คฤหาสน์ หวาดกลัว - นิยาย คฤหาสน์ หวาดกลัว : Dek-D.com - Writer
×

    คฤหาสน์ หวาดกลัว

    เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งผู้ที่อ่านโปรดใช้วิจารณาในการอ่าน ปล.เรื่องนี้อาจจะซ้ำกับของคนอื่นถ้าซ้ำหรือเขียนผิดหรื

    ผู้เข้าชมรวม

    174

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    174

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  29 ต.ค. 56 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

            หลังจากตกงานมา 5 เดือน   อำนวยรีบกระโจนเข้ารับงานดูแลคฤหาสน์หลังใหญ่ที่โทรติดต่อมาเมื่อตอนเช้าทันที   รายละเอียดของงานเจ้าของคฤหาสน์ไม่ได้อธิบายชัดเจนนัก  บอกเพียงว่าแค่ดูแลคฤหาสน์เท่านั้น   แต่เจ้าของคฤหาสน์บอกว่าค่าตอบแทนสูงมาก   อำนวยจึงไม่รีรอรีบตกปากรับคำทันที   อำนวยเป็นชายหนุ่มตัวไม่สูงนัก   อายุประมาณ 26 ปี   ไว้ผมรองทรงแสกข้างทางด้านขวา   เจ้าของคฤหาสน์นัดอำนวยพูดคุยรายละเอียดตอนบ่าย 2 โมงเย็นของวันนี้
                    และแล้วก็ถึงเวลานัด    หลังจากลงจากรถเมล์  อำนวยก็จ้างมอเตอร์ไซค์รับจ้าง   เพื่อให้ไปส่งยังซอยที่เจ้าของคฤหาสน์แจ้งไว้   ซอยนั้นมีจุดเด่นคือมีต้นไทรใหญ่อยู่กลางซอย   แต่เขาต้องพบกับความประหลาดใจ   มอเตอร์ไซค์รับจ้างต่างพากันเบะหน้าและเกี่ยงกันที่จะไปส่ง  สุดท้ายก็ลงเอยที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งอายุประมาณ 18 ปี
                    “  พี่ไม่ใช่คนแถวนี้  คงไม่รู้สินะ  ”    มอเตอร์ไซค์รับจ้างหนุ่มถามขึ้นขณะเลี้ยวเข้าซอย
                    “  รู้อะไรเหรอน้อง ?  ”    อำนวยถามกลับ
                    “  ก็คฤหาสน์หลังที่พี่จะไปนะซิ   ผีโคตรดุเลย  คนแถวนี้ใคร ๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละ  ขนาดกลางวันยังเคยมีคนถูกหลอกกันมาแล้ว  ”  คำพูดของมอเตอร์ไซค์รับจ้างเริ่มทำให้อำนวยเกิดอาการหวั่น ๆ  เขาเริ่ม 2 จิต 2 ใจ   ว่าจะไปต่อหรือกลับดี   แต่ความจำเป็นมันบังคับ  ถ้าไม่รีบคว้างานนี้ไว้ เขาต้องอดตายแน่    เงินกับผีต้องเลือกเงินไว้ก่อนเพื่อปากท้อง   ถ้ากลัวก็อดตาย  คิดได้เช่นนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะถอยหลังกลับอีกแล้ว   รถแล่นผ่านต้นไทรใหญ่กลางซอยตามที่เจ้าของคฤหาสน์บอก   มันเป็นต้นไทรต้นใหญ่ขึ้นอยู่ที่กลางซอยอายุหลายร้อยปี   ตามกิ่งมีรากไทรห้อยระโยงระยางสร้างความน่าขนลุกให้กับต้นไทรต้นนี้มาก   มอเตอร์ไซค์รับจ้างบอกอำนวยว่าไม่ให้หันไปดูที่ต้นไทรเพราะมีหลายคนเจอดี   เห็นผีบนต้นไทรมาแล้วนักต่อนัก   รถแล่นมาจนถึงสุดซอย ในที่สุดก็ถึงคฤหาสน์หลังที่เป็นจุดหมาย
                    บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังใหญ่จะเรียกว่าเป็นคฤหาสน์ก็ไม่ผิดแต่ประการใด   รั้วเป็นสีทองประตูก็เป็นอัลลอยสีทองด้วยเช่นกัน   ตัวคฤหาสน์เป็นสีฟ้าอ่อน ๆ ค่อนข้างเก่า     และให้ความรู้สึกน่าขนลุก   บรรยากาศทึบ ๆ  อึมครึมยังไงบอกไม่ถูก  ทันทีที่อำนวยก้าวมาถึงหน้าคฤหาสน์  เขาเหมือนถูกกดดันจากแรงกดดันอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น
                    “  เท่าไหร่น้อง ?  ”     อำนวยถามราคาค่าโดยสาร
                    “  30 ครับ  ”    มอเตอร์ไซค์รับจ้างพูดพร้อมแหงนหน้าขึ้นไปมองยังหน้าต่างชั้น 2 ของตัวคฤหาสน์   ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่งเพราะ
                    “  เหวอ..........อ !  ผะ........ผะ........  ”    มอเตอร์ไซค์รับจ้างอุทานออกมาอย่างไม่เป็นคำ   ขณะนี้ใบหน้าเขาขาวซีดเหมือนคนไม่มีเลือด   เหงื่อผุดขึ้นจนเต็มใบหน้าขาสั่นเกร็ง
                    “  พี่เก็บเงินไว้เถอะ   ผมไม่เอาแล้ว   โชคดีนะพี่  ”    เขาพูดแล้วรีบสตาร์ทและบิดมอเตอร์ไซค์จากไปอย่างรวดเร็ว   ทิ้งให้อำนวยยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่คนเดียว   อำนวยจึงมองไปยังหน้าต่างชั้น 2  ของคฤหาสน์ที่เดียวกับมอเตอร์ไซค์รับจ้างมองบ้าง   แต่เขากลับไม่เห็นอะไร มีเพียงความว่างเปล่า
