ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Kingdom War Online สงครามแห่งอำนาจ

    ลำดับตอนที่ #109 : บทที่ 105 ความโกลาหล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 898
      12
      27 มี.ค. 60

    บทที่ 105

         อาณาจักรไทโรเนียในตอนนี้ก็เกิดความวุ่นวายอย่างหนักไม่แพ้โซลแลนด์เหมือนกัน ตามท่าเรือเมืองต่างมีผู้ป่วยด้วยโรคระบาดนี้เต็มไปหมด และพวกสัตว์ตัวเล็กๆอย่าง หนู หมา ไก่ แมว สัตว์ที่มีอยู่ในทุกที่กำลังแพร่เชื้อให้ลุกลามอย่างรวดเร็ว ผู้คนของอาณาจักรล้มตายวินาศสันตโร


         เมืองกานาด้า เมืองหลวงของไทโรเนีย เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในทวีป และมีผู้คสสัญจรไปมาอยู่ตลอด กว่ารากัสจะรู้ตัวโรคระบาดก็แพร่เข้ามาในเมืองหลวงแล้ว เขาต้องสั่งปิดพระราชวัง สั่งฆ่าคนที่ติดโรคในวังและเผาศพไม่เหลือซาก คนที่ตายไปมีไม่น้อยที่เป็นขุนนางและแม่ทัพฝีมือดี โชคดีที่องจักรพรรดิตัวน้อยไม่ได้รับโรคเข้าไปด้วย แต่เขาก็โดนคุมขังในห้องไม่ต่างจากนักโทษ ห้ามใครเข้าพบ อาหารก็ส่งมาช่องตรงประตูเท่านั้น ทหารก็ยืนเฝ้าหน้าห้อง คอยจับตาดูตลอด24ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน เพราะถ้าจักรพรรดิเป็นอะไรไป การปกครองไทโรเนียของเขาสั่นคลอนแน่


         รากัสได้สั่งให้ทำการปิดอาณาจักรเหมือนอย่างพวกคาออส ทำให้การแพร่เชื้อโรคระบาดจากภายนอกสิ้นสุดลง แต่ก็ยังมีผู้ติดเชื้อในอาณาจักรอีกจำนวนมาก


         ตอนนี้ในอาณาจักรไทโรเนีย รากัสสั่งให้ทหารไล่ฆ่าผู้ที่ติดเชื้อให้หมด ซึ่งถือเป็นวิธีการที่ต้องทำ แม้จะได้รับเสียงด่าว่าจากประชาชนเป็นจำนวนมากก็ตาม รากัสก็ให้ขุนนางป่าวประกาศว่าโรนี้เปนโรคที่กำลังระบาดไปทั่วง ไม่มีวิธีรักษา แต่ประชาชนจะสนเหรอ ประชาชนเขาสนใจแต่ทำมาหากิน และห่วงคนในครอบครัว แต่ผู้แทนจักรพรรดิมาสั่งฆ่าคนในครอบครัวเขาซะเอง


         ภายในท้องพระโรงของพระราชวัง รากัสนั่งอยู่บนแท่นบัลลังก์สูงมองเหล่าขุนนางเบื้องล่าง ตอนนี้ทุกคนต่างสวมผ้าคลุมแต่งกายมิดชิด ตามวิธีการป้องกันที่ได้ยินมาจากโซลแลนด์ ซามูเรีย กอลโดนา คาออสและอีกหลายแคว้นทั่วทวีปที่เจอโรคนี้เล่นงานกันหมด ทำให้ตอนนี้สงครามระหว่างแคว้นต่างๆที่ดำเนินอยู่ยุติลงชั่วคราวไปโดยปริยาย


         รากัสที่ปกติจะนั่งสบายและวางอำนาจบนบัลลังก์ วันนี้เขาเอามือกุมหัวด้วยความเครียด


         "รายงานมาซิ"


