บังเอิญรัก 🌈
ความ บังเอิญ มาพร้อมกับ ความต่าง คุณว่าเราจะเดินไปด้วยกันได้จริงๆหรอ มีกฎข้อไหนที่ห้ามไว้แบบนั้นกัน
ผู้เข้าชมรวม
616
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทที่ 1 ก้าวแรก
ณ กลางใจเมืองกรุงหญิงสาวรูปร่างสูงโปรงผมดำขลับยาวถึงกลางหลังถูกมัดรวบไว้ด้านหลังถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
"เห้อออออ"
หญิงสาวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเพราะตั้งแต่มาทำงานใกลบ้านเธอประมานหนึ่งเดือนเศษๆ ก็ไม่เคยได้ออกไปเที่ยวไหนเลย อาจเป็นเพราะไม่ชอบสุงสิงกับใคร ไม่ชอบความวุ่นวาย เลือกที่จะอยู่คนเดียวแบบเงียบๆ แต่ก็จะมีความรู้สึกชั่ววูบที่เหงาแหละอยากมีใครสักคนคงจะดี..
วันนี้เป็นวันหยุดของเธอจึงมีความคิดอยากออกไปเปิดประสบการณ์ของตัวเอง ในการไปเดินห้างดังใจกลางเมืองหลวงของประเทศโดยBTSในครั้งแรก ใช่เธอไม่เคยโดยสารโดยBTSเลย นับเป็นประสบการณ์ใหม่มากสำหรับเด็กต่างจังหวัดอย่างเธอ ตั้งแต่มาทำงานเธอก็ไม่เคยไปไหนเลยนอกจากที่ทำงานและบ้านเท่านั้น
หลังจากศึกษาข้อมูลขั้นตอนในการขึ้นBTSสักระยะจึงเอ่ยกับตัวเองว่า
"ลองดูก็ไม่เสียหาย"
"กลับตอนนี้จะเป็นอะไรไหมนะ" เพราะเธอดูหนทางละไม่น่าจะเอาชีวิตมาทดลองอะไรแบบนี้สู้นอนสบายอยู่บ้านยังจะดีกว่า แต่ใจนึงก็คิดว่าถ้าไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไง ความรู้สึกยังคงเถียงกันภายในใจอยู่นาน สุดท้ายก็เลือกที่จะก้าวขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อไปขึ้น BTS
แลกบัตรเสร็จสรรพเรียบร้อยตามที่ได้ศึกษามา แล้วก็ได้มาอยู่ในBTSเป็นที่เรียบร้อย
"มันก็ไม่ยากเกินไปนี่นา" เพราะในความคิดของคนที่ไม่เคยขึ้นและไม่กล้าคือมันจะกลัวและไม่อยากทำให้ขายหน้า
สยาม..
"จ๊อก จ้อก" มาถึงได้ไม่นานท้องเจ้ากรรมก็ประท้วงขึ้นเพราะตั้งแต่เช้าอาหารยังไม่ได้ตกถึงท้องเลยสักเม็ด จะมีก็แต่ชาร้อนเท่านั้น หญิงสาวมองซ้ายมองขวากำลังเพ่งเล็งสายตาเพื่อหาฟู้ดอาหารที่พอจะบรรเทาอาการหิวลงได้บ้าง
ส้มตำ ข้าวมันไก่ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนปิยฉัตรก็ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่เสมอ และส้มตำคือเดอะเบสคือเนมูที่กินได้ตลอดและไม่มีวันเบื่อเลย
สั่งอาหารเสร็จเรียบร้อยพร้อมมองหาที่นั่งว่าง ปิยฉัตรสังเกตเห็นผู้หญิงตัวเล็กคนนึงมากับคุณพ่อและคุณแม่ คนตัวเล็กกำลังจัดระเบียบอาหารตรงหน้าให้กับผู้เป็นพ่อและแม่ ซึ่งเป็นภาพที่น่ารักเอามากๆสำหรับคนมองอย่างปิยฉัตรแล้ว