                    “  สงสัยมันกลัวซะจนหลอน  ”    อำนวยพูดขึ้นอย่างลอย ๆ
    อำนวยไม่รอช้ารีบกดกริ่งที่ประตูรั้วเพื่อเข้าไปตกลงรายละเอียดกับเจ้าของคฤหาสน์เพื่อจะได้เริ่มทำงานซักที   แค่ไม่กี่วินาทีก็มีชายแก่ผอมหน้าตอบเดินมาเปิดประตูประหนึ่งหายตัวมา
                    “  คุณอำนวยใช่ไหมครับ ?  ”    ชายแก่ถามขึ้นหลังจากเปิดประตูให้อำนวย
                    “  ใช่ครับ  ”    อำนวยตอบ
                    “  ผมเป็นคนที่โทรหาคุณเมื่อเช้า   เป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ชื่อสมภพ   เข้ามาข้างในก่อนซิ  ”  ชายแก่พูดพร้อมกับเชื้อเชิญอำนวยเข้าสู่ในตัวคฤหาสน์
                    ในทันทีที่เดินผ่านประตูไม้บานใหญ่หน้าคฤหาสน์อำนวยถึงกับขนลุกซู่   ความรู้สึกของเขาเหมือนถูกจ้องมองจากดวงตาหลายคู่จากทุกทิศทุกทาง   ภายในคฤหาสน์ดูโอ่โถงและหรูหรามาก  มีโคมไฟระย้าสวยงาม   โซฟาสีแดงตัวใหญ่ตั้งอยู่กลางตัวคฤหาสน์   เชิญชวนให้นั่งเป็นอย่างยิ่ง     แต่ความรู้สึกถูกจ้องมองของอำนวยยังคงไม่จางหาย
                    “  เชิญนั่งสิ  ”    เสียงจากสมภพทำให้อำนวยสะดุ้งตื่นจากห้วงคำนึงคิด
                    “  อะ.........เอ่อ....ครับ  ”     อำนวยขานรับแบบติดอ่างและรีบนั่งลง
                    “  เรามาเริ่มคุยเรื่องรายละเอียดกันเลยดีกว่า  ”    สมภพพูดพร้อมกับจุดกล้องยาไม้สีน้ำตาลขึ้นส
                    “  ก็ดีครับ  ”    อำนวยพูดพร้อมกับยิ้ม
                    “  ผมจะให้คุณอยู่ดูแลที่นี่ตลอด 24 ชั่วโมง  6 วัน  วันพุธเป็นวันหยุด ตกลงมั้ย ?  ”   สมภพพูดจบก็พ่นควันสีขาวออกทางจมูก
                    “  แล้วเรื่องค่าจ้างล่ะครับ ? ”    อำนวยถามกลับ
                    “  อ๋อ.......อ ผมลืมไป  ผมจะให้คุณเดือนละ 5 หมื่น  อาหาร 3 มื้อฟรี  น้อยไปมั้ย ?  ถ้าคุณอยู่ครบ 3 เดือน  ผมจะเพิ่มให้เป็น 7 หมื่น  ”    สมภพพูดพร้อมหยิบกล้องยาออกจากปาก
                    “  โห!......ไม่น้อยไปหรอกครับ    ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านก่อนนะครับ  ”
    อำนวยพูดจบก็ลุกขึ้น
                    “  ไม่ต้องกลับไปเก็บหรอกเสื้อผ้าน่ะ......ที่นี่มีเสื้อผ้ามากมายสำหรับคนดูแลอยู่แล้ว  ” สมภพจับแขนอำนวยและพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม    มือของสมภพเย็นเฉียบเหมือนกับคนตายไปแล้วไม่มีผิด   แต่อำนวยก็ยังคงกัดฟัน   พยายามข่มความกลัวให้หมดไป   เพราะค่าตอบแทนของงานนี้มากอย่างเหลือเชื่อ   ด้วยวุฒิการศึกษาเช่นเขา   ไม่มีทางเลยที่จะหางานที่ค่าตอบแทนสูงขนาดนี้   ได้อีกแล้วในชาตินี้   งานในโรงงานอย่างเก่งถึงทำโอทีก็คงไม่เกินหมื่น ถึงหมื่นห้า   ทำให้ตายก็ไม่มีทางได้เงินเยอะขนาดนี้อีกแล้ว   อีกทั้งสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้   น้ำมันถีบตัวแพงขึ้นทุกวันข้าวของเครื่องใช้ก็จะมีแต่ขึ้นราคา   ถ้าปล่อยให้งานที่มีค่าตอบแทนสูงเช่นนี้หลุดมือไป   เขาคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่นอน
                    สมภพพาอำนวยไปที่ห้องพัก  และบอกกฎ 3 ข้อ ของคฤหาสน์หลังนี้ให้เขาฟัง
    ข้อที่ 1  ช่วงกลางดึก ถึงแม้จะได้ยินเสียงอะไรก็ห้ามออกจากห้องเด็ดขาด
    ข้อที่ 2  ถ้าออกไปข้างนอก ต้องกลับเข้าตัวคฤหาสน์ก่อนเที่ยงคืน
    ข้อที่ 3  ทุกวันพระ ต้องออกไปทำบุญที่วัดทุกครั้ง อย่าให้ขาด
    เมื่อมาถึงห้องพักอำนวยถึงกับตกใจกับห้องพัก   เขาแทบไม่เชื่อสายตา  สภาพของห้องพักมันไม่น่าที่จะเป็นห้องพักของคนดูแลคฤหาสน์เลย   มันน่าจะเป็นห้องพักของเจ้าของคฤหาสน์มากกว่า   เครื่องอำนวยความสะดวกล้วนครบครัน   ทีวีขนาด 30 นิ้ว   เครื่องเสียงโฮมเธียร์เตอร์   ตู้เย็น 2 ประตูขนาดใหญ่   แอร์   เตียงนอนขนาดใหญ่   ห้องน้ำในตัว  
    “  นี่ใช่ห้องของผมจริง ๆ หรือครับ  ”   อำนวยถามขึ้นด้วยความตกใจ
    “  ไม่ต้องตกใจ  นี่แหละห้องพักของคุณ  เชิญพักให้สบายใจแล้วกัน  แต่อย่าลืมทำตามกฎด้วยล่ะ  ”    สมภพพูดพร้อมกับสูบยาจากกล้องยาอีกครั้ง  
