คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #109 : บทที่ 105 ความโกลาหล
อาณาจักรไทโรเนียในตอนนี้ก็เกิดความวุ่นวายอย่างหนักไม่แพ้โซลแลนด์เหมือนกัน ตามท่าเรือเมืองต่างมีผู้ป่วยด้วยโรคระบาดนี้เต็มไปหมด และพวกสัตว์ตัวเล็กๆอย่าง หนู หมา ไก่ แมว สัตว์ที่มีอยู่ในทุกที่กำลังแพร่เชื้อให้ลุกลามอย่างรวดเร็ว ผู้คนของอาณาจักรล้มตายวินาศสันตโร
เมืองกานาด้า เมืองหลวงของไทโรเนีย เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในทวีป และมีผู้คสสัญจรไปมาอยู่ตลอด กว่ารากัสจะรู้ตัวโรคระบาดก็แพร่เข้ามาในเมืองหลวงแล้ว เขาต้องสั่งปิดพระราชวัง สั่งฆ่าคนที่ติดโรคในวังและเผาศพไม่เหลือซาก คนที่ตายไปมีไม่น้อยที่เป็นขุนนางและแม่ทัพฝีมือดี โชคดีที่องจักรพรรดิตัวน้อยไม่ได้รับโรคเข้าไปด้วย แต่เขาก็โดนคุมขังในห้องไม่ต่างจากนักโทษ ห้ามใครเข้าพบ อาหารก็ส่งมาช่องตรงประตูเท่านั้น ทหารก็ยืนเฝ้าหน้าห้อง คอยจับตาดูตลอด24ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน เพราะถ้าจักรพรรดิเป็นอะไรไป การปกครองไทโรเนียของเขาสั่นคลอนแน่
รากัสได้สั่งให้ทำการปิดอาณาจักรเหมือนอย่างพวกคาออส ทำให้การแพร่เชื้อโรคระบาดจากภายนอกสิ้นสุดลง แต่ก็ยังมีผู้ติดเชื้อในอาณาจักรอีกจำนวนมาก
ตอนนี้ในอาณาจักรไทโรเนีย รากัสสั่งให้ทหารไล่ฆ่าผู้ที่ติดเชื้อให้หมด ซึ่งถือเป็นวิธีการที่ต้องทำ แม้จะได้รับเสียงด่าว่าจากประชาชนเป็นจำนวนมากก็ตาม รากัสก็ให้ขุนนางป่าวประกาศว่าโรนี้เปนโรคที่กำลังระบาดไปทั่วง ไม่มีวิธีรักษา แต่ประชาชนจะสนเหรอ ประชาชนเขาสนใจแต่ทำมาหากิน และห่วงคนในครอบครัว แต่ผู้แทนจักรพรรดิมาสั่งฆ่าคนในครอบครัวเขาซะเอง
ภายในท้องพระโรงของพระราชวัง รากัสนั่งอยู่บนแท่นบัลลังก์สูงมองเหล่าขุนนางเบื้องล่าง ตอนนี้ทุกคนต่างสวมผ้าคลุมแต่งกายมิดชิด ตามวิธีการป้องกันที่ได้ยินมาจากโซลแลนด์ ซามูเรีย กอลโดนา คาออสและอีกหลายแคว้นทั่วทวีปที่เจอโรคนี้เล่นงานกันหมด ทำให้ตอนนี้สงครามระหว่างแคว้นต่างๆที่ดำเนินอยู่ยุติลงชั่วคราวไปโดยปริยาย
รากัสที่ปกติจะนั่งสบายและวางอำนาจบนบัลลังก์ วันนี้เขาเอามือกุมหัวด้วยความเครียด
"รายงานมาซิ"
เหล่าขุนนางต่างไม่มีใครอยากจะรายงานทั้งนั้น เพราะมีแต่เรื่องไม่ดีเข้ามา ในที่สุดก็มีคนนึงที่ก้าวออกมา เขาคือคอบร้า ขุนพลผู้ใช้พิษนั่นเอง
"ประชาชนของเราล้มตายเป็นจำนวนมาก เมืองหลวงตอนนี้ไม่ต่างจากแดนมิดสัญญีเลยครับ เหล่าทหารกำจัดศพไม่ทัน สัตว์ที่เราฆ่าเผาทิ้งไปก็มีจำนวนมาก แรงงานมีไม่เพียงพอ การผลิตทุกอย่างหยุดชะงัก อาหารมีไม่เพียงพอ ประชาชนอดอยาก และตอนนี้ประชาชนเริ่มไม่พอใจท่านจนรวมกลุ่มชุมนุมประท้วงขึ้นมาในเมืองหลวงมากมายหลายกลุ่มแล้ว"
