ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ ภาคปฐมบท
บทนำ
ในดาวเบสเทียร์ โลกที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตเผ่าต่างๆไม่ว่าจะเป็น มนุษย์ เอลฟ์ มังกร เทพ มาร และอื่นๆอีกมากมาย ทุกเผ่าพันธุ์ต่างใช้ชีวิตอยู่ในโลกนั้น มีทั้งความสงบสุขและสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ มีมหาเทพที่ทุกเผ่านับถือคือมหาเทพคาออสและเทพีไกอา วันเวลาได้ผ่านพ้นไปโดยมีผู้หวังจะได้ครอบครองความเป็นเจ้าปกครองโลกแห่งนั้นได้พากันต่อสู้เพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ จนกระทั่งในที่สุดก็มีกลุ่มคนนึงที่มีพลังมหาศาลจำนวน10คน ซึ่งเรียกตนเองว่า"นามธรรม" ได้รวบรวมขุมกำลังของพวกตนปราบปรามเผ่าต่างๆจนใกล้จะครองโลกได้ ในที่สุดบรรดาเผ่าต่างๆที่ไม่เห็นด้วยตัดสินใจร่วมมือกันนำกองทัพเข้าจัดการนามธรรมทั้ง10และกองทัพของพวกเค้า แต่กลับกลายเป็นว่ากองทัพนับล้านนั้นถูกฆ่าตายจนหมดไม่มีใครเหลือรอดกลับมา กลุ่มคนทั้ง10เข้าโจมตีและยึดครองเผ่าต่างๆให้อยู่ภายใต้การปกครองของพวกเขา ด้วยความพ่ายแพ้ของเหล่าผู้นำเผ่าและกองทัพ นามธรรมทั้ง10ตนได้ปกครองทั้งโลกในฐานะเครื่องหมายแห่งความแข็งแกร่งและเป็นที่หวาดกลัวแก่ทุกผู้ เหล่าผู้นำเผ่าที่พ่ายแพ้สงครามต่างเวลาให้นามธรรมทั้ง10ตนแตกคอกัน แต่การกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อนามธรรมทั้ง9ตนได้มอบตำแหน่งผู้ปกครองสูงสุดให้แก่นามธรรมที่แข็งแกร่งที่สุด นามธรรมตนนั้นได้ขึ้นปกครองโลกใบนี้โดยยึดครองดินแดนสวรรค์ของเหล่าเทพเป็นที่พำนัก เหล่าเทพต่างโกรธแค้นที่นามธรรมตนนี้ที่ยึดดินแดนของพวกเขาไปและสาบานว่าสักวันหนึ่งจะแก้แค้นเหล่านามธรรมให้จงได้..
วันเวลาผ่านไปนับร้อยปีทุกเผ่าพันธุ์ต่างอยู่อย่างสงบในการปกครองของนามธรรมตนนั้น แต่มันเป็นเพียงความสงบท่ามกลางความหวาดกลัว จนกระทั่งมีข่าวลือว่าเขาได้ตกหลุมรักเทพสาวคนหนึ่งที่เป็นเพียงนางอัปสรชั้นต่ำและได้แต่งงานกับนาง และนางเองก็กำลังตั้งครรภ์ เหล่าเทพเห็นโอกาสที่รอคอยมานานแต่ยังเกรงพลังของชายคนนั้นจึงขอความช่วยเหลือจากเทพอันยิ่งใหญ่ทั้ง 2 คือมหาเทพคาออสและเทพีไกอา มหาเทพคาออสยินดีช่วยแต่เทพีไกอาไม่ด้วยเพราะนางเห็นว่าตอนนี้ทุกเผ่าก็อยู่อย่างสงบสุขภายใต้การปกครองของนามธรรมตนนั้น มหาเทพทั้งสององค์โต้เถียงกันอย่างรุนแรง ผลสรุปคือมหาเทพคาออสเข้าช่วยเผ่าเทพโดยปราศจากความช่วยเหลือจากเทพีไกอา