จากนั้นถัดจากโต๊ะของคนตัวเล็กไปประมาณสองโต๊ะก็มีโต๊ะว่างพอดี ปิยฉัตรจึงเลือกที่จะนั่งฝั่งตรงข้ามที่สามารถเห็นหน้าของคนตัวเล็กได้ถนัด เธอไม่ได้ติดใจอะไรนักหรอกเพียงแค่มันมองแล้วอยากมองอีกแค่นั้นเอง
พอได้มานั่งใกล้ๆแล้วคนตัวเล็กตรงหน้ากลับสวยมากกว่าที่เธอเห็นอยู่ไกลมาก ตัวเล็กผิวขาว หน้าตาสวยจมูกโด่ง ปากกระจับได้รูป กับความสูงน่าจะเท่าไหล่ของเธอ อายุก็คงจะเท่าๆกับเธอ เป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและน่ารักในเวลาเดียวกันก็ว่าได้
การที่เรามองใครสักคนอยู่ในระยะเวลาที่นานพอสมควรมันจะทำให้ฝั่งตรงข้ามมีความรู้สึกว่ามีคนมอง
ใช่! เช่นเดียวกับอีกฝ่ายเธอเหมือนรู้สึกได้ว่ามีคนมองเลยกวาดสายตามองดูรอบๆ
พรึบ!! เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้นเองที่เราได้สบตากัน ปิยฉัตรรีบหันมาตั้งหน้าตั้งตากินอาหารตรงหน้าอย่างขะมักขะเม่นโดยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งขำกับท่าทางของเธออยู่
เวลาผ่านไปจนปิยฉัตรทานข้าวเสร็จแล้วและนึกขึ้นได้ว่าจะลองแอบมองไปที่โต๊ะนั้นอีกครั้ง แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะอีกฝ่ายและครอบครัวได้ออกไปจากฟู้ดอาหารแห่งนี้แล้ว
"อย่างน้อยมาวันนี้ก็มีอะไรดีๆแล้วล่ะ" พูดกับตัวเองเบาๆ
หลังจากนั้นก็เป็นเวลาที่จะได้มาเดินเล่นตามความตั้งใจแรกของเธอกับการมาสยามครั้งนี้แล้ว เจอบูธนั่นบ้างบูธนี้บ้างมีแต่ของแบรนด์เนมทั้งนั้น ปิยฉัตรได้แต่มองตาละห้อย เพราะการที่จะซื้อแบรนด์เนมแต่ละครั้งเธอคิดเยอะมากเพราะมันแลกมาด้วยราคาที่แพงและปิยฉัตรไม่ใช่คนที่จะซื้อของสุรุ่ยสุร่ายเธอกลับคิดว่าเอาเงินจำนวนนี้ไปทำประโยชอย่างอื่นหรือให้พ่อกับแม่น่าจะดีกว่าอีกเสียอีก
แต่มันก็คงจะเป็นความฝันอีกความฝันนึงละนะ เชื่อว่าทุกคนต้องเคยมี ที่อยากจะมีเป็นของตัวเองบ้างสักชิ้นนก็ยังดี แต่ก็นั่นแหละ ปล่อยให้มันเป็นความฝันไปก่อน
"ไว้ค่อยเจอกันในเวลาที่เหมาะสมละกันนะ"
พูดพลางก้มมองดูที่นาฬิกาข้อมือ "ห๊ะ!!!! นี่เราใช้เวลาเดินนานขนาดนี้เลยหรอเนี่ย"
"ไม่ได้การละ มาครั้งแรกจะหลงทางกลับไม่ได้" บอกความตั้งใจของตัวเองในใจ เพราะการที่หลงมันจะทำให้เธอเหนื่อยขึ้นอีกหลายเท่าเลย และเจ้ากี้ที่รออยู่บ้านคงมองทางแล้วป่านนี้
ตุ้บบ ! ! !