คอบร้าพูดด้วยสีหน้าหนักใจมาก แต่ละเรื่องไม่ใช่เรื่องดีสักนิด และมันทำท่าว่าจะควบคุมต่อไปไม่ได้แล้ว เรื่องน่าโมโหสำหรับรากัสที่สุดคือการที่ประชาชนมาต่อต้านเขา
"แล้วพวกมันรวมกลุ่มทำอะไรบ้างล่ะ"รากัสถาม นี่แหละสาเหตุที่เหล่าขุนนางและแม่ทัพต่างไม่อยากอออกมารายงาน
"พวกเขาพากันเรียกร้องท่านครับ"คอบร้าพูดเสียงเบาลง
"พวกมันเรียกร้องอะไรบ้าง"รากัสถามด้วยความขุ่นเคือง
"ประชาชนกลุ่มนึงเรียกร้องให้เรารีบหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคเน่าเปื่อย ขณะที่อีกกลุ่มนึง ต้องการให้ท่านหยุดการประหัตประหารชาวเมืองที่ไร้ความผิด แล้วยังมีประชาชนอีกกลุ่มที่เรียกร้องให้ฆ่าชาวเมืองที่ติดโรค เราะดีกว่าให้เชื้อโรคลุกลาม พวกชาวเมืองที่อพยพมาจากเมืองที่ตัวเองอยู่ ก็รวมกลุ่มกันเพื่อให้ท่านรีบแก้ไขสถานการณ์ เพื่อที่พวกเขาจะได้กลับไปใช้ชีวิตนบ้านเดิมของพวกเขาเอง ที่ผมพูดมายังไม่นับรวมกลุ่มผู้ชุมนุกอีกหลายกลุ่มที่เรียกร้องให้ลดหย่อนภาษี เรียกร้องให้แก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ แก้ปัญหาสาธารณูปโภคที่เสื่อมโทรม และความวุ่นวายของอาณาจักรเราในตอนนี้ ยังทำให้พวกโจรผู้ร้ายและมิจฉาชีพออกมาก่อเรื่องโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายอีกด้วย"
"ไอ้พวกประชาชนงี่เง่า คิดว่าปัญหานี่มันแก้ได้ง่ายนักรึไง มารวมกลุ่มประท้วงอะไรตอนนี้ แค่นี้อาณาจักรเราก็มีเรื่องวุ่นวายมากพอแล้ว!!!!!!"
สายตาของรากัสหันมามองชายคนนึง เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผมสีดำและมีดวงตาสีฟ้า มีหน้าตาหล่อเหลาเอาการ สวมเสื้อคลุมสีแดงปกปิดตัวไว้หมด
"เฟรเทล ข้าให้เจ้าคอยดูแลความสงบในอาณาจักรไม่ใช่เหรอ ทำไมเจ้าถึงปล่อยให้ประชาชนมันออกมาเรียกร้องได้มากขนาดนี้!!!!!!!!"รากัสตวาดเสียงดัง เฟรเทลก้มหน้าลง เขาอุตส่าห์อยู่เงียบๆไม่ให้เป็นจุดสนใจ แต่ก็ยังโดนอยู่ดี ชายหนุ่มเดินออกมายืนด้านหน้าคำนับพูด
"ฉันพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้วนะรากัส แต่ปัจจัยสนับสนุนจากนายมันไม่เพียงพอ งบประมาณในท้องพระคลังและทหารของอาณาจักรเรา ส่วนมากท่านเอาไปละลายกับการทำสงครามกับแคว้นรอบข้าง ในด้านของพลเรือนท่านรากัสแทบไม่แบ่งปัจจัยสนับสนุนมาให้เลย"เฟรเทลพูดด้วยความขุ่นเคืองและโกรธไม่น้อย
"นี่แกกำลังพูดตำหนิการบริหารงานของฉันอยู่นะเฟรเทล"รากัสตวาด
"ฉันเพียงแค่พูดตามความเป็นจริง"คำตอบของเฟรเทลไม่ได้ทำให้รากัสรู้สึกดีขึ้นสักนิด