มหาเทพคาออสได้วางแผนร่วมกับเผ่าเทพและเผ่าอื่นที่ส่งกำลังมาช่วยบุกเข้าชิงตัวคนรักของชายผู้นั้นที่อยู่ในบ้านไปเสีย ชายคนนั้นที่นั่งอยู่บนบัลลัง ณ เทือกเขาโอลิมปัส เมื่อเขาได้ข่าวรีบกลับไปที่บ้านก็พบว่าคนรักของตนถูกมหาเทพคาออสลักพาตัวไปก็โกรธแค้นมาก เขาได้ออกตามหาจนพบเทพสาวคนรักของตนที่ถูกมหาเทพคาออสจับตัวไว้ ด้านหลังของมหาเทพคาออสมีกองทัพเป็นร้อยล้านที่รวบรวมจากเผ่าต่างๆที่เขาเคยปกครอง มหาเทพคาออสเห็นชายคนนั้นบินมาแต่ไกลก็ยิงพลังเวทใส่เทพสาวคนรักของเขาทันที นางเป็นเพียงเทพชั้นต่ำไม่อาจต่อกรกับ 1 ใน 2 มหาเทพได้แม้แต่น้อย นางล้มลงสิ้นใจพร้อมกับชีวิตของลูกที่ยังไม่เกิด ชายคนนั้นเห็นภาพตรงหน้าที่ตนไม่อาจช่วยคนรักและลูกได้ทันก็ทั้งเศร้าทั้งแค้นชักดาบบุกเข้ามาสู้กับมหาเทพคาออสด้วยความเกรี้ยวกราด มหาเทพคาออสเชื่อมั่นในพลังของตนว่าแม้จะไม่มีเทพีไกอาช่วยแต่ด้วยพลังของตนกับกองทัพนับร้อยล้านเชื่อว่าจะจัดการกับชายคนนั้นได้แน่นอน
ศึกดำเนินไปเป็นเวลา 3 วัน 3 คืนมหาเทพคาออสเป็นฝ่ายพลาดท่าพ่ายแพ้เสียเองพร้อมกองทัพที่เหลืออยู่น้อยนิด นามธรรมตรงเข้าตัดหัวมหาเทพคาออส ปิดฉาก 1 ใน 2 มหาเทพลง เขาเดินไปที่ศพของคนรักของเขา เขาก้มมองด้วยความโศกเศร้าเสียใจที่ไม่อาจปกป้องนางได้ เขาอุ้มศพของนางไว้ในอ้อมกอดพร้อมเปิดมิติบางอย่างขึ้นมา เขาปล่อยให้ร่างของนางหายเข้าไปในมิตินั้น แล้วหันกลับมาจ้องมองยังกองทัพที่เหลือหมายฆ่าตายให้ทั้งหมด แต่ทันใดนั้นเทพีไกอาก็ปรากฎตัวพร้อมกับขอเจรจากับเขา เหล่ากองทัพเดนตายรอการเจรจาด้วยใจที่หวาดหวั่นว่าเทพีไกอาอาจจะโดนฆ่าเฉกเช่นมหาเทพคาออสก็เป็นได้ แต่เมื่อทั้ง 2 เจรจากันเสร็จสิ้น นามธรรมเก็บดาบเข้าฝักแล้วบินจากไปจากเทือกเขาโอลิมปัสตลอดกาล.. ไม่มีใครได้พบเจอเขาอีก
หลังจากนั้นนามธรรมตนนั้นหายสาบสูญ 100กว่าปีต่อมา นามธรรมทั้ง9ตนที่เหลือได้นำทัพบุกแดนสวรรค์อีกครั้ง เกิดมหาสงครามที่นำทุกเผ่าพันธุืเข้าสู่สงครามอีกครั้ง กองทัพเทพยังคงได้เปรียบด้านกำลังทหารพันธมิตรต่อต้านนามธรรมที่มีมากกว่านามธรรมหลายเท่า แต่ความแข็งแกร่งของนามธรรมทั้ง9ตนนั้น ทำให้กองทัพเทพและพันธมิตรทำได้เพียงชะลอการรุกคืบของกองทัพนามธรรมเท่านั้น ในที่สุดกองทัพนามธรรมก็บุกประชิดเมืองโอลิมเปีย เมืองหลวงของเผ่าเทพบนเทือกเขาโอลิมปัส ครั้งนี้จะไม่ใช่เพียงแค่การยึดครองแต่จะทำลายเผ่าเทพให้พินาศด้วยความโกรธแค้น แต่แล้วกองกำลังเสริมของเผ่าเทพที่ไม่ทราบว่ามาจากไหนก็เข้ามาเสริมกำลังให้กับเผ่าเทพเป็นจำนวนนับแสนคน
