ผีปากช่อง
ผู้เข้าชมรวม
384
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ท่ามกลางแสงจันทร์อันสลัวราง กลางดึกคืนหนึ่ง ทั่วบริเวณป่าเงียบสงัด
พี่กับเพื่อนอยู่ในชุดนักศึกษาวิชาทหารยืนกำสมุดเล็กๆ เอาไว้ในมือคนละเล่ม
อากาศหนาวเยือกเย็นจับใจ ต้นไม้สูงต่ำหลายต้นมองเห็นเป็นเงาทะมึนราวกับอสูรกายยืนหยัดอยู่เบื้องหน้า เสียงจิ้งหรีด เขียด คางคก ร้องรับส่งกันเป็นจังหวะ มองไปทางไหนก็มีแต่เงาดำน่าหวาดหวั่น
ในคืนนั้น รด. ทุกคนถูกจับแยกให้อยู่กับคู่บัดดี้เพื่อทำภารกิจบางอย่างเป็นการทดสอบกำลังใจ
เสียงก้าวเท้าซวบซาบของพี่กับเพื่อนเดินผ่านป่า เข้าสู่เขตวัด ตามที่ได้รับมอบหมาย เสียงสุนัขหอนขึ้นอย่างเยือกเย็น แล้วสุนัขอีกหลายเสียงก็หอนรับกันเป็นทอดๆ เราสองคนหยุดชะงักทันที
เพื่อนหันหน้ามากระซิบ
"หมามันหอนเพราะมันเห็นอย่างว่าใช่ไหม"
พี่ทำตาเขียวแล้วกระซิบดุ
"มึงจะพูดทำไมว่ะเนี้ย เฉยๆ เหอะ" แม้จะปอด แต่สถานการณ์อย่างนี้ต้องทำใจดีสู้เสือ "ทำใจเข้มแข็งหน่อยสิว่ะ ผีไม่มีในโลกเว้ย ท่องไว้"
"งั้นมึงช่วยอธิบายหน่อยเถอะวะ หมามันหอนทำไม"
พี่ยิ้มเล็กน้อย
"มันสยิวมั้งมึง ดึกๆ แบบนี้มันคงมีเซ็กซ์กันแหละ"
พี่ยกฝ่ามือผลักเพื่อนให้ออกเดินต่อ
ท่ามกลางความเงียบ เรามองเห็นวัดที่เบื้องหน้า แสงจันทร์ส่องต้องหลังคาโบถส์เป็นประกายละเลื่อม
บรรยากาศภายใน เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ปกคลุมมืดครึ้มน่ากลัว แสงไฟตะเกียงวอมแวมรอดมาจากที่ไหนสักแห่งหลังพุ่มไม้นั่น
"เอ้า ยืนเฉยอยู่ทำไมล่ะ เดินสิ" พี่พูดกับเพื่อน
"มึงก็เดินก่อนสิ" มันสวนกลับมาอย่างเคืองๆ "นำไปเลยไม่ต้องเกรงใจกู"
"กูไม่ได้เกรงใจมึง.. เอ้า! งั้นไปพร้อมกัน"
เราสองคนออกเดินตรงไปเข้าเขตวัด จู่ๆ พี่ก็ร้องตะโกนขึ้นเสียงดังลั่นวัด
"เฮ้ย!.. ผีอยู่ไหน ออกมาโว้ย เจอกับเพื่อนกู ตัวต่อตัว"
เพื่อนมันหยุดกึก หันมามองพี่ตาเขียว
"ไอ้เหี้ยเอ้ย... มึงจะบ้าหรือเปล่าว่ะ" มันพูดเสียงสั่น "ไปท้ามันทำม๊ายยย.. แล้วเอากูไปเกี่ยวข้องอะไรด๊วยยย..."