         เหล่าขุนนางต่างไม่มีใครอยากจะรายงานทั้งนั้น เพราะมีแต่เรื่องไม่ดีเข้ามา ในที่สุดก็มีคนนึงที่ก้าวออกมา เขาคือคอบร้า ขุนพลผู้ใช้พิษนั่นเอง


         "ประชาชนของเราล้มตายเป็นจำนวนมาก เมืองหลวงตอนนี้ไม่ต่างจากแดนมิดสัญญีเลยครับ เหล่าทหารกำจัดศพไม่ทัน สัตว์ที่เราฆ่าเผาทิ้งไปก็มีจำนวนมาก แรงงานมีไม่เพียงพอ การผลิตทุกอย่างหยุดชะงัก อาหารมีไม่เพียงพอ ประชาชนอดอยาก และตอนนี้ประชาชนเริ่มไม่พอใจท่านจนรวมกลุ่มชุมนุมประท้วงขึ้นมาในเมืองหลวงมากมายหลายกลุ่มแล้ว"


          คอบร้าพูดด้วยสีหน้าหนักใจมาก แต่ละเรื่องไม่ใช่เรื่องดีสักนิด และมันทำท่าว่าจะควบคุมต่อไปไม่ได้แล้ว เรื่องน่าโมโหสำหรับรากัสที่สุดคือการที่ประชาชนมาต่อต้านเขา


          "แล้วพวกมันรวมกลุ่มทำอะไรบ้างล่ะ"รากัสถาม นี่แหละสาเหตุที่เหล่าขุนนางและแม่ทัพต่างไม่อยากอออกมารายงาน


          "พวกเขาพากันเรียกร้องท่านครับ"คอบร้าพูดเสียงเบาลง


          "พวกมันเรียกร้องอะไรบ้าง"รากัสถามด้วยความขุ่นเคือง


          "ประชาชนกลุ่มนึงเรียกร้องให้เรารีบหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคเน่าเปื่อย ขณะที่อีกกลุ่มนึง ต้องการให้ท่านหยุดการประหัตประหารชาวเมืองที่ไร้ความผิด แล้วยังมีประชาชนอีกกลุ่มที่เรียกร้องให้ฆ่าชาวเมืองที่ติดโรค เราะดีกว่าให้เชื้อโรคลุกลาม พวกชาวเมืองที่อพยพมาจากเมืองที่ตัวเองอยู่ ก็รวมกลุ่มกันเพื่อให้ท่านรีบแก้ไขสถานการณ์ เพื่อที่พวกเขาจะได้กลับไปใช้ชีวิตนบ้านเดิมของพวกเขาเอง ที่ผมพูดมายังไม่นับรวมกลุ่มผู้ชุมนุกอีกหลายกลุ่มที่เรียกร้องให้ลดหย่อนภาษี เรียกร้องให้แก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ แก้ปัญหาสาธารณูปโภคที่เสื่อมโทรม และความวุ่นวายของอาณาจักรเราในตอนนี้ ยังทำให้พวกโจรผู้ร้ายและมิจฉาชีพออกมาก่อเรื่องโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายอีกด้วย"


          "ไอ้พวกประชาชนงี่เง่า คิดว่าปัญหานี่มันแก้ได้ง่ายนักรึไง มารวมกลุ่มประท้วงอะไรตอนนี้ แค่นี้อาณาจักรเราก็มีเรื่องวุ่นวายมากพอแล้ว!!!!!!"


          สายตาของรากัสหันมามองชายคนนึง เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผมสีดำและมีดวงตาสีฟ้า มีหน้าตาหล่อเหลาเอาการ สวมเสื้อคลุมสีแดงปกปิดตัวไว้หมด


          "เฟรเทล ข้าให้เจ้าคอยดูแลความสงบในอาณาจักรไม่ใช่เหรอ ทำไมเจ้าถึงปล่อยให้ประชาชนมันออกมาเรียกร้องได้มากขนาดนี้!!!!!!!!"รากัสตวาดเสียงดัง เฟรเทลก้มหน้าลง เขาอุตส่าห์อยู่เงียบๆไม่ให้เป็นจุดสนใจ แต่ก็ยังโดนอยู่ดี ชายหนุ่มเดินออกมายืนด้านหน้าคำนับพูด