เฟรเทลเป็นคนพูดตรงๆ และไม่มีนิสัยพูดจาประจบสอพลอ ทำให้เขาไม่เป็นที่ชอบหน้าของขุนนางหลายคนรวมถึงรากัส เพราะเขาชอบพูดตำหนิรากัสโดยไม่เกรงกลัว รากัสไม่พอใจ เพราะเขาชอบการยกยอ ไม่เคยคิดว่าตัวเองผิดเลยสักครั้ง เลยเกลียดคนที่หาว่าเขามีส่วนผิดอย่างเฟรเทล แต่เฟรเทลก็เป็นหนึ่งในขุนพลไทโรเนีย และมีฝีมือดีด้านการบริหาร ถ้าไม่มีเขาปัญหาของไทโรเนียอาจมากกว่านี้ แม้รากัสจะไม่ชอบก็ต้องเก็บตัวไว้ใช้งาน
"แคว้นอื่นๆกำลังรวมหัวโจมตีเรารอบด้าน โรคระบาดก็กำลังแพร่เชื้อในอาณาจักรของเรา ประชาชนยังมาต่อต้านอีก แล้วฉันจะแก้ไขปัญหานี้ได้ยังไง แกต้องควบคุมให้อยู่สิเฟรเทล มันเป็นหน้าที่ของแก อาณาจักรเราวุ่นวายเกินกว่าจะให้มีปัญหาเกิดขึ้นอีก"นี่เป็นอีกครั้งที่รากัสโทษคนอื่น ยกเว้นตัวเอง
"แต่ฉันขอบอกตามที่พูด สถานการณ์มันใกล้จะควบคุมไม่อยู่แล้ว เราต้องรีบหาทางทำให้ประชาชนหยุดการชุมนุมและประท้วง"
"ถ้างั้นทำก็ทำตามที่พวกมันเรียกร้อง"รากัสพูด เหมือนเขาไม่สนใจเลยว่าประชาชนเรียกร้องอะไรบ้าง
"ไม่ได้ครับ"เฟรเทลคัดค้าน
"แกว่าอะไรนะ!!!!!!"รากัสถลึงตามองชายหนุ่ม
คราวนี้คอบร้ารีบก้าวออกมาพูด
"เป็นอย่างที่เฟรเทลพูดครับ กลุ่มผู้ชุมนุมมีหลายกลุ่ม และมีความคิดแตกต่างกันไป เราไม่มีทางตอบสนองพวกเขาทั้งหมดได้ ถ้าเราทำตามกลุ่มใดกลุ่มนึง อีกกลุ่มที่มีความคิดตรงกันข้ามหรือหลายกลุ่มต้องไม่พอใจแน่"
"แต่ถ้าเราไม่ตอบสนองเลย ข้อเรียกร้องก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ"เฟรเทลเสริม
คำพูดของทั้งสอง ทำให้รากัสและขุนนางในท้องพระโรงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ นี่มันวิกฤติของจริงเลย รากัสครุ่นคิดอยู่พักนึง ก่อนที่แววตาของเขาจะวาวโรจน์และเหี้ยมเกรียมขึ้นมา
"ฉันตัดสินใจได้แล้ว ส่งทหารไปสลายการชุมนุมในเมืองซะ"
รากัสสั่งแล้วสองขุนพลหันมามองหน้ากัน
"จะสลายกลุ่มไหนเหรอครับ"คอบร้าถาม
"หมดทุกกลุ่ม ทำให้พวกมันรู้ซะ ว่าประชาชนอย่างพวกมันไม่มีสิทธิมาเรียกร้องต่อฝ่ายปกครองอย่างพวกเรา หน้าที่ของพวกมันมีเพียงอย่างเดียว คือก้มหัวรับใช้ฉันคนนี้ และการสลายทุกกลุ่มก็ทำให้พวกมันรู้ว่าฉันไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น"
รากัสยิ้มเหมือนกับว่าความคิดตัวเองฉลาดมาก แต่ในความคิดของสองขุนพล พวกเขารู้ดีว่า การทำแบบนี้ จะทำให้ความคิดของชาวเมืองหันมามีจุดร่วมคือเคียดแค้นรากัสแทน แต่ก็มีขุนนางอีกส่วนที่ชิงพูดจาประจบสอพลอรากันทันที
"ท่านฉลาดมากเลยครับ"โกอันพูดขึ้น พร้อมขุนนางอีกหลายคน
"แน่นอนอยู่แล้ว ฮะๆๆๆ..."รากัสก็หลงไปกับคำยกยอ ทั้งโบมูดัสและโรมูดัส สองพ่อลูกปกครองเมืองแบบนี้มาตลอด การที่เมืองหลวงไทโรเนียจะมีแต่พวกประจบสอพลอก็ไม่น่าแปลกใจสักนิด
"รากัส คิดให้ดีนะ การสลายการชุมนุมมันรุนแรงมากนะ คราวนี้ประชาชนจะหันมารวมตัวต่อต้าน.........."
