สื่อรักสื่ออีเมล์ ตอนที่ 1 - นิยาย สื่อรักสื่ออีเมล์ ตอนที่ 1 : Dek-D.com - Writer
×

    สื่อรักสื่ออีเมล์ ตอนที่ 1

    รัก ๆ ใคร่ ๆ

    ผู้เข้าชมรวม

    197

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    197

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  1 ก.ย. 66 / 17:57 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูรายการอีบุ๊กทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

     

    เสียงไก่ขันคือสัญญาณอันบ่งบอกว่ายามรุ่งอรุณได้หวนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำโดยไม่เคยขาดหายไปเลยนั่นคือเสียงปลุกของหญิงสาวในบ้านเช่า เธอมักจะเดินมาเคาะประตูห้องของชายหนุ่มให้ตื่นนอนเพื่อจะได้ออกจากบ้านไปทำงานพร้อมกัน

                    ภิรมย์และลัดดาเช่าบ้านซึ่งอยู่ห่างจากบริษัทเพียงสองป้ายรถประจำทางตั้งแต่เริ่มทำงาน บ้านเช่าแห่งนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ชายหรือผู้หญิง ดังนั้นลัดดาจึงมาเช่าอยู่ด้วยซึ่งห้องอยู่ไม่ห่างกันมาก

                    นี่! รมย์ ตื่นได้แล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน เดี๋ยวไปทำงานสาย เสียงเคาะประตูห้องดังอึกทึก

                    ประตูถูกเปิดอ้าออก เขาเดินออกมาจากห้องโดยที่ยังงัวเงีย ปัดโธ่! ลัด..เอะอะโวยวายแต่เช้าเชียว

                    รมย์...ดูเวลาสิ นี่เจ็ดโมงเช้าแล้วนะเดี๋ยวไปทำงานสาย เธอยื่นแขนซ้ายซึ่งมีนาฬิกาข้อมือให้ชายหนุ่มเบิ่งตาดู

                    โอ๊ย ! บริษัทอยู่ใกล้แค่นี้เอง สองป้ายรถเมล์ก็ถึงแล้ว ตื่นเจ็ดโมงครึ่งยังทันเลย เขาเริ่มหัวเสีย

                    ไม่ได้ เดี๋ยวก็ติดนิสัยตื่นสาย เสียสุขภาพด้วย ไป ไปล้างหน้าและอาบน้ำ

                    ก็ได้ ก็ได้ ลัดนี่จุกจิกเสียจริง ภิรมย์เดินกลับเข้าห้อง

                    เมื่อน้ำเย็นกระทบผิวกายมีอันทำให้เขาตื่นจากภวังค์ เป็นช่วงปลายปีที่มีลมหนาวแวะมาเยี่ยมเยียนอีกวาระ น้ำอันเย็นเยือกจึงกำซาบเข้าไปในทรวง

                    ทั้งสองคนออกจากบ้านพักพร้อมกันโดยมายืนรอรถที่ป้ายรถประจำทางตรงข้ามบ้านพัก หากมีเวลาเหลือพอทั้งสองคนอาจซื้อปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้ติดไม้ติดมือไปด้วย

                    เสียงอันดังชวนน่ารำคาญจากรถประจำทางคันสีแดงเก่าคร่ำพร้อมกับควันดำฟุ้งกำจายแล่นจอดเลียบริมบาทวิถีแต่เมื่อผู้ใช้บริการขึ้นรถไปแล้วก็กลับเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้า อันที่จริงภิรมย์นั้นไม่ชอบการนั่งรถประจำทางประเภทที่ชาวบ้านเรียกกันว่า หวานเย็น แบบนี้ เขาชอบที่จะนั่งรถตู้ซึ่งแล่นมาจากปากซอยมากกว่าแต่โดยมากรถตู้ก็มักไม่จอดริมทางเพราะรับผู้โดยสารมาเต็มคันรถตั้งแต่ปากซอยแล้ว