    หลังจากตกลงกันเสร็จ  สมภพก็ขับรถออกจากตัวคฤหาสน์   ทิ้งให้อำนวยอยู่ในตัวคฤหาสน์คนเดียว   ความมืดเริ่มย่างกรายเข้ามาปกคลุมตัวคฤหาสน์   อำนวยตะเวนเปิดไฟทั่วทั้งตัวคฤหาสน์จนสว่างไสวไปทั่ว   ความน่ากลัวของคฤหาสน์จึงลดลงไปบ้าง   แต่ความรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองยังคงไม่จางหายไป   จากนั้นเขาก็เดินไปล็อคประตูทั่วคฤหาสน์แล้วกลับเข้าห้องของตนเอง   เปิดเครื่องเสียงและนอนฟังอย่างสบายใจ   จนเขาเผลอหลับไป
    “  แก๊ง............ง !  แก๊ง............ง !    แก๊ง............ง !  ”   เสียงดังจากนาฬิกาส่งเสียงบอกเวลาเที่ยงคืนปลุกอำนวยให้ตื่น   เครื่องเสียงยังคงเล่นเพลงเสียงดังลั่น     เขาตรงดิ่งเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ  หลังจากอาบน้ำเสร็จ   เขาแต่งตัวด้วยชุดนอนในตู้เสื้อผ้าที่ถูกเตรียมไว้   หลังจากแต่งตัวเสร็จ  เขาปิดเครื่องเสียง  และเปิดทีวีเพื่อดูรายการจากทีวีแทน   ขณะที่ดูทีวีไปได้สักพักนั้น
    “  กรี๊ด.........ด!  ”   เสียงหวีดร้องดังลั่น   ดังมาจากภายในตัวคฤหาสน์     สร้างความตกใจให้กับอำนวยเป็นอย่างมาก    แต่เขานึกถึงกฎข้อแรกที่สมภพบอก    เขาจึงทำเป็นไม่สนใจ     ได้แต่หยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงจนมิดทั้งตัว    คืนนั้นอำนวยแทบไม่ได้นอนเลยทั้งคืน    เสียงกรีดร้องอย่างทรมาน    และเสียงรบกวนหลายอย่างดังขึ้นหลายครั้งตลอดคืน    จนถึงตี 4  ทุกอย่างก็กลับสู่ความเงียบมีเพียงเสียงดังจากทีวีเท่านั้น    ที่ส่งเสียงดังในขณะนี้    อำนวยหลับไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว
    “  ก๊อก ๆ  ”   เสียงเคาะประตูห้องปลุกให้อำนวยลืมตาตื่น  แสงสว่างที่ส่องมากระทบดวงตาของเขา    ทำให้รู้สึกแสบตามาก    อำนวยเดินไปเปิดประตู    สมภพนั่นเองที่เป็นคนเคาะประตู
    “  เป็นไงบ้างคุณอำนวย   คืนแรกกับคฤหาสน์หลังนี้ ?  ”   สมภพถามคำถามแรกทันทีที่ได้พบหน้าอำนวย
    “  ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ   ปกติดีทุกอย่าง  ”   อำนวยตอบพร้อมยิ้มแห้ง ๆ
    “  ไม่ต้องโกหกผมหรอก   ผมรู้จักที่นี่ดีขอให้คุณปฏิบัติตามกฎ รับรองคุณ ทำงานที่นี่ได้อย่างสบายไม่มีปัญหาแน่นอน  ”   สมภพพูด พร้อมหยิบกล้องยาขึ้นสูบ
    “  ครับ.....  ”   อำนวยขานรับด้วยเสียงอ่อย ๆ
    “  แต่ก่อนอื่นคุณไปอาบน้ำ   เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ    ผมจะพาคุณไปซื้อของมาตุนไว้ จะได้ไม่ต้องออกไปซื้อบ่อย ๆ  ”   สมภพพูดพร้อมพ่นควันสีขาวใส่หน้าของอำนวย    อำนวยรีบอาบน้ำแต่งตัว   เขาเหลือบดูนาฬิกาถึงกับตกใจ    นาฬิกาบอกเวลาตอนนี้ 4 โมงเย็นแล้ว    ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะหลับไปนานขนาดนั้น    สมภพพาอำนวยไปซื้อของกินและของใช้มากมายมาตุนไว้   มันมากพอที่เขาจะกินและใช้ได้สัก 3 เดือน
    “  อย่าลืมไปทำบุญด้วยล่ะ   ไม่อย่างนั้นคุณอยู่ไม่ถึง 3 เดือนแน่  ”   สมภพย้ำก่อนเดินทางกลับ    ทิ้งไว้เพียงความสงสัยให้กับอำนายเท่านั้น
    “  ถ้าไม่ทำบุญจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา ?   ทำไมไม่ทำบุญ แล้วจะอยู่ไม่ถึง 3 เดือน ?  ” คำถามอีกมากมายผุดขึ้นมาในสมองของอำนวย    แต่เขาก็รีบสลัดมันทิ้ง   เพียงคิดถึงผลตอบแทนที่จะได้รับ   มันทำให้เขาทิ้งคำถามที่คาใจทั้งหมดจนสิ้นไป
    คืนนี้อำนวยรีบอาบน้ำแต่หัวค่ำ    เขากินอาหารในห้องนอนและดูทีวี   โดยไม่ออกไปจากห้องแม้ก้าวเดียว   เวลาล่วงเลยไปจนถึงเวลาเที่ยงคืน   อำนวยเริ่มง่วง หนังตาของเขาเริ่มหนักอึ้ง และเริ่มสัปหงก   แต่ทันใดนั้นเสียงหนึ่งทำให้อำนวยถึงกับสะดุ้ง
    “  ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ  ”   เสียงเคาะดังมาจากประตูหน้าห้องของอำนวย
