The Empire -Spirit
'วันนั้น' เป็นวันที่ผมเสียใจมากที่สุด 'วันนั้น'เป็นวันที่ผมถูกทรยศ 'วันนั้น'เป็นวันที่คนเกือบทุกคนมีความสุข 'วันนั้น' เป็นวันที่ผมเริ่มต้นการล้างเเค้น
ผู้เข้าชมรวม
199
ผู้เข้าชมเดือนนี้
9
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
"ช่วยด้วยย!! "
"ใครก็ได้! "
"กรี๊ดดกด!! "
"ร้อนๆๆ! "
"อ๊ากกกก!! "
เสียงโหยหวนของเหล่าพวกพ้องต่างดังก้องอยู่ในหัวผมพวกพ้องที่เมื่อวานยังนอนเล่นกันอยู่ปกติเเต่ทำไม วันนี้ถึง...
เหล่านักเวทย์ที่กำลังฆ่าเพื่อนของเราหน้าตาช่างคุ้นเคยราวกับ..เป็นคนที่รู้จักกันมานาน
"พวกเเกทรยศงั้นเหรอ... "
นํ้าเสียงเต็มไปด้วยความเเค้นเเต่เเผ่วเบาดวงตานั้นไร้ซึ่งนํ้าตาของความเศร้าเเต่เต็มไปด้วยไฟเเห่งความเเค้น
วันนั้นเป็นคืนเดือนดับ เเต่กลับมีเเสงไฟสว่างไปทั่วป่าลึกทางใต้ของเกาะจนถึงเเม้ว่าจะอยู่ห่างไปเป็นกิโลก็สามารถสังเกตสิ่งผิดปกติได้
วันนั้นเป็นวันที่ประชาชนทั่วโลกต่างสรรเสริญว่าเป็นวันตายของกลุ่มรีค กลุ่มปฏิวัติที่นําโดยเหล่าลูกรึ่งปีศาจเเละหัวหน้าของพวกมัน
วันนั้น เป็นวันที่กลุ่มสปิริต กองกำลังพิเศษของเมสาร์กเเลกชีวิตของตนเพื่อปกป้องคนทั้งโลกจากการก่อการร้าย
วันนั้นทุกอย่างที่เกิดในในป่าลึกเป็นเพียงปริศนาที่ไม่อาจจะมีใครคาดการณ์ได้ ทั้งเพราะกว่าจะรู้ตัวอีกทีไฟก็ดับเเละเป็นเพราะไม่มีมนุษย์คนใดรอดจากสนามนั้น
เเละในใจกลางของสงครามอันยุ่งเหยิง ชายที่สูญเสียทุกสิ่งได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้น
เขาพุ่งเข้าหานักเวทย์ที่อยู่ใกล้ตนมากสุด ก่อนจะชักดาบที่หนีบไว้ที่เอวออกมาและฟันใส่ศัตรูที่เคยคิดว่าเป็นเพื่อนอย่างไร้ความลังเล
"ฉึก"
ชายหนุ่มดึงคาตานะสีดำออกจากคอของศัตรูอย่างไร้ความประณีก่อนจะถีบร่างนั้นออกไปให้พ้นทาง
ดาบที่ถืออยู่ในมือนั้นถูกกำอย่างเเน่นราวกับต้องการหาสิ่งพึ่งพิงจากความกลัวเเละความโกรธที่เต็มไปทั่วร่างกาบ
"มีคนยังไม่ตายเว้ย"
หลังจากที่เห็นว่าฝั่งตนถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม เหล่านักเวทย์ก็ค่อยๆเดินเข้ามาผู้ที่ฆ่าเพื่อนของตนอย่างช้าๆ นักรบที่ผ่านการฝึกฝนนับสิบคนล้อมรอบวิสัยทัศน์ของเด็กหนุ่ม
แม้ว่าร่างกายจะมีบาดแผลที่เกิดจากการถูกโจมตีมากแค่ไหน แตความโกรธแค้นที่เกินกว่าเด็กอายุ14ปีคนนึงจะรับไหวกกลับทำให้ความเจ็บปวดเล็กน้อยอย่างนั้นหายไปจนหมด
"ขยะอย่างเเกตายมันอยู่ในสนามรบนี่เเหละ"
'อะไรกันทั้งๆที่ทำอย่างนี้เพื่อพวกเเกเเท้ๆ'
"เงินจากการฆ่าพวกเเกครั้งนี้องค์ราชาคงจะให้เยอะเลยเนอะ"
"เนอะ"
"เนอะ"
เหล่าคนทรยศหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานภาพนั้นทำให้สติผู้ที่มองอยู่เเทบจะเเตก
'ทั้งๆที่ตั้งใจจะทำเพื่อประเทศเเท้ๆ'
"เฮ้ยหนุ่ม.. ยอมมอบตัวดีกว่า"
'ทำไม'
"เงียบอีก"
"งั้นฆ่าเเม่งเลย! "
'ต้องทำเรื่องอย่างงี้ด้วยวะ'
ความคิดต่างๆนานาต่างเข้ามาในหัวของผม
"ตายซะไอปีศาจ"
พริบตานั้นนักเวทย์คนหนึ่งก็ร่ายคาถาไฟใส่ผมลูกบอลเพลิงยักษ์เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ1เมตรได้พุ่งเข้ามา
'ศัตรูมีอยู่เกือบหลักร้อยคน ฝ่ายเรานั้นไม่ทราบจำนวน เป็นไปได้ว่าอาจจะตายหมดเเล้ว'
ผมใช้ดาบคาตานะในมือฟันลูกไฟนั้นทิ้งอย่างง่ายดาย ลูกไฟเเตกกลายเป็นสะเก็ดไฟเล็กๆที่ไม่สามารถสร้างบาดเเผลได้ โดยหัวยังคงคิดวิธีที่จะจัดการศัตรู
'เอาไงดี เเต่ละคนก็ฝีมือเเต่ละคนก็ระดับนักรบเวทย์ทั้งนั้น ปกติสามารถรับมือได้เต็มที่ก็ประมาณสิบคนนิดๆ'
นักรบเวททย์คนนึ่งพุ่งเข้ามาพร้อมกับมีดเล่มเล็กที่ดูไม่เข้ากับรูปร่างที่สูงใหญ่ของเขา
'ความเร็วก็ไม่มี เเรงก็ไม่ได้ งั้นก็...'