เหล่านามธรรมเห็นว่ามีกำลังทหารเพิ่มมาเพียงแค่แสนกว่าก็ไม่สนใจ เพราะเชื่อมั่นในพลังมหาศาลของพวกตน นำทัพบุกทำลายเมืองหลวงเผ่าเทพ การรบจบลงด้วยความพินาศย่อยยับของกองทัพนามธรรม เมื่อกองทัพนามธรรมอันเกรียงไกรพ่ายแพ้ ก็ทำให้สัตว์อสูรเผ่าต่างๆที่เป็นกลางหรือถูกนามธรรมกดดันให้เข้าร่วม ประกาศตัดสัมพันธ์ไมตรีและร่วมมือกับกองทัพเทพและพันธมิตรบุกเข้าตีกองทัพนามธรรมจนเสียดินแดนทั้งหมดที่ยึดมาได้ระหว่างสงคราม พันธมิตรเผ่าต่างๆที่เหลือเกือบทั้งหมดก็ประกาศยอมแพ้สวามิภักดิ์เผ่าเทพเหมือนเมื่อก่อน
เมื่อนามธรรมเห็นว่าพวกตนพ่ายแพ้ไม่เหลือกำลังจะทำสงครามต่อไปได้อีก จึงจำต้องแยกย้ายกันหลบหนีไป สงครามจบลงด้วยชัยชนะของเผ่าเทพ แม้มันจะเป็นชัยชนะที่ได้จากความช่วยเหลือของผู้อื่นก็ตาม แต่เผ่าเทพก็ได้กลับมาครองอำนาจอีกครั้งหลังผ่านมาร้อยกว่าปี เผ่าเทพไม่ต้องการให้ใครพูดถึงกองกำลังที่ช่วยให้ตนชนะได้ จึงสั่งห้ามทุกเผ่าพันธุ์บนโลกนี้พูดเกี่ยวกับพวกเขา กองทัพไม่ทราบชื่อจึงถูกลบออกจากประวัติศาสตร์ดาวเบสเทียร์ บรรดาลูกหลานเชื่อว่าเผ่าเทพได้รับชัยชนะในมหาสงครามกับนามธรรมด้วยตนเอง แต่เรื่องของนามธรรมก็ยังคงถูกเล่าขานต่อกันมา ด้วยพลังอำนาจของนามธรรมที่ยังคงฝังใจคนทั้งโลก คำพูดสุดท้ายของเหล่านามธรรมก่อนที่จะหลบหนีไปซ่อนตัว
"สักวัน พวกเราเหล่านามธรรมจะกลับมาล้างแค้นเผ่าเทพและใครก็ตามที่หยุดพวกข้าไว้ นามธรรมจะต้องกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง!!!!"
หลังจากนั้นนามธรรมตนนั้นหายสาบสูญ 100กว่าปีต่อมา นามธรรมทั้ง9ตนที่เหลือได้นำทัพบุกแดนสวรรค์อีกครั้ง เกิดมหาสงครามที่นำทุกเผ่าพันธุืเข้าสู่สงครามอีกครั้ง กองทัพเทพยังคงได้เปรียบด้านกำลังทหารพันธมิตรต่อต้านนามธรรมที่มีมากกว่านามธรรมหลายเท่า แต่ความแข็งแกร่งของนามธรรมทั้ง9ตนนั้น ทำให้กองทัพเทพและพันธมิตรทำได้เพียงชะลอการรุกคืบของกองทัพนามธรรมเท่านั้น ในที่สุดกองทัพนามธรรมก็บุกประชิดเมืองโอลิมเปีย เมืองหลวงของเผ่าเทพบนเทือกเขาโอลิมปัส ครั้งนี้จะไม่ใช่เพียงแค่การยึดครองแต่จะทำลายเผ่าเทพให้พินาศด้วยความโกรธแค้น แต่แล้วกองกำลังเสริมของเผ่าเทพที่ไม่ทราบว่ามาจากไหนก็เข้ามาเสริมกำลังให้กับเผ่าเทพเป็นจำนวนนับแสนคน