"ขู่มันก่อนเว้ย มันจะได้กลัวเรา" พี่ปลุกใจมัน "ผีโว้ย! หลบอยู่ทำไม ออกมาซีว่ะ"
เสียงห้าวๆ ร้องตะโกนออกมาจากโกดังเก่าสำหรับเก็บศพที่ด้านหลังวัด
"เดี๋ยวโว้ย กำลังแต่งตัว"
เราสองคนสะดุ้งเฮือกไปตามกัน เพื่อนมันหน้าซีดเผือด จ้องหน้าพี่แล้วพูดเสียงสั่นเครือ
"เอาแล้วไง เสือกไปท้ามันเข้า เจอดีเข้าแล้วไหมล่ะ"
พี่ใจเต้นระทึก ความคะนองหายไปหมดแล้ว ความรู้สึกขนพองสยองเกล้าเข้ามาแทน
"อ..เอาไงดีว่ะ" เพื่อนหันมาถาม "ถอยไปตั้งหลักเสียหน่อยดีมั้ย"
"เฮ้ย! กูว่าแม่งไม่ใช่ผีหรอก มันต้องเป็นคน มึงเชื่อดิ"
"ไม่!! กูไม่เชื่อ" มันสวนมาอย่างปอดๆ "มึงอย่ามาเป็นฮีโร่หน่อยเลย แล้วถ้ามันเป็นผีจริงๆ ล่ะ"
"มึง! อย่ามาชวนกันเขวดิว่ะ ผีไม่มี มึงเคยเห็นเหรอ" พี่พยายามปลุกปลอบกำลังใจ "ไป.. ทำให้มันเสร็จๆ ไปจะได้กลับไปนอน" ว่าแล้วพี่ก็ลากเพื่อนเดินอ้อมไปทางด้านซ้ายของอุโบสถ ผ่านหมู่ไม้ต้นใหญ่หลายต้น
เสียงหมาหอนขึ้นอย่างเยือกเย็น เพื่อนมันขยับจะวิ่งหนี แต่พอรู้ว่าพี่คว้าคอเสื้อมันอยู่ มันก็ดิ้นรนอย่างน่าสงสาร "เล็ท มี โก...เล็ท มี โก"
พี่หัวเราะ
"กลัวผี แล้วยังจะมาตลกอีกนะมึง"
ทันใดนั้นเอง เสียงกลองก็ดังระรัวขึ้นแบบกลองเพลจากที่ไหนสักแห่ง คือตีจากช้าไปหาเร็ว เราสองคนหยุดชะงัก มองซ้ายมองขวาเลิ่กลั่ก พยายามหาที่มาของเสียง
"เอาแล้ว.." เพื่อนบ่นพึมพำเสียงสั่น "เอากูแล้วไง แม่ง...ไฟฉายสักกระบอกก็ไม่มีให้ ทำไมกูต้องมาลำบากอย่างนี้ด้วยว่ะ.. กูอยากกลับบ้าน..."
เสียงตีกลองเริ่มเปลี่ยนเป็นจังหวะแซมบ้า แมมโบ้ ชะชะช่า และ ฉิ่งฉับทัวร์
"ฮ..เฮ้ย จ..จะ เอาไงก็รีบๆ ทำสักทีสิว่ะ ไอ้ฮีโร่" เพื่อนมันยื่นมือเย็นเจี๊ยบมาเขย่าแขน
"กะ..กู..กะ..ก้าว..ขะ..ขา..ไม่ออก" พี่ตอบอย่างอกสั่นขวัญแขวน
เสียงกลองยังคงดังขึ้นอย่างเร่งร้อน ก่อนที่จะหายเงียบไปดื้อๆ
"กูว่าพวกเรารีบไปกันเถอะว่ะ" พี่ก้าวเท้านำ โดยไม่รอคำตอบจากเพื่อน
ในที่สุด เราสองคนก็มาหยุดยืนอยู่หน้าโกดังเก็บศพ จุดหมายปลายทางตามแผนที่ในสมุดเล็กที่ระบุไว้ ให้นักศึกษาวิชาทหารทุกคน มาหยิบของไปส่งครูฝึกในคืนนี้
มันเป็นเพิงสังกะสีชั้นเดียว หลังคามุงด้วยสังกะสีเก่าคร่ำ ไม่มีฝา แสงตะเกียงริบหรี่จากภายใน พอมองให้เห็นหีบศพประมาณ 10 หีบ วางกองซ้อนกันอยู่โดยไม่มีระเบียบเรียบร้อยอะไร
เพื่อนหันมาสะกิด
"เอาดิ ท้ามันอีกดิ เก่งนักนี่มึงอ่ะ" มันท้า
"หึ.. กูไม่กล้า"
พอพี่พูดจบ เสียงตวาดก็ดังขึ้นในโกดังเก็บศพ
"เอ้า! พวกมึงน่ะ เร็วๆ เข้า!"
