ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Kingdom War Online สงครามแห่งอำนาจ

    ลำดับตอนที่ #108 : บทที่ 104 ปัญหาของลูกสาว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 949
      16
      27 มี.ค. 60

    บทที่ 104

          เวลานี้อาโรนและสาวๆนั่งอยู่ในห้องรับแขก บรรดาสาวๆต่างมีสีหน้าสำนึกผิด


          "ขอโทษนะค่ะที่เข้าใจผิด"


          "รู้ก็ดีแล้ว"


          อาโรนถอนหายใจ กว่าพวกเธอจะเชื่อว่าเขาไม่ได้มอมเหล้าคิริโกะอย่างที่พวกเธอและทหารเห็นกัน ก็ต้องรอจนคิริโกะสร่างเมาแล้วตื่นมาพูดก่อน พวกเธอเลยยอมเชื่อที่เขาพูด


          "คือ...ขอตัวก่อนนะค่ะ"คิริโกะมองหน้าอาโรนแล้วหน้าแดงจัด รีบวิ่งหนีออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว


          "ขอตัวครับ"ร๊อครีบตามนายหญิงไป


          "หึหึๆ..."อาโรนหัวเราะ แล้งดึงตัวซายะกับเฟรเมียที่อยู่ใกล้ตัวมาโอบเอวกอดไว้ ลูน่ามองเล็กน้อย แต่ก็ไม่พ้นสายตาอาโรน


          "อยากให้ฉันกอดไหมลูน่า"


          เธอไม่ตอบแต่หลบหน้า ใบหน้าเธอขึ้นสีแดงและหน้าร้อนผ่าวไปหมดทุกครั้งที่เธอสบตาอาโรน


          "จริงสิท่านเฟต เรื่องโรคระบาด เห็นสารที่ฉันส่งมาแล้วใช่ไหม เราต้องเรียกประชุมขุนนางด่วนเลย"ซายะนึกขึ้นมาได้รีบพูด


          "ซายะ เธอไม่ได้ตรวจดูระหว่างมาที่ซิสการ์ดเลยเหรอ"


          "ฉันรีบมากเลยไม่มีเวลาค่ะ บ้านเมืองก็สงบสุขดี แต่มันคงเป็นแบบนี้ได้อีกไม่นาน เราต้องรีบหาทางรับมือกับโรคระบาดโดยเร็ว ไม่งั้นแคว้นเราได้กลายเป็นแดนมิดสัญยรเหมือนแคว้นโซลแลนด์แน่"ซายะรีบพูด


          "ถ้าเรื่องนั้นละก็จัดการไปแล้ว"


          "ยังไงค่ะ"ซายะถามถึงการรับมือของอาโรน และเหมือนทุกคนจะทราบกันหมด มีแต่เธอที่ไม่รู้คนเดียว


          "ฉันสั่งการให้ทั้ง4แคว้นของเราปิดแคว้นตัวเอง ห้ามทำการค้ากับต่างแคว้น ห้ามเปิดรับเรือใดเข้าเทียบท่าทั้งสิ้น การค้าระหว่าง4แคว้นใช้ทหารในการขนส่งอย่างเดียว ฉันบอกความน่ากลัวของโรคระบาดให้ฟรานกับครอสรู้เรื่องแล้ว ตราบใดที่เราปิดประเทศตัวเอง เชื่อโรคไม่แพร่เข้ามาแน่นอน"


          "แต่ว่ายังเหลือพวกสัตว์นะค่ะ พวกสัตว์ก็ติดเชื้อได้ โดยเฉพาะพวกหนูที่มีอยู่เต็มไปหมด พวกนี้สกปรก ติดเชื้อง่าย เพิ่มจำนวนเร็ว ย้ายถิ่นบ่อย พวกมันดเป็นตัวแพร่เชื้ออย่างดีเลยล่ะ"


          "ไม่ต้องห่วงซายะ จาเนียเอาไอ้นั้นออกมา"


          "ค่ะ"เจ้าหญิงเอลฟ์คนเล็กหยิบของอย่างนึงออกจากกระเป๋า มันเป็นกระป๋องใส่สารชนิดนึง ซายะเอามาดมใกล้ๆก็ได้กลิ่นรุนแรงจนเอามือปิดจมูก


          "นี่มันหรือว่า......."