เหล่านามธรรมเห็นว่ามีกำลังทหารเพิ่มมาเพียงแค่แสนกว่าก็ไม่สนใจ เพราะเชื่อมั่นในพลังมหาศาลของพวกตน นำทัพบุกทำลายเมืองหลวงเผ่าเทพ การรบจบลงด้วยความพินาศย่อยยับของกองทัพนามธรรม เมื่อกองทัพนามธรรมอันเกรียงไกรพ่ายแพ้ ก็ทำให้สัตว์อสูรเผ่าต่างๆที่เป็นกลางหรือถูกนามธรรมกดดันให้เข้าร่วม ประกาศตัดสัมพันธ์ไมตรีและร่วมมือกับกองทัพเทพและพันธมิตรบุกเข้าตีกองทัพนามธรรมจนเสียดินแดนทั้งหมดที่ยึดมาได้ระหว่างสงคราม พันธมิตรเผ่าต่างๆที่เหลือเกือบทั้งหมดก็ประกาศยอมแพ้สวามิภักดิ์เผ่าเทพเหมือนเมื่อก่อน
เมื่อนามธรรมเห็นว่าพวกตนพ่ายแพ้ไม่เหลือกำลังจะทำสงครามต่อไปได้อีก จึงจำต้องแยกย้ายกันหลบหนีไป สงครามจบลงด้วยชัยชนะของเผ่าเทพ แม้มันจะเป็นชัยชนะที่ได้จากความช่วยเหลือของผู้อื่นก็ตาม แต่เผ่าเทพก็ได้กลับมาครองอำนาจอีกครั้งหลังผ่านมาร้อยกว่าปี เผ่าเทพไม่ต้องการให้ใครพูดถึงกองกำลังที่ช่วยให้ตนชนะได้ จึงสั่งห้ามทุกเผ่าพันธุ์บนโลกนี้พูดเกี่ยวกับพวกเขา กองทัพไม่ทราบชื่อจึงถูกลบออกจากประวัติศาสตร์ดาวเบสเทียร์ บรรดาลูกหลานเชื่อว่าเผ่าเทพได้รับชัยชนะในมหาสงครามกับนามธรรมด้วยตนเอง แต่เรื่องของนามธรรมก็ยังคงถูกเล่าขานต่อกันมา ด้วยพลังอำนาจของนามธรรมที่ยังคงฝังใจคนทั้งโลก คำพูดสุดท้ายของเหล่านามธรรมก่อนที่จะหลบหนีไปซ่อนตัว
"สักวัน พวกเราเหล่านามธรรมจะกลับมาล้างแค้นเผ่าเทพและใครก็ตามที่หยุดพวกข้าไว้ นามธรรมจะต้องกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง!!!!"
ประเทศไทย,กรุงเทพ พ.ศ. 2810
"อุแว้~" เสียงร้องของเด็กน้อยเพศชายที่ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ บนรถคันหนึ่งที่พ่อกำลังขับรถกลับบ้านของพวกเขา พ่อแม่คู่นี้ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไรเป็นเพียงครอบครัวธรรมดาที่มีความสุข ผู้เป็นแม่ฟังเสียงร้องแล้วกล่อมลูกน้อยให้หยุดร้องด้วยรอยยิ้มหลังจากที่เธอและลูกต้องนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นระยะเวลาหลายวัน ผู้เป็นพ่อเองก็มีความสุขไปด้วยเมื่อเห็นภรรยาของเขายิ้มแย้ม แต่ทันใดนั้นก็มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น รถบรรทุกสิบล้อขนาดใหญ่ฝ่าไฟแดงวื่งตรงเข้ามาชนรถของครอบครัวนี้เข้ากลางลำ..
