คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : Only Love [RujRin] 3/3
#3#
รถญี่ปุ่นสีดำกลางเก่ากลางใหม่ของชายหนุ่มร่างสูงแล่นเข้ามาจอดภายในคอนโดหรูใจกลางเมืองซึ่งเป็นมรดกตกทอดเพียงชิ้นเดียวที่เจ้าของรถได้รับจากคุณปู่หลังจากท่านสิ้นลม
เมื่อบิดาและมารดาจากไปเหลือตนเองเพียงลำพัง
เขาจึงตัดสินใจขายบ้านที่ต่างจังหวัดและย้ายมาอยู่ที่นี่ถาวร
ร่างสูงหยิบโทรศัพท์มือถือเพื่อกดโทรหาเพื่อนให้ช่วยมาเปิดประตูทางเข้าให้เขาเนื่องจากเขาเปิดไม่ถนัด
ก่อนที่ร่างสูงจะเดินลงจากรถและวิ่งอ้อมไปยังอีกฝั่ง
เขาเปิดประตูฝั่งข้างคนขับออกและพาร่างบางที่หมดสติออกมาจากรถอย่างทุลักทุเล
ทันทีที่พาออกมาได้
เขาก็จัดการล็อครถและช้อนตัวคนน่ารักของเขาขึ้นอุ้มพร้อมกับเดินตรงมายังประตูทางเข้า
ดวงตาเรียวมองสำรวจดวงหน้าหวานของร่างบางในอ้อมแขนก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผากของตนเองด้วยความปรารถนา
วันนี้เขาจะได้กอดคนที่หมายตาเอาไว้มานานเสียที
กลิ่นหอมจากร่างบางลอยเข้ามาแตะจมูก
มันทำให้ร่างสูงออกอาการสั่นเทาด้วยความต้องการที่เพิ่มพูนมากขึ้น
ดวงตาเรียวมองไปยังประตูก็เห็นว่ายังไม่มีใครปรากฏขึ้น
เขาตัดสินใจวางร่างบางให้ยืนบนพื้นโดยมีตนเองคอยประคองไม่ให้อีกฝ่ายเสียการทรงตัว
มือเรียวลูบไปตามดวงหน้าหวานก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากนุ่ม
แขนยาวโอบกระชับร่างบางให้แนบชิดยิ่งขึ้นหลังจากนั้นจึงโน้มใบหน้าตนเองเข้าไปใกล้
ปลายจมูกกดลงบนแก้มนุ่ม สูดกลิ่นหอมเข้าเต็มปอด
“ อีกไม่กี่นาทีก็ถึงห้องแล้ว ใจร้อนไปหน่อยหรือเปล่า ”
เสียงของใครบางคนทักขึ้นขัดจังหวะ
ชายหนุ่มปรายตามองบุคคลที่สามโดยที่ไม่ละจมูกไปจากความหอมละมุนของร่างบาง
เขาถอนใบหน้าออกก่อนจะยกยิ้มมุมปากให้ผู้มาใหม่พร้อมกับช้อนร่างของนักร้องหน้าหวานขึ้นอุ้มอีกครั้งและตามเพื่อนร่วมอุดมการณ์เข้าไปด้านใน
ไม่นานลิฟต์ก็เปิดออก เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าภายในลิฟต์มีบุคคลอื่นอยู่ด้วย
มันทำให้เขาลังเลที่ก้าวเข้าไปในกล่องสี่เหลี่ยมนั่น
“ เข้าไปเถอะน่า แค่เด็กประถมคนนึงเอง
เขาไม่สนใจพวกเราด้วยซ้ำไม่เห็นเหรอ เอาแต่กดมือถือ ”
คำพูดของเธอทำให้คนโดนพาดพิงเงยหน้าขึ้นมอง
ดวงตากลมฉายแววสงสัย นั่นทำให้ชายหนุ่มหายใจไม่ทั่วท้อง กลัวว่าเด็กสาวจะจำได้ว่าคนในอ้อมแขนของเขาเป็นใคร
เพราะรินดังไม่ใช่น้อยเลย
ดังนั้นเขาจึงกระชับอ้อมแขนให้ใบหน้าของรินซุกซบบนไหล่ของเขามากขึ้นเพื่อซ่อนใบหน้า
แล้วเขาก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเธอก้มหน้ากลับไปกดโทรศัพท์เช่นเดิม
“ เห็นไหม ส่วนใหญ่เด็กวัยขนาดนี้ไม่รู้จักนักร้องหรอก
อย่างมากก็รู้จักแต่ตัวการ์ตูน ไปๆ เข้าไปได้แล้ว มัวแต่ลังเล เสียเวลาจริงๆ ”
คนพูดก้าวเข้าไปด้านในก่อน
ทำให้ชายหนุ่มจำใจต้องเดินตามเข้ามาและเมื่อเห็นชั้นที่เด็กสาวกดเอาไว้
เขายิ่งกังวลเพราะมันคือชั้นเดียวกับห้องพักของเขาแต่ชายหนุ่มก็ต้องเก็บอาการ
เพราะยิ่งประหม่า มันยิ่งทำให้น่าสงสัยเพิ่มขึ้น
ไม่นานลิฟต์ก็มาจอดในชั้นที่พวกเขาต้องการ
เด็กสาวเดินไปทางด้านขวาและหยุดกดรหัสผ่านที่หน้าห้องพักห้องหนึ่งที่ถัดจากห้องของเขาก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน
นั่นทำให้ชายหนุ่มที่คอยมองอยู่ก่อนนั้นถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาจึงเดินนำเพื่อนไปยังห้องพักของตนเองและเอ่ยปากบอกให้อีกฝ่ายปลดล็อค
“ เราจะได้ขึ้นสวรรค์กันแล้วนะริน ดีใจไหมที่รัก ”
ชายหนุ่มเอ่ยกับคนในอ้อมแขนก่อนจะเดินเข้าไปด้านในทันทีที่ประตูเปิดออก
แล้วทันทีที่ประตูห้องปิดสนิท
ประตูห้องถัดไปจากห้องของเขาก็เปิดออกมาแทน ร่างเล็กของเด็กสาวเดินออกมาด้านนอก
