หลังจากตกงานมา 5 เดือน อำนวยรีบกระโจนเข้ารับงานดูแลคฤหาสน์หลังใหญ่ที่โทรติดต่อมาเมื่อตอนเช้าทันที รายละเอียดของงานเจ้าของคฤหาสน์ไม่ได้อธิบายชัดเจนนัก บอกเพียงว่าแค่ดูแลคฤหาสน์เท่านั้น แต่เจ้าของคฤหาสน์บอกว่าค่าตอบแทนสูงมาก อำนวยจึงไม่รีรอรีบตกปากรับคำทันที อำนวยเป็นชายหนุ่มตัวไม่สูงนัก อายุประมาณ 26 ปี ไว้ผมรองทรงแสกข้างทางด้านขวา เจ้าของคฤหาสน์นัดอำนวยพูดคุยรายละเอียดตอนบ่าย 2 โมงเย็นของวันนี้
และแล้วก็ถึงเวลานัด หลังจากลงจากรถเมล์ อำนวยก็จ้างมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพื่อให้ไปส่งยังซอยที่เจ้าของคฤหาสน์แจ้งไว้ ซอยนั้นมีจุดเด่นคือมีต้นไทรใหญ่อยู่กลางซอย แต่เขาต้องพบกับความประหลาดใจ มอเตอร์ไซค์รับจ้างต่างพากันเบะหน้าและเกี่ยงกันที่จะไปส่ง สุดท้ายก็ลงเอยที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งอายุประมาณ 18 ปี
“ พี่ไม่ใช่คนแถวนี้ คงไม่รู้สินะ ” มอเตอร์ไซค์รับจ้างหนุ่มถามขึ้นขณะเลี้ยวเข้าซอย
“ รู้อะไรเหรอน้อง ? ” อำนวยถามกลับ
“ ก็คฤหาสน์หลังที่พี่จะไปนะซิ ผีโคตรดุเลย คนแถวนี้ใคร ๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละ ขนาดกลางวันยังเคยมีคนถูกหลอกกันมาแล้ว ” คำพูดของมอเตอร์ไซค์รับจ้างเริ่มทำให้อำนวยเกิดอาการหวั่น ๆ เขาเริ่ม 2 จิต 2 ใจ ว่าจะไปต่อหรือกลับดี แต่ความจำเป็นมันบังคับ ถ้าไม่รีบคว้างานนี้ไว้ เขาต้องอดตายแน่ เงินกับผีต้องเลือกเงินไว้ก่อนเพื่อปากท้อง ถ้ากลัวก็อดตาย คิดได้เช่นนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะถอยหลังกลับอีกแล้ว รถแล่นผ่านต้นไทรใหญ่กลางซอยตามที่เจ้าของคฤหาสน์บอก มันเป็นต้นไทรต้นใหญ่ขึ้นอยู่ที่กลางซอยอายุหลายร้อยปี ตามกิ่งมีรากไทรห้อยระโยงระยางสร้างความน่าขนลุกให้กับต้นไทรต้นนี้มาก มอเตอร์ไซค์รับจ้างบอกอำนวยว่าไม่ให้หันไปดูที่ต้นไทรเพราะมีหลายคนเจอดี เห็นผีบนต้นไทรมาแล้วนักต่อนัก รถแล่นมาจนถึงสุดซอย ในที่สุดก็ถึงคฤหาสน์หลังที่เป็นจุดหมาย
บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังใหญ่จะเรียกว่าเป็นคฤหาสน์ก็ไม่ผิดแต่ประการใด รั้วเป็นสีทองประตูก็เป็นอัลลอยสีทองด้วยเช่นกัน ตัวคฤหาสน์เป็นสีฟ้าอ่อน ๆ ค่อนข้างเก่า และให้ความรู้สึกน่าขนลุก บรรยากาศทึบ ๆ อึมครึมยังไงบอกไม่ถูก ทันทีที่อำนวยก้าวมาถึงหน้าคฤหาสน์ เขาเหมือนถูกกดดันจากแรงกดดันอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น
“ เท่าไหร่น้อง ? ” อำนวยถามราคาค่าโดยสาร
“ 30 ครับ ” มอเตอร์ไซค์รับจ้างพูดพร้อมแหงนหน้าขึ้นไปมองยังหน้าต่างชั้น 2 ของตัวคฤหาสน์ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่งเพราะ
“ เหวอ..........อ ! ผะ........ผะ........ ” มอเตอร์ไซค์รับจ้างอุทานออกมาอย่างไม่เป็นคำ ขณะนี้ใบหน้าเขาขาวซีดเหมือนคนไม่มีเลือด เหงื่อผุดขึ้นจนเต็มใบหน้าขาสั่นเกร็ง
“ พี่เก็บเงินไว้เถอะ ผมไม่เอาแล้ว โชคดีนะพี่ ” เขาพูดแล้วรีบสตาร์ทและบิดมอเตอร์ไซค์จากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้อำนวยยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่คนเดียว อำนวยจึงมองไปยังหน้าต่างชั้น 2 ของคฤหาสน์ที่เดียวกับมอเตอร์ไซค์รับจ้างมองบ้าง แต่เขากลับไม่เห็นอะไร มีเพียงความว่างเปล่า
“ สงสัยมันกลัวซะจนหลอน ” อำนวยพูดขึ้นอย่างลอย ๆ
อำนวยไม่รอช้ารีบกดกริ่งที่ประตูรั้วเพื่อเข้าไปตกลงรายละเอียดกับเจ้าของคฤหาสน์เพื่อจะได้เริ่มทำงานซักที แค่ไม่กี่วินาทีก็มีชายแก่ผอมหน้าตอบเดินมาเปิดประตูประหนึ่งหายตัวมา
“ คุณอำนวยใช่ไหมครับ ? ” ชายแก่ถามขึ้นหลังจากเปิดประตูให้อำนวย
“ ใช่ครับ ” อำนวยตอบ