    อำนวยจ้องไปที่ประตูตาไม่กระพริบ   เสียงเคาะยังคงดัง  และดังถี่ขึ้นเรื่อย ๆ   เขาจึงตัดสินใจเดินไปที่ประตูเพื่อหยุดความรำคาญจากเสียงเคาะเสียที   เขายืนจ้องไปที่ประตูอยู่พักใหญ่  เขาเริ่มลังเลว่าจะเปิดดีหรือไม่เปิดดี   หากเปิดไปแล้วพบกับสิ่งที่เขาไม่อยากพบจะทำอย่างไร   ความคิดของเขาเริ่มกระเจิดกระเจิง   แต่ถ้าไม่เปิดคืนนี้เขาคงไม่ได้หลับได้นอนแน่   เสียงเคาะยังคงรบกวนโสตประสาทของเขาไม่หยุดหย่อนแน่   เขาจึงตัดสินใจสะกดความกลัวในจิตใจ   บิดลูกบิดประตูและดึงอย่างรวดเร็ว   แต่สิ่งที่เขาได้พบกลับเป็นความว่างเปล่า    เขาชะโงกหน้าออกไปมองซ้ายมองขวา   หลายรอบแต่กลับไม่พบอะไร   เขาจึงปิดประตูและกลับไปนั่งดูทีวีตามเดิม   สักพักเสียงเคาะก็ดังขึ้นอีกครั้ง  มันดังถี่ขึ้นเรื่อยจนทำให้อำนวยแทบประสาทกิน   ด้วยความโมโหเขาจึงลุกขึ้นไปเปิดอีกครั้ง  แต่เมื่อประตูถูกเปิดออก  เขาก็ได้พบกับความว่างเปล่าเช่นเคย  ความโกรธเกาะกุมจิตใจของเขา   อำนวยปิดประตูเสียงดังปิดไฟปิดทีวีและเข้านอน   แต่น่าแปลกเสียงเคาะประตูกลับหายไปเฉย ๆ ไม่กี่นาทีอำนวยก็เริ่มผล็อยหลับไป
    “  แกร๊ก ๆ  ”   เสียงเหมือนกุญแจล็อคลูกบิดถูกคลายออก   ประตูถูกเปิดออก ปรากฏเงาของชาย 2 คน ขึ้นมาตรงดิ่งมาที่อำนวย   และไม่พูดพร่ำทำเพลงจัดการอัดอำนวยเสียจนน่วม   หลังจากอำนวยสลบไป  พวกมันก็ทำการรื้อค้นหาของมีค่า  และขนออกไป  พวกมันคือขโมยนั่นเอง
    เช้าวันรุ่งขึ้น  อำนวยลืมตาตื่น พร้อมกับความเจ็บปวดทั่วร่างกาย  หลายจุดเขียวช้ำเป็นจ้ำ ๆ อำนวยค่อยพยุงร่างลุกขึ้นช้า ๆ  เขาเดินสำรวจทั่วบริเวณบ้าน  ว่าอะไรถูกขโมยไปบ้าง  ปรากฎว่าของถูกขโมยไปหลายชิ้น
    “  หวอ........อ !  ”   เสียงไซเรนดังลั่น  ทำให้อำนวยรีบวิ่งออกไปดู
    เสียงไซเรนดังมาจากบริเวณต้นไทรใหญ่นั่นเอง   ด้วยความสงสัย อำนวยจึงเดินออกไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่   เมื่อมาถึงบริเวณต้นไทรใหญ่   รถตำรวจ 1 คันและรถหน่วยกู้ภัยอีก 1 คันจอดอยู่ใต้ต้นไทรต้นนั้น   ผู้คนมากมายต่างรุมล้อมและพูดจากันเซ็งแซ่   ทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นดูบนต้นไทร   ภาพที่เขาได้เห็นสร้างความสะอิดสะเอียนให้เขาเป็นอย่างยิ่ง   บนต้นไทรปรากฏร่างของชาย 2 คน  ผูกคอตายอยู่   ผู้ตายหน้าตาทุกข์ทรมานมาก  คนหนึ่งลิ้นออกมาจุกปาก  ตาถลน  อีกคนหนึ่งตาเหลือกลิ้นยาวห้อยออกมาหลายนิ้ว   ด้านล่างของศพมีข้าวของมีค่ากองอยู่มากมาย   อำนวยเดินเข้าไปดูของก็จำของบางชิ้นได้ว่ามันมาจากคฤหาสน์ที่เขาดูแลอยู่
    “  ของพวกนี้มาจากคฤหาสน์ หลังที่ผมดูแลอยู่ครับ  ”   อำนวยรีบแจ้งตำรวจเกี่ยวกับของทั้งหมด
    “  ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณไปให้ปากคำที่โรงพักก่อนนะครับ  ”    ตำรวจนายหนึ่งพูดขึ้น
    “  เดี๋ยวก่อน  คุณดูแลคฤหาสน์หลังไหนไม่ทราบครับ ?  ”   ตำรวจอีกนายถามอำนวย
    “  อ๋อ........หลังสีฟ้าที่อยู่สุดซอยน่ะครับ  ”   อำนวยพูดพร้อมกับชี้มือไปที่คฤหาสน์หลังที่เขาดูแลอยู่
    “  ไม่ต้องแล้วครับ   ขนของกลับคฤหาสน์ไปได้เลย  ไม่ต้องไปสอบปากคำแล้วครับ  ”  ตำรวจทำท่าลุกลี้ลุกลนมือไม้สั่นและหน้าซีดทั้ง 2 คน
    “  หน่วยกู้ภัย  เอาศพลงมาแล้วรีบไปจากที่นี่กันเถอะ  ”   ตำรวจออกคำสั่งกับหน่วยกู้ภัยส่วนชาวบ้านต่างแตกฮือ  ทุกคนหน้าถอดสีและรีบแยกย้ายกันกลับบ้านอย่างรวดเร็ว   ทิ้งไว้แต่อำนวยให้ยืนงงอยู่คนเดียว   หลังจากทุกคนกลับจนหมด  อำนวยก็จัดการขนของที่ถูกขโมยกลับจนหมด   วันนี้คุณสมภพไม่แวะมา   ช่วงเย็นอำนวยทำกับข้าวกินเอง   เขานั่งกินอย่างสบายใจ   เพราะของที่ถูกขโมยได้คืนมาหมด   แต่คำถามมากมายยังคงผุดขึ้นในหัวของเขา   แต่เขาคิดว่าจะคิดทำไมให้ปวดหัว   ของก็ได้คืนมาหมดแล้วไม่มีปัญหาอะไร   เขาเพียงก้มหน้าก้มตาดูแลคฤหาสน์หลังนี้ให้ดี   ต่อไปเขาก็จะสุขสบายมีเงินใช้   หลังจากกินข้าวเสร็จเขาก็รีบล็อคประตูทั่วคฤหาสน์  และรีบกลับเข้าห้องพักของตนเอง   เขาอาบน้ำและมานั่งดูทีวีเหมือนทุกวันที่ผ่านมา   วันนี้ภายในตัวคฤหาสน์กลับเงียบสงบไร้เสียงรบกวนใด ๆให้รำคาญใจ  เขาเหลือบไปมองปฎิทิน
    “  พรุ่งนี้วันพระนี่หว่า !  ”   เขาอุทานขึ้น
    เขารีบตั้งนาฬิกาปลุก   และปิดไฟเข้านอนในทันที  คืนนั้นอำนวยหลับสนิทโดยไม่มีสิ่งใดรบกวนเขาเลยทั้งคืน
