คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #108 : บทที่ 104 ปัญหาของลูกสาว
เวลานี้อาโรนและสาวๆนั่งอยู่ในห้องรับแขก บรรดาสาวๆต่างมีสีหน้าสำนึกผิด
"ขอโทษนะค่ะที่เข้าใจผิด"
"รู้ก็ดีแล้ว"
อาโรนถอนหายใจ กว่าพวกเธอจะเชื่อว่าเขาไม่ได้มอมเหล้าคิริโกะอย่างที่พวกเธอและทหารเห็นกัน ก็ต้องรอจนคิริโกะสร่างเมาแล้วตื่นมาพูดก่อน พวกเธอเลยยอมเชื่อที่เขาพูด
"คือ...ขอตัวก่อนนะค่ะ"คิริโกะมองหน้าอาโรนแล้วหน้าแดงจัด รีบวิ่งหนีออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
"ขอตัวครับ"ร๊อครีบตามนายหญิงไป
"หึหึๆ..."อาโรนหัวเราะ แล้งดึงตัวซายะกับเฟรเมียที่อยู่ใกล้ตัวมาโอบเอวกอดไว้ ลูน่ามองเล็กน้อย แต่ก็ไม่พ้นสายตาอาโรน
"อยากให้ฉันกอดไหมลูน่า"
เธอไม่ตอบแต่หลบหน้า ใบหน้าเธอขึ้นสีแดงและหน้าร้อนผ่าวไปหมดทุกครั้งที่เธอสบตาอาโรน
"จริงสิท่านเฟต เรื่องโรคระบาด เห็นสารที่ฉันส่งมาแล้วใช่ไหม เราต้องเรียกประชุมขุนนางด่วนเลย"ซายะนึกขึ้นมาได้รีบพูด
"ซายะ เธอไม่ได้ตรวจดูระหว่างมาที่ซิสการ์ดเลยเหรอ"
"ฉันรีบมากเลยไม่มีเวลาค่ะ บ้านเมืองก็สงบสุขดี แต่มันคงเป็นแบบนี้ได้อีกไม่นาน เราต้องรีบหาทางรับมือกับโรคระบาดโดยเร็ว ไม่งั้นแคว้นเราได้กลายเป็นแดนมิดสัญยรเหมือนแคว้นโซลแลนด์แน่"ซายะรีบพูด
"ถ้าเรื่องนั้นละก็จัดการไปแล้ว"
"ยังไงค่ะ"ซายะถามถึงการรับมือของอาโรน และเหมือนทุกคนจะทราบกันหมด มีแต่เธอที่ไม่รู้คนเดียว
"ฉันสั่งการให้ทั้ง4แคว้นของเราปิดแคว้นตัวเอง ห้ามทำการค้ากับต่างแคว้น ห้ามเปิดรับเรือใดเข้าเทียบท่าทั้งสิ้น การค้าระหว่าง4แคว้นใช้ทหารในการขนส่งอย่างเดียว ฉันบอกความน่ากลัวของโรคระบาดให้ฟรานกับครอสรู้เรื่องแล้ว ตราบใดที่เราปิดประเทศตัวเอง เชื่อโรคไม่แพร่เข้ามาแน่นอน"
"แต่ว่ายังเหลือพวกสัตว์นะค่ะ พวกสัตว์ก็ติดเชื้อได้ โดยเฉพาะพวกหนูที่มีอยู่เต็มไปหมด พวกนี้สกปรก ติดเชื้อง่าย เพิ่มจำนวนเร็ว ย้ายถิ่นบ่อย พวกมันดเป็นตัวแพร่เชื้ออย่างดีเลยล่ะ"
"ไม่ต้องห่วงซายะ จาเนียเอาไอ้นั้นออกมา"
"ค่ะ"เจ้าหญิงเอลฟ์คนเล็กหยิบของอย่างนึงออกจากกระเป๋า มันเป็นกระป๋องใส่สารชนิดนึง ซายะเอามาดมใกล้ๆก็ได้กลิ่นรุนแรงจนเอามือปิดจมูก
"นี่มันหรือว่า......."