“ ผมเป็นคนที่โทรหาคุณเมื่อเช้า เป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ชื่อสมภพ เข้ามาข้างในก่อนซิ ” ชายแก่พูดพร้อมกับเชื้อเชิญอำนวยเข้าสู่ในตัวคฤหาสน์
ในทันทีที่เดินผ่านประตูไม้บานใหญ่หน้าคฤหาสน์อำนวยถึงกับขนลุกซู่ ความรู้สึกของเขาเหมือนถูกจ้องมองจากดวงตาหลายคู่จากทุกทิศทุกทาง ภายในคฤหาสน์ดูโอ่โถงและหรูหรามาก มีโคมไฟระย้าสวยงาม โซฟาสีแดงตัวใหญ่ตั้งอยู่กลางตัวคฤหาสน์ เชิญชวนให้นั่งเป็นอย่างยิ่ง แต่ความรู้สึกถูกจ้องมองของอำนวยยังคงไม่จางหาย
“ เชิญนั่งสิ ” เสียงจากสมภพทำให้อำนวยสะดุ้งตื่นจากห้วงคำนึงคิด
“ อะ.........เอ่อ....ครับ ” อำนวยขานรับแบบติดอ่างและรีบนั่งลง
“ เรามาเริ่มคุยเรื่องรายละเอียดกันเลยดีกว่า ” สมภพพูดพร้อมกับจุดกล้องยาไม้สีน้ำตาลขึ้นสูบ
“ ก็ดีครับ ” อำนวยพูดพร้อมกับยิ้ม
“ ผมจะให้คุณอยู่ดูแลที่นี่ตลอด 24 ชั่วโมง 6 วัน วันพุธเป็นวันหยุด ตกลงมั้ย ? ” สมภพพูดจบก็พ่นควันสีขาวออกทางจมูก
“ แล้วเรื่องค่าจ้างล่ะครับ ? ” อำนวยถามกลับ
“ อ๋อ.......อ ผมลืมไป ผมจะให้คุณเดือนละ 5 หมื่น อาหาร 3 มื้อฟรี น้อยไปมั้ย ? ถ้าคุณอยู่ครบ 3 เดือน ผมจะเพิ่มให้เป็น 7 หมื่น ” สมภพพูดพร้อมหยิบกล้องยาออกจากปาก
“ โห!......ไม่น้อยไปหรอกครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านก่อนนะครับ ”
อำนวยพูดจบก็ลุกขึ้น
“ ไม่ต้องกลับไปเก็บหรอกเสื้อผ้าน่ะ......ที่นี่มีเสื้อผ้ามากมายสำหรับคนดูแลอยู่แล้ว ” สมภพจับแขนอำนวยและพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม มือของสมภพเย็นเฉียบเหมือนกับคนตายไปแล้วไม่มีผิด แต่อำนวยก็ยังคงกัดฟัน พยายามข่มความกลัวให้หมดไป เพราะค่าตอบแทนของงานนี้มากอย่างเหลือเชื่อ ด้วยวุฒิการศึกษาเช่นเขา ไม่มีทางเลยที่จะหางานที่ค่าตอบแทนสูงขนาดนี้ ได้อีกแล้วในชาตินี้ งานในโรงงานอย่างเก่งถึงทำโอทีก็คงไม่เกินหมื่น ถึงหมื่นห้า ทำให้ตายก็ไม่มีทางได้เงินเยอะขนาดนี้อีกแล้ว อีกทั้งสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ น้ำมันถีบตัวแพงขึ้นทุกวันข้าวของเครื่องใช้ก็จะมีแต่ขึ้นราคา ถ้าปล่อยให้งานที่มีค่าตอบแทนสูงเช่นนี้หลุดมือไป เขาคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่นอน
สมภพพาอำนวยไปที่ห้องพัก และบอกกฎ 3 ข้อ ของคฤหาสน์หลังนี้ให้เขาฟัง
ข้อที่ 1 ช่วงกลางดึก ถึงแม้จะได้ยินเสียงอะไรก็ห้ามออกจากห้องเด็ดขาด
ข้อที่ 2 ถ้าออกไปข้างนอก ต้องกลับเข้าตัวคฤหาสน์ก่อนเที่ยงคืน
ข้อที่ 3 ทุกวันพระ ต้องออกไปทำบุญที่วัดทุกครั้ง อย่าให้ขาด
เมื่อมาถึงห้องพักอำนวยถึงกับตกใจกับห้องพัก เขาแทบไม่เชื่อสายตา สภาพของห้องพักมันไม่น่าที่จะเป็นห้องพักของคนดูแลคฤหาสน์เลย มันน่าจะเป็นห้องพักของเจ้าของคฤหาสน์มากกว่า เครื่องอำนวยความสะดวกล้วนครบครัน ทีวีขนาด 30 นิ้ว เครื่องเสียงโฮมเธียร์เตอร์ ตู้เย็น 2 ประตูขนาดใหญ่ แอร์ เตียงนอนขนาดใหญ่ ห้องน้ำในตัว
“ นี่ใช่ห้องของผมจริง ๆ หรือครับ ? ” อำนวยถามขึ้นด้วยความตกใจ
“ ไม่ต้องตกใจ นี่แหละห้องพักของคุณ เชิญพักให้สบายใจแล้วกัน แต่อย่าลืมทำตามกฎด้วยล่ะ ” สมภพพูดพร้อมกับสูบยาจากกล้องยาอีกครั้ง
หลังจากตกลงกันเสร็จ สมภพก็ขับรถออกจากตัวคฤหาสน์ ทิ้งให้อำนวยอยู่ในตัวคฤหาสน์คนเดียว ความมืดเริ่มย่างกรายเข้ามาปกคลุมตัวคฤหาสน์ อำนวยตะเวนเปิดไฟทั่วทั้งตัวคฤหาสน์จนสว่างไสวไปทั่ว ความน่ากลัวของคฤหาสน์จึงลดลงไปบ้าง แต่ความรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองยังคงไม่จางหายไป จากนั้นเขาก็เดินไปล็อคประตูทั่วคฤหาสน์แล้วกลับเข้าห้องของตนเอง เปิดเครื่องเสียงและนอนฟังอย่างสบายใจ จนเขาเผลอหลับไป