ดวงตากลมมองไปยังห้องพักที่บุคคลทั้งสามหายเข้าไป ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย
ยิ่งประโยคที่เล็ดลอดออกมาในระหว่างที่แง้มประตูแอบฟังก็ยิ่งทำให้ความสงสัยนั้นปะปนไปด้วยความกังวลใจลึกๆ
มันไม่สบายใจจนเธอไม่อาจนิ่งนอนใจได้ ดังนั้นเมื่อกลับเข้ามาด้านในห้อง
เธอจึงหยิบโทรศัพท์ออกมากดเข้าแอพลิเคชั่นนกสีฟ้าที่คุ้นเคยและเริ่มพิมพ์ข้อความลงไป
kyokojangjung @kyoko_nokjibjib
. 3s
เจอพี่รินที่คอนโด
+_+_+_+_+ O = N = L = Y = L = O = V = E +_+_+_+_+
[ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้.... ]
“ ทำไมโทรไม่ติดนะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า ”
รุจบ่นพึมพำ
ตอนนี้เขารับน้องโรมขึ้นรถมาแล้ว
ปัญหาต่อมาคือติดต่อผู้เป็นแม่ของเด็กน้อยข้างกายไม่ได้เลย มันทำให้เขายิ่งกังวลใจ
กลัวหญิงสาวจะมีอันตรายมากกว่าที่แจ้งเขาเอาไว้ซ้ำยังไม่รู้ด้วยว่าควรไปตามหาอีกฝ่ายที่ไหนดี
มันทำให้เขาตัดสินใจขับรถกลับคอนโดโดยที่ปลายนิ้วเตรียมจะกดโทรออกอีกครั้งแต่กลับถูกขัดด้วยเบอร์โทรศัพท์ของกันเสียก่อน
เขาจึงกดรับสาย ใจก็นึกเป็นห่วงรินขึ้นมาอีกคน เพราะปกติกันไม่เคยโทรหาเขายกเว้นเรื่องริน
“ ว่าไงกัน ”
[ พี่รุจอยู่ไหน อยู่กับใคร ทำอะไรอยู่
อยู่คอนโดหรือเปล่า ตอนนี้อยู่คนเดียวไหมหรืออยู่กับใคร ]
“ โห นี่เราเป็นแฟนกันหรือเปล่า ถามขนาดนี้ ”
[ ตอบมาสิพี่! ]
“ เออๆ ตอบแล้ว ไปกินรังแตนมาจากไหนเนี่ย ”
[ พี่รุจ! ]
“ โอเค พี่อยู่กับน้องโรม กำลังขับรถกลับคอนโด ”
[ แปลว่าอยู่กับน้องโรม งั้นยังไม่ต้องกลับคอนโด
ขับรถมาบ้านกันก่อน ]
“ ห๊ะ? ไปทำไม? ”
[ มาเถอะน่า มีอะไรจะให้ดู แค่นี้นะ....ครับ ]
ก็ยังดีที่มันอุตส่าห์มีหางเสียงในคำสุดท้าย -_-
ในเมื่อตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้
รุจจึงตัดสินใจเปลี่ยนจุดหมายปลายทางไปเป็นที่บ้านของคนรักแทน
ทันทีที่รถแล่นมาจอดภายในบริเวณบ้านและเดินมาจนถึงห้องนั่งเล่น
เขาก็พบฝาแฝดนั่งมุงโน้ตบุ๊คโดยมีโตโน่และริทคอยนั่งกำกับข้างๆ
แต่สิ่งที่ทำให้รุจเหลียวซ้ายแลขวาไม่หยุด นั่นก็คือ...ริน หนึ่งเดียวที่ไม่อยู่ ณ
สถานที่แห่งนี้ในเวลานี้
“ กัน รินไปไหน ” รุจถามเมื่อเห็นกันเงยหน้ามามองตนเอง
“ อ้าว รินไม่ได้อยู่กับพี่เหรอ กันนึกว่ารินอยู่กับพี่ซะอีก ”
กันถามกลับด้วยใบหน้างุนงง
“ ก็บอกแล้วว่าอยู่กับน้องโรม -_- ” รุจชี้นิ้วไปยังเด็กน้อยที่เกาะขาเขาแน่นเพราะไม่คุ้นหน้ากับคนอื่น
“ นึกว่ารินอยู่ในสถานะละไว้ในฐานที่เข้าใจ -_- ”
“ ตกลงรินไม่ได้อยู่กับกัน แล้วรินไปไหน
ก็ไหนว่าจะโทรให้กันไปรับที่บริษัท ” รุจถามรัว ยิ่งเห็นกันงง เขาก็ยิ่งไม่สบายใจ
เพราะช่วงนี้รินมีคนโรคจิตคอยตาม แม้มันจะหายไปนานแล้วแต่ก็ยังอดห่วงไม่ได้
“ รินโทรมาแต่กันไม่ได้รับสาย
พอโทรกลับก็ไม่มีคนรับเลยคิดว่ารินทำงานอยู่ ”
“ งานเลิกนานแล้วกัน เป็นชั่วโมงแล้ว! ”
คำพูดของรุจทำให้ทุกคนวิตกกังวลมากขึ้น
พวกเขารีบกดโทรศัพท์ต่อสายหารินแต่ก็ยังไม่มีใครรับสาย
นั่นยิ่งทำให้ใจคนรอร้อนรุ่มราวกับไฟแผดเผา รุจเปลี่ยนเป็นติดต่อไปยังบริษัทต้นสังกัดของเขาก่อนจะได้รับคำตอบว่ารินกลับบ้านไปพร้อมกับฮั่น! แน่นอนว่าคำตอบนี้ทำให้รุจร้อนรนมากกว่าเดิม
เขาวางสายและโทรหาฮั่นแต่ไม่ติด มันยิ่งทำให้รุจหงุดหงิด
เขาดึงมือน้อยของน้องโรมออกจากขาตัวเองเพื่อจะวิ่งไปยังรถแต่กลับถูกปรกรั้งไว้เสียก่อน
“ พี่จะไปไหน ”
“ จะไปบ้านไอ้ฮั่น มันต้องพารินไปที่นั่นแน่! ”
“ ใจเย็นๆก่อนสิ บางทีรินอาจไปธุระที่อื่นแล้วแบตฯหมด ”
“ ขึ้นชื่อว่าหมอนั่นมันก็ไว้ใจไม่ได้แล้วปรก!! มันเป็นเสือไบ!! มันจ้องจะกินรินตลอดเวลานั่นแหละ!!
