คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : Only Love [RujRin] 2/3
#2#
ภายในห้องนอนสีฟ้าสดใส
ร่างบางของศิลปินหนุ่มสุดฮอตกำลังวาดลวดลายออกสเต็ปไปตามจังหวะดนตรีหนักหน่วง
ทุกวันหลังจากกลับจากทำงานและอ่านหนังสือเรียนจบ
รินมักจะซ้อมเต้นด้วยตัวเองเสมอแต่เพราะไม่ได้ออกกำลังกายมากนักจึงทำให้เหนื่อยง่าย
ดังนั้นหากวันไหนไม่มีงานและมีเวลาว่าง
เขาจะแบ่งเวลาไปกับการว่ายน้ำและวิ่งบนลู่ออกกำลังกาย
การหักโหมของรินทำให้คนรอบข้างเป็นห่วงแต่ไม่รู้จะทำเช่นไรเพราะถึงรินจะอ่อนโยนแต่ในบางเรื่องก็ดื้อรั้นไม่ต่างจากพี่น้องคนอื่น
ร่างบางกังวลเพียงแค่ตัวเองจะเป็นตัวถ่วงของฮั่นและจะทำให้แฟนคลับผิดหวังที่ทำผลงานไม่ดีพอจนลืมไปว่าตัวเองกำลังสร้างความเป็นห่วงให้เกิดกับคนรอบข้าง
ประตูห้องนอนเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของฝาแฝดคนโต
ร่างบางมองคนที่หน้าเหมือนตัวเองเป็นพิมพ์เดียวนิ่งๆก่อนจะถอนหายใจออกมาและเดินไปปิดเพลงจากวิทยุ
นั่นทำให้รินชะงักและหันมองไปยังทิศทางที่กันยืนอยู่ทันควัน
คนเล็กมุ่ยหน้าทันทีที่เห็นโจทก์เก่าที่ช่วงนี้มักขัดใจเขาประจำ
“ ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย รินซ้อมมา 3 ชั่วโมงแล้วนะ
พอได้แล้ว ” กันเดินมาใกล้รินและจูงมือน้องชายฝาแฝดให้มานั่งบนเตียงด้วยกัน
“ แต่รินยังเต้นไม่เก่ง อีกไม่กี่วันก็ต้องแถลงข่าวเปิดตัวซิงเกิลใหม่แล้ว
ถ้าเกิดมันผิดพลาดขึ้นมาจะทำยังไง ”
“ แต่ถ้ารินหักโหมจนบาดเจ็บขึ้นมา
มันจะไม่ใช่แค่ไม่ได้เต้นวันแถลงข่าวนะแต่รินอาจไม่ได้เต้นโปรโมตซิงเกิลไปอีกหลายวันเลยด้วย
”
“ รินระวังตัวอยู่แล้ว ”
“ แต่อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้เสมอ
ใครจะรู้ว่าถ้ากันไม่เข้ามาเมื่อกี้ อีกห้านาทีต่อมา รินอาจล้มจนข้อเท้าแพลงก็ได้
”
“ ข้อเท้าแพลงไม่กี่วันมันก็หาย ”
“ แค่ยกตัวอย่างไหมล่ะ -*- ”
“ วันหลังก็ยกตัวอย่างให้มันน่ากลัวสิ =^= ”
“ เฮ้อ ริน ไม่มีใครว่าหรอกนะถ้ารินอยากจะซ้อมแต่อย่าหักโหมมากเกินไป
ถ้ารินเอาแต่กดดันตัวเองแบบนี้ มันจะยิ่งแย่กว่าเดิมนะ รินต้องผ่อนคลายและทำให้การเต้นมันกลายเป็นเรื่องสนุก
ไม่ใช่เอาแต่กังวลว่าจะเต้นผิด ขืนเป็นแบบนี้ยังไงรินก็เต้นไม่ได้หรอก
แล้วอีกอย่างพี่ฮั่นเขาเต้นมากี่ปีแล้วริน รินเพิ่งหัดเต้นได้ไม่กี่เดือน
จะไปเก่งแบบเขาได้ยังไง ค่อยๆเป็นค่อยๆไปดีกว่าไหม ”
“ รินเข้าใจแต่ว่ามัน...กลัว ”
“ อย่าไปกลัวสิ รินเชื่อใจคู่เต้นของรินไหม ”
คำถามของกันทำให้รินนิ่งไปก่อนจะพยักหน้ารับช้าๆ
“ อือ ”
