สื่อรักสื่ออีเมล์ ตอนที่ 1
รัก ๆ ใคร่ ๆ
ผู้เข้าชมรวม
199
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เสียงไก่ขันคือสัญญาณอันบ่งบอกว่ายามรุ่งอรุณได้หวนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำโดยไม่เคยขาดหายไปเลยนั่นคือเสียงปลุกของหญิงสาวในบ้านเช่า เธอมักจะเดินมาเคาะประตูห้องของชายหนุ่มให้ตื่นนอนเพื่อจะได้ออกจากบ้านไปทำงานพร้อมกัน
ภิรมย์และลัดดาเช่าบ้านซึ่งอยู่ห่างจากบริษัทเพียงสองป้ายรถประจำทางตั้งแต่เริ่มทำงาน บ้านเช่าแห่งนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ชายหรือผู้หญิง ดังนั้นลัดดาจึงมาเช่าอยู่ด้วยซึ่งห้องอยู่ไม่ห่างกันมาก
นี่! รมย์ ตื่นได้แล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน เดี๋ยวไปทำงานสาย เสียงเคาะประตูห้องดังอึกทึก
ประตูถูกเปิดอ้าออก เขาเดินออกมาจากห้องโดยที่ยังงัวเงีย ปัดโธ่! ลัด..เอะอะโวยวายแต่เช้าเชียว
รมย์...ดูเวลาสิ นี่เจ็ดโมงเช้าแล้วนะเดี๋ยวไปทำงานสาย เธอยื่นแขนซ้ายซึ่งมีนาฬิกาข้อมือให้ชายหนุ่มเบิ่งตาดู
โอ๊ย ! บริษัทอยู่ใกล้แค่นี้เอง สองป้ายรถเมล์ก็ถึงแล้ว ตื่นเจ็ดโมงครึ่งยังทันเลย เขาเริ่มหัวเสีย
ไม่ได้ เดี๋ยวก็ติดนิสัยตื่นสาย เสียสุขภาพด้วย ไป ไปล้างหน้าและอาบน้ำ
ก็ได้ ก็ได้ ลัดนี่จุกจิกเสียจริง ภิรมย์เดินกลับเข้าห้อง
เมื่อน้ำเย็นกระทบผิวกายมีอันทำให้เขาตื่นจากภวังค์ เป็นช่วงปลายปีที่มีลมหนาวแวะมาเยี่ยมเยียนอีกวาระ น้ำอันเย็นเยือกจึงกำซาบเข้าไปในทรวง
ทั้งสองคนออกจากบ้านพักพร้อมกันโดยมายืนรอรถที่ป้ายรถประจำทางตรงข้ามบ้านพัก หากมีเวลาเหลือพอทั้งสองคนอาจซื้อปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้ติดไม้ติดมือไปด้วย
เสียงอันดังชวนน่ารำคาญจากรถประจำทางคันสีแดงเก่าคร่ำพร้อมกับควันดำฟุ้งกำจายแล่นจอดเลียบริมบาทวิถีแต่เมื่อผู้ใช้บริการขึ้นรถไปแล้วก็กลับเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้า อันที่จริงภิรมย์นั้นไม่ชอบการนั่งรถประจำทางประเภทที่ชาวบ้านเรียกกันว่า หวานเย็น แบบนี้ เขาชอบที่จะนั่งรถตู้ซึ่งแล่นมาจากปากซอยมากกว่าแต่โดยมากรถตู้ก็มักไม่จอดริมทางเพราะรับผู้โดยสารมาเต็มคันรถตั้งแต่ปากซอยแล้ว
บริษัทเริ่มงานเวลาแปดโมงเช้าหากเขาไม่ได้ออกจากบ้านพร้อมกับลัดดาก็มักมาทันแบบเส้นยาแดงผ่าแปด บางครั้งก็มาไม่ทันตอกบัตรบันทึกเวลา