          "ฉันพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้วนะรากัส แต่ปัจจัยสนับสนุนจากนายมันไม่เพียงพอ งบประมาณในท้องพระคลังและทหารของอาณาจักรเรา ส่วนมากท่านเอาไปละลายกับการทำสงครามกับแคว้นรอบข้าง ในด้านของพลเรือนท่านรากัสแทบไม่แบ่งปัจจัยสนับสนุนมาให้เลย"เฟรเทลพูดด้วยความขุ่นเคืองและโกรธไม่น้อย


          "นี่แกกำลังพูดตำหนิการบริหารงานของฉันอยู่นะเฟรเทล"รากัสตวาด


          "ฉันเพียงแค่พูดตามความเป็นจริง"คำตอบของเฟรเทลไม่ได้ทำให้รากัสรู้สึกดีขึ้นสักนิด


          เฟรเทลเป็นคนพูดตรงๆ และไม่มีนิสัยพูดจาประจบสอพลอ ทำให้เขาไม่เป็นที่ชอบหน้าของขุนนางหลายคนรวมถึงรากัส เพราะเขาชอบพูดตำหนิรากัสโดยไม่เกรงกลัว รากัสไม่พอใจ เพราะเขาชอบการยกยอ ไม่เคยคิดว่าตัวเองผิดเลยสักครั้ง เลยเกลียดคนที่หาว่าเขามีส่วนผิดอย่างเฟรเทล แต่เฟรเทลก็เป็นหนึ่งในขุนพลไทโรเนีย และมีฝีมือดีด้านการบริหาร ถ้าไม่มีเขาปัญหาของไทโรเนียอาจมากกว่านี้ แม้รากัสจะไม่ชอบก็ต้องเก็บตัวไว้ใช้งาน


          "แคว้นอื่นๆกำลังรวมหัวโจมตีเรารอบด้าน โรคระบาดก็กำลังแพร่เชื้อในอาณาจักรของเรา ประชาชนยังมาต่อต้านอีก แล้วฉันจะแก้ไขปัญหานี้ได้ยังไง แกต้องควบคุมให้อยู่สิเฟรเทล มันเป็นหน้าที่ของแก อาณาจักรเราวุ่นวายเกินกว่าจะให้มีปัญหาเกิดขึ้นอีก"นี่เป็นอีกครั้งที่รากัสโทษคนอื่น ยกเว้นตัวเอง


          "แต่ฉันขอบอกตามที่พูด สถานการณ์มันใกล้จะควบคุมไม่อยู่แล้ว เราต้องรีบหาทางทำให้ประชาชนหยุดการชุมนุมและประท้วง"


          "ถ้างั้นทำก็ทำตามที่พวกมันเรียกร้อง"รากัสพูด เหมือนเขาไม่สนใจเลยว่าประชาชนเรียกร้องอะไรบ้าง


          "ไม่ได้ครับ"เฟรเทลคัดค้าน


          "แกว่าอะไรนะ!!!!!!"รากัสถลึงตามองชายหนุ่ม


          คราวนี้คอบร้ารีบก้าวออกมาพูด


          "เป็นอย่างที่เฟรเทลพูดครับ กลุ่มผู้ชุมนุมมีหลายกลุ่ม และมีความคิดแตกต่างกันไป เราไม่มีทางตอบสนองพวกเขาทั้งหมดได้ ถ้าเราทำตามกลุ่มใดกลุ่มนึง อีกกลุ่มที่มีความคิดตรงกันข้ามหรือหลายกลุ่มต้องไม่พอใจแน่"


          "แต่ถ้าเราไม่ตอบสนองเลย ข้อเรียกร้องก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ"เฟรเทลเสริม


         คำพูดของทั้งสอง ทำให้รากัสและขุนนางในท้องพระโรงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ นี่มันวิกฤติของจริงเลย รากัสครุ่นคิดอยู่พักนึง ก่อนที่แววตาของเขาจะวาวโรจน์และเหี้ยมเกรียมขึ้นมา