“ เพราะฉะนั้นก็มั่นใจได้ว่าหากรินเต้นไม่ได้ เขาจะช่วยรินเอง ”
“ กัน ”
“ การที่รินหักโหมขนาดนี้ มันทำให้ทุกคนเป็นห่วงรินนะ พักผ่อนบ้างเถอะ
” สายตาที่มองมาอย่างจริงใจของกัน ทำให้รินรู้สึกผิด
“ ขอโทษนะกันที่ทำให้เป็นห่วง ”
“ อืม ไม่เป็นไร แล้วยังจะซ้อมอยู่ไหม ”
รินส่ายหน้าทันทีที่ได้ยินคำถาม
“ ไม่แล้วล่ะ รินเหนื่อยแล้ว หิวด้วย ไปหาอะไรทานดีกว่า ”
“ งั้นก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า วันนี้เราจะไปเที่ยวกัน! ” กันยิ้มแฉ่ง
ทั้งหมดทั้งมวลที่พูดมาก็เพื่อจะหาเรื่องให้รินไปเที่ยวด้วยกันนี่แหละ
“ เดี๋ยวสิ ไหนบอกจะให้พักไง พักอยู่บ้านมันไม่ดีกว่าเหรอ ”
“ ไม่ดีหรอกน่า น่าเบื่อจะตาย เราไปเป็นเด็กหยามกันเถอะ
ไม่ได้เดินมานานแล้ว~~~ ”
“ นี่มันบ่ายโมงนะกัน ไปตอนนี้ก็ได้โดนรุมอดเที่ยวกันพอดี ”
“ ไม่มีใครรุมหรอกน่า พวกเราหน้าเหมือนกันใครเขาจะไปคิดว่าเป็นรินล่ะ
อย่างน้อยก็ต้องมีลังเลบ้าง พอเขามาถาม
เราก็บอกว่าไม่ใช่รินแต่เป็นปรกเป็นปัณณ์ก็พูดไป ”
“ กันนี่เจ้าเล่ห์เหมือนเดิมเลยเนาะ กี่ปีก็เหมือนเดิม ” รินพูดด้วยนัยน์ตาใสซื่อ
“ ริน! ” กันทำหน้ามุ่ย
“ ไปๆ ไปรอด้านล่าง เดี๋ยวเสร็จแล้วจะตามไป ”
“ อือ เร็วๆนะ ” กันพูดก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
รินมองประตูที่ปิดสนิทลงแล้วจึงยิ้มออกมาน้อยๆ
ร่างบางลุกจากเตียงเตรียมจะไปอาบน้ำแต่เสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน
มือเรียวเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ไม่ห่างจากตัวมากนักขึ้นมาดู
คิ้วสวยขมวดมุ่นทันทีที่เห็นข้อความคุ้นตาแต่หมายเลขโทรศัพท์ไม่คุ้นเคยเอาซะเลย
‘ I’ll be with you ’
“ ใครส่งมากันนะ ”
ร่างบางมีสีหน้าไม่สบายใจ
เขาได้รับข้อความนี้แทบทุกวันและแต่ละวันไม่เคยมีเบอร์ซ้ำกันเลย
เวลาติดต่อกลับก็มักปิดเครื่องเสมอ
ทีแรกเขาเข้าใจว่าเป็นฝีมือฮั่นแต่พอแกล้งถามก็พบว่าไม่ใช่พี่ชายสายเต้นอย่างที่เขาคิดและเขามั่นใจว่าฮั่นไม่ได้โกหกเพราะแววตาของร่างสูงไม่หลุกหลิกสักนิด
นอกจากนี้ยังมีพัสดุแปลกๆที่ส่งมาให้เขาอีก
มันเป็นของที่เขาทานเหลือและบางสิ่งก็ใช้ในระหว่างทำงาน
มันมักถูกส่งให้เขาหลังงานนั้นเสร็จสิ้นไปหนึ่งวัน ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำ ทิชชู่
เศษกระดูกไก่ ไม้ไอศกรีม
หรือบางครั้งก็จะเป็นเสื้อผ้าของเขาซึ่งใส่ทำงานต่างๆที่เปรอะเปื้อนคราบบางอย่างเต็มไปหมด
มันทำให้รินขนหัวลุกได้ไม่ยาก
เขาไม่เข้าใจเลยว่าผู้ส่งข้อความและสิ่งของพวกนี้มามีวัตถุประสงค์อะไร