"ยาเบื่อหนูไงล่ะ มันผลิตได้เร็วมาก ฉันส่งมันออกสู่ตลาดตั้งแต่ก่อนที่เชื้อจะเริ่มแพร่อีกนะ"อาโรนแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์
"ก่อนเชื้อแพร่กระจาย หรือว่าท่าน...."ซายะเจอตัวการที่แพร่เชื้อออกไปแล้ว
"ใช่ ฉันไปเจอมันจากหมอโรคจิตคนนึง ฆ่าและเอาสัตว์กับคนที่ติดเชื่อไปปล่อยที่ซามูเรีย โซลแลนด์ แล้วก็ไทโรเนีย ได้ผลดีกว่าที่คิดอีก อีกไม่ข้าไทโรเนียกับซามูเรยก็คงมีข่าวมาแล้วล่ะ ไทโรเนียพิเศษหน่อย ฉันส่งหนูไปนับพันตัวเลยเชียวนะ"อาโรนพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม แน่ล่ะ อีกฝ่ายเป็นคู่แข่งที่จ้องชิงภรรยาเขา ก็ต้องเอาคืนให้หนัก
"มันสมควรโดนแล้ว ใช่ไหมพี่เกรเซีย"มิโอเรียพูดด้วยความโกรธเคือง แล้วหันมามองคนที่เป็นเหมือนพี่สาวอีกคนของเธอ
"ชะ..ใช่ค่ะ"เกรเซียพูดด้วยความแค้นปนเขินอายคนตรงหน้า
"ถ้างั้นช่วงนี้เราควรอยู่เฉยๆสินะค่ะ"เฟรเมียพูด
"ใช่ ตอนนี้รอฟังข่าวความทรมาณของแคว้นอื่นได้เลย"อาโรนยิ้มที่มุมปาก เห็นความซวยของคนอื่นเป็นเรื่องสนุก
"แต่พวกเขาจะไม่สงสัยเหรอ ว่าทำไมมีแต่เราที่ไม่เสียหายเลย"อาเดลพูดขึ้น
"ต่อให้เราป้องกันดีแค่ไหนก็ต้องมีคนติดเชื่อบ้าง เราก็ต้องฆ่าพวกเขาทิ้งเพื่อไม่ให้เชื้อแพร่ไปมากกว่านี้ เข้าใจตรงกันนะ"อาโรนเอ่ยเสียงเหี้ยมเกรียม
"ค่ะ!!!!!!"สาวทุกคนตอบรับ
"ถ้าอย่างงั้น ฉันขอตัวกลับเมืองฟาเรลก่อนนะค่ะ"คานาเรียพูด เธอต้องกลับไปคุมเมืองเธอให้ดี เพราะเมืองเธออยู่ใกล้กับโซลแลนด์มาก
"คานาเรีย ฉันตามเธอไปด้วยนะ จะได้คุ้มกันด้านตะวันตกถ้าเกิดโซลแลนด์บุกมาไงล่ะ"เกรเซียลุกขึ้นตาม
"ตะ..แต่ว่าด้านตะวันตกก็อาเดล......."