“ แก๊ง............ง ! แก๊ง............ง ! แก๊ง............ง ! ” เสียงดังจากนาฬิกาส่งเสียงบอกเวลาเที่ยงคืนปลุกอำนวยให้ตื่น เครื่องเสียงยังคงเล่นเพลงเสียงดังลั่น เขาตรงดิ่งเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาแต่งตัวด้วยชุดนอนในตู้เสื้อผ้าที่ถูกเตรียมไว้ หลังจากแต่งตัวเสร็จ เขาปิดเครื่องเสียง และเปิดทีวีเพื่อดูรายการจากทีวีแทน ขณะที่ดูทีวีไปได้สักพักนั้น
“ กรี๊ด.........ด! ” เสียงหวีดร้องดังลั่น ดังมาจากภายในตัวคฤหาสน์ สร้างความตกใจให้กับอำนวยเป็นอย่างมาก แต่เขานึกถึงกฎข้อแรกที่สมภพบอก เขาจึงทำเป็นไม่สนใจ ได้แต่หยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงจนมิดทั้งตัว คืนนั้นอำนวยแทบไม่ได้นอนเลยทั้งคืน เสียงกรีดร้องอย่างทรมาน และเสียงรบกวนหลายอย่างดังขึ้นหลายครั้งตลอดคืน จนถึงตี 4 ทุกอย่างก็กลับสู่ความเงียบมีเพียงเสียงดังจากทีวีเท่านั้น ที่ส่งเสียงดังในขณะนี้ อำนวยหลับไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว
“ ก๊อก ๆ ” เสียงเคาะประตูห้องปลุกให้อำนวยลืมตาตื่น แสงสว่างที่ส่องมากระทบดวงตาของเขา ทำให้รู้สึกแสบตามาก อำนวยเดินไปเปิดประตู สมภพนั่นเองที่เป็นคนเคาะประตู
“ เป็นไงบ้างคุณอำนวย คืนแรกกับคฤหาสน์หลังนี้ ? ” สมภพถามคำถามแรกทันทีที่ได้พบหน้าอำนวย
“ ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ ปกติดีทุกอย่าง ” อำนวยตอบพร้อมยิ้มแห้ง ๆ
“ ไม่ต้องโกหกผมหรอก ผมรู้จักที่นี่ดีขอให้คุณปฏิบัติตามกฎ รับรองคุณ ทำงานที่นี่ได้อย่างสบายไม่มีปัญหาแน่นอน ” สมภพพูด พร้อมหยิบกล้องยาขึ้นสูบ
“ ครับ..... ” อำนวยขานรับด้วยเสียงอ่อย ๆ
“ แต่ก่อนอื่นคุณไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ ผมจะพาคุณไปซื้อของมาตุนไว้ จะได้ไม่ต้องออกไปซื้อบ่อย ๆ ” สมภพพูดพร้อมพ่นควันสีขาวใส่หน้าของอำนวย อำนวยรีบอาบน้ำแต่งตัว เขาเหลือบดูนาฬิกาถึงกับตกใจ นาฬิกาบอกเวลาตอนนี้ 4 โมงเย็นแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะหลับไปนานขนาดนั้น สมภพพาอำนวยไปซื้อของกินและของใช้มากมายมาตุนไว้ มันมากพอที่เขาจะกินและใช้ได้สัก 3 เดือน
“ อย่าลืมไปทำบุญด้วยล่ะ ไม่อย่างนั้นคุณอยู่ไม่ถึง 3 เดือนแน่ ” สมภพย้ำก่อนเดินทางกลับ ทิ้งไว้เพียงความสงสัยให้กับอำนายเท่านั้น
“ ถ้าไม่ทำบุญจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา ? ทำไมไม่ทำบุญ แล้วจะอยู่ไม่ถึง 3 เดือน ? ” คำถามอีกมากมายผุดขึ้นมาในสมองของอำนวย แต่เขาก็รีบสลัดมันทิ้ง เพียงคิดถึงผลตอบแทนที่จะได้รับ มันทำให้เขาทิ้งคำถามที่คาใจทั้งหมดจนสิ้นไป
คืนนี้อำนวยรีบอาบน้ำแต่หัวค่ำ เขากินอาหารในห้องนอนและดูทีวี โดยไม่ออกไปจากห้องแม้ก้าวเดียว เวลาล่วงเลยไปจนถึงเวลาเที่ยงคืน อำนวยเริ่มง่วง หนังตาของเขาเริ่มหนักอึ้ง และเริ่มสัปหงก แต่ทันใดนั้นเสียงหนึ่งทำให้อำนวยถึงกับสะดุ้ง
“ ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ ” เสียงเคาะดังมาจากประตูหน้าห้องของอำนวย
อำนวยจ้องไปที่ประตูตาไม่กระพริบ เสียงเคาะยังคงดัง และดังถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงตัดสินใจเดินไปที่ประตูเพื่อหยุดความรำคาญจากเสียงเคาะเสียที เขายืนจ้องไปที่ประตูอยู่พักใหญ่ เขาเริ่มลังเลว่าจะเปิดดีหรือไม่เปิดดี หากเปิดไปแล้วพบกับสิ่งที่เขาไม่อยากพบจะทำอย่างไร ความคิดของเขาเริ่มกระเจิดกระเจิง แต่ถ้าไม่เปิดคืนนี้เขาคงไม่ได้หลับได้นอนแน่ เสียงเคาะยังคงรบกวนโสตประสาทของเขาไม่หยุดหย่อนแน่ เขาจึงตัดสินใจสะกดความกลัวในจิตใจ บิดลูกบิดประตูและดึงอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่เขาได้พบกลับเป็นความว่างเปล่า เขาชะโงกหน้าออกไปมองซ้ายมองขวา หลายรอบแต่กลับไม่พบอะไร เขาจึงปิดประตูและกลับไปนั่งดูทีวีตามเดิม สักพักเสียงเคาะก็ดังขึ้นอีกครั้ง มันดังถี่ขึ้นเรื่อยจนทำให้อำนวยแทบประสาทกิน ด้วยความโมโหเขาจึงลุกขึ้นไปเปิดอีกครั้ง แต่เมื่อประตูถูกเปิดออก เขาก็ได้พบกับความว่างเปล่าเช่นเคย ความโกรธเกาะกุมจิตใจของเขา อำนวยปิดประตูเสียงดังปิดไฟปิดทีวีและเข้านอน แต่น่าแปลกเสียงเคาะประตูกลับหายไปเฉย ๆ ไม่กี่นาทีอำนวยก็เริ่มผล็อยหลับไป