          "ยาเบื่อหนูไงล่ะ มันผลิตได้เร็วมาก ฉันส่งมันออกสู่ตลาดตั้งแต่ก่อนที่เชื้อจะเริ่มแพร่อีกนะ"อาโรนแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์


          "ก่อนเชื้อแพร่กระจาย หรือว่าท่าน...."ซายะเจอตัวการที่แพร่เชื้อออกไปแล้ว


          "ใช่ ฉันไปเจอมันจากหมอโรคจิตคนนึง ฆ่าและเอาสัตว์กับคนที่ติดเชื่อไปปล่อยที่ซามูเรีย โซลแลนด์ แล้วก็ไทโรเนีย ได้ผลดีกว่าที่คิดอีก อีกไม่ข้าไทโรเนียกับซามูเรยก็คงมีข่าวมาแล้วล่ะ ไทโรเนียพิเศษหน่อย ฉันส่งหนูไปนับพันตัวเลยเชียวนะ"อาโรนพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม แน่ล่ะ อีกฝ่ายเป็นคู่แข่งที่จ้องชิงภรรยาเขา ก็ต้องเอาคืนให้หนัก


          "มันสมควรโดนแล้ว ใช่ไหมพี่เกรเซีย"มิโอเรียพูดด้วยความโกรธเคือง แล้วหันมามองคนที่เป็นเหมือนพี่สาวอีกคนของเธอ


          "ชะ..ใช่ค่ะ"เกรเซียพูดด้วยความแค้นปนเขินอายคนตรงหน้า


          "ถ้างั้นช่วงนี้เราควรอยู่เฉยๆสินะค่ะ"เฟรเมียพูด


          "ใช่ ตอนนี้รอฟังข่าวความทรมาณของแคว้นอื่นได้เลย"อาโรนยิ้มที่มุมปาก เห็นความซวยของคนอื่นเป็นเรื่องสนุก


          "แต่พวกเขาจะไม่สงสัยเหรอ ว่าทำไมมีแต่เราที่ไม่เสียหายเลย"อาเดลพูดขึ้น


          "ต่อให้เราป้องกันดีแค่ไหนก็ต้องมีคนติดเชื่อบ้าง เราก็ต้องฆ่าพวกเขาทิ้งเพื่อไม่ให้เชื้อแพร่ไปมากกว่านี้ เข้าใจตรงกันนะ"อาโรนเอ่ยเสียงเหี้ยมเกรียม


          "ค่ะ!!!!!!"สาวทุกคนตอบรับ


          "ถ้าอย่างงั้น ฉันขอตัวกลับเมืองฟาเรลก่อนนะค่ะ"คานาเรียพูด เธอต้องกลับไปคุมเมืองเธอให้ดี เพราะเมืองเธออยู่ใกล้กับโซลแลนด์มาก


          "คานาเรีย ฉันตามเธอไปด้วยนะ จะได้คุ้มกันด้านตะวันตกถ้าเกิดโซลแลนด์บุกมาไงล่ะ"เกรเซียลุกขึ้นตาม


          "ตะ..แต่ว่าด้านตะวันตกก็อาเดล......."


          "นะค่ะ"เกรเซียพูดเสียงต่ำเชิงขู่ ทำให้คานาเรียต้องยอมรับ


          "เข้าใจแล้ว ถ้างั้นรีบไปกันเถอะ"


          สองสาวเดินออกจากห้อง ตอนนั้นเกรเซียก็สบตาอาโรนเข้า เธอหน้าแดงแล้วหลบสายตาของเด็กหนุ่มที่เธอพึ่งมอบพรมจรรย์ของเธอจริงๆให้ไปเมื่อหลายวันก่อน ที่เธอไปเมืองฟาเรล เพราะเธออายที่จะสู้หน้าเขาต่างหาก