"นะค่ะ"เกรเซียพูดเสียงต่ำเชิงขู่ ทำให้คานาเรียต้องยอมรับ
"เข้าใจแล้ว ถ้างั้นรีบไปกันเถอะ"
สองสาวเดินออกจากห้อง ตอนนั้นเกรเซียก็สบตาอาโรนเข้า เธอหน้าแดงแล้วหลบสายตาของเด็กหนุ่มที่เธอพึ่งมอบพรมจรรย์ของเธอจริงๆให้ไปเมื่อหลายวันก่อน ที่เธอไปเมืองฟาเรล เพราะเธออายที่จะสู้หน้าเขาต่างหาก
"อาโรน เธอคิดว่าช่วงนี้เกรเซียดูแปลกไปไหม"มิโอเรียหันมาถาม
"ไม่นี่นา"เด็กหนุ่มโกหก
"งั้นเหรอ คิดไปเองละมั้ง"มิโอเรียเลิกสนใจ ซึ่งทำให้เขาโล่งใจมาก
จากนั้นสาวๆก็แยกย้ายกันไป เนื่องจากวันนี้ทุกคนมีงานยุ่งจนถึงดึกเพราะเรื่องโรคระบาด วันนี้เขาเลยต้องนอนคนเดียว แต่อาโรนติดนอนกับสาวแล้วทำให้เขานอนไม่หลับซะที เขาจะจ้างสาวมาก็ได้ แต่วันนี้พึ่งผ่านเรื่องวิกฤตมา อย่าไปกระตุ้นพวกเธอจะดีกว่า
ในขณะที่อาโรนกำลังพยายามข่มตาหลับอยู่ มีหญิงสาวผมดำที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องของเขา วันนี้เธอสวมชุดผ้าไหม้ดูเย้ายวน แต่คนทั้งปราสาทเห็นเธอใส่ชุดนี้คงแปลกใจแน่ เนื่องจากเธอคือลูน่า มังกรสาวที่ชอบสวมใส่ชุดเกราะเป็นชุดประจำตัวเดินไปทั่วปราสาท
ภายในห้องโถงว่าราชการของเจ้าแคว้นโซลแลนด์ อาร์รอสกำลังหนักใจกับปัญหาโรคระบาดที่แพร่เชื้อในแคว้นตน เหล่าขุนนางต่างก็มีความเครียดสูง เพราะไม่รู้จะถึงคราวของตนเมื่อไหร่ ตอนนี้พวกเขาต้องยอมทำตัวโหด ฆ่าประชาชนทีาติดเชื้อ และพยายามอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ แม้ว่ากว่าครึ่งจะยอมรับ แต่ก็มีคนอีกกลุ่มที่คอยยุแหย่ประชาชนให้คิดต่อต้าน ทำให้เกิดการต่อสู้ขึ้นในหลายพื้นที่
"ตอนนี้มีประชาชนหลายกลุ่มทำร้ายทหาร มีหลายคนถึงตายครับ"ทหารกล่าวรายงาน
"พวกที่ตายเป็นผู้เล่นทั้งหมดใช่ไหม"อาร์รอสถามเสียงจริงจัง
"ใช่ครับ"ทหารพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
"บอกพวกเขาว่าปล่อยให้ประชาชนทำร้ายไป อย่าได้ลงมือตอบโต้เด็ดขาด เลเวลที่เสียไป ทางสหพันธ์ของเราจะช่วยเก็บเลเวลคืนมาให้เอง จำไว้ พวกเขาต้องอดทนให้มาก ใครก็ตามที่ทำร้ายประชาชน จะมีโทษหนัก"
"ขะ..เข้าใจแล้วครับ"ทหารเกรงกลัว รีบเดินออกจากห้องประชุมไป
"ท่านครับ ทำแบบนี้ประชาชนจะยิ่งคิดว่าท่านอ่อนแอนะครับ เราควรปราบปรามพวกเขาเพื่อแสดงถึงความน่าเกรงขาม"ขุนนางคนนึงประท้วง และมีตามมาอีกหลายเสียง ในขณะที่ขุนนางอีกกลุ่มนึงเห็นตรงกันข้าม แต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร พวกเขาเพียงแต่มองอาร์รอสที่ตอนนี้ก้มหน้าลง