เสียงหวอของรถพยาบาลดังมาแต่ไกล คนที่มุงดูเหตการณ์และคนที่พยายามเข้าไปช่วยหลีกทางให้เหล่าพยาบาลและหมอ แต่พ่อของเด็กนั้นเสียชีวิตคาที่ และแม่ของเด็กสิ้นใจระหว่างการผ่าตัดช่วยเหลือเธอ จะมีก็แต่เด็กน้อยรอดมาได้แต่สมองของเขามีความเสียหายและบอบช้ำอีกทั้งร่างกายที่ไม่แข็งแรงเด็กน้อยผู้น่าสงสารเหลือชีวิตอยู่บนโลกอีกแค่ไม่ถึงสามวัน.. หมอที่รับผิดชอบชีวิตเด็กคนนี้ไม่สามารถจะทำอะไรได้เพราะเด็กไม่มีญาติที่ไหนนอกจากพ่อกับแม่ของเขาที่เพิ่งเสียชีวิตไป เขาได้แต่มองเด็กน้อยผู้โชคร้ายที่พึ่งเกิดได้ไม่ถึงเดือนนอนอยู่ในห้อง ICU อย่างเศร้าๆ
"ฉันขอให้นายไปดีนะเจ้าหนู"หมอมองไปทางเตียงผู้ป่วยพูดแล้วถอนหายใจเพราะเด็กคนนี้ไม่มีหวังที่จะรอดแล้ว
"ถ้าผมช่วยเด็กคนนี้ได้ละครับ"เสียงที่ดูแก่ชราดังขึ้น หมอมองตามเสียงเห็นชายแก่ถือไม้เท้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งเดินตรงมาในห้อง ICU เข้ามาคุยกับหมอ
"คุณหมายความว่ายังไง!?"หมอไม่เข้าใจที่ชายแก่พูดจึงถาม
"ผมจะมาช่วยเด็กคนนี้ให้มีชีวิตต่อไปไงครับ"คำตอบนั้นทำให้หมออยากรู้ว่าชายคนนี้เป็นใครถึงมั่นใจว่าจะช่วยได้
"คุณเป็นใคร?" หมอมองชายคนนั้นด้วยความระแวง
ชายแก่คนนี้สูงประมาณ 155 ซม มีหนวดและเครายาวผมงอกแล้วมีตาสีดำผิวเหี่ยวน่าจะอายุเกือบ80แล้วอยู่ในชุดสูทสีขาว ส่วนชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆเขามีผมสีดำดวงตาสีเดียวกันสูงประมาณ170หน้าตาธรรมดาอยู่ในชุดสูทสีดำ
"ผมชื่อสตีเว่นเป็นอดีตนักพัฒนาคลื่นสมองของบริษัทEMO(Empire Online)"ชายแก่แนะนำตัว
เมื่อได้ยินชื่อหมอรู้ทันทีว่าเขาคือใคร สตีเว่นเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาเครื่องเกมที่ทำให้เข้าไปเล่นเกมได้โดยผ่านทางคลื่นสมองทำให้ผู้เล่นได้สัมผัสจริงและเป็นเกมที่ผู้เล่นทั่วโลกเซิฟเวอร์เดียวกันหมด แม้ผู้เล่นจะใช้คนละภาษาแต่ระบบจะทำให้ผู้เล่นฟังที่อีกฝ่ายพูดเข้าใจ ทำให้EMOเป็นเกมที่นิยมอันดับ1ของโลกในปัจจุบัน สตีเว่นคิดพัฒนาให้เครื่องสามารถนำคนเข้าไปอยู่ในโลกเกมอย่างถาวรได้และแนะนำให้บริษัทใช้มันกับคนชราหรือผู้ป่วยที่ใกล้ตายใช้ร่างใหม่ในเกมมีชีวิตอยู่ในโลกเกม หรือว่า..
"คุณคิดจะ.."สตีเว่นยิ้มเมื่อหมอคิดออกว่าจะทำอะไร
" ใช่แล้วครับผมจะมอบร่างใหม่ให้เด็กคนนี้ในเกม"สตีเว่นพูดจบหมอก็ขึ้นเสียงใส่เขา
"ไม่ได้ครับ!! ยังไม่เคยมีการทดสอบเรื่องการทำแบบนี้มาก่อน นี่ยิ่งกับเด็กที่เกิดมาไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ!!"หมอคัดค้านเพราะการใช้เครื่องเกมแบบนี้ของสตีเว่นบริษัทไม่ยอมรับเพราะเสี่ยงเกินไปที่จะลอง แม้สตีเว่นจะบอกว่ามันจะสำเร็จแต่ก็ไม่มีใครกล้าทดลองใช้กับมนุษย์ จนโปรเจ็กท์ของเขาล่มและเขาต้องลาออกจากบริษัทEMO