    “  กริ๊ง ~~ง !  ”   เสียงนาฬิกาปลุกเสียงดังสนั่น   ปลุกให้อำนวยลุกขึ้นจากที่นอนตามเวลาที่เขาตั้งไว้คือตี 5  เขาล้างหน้าล้างตา   และรีบตรงเข้าครัวเพื่อทำกับข้าว เพื่อเตรียมตัวไปวัด   หลังจากเตรียมตัวพร้อมเขาก็จัดแจงเดินทางไปวัดที่อยู่ไม่ไกลนัก   ทันทีที่เขาไปถึงวัด   ผู้คนต่างแสดงท่าทีรังเกียจเขา   เขาต้องนั่งฟังพระเทศน์คนเดียว   หลังจากทำบุญเสร็จเรียบร้อย  อำนวยก็เก็บของและเดินทางคฤหาสน์   ขณะกลับเขาเดินสวนทางกับหลวงตารูปหนึ่ง
    “  เดี๋ยว..........ก่อนสิโยม  ”   หลวงตาทักขึ้น
    “  มีอะไรรึครับหลวงตา ?  ”    อำนวยยกมือขึ้นพนมพร้อมถาม
    “  สีหน้าโยมดูหมองคล้ำ  ดูเหมือนโยมจะมีเคราะห์นะ  ” 
    “  จริงเหรอครับหลวงตา   แล้วพอจะมีวิธีผ่อนหนักให้เป็นเบาบ้างไหมครับหลวงตา  ”  หลวงตาหยิบสายสิญจน์เส้นหนึ่งยื่นให้อำนวย   อำนวยไหว้และรับไว้
    “  พกติดตัวไว้นะโยม   มันจะช่วยป้องกันโยมจากอันตรายทั้งปวงที่จะมาทำร้ายโยม  ”   พูดจบหลวงตาก็เดินจากไป
    อำนวยเดินทางมาถึงคฤหาสน์เวลาเกือบบ่ายโมง   วันนี้ก็เป็นอีกวันที่สมภพไม่มาที่คฤหาสน์หลังนี้   อำนวยดูแลปัดกวาดเช็ดถูคฤหาสน์จนกระทั่งเวลาเย็น   หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน   เขาก็อาบน้ำ    กินข้าว    และเข้าห้องพักผ่อน   เขานอนดูทีวีอย่างสบายใจ   จนกระทั่งเวลาล่วงเลยถึงเวลาตี 1
    “  กรี๊ด.......ด !  ”   เสียงกรีดร้องเสียงดัง   ทำให้เขาถึงกับสะดุ้ง
    เสียงกรีดร้องเริ่มดังถี่ขึ้นเรื่อย ๆ   ไม่มีทีท่าที่จะหยุดหย่อน   สร้างความรำคาญให้กับอำนวยเป็นอย่างมาก   ความอดทนของเขาเดินทางมาถึงขีดจำกัด
    “  เงียบซะที !   หนวกหูโว้ย !   ”   เขาเปิดประตูห้องพร้อมตะโกนออกไปเสียงลั่น   หลังจากสิ้นเสียงของอำนวย  คฤหาสน์ ทั้งหลังตกอยู่ในความเงียบสงัด   อำนวยยิ้มปิดประตูและเดินกลับไปนั่งดูทีวีต่อ
    “  กรี๊ด.......ด !  ”   เสียงกรีดร้องดังขึ้นกว่าเดิม   และดูเหมือนจะมาจากหลายที่มามากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ   สังเกตได้จากเสียงกรีดร้องมีหลายโทนเสียง   ทั้งแหลมเล็ก   แหลมสูง   เสียงกรีดร้องดังถี่มากกว่าเก่า   มันรบกวนโสตประสาทของอำนวย  จนทำให้เขาแทบที่จะประสาทเสีย   ความหงุดหงิดเกาะกุมจิตใจของอำนวย   โทสะเกาะกุมจิตใจเขาอย่างเต็มที่   กฎอะไรเขาไม่สนใจมันอีกแล้ว     เขารีบเปิดลิ้นชักหยิบไฟฉาย   เพื่อเดินไปหาแหล่งกำเนิดของเสียงที่ก่อความรำคาญให้เขา   เสียงกรีดร้องยังคงดังอย่างต่อเนื่อง   ภายในคฤหาสน์มืดสนิท   เพราะอำนวยไม่ได้เปิดไฟในตัวคฤหาสน์   เขาค่อย ๆ ก้าวตามเสียงไปอย่างช้า ๆ  จนถึงห้อง ห้องหนึ่ง  ประตูห้องถูกทาไว้ด้วยสีแดง   อำนวยสูดลมหายใจเข้าไปในปอดลึก ๆ  3 ครั้ง   ก่อนจะเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตู   เมื่อบิดประตูเขาต้องพบความแปลกใจ   ประตูห้องนี้ไม่ได้ถูกล็อคแต่อย่างใด   เขาผลักประตูและส่องไฟฉายเข้าไปในห้องนั้น   ยิ่งต้องพบความแปลกใจเข้าไปใหญ่   ภายในห้องกลับเป็นห้องโล่ง ๆ ว่างเปล่า   ไม่มีสิ่งใดอยู่ในห้องนั้นเลย   เสียงกรีดร้องดังมากขึ้น  เขาจึงก้าวเข้าไปในห้องแหล่งที่มาของเสียงนั้น   และเขาก็ต้องหยุดตรงพื้นที่มุมห้อง   ที่พื้นมีบานพับและที่จับคล้ายเป็นประตูเล็ก ๆ เสียงกรีดร้องทวีความดังขึ้นเรื่อย ๆ เขาใช้มือจับที่จับ  และเปิดมันออก
    “  แอ๊ด ~~ ด !  ”   เสียงบานพับที่สนิมจับดังขึ้นจากการเปิดของอำนวย   ด้านล่างของมันเป็นบันไดปูน  ลึกลงสู่เบื้องล่าง   ในเวลานี้เสียงกรีดร้องกลับเงียบหายไปเฉย ๆ    อำนวยฉายไฟฉายตามบันไดลงสู่เบื้องล่าง   แต่ไฟฉายไม่สามารถส่องได้ถึงพื้นเบื้องล่างของห้องใต้ดินแห่งนี้ได้   ความมืดที่ปกคลุมทั่วห้องทำให้อำนวยเกิดความหวาดหวั่น   แต่ด้วยความอยากรู้ว่าต้นกำเนิดของเสียงมันเกิดจากอะไรกันแน่    เขาจึงตัดสินใจก้าวลงไปตามขั้นบันไดด้านล่างช้า ๆ   เมื่อก้าวลงไปได้สักพัก  เขาจึงรู้คำตอบที่ว่าทำไมเขาจึงไม่สามารถมองเห็นพื้นของห้องใต้ดินแห่งนี้ได้  