งานของภิรมย์เป็นงานที่เกี่ยวกับการเคลียร์เอกสารจำพวกใบเสร็จรับเงิน ใบแจ้งหนี้ และเงินสด ดังนั้นการใช้อีเมล์สื่อสารกับแผนกจัดส่งสินค้า ฝ่ายการตลาดจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพราะหากเอกสารไม่เรียบร้อยหน้าที่ของเขาคือการแจ้งข้อผิดพลาดทางอีเมล์ถึงคู่กรณีและให้ผู้บังคับบัญชาของตัวเองและของอีกฝ่ายรับรู้ เขาจึงเป็นที่โปรดปรานของเจ้านายตัวเองแต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นที่รังเกียจของพนักงานที่ถูกพาดพิงถึง
ภิรมย์จำได้ดีว่าเขาเคยมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่แผนกจัดส่งสินค้าคนหนึ่งโดยเหตุเกิดจาก มีบิลเงินสดฉบับหนึ่งที่มีลายมือชื่อผู้รับเงินแล้วแต่เงินสดไม่ได้ติดตามมาด้วย เขาเกรงว่าหากไม่แจ้งทางอีเมล์ เขาอาจต้องรับผิดชอบเงินจำนวนดังกล่าวจึงได้แจ้งผ่านอีเมล์ไปยังทุกคนที่เกี่ยวข้อง
หลังจากที่เขาส่งอีเมล์ออกไป คุณวิภาวีซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาแจ้งอีเมล์ต่อว่าเจ้าหน้าที่แผนกจัดส่งสินค้าด้วยคำพูดรุนแรงพอสมควร เมื่อเขาอ่านอีเมล์จึงได้แต่ถอนใจเป็นเพราะระบบการทำงานที่ถูกวางเอาไว้แท้ ๆ
หลังจากที่มีการโต้ตอบทางอีเมล์เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่โต๊ะและแสดงเลขหมายของผู้โทรเข้ามา เขายกหูโทรศัพท์โดยไม่เต็มใจนัก
สวัสดีครับ ภิรมย์พูดครับ
&nbs; คุณภิรมย์เหรอครับ ทำไมแค่นี้คุณถึงต้องแจ้งเมล์บอกทั่วบ้านทั่วเมืองแบบนี้ เสียงแฝงไปด้วยความขึ้งโกรธ
อ๋อ...เรื่องนั้นหรือครับ คือผมต้องทำตามหน้าที่นะครับ
แต่คุณทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ คุณรู้ไหมว่าแผนกของผมวุ่นวายเพียงใด แค่ลืมซองเงินไปให้ คุณแค่แจ้งผมทางโทรศัพท์ก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องประจานให้ทุกคนรู้
แต่ถ้าผมไม่แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรมันก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าผมไม่ได้รับเงินจริง ผมก็เดือดร้อนสิครับ
ผมไม่อยากฟังคุณพูด ผมรู้ว่าคุณทำงานเอาหน้า เอาความดีความชอบ ต่อไปนี้คุณกับผมก็ไม่ต้องคุยกัน
ภิรมย์ได้ยินเสียงกระแทกหูโทรศัพท์ดังโครม เขาสะดุ้งโหยง
วันสุดสัปดาห์ เขามักเดินเตร่ตามศูนย์การค้า ดูหนังบ้างหรือไม่ก็เข้าร้านหนังสือตามประสาหนุ่มโสด แต่วันนี้ดูเหมือนมีบางสิ่งดลใจให้เขาไม่อยากออกไปไหน ภายในห้องอันไม่กว้างขวางนักมีเพียงโต๊ะทำงาน วิทยุเทป และโทรทัศน์สีขนาดสิบสี่นิ้ว เขาเหยียดกายเอกเขนกอ่านหนังสือ
เสียงผู้หญิงสองคนสนทนากันเล็ดลอดผ่านเข้ามาในห้อง เขาจึงละความสนใจกับหนังสือที่อ่านอยู่และผุดกายขึ้นจากพื้นห้องเดินไปเปิดหน้าต่างชะโงกมอง เขาเห็นลัดดายืนคุยกับหญิงสาวคนหนึ่ง จากระยะที่เขายืนอยู่ก็พอมองออกว่าเป็นหญิงสาวสวย ชายหนุ่มเกิดความสนใจจึงรุดลงไปข้างล่าง
ภาพเบื้องหน้าเป็นหญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาและลัดดา เธอผู้นั้นมีผิวขาวผุดผ่องผมยาวเลยบ่าเล็กน้อย ลักษณะใบหน้าดูคมขำไร้ไฝฝ้า นัยน์ตาดำขลับแลดูหวานซึ้ง ที่แก้มมีลักยิ้ม ดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว
อ้าว...รมย์มาพอดี ลัดดาหันไปเห็นเขาเดินมาพอดี
นี่เพื่อนลัดเหรอ
แม่ลัดมั้ง ถามแปลก ๆ จากนั้นลัดดาหันหน้าไปหาเพื่อนของเธอ เร...นี่ภิรมย์นะเป็นเพื่อนร่วมบ้านเช่าและเป็นเพื่อนร่วมงานของลัด
สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อเรณู ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
เช่นกันครับ ชายหนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่มฉายแววว่าอยากตีสนิทให้มากกว่านี้
แววตาอันเย้ายวนใจกอปรกับรอยยิ้มที่แสนละมุนละไมของเรณูทำให้ภิรมย์ตกอยู่ในภวังค์
เดี๋ยวลัดจะพาเรไปซื้อของที่ศูนย์การค้าหน่อยน่ะ รมย์จะไปไหม ลัดดาพูดเสียงเรียบ
ไปซิจ๊ะ ไป ไป ลัดดาทำหน้าเซ็งทันที ที่จริงเธอไม่อยากให้ชายหนุ่มไปด้วย แต่พูดชักชวนตามมารยาทเท่านั้นเอง ขณะที่ชายหนุ่มไม่ทันได้สังเกตอากัปกิริยาของหญิงสาว
ก็ดีนะ...จะได้ไปช่วยกันขนของ เรณูเห็นดีด้วย
ลัดดาและภิรมย์เดินตามเรณูออกนอกอาณาบริเวณบ้านเช่า รถเก๋งจอดนิ่งติดทางเท้า
เรซื้อรถใหม่เหรอ ดูใหม่จัง ลัดดาถาม
อื้อ....ราคาจริงเจ็ดแสนกว่า แต่เรวางเงินดาวน์ไปก่อนหนึ่งแสนเจ็ดที่เหลือผ่อนสี่สิบแปดเดือน
แหม! อันที่จริงเรจะซื้อสดยังได้เลยนะ ซื้อผ่อนทำไมให้เสียดอกเบี้ย ลัดดาออกความเห็น
โถ! ลัด เดี๋ยวนี้ไม่มีใครซื้อรถด้วยเงินสดก้อนใหญ่หรอกจ๊ะ เขายอมผ่อนส่งและเสียดอกเบี้ยเพื่อเก็บเงินก้อนไว้หมุนอย่างอื่นดีกว่า
ชายหนุ่มนั่งฟังการสนทนาของหญิงสาวทั้งสองอยู่เก้าอี้เบาะข้างหลังตลอดทางโดยไม่พูดอะไร เขาเหม่อมองดูทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปตามการเคลื่อนไหวของรถ
เขาเดินตามสองสาวไปทุกหนทุกแห่งและช่วยขนเสื้อผ้า เครื่องประดับและของฟุ่มเฟือยต่าง ๆ ที่หญิงสาวทั้งสองซื้อกันอย่างสนุกสนานปานว่าไม่รู้สึกเสียดายเงินที่จ่ายไป เก้าอี้เบาะหลังจึงดาษดาไปด้วยข้าวของต่าง ๆ ที่อุตส่าห์ใช้เงินถลุงอย่างไม่บันยะบันยัง ชายหนุ่มเข้าใจว่าเรณูคงเป็นเศรษฐีนีอย่างแม่นมั่น
เรณูมีน้ำใจขับรถมาส่งคนทั้งสองถึงที่พัก ก่อนเข้าที่พัก ภิรมย์ยังคงชายตามองเรณูด้วยความหลงใหลเคลิบเคลิ้ม
เรไปล่ะนะ ในไม่ช้ากระจกรถด้านคนขับก็ค่อย ๆ เลื่อนขึ้น
โชคดีจ๊ะ ขับรถดี ๆ นะ ลัดดาโบกมืออำลา
ชายหนุ่มรอให้เรณูขับรถพ้นจากจุดที่ยืนอยู่จากนั้นเขาสะกิดที่ไหล่ของหญิงสาว
ลัด ลัด....