                    บริษัทเริ่มงานเวลาแปดโมงเช้าหากเขาไม่ได้ออกจากบ้านพร้อมกับลัดดาก็มักมาทันแบบเส้นยาแดงผ่าแปด บางครั้งก็มาไม่ทันตอกบัตรบันทึกเวลา

    งานของภิรมย์เป็นงานที่เกี่ยวกับการเคลียร์เอกสารจำพวกใบเสร็จรับเงิน ใบแจ้งหนี้ และเงินสด ดังนั้นการใช้อีเมล์สื่อสารกับแผนกจัดส่งสินค้า ฝ่ายการตลาดจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพราะหากเอกสารไม่เรียบร้อยหน้าที่ของเขาคือการแจ้งข้อผิดพลาดทางอีเมล์ถึงคู่กรณีและให้ผู้บังคับบัญชาของตัวเองและของอีกฝ่ายรับรู้ เขาจึงเป็นที่โปรดปรานของเจ้านายตัวเองแต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นที่รังเกียจของพนักงานที่ถูกพาดพิงถึง

                    ภิรมย์จำได้ดีว่าเขาเคยมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่แผนกจัดส่งสินค้าคนหนึ่งโดยเหตุเกิดจาก มีบิลเงินสดฉบับหนึ่งที่มีลายมือชื่อผู้รับเงินแล้วแต่เงินสดไม่ได้ติดตามมาด้วย เขาเกรงว่าหากไม่แจ้งทางอีเมล์ เขาอาจต้องรับผิดชอบเงินจำนวนดังกล่าวจึงได้แจ้งผ่านอีเมล์ไปยังทุกคนที่เกี่ยวข้อง

    หลังจากที่เขาส่งอีเมล์ออกไป คุณวิภาวีซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาแจ้งอีเมล์ต่อว่าเจ้าหน้าที่แผนกจัดส่งสินค้าด้วยคำพูดรุนแรงพอสมควร เมื่อเขาอ่านอีเมล์จึงได้แต่ถอนใจเป็นเพราะระบบการทำงานที่ถูกวางเอาไว้แท้ ๆ

                    หลังจากที่มีการโต้ตอบทางอีเมล์เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่โต๊ะและแสดงเลขหมายของผู้โทรเข้ามา เขายกหูโทรศัพท์โดยไม่เต็มใจนัก

                    สวัสดีครับ ภิรมย์พูดครับ

      &nbs;             คุณภิรมย์เหรอครับ ทำไมแค่นี้คุณถึงต้องแจ้งเมล์บอกทั่วบ้านทั่วเมืองแบบนี้ เสียงแฝงไปด้วยความขึ้งโกรธ

                    อ๋อ...เรื่องนั้นหรือครับ คือผมต้องทำตามหน้าที่นะครับ

                    แต่คุณทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ คุณรู้ไหมว่าแผนกของผมวุ่นวายเพียงใด แค่ลืมซองเงินไปให้ คุณแค่แจ้งผมทางโทรศัพท์ก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องประจานให้ทุกคนรู้

                    แต่ถ้าผมไม่แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรมันก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าผมไม่ได้รับเงินจริง ผมก็เดือดร้อนสิครับ

                    ผมไม่อยากฟังคุณพูด ผมรู้ว่าคุณทำงานเอาหน้า เอาความดีความชอบ ต่อไปนี้คุณกับผมก็ไม่ต้องคุยกัน

                    ภิรมย์ได้ยินเสียงกระแทกหูโทรศัพท์ดังโครม เขาสะดุ้งโหยง

                   

    วันสุดสัปดาห์ เขามักเดินเตร่ตามศูนย์การค้า ดูหนังบ้างหรือไม่ก็เข้าร้านหนังสือตามประสาหนุ่มโสด แต่วันนี้ดูเหมือนมีบางสิ่งดลใจให้เขาไม่อยากออกไปไหน ภายในห้องอันไม่กว้างขวางนักมีเพียงโต๊ะทำงาน วิทยุเทป และโทรทัศน์สีขนาดสิบสี่นิ้ว เขาเหยียดกายเอกเขนกอ่านหนังสือ