          "อาโรน เธอคิดว่าช่วงนี้เกรเซียดูแปลกไปไหม"มิโอเรียหันมาถาม


          "ไม่นี่นา"เด็กหนุ่มโกหก


          "งั้นเหรอ คิดไปเองละมั้ง"มิโอเรียเลิกสนใจ ซึ่งทำให้เขาโล่งใจมาก


          จากนั้นสาวๆก็แยกย้ายกันไป เนื่องจากวันนี้ทุกคนมีงานยุ่งจนถึงดึกเพราะเรื่องโรคระบาด วันนี้เขาเลยต้องนอนคนเดียว แต่อาโรนติดนอนกับสาวแล้วทำให้เขานอนไม่หลับซะที เขาจะจ้างสาวมาก็ได้ แต่วันนี้พึ่งผ่านเรื่องวิกฤตมา อย่าไปกระตุ้นพวกเธอจะดีกว่า


          ในขณะที่อาโรนกำลังพยายามข่มตาหลับอยู่ มีหญิงสาวผมดำที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องของเขา วันนี้เธอสวมชุดผ้าไหม้ดูเย้ายวน แต่คนทั้งปราสาทเห็นเธอใส่ชุดนี้คงแปลกใจแน่ เนื่องจากเธอคือลูน่า มังกรสาวที่ชอบสวมใส่ชุดเกราะเป็นชุดประจำตัวเดินไปทั่วปราสาท


          ลูน่ายืนอยู่หน้าห้อง ปกติเวลาเธอจะเข้าห้องอาโรนเธอจะเตะเปิดประตูเข้าไปอย่างไร้มารยาท แต่เธอรู้ว่าเจ้านายเธอหลับไปแล้ว ที่สำคัญคือถ้าเธอเปิดเสียงดัง สาวๆคนอื่นต้องตื่นและมาเห็นเธอแต่งชุดนี้แน่

          'เคาะประตูเรียกดีไหมนะ'ลูน่าทำท่าจะเคาะประตูแต่รีบชักมือกลับ

          'ไม่ได้ๆ เราเป็นมังกรนะ จะขอปีศาจก่อนเข้าห้องได้ยังไงล่ะ'ยังไงก็ตาม ความหยิ่งในฐานะเผ่ามังกรที่มีมาตั้งแต่เกิดของเธอก็ยังรั้งเธอไว้อยู่

          'อาโรน ข้าอุตส่าห์มาหาเจ้าถึงที่ห้อง ถ้าเจ้าไม่ลุกมาเปิดให้ข้า ข้าจะกลับห้องแล้วนะ หรือไม่ก็วาร์ปข้าเข้าห้องไปสิ"มังกรสาวคิดในใจ แต่ไม่มีการตอบรับจากภายในห้องเลย

          'ตามใจ!!!!!!'

         ลูน่าเดินกลับห้องนอนของตัวเอง ที่อยู่ห่างจากห้องของอาโรนพอสมควร

          แต่พอกลับมาถึงที่ห้องของเธอ แทนที่เธอจะได้นอนหลับอย่างสงบ ในหัวของเธอกลับนึกถึงแต่อาโรนและวันที่เขาจับเธอนอนด้วย ลูน่าพยายามลืมแต่ไม่สำเร็จ และตอนนี้อาโรนก็ไม่สนใจลูน่าเท่าเมื่อก่อนที่เขาเคยชวนเธอออกไปเดทนอกเมืองซิสการ์ด

          'ลูน่าไม่น่าสนใจเท่าเฟรเมียหรอก'คำพูดของอาโรนในห้องประชุมย้งทำให้เธอนึกโกรธขึ้นมา แต่ความเสียใจมันมากกว่าเป็นทวีคูณ

          ตอนนี้น้ำตาเธอเริ่มไหลออกมา ลูน่าไม่อาจหักห้ามมันได้ เธอเริ่มลุกขึ้นมานั่งกอดเข่าและร้องไห้

          'ฮือๆๆ อาโรน ข้าต้องการเจ้า แต่จะให้ข้าทำยังไง ในเมื่อตอนนี้เจ้าไม่สนใจข้าเลย เจ้ากับข้ากลับมาสนิทกันเหมือนเมือก่อนได้ไหม'