"หุบปาก!!!!!!!!"อาร์รอสตวาดแล้วพวกขุนนางเงียบไป
"ไอ้พวกโง่ พวกแกอยากให้ประชาชนรวมหัวกันต่อต้านอีกใช่ไหม ตอนนี้สิ่งที่เราต้องทำคือล่าตัวพวกที่ก่อความวุ่นวาย ยุแหย่ประชาชนให้คิดต่อต้านเรา และช่วงที่เกิดโรคระบาดนี่แหละ พวกมันจะออกมาก่อความวุ่นวายเยอะที่สุด เพราะคิดว่าเรายุ่งจนไม่มีเวลาจับตาดูพวกมัน ถ้าใครคิดเสนอให้ฉันส่งทหารไปปราบปรามหรือขัดคำสั่งละก็ มันผู้นั้นจะโดนโทษประหารทั้งครอบครัว เข้าใจไหม"
"ครืนนน!!!!!!"อาร์รอสตะโกนเสียงดังกึกก้องจนปราสาทถึงกับสั่นสะเทือน ทำให้ขุนนางที่กล้าคิดลองของตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
"ทราบแล้วครับ"ราวกับประกาศิต ขุนนางทุกคนต่างยอมรับกันถ้วนหน้า แม้จะมีคนไม่พอใจก็ตาม
"หน้าที่นั้น ฉันขอรับทำเอง"มานิกอลอาสาขึ้นมา
"ได้ ฉันจะแบ่งทหารหลวงไปช่วยด้วย จำไว้มานิกอล นายต้องพยายามจับเป็น"มานิกอลพยักหน้ารับ
"แล้วทางด้านซามูเรียเป็นยังไงบ้าง"อาร์รอสถามถึงแคว้นคู่อริ
"ซามูเรียก็โดนโรคระบาดเหมือนกันครับ แต่เนื่องจากแคว้นของมันส่วนใหญ่เป็นภูเขาและหุบเขา ทำให้การเดินทางระหว่างเมืองต่างๆทำได้ลำบาก นอกจากท่าเรือแล้ว เมืองอื่นก็แทบไม่มีคนติดเชื้อ ได้ยินว่าทางนั้นใกล้จะหยุดการแพร่เชื้อได้แล้ว"อโฟรตี้กล่าว
"นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะครับท่านอาร์รอส พวกมันอาจฉีกสัญญญาและบุกพวกเราตอนไหนก็ได้"ขุนนางชั้นสูงคนนึงพูด
เป็นอย่างที่มันพูด โซลแลนด์กับซามูเรียเป็นพันธมิตรกัน แต่ก็ไม่ได้มีความไว้ใจต่อกันเลย และคงฉีกสัยยาทันทีที่ภัยร้ายหมดไป แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานั้น
"คราบใดที่คาออสยังอยู่ ซามูเรียไม่ฉีกสัญญาหรอก แม็กนัสรู้ดีว่าโดนไทโรเนียกับโซลแลนด์บุกพร้อมกัน ยังน่ากลัวน้อยกว่าเจอ4แคว้นที่นำทัพโดยอาโรนบุกโจมตี"อาร์รอสพูดอย่างหนักใจ เพราะเขาก็กลัวจะโดนบุกเหมือนกัน เนื่องจากโซลแลนด์เคยบุกคาออสนับครั้งไม่ถ้วน ขุนพลทางนั้นมีความแค้นกับพวกเขายาวเป็นหางว่าว
"แล้วสถานการณ์แคว้นคาออสล่ะ เป็นยังไงบ้าง
"ตอนนี้ทางคาออส ไอโรเนีย อีเดนและปัลเทเบีย แคว้นทั้ง4ที่อยู่ภายใต้การปกครองของอาโรนได้ทำการปิดแคว้นของตน ตัดขาดการซื้อขายจากนอกแคว้นแล้วครับ ได้ยินว่าทางนั้นเจอผู้ติดเชื้อบ้าง แต่ก็จัดการได้รวดเร็ว"มานิกอลกล่าว
"พวกเขาทำเพื่อหยุดไม่ให้เชื้อแพร่เข้าไปในแคว้นตน เราก็ควรจะทำแบบนั้นด้วย"อโฟรตี้พูด
