อมมือมากุมมือฉันอย่างอ่อนโยน
ฉันรีบชักมือตัวเองกลับด้วยความหวาดกลัว พร้อมๆกับเขยิบหนีท่านแม่ออกมา ไฟน์โอบไหล่ที่สั่นสะท้านของฉันไว้เบาๆ
“ลูกยังไม่รู้หรอกว่า อำนาจที่พ่อมอบให้มันยิ่งใหญ่ขนาดไหน”
“พลังที่มากจนไม่มีใครต้านทานได้”
“ช่วงเวลาที่ไม่มีวันสิ้นสุด”
“บริวารที่ไม่มีวันขัดคำสั่ง”
“ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของลูก โลหิตของมนุษย์เป็นของลูก ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อลูกทั้งคู่เท่านั้น”
เลือด... หิวจัง อยากดื่มเลือด ของเหลวสีแดงสดแสนหอมหวาน
มือบางของฉันสั่นนิดๆ ความรู้สึกหิวกระหายแล่นไปทั่วร่างกายและจิตใจ ร่างกายของฉันเริ่มหลุดจากการควบคุมของฉัน ฉันเดินออกไปนอกห้องโดยไม่สนใจคนอื่นๆ กรงเล็บค่อยๆกางออกมาช้าๆ เขี้ยวสีขาววาววับสะท้อนแสงจันทร์ยามเที่ยงคืน ดวงตาเปลี่ยนสีจากสีเงินยวงเป็นสีแดงเลือดอำมหิต
ร่างของฉันเคลื่อนไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้ตัว กรงเล็บยาวขูดไปกับกำแพงเป็นรอยยาวน่าสยดสยอง คนรับใช้ยืนจัดช่อดอกไม้ตกแต่งทางเดินโดยไม่รู้ตัวว่าปีศาจที่เคยเป็นคุณหนูที่เคารพยิ่งได้เดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าและหิวโหย
“อ๊ะ สวัสดีค่ะคุณหนู... กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
เหยื่อรายแรกของคุณหนูที่เคยเป็นดั่งนางฟ้าผู้แสนดีได้เกิดขึ้นแล้ว
มือบางปล่อยร่างไร้ชีวิตที่เหือดแห้งลง หยดเลือดหยดลงบนพื้นพรมชั้นดีสีน้ำตาล ร่างบางวิ่งออกไปทางป่าหลังคฤหาสถ์ด้วยความเร็วเหนือมนุษย์
การไล่ล่าได้เริ่มขึ้นแล้ว
“ฟาซัง!” ผมตะโกนเรียกฟาก่อนที่เธอจะเดินออกไปจากห้อง ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามไป
ท่านพ่อและท่านแม่แวบเข้ามากันประตูเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม ผมก้าวถอยหลังนิดๆและยกปืนขึ้นเล็งทั้งคู่
“ผมจะไปตามฟาซัง หลบไป ถ้าไม่อยากกินกระสุนเป็นของว่างยามดึก” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น ท่านพ่อและท่านแม่ดูจะไม่แยแสกับการขู่ของผมเลยแม้แต่นิดเดียว
“ตามไปก็เปล่าประโยชน์ไฟน์ ลูกน่าจะรู้แล้วนะว่าฟากำลังลงมือทำอะไร” ท่านพ่อเอ่ยขึ้นยิ้มๆแล้วหยิบของบางอย่างออกมาจากเสื้อคลุม ขวดแก้วใสบรรจุด้วยของเหลวสีแดงข้น โลหิตของมนุษย์
“อย่าเอามันมาหลอกล่อผม” มือที่ถือปืนของผมเริ่มสั่น ถึงตอนนี้ผมยังคุมสติเอาไว้ได้มากกว่าฟา แต่ใช่ว่าผมจะไม่อยากดื่มมัน บ้าเอ๊ย
“ไฟน์ลูกรัก นี่พ่อกับแม่ทำเพื่อลูกโดยเฉพาะเลยนะ เลือดสดๆของหญิงสาวบริสุทธิ์นี่ พวกเราหามาให้ลูกโดยเฉพาะ” ท่านแม่กล่าวยิ้มๆพลางรับขวดแก้วมาจากท่านพ่อแล้วรินของเหลวนั่นลงในแก้วไวน์ทรงสูงทั้งสามใบและยื่นมาให้ผม กลิ่นหอมหวานของโลหิตข้นแตะจมูกผมอย่างรุนแรง
“ผมไม่ต้องการมัน!” ผมปัดแก้วไวน์ที่ยื่นมาทางผมออกไป แก้วใสกระเด็นไปชนกับผนังห้องจนแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ของเหลวสีแดงกระจายไปทั่วเป็นรูปดอกไม้สีแดงสด
ในวินาทีนี้ ผมคิดว่าผมคิดผิดที่ปัดมันทิ้ง เพราะกลิ่นหอมหวานของของเหลวสีแดงน่าขยะแขยงได้ฟุ้งกระจายไปทั่วจนผมหมดความอดทนแล้ว
ผมคว้าขวดแก้วที่วางอยู่ขึ้นดื่มอย่างหิวโหย ท่านพ่อและท่านแม่แสยะยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
“ลูกรัก ลูกคือราชาแวมไพร์ที่พ่อและแม่วาดฝันไว้จริงๆ” ท่านแม่โอบกอดผมด้วยความยินดีก่อนจะดึงให้ผมนั่งลงบนโซฟายาวที่เดิมโดยมีท่านพ่อกับท่านแม่นั่งประกบสองข้าง
“ไม่มีใครสมบูรณ์แบบเกินไปกว่าลูกแล้ว ลูกคือคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด”
ใช่... ผมคือแวมไพร์ที่เก่งที่สุด ไม่มีใครเก่งไปกว่าผม
ทุกคนต้องอยู่ใต้อำนาจของผม เพราะผมคือราชา ผมคือราชาแวมไพร์!
‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด’
“ฟาซัง!”
เสียงกรีดร้องลั่นของฟาเหมือนกับเสียงของนางฟ้าที่ร่ำร้องด้วยความเจ็บปวด เสียงอันรวดร้าวบาดลึกลงบนหัวใจของผมเป็นการเตือนสติให้ปีศาจผู้หลงระเริงในอำนาจอย่างผมได้รู้สึกตัวกลับมา
ผมลุกขึ้นและกระโจนออกไปจากห้องทางหน้าต่าง รีบวิ่งไปทางที่สัมผัสได้ถึงเสียงกรีดร้องของนางฟ้าองค์นั้นทันที
“ฟาซัง..” ผมเรียกร่างบางที่ทรุดตัวอยู่หน้าร่างไร้ชีวิตที่เหือดแห้ง
ร่างบางที่เป็นดั่งนางฟ้าอันงดงามหันหน้าที่เปื้อนหยดน้ำตามาทางผม ผมคุกเข่าลงข้างๆฟาก่อนที่เธอจะโผเข้ากอดผมอย่างแรง
“ไฟน์คุง ไฟน์คุง ฮึกๆ พี่ฆ่าคนไปแล้ว ฮือๆ พี่ฆ่าคนไปแล้วจริงๆ ฮือๆ”
ร่างบางซบลงบนไหล่กว้างของผม น้ำตาของความสำนึกผิดของเธอไหลออกมาไม่ขาดสายจนสูทสีขาวเปื้อนเลือดชุ่มไปด้วยน้ำตา มือบางทั้งสองข้างกอดผมเอาไว้แน่น เล็บที่เปื้อนไปด้วยเลือดจิกลงบนแผ่นหลังของผมราวกับจะระบายความเจ็บปวดออกมาทั้งหมด ผมทำได้เพียงลูบหัวฟาเบาๆเพื่อให้จิตใจของเธอสงบลงช้าๆ
“ฟาซัง...” ผมเริ่มพูดขึ้นหลังจากเธอเริ่มสงบลงและนอนพิงอยู่ในอ้อมกอดแกร่งของผม
“มีอะไรเหรอไฟน์คุง” ฟาเงยหน้าขึ้นมามองผม ดวงตาสีแดงช้ำเพราะร้องไห้มานาน ผมก้มลงจูบหน้าผากนวลของฟาซัง
“ฟาซังไม่อยากเป็นราชินีแวมไพร์ใช่ไหม ไม่อยากเป็นผู้นำของเหล่าปีศาจพวกนี้ใช่ไหม หนีไปเถอะครับ หนีไป ผมจะอยู่ตรงนี้ อยู่ที่นี่ ไม่ให้ท่านพ่อท่านแม่ทำร้ายฟาซังได้ ไปให้ไกล อย่ากลับมาที่นี่อีก เชื่อผม ผมจะคอยช่วยเหลือฟาซังจากที่นี่เอง”
ฟาซังเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ผมลูบหัวเธอเบาๆเป็นการปลอบโยน
“แต่พี่...” ‘ ไม่อยากหลบหนีปัญหาไป แล้วทิ้งให้ไฟน์คุงต้องดิ้นรนอยู่ที่นี่คนเดียว’
“แม้ว่าฟาซังจะไม่พูด แต่ผมก็รู้อยู่ดี ไม่ต้องห่วงผมหรอก ผมเต็มใจทำเพื่อฟาซังเอง” ผมดึงฟาเข้ามากอดแน่นๆหนึ่งครั้ง จุมพิตลงบนหน้าผาก ก่อนจะปล่อยเธอออกไป
“บ้านพักตากอากาศเก่าๆตามชายแดนที่ท่านพ่อกับท่านแม่ทิ้งไปแล้วยังพอเป็นที่พักพิงได้ชั่วคราว มีอะไรก็บอกผมได้ ไปเถอะ พระอาทิตย์ใกล้จะขึ้นแล้ว” ผมผลักฟาที่นั่งนิ่งเบาๆ เธอลุกขึ้นช้าๆ ปัดเศษฝุ่นตามกระโปรงออก ผมลุกขึ้นมองร่างเล็กที่ดูโดดเดี่ยวและเศร้าโศกอย่างที่สุดแต่กลับมีจิตใจที่เข้มแข็งพอที่จะยืนขึ้นได้ด้วยตัวเอง