          'ได้สิลูกพ่อ'เสียงชู่ร่าโทรจิตเข้ามาหา พญามังกรเพลิงคงสัมผัสได้ถึงความกังวลของลูกสาว

          'ท่านพ่อ จะให้ลูกทำยังไงค่ะ'

          'ง่ายนิดเดียว ลูกแค่ไปขอโทษเขาที่ทำตัวไร้ความเคารพเท่านั้นเอง อย่าลืมสิว่าเขาคือสามีเจ้าแล้ว'

          ตามกฎของเผ่ามังกร ไม่ว่ามังกรหญิงตัวไหนถ้าเสียพรมจรรย์ให้ผู้ชาย ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นเผ่าไหนก็ต้องยอมรับเขาเป็นสามีอย่างเลี่ยงไม่ได้ จนกว่าจะตายจากกันไป

          'ข้าไม่มีทางไปก้มหัวขอโทษเขาเด็ดขาด เจ้านั้นต่างหากที่ต้องมาขอโทษข้า!!!'

           'ถ้าเจ้าไม่เชื่อพ่อก็ตามใจ'





    แคว้นโซลแลนด์, เมืองนีส

         ภายในห้องโถงว่าราชการของเจ้าแคว้นโซลแลนด์ อาร์รอสกำลังหนักใจกับปัญหาโรคระบาดที่แพร่เชื้อในแคว้นตน เหล่าขุนนางต่างก็มีความเครียดสูง เพราะไม่รู้จะถึงคราวของตนเมื่อไหร่ ตอนนี้พวกเขาต้องยอมทำตัวโหด ฆ่าประชาชนทีาติดเชื้อ และพยายามอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ แม้ว่ากว่าครึ่งจะยอมรับ แต่ก็มีคนอีกกลุ่มที่คอยยุแหย่ประชาชนให้คิดต่อต้าน ทำให้เกิดการต่อสู้ขึ้นในหลายพื้นที่


         "ตอนนี้มีประชาชนหลายกลุ่มทำร้ายทหาร มีหลายคนถึงตายครับ"ทหารกล่าวรายงาน


         "พวกที่ตายเป็นผู้เล่นทั้งหมดใช่ไหม"อาร์รอสถามเสียงจริงจัง


         "ใช่ครับ"ทหารพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง


         "บอกพวกเขาว่าปล่อยให้ประชาชนทำร้ายไป อย่าได้ลงมือตอบโต้เด็ดขาด เลเวลที่เสียไป ทางสหพันธ์ของเราจะช่วยเก็บเลเวลคืนมาให้เอง จำไว้ พวกเขาต้องอดทนให้มาก ใครก็ตามที่ทำร้ายประชาชน จะมีโทษหนัก"


         "ขะ..เข้าใจแล้วครับ"ทหารเกรงกลัว รีบเดินออกจากห้องประชุมไป


         "ท่านครับ ทำแบบนี้ประชาชนจะยิ่งคิดว่าท่านอ่อนแอนะครับ เราควรปราบปรามพวกเขาเพื่อแสดงถึงความน่าเกรงขาม"ขุนนางคนนึงประท้วง และมีตามมาอีกหลายเสียง ในขณะที่ขุนนางอีกกลุ่มนึงเห็นตรงกันข้าม แต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร พวกเขาเพียงแต่มองอาร์รอสที่ตอนนี้ก้มหน้าลง


         "หุบปาก!!!!!!!!"อาร์รอสตวาดแล้วพวกขุนนางเงียบไป


         "ไอ้พวกโง่ พวกแกอยากให้ประชาชนรวมหัวกันต่อต้านอีกใช่ไหม ตอนนี้สิ่งที่เราต้องทำคือล่าตัวพวกที่ก่อความวุ่นวาย ยุแหย่ประชาชนให้คิดต่อต้านเรา และช่วงที่เกิดโรคระบาดนี่แหละ พวกมันจะออกมาก่อความวุ่นวายเยอะที่สุด เพราะคิดว่าเรายุ่งจนไม่มีเวลาจับตาดูพวกมัน ถ้าใครคิดเสนอให้ฉันส่งทหารไปปราบปรามหรือขัดคำสั่งละก็ มันผู้นั้นจะโดนโทษประหารทั้งครอบครัว เข้าใจไหม"