"แต่เราจะไม่มีอาหารเพียงพอถ้าทำแบบนั้นนะ"โดรกี้คัดค้าน
"ตอนนี้แต่ละแคว้นก็เริ่มปิดแคว้นตัวเอง ห้ามเรือสินค้าเข้ามา เราก็ต้องทำแบบนั้นด้วย ถ้าไม่อยากให้เชื้อแพร่เข้ามาฆ่าคนของแคว้นเราอีก"อโฟรตี้พูดแล้วโดรกีเเงียบไป
"ฉันเห็นด้วยกับอโฟรตี้ เราจะทำการปิดแคว้นตามอย่างคาออส"อาร์รอสพูดแล้วเหล่าขุนนางพยักหน้ายอมรับ
"แล้วเรื่องที่เราขอซื้อยาเบื่อหนูจากคาออสละ ไม่มีมันเราแย่แน่"มานิกอลพูดเตือน
"นั่นเป็นปัญหาใหญ่ เราต้องการยาเบื่อหนูเพื่อจัดการฆ่าพวกหนูที่มีอยู่ทุกที่"
อาร์รอสพูดอย่างหนักใจ ทุกคนก็เครียดไม่แพ้กัน หนูแพร่พันธุ์ได้เร็วกว่าสัตว์อื่น มันอยู่ได้ทุกที่ ทั้งในบ้าน ปราสาท ท่อระบายน้ำ ตอนนี้แคว้นเขาต้องการหยุดการแพร่ของโรคระบาดชนิดใหม่ที่เล่นงานแคว้นเขาซะยับเยิน
"อาร์รอส ฉันมีความคิดดีๆ"ทุกคนหันไปมองคนที่พูดขึ้นมา
"อะไรล่ะ"ชายหนุมถามแบบไม่ใส่ใจนัก เพราะคนที่พูดขึ้นมาคือโดรกี้ ขุนพลที่ฉลาดน้อยที่สุด ถ้าพูดแบบไม่รักษาน้ำใจคือโง่ที่สุด ทำให้เจ้าแคว้น ขุนพลและขุนนางต่างไม่ได้คาดหวังเลยว่าโดรกี้จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้
"จ่ายเงินให้กับคนที่กำจัดหนูได้"
ดวงตาของอาร์รอสลุกวาวขึ้นมา ราวกับเมฆที่บดบังความคิดหายไป อาร์รอสเข้าไปตบบ่าของโดรกี้หลายครั้ง ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
"เยี่ยมากเลยโดรกี้ นายฉลาดขึ้นนะเนี่ย"
"หมายความว่ายังไงครับ"โดรกี้ถามเสียงขุ่นเคือง เพราะรู้ว่ากำลังโดนหาว่าที่ผ่านมาเขาโง่มาก
อาร์รอสไม่คิดจะบอกโดรกี้ และหันมาสั่งเหล่าขุนนางและแม่ทัพทั้งหลาย
"ประกาศออกไป ประชาชนคนไหนกำจัดหนูได้100ตัว จะให้เงิน10เหรียญทองแดง อย่าลืมว่าต้องเผามันอย่าให้เหลือซาก แล้วให้มารายงานมายังที่ว่าราชการ"
เงิน10เหรียญทองแดงมีค่ามากสำหรับชาวบ้านธรรมดา มันทำให้กินอยู่ได้เป็นสัปดาห์ทีเดียว ใครที่ไหนจะไม่อยากได้ล่ะ
"แต่อย่างงั้นก็ไม่มีหลักฐานเหลือสิครับ แล้วถ้ามีคนโกหกขึ้นมาละก็...."โดรกี้กำลังจะพูด แต่อาร์รอสขัดขึ้นก่อน
"ใช้พลังจิตตรวจสอบดูก็พอ พลังจิตของนายก็น่าจะทำได้นี่นา"ขุนพลผู้ใช้ขวานได้ยินแล้วเงียบไป
"ถ้าไม่มีใครคัดค้านก็จัดการตามนี้ ปิดการประชุม"
แคว้นคาออส, เมืองซิสการ์ด