อะไร... เธอทำเสียงแบบมะนาวไม่มีน้ำ
ผมอยากจะขอเบอร์โทรศัพท์เรณูได้ไหม
อะไรนะ...รมย์จะเอาไปทำไม เรคงไม่อยากคุยกับรมย์หรอก
เฮ้อ! ของแบบนี้ไม่ลองก็ไม่รู้หรอก
รมย์สนใจเรหรือ หญิงสาวตีหน้าเรียบเฉย
อื้อ...ก็เธอน่ารักนี่นา เขาทำหน้าทะเล้น
ลัดดาหุนหันเดินเข้าบ้านไปโดยไม่หันมามองชายหนุ่มอีก อ้าว! จะรีบไปไหน ชายหนุ่มเกาศีรษะด้วยความไม่เข้าใจ
ช่วงหัวค่ำขณะชายหนุ่มนั่งชมรายการทางโทรทัศน์ เสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาคาดเดาว่าต้องเป็นลัดดา เมื่อเขาเดินไปเปิดประตูก็แลเห็นเธอจริง ๆ เธอยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้แก่เขา
ลัดให้อีเมล์ของเรแทนก็ล้วกัน แล้วก็ไปติดต่อกันเองนะ แต่เรจะสนใจหรือไม่เป็นอีกเรื่อง ชายหนุ่มมองเห็นชื่ออีเมล์ bluefairy@hotmail.com เขารับกระดาษจดอีเมล์ไปอย่างไม่ค่อยพอใจ
ไม่มีเบอร์โทร.จริง ๆ เหรอ
ลัดดาทำสีหน้าไม่พอใจ จะเอาหรือไม่เอา อีเมล์น่ะ
เอ้า! ก็ได้ ชายหนุ่มทำหน้าเซ็ง ๆ
ดวงหน้าของหญิงในดวงใจผุดขึ้น ยอดเยาวมาลย์นางนี้แหละคือคนที่เขาใฝ่หามานาน นับเป็นโชคดีเหลือเกินที่ช่วงเช้าวันนี้ไม่ได้ออกจากบ้าน หรือนี่คือพรหมลิขิตชี้นำให้เขามาพบเธอ เขาคลี่กระดาษที่มีชื่ออีเมล์ ดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนขึ้นใจ
ดูเหมือนว่ารักแรกพบครานี้จะทำให้เขามีความมุ่งมั่นกับงานในตอนเช้า เมื่อไรน้าจะถึงช่วงพักเที่ยงเสียที เขาจะได้รีบส่งอีเมล์หาเธอ
พลังแห่งความรักไม่เข้าใครออกใคร หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน เขารุดกลับมาที่โต๊ะทำงานเพื่อเปิดอีเมล์ทันทีโดยขอเป็นฝ่ายเริ่มมีปฏิพัทธ์กับเธอก่อน
pirommah@supsin.co.th . bluefairy@hotmail.com
สวัสดีครับคุณเรณู
ชื่ออีเมล์ของคุณช่างไพเราะเสียจริง ผมคือภิรมย์คนที่ช่วยคุณกับลัดดาถือของวันนั้นไงครับ ผมอยากรู้จักคุณเป็นการส่วนตัว คุณเป็นคนที่ผมประทับใจมากนับตั้งแต่แรกเห็น ผมอยากรู้จักคุณมากกว่านี้ โปรดรับผมไว้พิจารณาเป็นเพื่อนคุณอีกสักคนนะครับ
หวังว่าเราคงมีโอกาสได้พบกันอีก
ภิรมย์ pirommah@supsin.co.th