    เสียงผู้หญิงสองคนสนทนากันเล็ดลอดผ่านเข้ามาในห้อง เขาจึงละความสนใจกับหนังสือที่อ่านอยู่และผุดกายขึ้นจากพื้นห้องเดินไปเปิดหน้าต่างชะโงกมอง เขาเห็นลัดดายืนคุยกับหญิงสาวคนหนึ่ง จากระยะที่เขายืนอยู่ก็พอมองออกว่าเป็นหญิงสาวสวย ชายหนุ่มเกิดความสนใจจึงรุดลงไปข้างล่าง

                    ภาพเบื้องหน้าเป็นหญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาและลัดดา เธอผู้นั้นมีผิวขาวผุดผ่องผมยาวเลยบ่าเล็กน้อย ลักษณะใบหน้าดูคมขำไร้ไฝฝ้า นัยน์ตาดำขลับแลดูหวานซึ้ง ที่แก้มมีลักยิ้ม ดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว

                    อ้าว...รมย์มาพอดี ลัดดาหันไปเห็นเขาเดินมาพอดี

                    นี่เพื่อนลัดเหรอ

                    แม่ลัดมั้ง ถามแปลก ๆ จากนั้นลัดดาหันหน้าไปหาเพื่อนของเธอ เร...นี่ภิรมย์นะเป็นเพื่อนร่วมบ้านเช่าและเป็นเพื่อนร่วมงานของลัด

                    สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อเรณู ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

                    เช่นกันครับ ชายหนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่มฉายแววว่าอยากตีสนิทให้มากกว่านี้

                    แววตาอันเย้ายวนใจกอปรกับรอยยิ้มที่แสนละมุนละไมของเรณูทำให้ภิรมย์ตกอยู่ในภวังค์

                    เดี๋ยวลัดจะพาเรไปซื้อของที่ศูนย์การค้าหน่อยน่ะ รมย์จะไปไหม ลัดดาพูดเสียงเรียบ

                    ไปซิจ๊ะ ไป ไป ลัดดาทำหน้าเซ็งทันที ที่จริงเธอไม่อยากให้ชายหนุ่มไปด้วย แต่พูดชักชวนตามมารยาทเท่านั้นเอง ขณะที่ชายหนุ่มไม่ทันได้สังเกตอากัปกิริยาของหญิงสาว

                    ก็ดีนะ...จะได้ไปช่วยกันขนของ เรณูเห็นดีด้วย

                   ลัดดาและภิรมย์เดินตามเรณูออกนอกอาณาบริเวณบ้านเช่า รถเก๋งจอดนิ่งติดทางเท้า

                    เรซื้อรถใหม่เหรอ ดูใหม่จัง ลัดดาถาม

                    อื้อ....ราคาจริงเจ็ดแสนกว่า แต่เรวางเงินดาวน์ไปก่อนหนึ่งแสนเจ็ดที่เหลือผ่อนสี่สิบแปดเดือน

                    แหม! อันที่จริงเรจะซื้อสดยังได้เลยนะ ซื้อผ่อนทำไมให้เสียดอกเบี้ย ลัดดาออกความเห็น

                    โถ! ลัด เดี๋ยวนี้ไม่มีใครซื้อรถด้วยเงินสดก้อนใหญ่หรอกจ๊ะ เขายอมผ่อนส่งและเสียดอกเบี้ยเพื่อเก็บเงินก้อนไว้หมุนอย่างอื่นดีกว่า

                    ชายหนุ่มนั่งฟังการสนทนาของหญิงสาวทั้งสองอยู่เก้าอี้เบาะข้างหลังตลอดทางโดยไม่พูดอะไร เขาเหม่อมองดูทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปตามการเคลื่อนไหวของรถ

    เขาเดินตามสองสาวไปทุกหนทุกแห่งและช่วยขนเสื้อผ้า เครื่องประดับและของฟุ่มเฟือยต่าง ๆ ที่หญิงสาวทั้งสองซื้อกันอย่างสนุกสนานปานว่าไม่รู้สึกเสียดายเงินที่จ่ายไป เก้าอี้เบาะหลังจึงดาษดาไปด้วยข้าวของต่าง ๆ ที่อุตส่าห์ใช้เงินถลุงอย่างไม่บันยะบันยัง ชายหนุ่มเข้าใจว่าเรณูคงเป็นเศรษฐีนีอย่างแม่นมั่น