” รุจเผลอตวาดด้วยความหงุดหงิด ทำให้น้องโรมตกใจจนร้องไห้จ้า
ปัณณ์จึงรีบวิ่งมากอดปลอบ
“ แล้วพี่จะหงุดหงิดใส่ปรกทำไม!! พวกเราเป็นพี่ก็ห่วงรินไม่ต่างกันนั่นแหละแต่ถ้าพี่ไม่ตั้งสติให้ดี
มันอาจทำให้พลาดจุดสำคัญบางอย่างได้เช่นกัน!! ” กันเริ่มของขึ้นบ้าง
ถามว่าห่วงน้องไหมก็ห่วงแต่เขาไม่ชอบที่ขาดสติจนพาลพาโลใส่คนอื่นมั่วซั่วไปหมด
“ ขอโทษ ” แววตาของกันทำให้รุจตั้งสติได้แต่ก็ยังร้อนใจไม่เลิกอยู่ดี
“ เราไปบ้านพี่ฮั่นด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ
ต่อให้เขาไม่เกี่ยวข้องแต่เขาก็อาจเป็นคนสุดท้ายที่ได้อยู่กับริน
เราควรจะไปถามหารินจากเขา มันอาจได้เรื่องได้ราวอะไรบ้าง ” ปัณณ์ออกความเห็น
“ งั้นไปรถตู้แล้วกัน พี่ขับเอง ” โตโน่อาสา
เขาไปหยิบกุญแจรถจากลิ้นชักด้วยความเคยชินก่อนจะเดินนำทุกคนออกจากบ้านไป
“ เดี๋ยวครับ!! ” เสียงทักของใครบางคนทำให้ทุกคนชะงัก
“ หมอนี่... ” รุจมองชายร่างท้วมด้วยความแปลกใจ เขาแน่ใจว่าไม่เคยเห็นคนๆนี้มาก่อน
“ ผมขอไปด้วยคนนะครับ ผมมีลางสังหรณ์แปลกๆ
ถ้าไปก็อาจช่วยพวกคุณได้บ้าง ”
รุจยิ่งแปลกใจเมื่อร่างนั้นเอ่ยขอตามไปด้วยแต่ยังไม่ทันจะเอ่ยถาม
เสียงเล็กๆจากอ้อมกอดของปัณณ์ก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ ป๊ะป๋า~~~ ”
น้องโรมดันตัวออกจากอ้อมแขนของปัณณ์ก่อนจะวิ่งผ่านหน้ารุจไปยังผู้ชายแปลกหน้าซึ่งย่อตัวมาอยู่ในระดับเดียวกับร่างเล็กและโอบกอดเด็กน้อยไว้ทันทีที่เด็กวิ่งมาถึงตัว
เขาสะอื้นไห้และเอาแต่ถามสารทุกข์สุกดิบจากเด็กน้อย
แววตานั้นเต็มไปด้วยความรักและคิดถึงจนคนมองสัมผัสได้
“ ป๊ะป๋าเหรอ??? ” รุจมองภาพตรงหน้าด้วยความงุนงงหนักขึ้น
“ คุณโดมอยู่ที่นี่เถอะครับ จะได้คอยดูแลน้องโรม
พวกเราไปไม่นานแล้วจะรีบกลับ ”
ปรกเอ่ยบอกก่อนจะรีบชวนทุกคนออกจากบ้านโดยไม่ฟังคำตอบ
“ นี่มันอะไรกัน ” รุจถามในขณะที่วิ่งตามพวกกันออกมาจากบ้าน
เขาสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่น้อย
ถ้าหากผู้ชายคนนั้นเป็นพ่อของโรมก็แสดงว่าเป็นสามีของแก้ม
ในเมื่อเป็นสามีของแก้มก็แสดงว่าต้องมาตามล่าตัวแก้มกับลูกเพื่อทำร้าย
แต่ทำไมจากภาพเมื่อครู่มันไม่เหมือนกับสิ่งที่แก้มเล่า
ผู้ชายคนนั้นดูก็รู้ว่ารักและคิดถึงลูกมาก น้องโรมเองก็เป็นฝ่ายวิ่งเข้าไปกอดเสียแน่นทั้งที่ปกติเมื่อเคยโดนใครทำร้าย
เด็กมักจะตีตัวออกห่างจากคนๆนั้นไม่วิ่งเข้าหาแบบนี้
“ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังบนรถแบบหมดเปลือกเลย!! ” ปรกตอบกลับ
+_+_+_+_+
O = N = L = Y = L = O = V = E +_+_+_+_+
รถตู้คันสวยเคลื่อนเข้ามาจอดยังลานจอดรถหน้าคอนโดหรูสูงระฟ้า
ทันทีที่รถจอดสนิท พวกเขาก็ลงจากรถและตรงเข้าไปในอาคารอย่างรวดเร็ว
ดวงตากลมโตของปรกกวาดมองไปรอบบริเวณล็อบบี้ก่อนจะสะดุดเข้ากับคนคุ้นเคยที่กำลังพูดคุยกับเด็กสาวคนหนึ่งในชุดเอี๊ยมสีฟ้า
เมื่อพวกเขาวิ่งไปถึง ร่างสูงของนายแบบหนุ่มก็รีบแนะนำคนข้างกายให้ทุกคนรู้จัก
“
กันเห็นโพสต์ของน้องเคี้ยวโก๊ะจังเขาในทวิตเตอร์ว่าเจอรินก็เลยทักไป
คุยไปคุยมาเลยรู้ว่าอยู่คอนโดเดียวกับพี่สน ”
กันเล่าโดยไม่สนว่าเด็กตรงหน้าจะมีท่าทางตกตะลึงกับชื่อตัวเองที่อีกฝ่ายเรียกขาน
“ น้องแน่ใจนะว่าดูไม่ผิดคน ” รุจถามด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“ เอ่อ ค่ะ พี่รินเป็นเมนหนู หนูมองหน้าทุกวัน ไม่มีทางจำผิดแน่ ”
เธอตัดสินใจไม่แก้ไขชื่อตัวเอง เพราะดูแล้วคงไม่มีใครต้องการจะฟัง
“ งั้นรีบไปช่วยรินกันเถอะ ” ปรกพูดพลางวิ่งนำหน้าทุกคนไปยังลิฟต์
“ ใจเย็นๆนะพี่รุจ เราต้องช่วยรินทันแน่ๆ ”
ปัณณ์เอื้อมไปบีบมือหนาของรุจเพื่อให้กำลังใจจนริทชักไม่ปลื้มรุจตงิดๆแต่จะปัดมือออกก็คงโดนปัณณ์หมายหัว