         "ฉันตัดสินใจได้แล้ว ส่งทหารไปสลายการชุมนุมในเมืองซะ"


         รากัสสั่งแล้วสองขุนพลหันมามองหน้ากัน


         "จะสลายกลุ่มไหนเหรอครับ"คอบร้าถาม


         "หมดทุกกลุ่ม ทำให้พวกมันรู้ซะ ว่าประชาชนอย่างพวกมันไม่มีสิทธิมาเรียกร้องต่อฝ่ายปกครองอย่างพวกเรา หน้าที่ของพวกมันมีเพียงอย่างเดียว คือก้มหัวรับใช้ฉันคนนี้ และการสลายทุกกลุ่มก็ทำให้พวกมันรู้ว่าฉันไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น"


         รากัสยิ้มเหมือนกับว่าความคิดตัวเองฉลาดมาก แต่ในความคิดของสองขุนพล พวกเขารู้ดีว่า การทำแบบนี้ จะทำให้ความคิดของชาวเมืองหันมามีจุดร่วมคือเคียดแค้นรากัสแทน แต่ก็มีขุนนางอีกส่วนที่ชิงพูดจาประจบสอพลอรากันทันที


         "ท่านฉลาดมากเลยครับ"โกอันพูดขึ้น พร้อมขุนนางอีกหลายคน


         "แน่นอนอยู่แล้ว ฮะๆๆๆ..."รากัสก็หลงไปกับคำยกยอ ทั้งโบมูดัสและโรมูดัส สองพ่อลูกปกครองเมืองแบบนี้มาตลอด การที่เมืองหลวงไทโรเนียจะมีแต่พวกประจบสอพลอก็ไม่น่าแปลกใจสักนิด


         "รากัส คิดให้ดีนะ การสลายการชุมนุมมันรุนแรงมากนะ คราวนี้ประชาชนจะหันมารวมตัวต่อต้าน.........."


         "ฉันเบื่อฟังที่แกพูดแล้วเฟรเทล รีบไปทำหน้าที่ของแกได้แล้ว นำทหารไปสลายการชุมนุกทุกกลุ่มซะ ถ้าพวกมันขัดขืนก็ฆ่าได้เลย"รากัสสั่งเสียงเหี้ยมเกรียม


         "รับทราบ"เฟรเทลเดินออกจากท้องพระโรง


         "แล้วแคว้นศัตรูเป็นยังไงบ้าง......"


         ภายในเมืองกานาด้าที่ครั้งนึงสวยงามมาก ตอนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นควันไฟที่เผาไหม้ศพคนที่ติดเชื้อโรคระบาด บางคนก็โดนเผาทั้งเป็นอย่างโหดร้าย ท้องถนนเต็มไปด้วยความวุ่นวาย การปล้นชิง การขโมย ข้มเหงรังแกและข่มขืนผู้หญิง เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นไปทั่ว


         แต่ภายในเมืองมีเสียงมากมายที่รวมตัวกันตะโกนด่าว่าอยู่นอกพระราชวัง กลุ่มผู้ชุมนุมที่มีขนาดใหญ่กำลังด่าว่ารากัสอย่างไม่เกรงกลัว เฟรเทลนำทหารสวมเกราะเดินออกมา และประกาศให้ชาวเมืองสลายการชุมนุก ไม่งั้นจะใช้กำลัง แต่เหมือนประชาชนจะโกรธมาก ไม่สนใจคำเตือนของเขาและบุกเข้าหาพวกเขา


         "ทหาร ตั้งโล่ อย่าใช้อาวุธเด็ดขาด แค่ยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ไล่ไปก็พอ "


         เสียงปืนทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนหนี แต่ก็ยังเหลือพวกใจกล้าอยู่ ทำให้เกิดการปะทะกัน ทหารที่สวมอาวุธครบมือ กับประชาชนที่ไร้อาวุธใดๆ ผลก็เห็นๆกันอยู่ กลุ่มผู้ชุมนุมใหญ่ที่สุดหลายกลุ่มหน้าพระราชวังโดนสลายกลุ่มอย่างรวดเร็ว ในการต่อสู้ย่อมต้องมีคนบาดเจ็บล้มตาย ประชาชนมากมายที่โดนทหารเข้าทำการปราบปราม ต่างด่าว่าเฟรเทลและรากัสไม่หยุด


         "ไอ้พวกทหารเลว"

         "เฟรเทลไอ้ชาติชั่ว!!!!!"