เพราะบันไดมันวกไปวกมานั่นเอง   เขาเดินลงไป ลึกลงไปเรื่อย ๆ   อากาศข้างใต้เริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ ทำให้อำนวยเริ่มขนลุก  ความเย็นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย   เขาเริ่มเสียวสันหลังวาบ   ในที่สุดเขาก็เดินมาจนถึงพื้นของห้องใต้ดิน   เขากวาดลำแสงของไฟฉายไปทั่วห้อง   จนแสงต้องไปสะดุดกับตู้ใบใหญ่ใบหนึ่ง   เป็นตู้กระจก   แต่ถูกจับด้วยฝุ่นจนหนาเตอะจนไม่สามารถมองเห็นภายในได้   ด้วยความอยากรู้อำนวยจึงเดินตรงไปดูให้แน่ว่าอะไรถูกบรรจุภายในตู้  ถึงจะเข้ามาใกล้ก็ยังไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในตู้ใบนั้นได้   เห็นเพียงราง ๆ เท่านั้น   เขาจึงยกมือขึ้นลูบฝุ่นที่เกาะอยู่กับกระจกนั้นออก   สิ่งที่ตาของเขาเห็นกลับทำให้เขาเกิดความหวาดกลัวขึ้นจนจับจิต   หัวกะโหลกนับร้อย   ถูกบรรจุอยู่ในตู้ใบนั้น   อำนวยถึงกับยืนขาสั่น   ฟันของเขาขบกันเพราะความกลัว   ขณะที่เขากำลังตกอยู่ห้วงความกลัวนั้น   เขาก็ต้องตกใจซ้ำสอง   ภายในตู้ปรากฏร่างของหญิงคนหนึ่งพุ่งตรงมายังอำนวย   ยกมือขึ้นแปะกับกระจกและจ้องหน้าเขาตาเขม็ง   หน้าของเธอขาวซีด   ขอบตาดำโหล  เธอแลบลิ้นยาวเกือบ 2 เมตรออกมา   อำนวยไม่รีรออีกแล้ว   รีบวิ่งออกมาจากห้องใต้ดินอย่างไม่คิดชีวิต   เขาวิ่งขึ้นบันได   โดยแทบจะไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย   แต่ขณะที่เขาวิ่งผ่านห้องโถงใหญ่  ภายนอกหน้าต่างของตัวคฤหาสน์ถูกเกาะด้วยมือที่ขาวซีดมากมาย   ทุกมือล้วนตบไปบนหน้าต่างจนเกิดเสียงดัง
    “  กรี๊ด........ด !  ”    เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง
    ด้วยจำนวนผีมากมายที่อยู่ด้านนอกทำให้อำนวยไม่กล้าที่จะหนีออกจากข้างนอก   เขารีบวิ่งกลับห้องพักของตนเองและหยิบผ้าห่มมาคลุมโปง   และนอนตัวสั่นอยู่บนเตียง   เวลาผ่านไปจนรุ่งเช้า   ตอนนี้ผมของอำนวยเริ่มเปลี่ยนสี   มันมีสีขาวสลับกับสีดำ   ด้วยความกลัวอย่างจับจิต  ทำให้เขาผมหงอกเต็มหัว   เช้านี้สมภพเดินทางมายังคฤหาสน์   หลังจากที่ไม่ได้มาเสียหลายวัน
    “  เป็นไงบ้างคุณอำนวย   ผมของคุณทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ ?  ”  สมภพจุดกล้องยาพร้อมกับถามขึ้น
    “  ผะ......ผะ......ผมโดนผีหลอกครับ  ”    อำนวยตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นและแหบ
    “  ท่าทางคุณอาการไม่ดีเลยนะ   วันนี้ผมให้คุณไปพักผ่อนได้ 1 วันละกัน   เอ้านี่เงิน   ไปเที่ยวพักผ่อนได้ตามสบายไป  ”   สมภพหยิบเงินและยื่นให้อำนวยจำนวน 1 หมื่น   อำนวยรับเงินและลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว   และเดินออกจากคฤหาสน์   เพื่อไปเที่ยวพักผ่อน   ระหว่างทางเขารู้สึกเหนื่อย   เขาจึงหยุดพักใต้ต้นไทรใหญ่ที่กลางซอย   เขานั่งทบทวนคิดแล้วคิดอีกว่าจะเลิกทำงานนี้ดีหรือไม่   เมื่อเกิดความลังเลเขาจึงคิดได้ความคิดหนึ่ง   เขาต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับคฤหาสน์หลังนี้ให้ได้มากที่สุด   เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อหรือเลิกดี   เมื่อคิดได้ดังนั้นอำนวยจึงได้ใช้วันหยุดวันนี้ให้เป็นประโยชน์   เขาเดินไปที่คิวมอเตอร์ไซค์รับจ้าง   และเริ่มซักถามเรื่องราวเกี่ยวกับคฤหาสน์แห่งนี้
    “  เค้าเล่ากันว่า   เมื่อก่อนที่   ที่ใช้สร้างคฤหาสน์หลังนี้เป็นที่เผาศพตอนสมัยโบราณ   และที่สำคัญศพสมัยโบราณไม่มีการนิมนต์พระมาสวดด้วย  ”   มอเตอร์ไซค์รับจ้างแก่   อายุราว ๆ  50 กว่า   เล่าเป็นคนแรก
    “  ต้นไทรกลางซอยก่อนถึงตัวคฤหาสน์   มีคนมาฆ่าตัวตายบ่อยมาก   เมื่อก่อนมันเคยเป็นที่ฝังศพตอนอหิวาระบาด   บางคนยังไม่ตายด้วยซ้ำ   ถูกขุดหลุมแล้วก็ฝังทั้งเป็น   จากนั้นก็มีใครไม่รู้เอาต้นไทรมาปลูกทับหลุมนั้น   พอต้นไทรต้นนั้นโต   มันก็กลายเป็นที่ฆ่าตัวตายของหลาย ๆ คน  หลายคนที่ผ่านไปผ่านมาเคยเห็นคนมากมายนั่งอยู่ตามกิ่งของต้นไทร   จนหลายคนต่างกลัวกันเป็นแถว ๆ  ”   ชายหนุ่มคนหนึ่งเล่าให้อำนวยฟัง