                    เรณูมีน้ำใจขับรถมาส่งคนทั้งสองถึงที่พัก ก่อนเข้าที่พัก ภิรมย์ยังคงชายตามองเรณูด้วยความหลงใหลเคลิบเคลิ้ม

                    เรไปล่ะนะ ในไม่ช้ากระจกรถด้านคนขับก็ค่อย ๆ เลื่อนขึ้น

                    โชคดีจ๊ะ ขับรถดี ๆ นะ ลัดดาโบกมืออำลา

                    ชายหนุ่มรอให้เรณูขับรถพ้นจากจุดที่ยืนอยู่จากนั้นเขาสะกิดที่ไหล่ของหญิงสาว

    ลัด ลัด....

                    อะไร... เธอทำเสียงแบบมะนาวไม่มีน้ำ

                    ผมอยากจะขอเบอร์โทรศัพท์เรณูได้ไหม

                    อะไรนะ...รมย์จะเอาไปทำไม เรคงไม่อยากคุยกับรมย์หรอก

                    เฮ้อ! ของแบบนี้ไม่ลองก็ไม่รู้หรอก

                    รมย์สนใจเรหรือ หญิงสาวตีหน้าเรียบเฉย

                    อื้อ...ก็เธอน่ารักนี่นา เขาทำหน้าทะเล้น

                    ลัดดาหุนหันเดินเข้าบ้านไปโดยไม่หันมามองชายหนุ่มอีก อ้าว! จะรีบไปไหน ชายหนุ่มเกาศีรษะด้วยความไม่เข้าใจ

     

                    ช่วงหัวค่ำขณะชายหนุ่มนั่งชมรายการทางโทรทัศน์ เสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาคาดเดาว่าต้องเป็นลัดดา เมื่อเขาเดินไปเปิดประตูก็แลเห็นเธอจริง ๆ เธอยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้แก่เขา

                    ลัดให้อีเมล์ของเรแทนก็ล้วกัน แล้วก็ไปติดต่อกันเองนะ แต่เรจะสนใจหรือไม่เป็นอีกเรื่อง ชายหนุ่มมองเห็นชื่ออีเมล์ bluefairy@hotmail.com เขารับกระดาษจดอีเมล์ไปอย่างไม่ค่อยพอใจ

                    ไม่มีเบอร์โทร.จริง ๆ เหรอ

                    ลัดดาทำสีหน้าไม่พอใจ จะเอาหรือไม่เอา อีเมล์น่ะ

                    เอ้า! ก็ได้ ชายหนุ่มทำหน้าเซ็ง ๆ

                    ดวงหน้าของหญิงในดวงใจผุดขึ้น ยอดเยาวมาลย์นางนี้แหละคือคนที่เขาใฝ่หามานาน นับเป็นโชคดีเหลือเกินที่ช่วงเช้าวันนี้ไม่ได้ออกจากบ้าน หรือนี่คือพรหมลิขิตชี้นำให้เขามาพบเธอ เขาคลี่กระดาษที่มีชื่ออีเมล์ ดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนขึ้นใจ

                   

    ดูเหมือนวารักแรกพบครานี้จะทำให้เขามีความมุ่งมั่นกับงานในตอนเช้า เมื่อไรน้าจะถึงช่วงพักเที่ยงเสียที เขาจะได้รีบส่งอีเมล์หาเธอ

    พลังแห่งความรักไม่เข้าใครออกใคร หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน เขารุดกลับมาที่โต๊ะทำงานเพื่อเปิดอีเมล์ทันทีโดยขอเป็นฝ่ายเริ่มมีปฏิพัทธ์กับเธอก่อน

                   

    pirommah@supsin.co.th  .                                                bluefairy@hotmail.com