"ฉันเบื่อฟังที่แกพูดแล้วเฟรเทล รีบไปทำหน้าที่ของแกได้แล้ว นำทหารไปสลายการชุมนุกทุกกลุ่มซะ ถ้าพวกมันขัดขืนก็ฆ่าได้เลย"รากัสสั่งเสียงเหี้ยมเกรียม
"รับทราบ"เฟรเทลเดินออกจากท้องพระโรง
"แล้วแคว้นศัตรูเป็นยังไงบ้าง......"
ภายในเมืองกานาด้าที่ครั้งนึงสวยงามมาก ตอนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นควันไฟที่เผาไหม้ศพคนที่ติดเชื้อโรคระบาด บางคนก็โดนเผาทั้งเป็นอย่างโหดร้าย ท้องถนนเต็มไปด้วยความวุ่นวาย การปล้นชิง การขโมย ข้มเหงรังแกและข่มขืนผู้หญิง เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นไปทั่ว
แต่ภายในเมืองมีเสียงมากมายที่รวมตัวกันตะโกนด่าว่าอยู่นอกพระราชวัง กลุ่มผู้ชุมนุมที่มีขนาดใหญ่กำลังด่าว่ารากัสอย่างไม่เกรงกลัว เฟรเทลนำทหารสวมเกราะเดินออกมา และประกาศให้ชาวเมืองสลายการชุมนุก ไม่งั้นจะใช้กำลัง แต่เหมือนประชาชนจะโกรธมาก ไม่สนใจคำเตือนของเขาและบุกเข้าหาพวกเขา
"ทหาร ตั้งโล่ อย่าใช้อาวุธเด็ดขาด แค่ยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ไล่ไปก็พอ "
เสียงปืนทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนหนี แต่ก็ยังเหลือพวกใจกล้าอยู่ ทำให้เกิดการปะทะกัน ทหารที่สวมอาวุธครบมือ กับประชาชนที่ไร้อาวุธใดๆ ผลก็เห็นๆกันอยู่ กลุ่มผู้ชุมนุมใหญ่ที่สุดหลายกลุ่มหน้าพระราชวังโดนสลายกลุ่มอย่างรวดเร็ว ในการต่อสู้ย่อมต้องมีคนบาดเจ็บล้มตาย ประชาชนมากมายที่โดนทหารเข้าทำการปราบปราม ต่างด่าว่าเฟรเทลและรากัสไม่หยุด
"ไอ้พวกทหารเลว"
"เฟรเทลไอ้ชาติชั่ว!!!!!"
"ไอ้ทรราชไปตายซะ!!!!!"
"................."