เขายิ้มกริ่มอยู่ในใจพลางส่งอีเมล์ฉบับนั้น แต่ก็ตระหนักดีว่าอีเมล์ที่พิมพ์ส่งไปนั้นดูจะใช้คำพูดที่เชยอยู่บ้าง
วจีอมตะที่ว่าที่ใดมีรักที่นั่นย่อมต้องเกิดทุกข์ ทุกข์ที่เกิดจากความต้องการครอบครองสิ่งที่ตนเองปรารถนา จิตใจชายหนุ่มเฝ้าจดจ่อรอการตอบอีเมล์ ทำงานไปก็มักจะเปลี่ยนหน้าจอไปดูอีเมล์ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีการตอบกลับมา เขากระสับกระส่ายอยู่ไม่เป็นสุข
นาฬิกาบนฝาผนังบอกเวลาห้าโมงตรง ลัดดามาขอกลับบ้านพร้อมกับภิรมย์แต่เขาก็ไม่ยินดียินร้าย ทั้งคู่เดินออกจากบริษัทพร้อมกัน สีหน้าและแววตาของเขาดูกระวนกระวายจนหญิงสาวก็ลอบสังเกตเห็น
ขณะยืนรอรถที่ป้าย เธอก็ถามเขาเสียงเรียบ เป็นไง ได้ส่งอีเมล์ถึงเรหรือเปล่า
อื้อ...แต่ไม่เห็นเธอจะตอบกลับมาเลย
เหรอ...เรอาจมีงานยุ่งหรือไม่ก็อีเมล์ยังไม่ถึงก็ได้
ปกติเธอเป็นคนยังไง เอาแต่ใจหรือเปล่า
ลัดไม่อยากนินทาเพื่อน รมย์ต้องลองศึกษานิสัยของเรเอง
แหม! แค่นี้ก็บอกไม่ได้ เขาทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
แล้วรมย์จะไม่ใช้ความพยายามเองเหรอ ทำไมจะต้องรอขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ลัดดาเริ่มชักสีหน้า
ถามแค่นี้ต้องโกรธด้วยหรือ
ไม่ได้โกรธ ถ้ารมย์อยากรู้จักเรให้มากกว่านี้ก็ต้องทำความรู้จักเอง
ค่ำคืนนั้นลมพัดโกรกพาให้ต้นกระถินณรงค์หน้าบ้านพักเอนไหวพร้อมกับเสียงใบไม้เสียดสีแหวกอยู่ในอากาศ ชายหนุ่มอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องด้วยเพราะหวนคะนึงถึงหญิงสาวอันเป็นที่รัก แม้เพียงแค่การพบกันครั้งเดียวจิตใจของชายหนุ่มก็เร่าร้อนนึกอยากกอดเธอพร้อมกับสารภาพรักให้ได้หากเธออยู่ตรงหน้า เขาเริ่มตระหนักแก่ใจว่าอานุภาวะแห่งความรักใคร่ใหลหลงนั้นช่างรุนแรงยิ่งนัก
ผ่านพ้นช่วงอนธการไปก็ถึงคราวที่แสงจากดวงสุริยากลับมาส่องแสงเรืองรองอีกครั้ง นับเป็นรุ่งอรุณนับครั้งได้ที่เขาจะไปถึงบริษัทก่อนพนักงานอีกหลายคน สิ่งที่เขาคาดหวังกำลังรออยู่ ชายหนุ่มเปิดจอคอมพิวเตอร์และเครื่องซีพียูด้วยความร้อนใจ เมื่อขึ้นหน้าโปรแกรมอีเมล์เขารีบเปิดอีเมล์อย่างไม่รอช้าเผื่อว่านางอันเป็นที่รักจะตอบอีเมล์กลับมา และเขาก็แทบจะระงับความดีใจไว้ไม่ได้เมื่อได้รับตอบอีเมล์กลับมาจริง ๆ