"แต่ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วไม่ใช่เหรอครับ ถ้าปล่อยไว้เด็กคนนี้ก็ตายอยู่ดีสู้ส่งคลื่นสมองไปอยู่ในเกมอย่างถาวรตัดขาดจากร่างในโลกนี้ ถ้าสำเร็จก็หมายความว่าคุณช่วยเด็กคนนี้ได้เลยนะครับ"สตีเว่นหันมือไปทางหนุ่มด้านหลังที่ถือกล่องขนาดใหญ่ไว้ หมอรู้ว่าข้างในกล่องต้องเป็นเครื่องมือที่ทำให้ส่งจิตใจของคนใช้ไปอยู่ในโลกเกมแน่ หมอลังเลใจว่าจะทำดีไหมเพราะผู้เป็นหมอสามารถตัดสินวิธีการรักษาผู้ป่วยที่ตนดูแลได้
ทั้งห้องเงียบสงัด มีเพียงแค่เสียงเครื่องช่วยหายใจและเครื่องวัดคลื่นหัวใจที่ดังอยู่ หมอใช้เวลาเกือบชั่วโมงครุ่นคิดความเป็นไปได้ของทุกๆอย่าง แต่ในเมื่อชีวิตเด็กน้อยผู้น่าสงสารคนนี้ไม่มีทางเลือกนัก อย่างน้อยการพยายามช่วยด้วยวิธีของสตีเว่นอาจจะช่วยให้เด็กน้อยรอดตายก็ได้
"ผม..อนุญาต"เมื่อได้ยินคำตอบ สตีเว่นกับชายหนุ่มก็เดินเข้าไปในห้องที่เด็กน้อยนอนหายใจด้วยความอ่อนแรง แล้วหมอก็เดินตามเข้าไป
"ปิดประตูแล้วล็อคด้วยครับและคอยอย่าให้ใครเข้ามาด้วย"หมอทำตามที่สตีเว่นบอกเขาล็อคประตูแล้วดูผ่านกระจก ชายหนุ่มเปิดกล่องออกมา สิ่งที่หมอเห็นเครื่องเล่นเกมแบบที่ครอบหัวธรรมดา อีกอย่างหนึ่งคือเครื่องทรงสี่เหลียมที่เป็นเหล็ก มีหน้าจอและแป้นพิมพ์คล้ายคอมพิวเตอร์แต่ตัวอักษรบนแป้นเป็นอักษรที่เขาไม่รู้จัก มีสายปลั๊กเส้นหนึ่ง ชายหนุ่มนำสายต่อเข้ากับเครื่องเกมแล้วเอาที่ครอบหัวใส่หัวเด็กที่หลับในขณะที่ชายชราพิมพ์บางอย่างบนเครื่องคอมพิวเตอร์ลึกลับนั่น บนหน้าจอมีอักษรบางอย่างขึ้นมาซึ่งเขาไม่สามารถอ่านได้ หมอจำต้องยอมปล่อยทั้งสองคนทำตามใจต่อไปเพราะถ้าช่วยเด็กให้มีชีวิตต่อไปได้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
ในที่สุดดูเหมือนจะเตรียมการเสร็จแล้วสตีเว่นหันมามองหน้าหมอ
"คุณต้องสัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะครับแม้แต่คนที่บ้าน"สตีเว่นจ้องหมอด้วยสายตาจริงจัง
"ผมสัญญาครับ"หมอพยักหน้า
ชายชรากดปุ่มหนึ่งบนแป้นพิมพ์ทันใดนั้นมีคลื่นไฟฟ้าปรากฏแล้วไหลตามสายไฟไปที่ครอบหัวของเด็กแล้วไม่นานหลอดไฟในห้องเริ่มกระพริบๆรัวๆขึ้นก่อนที่ไฟจะดับไปทั้งโรงพยาบาล ไม่นานนักเครื่องปั่นไฟก็ทำงานขึ้นหมอมองดูที่เด็กน้อยแลวก็ต้องตกใจเมื่อพบว่า
"ปี๊ดดดดดดดดด"เครื่องสัญญาณหัวใจส่งเสียงออกมาแปลว่าภาวะหัวใจล้มเหลวแปลว่าเด็กคนนี้ตายแล้ว หมอเข้าไปกระชากคอเสื้อสตีเว่นทันที