ฟาก้มหน้านิ่งๆ ผมกำลังก้าวเข้าไปปลอบโยนเธอ ในวินาทีนั้น เธอเงยหน้าขึ้นมาและส่งยิ้นที่อ่อนโยนที่สุดให้กับผม รอยยิ้มงดงามราวกับนางฟ้าที่โบยบินลงมาเพื่อผม ผมอึ้งค้างกับรอยยิ้มอันงดงามนั่น รอยยิ้มที่มอบให้ผมเพียงคนเดียว
“ไฟน์คุงนั่นแหละ ไม่ต้องห่วงพี่นะ พี่ดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว ยังไงพี่ก็มีไฟน์คุงดูแลอยู่ เรื่องแค่นี้ พี่ทำได้อยู่แล้ว” ฟาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริงและยิ้มอย่างน่ารักน่าเอ็นดู ท่าทางของเธอนั้นราวกับจะปัดเป่าความกังวลทั้งหมดทั้งสิ้นในใจของผมไปจนไม่เหลือ
ฟาค่อยๆก้าวถอยหลังห่างจากผมไปด้วยรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ เธอยิ้มเหมือนกับที่มอบให้ผมทุกๆวัน กิริยาท่าทางที่ฉาบด้วยความบริสุทธิ์นั่นเหมือนเดิมกับที่เธอแสดงให้ทุกคนเห็น แต่เสียงในจิตใจของเธอกลับกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเจียนสลาย
เสียงกรีดร้องในจิตใจของฟาแทงลึกลงไปในจิตใจของผม ฟาหมุนตัวหันหลังให้กลับผม ก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มอำลาเป็นครั้งสุดท้าย และร่างบางแสนบริสุทธิ์ก็ได้จากไป
เข่าของผมทรุดลง ณ ตรงนั้น ข้างๆมีศพที่ตกเป็นเหยื่อของฟานอนอยู่อย่างไร้ชีวิต ผมมองใบหน้าที่ซีดขาวของเหยื่อรายนั้นแล้วก็ต้องตกตะลึง
ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมฟาถึงได้เสียใจมากขนาดนี้ เธอรักและเอ็นดูเด็กสาว... เหยื่อของเธอ เด็กสาวที่ไร้ซึ่งโอกาส ในชีวิตคนนี้มาก
ฟามักจะเป็นผู้เติมเต็มชีวิตเด็กยากไร้ที่อาศัยอยู่ในป่าหลังคฤหาสน์อย่างเดียวดายคนนี้ ทำทุกอย่างเพื่อนให้ชีวิตของเด็กคนนี้ใกล้เคียงกับคำว่าปกติมากที่สุด เป็นเวลานานนับสิบปีโดยไม่ปริปากบ่น
เธอมักจะเฝ้ามองดูชีวิตของเด็กสาวที่เต็มไปด้วยความสุขอยู่ใกล้ๆราวกับเป็นผู้อุปถัมป์ดูแลตลอดมา แต่ในวันนี้ ฟากลับเป็นผู้จบชีวิตแสนสุขที่เธอเป็นคนสร้างขึ้นมาด้วยมือของเธอเอง...
เหอะ ความคิดไร้สาระพวกนี้ไม่สมควรหลงเหลือในหัวสมองของผม เก็บเอาไว้ก็ไร้ประโยชน์ เอาเนื้อที่สมองไปใช้กับเรื่องป้องกันฟาซังจากเจ้าแวมไพร์ชั่วสองตัวนั่นดีกว่า
...