    สวัสดีครับคุณเรณู

    ชื่ออีเมล์ของคุณช่างไพเราะเสียจริง ผมคือภิรมย์คนที่ช่วยคุณกับลัดดาถือของวันนั้นไงครับ ผมอยากรู้จักคุณเป็นการส่วนตัว คุณเป็นคนที่ผมประทับใจมากนับตั้งแต่แรกเห็น ผมอยากรู้จักคุณมากกว่านี้ โปรดรับผมไว้พิจารณาเป็นเพื่อนคุณอีกสักคนนะครับ

    หวังว่าเราคงมีโอกาสได้พบกันอีก

                ภิรมย์ pirommah@supsin.co.th

                   

                    เขายิ้มกริ่มอยู่ในใจพลางส่งอีเมล์ฉบับนั้น แต่ก็ตระหนักดีว่าอีเมล์ที่พิมพ์ส่งไปนั้นดูจะใช้คำพูดที่เชยอยู่บ้าง

                    วจีอมตะที่ว่าที่ใดมีรักที่นั่นย่อมต้องเกิดทุกข์ ทุกข์ที่เกิดจากความต้องการครอบครองสิ่งที่ตนเองปรารถนา จิตใจชายหนุ่มเฝ้าจดจ่อรอการตอบอีเมล์ ทำงานไปก็มักจะเปลี่ยนหน้าจอไปดูอีเมล์ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีการตอบกลับมา เขากระสับกระส่ายอยู่ไม่เป็นสุข

    นาฬิกาบนฝาผนังบอกเวลาห้าโมงตรง ลัดดามาขอกลับบ้านพร้อมกับภิรมย์แต่เขาก็ไม่ยินดียินร้าย ทั้งคู่เดินออกจากบริษัทพร้อมกัน สีหน้าและแววตาของเขาดูกระวนกระวายจนหญิงสาวก็ลอบสังเกตเห็น

                    ขณะยืนรอรถที่ป้าย เธอก็ถามเขาเสียงเรียบ เป็นไง ได้ส่งอีเมล์ถึงเรหรือเปล่า

                    อื้อ...แต่ไม่เห็นเธอจะตอบกลับมาเลย

                    เหรอ...เรอาจมีงานยุ่งหรือไม่ก็อีเมล์ยังไม่ถึงก็ได้

                    ปกติเธอเป็นคนยังไง เอาแต่ใจหรือเปล่า

                    ลัดไม่อยากนินทาเพื่อน รมย์ต้องลองศึกษานิสัยของเรเอง

                    แหม! แค่นี้ก็บอกไม่ได้ เขาทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

                    แล้วรมย์จะไม่ใช้ความพยายามเองเหรอ ทำไมจะต้องรอขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ลัดดาเริ่มชักสีหน้า

                    ถามแค่นี้ต้องโกรธด้วยหรือ

                    ไม่ได้โกรธ ถ้ารมย์อยากรู้จักเรให้มากกว่านี้ก็ต้องทำความรู้จักเอง

                    ค่ำคืนนั้นลมพัดโกรกพาให้ต้นกระถินณรงค์หน้าบ้านพักเอนไหวพร้อมกับเสียงใบไม้เสียดสีแหวกอยู่ในอากาศ ชายหนุ่มอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องด้วยเพราะหวนคะนึงถึงหญิงสาวอันเป็นที่รัก แม้เพียงแค่การพบกันครั้งเดียวจิตใจของชายหนุ่มก็เร่าร้อนนึกอยากกอดเธอพร้อมกับสารภาพรักให้ได้หากเธออยู่ตรงหน้า เขาเริ่มตระหนักแก่ใจว่าอานุภาวะแห่งความรักใคร่ใหลหลงนั้นช่างรุนแรงยิ่งนัก