-_-
“ อืม ” รุจรับคำสั้นๆ หัวใจของเขาทั้งรุ่มร้อนและสับสน
รวมทั้ง...ผิดหวัง
ผิดหวังที่คนใจร้ายเป็นคนที่เขาไว้ใจไม่ต่างจากน้องแท้ๆ
เมื่อหลายนาทีก่อน
ปรกเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟัง มันทำให้หัวใจของเขาชาวาบ
ไม่เคยคิดเลยว่าทุกอย่างมันจะกลับตาลปัดไปหมด
คนที่เขาคิดว่าจะทำร้ายรินกลับเพิ่งมีข่าวว่าโดนทำร้ายบาดเจ็บและรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
ส่วนคนที่เป็นห่วงกลับไม่น่าห่วงอย่างที่คิด ไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เขาได้ฟังจากน้องรหัสมันจะกลายเป็นเรื่องโกหกแทบทั้งหมด
วันนั้นปรกมาหารินที่คอนโดของเขาหลังจากตกลงรับปากเรื่องที่จะเป็นโจรให้ปัณณ์เรียบร้อยแล้วและได้พบกับโดมโดยบังเอิญ
เนื่องจากพนักงานนึกว่าเขาเป็นรินจึงรั้งไว้และแจ้งให้เขาทราบว่าผู้ชายคนนั้นมีธุระกับรุจ
เขานั่งคุยกับโดมจนรู้ความจริงทุกอย่าง
แก้มไม่ได้โดนสามีทำร้ายแต่เธอหอบลูกหนีมาหารุจเพื่อใกล้ชิดริน!! เธอเมาและได้เสียกับโดมแต่รับสภาพสามีตัวเองไม่ได้จึงพยายามหนี
แล้วโดมก็หาเธอเจอทุกครั้งจนกระทั่งตั้งครรภ์ เธอหยุดหนีเพราะเดินทางลำบาก
พอลูกชายเริ่มโตและเห็นข่าวรินซึ่งข้างกายมีรุจคอยยืนอยู่ด้วยโดยบังเอิญจึงหอบลูกมาหารุจเพื่อหวังจะเปลี่ยนชีวิตของตัวเอง
คราวแรกปรกไม่เชื่อเพราะมันไม่มีหลักฐานแต่จะให้ตอบปัดก็สงสารจึงแนะนำโรงแรมให้ชายหนุ่มพักไปก่อน
จากนั้นเขาจึงใช้วิชาย่องเบาของตัวเองบุกห้องของรุจตอนไม่มีใครอยู่และได้พบสิ่งของเกี่ยวกับรินมากมายภายใต้เตียงในห้องนอนของแก้ม
แน่นอนว่าแต่ละอย่างที่ได้พบ มันทำให้เขาสัมผัสได้ว่า...จิตใจเธอไม่ปกติ
ปรกเริ่มสืบเรื่องของแก้มและจ้างคนคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของเธอในระยะหนึ่งจนรู้ว่าเธอติดต่อกับใครบ้าง
เมื่อรวบรวมข้อมูลได้ก็ตั้งใจจะเล่าให้รุจฟังแต่กลับเกิดเรื่องซะก่อน
“ ถ้ามันเป็นหมอนั่น พี่คงรู้สึกดีกว่านี้ ” รุจพึมพำด้วยความปวดใจ
นอกจากจะรู้ความจริงแล้ว
เขายังได้ทราบจากผู้จัดการของฮั่นด้วยว่าชายหนุ่มไม่ได้คิดร้ายกับริน
เขาเห็นรินหลับจึงขับไปที่บ้านเพราะไม่รู้ว่าบ้านรินอยู่ที่ไหนและไม่ทราบว่าโดนสะกดรอยตาม
ร่างสูงแค่สงสัยแต่ไม่ได้เอะใจว่าคันหลังกำลังตามเขาอยู่ เมื่อมาถึงบ้าน
รินก็ตื่นพอดี ระหว่างทางที่จะพากลับไปส่ง เขาก็โดนตีจากด้านหลังจนสลบ
ติ๊ง!
เสียงสัญญาณดังขึ้นเพื่อบอกว่าถึงชั้นที่พวกเขาต้องการแล้ว
มันดึงรุจไม่หลุดออกจากภวังค์
เขาแทรกตัวผ่านทุกคนและวิ่งนำไปยังห้องที่แฟนคลับสาวบอกทันที เมื่อไปถึง
รุจกำลังจะทุบประตูเรียกแต่ปัณณ์กลับห้ามเอาไว้
“ จะเคาะทำไมในเมื่อเรามีโจร ” ปัณณ์ยิ้มหวานแต่ปรกกลับเบิกตากว้าง
“ ต้องทำอีกแล้วเหรอ!!? ”
“ ปกติก็ทำบ่อยจะตาย อย่าแอ๊บเลย ” ปรกหันขวับไปมองคนพูดทันควัน!
“ ไอ้พี่สน!! ” จะไม่อะไรเลยถ้าคนที่พูดไม่ใช่คนที่รัก
“ เร็วๆสิปรก ” กันเร่ง
ริมฝีปากบางจะบ่นต่อแต่โตโน่กลับจูบปิดปากบางซะงั้น
ทำให้กันมองค้อนคนรักและยอมอยู่นิ่งๆ
“ ประเจิดประเจ้อไม่อายเด็กประถมเลย ” ปรกหยุดตีกับสนและกลับมาสนใจปลดล็อคประตูอย่างจริงจัง
“ เคี้ยวโก๊ะจัง หมดหน้าที่หนูแล้ว พี่ขอบคุณมากนะ
กลับเข้าห้องไปเถอะ เผื่อมีอะไรไม่ดี หนูจะได้ปลอดภัย ” กันบอกเด็กสาวข้างกาย
“ เอ่อ พี่คะ หนู... ”
เด็กสาวพยายามจะค้านแต่กลับถูกใครอีกคนคว้าตัวไว้ซะก่อน ชายหนุ่มหน้าตี๋นั่งคุกเข่ากับพื้น
ยิ้มหวานและเอ่ยกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ ไม่ต้องห่วงนะ พวกพี่ต้องช่วยคนที่หนูรักได้แน่ๆ
กลับเข้าห้องนะครับเด็กดี ป่านนี้คุณแม่คงรอสอนการบ้านแล้ว