bluefairy@hotmail.com . pirommah@supsin.co.th
สวัสดีค่ะ คุณภิรมย์
ยินดีที่ได้รู้จัก ดิฉันก็ประทับใจในตัวคุณเช่นกัน คุณช่างเป็นสุภาพบุรุษเสียจริงที่ช่วยขนของให้ในวันนั้น ถ้าวันนั้นไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคุณเราทั้งสองคงแย่เพราะข้าวของมากมายเหลือเกิน ดิฉันยินดีค่ะถ้าจะได้คุณเป็นเพื่อนอีกคน การที่เราทั้งสองบังเอิญมารู้จักกัน ดิฉันถือว่าเป็นโชคดี ถ้าดิฉันตอบอีเมล์ล่าช้าไปหน่อยก็อย่าถือโทษกันเลยนะคะ เพราะงานรัดตัวจริง ๆ
ดิฉันไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ยินดีค่ะที่ได้มาทำความรู้จักกัน
ภิรมย์ไม่อยากดีใจคนเดียว เพราะเหตุนี้จึงพิมพ์จดหมายอีเมล์ลงบนกระดาษเอสี่และวิ่งขึ้นไปชั้นสองนำไปให้ลัดดาอ่าน
นี่...ลัด เรตอบอีเมล์มาแล้ว เขายื่นมาให้ลัดดาดู เธอทำทีว่าไม่สนใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มยื่นให้
ก็ดีนี่ เธอรีบยื่นคืนให้ทันทีทันใด
&bsp; ลัดไม่ดีใจเหรอ ภิรมย์แปลกใจ
จะดีใจไปทำไม มันไม่ใช่เรื่องของลัด เธอเดินผละจากเขาออกไปจากห้อง
นับตั้งแต่นั้นภิรมย์อยู่ในวังวนแห่งการโต้ตอบอีเมล์
แต่อีเมล์ฉบับนี้ทำให้เขารู้สึกฉงนฉงาย
bluefairy@hotmail.com . pirommah@supsin.co.th
สวัสดีค่ะ คุณภิรมย์
เราสองคนก็รู้จักกันมาพอสมควรแล้วแม้ว่าจะไม่มีโอกาสได้พบกันเลยนับตั้งแต่วันที่คุณไปศูนย์การค้ากับดิฉันและลัดดา อาจเป็นเพราะเวลาไม่เอื้ออำนวยกันสักเท่าไร ดิฉันเองก็มีงานยุ่งตลอดวัน ด้วยเพราะงานด้านบัญชีและเอกสารทำให้แม้กระทั่งเวลาจะเข้าห้องน้ำยังไม่ค่อยมี กว่าจะว่างก็เกือบห้าโมงเย็นทุกวัน บางวันยังต้องทำงานล่วงเวลา คงไม่ว่านะคะถ้าเรามีโอกาสพบกันน้อย แต่ถึงอย่างไรมิตรภาพของเราสองคนยังเหมือนเดิม อีกเรื่องหนึ่งดิฉันอยากถามคุณตรง ๆ ว่าคุณรู้จักกับลัดดามานานแค่ไหน รู้สึกอย่างไรกับเธอ ที่ถามมานี้ก็ไม่มีอะไรหรอกนะคะ แค่ถามเล่น ๆ อย่าซีเรียสเสียล่ะ
หวังว่าเราคงมีโอกาสได้เจอกันอีก
ผลงานอื่นๆ ของ พัฒนา สุดยาใจ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ พัฒนา สุดยาใจ
ความคิดเห็น