ค่ำคืนมาเยือนดั่งเช่นทุกๆวัน แสงจันทร์สาดส่องลงมาในห้องพักสุดหรู ฉันยันตัวขึ้นมาจากเตียงใหญ่ ขยี้ตาสองสามครั้งก่อนจะลงจากเตียง เดินเข้าห้องน้ำไป
นี่ก็ผ่านมาราวๆสองปีแล้วสินะ ชีวิตของฉันพเนจรร่อนเร่ไปเรื่อย ไม่สามารถลงหลักปักฐานลง ณ ที่ไหนได้
นานวันเข้าฉันก็เริ่มปรับตัวเข้ากับชีวิตแบบนี้ได้ มีความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างได้เพียงผิวเผิน เพื่อไม่ทำให้พวกเขาเสียใจ รับรายชื่อบุคคลที่สมควรตาย อยากตาย ชื่นชอบความตาย มอบความตายให้ผู้อื่นในทางที่ผิด ไล่ล่าคนตามรายชื่อเป็นมื้อเย็นประจำวัน นอกจากนั้นก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งสิ้น ไฟน์คุงจะคอยหนุนหลังให้ฉันเสมอ
ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดเดรสยาวสีดำลายลูกไม้ ผมสีฟ้าอ่อนยาวระเอวถักทอด้วยด้ายสีดำเล็กๆ บนลำคอระหงประดับด้วยสร้อยไข่มุกสีดำเม็ดใหญ่
แสงสียามดึกของเมืองที่ได้ชื่อว่าเมืองเศรษฐกิจมืดที่ใหญ่แห่งหนึ่งสาดส่องผ่านกระจกบานใหญ่ที่เป็นกำแพงของห้องพักที่มีวิวสวยที่สุดในโรงแรมแห่งนี้
ฉันรินของเหลวสีแดงจากขวดแก้วทรงสูงใส่ลงในแก้วไวน์ช้าๆ ก่อนจะยกขึ้นจิบทีล่ะนิดแล้วเดินไปยืนริมกระจก เฝ้ามองผู้คนเดินควักไคว่ไปมาบนถนนสีทองอันฟุ่มเฟ้อ
นาฬิกาชีวิตของมนุษย์เป็นอะไรที่งดงามอย่างสมบูรณ์แบบมาก ฉันมักจะเฝ้ามองพวกเรา ตั้งแต่ตอนยังเป็นมนุษย์แล้วล่ะ ตอนแรกฉันก็เสียดายที่ไม่สามารถอยู่เฝ้ามองพวกเขาได้จนเมื่อเข็มวินาทีหยุดเดิน แต่ในตอนนี้ ฉันคงอยู่มองได้จนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน...
และในวันนี้ ฉันมาที่นี่เพื่อทำลายนาฬิกาชีวิตของมนุษย์อีกคนหนึ่ง
...
ฉันปัดรอยเปื้อนบนถุงมือลูกไม้สีดำออกเบาๆ กระชับเสื้อคลุมเข้าแล้วเดินออกจากตรอกมืดสู่ถนนสีทองเส้นเดิม
พร้อมกับขวดแก้วทรงสูงบรรจุของเหลวสีแดง
•°•.° ~ ~ °.•°•
เสียงเรียกเข้าจากไอโฟนของฉันดังขึ้น ซึ่งไม่ใช่สิ่งผิดปกติเลยในถนนแห่งนี้ คนที่เดินไปเรื่อยเปื่อยโดยไม่เร่งร้อนอะไรอย่างฉันต่างหากที่แปลกประหลาด
“ฮัลโหลไฟน์คุง” ฉันกรอกเสียงหวานลงไปเมื่อรับสาย ฉันเชื่อว่าในตอนนี้อีกฝ่ายคงโล่งใจลงอีกเปราะหนึ่งเมื่อพบว่าฉันยังสบายดี
“เสร็จไปอีกหนึ่งรายแล้วสินะครับ” เสียงทุ้มจากฝ่ายตรงข้ามตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงล้อเล่นเล็กน้อย
“แน่นอนอยู่แล้ว นี่โทรมาหาพี่มีอะไรเหรอ จะสั่งงานให้พี่อีกใช่ไหม”
“เปล่านะครับพี่อยากอยู่ที่นั่นต่อไหม?”
“ก็.. ถ้าถามว่าให้พี่อยู่ต่อไปที่นี่ได้ไหม ก็ได้จ๊ะ ถ้าถามว่าจะให้พี่อยู่ที่อื่นได้ไหม ก็ดีจ๊ะ”
“ผมจะโทรมาถามพี่ว่า มีที่ที่ผมคิดว่าพี่คงอยู่ที่นั่นได้นานหน่อย พี่อยากลองไปอยู่ที่นั่นไหม”
“อืม... ตอบยากนะจ๊ะ ที่ไหนล่ะ”
“ เมืองแอนเดรียสครับ”
ฉันระบายรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะกรอกเสียงหวานกลับลงไปอีกครั้ง
“ไว้เจอกันที่นั่นจ๊ะ น้องชายที่รักของพี่”
และการเดินทางของฉันก็เริ่มดำเนินต่ออีกครั้ง
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------Talk with Casberry
อยากจะบอกว่า เขียนเองแอบน้ำตาไหลเอง Y Y มันไม่ซึ้งอะไรหรอกนะ แค่กวิ้นรักมากเฉยๆ ไม่ต้องห่วงฉัน ฉันไม่เป็นไร ฮึก! *ตามบทนางเอกละคร* 555
ความคิดเห็น