"ขอโทษค่ะ"
"ขอโทษค่ะ"
เธอและเขาพูดออกมาพร้อมกันโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นฝ่ายผิดฝ่ายถูก
ปิยฉัตรตาเบิกกว้างเธอไม่คิดไม่ฝันว่าคนที่เธอเดินชนจะเป็นคนตัวเล็กที่เธอแอบมองการกระทำน่ารักเล็กๆ ที่ฟู๊ดอาหาร อาการเลิกลั่กจึงแสดงต่อหน้าคนตัวเล็กเหมือนมีความผิดติดตัวอยู่ก็ไม่ปาน แต่ด้วยความที่เธอมีใบหน้าเรียบนิ่งเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้วสีหน้าและท่าทางจึงไม่แสดงอาการขวยเขินมากนัก ถึงแม้ในใจลึกๆ อยากจะยิ้มแต่คงต้องสงวนทีท่าไว้ก่อน
"คุณเป็นอะไรกรือเปล่าคะ พอดีฉันรีบเลยไม่ทันได้มอง"
เสียงหวานนุ่มของอีกฝ่ายพูดขึ้นมาทำให้ปิยฉัตรหลุดออกจากภวังค์ความคิด
"เอ่อ ไม่เป็นอะไรค่ะ ฉันเองก็มองทางไม่ดีเหมือนกัน"
"คุณล่ะคะเจ็บตรงไหนไหม"
"ไม่เป็นไรเหมือนกันค่ะ" "ขอโทษอีกครั้งด้วยนะคะ"
คนตัวเล็กกล่าวขอโทษอีกครั้งและกำลังจะเดินออกไปจากตรงนี้ ปิยฉัตรคิดว่าเธออยากรู้จักกับผู้หญิงคนนี้อยากทำความรู้จัก ไวกว่าความคิดเธอจึงถามออกไปว่า
"ขอโทษนะคะ จะรบกวนคุณมากไปไหมคะที่จะถาม"
"ถามอะไรหรอคะ"
"ห้องน้ำไปทางไหนหรอคะ"
หมดกันที่อยากทำความรู้จักเธอตีสนิทคนไม่เป็นนี่นา แล้วก็ไม่รู้วิธีเข้าหา หรือที่เรียกง่ายๆว่าจีบ ก็คงจะได้เท่านี้แหละนะ
พะพายได้ยินถึงกับนึกขำปนเอ็นดูเล็กน้อย เธอจำได้คนนี้คือคนที่แอบมองเธอที่ฟู๊ดอาหาร แอบมองจนรู้สึกได้ว่ามีคนมอง แล้วก็ได้มาเจอกันอีกครั้งที่ทางไปห้องน้ำ คนตัวสูงตรงหน้าไม่มองหน้ามองหลังหรือยังไงกัน ถึงได้มาถามทางไปห้องน้ำที่หน้าทางเข้าเช่นนี้ หรือไม่มีอะไรจะพูดแล้วอย่างนั้นหรือ
"ข้างหลังฉันเลยค่ะ ฉันพึ่งมาจากห้องน้ำ" พะพายตอบคำถามคนตรงหน้าไปตามตรง
ปิยฉัตรก็พึ่งมานึกขึ้นได้ว่าเธอถามคำถามที่ทำให้ตัวเองขายหน้าสิ้นดีคงจะแอบขำกันอยู่ล่ะสิท่า
"ขอบคุณนะคะ คุณ.."
"พะพายค่ะ" พะพายแอบชื่นชมคนตรงหน้าที่มาแอบถามชื่อเธอต่อจากประโยคที่ไม่ดูจะเป็นไปด้วยกันได้เลย
"ฉัน ปราย ยินดีที่ได้รู้จักและ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ"
ปิยฉัตรแนะนำชื่อและรวบรัดตัดบทแล้วรีบเดินออกจากตรงนี้ก่อนที่เธอจะทำอะไรที่ขายหน้าให้อีกฝ่ายแอบขำกันมากกว่านี่
ส่วนพะพายเองก็ยังนึกขำไม่หายกับคนตัวสูงที่เจอกันทางไปห้องน้ำ "คนอะไรสกิลการทำความรู้จักเป็นศูนย์ขนาดนั้น" ก่อนจะเดินทางไปยังร้านของตัวเอง
พะพายมีธุรกิจส่งออกเสื้อผ้าในประเทศและต่างประเทศ ทั้งยังมีสาขาย่อยที่เจ้าตัวเลือกมาเปิดท่ามกลางสยามแห่งนี้ ในคราแรกเธอเกือบจะไม่ลงรอยกับคุณพ่อเพราะท่านอยากให้เธอไปสานต่อธุรกิจของท่านเองแต่เธอก็ให้เหตุผลว่าเธอจะเข้าไปช่วยดูแลและก็ทำธุรกิจของเธอควบคู่ไปด้วย ถึงจะเหนื่อยหน่อยแต่ก็เป็นอะไรที่ท้าทายดีสำหรับเธอ