ดาบในมือฟันใส่เส้นเลือดใหญ่ตรงคอของอีกฝ่ายอย่างเฉียบคม ศัตรูล้มลงพยายามใช้มือปิดบาดเเผลอย่างทรมาน
หลังจากที่เห็นการเคลื่อนไหวของผม เหล่าคนที่เหลือก็ดูหวาดกลัวขึ้นเล็กน้อย พวกเขาคงจะรู้ว่าฝีมือผมไม่เหมือนกับคนที่พวกเค้าฆ่ามา
มีไอโง่อีกคนพุ่งเข้ามาหลังจากดูเชิงกันสักพัก ดูจากรูปร่างคงจะเป็นผู้หญิง
ทันทีที่นักเวทย์คนนั้นคิดว่าจะได้ชีวิตของผู้อยู่ตรงหน้า นั้นกับเป็นความคิดสุดท้ายในหัวของเธอ
คอของเธอขาดสะบั้นในการฟันเพียงครั้งเดียว
ความเมตตาของผมน่ะมันหายไปนานเเล้ว
ร่างไร้วิญญานนั้นล้มลงพร้อมกับคอที่ขาดออกมา
'ไม่สิ.. ที่เเล้วมาเราสู้เพราะต้องฆ่าอีกฝ่าย..ครั้งนี้น่ะเเค่ต้องเอาชีวิตรอดไปให้ได้..พร้อมกับ...'
เลือดของพวกมันอาบเท้าผม
'เธอคนนี้'
"หนีไป"
ผู้หญิงผู้ที่อยู่ข้างหลังนั้นอาบอยู่ในกองเลือด ผมที่ถูกสีเลือดย้อมจนไม่รู้ว่าเดิมสีอะไรตาที่หมดความหวังของเธอทำให้ผมถึงกับชะงักอย่างตกใจ นํ้าตาของเธอไหลรินออกมาก่อนจะตกลงพื้นที่เต็มไปด้วยเลือดของพวกพ้องที่ตายไป
"ฉันทิ้งเธอไปไม่ได้หรอก"
ผมกล่าวด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความกลัวเเต่ถึงกระนั้นก็รวบรวมความกล้าที่มีหันประจันหน้ากับศัตรู
"นายน่ะ...สู้ทั้งหมดไม่ไหวหรอกนะ"
ผมก้มหยิบดาบอีกเล่มที่อยู่ในกองเลือดออกมาดาบคาตานะเล่มนั้นปกติมีสีขาวเเต่ในตอนนี้กลับเป็นสีเเดงจากเลือด
ผู้ที่นอนอยู่นั้นยังคงไม่ห่วงตัวเอง
"นะ.. หนีไป... "
"ไม่"
"หนีไป"
"ก็บอกว่าไม่ไง อย่ามาพูดโง่ๆนะ"
"เราน่ะ..ต้องรอดไปด้วยกัน"
ผมกล่าวด้วยเสียงเบาจนเธอคงไม่ได้ยิน ไม่ใช่เพราะผมไม่อยากให้เธอได้ยิน เพียงเเต่ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าสามารถรักษาคำพูดได้หรือไม่
หลังจากหยั่งเชิงอยู่นาน คนจำนวนนับสิบพร้อมอาวุธครบมือพุ่งเข้ามาโจมตีผม ไม่มีทางที่จะมีมนุษย์คนไหนรอดจากการโจมตีนั้นได้เเน่ ภาพทั้งหมดตัดไป
"อึกกกก"
เรย์ตื่นขึ้นมาในตอนกลางดึกเค้าหันไปดูนาฬิกาที่กำลังชี้ไปที่เลขห้า
"ฝันอีกเเล้วเหรอวะเนี่ย"
เรย์พูดพร้อมบิดขี้เกียจหนึ่งที
เรย์ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงต่อโดยพยายามลืมฝันร้ายที่เกาะกินจิตใจเขามาตลอด
"ผ่านมา3ปีเเล้วสินะ..จากวันนั้น"
ดวงตาสีดำนั้นดับลง
.
.
.
ผลงานอื่นๆ ของ MLOS ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ MLOS
ความคิดเห็น