         "ไอ้ทรราชไปตายซะ!!!!!"

         "................."


         เฟรเทลหนักใจ เขามองประชาชนที่กำลังส่งสายตาเคียดแค้นและเกลียดชังมาทางเขา


         'อย่ามองฉันแบบนั้ันสิ ฉันแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้นเองนะ'


         "ท่านเฟรเทลครับ กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนมีอาวุธ มีทหารโดนยิงตายไปหลายคน จะทำยังไงดีครับ"


         "ถ้าขัดขืนให้ฆ่าซะ ทำตามนั้น"เฟรเทลถอนหายใจ ในที่สุดเขาก็ต้องสั่งให้ทหารใช้อาวุธฆ่าประชาชนจนได้


         "ครับ"


         พวกทหารไปลงมืออตามคำสั่ง ไม่ถึง2ชั่วโมงกลุ่มผู้ชุมนุมก็สลายตัวไปหมด แต่เฟรเทลรู้ว่าความโกรธแค้นของประชาชนจะตามมาในอีกไม่ช้า






    แคว้นคาออส, เมืองซิสการ์ด


         ผ่านมากว่า3เดือนแล้วหลังจากที่โรคระบาดแพร่เข้ามาในแคว้นคาออส แต่สำหรับแคว้นอื่นผ่านมาแล้วถึง4เดือน


         การปิดประเทศและการควบคุมที่เข้มงวด ทำให้คาออสที่เป็นคนแพร่เชื้อโรคระบาด สามารถผ่านพ้นวิกฤติมาได้ เช่นเดียวกับอีก3แคว้นที่เหลือ แต่อาโรนก็ต้องทำการฆ่าล้างและเผาหมู่บ้านใกล้ชายแดนซามูเรียกับโซลแลนด์ไปหลายสิบแห่ง ทำให้ประชาชนไม่พอใจอยู่บ้าง แต่พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแคว้นที่รับมือไม่ทันก็เงียบไป

         หลังจากงานยุ่งมาเป็นเดือน ตอนนี้ทุกคนเริ่มกลับมาอยู่ที่เมืองซิสการ์ดกันแล้ว แม้บางคนจะต้องคอยเดินทางไปกลับเป็นบางครั้งก็ตาม วันนี้เป็นวันนึงที่เกือบทุกคนไม่ได้อยู่ที่เมืองแต่ออกไปทำธุระส่วนตัว หรืองานของตัวเอง มีแค่อาโรน คิริโกะ ลูน่า แล้วก็มิโอเรีย เกรเซียกับซายะที่ตอนนี้ว่างงาน


         วันนี้ทุกคนมานั่งรับประทานอาหารกัน อาโรนเดินเข้ามาโดยที่โอบเอวซายะกับลูน่าไว้ ซายะชินแล้ว แต่ลูน่าหน้าแดงแจ๋ เพราะพึ่งคืนดีกันได้ไม่กี่วัน และการที่นอนกับเขาทุกวันในฐานะภรรยาทำให้เธออายมาก มิโอเรียมองลูน่าที่ได้นั่งใกล้อาโรนแล้วไม่สบอารมณ์ เพราะเธอกับลูน่าไม่ชอบหน้ากัน เนื่องจากหยิ่งและไม่ยอมคนทั้งคู่ ทำให้แทบจะปะทะฝีปากทุกครั้งที่เจอ อเมื่อวานที่เธอพึ่งกลับมาถึง ก็พึ่งมีเรื่องตจนถึงขั้นต่อสู้กันไป แต่โดนอาโรนห้ามกลางคัน