ครืด ครืด ! ! ! เสียงแจ้งเตือนจากสมาร์ตโฟนของพะพายดังขึ้นซึ่งก็ไม่ทำให้เธอแปลกใจอะไรเพราะมันเป็นแบบนี้ตลอดทุกวัน
'พี่รอที่ลานจอดรถแล้วนะคะ'
พี่เจ้าคุณ ลูกค้าคนสำคัญของคุณพ่อ และเป็นคนที่คุณพ่อไว้ใจและกล้าที่จะบอกความตรงไปตรงมาอย่างจริงใจว่าอยากดูแลเธอ ซึ่งคุณพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรท่านบอกแค่ว่า 'พ่อเคารพการตัดสินใจของพาย และไม่บังคับนะลูก'
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นเวลาเกือบหนึ่งปี พี่เจ้าคุณก็คอยมารับมาส่งเธอทุกวัน วันไหนที่ไม่ว่างก็จะส่งข้อความมาบอกเธอล่วงหน้าเสมอ ซึ่งช่วงแรกๆมาส่งมารับถึงที่หน้าร้านเลยทีเดียว พะพายเองก็เกรงว่ารบกวนพี่เขามากเกินไปเลยบอกให้ส่งหรือรอรับแค่ที่ลานจอดรถก็พอ
พะพายเคยพูดอย่างตรงไปตรงมากับพี่เจ้าคุณแล้วว่าเธอไม่ได้รู้สึกแบบเดียวที่อีกฝ่ายมีให้ แต่เพราะคำพูดของพี่เจ้าคุณวันนั้นทำให้เธอไม่ห้ามอีกฝ่ายที่จะขอดูแลเธอ
"พี่เจ้าคุณคะ พายพยายามแล้ว แต่พายไม่สามารถรู้สึกกับพี่เจ้าคุณแบบที่พี่เจ้าคุณรู้สึกกับพายได้ อย่าเสียเวลากับพายเลยนะคะ"
"ในเมื่อน้องพายยังไม่มีใคร พี่ก็ถือว่าพี่มีสิทธิ์ และขออย่างเดียวอย่าไล่พี่เลยนะคะ แต่เมื่อไหร่ที่น้องพายมีคนที่น้องพายรักแล้วพี่จะไปเอง"
เพราะคำพูดนี้ของพี่เจ้าคุณทำให้เธอไม่สามารถขัดความประสงค์ดีของพี่เขาได้ และพี่เจ้าคุณก็ไม่เคยก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของเธอและให้เกียรติเธอมาก เป็นคนที่ดีมากๆคนนึง
อย่างที่เขาว่ากันว่า ดีแค่ไหนไม่รักก็คือไม่รัก เธอก็คงเป็นเช่นนั้น เพราะตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งปี เธอก็เคยลองเปิดใจให้พี่เจ้าคุณ แต่มันก็มีความรู้สึกในรูปแบบอื่นไม่ได้นอกจากพี่น้อง
"น้องพายหิวไหมคะ อยากแวะไหนหรือเปล่า" เจ้าคุณถามคนน้องเพราะดูแล้วอีกคนน่าจะเหนื่อยจากงานพอควร
"กลับบ้านเลยค่ะพี่เจ้าคุณ พายอยากพักผ่อนมากกว่า" พะพายตอบไปแค่นั้นแล้วก็เลือกที่จะหันหน้าออกไปทางหน้าต่างและแกล้งหลับเพื่อที่จะเลี่ยงคำถามจากคนเป็นพี่..
เจ้าคุณรู้ดีว่าคนน้องไม่ได้รู้สึกเหมือนที่เธอรู้สึกแต่เธอก็อยากจะทำให้มันออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และในเมื่อน้องยังไม่มีใครเธอก็ยังมีสิทธิ์นั้นอยู่ ถึงแม้ว่ามันแทบจะมองไม่เห็นทางเลยก็ว่าได้..
-------------------------------------------------
ฝากเอ็นดูน้องปรายคนซึนด้วยนะคะ
ผลงานอื่นๆ ของ thantawanNo1 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ thantawanNo1
ความคิดเห็น