    “  มาฟังของข้าดีกว่า   เจ้าของคนแรกของคฤหาสน์หลังนี้เป็นชาวญี่ปุ่น   สมัยสงครามโลกมันจับคนมาขังไว้ห้องใต้ดิน   และทรมานจนตาย   ทดลองหลาย ๆ อย่าง   กลางคืนผู้คนต่างได้ยินเสียงหวีดร้องจากตัวคฤหาสน์   ได้ยินมาว่ามันทดลองอาวุธเชื้อโรคด้วย   แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นแพ้สงครามมันก็ทำฮาราคีรีคว้านท้องฆ่าตัวตายภายในตัวคฤหาสน์  ”     มอเตอร์ไซค์รับจ้างร่างอ้วนเล่า
    “  เจ้าของคนต่อมาเป็นหญิงสาวสวย   เธอเจ้าระเบียบและมีรสนิยมแปลกประหลาด   เธอจ้างคนรับใช้ไว้ในบ้านหลายสิบคน   ถ้าคนรับใช้คนไหนออกไปนอกบ้านและกลับมาหลังเที่ยงคืน  เธอจะทำโทษโดยการทรมาน   ตัดนิ้วบ้าง   ใบหูบ้าง   จนคนรับใช้ต่างหวาดกลัว   และพากันลาออกไปหมด   แต่ที่น่าแปลกคือ   ทุกคนที่ลาออกจะหายตัวไปอย่างลึกลับไร้ร่องรอยไปในวันรุ่งขึ้น   จนคนรับใช้เกิดความหวาดกลัว ต่างไม่กล้าลาออก   แต่เรื่องน่ากลัวมันหลังจากนี้ต่างหาก   คืนหนึ่งบรรดาคนรับใช้ต่างทนความวิปริตของนายหญิงไม่ไหว   ปรึกษากันและวางแผนที่จะลงมือฆ่าหล่อนให้ตาย   และยึดสมบัติทั้งหมดของคฤหาสน์และแบ่งกัน   แต่ความโชคร้ายของพวกเขา   นายหญิงเกิดแอบได้ยินแผนที่พวกเขาวางไว้   หลังจากที่ฟังแผนการทั้งหมดจบ   เธอถึงกับโกรธจนเลือดขึ้นหน้า   เธอเดินมุ่งหน้ากลับไปยังห้องของเธอ   รอจนทุกคนหลับ   เวลาเที่ยงคืน   คนรับใช้ทุกคนต่างนอนหลับกันหมด   เธอเดินไปที่ห้องคนรับใช้พร้อมกับมีดที่คมกริบทั้ง 2 มือ   เธอย่องเข้าไปเชือดคนรับใช้ที่นอนหลับอยู่ทีละคน   ทีละคนจนหมด   จากนั้นเธอขึ้นไปบนชั้น 2    และผูกคอตายบนนั้น   สภาพการตายของเธอช่างแปลกและไม่เหมือนใคร   ลิ้นของเธอห้อยออกมายาวกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า   จากนั้นตำรวจเข้าไปตรวจที่เกิดเหตุ  พบว่าที่ห้องใต้ดินก็มีศพถูกซ่อนอีกหลายศพ   ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นศพคนใช้ที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย  ”    พูดจบชายขับรถมอเตอร์ไซค์ผิวดำ   ก็ลุกขึ้นเดินไปกินน้ำเพื่อแก้คอแห้ง
    หลังจากคุยกับคิวมอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่หลายชั่วโมง   อำนวยก็เดินทางไปหาข้อมูลในตลาดต่อ    ที่ที่เขาไปหาข้อมูลคือร้านกาแฟที่เป็นแหล่งชุมนุมของคนในตลาดเพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารกันมีทั้งข้อมูลที่จริงและไม่จริง   ร้านกาแฟอยู่ตรงกลางของตลาดพอดี   เป็นร้านเก่า ๆ 2 ชั้น มุงด้วยสังกะสี   ภายในร้านมีโต๊ะไม้สำหรับนั่งจิบกาแฟ 3 ตัว   เก้าอี้เป็นเก้าอี้ไม้ยาว   เมื่อมาถึงอำนวยนั่งลงและสั่งกาแฟ 1 แก้ว   เขาค่อย ๆ สอบถามคนที่ผ่านไปผ่านมา   น่าแปลก เรื่องที่ชาวบ้านเล่าล้วนตรงกับที่มอเตอร์ไซค์รับจ้างเล่าเกือบทั้งสิ้น   จะผิดเพี้ยนก็มีเพียงเล็กน้อย   เมื่อนำเรื่องทั้งหมดมาปะติดปะต่อ   อำนวยก็รับรู้ถึงความน่าหวาดกลัวของคฤหาสน์หลังนี้   เขานังครุ่นคิดจนตะวันลับขอบฟ้า   ยิ่งใกล้มืด  เวลาก็ยิ่งใกล้เข้ามา   ความกลัวความสับสนเล่นงานเขาจนประสาทเสีย   ผมของเขาดูเหมือนจะหงอกเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
    เวลา 2 ทุ่มครึ่ง      อำนวยตัดสินใจกัดฟันกลับไปยังคฤหาสน์หลังนั้น   เพราะค่าตอบแทน   เขาเลือกที่จะกลับไป   เขาคิดที่จะทำงานเพียงแค่ 3 เดือน   เก็บเงินซักก้อนและลาออก   นำเงินที่เก็บไปลงทุนค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็คงจะพออยู่ได้   เมื่อตัดสินใจได้เขาจึงเดินทางกลับสู่คฤหาสน์ทันที           ขากลับ แน่นอนเขาต้องผ่านต้นไทรที่น่าสยดสยองต้นนั้น   ยิ่งได้รู้ความเป็นมายิ่งทวีความน่ากลัวให้กับต้นไทรเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่า   เขารีบเดินจ้ำเพื่อให้ผ่านต้นไทรไปได้อย่างรวดเร็ว
