ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เสียงที่ 1
แก๊งๆๆๆแก๊งๆๆๆเป็นสัญญาณบอกว่ารถไฟจะมา ที่กั้นรถไฟค่อยๆโน้มลงมากั้น
ทางเดิน หลังจากนั้นไม่นานเสียงเครื่องจักรขนาดใหญ่จึงค่อยๆดังตามมาจากที่ไกลๆ
ทันทีที่รถไฟผ่านมาทำให้เกิดกระแสลมดูดเล็กๆขึ้น ดูดเอาเศษกระดาษหรือเศษผง
แถวรางรถไฟติดเข้าไปกับล้อขนาดใหญ่ของมัน แต่เด็กชายคนหนึ่งคิดว่ามันเย็นดี
เขายืนใกล้ที่กั้นรถไฟจนสามารถรู้สึกได้ถึงกระแสลมที่เกิดขึ้นจากความเร็วของรถไฟ
แต่ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเขายังชอบยืนอ่านหนังสือเวลาที่รอรถไฟให้ผ่านไปด้วย
เด็กชายจะเงี่ยหูฟังเอา ทันทีที่เสียง แก๊งๆๆๆหยุดแสดงว่ารถไฟผ่านไปแล้วเขาจะออกเดินข้ามทางรถไฟทันที ทั้งๆที่ยังอ่านหนังสืออยู่คาตาแบบนั้น จนเขาทำติดเป็นนิสัย
จนกระทั้งเย็นวันหนึ่ง.....................
พระอาทิตย์ทอแสงสีแดงระเรื่อทาทาบไปทั่วบริเวณไม่เว้นแม้แต่ท้องฟ้า
ทำให้ท้องฟ้าและก้อนเมฆบริเวณนั้นกลายเป็นสีแดงไปด้วย
มันเป็นเวลาเย็นแล้วเด็กชายเพิ่งเลิกเรียน
เขากำลังเดินทางกลับบ้านมาตามทางเดินที่คุ้นเคยเรื่อยๆ จนมาถึงทางรถไฟ
ทันใดนั้นเอง แก๊งๆๆๆ แก๊งๆๆๆเสียงสัญญาณบอกว่ารถไฟจะมาได้ดังขึ้น
ที่กั้นรางรถไฟค่อยๆโน้มลงมาปิดทางเดินเอาไว้
“แย่จริงเย็นแล้วเดี๋ยวแม่ต้องเป็นห่วงแน่เลย”เขารำพึงคนเดียวเบาๆ
แต่ถึงบอกยั้งงั้นก็ช่วยไม่ได้เพราะที่กั้นปิดลงมาสนิทแล้ว ไฟสัญญาณที่ติดตั้งไว้ส่องแสงสีแดงแจ๋นั่นหมายความว่าห้ามข้ามเด็ดขาด แต่ในเมื่อยืนรอเฉยๆก็เปล่าประโยชน์
เด็กชายจึงหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน แต่ทว่ายังไม่ทันอ่านจบหน้า สายตาก็เหลือบไปเห็นคนๆหนึ่งเข้ามายืนรอข้ามทางรถไฟอยู่ข้างๆเขา
เด็กชายมองไม่เห็นหน้าของเขาหรอก
เพราะส่วนสูงนั้นต่างกันมาก แต่ที่เขาเห็นก็คือผู้ชายคนนั้นสวมชุดสีดำทั้งชุดไม่เว้นแม้แต่ถุงมือ
เด็กชายหันกลับมาสนใจหนังสือของเขาต่อ แต่ทันใดนั้นแก๊งๆๆ แก๊งๆๆๆๆ
เสียงสัญญาณดังขึ้นอีกครั้งที่กั้นค่อยๆยกขึ้น ผู้ชายชุดดำเดินข้ามออกไปทันที
“อ้าวรถไฟไปแล้วเหรอ?”เขาคิดในใจเพราะยังไม่ได้ยินเสียง หวูดหรือเสียงล้อเลย
เขามองซ้ายมองขวาไปที่รางรถไฟก่อนจะข้าม แปลกไม่มีทีท่าว่ารถไฟจะผ่านมาเลย
แม้แต่ขบวนเดียว แล้วที่กั้นกั้นลงมาทำไม? คงจะเสียละมั้ง เขามองออกไปข้างหน้า
ชายชุดดำข้ามทางรถไฟไปเกือบจะสุดแล้ว เด็กชายจึงเริ่มออกเดิน
ทันทีที่เท้าแตะรางรถไฟ แก๊งๆๆๆแก๊งๆๆๆ เสียงที่กั้นดังขึ้นอีกครั้งแล้วค่อยๆโน้มปิดลง
ไฟสัญญาณส่องแสงสีแดงฉาน
“เฮ้ย”เด็กชายอุทาน ชึกชัก ชึกชัก ชึกชัก เสียงรถไฟดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เด็กชายหันไปมอง หัวรถจักรอยู่ห่างตัวของเขาไปไม่ถึงเมตร
ตาของเขาเบิกกว้างด้วยความกลัว ขาแข็งจนเหมือนมีอะไรมายึดไว้
เขาไม่มีโอกาสที่จะกรีดร้องด้วยซ้ำไป “โพ๊ละ” ชึกชัก ชึกชัก ชึกชัก.........