เผลอๆอาจพาไปซื้อตุ๊กตาบาร์บี้ด้วยนะ ช้าแล้วจะอดนะ ” โตโน่ยิ้มตาหยีก่อนจะดึงปลายจมูกเด็กสาวเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว
แน่นอนว่าการกระทำของเขาทำให้อีกฝ่ายเบลอดั่งต้องมนตรา
“ เอ่อ หนู คือ.. ” ยังไม่ทันพูดจบ เธอก็ต้องตกใจเมื่อโดนอุ้มขึ้น
ดวงตาโตเบิกกว้าง ใจสั่น วางตัวไม่ถูก
“ พี่อุ้มไปส่งนะคะ ห้องไหนนะ??? ห้องนี้หรือเปล่า ” โตโน่ชี้มั่วแต่เด็กสาวก็พยักหน้าว่าใช่ห้องของเธอ
“ ค่ะ ”
“ พี่ทายเก่งเนาะ ”
ร่างสูงยิ้มละมุนพลางลูบหัวกลมๆอีกครั้งและพาเธอไปส่งหน้าห้อง
รอจนอีกฝ่ายปิดห้องเรียบร้อยจึงเดินกลับมาหาพวกกัน
“ ได้แล้ว ” ปรกร้องด้วยความดีใจ
ทันทีที่ปลดล็อคประตูได้
พวกเขาก็รีบพุ่งตัวเข้าไปด้านในด้วยใบหน้าหวาดหวั่นกลัวว่ามันจะสายเกินไป
หากแต่เมื่อเข้าไปถึงห้องนอน สิ่งที่ทุกคนได้เห็นกลับไม่เป็นดังที่ใจคิด
พื้นห้องเต็มไปด้วยขวดเหล้าและเบียร์วางระเกะระกะ
ที่มุมห้องด้านหนึ่งมีร่างของแก้มนอนหมดสติอยู่ ใกล้กันนั้นเป็นร่างชักดิ้นชักงอของตั้มก่อนจะทรุดฮวบหมดสติไปในเวลาไม่นานและถ้ามองไม่ผิดในมือของตั้มคือเครื่องช็อตไฟฟ้าที่รุจให้รินพกติดตัวไว้
ส่วนร่างบางของรินยืนอยู่บริเวณปลายเตียงกำลังมองตั้มด้วยสายตาตกตะลึง
“ ระ ริน... ” เสียงเรียกของรุจทำให้รินหันมามองทั้งน้ำตา
“ พี่รุจ! ” ร่างบางรีบวิ่งเข้ามาโผกอดร่างสูงพร้อมกับสะอื้นไห้ตัวสั่นระริกอย่างขวัญเสีย
“ พี่มาช่วยแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ รินปลอดภัยแล้ว ”
รุจลูบแผ่นหลังบางพลางกระซิบถ้อยคำปลอบประโลมข้างหูแม้จะงุนงงมากก็ตาม
“ นี่มันอะไรกันริน ทำไมถึงได้...? ” ปัณณ์ถามขึ้น
“ อย่าเพิ่งถามอะไรเลย
เรารีบมัดสองคนนี้ไว้แล้วออกไปจากที่นี่กันเถอะ
ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ”
สนเสนอพร้อมกับวิ่งไปหยิบเชือกเส้นใหญ่บนพื้นด้านหนึ่งที่เขาพอจะเดาได้ว่าเจ้าของห้องคงเตรียมเอาไว้ใช้กับริน
“ สน ยังไงแก้มก็เป็นน้อง.... ” รุจจะทัดทานแต่กลับต้องชะงักเมื่อเจอสายตาทิ่มแทงของกันมองมา
“ เป็นน้องรหัสแล้วยังไง มีสิทธิพิเศษจะทำอะไรเหนือใครก็ได้เหรอ
คราวนี้เราโชคดีที่รินไม่เป็นอะไรแม้จะงงๆก็ตามว่ารอดได้ยังไง
แต่หากมันมีครั้งหน้าล่ะ หากเขาทำอีก รินอาจไม่รอดแบบนี้ก็ได้
แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นกับริน พี่จะรับผิดชอบยังไง จะแก้ปัญหายังไง
ให้รินแต่งงานกับเขางั้นเหรอ “
“ กัน หยุดเถอะ ” โตโน่พยายามห้ามคนรักแต่กันกลับไม่ฟัง
“ พี่คิดว่าเขาหลงรินขนาดนั้นแล้วจะยอมปล่อยรินไปง่ายๆเหรอ
ขนาดมีลูกโตป่านนี้แล้วเขายังไม่คิดพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีเลย!! อยากได้รินจนต้องใช้มารยาสารพัดหลอกล่อทุกคน พี่คิดว่าเขาจะหยุดหรือไง หรือพี่จะรอให้เขาทำร้ายรินปางตายแล้วค่อยจัดการ!! ”
“ กัน พอแล้ว เข้าใจพี่รุจเขาหน่อยสิ ยังไงก็น้อง มันตัดกันยากนะ ”
ปัณณ์ปรามพี่ชายฝาแฝด
“ พี่รุจ ปรกว่าเราปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกฎหมายเถอะ
ถ้าพี่แก้มไม่ผิด เขาก็จะโดนปล่อยตัวออกมาเอง
อีกอย่างถือโอกาสนี้เช็คสภาพจิตใจของเขาหน่อยก็ดีนะ เผื่อเขาป่วย
เราจะได้รักษาเขาให้หายยังไงล่ะ ” ปรกพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ
รุจชั่งใจอยู่นานก่อนที่จะพยักหน้ายอมจำนนในที่สุด
“ ก็ได้ ”
ร่างสูงพูดสั้นๆก่อนจะช้อนตัวรินที่ร้องไห้จนหมดสติขึ้นอุ้มพาเดินออกไปจากห้องนี้
นอกจากห่วงริน เขาก็ยังทำใจมองน้องรหัสโดนมัดเตรียมส่งตำรวจไม่ได้
มันโหดร้ายเกินไป
“ ทำไมสิ้นคิดแบบนี้ ทำไมไม่นึกถึงลูก ทำไมต้องเป็นแบบนี้แก้ม ”
+_+_+_+_+
O = N = L = Y = L = O = V = E +_+_+_+_+
“ อือ... ”