"คุณทำอะไรลงไป!!"แต่สตีเว่นไม่สะทกสะท้านกลับมองหมออย่างใจเย็น
"เดี๋ยวก่อนหมอ ดูที่หน้าจอก่อนสิ"หมอหันไปมองที่หน้าจอมันขึ้นว่า 'complete' หมอหันกลับมามองที่สตีเว่นแล้วปล่อยคอเสื้อเขามองด้วยสายตาที่มีคำถาม
"อุแว้ๆๆ..."หมอตกใจเมื่อเห็นว่าเด็กทารกยังคงมีชีวิตอยู่ หมอดีใจได้ชั่วครู่ก็ต้องหันกลับมามองชายทั้งสองคนอีกครั้ง การโดนสายฟ้าเข้าไปขนาดนั้น ทารกธรรมดาต้องตายไปแล้วแน่นอน ทำไมเด็กคนนี้ถึงยังไม่ตายแถมไม่มีบาดแผลสักรอย
"ตอนนี้คุณคงรู้แล้วนะว่าทารกคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ปกติ หึหึ.."สตีเว่นหัวเราะ
"อุแว้ๆๆ..."หมอตกใจเมื่อเห็นว่าเด็กทารกยังคงมีชีวิตอยู่ หมอดีใจได้ชั่วครู่ก็ต้องหันกลับมามองชายทั้งสองคนอีกครั้ง การโดนสายฟ้าเข้าไปขนาดนั้น ทารกธรรมดาต้องตายไปแล้วแน่นอน ทำไมเด็กคนนี้ถึงยังไม่ตายแถมไม่มีบาดแผลสักรอย
"ตอนนี้คุณคงรู้แล้วนะว่าทารกคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ปกติ หึหึ.."สตีเว่นหัวเราะ
"การส่งถ่ายข้อมูลผู้เล่นเสร็จสิ้นแล้ว"ชายหนุ่มพูดอย่างพอใจ เขาเอาเครื่องเกมที่ครอบหัวเด็กทารกออก เขาอุ้มทารกขึ้นมาไว้ที่แขนและนำร่างไหม้เกรียมในกระเป๋าที่เหมือนศพทารกไว้บนเตียงแทน หมอตกใจจนยกมือขึ้นปิดปากกับสิ่งที่เห็น
"ตอนนี้เด็กคนนี้อยู่ในฐานะผู้เล่นกึ่งสัตว์อสูรคนหนึ่งแล้วและได้รับข้อมูลระบบไกอามาไว้ในสมองแล้ว"
"ระบบไกอา??"หมอขมวดคิ้ว
"มันคือ AI คอมพิวเตอร์ที่ดูแลระบบทุกอย่างในเกมส์ มันเป็น AI ที่มีความฉลาดสูงมากทำให้ไม่เคยมีใครเคยแฮ็คระบบของบริษัทนี้ได้และยังเป็นสัตว์อสูรตัวหนึ่งในเกมเปรียบเสมือนผู้คุมกฏในโลกของเกมนี้ เกมEPOเหล่าGMมีสิทธิในการจัดการเรื่องอีเว้นและกิจกรรมต่างๆและการสร้างตัวละครเท่านั้นหากเข้าโดยวิธีอื่นนั้น ในกรณีเด็กคนนี้ได้โหลดข้อมูลอวตารมาไว้ในหัวแล้ว หลักฐานก็คือ.."สตีเว่นพูดแค่นั้นแล้วชายหนุ่มข้างๆก็จับลากนิ้วเล็กๆของทารกจากบนลงล่าง หน้าต่างระบบของผู้เล่นเด้งขึ้นมา หมอเบิกตากว้าง
"แล้วถ้าเด็กคนนั้นโดนสัตว์อสูรฆ่าตายขึ้นมาละ?"นี่คือปัญหาใหญ่เพราะเด็กคนนี้ไม่มีร่างกายเป็นๆในโลกนี้แล้วนั้นเอง สตีเว่นยิ้มแล้วตอบ
"ก็ตายไปเลยนะสิ"สิ้นคำตอบหมอได้แต่นิ่งอึ้งก่อนจะได้สติชี้หน้าสตีเว่น
"คุณทำแบบนี้ปล่อยให้เด็กคนนั้นมีชีวิตอยู่ต่อหรือตายไปเลยยังดีซะกว่าให้เขาไปทรมาน"หมอรู้ว่าเกมRPGนั้นผู้เล่นทุกคนหากตายก็ต้องได้เกิดใหม่ที่เมืองทุกแต่กับเด็กคนนี้เขาไม่สามารถเกิดใหม่ได้อีกแล้ว