                    “  โอ๊ย........ย !        ช่วยด้วย.........ย !  ”   เสียงร้องอันเย็นยะเยือกดังมาจากบนต้นไทรขณะที่อำนวยกำลังจะเดินผ่าน   เขาจำใจเงยหน้าขึ้นไปดู   และก็แน่นอนภาพที่เขาเห็นทำให้เขาแทบช็อค   หญิงสาวหน้าขาวซีดนั่งอยู่บนกิ่งต้นไทร   แสยะยิ้มน่าขนลุกให้กับเขา   และตามกิ่งต้นไทรก็มีอีกหลายตัวนั่งอยู่เต็มไปหมด   สายลมอันหนาวเย็นพัดมากระทบผิวกายของอำนวย  ทำให้เขาถึงกับขนลุกซู่   เขาไม่รอช้ารีบก้าวขาออกวิ่งอย่างสุดกำลังเพื่อให้ถึงตัวคฤหาสน์โดยเร็ว  ทันทีที่เขาถึงตัวคฤหาสน์   เขากลับต้องพบความแปลกใจ   ประตูหน้าและประตูตัวคฤหาสน์กลับไม่ได้ล็อค   เขาเงยหน้าขึ้นมองบนชั้น 2 อย่างไม่ตั้งใจ   ตาของเขากับเบิกโพลง   สิ่งที่สายตาเขาได้เห็นที่หน้าต่างบนชั้น 2 ปรากฏร่างของหญิงสาวในชุดคล้ายชุดนอนยาวสีแดงยืนจ้องลงมาที่อำนวย        ดวงตาของเธอดุและน่ากลัวมากทีเดียว   อำนวยสบตาของเธออยู่ไม่กี่วินาที   หลังจากนั้นเธอก็อันตรธานหายไปเหมือนกลุ่มควัน   ทิ้งให้อำนวยยืนงงอยู่พักใหญ่          ทันทีที่เขาคืนสติเขารีบตรงดิ่งเข้าสู่ห้องของตนเอง             และล็อคประตูอย่างรวดเร็ว   เขาเข้านอนโดยที่ไม่อาบน้ำในคืนนี้          ความคิดของเขาคืออยู่ในห้องและนอนเฉย ๆ โดยไม่ออกจากห้องก็คงไม่เกิดอะไรขึ้นกับเขาแน่นอน   เสียงกรีดร้องยังคงดังขึ้นระงมทั่วตัวคฤหาสน์                แต่อำนวยกลับไม่แยแสกับมัน   เขานอนและเปิดเครื่องเสียงดังสนั่นจนลำโพงแทบแตก   เพื่อกลบเสียงกรีดร้องเหล่านั้น
                    เขาอยู่ดูแลคฤหาสน์จนได้ประมาณ 2 อาทิตย์   เขาได้แต่นิ่งเฉยและไม่สนใจสิ่งรอบข้าง   ทำให้เขาสามารถอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ได้อย่างสบายขึ้น   วันนี้เป็นวันพุธวันหยุดของเขาพอดี   แต่น่าแปลกที่ตลอดทั้ง  2  อาทิตย์ที่ผ่านมาสมภพไม่เคยแวะเวียนมาที่คฤหาสน์หลังนี้เลย                อำนวยจัดแจงล็อคบ้าน   และออกไปข้างนอกเพื่อพบปะและพูดคุยกับคนในละแวกนั้นเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม            วันนี้เขาตระเวนคุยไปจนเกือบทั่วตลาด      เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับตัวคฤหาสน์   บ้านบางหลังก็แสดงท่าทีรังเกียจและไม่ต้อนรับเขาก็มี      ถึงแม้จะตระเวนซักถามพูดคุยทั้งวันก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมมากนัก   เขาเที่ยวตระเวนไปทั่วตลาดจนถึงเวลา 6 โมงเย็น 
    ท้องฟ้าเริ่มมืดเขาจึงเดินทางกลับคฤหาสน์   ขากลับเขาต้องเดินผ่านวินมอเตอร์ไซค์ตามเคย   ปรากฏว่าเหล่าวินมอเตอร์ไซค์กำลังตั้งวงกินเหล้ากันอยู่อย่างสนุกสนาน
                    “  คุณอำนวย   ไปไหนมาครับ ?  ”    เสียงเด็กหนุ่มที่เคยซ้อนอำนวยไปส่งยังคฤหาสน์กล่าวถามขึ้นเสียงดังจากวงเหล้า
                    “  อ๋อ...... ไปธุระที่ตลาดมาครับ  ”    อำนวยยิ้มและตอบกลับไป
                    “  นั่งกินเหล้าด้วยกันก่อนสิครับ  ”   เสียงหัวหน้าวินเรียกอำนวยให้มานั่งกินเหล้าด้วยกันกับบรรดามอเตอร์ไซค์รับจ้างทั้งหมด
                    อำนวยที่ไม่ได้กินเหล้ามานานรู้สึกเปรี้ยวปากในทันที   ความอยากทำให้เขาตรงดิ่งไปร่วมวงกับมอเตอร์ไซค์รับจ้างอย่างไม่รีรอ
                    “  งั้นผมไม่เกรงใจละนะครับ   ไม่ได้กินเหล้ามานานแล้วด้วย  ”    อำนวยพูดพร้อมนั่งลง
    “  ไม่ต้องเกรงใจ   ตามสบายเลยครับ.......   ไอ้น้องเอาแก้วมาให้คุณอำนวยด้วยซิ  ”  หัวหน้าวินพูดพร้อมสั่งให้เด็กหนุ่มหยิบแก้วให้อำนวย
    ความสนุกช่างผ่านไปรวดเร็วเสียเหลือเกิน   ตอนนี้เหล้าหมดไปเกือบ 6 กลมแล้ว   อำนวยและเหล่ามอเตอร์ไซค์รับจ้าง   ต่างร้องรำทำเพลงกันด้วยความสนุกสนาน    เวลาล่วงเลยไปจนถึง 5 ทุ่มครึ่ง
    “  กี่......ทุ่ม......แล้ว......ไอ้......น้อง  ”   อำนวยถามเด็กหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่อ้อแอ้
    “  ห้า......ทุ่ม......ครึ่ง......คร้าบ......พี่  ”    เสียงเด็กหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ้อแอ้เช่นกัน
    “  เดี๋ยว......ห้าทุ่ม......สี่......สิบ......แล้ว......บอก......พี่......ด้วยนะ......พี่ต้อง......รีบกลับ......คฤหาสน์......  ”    อำนวยสั่งเด็กหนุ่มเป็นดิบดี

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น