ผ่านมาหลายวันหลังจากที่ลูน่าได้คุยกับพ่อเล็กๆน้อยๆ เนื่องจากโรคระบาด เหล่าขุนพลแยกย้ายกันกลับเมืองตัวเอง ซายะ ต้องไปทำงานสืบข่าวต่อ เฟรเมียกับจาเนียต้องไปที่อีเดนกับปัลเทเบียเพื่อจัดการเรื่องโรคระบาด อาโรนกลัวว่าครอสอาจรับมือได้ไม่ดีนัก เพราะเขาไม่ใช่คนในโลกจริง เขาบอกวิธีการป้องกันให้เฟรเมียกับจาเนียทั้งหมดแล้ว และให้ร๊อคตามไปคุ้มครองเจ้าหญิงเอลฟ์ทั้งสองด้วย ตอนนี้ปราสาทซิสการ์ดเลยเหลือแค่อาโรน คิริโกะและลูน่าเท่านั้น
อาโรนและสองสาวกำลังนั่งทานข้าวอยู่ในห้องรับประทานอาหาร คิริโกะกับอาโรนคุยระหว่างทานอาหารอย่างสนิทสนม ในขณะที่ลูน่าแค่มองดูอยู่เงียบๆ ถึงแม้ท่านพ่อจะบอกให้เธอขอโทษอาโรนก็ตาม แต่เรื่องอะไรจะยอม
"อยากกินของหวานเพิ่มไหมคิริโกะ"
"ได้เหรอค่ะ"
"แน่นอน ก็คิริโกะน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้นี่นา"อาโรนลูบหัวคิริโกะ ทำให้ลูน่าปวดใจอยู่ลึกๆ แม้เธอจะสนิทกับคิริโกะขนาดไหนก็ตาม แต่เธอก็หึงอยู่ไม่น้อย หลายวันมานี้อาโรนกับคิริโกะนอนด้วยกันตลอด และเขาไม่ได้เหลียวแลมองเธอเลย
ลูน่าไม่เขม็งมองอาโรนอย่างหาเรื่องเหมือนทุกครั้ง ช่วงที่อาโรนก็กำลังยุ่งกับปัญหาเรื่องจัดการปัญหาโรคระบาด เลยไม่มีเวลาไปแกล้งมังกรสาว แม้เขาจะอยากทำก็เถอะ ทำให้ขุนนางในปราสาทพากันแปลกใจ เพราะปราสาทเงียบลงผิดปกติ เนื้องจากไม่มีเสียงตะโกนของลูน่าแล้วนั่นเอง
คนรับใช้เอาเค้กมาวางที่โต๊ะ อาโรนหยิบจานมาถือไว้ก่อนที่คิริโกะจะได้ตักช้อนกิน
"ฉันป้อนให้นะ"อาโรนยิ้มให้
"ได้สิค่ะ...อั้ม!!"คิริโกะอ้าปากกินเค้ก
บรรยากาศระหว่างชายหญิงทั้งคู่ทำให้ชายหญิงทั้งหลายในห้องที่เป็นคนรับใช้ต่างพากันอิจฉา บางคนที่มีเมียแล้วต่างนึกในใจว่า ทำไมภรรยาเขาไม่น่ารักแบบคิริโกะบ้างนะ
ลูน่ากินได้พักนึงก็เหล่มองมาทางมังกรดำ
"เอ่อ....อาโรน ป้อนให้ลูน่าด้วยได้ไหม"คิริโกะหันมามองลูน่า ซึ่งภายใต้ดวงตาที่มิงมาทางนี้กำลังฉายแววเศร้าสร้อยอย่างไม่ปิดบัง น้ำเริ่มซึมแทบจะทะลักออกมาจากดวงตา แต่หญิงสาวยังกั้่นไว้อยู่
"ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวอาโรนก็แกล้งฉันอีก!!!!!"ลูน่าที่มีนิสัยหยิ่งแก้ไม่หายพลั้งปากพูดออกมา
"แล้วใครว่าฉันสนใจแกล้งเธอล่ะ"อาโรนพูดเสียงเย็นชา จากนั้นเขาก็โอบเอวคิริโกะให้เขามาชิดเขามากกว่าเดิม และจูบเธออย่างดูดดื่ม
"ฮึก..ซิกๆๆ...!!"เมื่อได้ยินคำพูดที่ทำร้ายจิตใจของอาโรน ลูน่าก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่อีกต่อไป เสียงร้องทำให้อาโรนหวั่นไหวเล็กน้อย แต่ก็ใจแข็งจูบคิริโกะอย่างหนักหน่วง ทำเป็นไม่สนใจตัวตนของเธอต่อไป