กว่าคนขับจะรู้ตัวร่างกายของเด็กชายได้ถูกลากติดไปกับล้อรถไฟไปหลายเมตร
ทำให้เลือดของเขาทาทาบไปตามรางรถไฟไปเป็นทางยาวจนกลายเป็นเส้นตรงสีแดงฉานขนานไปกับรางรถไฟ......................
ดวงจันทร์กลมโตสีขาวนวลทอแสงสว่างมัวๆในคืนเดือนมืด ชายหนุ่มกำลังหยุดรอที่จะข้ามทางรถไฟ
เพราะเสียงสัญญาณเตือนว่ารถไฟจะมาได้ดังขึ้นก่อนจึงต้องหยุดรอ
ขณะที่รออยู่นั่นเองอยู่ๆก็มีเด็กคนหนึ่งเข้ามายืนรอที่จะข้ามทางรถไฟอยู่ข้างๆเขา
เท่าที่ดูจากรูปร่างแล้วน่าจะเป็นเด็กประถม ชายหนุ่มก้มมองนาฬิกาข้อมือ เป็นเวลา 5 ทุ่ม
เด็กที่ไหนกันนะออกมาจากบ้านดึกๆอย่างนี้แต่ทว่าก่อนที่เขาจะทันได้คิดอะไรต่อไป
แก๊งๆๆแก๊งๆๆๆเสียงสัญญาณดังขึ้นอีกครั้งที่กั้นค่อยๆยกขึ้นไฟสัญญาณสีแดงดับไปแล้ว เด็กชายก้าวเดินออกไปทันที
“อ้าวเอ๋รถไฟไปแล้วเหรอ?”ชายหนุ่มคิดในใจแล้วออกเดินตามเด็กชายไปทันที
แก๊งๆๆแก๊งๆๆๆเสียงที่กั้นรถไฟดังขึ้นอีกครั้ง ชึกชัก ชึกชัก ชึกชัก ชึกชัก
โพ๊ละ..........
แก๊งๆๆๆแก๊งๆๆแก๊งๆๆๆเสียงที่กั้นรถไฟยังคงดังก้องกังวาลไปเรื่อยๆ
ยังคงดังไปเรื่อยๆในคืนที่เงียบงัน.....................................................
ทางเดิน หลังจากนั้นไม่นานเสียงเครื่องจักรขนาดใหญ่จึงค่อยๆดังตามมาจากที่ไกลๆ
ทันทีที่รถไฟผ่านมาทำให้เกิดกระแสลมดูดเล็กๆขึ้น ดูดเอาเศษกระดาษหรือเศษผง
แถวรางรถไฟติดเข้าไปกับล้อขนาดใหญ่ของมัน แต่เด็กชายคนหนึ่งคิดว่ามันเย็นดี
เขายืนใกล้ที่กั้นรถไฟจนสามารถรู้สึกได้ถึงกระแสลมที่เกิดขึ้นจากความเร็วของรถไฟ
แต่ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเขายังชอบยืนอ่านหนังสือเวลาที่รอรถไฟให้ผ่านไปด้วย
เด็กชายจะเงี่ยหูฟังเอา ทันทีที่เสียง แก๊งๆๆๆหยุดแสดงว่ารถไฟผ่านไปแล้วเขาจะออกเดินข้ามทางรถไฟทันที ทั้งๆที่ยังอ่านหนังสืออยู่คาตาแบบนั้น จนเขาทำติดเป็นนิสัย
จนกระทั้งเย็นวันหนึ่ง.....................