         "ชิ!!!"มิโอเรียแค่นเสียงไม่พอใจ จงใจให้มังกรสาวได้ยิน สองสาวเขม็งตามองกันจนแทบมีสายฟ้าแล่นออกจากดวงตา

         "ไม่เอาน่า อย่าทะเลาะกัน"เกรเซียห้ามมิโอเรีย ด้วยความเกรงใจพี่สาว มิโอเรียเลยละสายตาจากลูน่า ลูน่ายอมเลิกราก็เพราะอาโรนที่นั่งข้างๆ คนที่หยุดทั้งสองเวลาทะเลาะกันได้ มีแค่อาโรน เกรเซียแล้วก็อาเดลเท่านั้น

         อาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ วันนี้เป็นสเต็กเนื้อวัวย่างกลิ่นหอมน่ากิน มิโอเรียต้องกลั้นน้ำลายที่แทบจะไหลออกมา เพราะสเต็กเป็นอาหารโปรดของเธอเลย อาโรนรู้ดีว่ามิโอเรียเก็บอาการอยู่ และตอนนี้เขาก็อยากแกล้งสาวๆเล่นซะด้วย

         "มิโอเรีย อยากกินเหรอ"อาโรนถามขึ้น

         "ไม่ค่ะ"เธอรีบปฎิเสธ

         แต่ถึงแม้เธอจะปฎิเสธ อาโรนก็ตัดเนื้อก้อนใหญ่ตักมาวางไว้ที่จานของมิโอเรีย กลิ่นหอมลอยเข้ามาแตะจมูกเธอ มือของเธอเริ่มสั่น อาโรนกับลูน่าสบตาอย่างรู้กัน คิริโกะกินโดยที่ไม่รู้อะไร ส่วนเกรเซียกับซายะถอนหายใจเบาๆ

         "กินละคะ"มิโอเรียหน้าแดงเล็กน้อย และตักเนื้อเข้าปาก เนื้ออร่อยละลายในปากทำให้เธอแทบอยากจะร้องออกมาดังๆ

         "เนื้อสเต็กอร่อยไหมมิโอเรีย"เด็กหนุ่มถาม

         "อร่อยมากเลยคะ"ขุนพลวารีพูดแล้วกินต่ออย่างรวดเร็ว เธอคิดว่าอาโรนเป็นคนทำ

         "ลูน่าเป็นคนทำเองแหละ"

         "เคร้ง!!!!"มิโอเรียได้ยินแล้วทำมีดกับซ้อมหลุดมือลงพื้นทันที ก่อนจะเอาผ้าเช็ดปากแล้วพูดว่า

         "ถือว่าทำไมกลิ่นของมันถึงเหม็นสาปขนาดนี้"

         "ตึง!!!!"ลูน่าเอามือทุบโต๊ะ แต่ยังผ่อนแรงไว้พอสมควร โต๊ะเลยไม่พังเป็นเสี่ยงๆ เธอลุกขึ้นมายืนมองมิโอเรีย

         "มิโอเรีย เจ้าอยากจะสู้กันต่อหลังจากเมื่อวานไหม"ลูน่าพูดแล้ว ดาบมังกรก็ปรากฎขึ้นมาบนมือ

         "ทำไมจะไม่กล้า"มิโอเรียเรียกหอกวารีแผ่ไอเย็นประจำตัว

         "ออกไปสู้กันข้างนอก แต่ห้ามทำให้ปราสาทและเมืองพังเด็ดขาด"อาโรนพูดดักไว้ก่อน เพื่อไม่ให้สองสาวสู้กันเลยเถิด
         คำพูดของอาโรนกระตุ้นความกระตือรือร้นของสองสาวได้เป็นอย่างดี เจ้านายพวกเขาอนุญาติแล้ว จากนั้นทังสองก็เดินออกไปจากห้อง สักพักก็ได้ยินเสียงเหล็กกระทบกันดังขึ้นจากลานประลองของปราสาท อาโรนยิ้มแล้วกินต่อ

         หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เขาก็ต้องมานั่งทำงานในห้องต่อ และวันนี้มีสาส์นไม่พอใจจากขุนนางบางส่วนถูกส่งมา ซายะเอาให้อาโรนอ่านดูทันที

         "อาโรนลงมือเผาหมู่บ้านที่ชายแดน ฆ่าประชาชนตาดำๆอย่างโหดร้าย ไม่เหมาะเป็นผู้ปกครองคาออส ใครเป็นคนเขียนเนี่ย ไม่รักชีวิตกันแล้วใช่ไหม ซายะ ส่งคนไปทำให้มันกับครอบครัวติดโรคระบาดซะ จะได้รู้ซะบ้างว่าโรคนี้น่ากลัวแค่ไนห จะได้ไม่มีใครกล้าเขียนมาอีก"

         "รับทราบค่ะ"ซายะหายตัวไปทันที

         อาโรนตรวจดูข้อมูลของไทโรเนียบ้าง

         "ไทโรเนียสูญเสียใหญ่หลวงทั้งทางทหารและเศรษฐกิจ ประชาชนล้มตายมากมาย แรงงานไม่เพียงพออาหารมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ สินค้าต่างๆแพงมากขึ้น โจรผู้ร้ายชุกชุมไปทั่วทุกหนแห่ง ประชาชนเผชิญความลำบากและความอดอยาก เกิดกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านรากัสหลายแห่ง ฮะๆๆ อาวุธชีวภาพนี่มันยอดเยี่ยมจริงๆ"


         อาโรนกำลังอ่านสาส์นรายงานข่าวจากไทโรเนียแล้วหัวเราะด้วยความพอใจ โดนแบบนี้รากัสคงไม่กล้าเปิดศึกกับคาออสไปอีกพักใหญ่


         "ฮะๆๆๆ...!!!!"อาโรนอ่านต่อแล้วหัวเราะขึ้นมาทำให้เกรเซียที่ยืนอยู่ด้านหน้าขมวดคิ้วด้วยความสงสัย


         "อาโรน ขอฉันดูหน่อยได้"เกรเซียที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะพูดขึ้น


         "ได้เลยพี่เกรเซีย"อาโรนยื่นให้เธอดู


         จอมเวทสาวอ่านข้อความแล้วแสยะยิ้ม


         "รากัสใช้กำลังทหารปราบปรามผู้ชุมนุมจนหมด มีคนบาดเจ็บล้มตายมากมาย ประชาชนและญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตต่างเคียดแค้นสถานบันกษัตริย์ แม่ทัพจำนวนมากลาออกจากกองทัพ กลายเป็นขบวนต่อต้านไปทั่วอาณาจักร แคว้นรอบข้างเริ่มเข้ารุกรานชายแดน ทำให้การปราบปรามยากขึ้น ภายในราชสำนักยังเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แย่งชิงอำนาจทางการเมือง"


         "สมน้ำหน้าพวกมันแล้ว!!!"ซายะตะโกนด้วยความยินดี


         "เดิมทีระบบราชการของไทโรเนียมันก็เน่าเฟะมาตั้งแต่ก่อนที่รากัสจะขึ้นมามีอำนาจแล้ว ถึงแม้รากัสจะพยายามปราบปรามพวกฉ้อโกง แต่ก็จับได้แต่ปลาตัวเล็กเท่านั้น ในขณะที่ตัวมันเองปล่อยให้ลูกน้องโกงกินตามสบาย ขุนนางกว่าครึ่งเป็นพวกไร้ความสามารถ พอมีปัญหาเกิดขึ้น ก็แก้ไขไม่ได้ ผู้นำไม่เป็นตัวอย่างที่ดี มีความสามารถไม่พอ บ้านเมืองก็เป็นแบบนี้แหละ"อาโรนกล่าว