เราสองคนสะดุ้งเฮือกสุดตัว ทำท่าจะเผ่นหนี แต่ไม่มีเรี่ยวแรงแม้จะยกขาก้าว แสงวอมแวมของตะเกียงทำให้เห็นว่าฝาโลงใบหนึ่งถูกเลื่อนออกทีละน้อยๆ พี่ขนลุกซู่ ไอ้คนข้างๆ หน้าขาวซีดเหมือนกระดาษ ยืนขาสั่นกระทบกันดังพั่บๆ ฝาหีบศพนั้นถูกผลักกระเด็นหลุดไปจากโลงเสียงดังโครม
"เหวอ... ไม่เอาแล้วโว้ย" รด.สองคนวิ่งหนีกระเจิงออกจากโกดัง
สองคนนั้นคงเป็นกลุ่มที่มาถึงก่อนพวกเรา
"แม่งเอ้ย.. มันอะไรกันนักกันหนาว่ะ"
พี่เดินดุ่มๆ เข้าไปโดยไม่สนใจเพื่อน
ก้าวขึ้นไปบนเรือน
เสียงไม้พื้นกระดานลั่นออดแอ๊ดชวนเสียวสันหลัง
พี่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ โลง เบือนหน้าหนีไปข้างหลังเห็นเพื่อนยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ตรงบันได
พี่ค่อยๆ ยื่นมือเข้าไปในโลงช้าๆ
เราได้รับคำสั่งให้หยิบกระดาษขึ้นมาจากในโลง แล้วนำไปส่งครูฝึก ห่างจากโกดังไป 300 เมตร
ทันใดนั้น มือที่บวมฉุกำลังขึ้นอืดทึ่ด คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของพี่
"กรี๊ด!!!" ไอ้เพื่อนตัวดีหลับหูหลับตาส่งเสียงร้องวีดว้ายเหมือนผู้หญิง เร่งฝีเท้าวิ่งหนีไปอย่างรักตัวกลัวตาย
พี่ใจเต้นระทึกเพราะความกลัว รู้สึกคล้ายจะเป็นลม พยายามนึกถึงคาถาไล่ผี แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ในที่สุดความกลัวมันก็เพิ่มทวีขึ้นถึงขีดสุด ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นความกล้าอย่างน่าประหลาด พี่ตัดสินใจกระชากมือข้างที่ถูกจับอย่างสุดแรง แล้วเหวี่ยงกำปั้นขึ้นสูงสุดแขน ก่อนที่จะปล่อยน้ำหนักลงมากระแทกสิ่งที่อยู่ในโลงสุดแรง
"ปึ้ก!"
"อ๊อก!" เสียงนั้นดังแผ่วเบา ได้ยินไม่ถนัดหูนัก เพราะหลักจากคว้ากระดาษมาได้ พี่ก็โกยอ้าวออกมาอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนจะมาหยุดยืนหอบแฮ่กๆ อยู่กับครูฝึก
300 เมตร ในระยะเวลา 10 วินาที ไม่มีความเหน็ดเหนื่อย ตอนนั้นมีแต่ความกลัว
ดวงจันทร์ลับแนวยอดไม้ ทุกหนแห่งปกคลุมด้วยความมืด อากาศเพิ่มความหนาวเย็นขึ้นอีก พวกเรานั่งรถกลับฐาน
.
.
.
เช้าวันต่อมา พวกเราถูกเรียกให้รวมพล ตอนตี 5
"เมื่อคืนใครต่อยครูว่ะ"
"....."
ผลงานอื่นๆ ของ ด้วยความกระแดะ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ด้วยความกระแดะ
ความคิดเห็น