ถ้าเป็นแฟนคลับก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังตัวตนแบบนี้และคงไม่โรคจิตขนาดนี้
หากไม่ใช่แฟนคลับ เขาก็นึกไม่ออกเช่นกันว่าอีกฝ่ายทำลงไปเพื่ออะไร
มันทำให้เขาค่อนข้างหวั่นใจมากทีเดียวแต่เขาก็ไม่เคยปรึกษาเรื่องนี้กับใครเพราะกลัวทำให้คนอื่นต้องเป็นห่วงมากขึ้น
“ ขอให้เป็นแค่ข้อความให้กำลังใจจากแฟนคลับก็แล้วกัน ”
รินพยายามปลอบใจตัวเองเพื่อไม่ให้คิดเรื่องนี้มากจนเกินไป
เขาวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ใช้เวลาเพียง
20 นาที รินก็เดินลงมาหากันที่ห้องนั่งเล่น
เขาถามหาพี่น้องคนอื่นก็ได้รู้ว่าปรกออกไปเที่ยวกับสน
ส่วนปัณณ์ทำรายงานอยู่กับริทในห้องหนังสือจึงไม่ตามไปเที่ยวด้วย
แต่สิ่งที่ผิดคาดคือโตโน่กับรุจที่นั่งหน้าสลอนข้างกันที่ทำหน้าบึ้ง
“ ทำไมพวกพี่มาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ ” รินถามด้วยความสงสัย
“
พี่เลิกงานเร็วเลยแวะมาหาเด็กแต่เห็นเด็กกำลังจะไปเที่ยวก็คงต้องติดรถไปด้วยซะแล้ว
” โตโน่ยิ้มกริ่มพลางดึงเจ้าตัวดีมากอดรัดฟัดเหวี่ยง หอมจนกันโวยวายออกมา
“ จะหอมอะไรนักหนา น้ำยังไม่ได้อาบเลย หอมหัวหอมแก้มนี่ไม่เหม็นหรือไง
” กันพูดด้วยใบหน้างอง้ำ
“ ไม่เลย ต่อให้ไม่อาบน้ำหลายวันกันก็ยังหอมไปทั้งตัว
พี่พิสูจน์มาหลายรอบแล้ว~~~ ”
“ หยุดพูดเลยพี่โน่ อายคนอื่นบ้าง!! ” กันแหวใส่คนรักก่อนจะเบือนหน้าหนีสายตาล้อเลียนของรุจและใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอายของริน
“ แล้วพี่รุจไม่ต้องไปทำงานเหรอครับ ”
รินถามเพื่อช่วยกันเปลี่ยนเรื่อง
“ เลิกงานแล้ว ตอนนี้อยากไปเที่ยว ขอไปด้วยคนนะ ^^ ”
“ อ้าว แล้วพี่ไม่ต้องรีบกลับไปดูพี่แก้มกับน้องโรมเหรอ ”
รินเอ่ยถามถึงสองแม่ลูกที่รุจรับมาดูแลชั่วคราว
ช่วงแรกที่รู้เรื่องแก้มจากรุจ
รินรู้สึกสงสารชะตากรรมของหญิงสาวจับใจแต่ลึกๆก็กังวลใจอยู่บ้างว่าอีกฝ่ายจะมาสร้างรอยร้าวให้ความสัมพันธ์ที่เพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นานของพวกเขา
แต่พอได้พูดคุยกับแก้มนานเข้าเขาก็วางใจว่ามันคงไม่เกิดขึ้น
เพราะแก้มไม่มีท่าทีคิดเกินเลยกับคนรักของเขาเลยและรุจก็ยังคงดูแลเขาดีเสมอต้นเสมอปลาย
เมื่อไม่นานมานี้แก้มก็เพิ่งผันตัวมาเป็นผู้ช่วยของรุจชั่วคราว
รายได้ของรุจจะถูกแบ่งให้แก้ม 10% ซึ่งหญิงสาวก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรเพราะมันเป็นแค่งานเล็กน้อยเท่านั้น
“ ไม่ต้องหรอก วันนี้เขาพากันไปทานข้าวข้างนอกตามประสาแม่ลูก ”
“ มันไม่อันตรายเหรอ ” กันถามแทรกขึ้นมา
เขาพอจะรู้เรื่องแก้มมาจากรินบ้าง