         "ทางด้านแคว้นกอลโดนาล่ะอาโรน"เกรเซียถามถึงแคว้นเก่าเธอบ้าง


         "ก็ลำบากพอสมควร ทอสมันยึดอำนาจของเรเฟียจนหมดและบริหารด้วยตัวเอง พอเชื้อโรคเริ่มแพร่ไปทั่ว ทอสก็ไม่ฟังที่เรเฟียเตือน กว้าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว เลยเจอหนักพอๆกับโซลแลนด์เลยทีเดียว ทอสเลยต้องให้เรเฟียช่วยแก้ไขปัญหา ตอนนี้สถานการณ์ก็เริ่มดีขึ้นแล้ว แต่ความนิยบมในตัวทอสก็ลดลงด้วย เดิมทีมันก็น้อยอยู่แล้วนี่นา"

         อาโรนแสยะยิ้ม สักวันสองพี่น้องจะต้องแตกหักกันอย่างแน่นอน และเขายังมีหนี้กับเรเฟียไว้ใช้กันเหนี่ยว เผื่อเรเฟียกลายเป็นตัวอันตราย

         สีหน้าเกรเซียเศร้าลงเล็กน้อย แต่ไม่พูดอะไร ในใจเกรเซียก็อยากให้เรเฟียโค่นอำนาจทอสเหมือนกัน

         ข่าวที่โซลแลนด์และซามูเรียสูญเสียอย่างหนักเพราะโรคระบาด ทำให้อาโรนยินดีมาก เพราะสายของเขาแจ้งมาว่าพวกนั้นเป็นพันธมิตรกันอย่างลับๆ ถ้าเขาบุกตีแคว้นใดแคว้นหนึ่ง อีกแคว้นต้องยกพลมาช่วยแน่ ตอนนี้อาร์รอสกับแม็กนัสต่างเลื่อนคลาสเป็นคลาส5กันหมดแล้ว ทั้ง2เป็นหนึ่งในราชัน และมีขุนพลฝีมือระดับเดียวกับพวกมิโอเรียอยู่ ถ้าพวกมันร่วมมือกันป้องกัน กองทัพเขาอาจสูญเสียอย่างหนักกว่าจะยึดแคว้นพวกมันได้ และเป็นช่องให้ไทโรเนียกับกอลโดนาที่รอโอกาส เป็นมือที่3บุกโจมตี เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ตอนท้ายไป

         แต่ถ้าพวกมันอ่อนแอลงแบบนี้ อาร์รอสกับแม็กนัสต้องเก็บกำลังไว้ป้องกันตัว และลังเลที่จะส่งกำลังเสริมไปให้แน่นอน

         "นี่เป็นโอกาสเหมาะที่จะบุกโจมตีแล้วนะค่ะ"

         "ใช่แล้วค่ะ"ซายะเสริม

         "เห็นด้วยอย่างยิ่ง"

         "แกร็กๆๆๆ......"อาโรนร่างสาส์นคำสั่งอย่างรวดเร็ว แล้วยื่นให้จอมเวทสาว

         "เกรเซีย ไปสั่งเรียกระดมทหารจากหัวเมืองต่างๆ สั่งให้เตรียมเสบียงและอาวุธสงครามให้พร้อมสรรพ ทุกเมืองต้องมีทหารและเสบียงครบตามจำนวนที่บอกในสาส์น"

         "แล้วอาโรนจะบุกแคว้นไหนเหรอ"เธอถามขึ้น

         "เดี๋ยวก็รู้"อาโรนไม่ยอมบอกให้คนอื่นรู้แผนทั้งหมดตามเคย ซึ่งพวกเธอก็ชินแล้ว

         "ทราบแล้วค่ะ"เกรเซียรับสาส์นแล้วเดินออกจากห้องไป

         10วันผ่านไป กองทัพคาออสรวมพลได้กว่า7แสนนาย และเริ่มกรีฑาทัพสู่ตะวันตก ไม่รู้ว่าอาโรนจะกลืนแคว้นไหน
    ________________________
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×