         "ครืนนน!!!!!!"อาร์รอสตะโกนเสียงดังกึกก้องจนปราสาทถึงกับสั่นสะเทือน ทำให้ขุนนางที่กล้าคิดลองของตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว


         "ทราบแล้วครับ"ราวกับประกาศิต ขุนนางทุกคนต่างยอมรับกันถ้วนหน้า แม้จะมีคนไม่พอใจก็ตาม


         "หน้าที่นั้น ฉันขอรับทำเอง"มานิกอลอาสาขึ้นมา


         "ได้ ฉันจะแบ่งทหารหลวงไปช่วยด้วย จำไว้มานิกอล นายต้องพยายามจับเป็น"มานิกอลพยักหน้ารับ


         "แล้วทางด้านซามูเรียเป็นยังไงบ้าง"อาร์รอสถามถึงแคว้นคู่อริ


         "ซามูเรียก็โดนโรคระบาดเหมือนกันครับ แต่เนื่องจากแคว้นของมันส่วนใหญ่เป็นภูเขาและหุบเขา ทำให้การเดินทางระหว่างเมืองต่างๆทำได้ลำบาก นอกจากท่าเรือแล้ว เมืองอื่นก็แทบไม่มีคนติดเชื้อ ได้ยินว่าทางนั้นใกล้จะหยุดการแพร่เชื้อได้แล้ว"อโฟรตี้กล่าว


        "นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะครับท่านอาร์รอส พวกมันอาจฉีกสัญญญาและบุกพวกเราตอนไหนก็ได้"ขุนนางชั้นสูงคนนึงพูด


         เป็นอย่างที่มันพูด โซลแลนด์กับซามูเรียเป็นพันธมิตรกัน แต่ก็ไม่ได้มีความไว้ใจต่อกันเลย และคงฉีกสัยยาทันทีที่ภัยร้ายหมดไป แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานั้น


         "คราบใดที่คาออสยังอยู่ ซามูเรียไม่ฉีกสัญญาหรอก แม็กนัสรู้ดีว่าโดนไทโรเนียกับโซลแลนด์บุกพร้อมกัน ยังน่ากลัวน้อยกว่าเจอ4แคว้นที่นำทัพโดยอาโรนบุกโจมตี"อาร์รอสพูดอย่างหนักใจ เพราะเขาก็กลัวจะโดนบุกเหมือนกัน เนื่องจากโซลแลนด์เคยบุกคาออสนับครั้งไม่ถ้วน ขุนพลทางนั้นมีความแค้นกับพวกเขายาวเป็นหางว่าว


         "แล้วสถานการณ์แคว้นคาออสล่ะ เป็นยังไงบ้าง


         "ตอนนี้ทางคาออส ไอโรเนีย อีเดนและปัลเทเบีย แคว้นทั้ง4ที่อยู่ภายใต้การปกครองของอาโรนได้ทำการปิดแคว้นของตน ตัดขาดการซื้อขายจากนอกแคว้นแล้วครับ ได้ยินว่าทางนั้นเจอผู้ติดเชื้อบ้าง แต่ก็จัดการได้รวดเร็ว"มานิกอลกล่าว


         "พวกเขาทำเพื่อหยุดไม่ให้เชื้อแพร่เข้าไปในแคว้นตน เราก็ควรจะทำแบบนั้นด้วย"อโฟรตี้พูด


         "แต่เราจะไม่มีอาหารเพียงพอถ้าทำแบบนั้นนะ"โดรกี้คัดค้าน


         "ตอนนี้แต่ละแคว้นก็เริ่มปิดแคว้นตัวเอง ห้ามเรือสินค้าเข้ามา เราก็ต้องทำแบบนั้นด้วย ถ้าไม่อยากให้เชื้อแพร่เข้ามาฆ่าคนของแคว้นเราอีก"อโฟรตี้พูดแล้วโดรกีเเงียบไป