เสียงหวานครางเบาๆในลำคอ
ก่อนที่ดวงตากลมโตจะปรือขึ้นช้าๆ ภาพแรกที่ปรากฎสู่สายตาคือเพดานสีขาวของห้องพักฟื้นในโรงพยาบาล
ดวงตากลมกวาดมองไปรอบห้องและพบศีรษะของผู้จัดการส่วนตัวที่พ่วงตำแหน่งคนรักนอนฟุบอยู่ข้างกาย
ส่วนฝาแฝดนอนหลับซบไหล่เรียงกันอยู่ที่โซฟาด้านหลังรุจ ส่วนโตโน่ สน ริท นอนเกยกันบนพื้นห้องอย่างไม่คิดรักษาภาพพจน์กันเลย
-_-
“ พี่รุจ ” เสียงแหบพร่าเรียกคนข้างกายพลางเอื้อมมือไปเขย่าแขนแกร่ง
“ หือ.... ริน! ”
รุจเรียกชื่อคนรักเสียงดังหลังจากหายงัวเงียและเสียงของเขาก็ปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้น
ดังนั้นทุกคนจึงมายืนล้อมรอบเตียงของริน
“ น้ำ... ”
กันรีบหยิบแก้วและป้อนน้ำให้น้องชายก่อนที่ปัณณ์จะประคองให้รินลุกขึ้นนั่งช้าๆ
“ ปรกไปตามหมอก่อนนะ ”
ปรกบอกก่อนจะเดินออกจากห้องไปและกลับเข้ามาหลังจากนั้นไม่นาน
“ ริน มันเกิดอะไรขึ้น เล่าให้พี่ฟังได้ไหม ”
รุจถามเมื่อเห็นว่ารินมีสีหน้าดีขึ้น
“ อืม ” รินพยักหน้าก่อนจะค่อยๆเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทุกคนฟัง
หลังจากที่เขาขึ้นรถมากับฮั่นและเผลอหลับไป
รินก็มาสะดุ้งตื่นอีกทีเมื่อถึงหน้าบ้านฮั่นแล้ว
ชายหนุ่มบอกว่าไม่ทราบทางไปบ้านเขาจึงพามาบ้านตัวเองก่อน
พอฮั่นจะพาเขากลับบ้านก็โดนอะไรสักอย่างตัดหน้าระหว่างทาง
ทำให้พวกเขาต้องลงจากรถไปดูแต่ไม่พบอะไร
แล้วจู่ๆตั้มก็เข้ามาตีฮั่นจากด้านหลังจนสลบและพุ่งมาปิดปากเขาจนหมดสติไป
รู้ตัวอีกทีก็มานอนอยู่ในห้องของตั้มกับแก้มแล้ว
“
ตั้มคือโรคจิตที่คอยตามป่วนรินและส่งของแปลกๆมาให้โดยมีพี่แก้มคอยให้ความร่วมมือ ”
“ ทำไมแก้มไปรู้จักกับตั้มได้ ” โตโน่ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
“ พี่แก้มบอกว่าเขาจับได้ว่าตั้มเป็นคนที่คอยส่งของแปลกๆมาให้ริน
ส่วนตั้มก็เคยเห็นพี่แก้มตามเก็บข้าวของของรินที่ใช้แล้วใส่กระเป๋าตัวเอง
เขาเลยร่วมมือกัน ” ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย เขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้
ช่วงที่พยายามเอาตัวรอด เขาจำเป็นต้องใช้สติเป็นอย่างมาก
นับว่าโชคดีที่รอดมาได้
“ ทำไมเป็นแบบนี้นะ ” รุจพึมพำเบาๆ น้ำตาเริ่มเอ่อคลอ
ไม่คิดว่าคนที่ไว้ใจจะเป็นได้ขนาดนี้
“ แล้วรินจัดการสองคนนั้นได้ยังไง ” กันถาม
“ ใช้วิธีพี่ฮั่น พี่ฮั่นเคยสอนไว้ ”
“ ห๊ะ? วิธีอะไร! ” ทุกคนถามเป็นเสียงเดียวกัน
“ ก็บอกให้เขาสองคนไปอาบน้ำแล้วก็ให้ซื้อเหล้ามา
บอกว่าชอบมีอะไรกับคนที่มีกลิ่นเหล้าติดตัว มันเซ็กซี่และก็...เร้าใจ
สองคนนั้นเลยทำตาม ” รินตอบด้วยใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ
“ แล้ว...... ” ริทลากเสียงยาว
“ พี่แก้มคอไม่แข็งเท่าไรก็เลยน็อกคนแรก ส่วนตั้มก็เมามาก
รินเลยหลอกว่าหนวดขึ้น ไซร้แล้วเจ็บ ให้ไปโกนหนวด ”
“ แล้วรินก็ส่งเครื่องช็อตไฟฟ้าให้แทนที่โกนหนวด? ” ปรกต่อให้
รินพยักหน้ารับเบาๆ
“ จะบอกว่าฉลาดหรือพวกนั้นโง่ดีเนี่ย
เป็นครั้งแรกที่พี่อยากชมว่าฮั่นมันทำดี ” สนเอ่ยขึ้น
“ ดีแล้วที่ปลอดภัยนะ พ่อกับแม่เป็นห่วงมากเลย
เพิ่งยอมกลับไปพักผ่อนที่บ้านเมื่อตอนฟ้าสาง ” ปัณณ์ลูบเรือนผมนุ่มของน้องเบาๆ
“ แล้วสองคนนั้นเป็นยังไงบ้าง ” รินเอ่ยถามรุจ
ร่างสูงเช็ดน้ำตาก่อนจะยิ้มให้คนรัก
“ กำลังอยู่ในขั้นตอนสอบสวน พี่ขอโทษนะริน
พี่ทำให้รินต้องมาเจอเรื่องแย่ๆ ”
“ ไม่เป็นไรเลยพี่รุจ ดีซะอีก มันจะได้ทำให้รินรู้จักระวังตัวมากขึ้น
”
“ ต่อไปนี้พี่จะดูแลเราให้ดี ไม่ให้อะไรมาแตะต้องเราได้อีกแล้ว ”
รุจยิ้มให้รินโดยมีร่างบางส่งยิ้มกลับ เขาจึงดึงร่างของคนรักเข้ามากอดไว้แนบอก
...จะไม่ยอมให้ใครหรืออะไรทำร้ายรินได้อีกแล้ว...