“ แกร๊ก ๆ ” เสียงเหมือนกุญแจล็อคลูกบิดถูกคลายออก ประตูถูกเปิดออก ปรากฏเงาของชาย 2 คน ขึ้นมาตรงดิ่งมาที่อำนวย และไม่พูดพร่ำทำเพลงจัดการอัดอำนวยเสียจนน่วม หลังจากอำนวยสลบไป พวกมันก็ทำการรื้อค้นหาของมีค่า และขนออกไป พวกมันคือขโมยนั่นเอง
เช้าวันรุ่งขึ้น อำนวยลืมตาตื่น พร้อมกับความเจ็บปวดทั่วร่างกาย หลายจุดเขียวช้ำเป็นจ้ำ ๆ อำนวยค่อยพยุงร่างลุกขึ้นช้า ๆ เขาเดินสำรวจทั่วบริเวณบ้าน ว่าอะไรถูกขโมยไปบ้าง ปรากฎว่าของถูกขโมยไปหลายชิ้น
“ หวอ........อ ! ” เสียงไซเรนดังลั่น ทำให้อำนวยรีบวิ่งออกไปดู
เสียงไซเรนดังมาจากบริเวณต้นไทรใหญ่นั่นเอง ด้วยความสงสัย อำนวยจึงเดินออกไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อมาถึงบริเวณต้นไทรใหญ่ รถตำรวจ 1 คันและรถหน่วยกู้ภัยอีก 1 คันจอดอยู่ใต้ต้นไทรต้นนั้น ผู้คนมากมายต่างรุมล้อมและพูดจากันเซ็งแซ่ ทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นดูบนต้นไทร ภาพที่เขาได้เห็นสร้างความสะอิดสะเอียนให้เขาเป็นอย่างยิ่ง บนต้นไทรปรากฏร่างของชาย 2 คน ผูกคอตายอยู่ ผู้ตายหน้าตาทุกข์ทรมานมาก คนหนึ่งลิ้นออกมาจุกปาก ตาถลน อีกคนหนึ่งตาเหลือกลิ้นยาวห้อยออกมาหลายนิ้ว ด้านล่างของศพมีข้าวของมีค่ากองอยู่มากมาย อำนวยเดินเข้าไปดูของก็จำของบางชิ้นได้ว่ามันมาจากคฤหาสน์ที่เขาดูแลอยู่
“ ของพวกนี้มาจากคฤหาสน์ หลังที่ผมดูแลอยู่ครับ ” อำนวยรีบแจ้งตำรวจเกี่ยวกับของทั้งหมด
“ ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณไปให้ปากคำที่โรงพักก่อนนะครับ ” ตำรวจนายหนึ่งพูดขึ้น
“ เดี๋ยวก่อน คุณดูแลคฤหาสน์หลังไหนไม่ทราบครับ ? ” ตำรวจอีกนายถามอำนวย
“ อ๋อ........หลังสีฟ้าที่อยู่สุดซอยน่ะครับ ” อำนวยพูดพร้อมกับชี้มือไปที่คฤหาสน์หลังที่เขาดูแลอยู่
“ ไม่ต้องแล้วครับ ขนของกลับคฤหาสน์ไปได้เลย ไม่ต้องไปสอบปากคำแล้วครับ ” ตำรวจทำท่าลุกลี้ลุกลนมือไม้สั่นและหน้าซีดทั้ง 2 คน
“ หน่วยกู้ภัย เอาศพลงมาแล้วรีบไปจากที่นี่กันเถอะ ” ตำรวจออกคำสั่งกับหน่วยกู้ภัยส่วนชาวบ้านต่างแตกฮือ ทุกคนหน้าถอดสีและรีบแยกย้ายกันกลับบ้านอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้แต่อำนวยให้ยืนงงอยู่คนเดียว หลังจากทุกคนกลับจนหมด อำนวยก็จัดการขนของที่ถูกขโมยกลับจนหมด วันนี้คุณสมภพไม่แวะมา ช่วงเย็นอำนวยทำกับข้าวกินเอง เขานั่งกินอย่างสบายใจ เพราะของที่ถูกขโมยได้คืนมาหมด แต่คำถามมากมายยังคงผุดขึ้นในหัวของเขา แต่เขาคิดว่าจะคิดทำไมให้ปวดหัว ของก็ได้คืนมาหมดแล้วไม่มีปัญหาอะไร เขาเพียงก้มหน้าก้มตาดูแลคฤหาสน์หลังนี้ให้ดี ต่อไปเขาก็จะสุขสบายมีเงินใช้ หลังจากกินข้าวเสร็จเขาก็รีบล็อคประตูทั่วคฤหาสน์ และรีบกลับเข้าห้องพักของตนเอง เขาอาบน้ำและมานั่งดูทีวีเหมือนทุกวันที่ผ่านมา วันนี้ภายในตัวคฤหาสน์กลับเงียบสงบไร้เสียงรบกวนใด ๆให้รำคาญใจ เขาเหลือบไปมองปฎิทิน
“ พรุ่งนี้วันพระนี่หว่า ! ” เขาอุทานขึ้น
เขารีบตั้งนาฬิกาปลุก และปิดไฟเข้านอนในทันที คืนนั้นอำนวยหลับสนิทโดยไม่มีสิ่งใดรบกวนเขาเลยทั้งคืน
“ กริ๊ง ~~ง ! ” เสียงนาฬิกาปลุกเสียงดังสนั่น ปลุกให้อำนวยลุกขึ้นจากที่นอนตามเวลาที่เขาตั้งไว้คือตี 5 เขาล้างหน้าล้างตา และรีบตรงเข้าครัวเพื่อทำกับข้าว เพื่อเตรียมตัวไปวัด หลังจากเตรียมตัวพร้อมเขาก็จัดแจงเดินทางไปวัดที่อยู่ไม่ไกลนัก ทันทีที่เขาไปถึงวัด ผู้คนต่างแสดงท่าทีรังเกียจเขา เขาต้องนั่งฟังพระเทศน์คนเดียว หลังจากทำบุญเสร็จเรียบร้อย อำนวยก็เก็บของและเดินทางคฤหาสน์ ขณะกลับเขาเดินสวนทางกับหลวงตารูปหนึ่ง