         "ฉันเห็นด้วยกับอโฟรตี้ เราจะทำการปิดแคว้นตามอย่างคาออส"อาร์รอสพูดแล้วเหล่าขุนนางพยักหน้ายอมรับ


         "แล้วเรื่องที่เราขอซื้อยาเบื่อหนูจากคาออสละ ไม่มีมันเราแย่แน่"มานิกอลพูดเตือน


         "นั่นเป็นปัญหาใหญ่ เราต้องการยาเบื่อหนูเพื่อจัดการฆ่าพวกหนูที่มีอยู่ทุกที่"


         อาร์รอสพูดอย่างหนักใจ ทุกคนก็เครียดไม่แพ้กัน หนูแพร่พันธุ์ได้เร็วกว่าสัตว์อื่น มันอยู่ได้ทุกที่ ทั้งในบ้าน ปราสาท ท่อระบายน้ำ ตอนนี้แคว้นเขาต้องการหยุดการแพร่ของโรคระบาดชนิดใหม่ที่เล่นงานแคว้นเขาซะยับเยิน


         "อาร์รอส ฉันมีความคิดดีๆ"ทุกคนหันไปมองคนที่พูดขึ้นมา


         "อะไรล่ะ"ชายหนุมถามแบบไม่ใส่ใจนัก เพราะคนที่พูดขึ้นมาคือโดรกี้ ขุนพลที่ฉลาดน้อยที่สุด ถ้าพูดแบบไม่รักษาน้ำใจคือโง่ที่สุด ทำให้เจ้าแคว้น ขุนพลและขุนนางต่างไม่ได้คาดหวังเลยว่าโดรกี้จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้


         "จ่ายเงินให้กับคนที่กำจัดหนูได้"


         ดวงตาของอาร์รอสลุกวาวขึ้นมา ราวกับเมฆที่บดบังความคิดหายไป อาร์รอสเข้าไปตบบ่าของโดรกี้หลายครั้ง ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ


         "เยี่ยมากเลยโดรกี้ นายฉลาดขึ้นนะเนี่ย"


         "หมายความว่ายังไงครับ"โดรกี้ถามเสียงขุ่นเคือง เพราะรู้ว่ากำลังโดนหาว่าที่ผ่านมาเขาโง่มาก


         อาร์รอสไม่คิดจะบอกโดรกี้ และหันมาสั่งเหล่าขุนนางและแม่ทัพทั้งหลาย


         "ประกาศออกไป ประชาชนคนไหนกำจัดหนูได้100ตัว จะให้เงิน10เหรียญทองแดง อย่าลืมว่าต้องเผามันอย่าให้เหลือซาก แล้วให้มารายงานมายังที่ว่าราชการ"


         เงิน10เหรียญทองแดงมีค่ามากสำหรับชาวบ้านธรรมดา มันทำให้กินอยู่ได้เป็นสัปดาห์ทีเดียว ใครที่ไหนจะไม่อยากได้ล่ะ


         "แต่อย่างงั้นก็ไม่มีหลักฐานเหลือสิครับ แล้วถ้ามีคนโกหกขึ้นมาละก็...."โดรกี้กำลังจะพูด แต่อาร์รอสขัดขึ้นก่อน


         "ใช้พลังจิตตรวจสอบดูก็พอ พลังจิตของนายก็น่าจะทำได้นี่นา"ขุนพลผู้ใช้ขวานได้ยินแล้วเงียบไป


         "ถ้าไม่มีใครคัดค้านก็จัดการตามนี้ ปิดการประชุม"





    แคว้นคาออส, เมืองซิสการ์ด


         ผ่านมาหลายวันหลังจากที่ลูน่าได้คุยกับพ่อเล็กๆน้อยๆ เนื่องจากโรคระบาด เหล่าขุนพลแยกย้ายกันกลับเมืองตัวเอง ซายะ ต้องไปทำงานสืบข่าวต่อ เฟรเมียกับจาเนียต้องไปที่อีเดนกับปัลเทเบียเพื่อจัดการเรื่องโรคระบาด อาโรนกลัวว่าครอสอาจรับมือได้ไม่ดีนัก เพราะเขาไม่ใช่คนในโลกจริง เขาบอกวิธีการป้องกันให้เฟรเมียกับจาเนียทั้งหมดแล้ว และให้ร๊อคตามไปคุ้มครองเจ้าหญิงเอลฟ์ทั้งสองด้วย ตอนนี้ปราสาทซิสการ์ดเลยเหลือแค่อาโรน คิริโกะและลูน่าเท่านั้น