                    ผ่านพ้นช่วงอนธการไปก็ถึงคราวที่แสงจากดวงสุริยากลับมาส่องแสงเรืองรองอีกครั้ง นับเป็นรุ่งอรุณนับครั้งได้ที่เขาจะไปถึงบริษัทก่อนพนักงานอีกหลายคน สิ่งที่เขาคาดหวังกำลังรออยู่ ชายหนุ่มเปิดจอคอมพิวเตอร์และเครื่องซีพียูด้วยความร้อนใจ เมื่อขึ้นหน้าโปรแกรมอีเมล์เขารีบเปิดอีเมล์อย่างไม่รอช้าเผื่อว่านางอันเป็นที่รักจะตอบอีเมล์กลับมา และเขาก็แทบจะระงับความดีใจไว้ไม่ได้เมื่อได้รับตอบอีเมล์กลับมาจริง ๆ

                     

                    bluefairy@hotmail.com .                                     pirommah@supsin.co.th

                สวัสดีค่ะ คุณภิรมย์

    ยินดีที่ได้รู้จัก ดิฉันก็ประทับใจในตัวคุณเช่นกัน คุณช่างเป็นสุภาพบุรุษเสียจริงที่ช่วยขนของให้ในวันนั้น ถ้าวันนั้นไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคุณเราทั้งสองคงแย่เพราะข้าวของมากมายเหลือเกิน ดิฉันยินดีค่ะถ้าจะได้คุณเป็นเพื่อนอีกคน การที่เราทั้งสองบังเอิญมารู้จักกัน ดิฉันถือว่าเป็นโชคดี ถ้าดิฉันตอบอีเมล์ล่าช้าไปหน่อยก็อย่าถือโทษกันเลยนะคะ เพราะงานรัดตัวจริง ๆ

    ดิฉันไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ยินดีค่ะที่ได้มาทำความรู้จักกัน

                เรณู  bluefairy@hotmail.com

     

                    ภิรมย์ไม่อยากดีใจคนเดียว เพราะเหตุนี้จึงพิมพ์จดหมายอีเมล์ลงบนกระดาษเอสี่และวิ่งขึ้นไปชั้นสองนำไปให้ลัดดาอ่าน

                    นี่...ลัด เรตอบอีเมล์มาแล้ว เขายื่นมาให้ลัดดาดู เธอทำทีว่าไม่สนใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มยื่นให้

                    ก็ดีนี่ เธอรีบยื่นคืนให้ทันทีทันใด

                &bsp;   ลัดไม่ดีใจเหรอ ภิรมย์แปลกใจ

                    จะดีใจไปทำไม มันไม่ใช่เรื่องของลัด เธอเดินผละจากเขาออกไปจากห้อง

                    นับตั้งแต่นั้นภิรมย์อยู่ในวังวนแห่งการโต้ตอบอีเมล์

                    แต่อีเมล์ฉบับนี้ทำให้เขารู้สึกฉงนฉงาย

                     

    bluefairy@hotmail.com .                                     pirommah@supsin.co.th

                สวัสดีค่ะ คุณภิรมย์

    เราสองคนก็รู้จักกันมาพอสมควรแล้วแม้ว่าจะไม่มีโอกาสได้พบกันเลยนับตั้งแต่วันที่คุณไปศูนย์การค้ากับดิฉันและลัดดา อาจเป็นเพราะเวลาไม่เอื้ออำนวยกันสักเท่าไร ดิฉันเองก็มีงานยุ่งตลอดวัน ด้วยเพราะงานด้านบัญชีและเอกสารทำให้แม้กระทั่งเวลาจะเข้าห้องน้ำยังไม่ค่อยมี กว่าจะว่างก็เกือบห้าโมงเย็นทุกวัน บางวันยังต้องทำงานล่วงเวลา คงไม่ว่านะคะถ้าเรามีโอกาสพบกันน้อย แต่ถึงอย่างไรมิตรภาพของเราสองคนยังเหมือนเดิม อีกเรื่องหนึ่งดิฉันอยากถามคุณตรง ๆ ว่าคุณรู้จักกับลัดดามานานแค่ไหน รู้สึกอย่างไรกับเธอ ที่ถามมานี้ก็ไม่มีอะไรหรอกนะคะ แค่ถามเล่น ๆ อย่าซีเรียสเสียล่ะ

    หวังว่าเราคงมีโอกาสได้เจอกันอีก

                เรณู  bluefairy@hotmail.com

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น