“ เดี๋ยว..........ก่อนสิโยม ” หลวงตาทักขึ้น
“ มีอะไรรึครับหลวงตา ? ” อำนวยยกมือขึ้นพนมพร้อมถาม
“ สีหน้าโยมดูหมองคล้ำ ดูเหมือนโยมจะมีเคราะห์นะ ”
“ จริงเหรอครับหลวงตา แล้วพอจะมีวิธีผ่อนหนักให้เป็นเบาบ้างไหมครับหลวงตา ? ” หลวงตาหยิบสายสิญจน์เส้นหนึ่งยื่นให้อำนวย อำนวยไหว้และรับไว้
“ พกติดตัวไว้นะโยม มันจะช่วยป้องกันโยมจากอันตรายทั้งปวงที่จะมาทำร้ายโยม ” พูดจบหลวงตาก็เดินจากไป
อำนวยเดินทางมาถึงคฤหาสน์เวลาเกือบบ่ายโมง วันนี้ก็เป็นอีกวันที่สมภพไม่มาที่คฤหาสน์หลังนี้ อำนวยดูแลปัดกวาดเช็ดถูคฤหาสน์จนกระทั่งเวลาเย็น หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน เขาก็อาบน้ำ กินข้าว และเข้าห้องพักผ่อน เขานอนดูทีวีอย่างสบายใจ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยถึงเวลาตี 1
“ กรี๊ด.......ด ! ” เสียงกรีดร้องเสียงดัง ทำให้เขาถึงกับสะดุ้ง
เสียงกรีดร้องเริ่มดังถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีทีท่าที่จะหยุดหย่อน สร้างความรำคาญให้กับอำนวยเป็นอย่างมาก ความอดทนของเขาเดินทางมาถึงขีดจำกัด
“ เงียบซะที ! หนวกหูโว้ย ! ” เขาเปิดประตูห้องพร้อมตะโกนออกไปเสียงลั่น หลังจากสิ้นเสียงของอำนวย คฤหาสน์ ทั้งหลังตกอยู่ในความเงียบสงัด อำนวยยิ้มปิดประตูและเดินกลับไปนั่งดูทีวีต่อ
“ กรี๊ด.......ด ! ” เสียงกรีดร้องดังขึ้นกว่าเดิม และดูเหมือนจะมาจากหลายที่มามากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ สังเกตได้จากเสียงกรีดร้องมีหลายโทนเสียง ทั้งแหลมเล็ก แหลมสูง เสียงกรีดร้องดังถี่มากกว่าเก่า มันรบกวนโสตประสาทของอำนวย จนทำให้เขาแทบที่จะประสาทเสีย ความหงุดหงิดเกาะกุมจิตใจของอำนวย โทสะเกาะกุมจิตใจเขาอย่างเต็มที่ กฎอะไรเขาไม่สนใจมันอีกแล้ว เขารีบเปิดลิ้นชักหยิบไฟฉาย เพื่อเดินไปหาแหล่งกำเนิดของเสียงที่ก่อความรำคาญให้เขา เสียงกรีดร้องยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ภายในคฤหาสน์มืดสนิท เพราะอำนวยไม่ได้เปิดไฟในตัวคฤหาสน์ เขาค่อย ๆ ก้าวตามเสียงไปอย่างช้า ๆ จนถึงห้อง ห้องหนึ่ง ประตูห้องถูกทาไว้ด้วยสีแดง อำนวยสูดลมหายใจเข้าไปในปอดลึก ๆ 3 ครั้ง ก่อนจะเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตู เมื่อบิดประตูเขาต้องพบความแปลกใจ ประตูห้องนี้ไม่ได้ถูกล็อคแต่อย่างใด เขาผลักประตูและส่องไฟฉายเข้าไปในห้องนั้น ยิ่งต้องพบความแปลกใจเข้าไปใหญ่ ภายในห้องกลับเป็นห้องโล่ง ๆ ว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดอยู่ในห้องนั้นเลย เสียงกรีดร้องดังมากขึ้น เขาจึงก้าวเข้าไปในห้องแหล่งที่มาของเสียงนั้น และเขาก็ต้องหยุดตรงพื้นที่มุมห้อง ที่พื้นมีบานพับและที่จับคล้ายเป็นประตูเล็ก ๆ เสียงกรีดร้องทวีความดังขึ้นเรื่อย ๆ เขาใช้มือจับที่จับ และเปิดมันออก
“ แอ๊ด ~~ ด ! ” เสียงบานพับที่สนิมจับดังขึ้นจากการเปิดของอำนวย ด้านล่างของมันเป็นบันไดปูน ลึกลงสู่เบื้องล่าง ในเวลานี้เสียงกรีดร้องกลับเงียบหายไปเฉย ๆ อำนวยฉายไฟฉายตามบันไดลงสู่เบื้องล่าง แต่ไฟฉายไม่สามารถส่องได้ถึงพื้นเบื้องล่างของห้องใต้ดินแห่งนี้ได้ ความมืดที่ปกคลุมทั่วห้องทำให้อำนวยเกิดความหวาดหวั่น แต่ด้วยความอยากรู้ว่าต้นกำเนิดของเสียงมันเกิดจากอะไรกันแน่ เขาจึงตัดสินใจก้าวลงไปตามขั้นบันไดด้านล่างช้า ๆ เมื่อก้าวลงไปได้สักพัก เขาจึงรู้คำตอบที่ว่าทำไมเขาจึงไม่สามารถมองเห็นพื้นของห้องใต้ดินแห่งนี้ได้ เพราะบันไดมันวกไปวกมานั่นเอง เขาเดินลงไป ลึกลงไปเรื่อย ๆ อากาศข้างใต้เริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ ทำให้อำนวยเริ่มขนลุก ความเย็นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย เขาเริ่มเสียวสันหลังวาบ ในที่สุดเขาก็เดินมาจนถึงพื้นของห้องใต้ดิน เขากวาดลำแสงของไฟฉายไปทั่วห้อง จนแสงต้องไปสะดุดกับตู้ใบใหญ่ใบหนึ่ง เป็นตู้กระจก แต่ถูกจับด้วยฝุ่นจนหนาเตอะจนไม่สามารถมองเห็นภายในได้ ด้วยความอยากรู้อำนวยจึงเดินตรงไปดูให้แน่ว่าอะไรถูกบรรจุภายในตู้ ถึงจะเข้ามาใกล้ก็ยังไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในตู้ใบนั้นได้ เห็นเพียงราง ๆ เท่านั้น เขาจึงยกมือขึ้นลูบฝุ่นที่เกาะอยู่กับกระจกนั้นออก สิ่งที่ตาของเขาเห็นกลับทำให้เขาเกิดความหวาดกลัวขึ้นจนจับจิต หัวกะโหลกนับร้อย ถูกบรรจุอยู่ในตู้ใบนั้น อำนวยถึงกับยืนขาสั่น ฟันของเขาขบกันเพราะความกลัว ขณะที่เขากำลังตกอยู่ห้วงความกลัวนั้น เขาก็ต้องตกใจซ้ำสอง ภายในตู้ปรากฏร่างของหญิงคนหนึ่งพุ่งตรงมายังอำนวย ยกมือขึ้นแปะกับกระจกและจ้องหน้าเขาตาเขม็ง หน้าของเธอขาวซีด ขอบตาดำโหล เธอแลบลิ้นยาวเกือบ 2 เมตรออกมา อำนวยไม่รีรออีกแล้ว รีบวิ่งออกมาจากห้องใต้ดินอย่างไม่คิดชีวิต เขาวิ่งขึ้นบันได โดยแทบจะไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย แต่ขณะที่เขาวิ่งผ่านห้องโถงใหญ่ ภายนอกหน้าต่างของตัวคฤหาสน์ถูกเกาะด้วยมือที่ขาวซีดมากมาย ทุกมือล้วนตบไปบนหน้าต่างจนเกิดเสียงดัง
“ กรี๊ด........ด ! ” เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง
ด้วยจำนวนผีมากมายที่อยู่ด้านนอกทำให้อำนวยไม่กล้าที่จะหนีออกจากข้างนอก เขารีบวิ่งกลับห้องพักของตนเองและหยิบผ้าห่มมาคลุมโปง และนอนตัวสั่นอยู่บนเตียง เวลาผ่านไปจนรุ่งเช้า ตอนนี้ผมของอำนวยเริ่มเปลี่ยนสี มันมีสีขาวสลับกับสีดำ ด้วยความกลัวอย่างจับจิต ทำให้เขาผมหงอกเต็มหัว เช้านี้สมภพเดินทางมายังคฤหาสน์ หลังจากที่ไม่ได้มาเสียหลายวัน
“ เป็นไงบ้างคุณอำนวย ผมของคุณทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ ? ” สมภพจุดกล้องยาพร้อมกับถามขึ้น
“ ผะ......ผะ......ผมโดนผีหลอกครับ ” อำนวยตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นและแหบ
“ ท่าทางคุณอาการไม่ดีเลยนะ วันนี้ผมให้คุณไปพักผ่อนได้ 1 วันละกัน เอ้านี่เงิน ไปเที่ยวพักผ่อนได้ตามสบายไป ” สมภพหยิบเงินและยื่นให้อำนวยจำนวน 1 หมื่น อำนวยรับเงินและลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว และเดินออกจากคฤหาสน์ เพื่อไปเที่ยวพักผ่อน ระหว่างทางเขารู้สึกเหนื่อย เขาจึงหยุดพักใต้ต้นไทรใหญ่ที่กลางซอย เขานั่งทบทวนคิดแล้วคิดอีกว่าจะเลิกทำงานนี้ดีหรือไม่ เมื่อเกิดความลังเลเขาจึงคิดได้ความคิดหนึ่ง เขาต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับคฤหาสน์หลังนี้ให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อหรือเลิกดี เมื่อคิดได้ดังนั้นอำนวยจึงได้ใช้วันหยุดวันนี้ให้เป็นประโยชน์ เขาเดินไปที่คิวมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และเริ่มซักถามเรื่องราวเกี่ยวกับคฤหาสน์แห่งนี้
“ เค้าเล่ากันว่า เมื่อก่อนที่ ที่ใช้สร้างคฤหาสน์หลังนี้เป็นที่เผาศพตอนสมัยโบราณ และที่สำคัญศพสมัยโบราณไม่มีการนิมนต์พระมาสวดด้วย ” มอเตอร์ไซค์รับจ้างแก่ อายุราว ๆ 50 กว่า เล่าเป็นคนแรก
“ ต้นไทรกลางซอยก่อนถึงตัวคฤหาสน์ มีคนมาฆ่าตัวตายบ่อยมาก เมื่อก่อนมันเคยเป็นที่ฝังศพตอนอหิวาระบาด บางคนยังไม่ตายด้วยซ้ำ ถูกขุดหลุมแล้วก็ฝังทั้งเป็น จากนั้นก็มีใครไม่รู้เอาต้นไทรมาปลูกทับหลุมนั้น พอต้นไทรต้นนั้นโต มันก็กลายเป็นที่ฆ่าตัวตายของหลาย ๆ คน หลายคนที่ผ่านไปผ่านมาเคยเห็นคนมากมายนั่งอยู่ตามกิ่งของต้นไทร จนหลายคนต่างกลัวกันเป็นแถว ๆ ” ชายหนุ่มคนหนึ่งเล่าให้อำนวยฟัง