         อาโรนและสองสาวกำลังนั่งทานข้าวอยู่ในห้องรับประทานอาหาร คิริโกะกับอาโรนคุยระหว่างทานอาหารอย่างสนิทสนม ในขณะที่ลูน่าแค่มองดูอยู่เงียบๆ ถึงแม้ท่านพ่อจะบอกให้เธอขอโทษอาโรนก็ตาม แต่เรื่องอะไรจะยอม


         "อยากกินของหวานเพิ่มไหมคิริโกะ"


         "ได้เหรอค่ะ"


         "แน่นอน ก็คิริโกะน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้นี่นา"อาโรนลูบหัวคิริโกะ ทำให้ลูน่าปวดใจอยู่ลึกๆ แม้เธอจะสนิทกับคิริโกะขนาดไหนก็ตาม แต่เธอก็หึงอยู่ไม่น้อย หลายวันมานี้อาโรนกับคิริโกะนอนด้วยกันตลอด และเขาไม่ได้เหลียวแลมองเธอเลย


         ลูน่าไม่เขม็งมองอาโรนอย่างหาเรื่องเหมือนทุกครั้ง ช่วงที่อาโรนก็กำลังยุ่งกับปัญหาเรื่องจัดการปัญหาโรคระบาด เลยไม่มีเวลาไปแกล้งมังกรสาว แม้เขาจะอยากทำก็เถอะ ทำให้ขุนนางในปราสาทพากันแปลกใจ เพราะปราสาทเงียบลงผิดปกติ เนื้องจากไม่มีเสียงตะโกนของลูน่าแล้วนั่นเอง


         คนรับใช้เอาเค้กมาวางที่โต๊ะ อาโรนหยิบจานมาถือไว้ก่อนที่คิริโกะจะได้ตักช้อนกิน


         "ฉันป้อนให้นะ"อาโรนยิ้มให้


         "ได้สิค่ะ...อั้ม!!"คิริโกะอ้าปากกินเค้ก


         บรรยากาศระหว่างชายหญิงทั้งคู่ทำให้ชายหญิงทั้งหลายในห้องที่เป็นคนรับใช้ต่างพากันอิจฉา บางคนที่มีเมียแล้วต่างนึกในใจว่า ทำไมภรรยาเขาไม่น่ารักแบบคิริโกะบ้างนะ


         ลูน่ากินได้พักนึงก็เหล่มองมาทางมังกรดำ


         "เอ่อ....อาโรน ป้อนให้ลูน่าด้วยได้ไหม"คิริโกะหันมามองลูน่า ซึ่งภายใต้ดวงตาที่มิงมาทางนี้กำลังฉายแววเศร้าสร้อยอย่างไม่ปิดบัง น้ำเริ่มซึมแทบจะทะลักออกมาจากดวงตา แต่หญิงสาวยังกั้่นไว้อยู่


         "ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวอาโรนก็แกล้งฉันอีก!!!!!"ลูน่าที่มีนิสัยหยิ่งแก้ไม่หายพลั้งปากพูดออกมา


         "แล้วใครว่าฉันสนใจแกล้งเธอล่ะ"อาโรนพูดเสียงเย็นชา จากนั้นเขาก็โอบเอวคิริโกะให้เขามาชิดเขามากกว่าเดิม และจูบเธออย่างดูดดื่ม


         "ฮึก..ซิกๆๆ...!!"เมื่อได้ยินคำพูดที่ทำร้ายจิตใจของอาโรน ลูน่าก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่อีกต่อไป เสียงร้องทำให้อาโรนหวั่นไหวเล็กน้อย แต่ก็ใจแข็งจูบคิริโกะอย่างหนักหน่วง ทำเป็นไม่สนใจตัวตนของเธอต่อไป