+_+_+_+_+ O = N = L = Y = L = O = V = E +_+_+_+_+
หลายเดือนต่อมา
เสียงร้องเพลงบูมและเสียงจอแจดังขึ้นรอบมหาวิทยาลัย
บรรดาผู้คนมากมายต่างแห่แหนมารวมตัวกันเพื่อแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ตามคณะต่างๆแต่มีคณะหนึ่งที่วุ่นวายมากเป็นพิเศษ
นั่นคือ นิเทศศาสตร์ เพราะนอกจากขวัญใจวัยรุ่นจะจบการศึกษาแล้ว
ฝาแฝดก็มารวมตัวถ่ายรูปที่นี่เช่นกัน
แฟนคลับของแต่ละคนจึงมาอออยู่ที่นี่ปะปนไปกับแฟนคลับจำนวนมากของริน
หลังจากรินออกจากโรงพยาบาล
เขาก็ได้ทราบว่าน้องโรมย้ายไปอยู่กับโดมที่คอนโดแห่งหนึ่งเพื่อรอเวลารับแก้มกลับไปอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวเพราะหญิงสาวต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจนกว่าจะหายเป็นปกติ
ตั้มเองก็เช่นกัน ทั้งคู่มีอาการคลุ้มคลั่งทุกครั้งที่ได้พบพวกริน
ทำให้พวกเขาไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมเท่าไรนัก รินได้แต่คอยทำบุญและขอพรให้ทั้งสองคนหายป่วยในเร็ววันเท่านั้น
ส่วนงานของเขากับฮั่นก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
แต่มันเป็นเพียงโปรเจคพิเศษ
ดังนั้นเมื่อดำเนินมาได้ในระยะเวลาหนึ่งก็มีอันต้องปิดตัวลง
แม้จะไม่ได้ร่วมงานกันบ่อยแล้วแต่พวกเขาก็ยังทักทายกันตามปกติ
ฮั่นกับรุจก็ปรับความเข้าใจกันด้วยดี
ทุกอย่างจึงราบรื่นและทำให้รินลืมเรื่องเลวร้ายได้เร็วขึ้น
มันทำให้เขาสามารถทุ่มเทให้กับงานและเรียนได้อย่างเต็มที่จนสามารถเรียนจบพร้อมฝาแฝดสักที
“ ยินดีด้วยนะริน ”
รุจยื่นช่อดอกไม้ให้ริน
ร่างบางรับมาด้วยรอยยิ้มกว้าง วันนี้เป็นอีกวันที่เขามีความสุขที่สุด
ตอนนี้เขาเดินแยกออกมาจากความวุ่นวายโดยการแอบเข้ามาภายในห้องเรียนห้องหนึ่ง
เพราะรุจต้องการคุยเรื่องสำคัญเป็นการส่วนตัว
“ ขอบคุณครับพี่รุจ ”
“ จบสักทีนะเรา ทุกคนลุ้นหืดขึ้นคอกันหมดเลย
กลัวไอดอลคนดังเรียนไม่จบ 4 ปี ”
“ ไม่จบได้ไงล่ะ มีคนเคี่ยวเข็ญเยอะแยะขนาดนี้ ”
“ แล้วจะเรียนต่อโทเลยไหม ”
“ ยังหรอกครับ รินยังสนุกกับงานอยู่ ยังไม่อยากทิ้งแฟนคลับไปตอนนี้
ไว้เขาเลิกรักริน รินค่อยตีปีกบินไปซบเทพีเสรีภาพที่อเมริกาสัก 2 ปี ” รินยิ้มทะเล้น ทำให้รุจบีบจมูกเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ ไม่มีทางหรอก ลองใครได้หลงรักเราแล้ว
ไม่มีทางเลิกรักได้ง่ายๆแน่นอน ต่อให้รินเป็นคนขี้เหวี่ยง แสนงอน เอาแต่ใจ
ดื้อด้าน ยังไงพี่และแฟนคลับก็รักเราเสมอ ”
“ รินจะลอยแล้วเนี่ย ฮ่าๆ ” รินหัวเราะแก้เขิน
ดวงหน้าหวานแดงระเรื่อจนรุจแทบยั้งใจไม่ไหว อยากหอมแก้มอิ่มนั่นให้รู้แล้วรู้รอด
“ ริน ” จู่ๆน้ำเสียงของรุจก็เปลี่ยนไป
ทำให้รินเงยหน้ามองด้วยความสงสัย
“ ว่าไงครับ อ๊ะ...พี่รุจ! ” รินตกใจเมื่อรุจลงไปคุกเข่าอยู่บนพื้นก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นตกตะลึงเมื่อรุจยื่นแหวนทองคำขาววงหนึ่งมาตรงหน้า
“ พี่ไม่ได้รวยล้นฟ้า ไม่ได้ดีเลิศเลอเหมือนคนอื่น
แต่จะเป็นคนที่ดีพอสำหรับรินในสักวันหนึ่งให้ได้
รินไว้ใจให้พี่ดูแลเราไปตลอดชีวิตหรือเปล่า ”
“ พี่รุจ... ”
“ พี่รู้ว่ารินอยากเรียนสูงๆ พี่จะรอให้รินเรียนจบแล้วค่อยขอแต่งงาน
แต่ตอนนี้พี่ขอจองรินไว้ก่อนได้หรือเปล่า แล้วพอถึงวันนั้น พี่จะสวมแหวนที่ดีกว่านี้ให้ริน
”
รุจลุกขึ้นยืนตามเดิมก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือบางเอาไว้
ดวงตาคมสื่อความนัยจนคนตาหวานต้องเสหลบด้วยความอาย
ร่างบางเงียบไปครู่ใหญ่จนคนขอเริ่มใจเสีย
มือหนากำลังจะปล่อยมือบางให้เป็นอิสระแต่รินก็รีบเอื้อมไปจับให้กลับมากุมมือตนเองเช่นเดิม
“ ริน ”
“ รินไม่ใช่เด็กดีมากนะ บางเรื่องรินก็ทำไม่เป็น
บางอย่างก็ไม่รู้เรื่อง บางทีก็ดื้อและเอาแต่ใจ พี่รับได้ไหม
ถ้ารินไม่ใช่คนแบบที่วาดฝันเอาไว้ พี่จะยังต้องการรินอยู่ไหม ”
“ รับได้สิ หลายปีที่ผ่านมา มันก็ทำให้พี่รู้จักรินไปครึ่งหนึ่งแล้ว
อีกครึ่งพี่จะพยายามปรับเข้าหาเราให้มากที่สุด รินไว้ใจพี่หรือเปล่า ”
“ รินไม่เคยไม่ไว้ใจพี่อยู่แล้ว
ฝากชีวิตไว้กับพี่มานานพอๆกับฝากหัวใจนั่นแหละ ”
พูดเองก็เขินเองจนไม่กล้ามองสบตาคมที่มองมา
“ ขอบคุณนะริน ” รุจยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
เขาบรรจงสวมแหวนและรั้งร่างบางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดแนบแน่น
“ โอ๊ย!!!!!!!!!!! จะอ้วก เสี่ยว เลี่ยน ไม่ไหวแล้ว!!!!!!