“ มาฟังของข้าดีกว่า เจ้าของคนแรกของคฤหาสน์หลังนี้เป็นชาวญี่ปุ่น สมัยสงครามโลกมันจับคนมาขังไว้ห้องใต้ดิน และทรมานจนตาย ทดลองหลาย ๆ อย่าง กลางคืนผู้คนต่างได้ยินเสียงหวีดร้องจากตัวคฤหาสน์ ได้ยินมาว่ามันทดลองอาวุธเชื้อโรคด้วย แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นแพ้สงครามมันก็ทำฮาราคีรีคว้านท้องฆ่าตัวตายภายในตัวคฤหาสน์ ” มอเตอร์ไซค์รับจ้างร่างอ้วนเล่า
“ เจ้าของคนต่อมาเป็นหญิงสาวสวย เธอเจ้าระเบียบและมีรสนิยมแปลกประหลาด เธอจ้างคนรับใช้ไว้ในบ้านหลายสิบคน ถ้าคนรับใช้คนไหนออกไปนอกบ้านและกลับมาหลังเที่ยงคืน เธอจะทำโทษโดยการทรมาน ตัดนิ้วบ้าง ใบหูบ้าง จนคนรับใช้ต่างหวาดกลัว และพากันลาออกไปหมด แต่ที่น่าแปลกคือ ทุกคนที่ลาออกจะหายตัวไปอย่างลึกลับไร้ร่องรอยไปในวันรุ่งขึ้น จนคนรับใช้เกิดความหวาดกลัว ต่างไม่กล้าลาออก แต่เรื่องน่ากลัวมันหลังจากนี้ต่างหาก คืนหนึ่งบรรดาคนรับใช้ต่างทนความวิปริตของนายหญิงไม่ไหว ปรึกษากันและวางแผนที่จะลงมือฆ่าหล่อนให้ตาย และยึดสมบัติทั้งหมดของคฤหาสน์และแบ่งกัน แต่ความโชคร้ายของพวกเขา นายหญิงเกิดแอบได้ยินแผนที่พวกเขาวางไว้ หลังจากที่ฟังแผนการทั้งหมดจบ เธอถึงกับโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เธอเดินมุ่งหน้ากลับไปยังห้องของเธอ รอจนทุกคนหลับ เวลาเที่ยงคืน คนรับใช้ทุกคนต่างนอนหลับกันหมด เธอเดินไปที่ห้องคนรับใช้พร้อมกับมีดที่คมกริบทั้ง 2 มือ เธอย่องเข้าไปเชือดคนรับใช้ที่นอนหลับอยู่ทีละคน ทีละคนจนหมด จากนั้นเธอขึ้นไปบนชั้น 2 และผูกคอตายบนนั้น สภาพการตายของเธอช่างแปลกและไม่เหมือนใคร ลิ้นของเธอห้อยออกมายาวกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า จากนั้นตำรวจเข้าไปตรวจที่เกิดเหตุ พบว่าที่ห้องใต้ดินก็มีศพถูกซ่อนอีกหลายศพ ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นศพคนใช้ที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย ” พูดจบชายขับรถมอเตอร์ไซค์ผิวดำ ก็ลุกขึ้นเดินไปกินน้ำเพื่อแก้คอแห้ง
หลังจากคุยกับคิวมอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่หลายชั่วโมง อำนวยก็เดินทางไปหาข้อมูลในตลาดต่อ ที่ที่เขาไปหาข้อมูลคือร้านกาแฟที่เป็นแหล่งชุมนุมของคนในตลาดเพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารกันมีทั้งข้อมูลที่จริงและไม่จริง ร้านกาแฟอยู่ตรงกลางของตลาดพอดี เป็นร้านเก่า ๆ 2 ชั้น มุงด้วยสังกะสี ภายในร้านมีโต๊ะไม้สำหรับนั่งจิบกาแฟ 3 ตัว เก้าอี้เป็นเก้าอี้ไม้ยาว เมื่อมาถึงอำนวยนั่งลงและสั่งกาแฟ 1 แก้ว เขาค่อย ๆ สอบถามคนที่ผ่านไปผ่านมา น่าแปลก เรื่องที่ชาวบ้านเล่าล้วนตรงกับที่มอเตอร์ไซค์รับจ้างเล่าเกือบทั้งสิ้น จะผิดเพี้ยนก็มีเพียงเล็กน้อย เมื่อนำเรื่องทั้งหมดมาปะติดปะต่อ อำนวยก็รับรู้ถึงความน่าหวาดกลัวของคฤหาสน์หลังนี้ เขานังครุ่นคิดจนตะวันลับขอบฟ้า ยิ่งใกล้มืด เวลาก็ยิ่งใกล้เข้ามา ความกลัวความสับสนเล่นงานเขาจนประสาทเสีย ผมของเขาดูเหมือนจะหงอกเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เวลา 2 ทุ่มครึ่ง อำนวยตัดสินใจกัดฟันกลับไปยังคฤหาสน์หลังนั้น เพราะค่าตอบแทน เขาเลือกที่จะกลับไป เขาคิดที่จะทำงานเพียงแค่ 3 เดือน เก็บเงินซักก้อนและลาออก นำเงินที่เก็บไปลงทุนค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็คงจะพออยู่ได้ เมื่อตัดสินใจได้เขาจึงเดินทางกลับสู่คฤหาสน์ทันที ขากลับ แน่นอนเขาต้องผ่านต้นไทรที่น่าสยดสยองต้นนั้น ยิ่งได้รู้ความเป็นมายิ่งทวีความน่ากลัวให้กับต้นไทรเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่า เขารีบเดินจ้ำเพื่อให้ผ่านต้นไทรไปได้อย่างรวดเร็ว