เฟรเทลหนักใจ เขามองประชาชนที่กำลังส่งสายตาเคียดแค้นและเกลียดชังมาทางเขา
'อย่ามองฉันแบบนั้ันสิ ฉันแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้นเองนะ'
"ท่านเฟรเทลครับ กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนมีอาวุธ มีทหารโดนยิงตายไปหลายคน จะทำยังไงดีครับ"
"ถ้าขัดขืนให้ฆ่าซะ ทำตามนั้น"เฟรเทลถอนหายใจ ในที่สุดเขาก็ต้องสั่งให้ทหารใช้อาวุธฆ่าประชาชนจนได้
"ครับ"
พวกทหารไปลงมืออตามคำสั่ง ไม่ถึง2ชั่วโมงกลุ่มผู้ชุมนุมก็สลายตัวไปหมด แต่เฟรเทลรู้ว่าความโกรธแค้นของประชาชนจะตามมาในอีกไม่ช้า
แคว้นคาออส, เมืองซิสการ์ด
ผ่านมากว่า3เดือนแล้วหลังจากที่โรคระบาดแพร่เข้ามาในแคว้นคาออส แต่สำหรับแคว้นอื่นผ่านมาแล้วถึง4เดือน
หลังจากงานยุ่งมาเป็นเดือน ตอนนี้ทุกคนเริ่มกลับมาอยู่ที่เมืองซิสการ์ดกันแล้ว แม้บางคนจะต้องคอยเดินทางไปกลับเป็นบางครั้งก็ตาม วันนี้เป็นวันนึงที่เกือบทุกคนไม่ได้อยู่ที่เมืองแต่ออกไปทำธุระส่วนตัว หรืองานของตัวเอง มีแค่อาโรน คิริโกะ ลูน่า แล้วก็มิโอเรีย เกรเซียกับซายะที่ตอนนี้ว่างงาน
"ไทโรเนียสูญเสียใหญ่หลวงทั้งทางทหารและเศรษฐกิจ ประชาชนล้มตายมากมาย แรงงานไม่เพียงพออาหารมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ สินค้าต่างๆแพงมากขึ้น โจรผู้ร้ายชุกชุมไปทั่วทุกหนแห่ง ประชาชนเผชิญความลำบากและความอดอยาก เกิดกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านรากัสหลายแห่ง ฮะๆๆ อาวุธชีวภาพนี่มันยอดเยี่ยมจริงๆ"
อาโรนกำลังอ่านสาส์นรายงานข่าวจากไทโรเนียแล้วหัวเราะด้วยความพอใจ โดนแบบนี้รากัสคงไม่กล้าเปิดศึกกับคาออสไปอีกพักใหญ่
"ฮะๆๆๆ...!!!!"อาโรนอ่านต่อแล้วหัวเราะขึ้นมาทำให้เกรเซียที่ยืนอยู่ด้านหน้าขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
"อาโรน ขอฉันดูหน่อยได้"เกรเซียที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะพูดขึ้น
"ได้เลยพี่เกรเซีย"อาโรนยื่นให้เธอดู
จอมเวทสาวอ่านข้อความแล้วแสยะยิ้ม
"รากัสใช้กำลังทหารปราบปรามผู้ชุมนุมจนหมด มีคนบาดเจ็บล้มตายมากมาย ประชาชนและญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตต่างเคียดแค้นสถานบันกษัตริย์ แม่ทัพจำนวนมากลาออกจากกองทัพ กลายเป็นขบวนต่อต้านไปทั่วอาณาจักร แคว้นรอบข้างเริ่มเข้ารุกรานชายแดน ทำให้การปราบปรามยากขึ้น ภายในราชสำนักยังเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แย่งชิงอำนาจทางการเมือง"
"สมน้ำหน้าพวกมันแล้ว!!!"ซายะตะโกนด้วยความยินดี
"เดิมทีระบบราชการของไทโรเนียมันก็เน่าเฟะมาตั้งแต่ก่อนที่รากัสจะขึ้นมามีอำนาจแล้ว ถึงแม้รากัสจะพยายามปราบปรามพวกฉ้อโกง แต่ก็จับได้แต่ปลาตัวเล็กเท่านั้น ในขณะที่ตัวมันเองปล่อยให้ลูกน้องโกงกินตามสบาย ขุนนางกว่าครึ่งเป็นพวกไร้ความสามารถ พอมีปัญหาเกิดขึ้น ก็แก้ไขไม่ได้ ผู้นำไม่เป็นตัวอย่างที่ดี มีความสามารถไม่พอ บ้านเมืองก็เป็นแบบนี้แหละ"อาโรนกล่าว
"ทางด้านแคว้นกอลโดนาล่ะอาโรน"เกรเซียถามถึงแคว้นเก่าเธอบ้าง
ความคิดเห็น