”
เสียงโวยวายของผู้มาใหม่ทำให้ทั้งสองคนผละออกจากกัน
เมื่อมองไปที่ประตู พวกเขาก็พบว่าปรกกำลังยืนจังก้าโดยมีกัน ปัณณ์ ริท โตโน่ สน
ยืนมองมาพร้อมรอยยิ้มล้อเลียน รินกับรุจมองบรรดาพี่น้องผองเพื่อนด้วยความเขินอาย
ยิ่งรินบิดตัวม้วนต้วน พวกเขาก็ยิ่งแซวหนักขึ้นจนสนต้องห้ามปราม
“ พอได้แล้ว แซวเขาอยู่นั่นแหละ อิจฉาหรือไง ”
สนถามปรกพลางโยกหัวกลมด้วยความเอ็นดู
“ ใครจะไปอิจฉา อย่ายุ่งกับหัวสิ เดี๋ยวความรู้หายหมด ”
ปรกปัดมือของสนออก
“ ปรก ” สนเรียกอีกครั้งเมื่อเห็นปรกจะแซวรินต่อ
“ อะไรเล่า ”
ปรกหันมองค้อนสนหน้างอแต่ก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆสนก็ยื่นช่อดอกไม้มาตรงหน้า
นั่นทำให้ทุกสายตาหันมามองคู่ของเขาหมด
“ ปรก ตอนนี้เราก็เรียนจบแล้วนะ พร้อมจะรับหัวใจของพี่ไปหรือยัง ”
“ อะ...อะไร... ”
“ เป็นแฟนกับพี่นะครับ ” ปรกสบตาคนตัวสูงเนิ่นนาน
ตอนนี้เขารับรู้ได้ว่าหน้าของตัวเองร้อนแค่ไหน
“ ได้กันไปเป็นชาตินี่ยังไม่ใช่แฟนกันอีกเหรอ ”
แต่เสียงของกันที่ดังแทรกขึ้นมาก็ทำบรรยากาศดีๆพังครืน
“ ไอ้ตัวแสบไปยุ่งอะไรกับเขา ”
โตโน่เอื้อมมือมารั้งคอเจ้าตัวยุ่งให้ขยับมาใกล้เขามากขึ้นก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆให้ปรกที่มองกันตาขวาง
“ ปล่อยนะพี่โน่ ก็มันจริงนี่ ฟันมานานแล้วเพิ่งมาขอเป็นแฟน
มันชะ...อื้อ!!! ” ร่างบางยังพูดไม่ทันจบ
ริมฝีปากหยักก็โน้มลงไปประกบริมฝีปากบางไว้ซะก่อน
เจ้าของกลีบปากนุ่มดิ้นขลุกขลักครู่หนึ่งก่อนจะเคลิ้มตามแรงชักจูงของคนโตกว่า
“ ให้ตายเถอะ ” ปรกมองพี่ชายฝาแฝดด้วยความหงุดหงิด
“ อย่าไปสนเลยน่า ตกลงเป็นแฟนกับพี่นะ ”
สนมองปรกด้วยสายตาคาดหวังเต็มเปี่ยม
“ มีกฎอยู่หนึ่งข้อที่พี่ต้องทำ ไม่รู้ว่าจะทำได้ไหมแต่ถ้าอยากคบกัน
พี่ต้องทำให้ได้ ”
“ อะไร ” สนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ ห้ามทิ้ง ต่อให้ปรกจะร้ายกาจ เหวี่ยงวีน เอาแต่ใจ
สติแตกแค่ไหนก็ห้ามทิ้ง ทำได้ไหม ”
“ นี่คิดว่าทุกวันนี้ตัวเองปกติเหรอ? ”
“ ไอ้พี่สน!!! ”
“ เอาน่าๆ พี่รับได้ ไม่ว่าปรกจะเป็นยังไง พี่ก็ไม่ทิ้ง
ตกลงเป็นแฟนกันนะ ”
“ ความจริงมันเป็นเรื่องอนาคต มันรับปากไม่ได้หรอกว่าพี่จะไม่ทิ้ง
แต่...ลองดูก็ได้ เป็นแฟนด้วยก็ได้ ”
ปรกยิ้มให้สนก่อนจะร้องออกมาเบาๆเมื่ออีกฝ่ายรั้งเขาไปกอดแน่น
“ กอดเบาๆเป็นไหม ที่บ้านให้กินควายหรือไง ”
“ เปล่า ที่บ้านให้กินปรก... ” สนเอ่ยปากบอกด้วยแววตาแพรวพราว
“ ห๊ะ? อื้อ!! ” ไม่ทันได้ต่อล้อต่อเถียงอะไรอีก
เขาก็โดนแฟนหนุ่มป้ายแดงจัดการปิดปากด้วยจุมพิตร้อนแรงซะแล้ว
“ อยากทำแบบนั้นบ้างจัง ”
เสียงที่ดังขึ้นข้างหูทำให้ปัณณ์ที่กำลังดูพี่ชายฝาแฝดจูบกันอยู่นั้นสะดุ้งโหยง
“ อะไรของริท ”
“ จูบกันหน่อยสิปัณณ์ ”
“ ไม่!! ยังไม่แต่งงานเลย ตอนนี้ให้แค่หอมแก้มแค่นั้น พอ!!
” ปัณณ์ห้ามน้ำเสียงเด็ดขาดพร้อมส่งสายตาพิฆาตใส่คนรักไม่ยั้ง
“ โห ใจร้าย ” ริทคอตกด้วยไม่อาจสู้ปัณณ์ได้สักที
ท่าทางของเขาทำให้ปัณณ์หันมาเทศนาแทนที่จะสงสาร นั่นยิ่งทำให้ริทแทบอยากร้องไห้
...ไม่สิ ร้องไปเลยดีกว่า T^T...
“ บางทีพี่ก็สงสัยนะว่ารินโตมากับคนพวกนี้ได้ยังไง ”
รุจเอ่ยขึ้นหลังจากมองเหตุการณ์อยู่นาน
“ อย่าว่าแต่พี่เลย รินก็เคยสงสัย แต่มันก็สนุกดี มีสีสัน
ไม่น่าเบื่อ ” รินยิ้มหวานให้รุจ รอยยิ้มนั้นทำให้หัวใจของรุจกระตุกได้ทุกครั้ง
“ พี่รักรินนะ ” รุจลูบเรือนผมนุ่มของรินอย่างอ่อนโยน
“ รินก็รักพี่รุจครับ ”
รินโอบกอดเอวรุจไว้ก่อนจะหัวเราะริทที่โดนปัณณ์บิดหูจนร้องโอดโอย
ไม่มีใครรู้หรอกว่าต่อจากนี้ชีวิตของพวกเขาจะดำเนินไปอย่างไร
แต่นับจากนี้ไป
พวกเขาจะทำทุกวันให้มีความหมาย
จะมีกันและกันตลอดไป...
=+=+=+=+=+=+=
THE END =+=+=+=+=+=+=
ความคิดเห็น