“ ไม่หรอกมั้ง แค่ร้านแถวคอนโด
หมอนั่นคงไม่โผล่มาทำร้ายน้องโรมกลางที่สาธารณะแบบนั้น ” รุจตอบ
“ คนเราก็แปลกนะ ลูกแท้ๆของตัวเองกลับจ้องทำร้ายไม่เลิกรา ”
โตโน่เอ่ยด้วยความขัดเคืองใจ เขาไม่เคยเห็นใครใจร้ายขนาดนี้มาก่อนเลย
“ เอาเถอะ เลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า รีบไปเที่ยวจะได้รีบกลับ ”
รินพูดขึ้นพลางยิ้มบางๆ
ใจจริงเขาอยากอยู่บ้านเพื่ออ่านหนังสือและซ้อมเต้นมากกว่าแต่ก็สงสารกันที่ช่วงนี้เรียนหนักและอดเที่ยวมานาน
ที่สำคัญเขาไม่อยากให้ใครเป็นห่วงอีก
+_+_+_+_+ O = N = L = Y = L = O = V = E +_+_+_+_+
ใช้เวลาชั่วโมงกว่า
พวกเขาก็เดินทางมาถึงสยามแต่อากาศที่ร้อนอบอ้าว
ทำให้คนขี้ร้อนอย่างกันเปลี่ยนไปเดินภายในห้างสรรพสินค้าบริเวณนั้นแทน
ในระหว่างที่พวกเขาเดินเล่นอยู่นั้นก็ตกเป็นเป้าสายตาของวัยรุ่นหลายคนแต่ในเมื่อไม่มีใครเข้ามาทัก
พวกเขาจึงเดินเล่นอย่างสบายใจ พวกเขาใช้เวลาอยู่ในห้างเกือบ 3 ชั่วโมงก่อนจะตัดสินใจขับรถกลับบ้าน
ครู่ใหญ่พวกเขาก็ฝ่ารถติดมาถึงบ้านได้เป็นผลสำเร็จแต่ในระหว่างที่กำลังจะถึงประตูรั้วบ้านนั้น
โตโน่ก็เห็นว่ามีใครบางคนยืนอยู่แถวรั้ว ร่างนั้นสวมเสื้อฮู๊ดปิดบังหน้าตา
เขาหยิบกล่องบางอย่างออกมาจากถุงกระดาษสีดำและเดินด้อมๆมองๆอยู่หน้าบ้าน
โตโน่เห็นท่าทางไม่น่าไว้ใจ เขาจึงบีบแตรรถเสียงดังลั่น
ใครคนนั้นตกใจแต่ไม่ได้หันมามอง
กลับรีบวิ่งหนีไปอีกทางโดยทิ้งกล่องที่ร่วงหลุดมือเอาไว้
“ พี่โน่บีบแตรทำไม ”
กันที่นั่งหลับมาตลอดทางสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาถาม
“ มันมีคนน่าสงสัยมาวางอะไรไม่รู้ตรงนั้นไง
พี่เลยบีบแตรเรียกแต่มันดันหนีไป ”
“ อ้าว ก็นายไปบีบแตรอย่างนั้น คนร้ายที่ไหนก็ต้องวิ่งหนีไหมล่ะ ”
รุจท้วง เขาเห็นแล้วเหมือนกันและกำลังจะบอกโตโน่ว่าจะลงไปดูคนๆนั้นแต่หมอนี่ดันไวบีบแตรขึ้นมาซะก่อน
“ เออ จริงด้วยสิ ลืมคิดเรื่องนี้ ”
“ พี่โน่นี่นะ ทำไมทีเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยจะมีสติ ”
กันส่ายหัวน้อยๆแกล้งตำหนิคนรักแต่ไม่จริงจังนัก
“ ก็พี่ได้กลิ่นเรามากเกินไปเลยเบลอ คิดไม่ทัน ”
โตโน่แกล้งหยอกโดยการเอานิ้วบีบจมูกตัวเองแล้วโน้มตัวยื่นหน้าไปใกล้กัน
“ งั้นไม่ต้องดมจะได้ไม่เบลอ ”
กันผลักหน้าคนรักออกเต็มแรงจนโตโน่คอแทบเคล็ด
“ เราลงไปดูกล่องนั้นไหม ”
เสียงของรินหยุดการหยอกล้อของคู่รักเบื้องหน้า
“ มันอาจจะเป็นระเบิดก็ได้นะริน
พี่ว่าเราแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบดีกว่า ” รุจเอ่ยบอก