พระอาทิตย์ทอแสงสีแดงระเรื่อทาทาบไปทั่วบริเวณไม่เว้นแม้แต่ท้องฟ้า
ทำให้ท้องฟ้าและก้อนเมฆบริเวณนั้นกลายเป็นสีแดงไปด้วย
มันเป็นเวลาเย็นแล้วเด็กชายเพิ่งเลิกเรียน
เขากำลังเดินทางกลับบ้านมาตามทางเดินที่คุ้นเคยเรื่อยๆ จนมาถึงทางรถไฟ
ทันใดนั้นเอง แก๊งๆๆๆ แก๊งๆๆๆเสียงสัญญาณบอกว่ารถไฟจะมาได้ดังขึ้น
ที่กั้นรางรถไฟค่อยๆโน้มลงมาปิดทางเดินเอาไว้
“แย่จริงเย็นแล้วเดี๋ยวแม่ต้องเป็นห่วงแน่เลย”เขารำพึงคนเดียวเบาๆ
แต่ถึงบอกยั้งงั้นก็ช่วยไม่ได้เพราะที่กั้นปิดลงมาสนิทแล้ว ไฟสัญญาณที่ติดตั้งไว้ส่องแสงสีแดงแจ๋นั่นหมายความว่าห้ามข้ามเด็ดขาด แต่ในเมื่อยืนรอเฉยๆก็เปล่าประโยชน์
เด็กชายจึงหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน แต่ทว่ายังไม่ทันอ่านจบหน้า สายตาก็เหลือบไปเห็นคนๆหนึ่งเข้ามายืนรอข้ามทางรถไฟอยู่ข้างๆเขา
เด็กชายมองไม่เห็นหน้าของเขาหรอก
เพราะส่วนสูงนั้นต่างกันมาก แต่ที่เขาเห็นก็คือผู้ชายคนนั้นสวมชุดสีดำทั้งชุดไม่เว้นแม้แต่ถุงมือ
เด็กชายหันกลับมาสนใจหนังสือของเขาต่อ แต่ทันใดนั้นแก๊งๆๆ แก๊งๆๆๆๆ
เสียงสัญญาณดังขึ้นอีกครั้งที่กั้นค่อยๆยกขึ้น ผู้ชายชุดดำเดินข้ามออกไปทันที
“อ้าวรถไฟไปแล้วเหรอ?”เขาคิดในใจเพราะยังไม่ได้ยินเสียง หวูดหรือเสียงล้อเลย
เขามองซ้ายมองขวาไปที่รางรถไฟก่อนจะข้าม แปลกไม่มีทีท่าว่ารถไฟจะผ่านมาเลย
แม้แต่ขบวนเดียว แล้วที่กั้นกั้นลงมาทำไม? คงจะเสียละมั้ง เขามองออกไปข้างหน้า
ชายชุดดำข้ามทางรถไฟไปเกือบจะสุดแล้ว เด็กชายจึงเริ่มออกเดิน
ทันทีที่เท้าแตะรางรถไฟ แก๊งๆๆๆแก๊งๆๆๆ เสียงที่กั้นดังขึ้นอีกครั้งแล้วค่อยๆโน้มปิดลง
ไฟสัญญาณส่องแสงสีแดงฉาน
“เฮ้ย”เด็กชายอุทาน ชึกชัก ชึกชัก ชึกชัก เสียงรถไฟดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เด็กชายหันไปมอง หัวรถจักรอยู่ห่างตัวของเขาไปไม่ถึงเมตร
ตาของเขาเบิกกว้างด้วยความกลัว ขาแข็งจนเหมือนมีอะไรมายึดไว้
เขาไม่มีโอกาสที่จะกรีดร้องด้วยซ้ำไป “โพ๊ละ” ชึกชัก ชึกชัก ชึกชัก.........
กว่าคนขับจะรู้ตัวร่างกายของเด็กชายได้ถูกลากติดไปกับล้อรถไฟไปหลายเมตร
ทำให้เลือดของเขาทาทาบไปตามรางรถไฟไปเป็นทางยาวจนกลายเป็นเส้นตรงสีแดงฉานขนานไปกับรางรถไฟ......................
ดวงจันทร์กลมโตสีขาวนวลทอแสงสว่างมัวๆในคืนเดือนมืด ชายหนุ่มกำลังหยุดรอที่จะข้ามทางรถไฟ
เพราะเสียงสัญญาณเตือนว่ารถไฟจะมาได้ดังขึ้นก่อนจึงต้องหยุดรอ
ขณะที่รออยู่นั่นเองอยู่ๆก็มีเด็กคนหนึ่งเข้ามายืนรอที่จะข้ามทางรถไฟอยู่ข้างๆเขา
เท่าที่ดูจากรูปร่างแล้วน่าจะเป็นเด็กประถม ชายหนุ่มก้มมองนาฬิกาข้อมือ เป็นเวลา 5 ทุ่ม
เด็กที่ไหนกันนะออกมาจากบ้านดึกๆอย่างนี้แต่ทว่าก่อนที่เขาจะทันได้คิดอะไรต่อไป
แก๊งๆๆแก๊งๆๆๆเสียงสัญญาณดังขึ้นอีกครั้งที่กั้นค่อยๆยกขึ้นไฟสัญญาณสีแดงดับไปแล้ว เด็กชายก้าวเดินออกไปทันที
“อ้าวเอ๋รถไฟไปแล้วเหรอ?”ชายหนุ่มคิดในใจแล้วออกเดินตามเด็กชายไปทันที
แก๊งๆๆแก๊งๆๆๆเสียงที่กั้นรถไฟดังขึ้นอีกครั้ง ชึกชัก ชึกชัก ชึกชัก ชึกชัก
โพ๊ละ..........
แก๊งๆๆๆแก๊งๆๆแก๊งๆๆๆเสียงที่กั้นรถไฟยังคงดังก้องกังวาลไปเรื่อยๆ
ยังคงดังไปเรื่อยๆในคืนที่เงียบงัน.....................................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น