         คิริโกะกินเสร็จแล้วรีบลุกหนีไปโดยก้มหน้าไม่ให้ใครเห็นหน้าเธอยามร้องไห้ แต่คนรับใช้ก็ได้ยินเสียงที่ลูน่าร้องไห้อยู่ดี เมื่อคิริโกะไปแล้วอาโรนก็ถอนปากออกจากอสูรสาว


         "แฮ่กๆๆ...อาโรนค่ะ"คิริโกะหน้าแดงจัด สติแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ แต่ก็รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อาโรนปล่อยมือจากคิริโกะ มองประตูที่ลูน่าเดินออกไป


         เด็กหนุ่มคิดว่าตัวเองแกล้งเธอหนักเกินไป ถึงลูน่าจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่จิตใจก็อ่อนแออย่างที่ชูร่าเตือนไว้เลย ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ถ้าไม่ดัดนิสัยของลูน่า เธอจะเอาแต่ใจตัวเองมากขึ้นไปอีก


         "ท่านทำเกินไปแล้วนะ เดี๋ยวเธอก็หนีกลับดันเจี้ยนไปหรอกนะ"ลูน่าเป็นสาวขี้อายและใจอ่อน และลูน่าก็เป็นเพื่อนสนิทเธอด้วย


        กลางดึกคืนนั้น ชูร่าก็โทรจิตเข้ามาอีกครั้ง


        'ท่านพ่อ เขาไม่ยอมคุยกับข้าเลย'


        'ข้าก็บอกแล้วนี่ว่าเจ้าต้องไปขอโทษเขา แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง ลูกจะยอมทำได้หรือยัง'


        'ยอมแล้วค่ะ'


        วันรุ่งขึ้นช่วงเช้า อาโรน คิริโกะและลูน่ามานั่งทานอาหารเหมือนทุกครั้ง วันนี้คิริโกะนั่งห่างจากอาโรน และคอยสบตามองลูน่า เหมือนอยากเปิดโอกาสให้เธอคุยปรับความเข้าใจ อาโรนก็คอยมองมังกรสาวที่ร้องไห้ตั้งแต่เข้ามาในห้อง


        "อาโรน"ในที่สุดเธอก็เข้ามากอดแล้วซบอกเขา แล้วร้องไห้ใหญ่


        "ขอโทษนะค่ะๆ ยกโทษให้ข้าด้วยเถอะ ข้าจะไม่เอาแต่ใจตัวเองอีกแล้ว จะทำตามที่ท่านสั่งในฐานะเจ้านาย ท่านจะกลับมาแกล้งข้าหรือจับข้านอนด้วยก็ได้ แต่อย่าทำเป็นไม่สนใจข้าเลยนะ"


        ลูน่าร้องไห้ขอโทษอยู่พักใหญ่ ผ่านไปเกือบชั่วโมง น้ำตาเธอไม่เหลือให้ไหลออกมาแล้ว ใบหน้าออกไปด้วยคราบน้ำตา จนเธอเริ่มสิ้นหวังเพราะเห็นว่าเด็กหนุ่มไม่สนใจเธออีกแล้ว มือเธอกำลังคลายออก


         "หมับ!!!"แต่เขาจับตัวเธอไว้ และเชยคางเธอให้เงยหน้าขึ้นมามอง


         "เธอสำนึกแล้วนะลูน่า สัญญานะว่าจะไม่ทำอีก"


         "ค่ะ"


         "ถ้างั้นฉันก็จะยกโทษให้ และฉันก็ขอโทษด้วยที่จับเธอมานอนโดยไม่เต็มใจ เพราะฉะนั้นจากนี้ไปฉันจะดูแลเธอเอง"


         "มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว"ลูน่ากลับมามีน้ำเสียงหยิ่งอีกครั้ง


         "และเธอต้องมานอนกับฉันตั้งแต่วันนี้ไป ทุกคืนเลย"อาโรนกระซิบที่หู ทำให้เธอหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ


         "ได้ รับรองข้าจะทำให้เจ้าลืมไม่ลงเลย"


         "หึหึ แล้วฉันจะคอยดู"

    ___________________________

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×