คิริโกะกินเสร็จแล้วรีบลุกหนีไปโดยก้มหน้าไม่ให้ใครเห็นหน้าเธอยามร้องไห้ แต่คนรับใช้ก็ได้ยินเสียงที่ลูน่าร้องไห้อยู่ดี เมื่อคิริโกะไปแล้วอาโรนก็ถอนปากออกจากอสูรสาว
"แฮ่กๆๆ...อาโรนค่ะ"คิริโกะหน้าแดงจัด สติแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ แต่ก็รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อาโรนปล่อยมือจากคิริโกะ มองประตูที่ลูน่าเดินออกไป
เด็กหนุ่มคิดว่าตัวเองแกล้งเธอหนักเกินไป ถึงลูน่าจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่จิตใจก็อ่อนแออย่างที่ชูร่าเตือนไว้เลย ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ถ้าไม่ดัดนิสัยของลูน่า เธอจะเอาแต่ใจตัวเองมากขึ้นไปอีก
"ท่านทำเกินไปแล้วนะ เดี๋ยวเธอก็หนีกลับดันเจี้ยนไปหรอกนะ"ลูน่าเป็นสาวขี้อายและใจอ่อน และลูน่าก็เป็นเพื่อนสนิทเธอด้วย
กลางดึกคืนนั้น ชูร่าก็โทรจิตเข้ามาอีกครั้ง
'ท่านพ่อ เขาไม่ยอมคุยกับข้าเลย'
'ข้าก็บอกแล้วนี่ว่าเจ้าต้องไปขอโทษเขา แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง ลูกจะยอมทำได้หรือยัง'
'ยอมแล้วค่ะ'
วันรุ่งขึ้นช่วงเช้า อาโรน คิริโกะและลูน่ามานั่งทานอาหารเหมือนทุกครั้ง วันนี้คิริโกะนั่งห่างจากอาโรน และคอยสบตามองลูน่า เหมือนอยากเปิดโอกาสให้เธอคุยปรับความเข้าใจ อาโรนก็คอยมองมังกรสาวที่ร้องไห้ตั้งแต่เข้ามาในห้อง
"อาโรน"ในที่สุดเธอก็เข้ามากอดแล้วซบอกเขา แล้วร้องไห้ใหญ่
"ขอโทษนะค่ะๆ ยกโทษให้ข้าด้วยเถอะ ข้าจะไม่เอาแต่ใจตัวเองอีกแล้ว จะทำตามที่ท่านสั่งในฐานะเจ้านาย ท่านจะกลับมาแกล้งข้าหรือจับข้านอนด้วยก็ได้ แต่อย่าทำเป็นไม่สนใจข้าเลยนะ"
ลูน่าร้องไห้ขอโทษอยู่พักใหญ่ ผ่านไปเกือบชั่วโมง น้ำตาเธอไม่เหลือให้ไหลออกมาแล้ว ใบหน้าออกไปด้วยคราบน้ำตา จนเธอเริ่มสิ้นหวังเพราะเห็นว่าเด็กหนุ่มไม่สนใจเธออีกแล้ว มือเธอกำลังคลายออก
"หมับ!!!"แต่เขาจับตัวเธอไว้ และเชยคางเธอให้เงยหน้าขึ้นมามอง
"เธอสำนึกแล้วนะลูน่า สัญญานะว่าจะไม่ทำอีก"
"ค่ะ"
"ถ้างั้นฉันก็จะยกโทษให้ และฉันก็ขอโทษด้วยที่จับเธอมานอนโดยไม่เต็มใจ เพราะฉะนั้นจากนี้ไปฉันจะดูแลเธอเอง"
"มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว"ลูน่ากลับมามีน้ำเสียงหยิ่งอีกครั้ง
"และเธอต้องมานอนกับฉันตั้งแต่วันนี้ไป ทุกคืนเลย"อาโรนกระซิบที่หู ทำให้เธอหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ
"ได้ รับรองข้าจะทำให้เจ้าลืมไม่ลงเลย"
"หึหึ แล้วฉันจะคอยดู"
___________________________
ความคิดเห็น