“ โอ๊ย........ย ! ช่วยด้วย.........ย ! ” เสียงร้องอันเย็นยะเยือกดังมาจากบนต้นไทรขณะที่อำนวยกำลังจะเดินผ่าน เขาจำใจเงยหน้าขึ้นไปดู และก็แน่นอนภาพที่เขาเห็นทำให้เขาแทบช็อค หญิงสาวหน้าขาวซีดนั่งอยู่บนกิ่งต้นไทร แสยะยิ้มน่าขนลุกให้กับเขา และตามกิ่งต้นไทรก็มีอีกหลายตัวนั่งอยู่เต็มไปหมด สายลมอันหนาวเย็นพัดมากระทบผิวกายของอำนวย ทำให้เขาถึงกับขนลุกซู่ เขาไม่รอช้ารีบก้าวขาออกวิ่งอย่างสุดกำลังเพื่อให้ถึงตัวคฤหาสน์โดยเร็ว ทันทีที่เขาถึงตัวคฤหาสน์ เขากลับต้องพบความแปลกใจ ประตูหน้าและประตูตัวคฤหาสน์กลับไม่ได้ล็อค เขาเงยหน้าขึ้นมองบนชั้น 2 อย่างไม่ตั้งใจ ตาของเขากับเบิกโพลง สิ่งที่สายตาเขาได้เห็นที่หน้าต่างบนชั้น 2 ปรากฏร่างของหญิงสาวในชุดคล้ายชุดนอนยาวสีแดงยืนจ้องลงมาที่อำนวย ดวงตาของเธอดุและน่ากลัวมากทีเดียว อำนวยสบตาของเธออยู่ไม่กี่วินาที หลังจากนั้นเธอก็อันตรธานหายไปเหมือนกลุ่มควัน ทิ้งให้อำนวยยืนงงอยู่พักใหญ่ ทันทีที่เขาคืนสติเขารีบตรงดิ่งเข้าสู่ห้องของตนเอง และล็อคประตูอย่างรวดเร็ว เขาเข้านอนโดยที่ไม่อาบน้ำในคืนนี้ ความคิดของเขาคืออยู่ในห้องและนอนเฉย ๆ โดยไม่ออกจากห้องก็คงไม่เกิดอะไรขึ้นกับเขาแน่นอน เสียงกรีดร้องยังคงดังขึ้นระงมทั่วตัวคฤหาสน์ แต่อำนวยกลับไม่แยแสกับมัน เขานอนและเปิดเครื่องเสียงดังสนั่นจนลำโพงแทบแตก เพื่อกลบเสียงกรีดร้องเหล่านั้น
เขาอยู่ดูแลคฤหาสน์จนได้ประมาณ 2 อาทิตย์ เขาได้แต่นิ่งเฉยและไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ทำให้เขาสามารถอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ได้อย่างสบายขึ้น วันนี้เป็นวันพุธวันหยุดของเขาพอดี แต่น่าแปลกที่ตลอดทั้ง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาสมภพไม่เคยแวะเวียนมาที่คฤหาสน์หลังนี้เลย อำนวยจัดแจงล็อคบ้าน และออกไปข้างนอกเพื่อพบปะและพูดคุยกับคนในละแวกนั้นเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม วันนี้เขาตระเวนคุยไปจนเกือบทั่วตลาด เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับตัวคฤหาสน์ บ้านบางหลังก็แสดงท่าทีรังเกียจและไม่ต้อนรับเขาก็มี ถึงแม้จะตระเวนซักถามพูดคุยทั้งวันก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมมากนัก เขาเที่ยวตระเวนไปทั่วตลาดจนถึงเวลา 6 โมงเย็น
ท้องฟ้าเริ่มมืดเขาจึงเดินทางกลับคฤหาสน์ ขากลับเขาต้องเดินผ่านวินมอเตอร์ไซค์ตามเคย ปรากฏว่าเหล่าวินมอเตอร์ไซค์กำลังตั้งวงกินเหล้ากันอยู่อย่างสนุกสนาน
“ คุณอำนวย ไปไหนมาครับ ? ” เสียงเด็กหนุ่มที่เคยซ้อนอำนวยไปส่งยังคฤหาสน์กล่าวถามขึ้นเสียงดังจากวงเหล้า
“ อ๋อ...... ไปธุระที่ตลาดมาครับ ” อำนวยยิ้มและตอบกลับไป
“ นั่งกินเหล้าด้วยกันก่อนสิครับ ” เสียงหัวหน้าวินเรียกอำนวยให้มานั่งกินเหล้าด้วยกันกับบรรดามอเตอร์ไซค์รับจ้างทั้งหมด
อำนวยที่ไม่ได้กินเหล้ามานานรู้สึกเปรี้ยวปากในทันที ความอยากทำให้เขาตรงดิ่งไปร่วมวงกับมอเตอร์ไซค์รับจ้างอย่างไม่รีรอ
“ งั้นผมไม่เกรงใจละนะครับ ไม่ได้กินเหล้ามานานแล้วด้วย ” อำนวยพูดพร้อมนั่งลง
“ ไม่ต้องเกรงใจ ตามสบายเลยครับ....... ไอ้น้องเอาแก้วมาให้คุณอำนวยด้วยซิ ” หัวหน้าวินพูดพร้อมสั่งให้เด็กหนุ่มหยิบแก้วให้อำนวย
ความสนุกช่างผ่านไปรวดเร็วเสียเหลือเกิน ตอนนี้เหล้าหมดไปเกือบ 6 กลมแล้ว อำนวยและเหล่ามอเตอร์ไซค์รับจ้าง ต่างร้องรำทำเพลงกันด้วยความสนุกสนาน เวลาล่วงเลยไปจนถึง 5 ทุ่มครึ่ง
“ กี่......ทุ่ม......แล้ว......ไอ้......น้อง ” อำนวยถามเด็กหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่อ้อแอ้
“ ห้า......ทุ่ม......ครึ่ง......คร้าบ......พี่ ” เสียงเด็กหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ้อแอ้เช่นกัน
“ เดี๋ยว......ห้าทุ่ม......สี่......สิบ......แล้ว......บอก......พี่......ด้วยนะ......พี่ต้อง......รีบกลับ......คฤหาสน์...... ” อำนวยสั่งเด็กหนุ่มเป็นดิบดี
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น