"วางใจได้ผมจะส่งเด็กคนนั้นไปหาคนที่จะคุ้มครองได้ดีและปลอดภัยแน่นอน ตอนนี้มาถึงข้อตกลงระหว่างเราดีกว่า"สตีเว่นกวักมือชายหนุ่มด้านข้างก็เอากระดาษ2แผ่นออกมาให้หมออ่าน ใบแรกคือใบแจ้งการตายของเด็กและใบที่สองคือประวัติของตัวหมอเองมีทั้งชื่อพ่อแม่ภรรยาและลูก หมอตัวสั่นทันทีที่อ่านกระดาษทั้ง2ใบ สายตามองที่สตีเว่นอย่างหวาดกลัว
"พวกคุณเป็นใครกันแน่"สตีเว่นไม่ตอบคำถาม
"คุณแค่อย่าลืมที่คุณสัญญาเท่านั้นแล้วครอบครัวคุณจะปลอดภัย อ้อและอีกใบหนึ่งคุณคงรู้นะว่าต้องทำยังไง"จากนั้นชายทั้ง2ก็ออกจากห้องไปทิ้งให้หมอยังคงอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อเขาตั้งสติได้ หมอได้ทำการแจ้งการตายของเด็กน้อยและได้ทำพิธีศพให้สามพ่อแม่ลูก…
ในเกมEmpire Online
"ซ่าๆๆ"ท่ามกลางฝนที่ตกกระหน่ำลงมา ร่างของเด็กน้อยตอนนี้อยู่ในมือของร่างในชุดคลุมดำสองคนกำลังอุ้มเด็กทารกไปยังจุดหมายในเมืองแห่งนี้ยามค่ำคืน
"ซ่าๆๆ"ท่ามกลางฝนที่ตกกระหน่ำลงมา ร่างของเด็กน้อยตอนนี้อยู่ในมือของร่างในชุดคลุมดำสองคนกำลังอุ้มเด็กทารกไปยังจุดหมายในเมืองแห่งนี้ยามค่ำคืน
"อุแว้ๆๆๆๆ"เสียงร้องของเด็กทำให้คนที่อุ้มอยู่รำคาญเสียงมาก
"ขอร้องล่ะ เงียบเสียงซะทีเถอะ"เสียงชายหนุ่มมองเด็กทารกเอ่ยปากขอร้อง แต่อีกฝ่ายคงไม่เข้าใจที่พูดหรอก
"เลิกบ่นซะทีเจ้าน่ะ ใกล้จะถึงแล้ว จากนั้นก็กลับไปที่ใครที่มัน"อีกร่างในชุดคลุมเอ่ยขึ้น เสียงที่ดังออกมาทำให้รู้ว่าเป็นผู้หญิง
"ขอร้องล่ะ เงียบเสียงซะทีเถอะ"เสียงชายหนุ่มมองเด็กทารกเอ่ยปากขอร้อง แต่อีกฝ่ายคงไม่เข้าใจที่พูดหรอก
"เลิกบ่นซะทีเจ้าน่ะ ใกล้จะถึงแล้ว จากนั้นก็กลับไปที่ใครที่มัน"อีกร่างในชุดคลุมเอ่ยขึ้น เสียงที่ดังออกมาทำให้รู้ว่าเป็นผู้หญิง
ทั้งสองคนพาเด็กทารกมาถึงบ้านหลังนึงที่หรูหราราวกับคฤหาสตะวันตก ประตูบ้านเปิดออกพร้อมกับร่างชายหนุ่มผู้หนึ่งที่มีแววตาสีแดงโหดเหี้ยม ชายในชุดคลุมยื่นตัวเด็กทารกให้กับชายคนนั้น ชายหนุ่มมองเด็กน้อยแล้วรับเด็กทารกอุ้มมาไว้ในมือตน
"ขอบใจพวกเจ้ามากที่ช่วย กลับไปได้แล้ว"ชายหนุ่มพูดแล้วทั้งสองร่างก็หายไปจากที่แห่งนั้นในพริบตา ยังไงทั้งสองก็โดนบังคับให้ทำงานให้อยู่แล้ว ชายหนุ่มมองไปที่เด็กทารก ซึ่งกำลังหลับอย่างมีความสุขในอ้อมกอดเค้า
"ในที่สุดข้าก็ได้เจ้ากลับมาซะทีดาร์ค ลูกชายของข้า"ชายคนนั้นพูดแล้วปิดประตูบ้านไป
___________________________________________________
"ในที่สุดข้าก็ได้เจ้ากลับมาซะทีดาร์ค ลูกชายของข้า"ชายคนนั้นพูดแล้วปิดประตูบ้านไป
___________________________________________________
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น