“ ถ้ามันเป็นระเบิดก็คงระเบิดตั้งแต่ที่เขาทำหลุดมือแล้วสิ ”
รินไม่คิดว่ามันเป็นระเบิด
เพราะเคยเห็นกล่องลักษณะนี้มาหลายครั้งแล้วและคิดว่าครั้งนี้คงไม่ต่างจากครั้งก่อนๆเพียงแค่เปลี่ยนจากส่งที่บริษัทมาเป็นที่บ้านเท่านั้น
แต่ถึงขนาดรู้ที่อยู่บ้านของเขา มันก็ออกจะน่ากลัวมากไปหน่อย
“ มันก็ควรระวังเอาไว้ ”
“ งั้นรินไปดูเอง ”
“ ไม่ต้องๆ เดี๋ยวพี่ไปดูก็ได้ ”
รุจเดินลงไปจากรถและหยิบกล่องนั้นขึ้นมาอย่างเชื่องช้า
พยายามเงี่ยหูฟังก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติและกล่องมีน้ำหนักเบาเกินกว่าจะมีวัตถุอันตรายอย่างระเบิดอยู่ในนั้นได้
เขาจึงถือมันมาขึ้นรถจากนั้นพวกเขาถึงได้แล่นรถเข้ามาในตัวบ้าน
ทันทีที่เข้าบ้านมาได้
กันก็เดินนำลิ่วไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อนำกล่องที่ได้มาเปิดออกดู
แม้รินจะค้านว่าขอดูออกเพราะหน้ากล่องเป็นชื่อของเขาแต่พี่ชายฝาแฝดก็ไม่ยอม
“ เกิดมันเป็นของโรคจิตแบบคราวก่อนจะทำยังไงล่ะริน ”
นั่นคือเหตุผลที่กันบอกรินและทุกคนเห็นด้วย
รินจึงหมดสิทธิคัดค้าน เขาเดินตามพี่ชายเข้ามาภายในห้องก็พบว่าไม่ได้มีแค่พวกเขา 4 คนเท่านั้นแต่มีปรกและปัณณ์นั่งอยู่ด้วย
รินเดินไปนั่งข้างปัณณ์ก่อนจะเอนศีรษะซบบนไหล่อย่างออดอ้อนเหมือนที่เคยทำเวลาจะให้ปัณณ์ช่วยต่อรองกับพี่คนอื่น
“ ไม่ต้องไปอ้อน ยังไงวันนี้กันก็ไม่ใจอ่อน ”
กันยื่นคำขาดพร้อมนั่งลงข้างปรก แน่นอนว่าปรกก็คือฝ่ายสนับสนุนของกันมาตลอดเช่นกัน
“ มีเรื่องอะไรกันเหรอ ” ปรกเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงยานคาง
เขาเพิ่งกลับมาถึงบ้านก่อนหน้ากันไม่กี่นาทีและสนเพิ่งกลับไปเพราะมีถ่ายละครช่วงหัวค่ำ
การตะเวนเที่ยวทั้งวันทำให้ปรกเหนื่อยไม่น้อย
“ มีใครไม่รู้เอากล่องนี่มาวางหน้าบ้าน ชื่อบนกล่องบอกว่าส่งให้ริน
รินจะเอาไปเปิดเองแต่กันไม่ยอม มันน่าสงสัย กันกลัวว่ามันจะเป็นกล่องแบบเดียวกับโรคจิตที่เคยเล่าให้ฟังไง
” กันอธิบาย
“ อ๋อ งั้นก็เปิดเลย ไม่ต้องรอรินอนุญาตหรอก ” ปัณณ์ตัดสินใจทันที
ทำให้น้องเล็กที่พยายามจะอ้อนถึงกับลุกมานั่งตัวตรงทำหน้างอ
“ รินจะให้ปัณณ์ช่วยพูด ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ! ”
“ ถ้าเกิดมันเป็นของโรคจิต รินจะทำยังไงล่ะ มาวางไว้ลับๆล่อๆ
ทำตัวน่าสงสัย หรือถ้ามันไม่มีอะไรน่าสงสัย เป็นของธรรมดาก็ไม่เห็นต้องปิดบังนี่
ปกติพวกเราก็ไม่เคยมีความลับต่อกัน
นอกเสียจากว่ารินกำลังมีความลับอะไรที่ปกปิดพวกเราอยู่ ” สายตาจับผิดของปัณณ์
ทำให้รินเลิกดื้อและเบือนสายตามองไปทางอื่นทันที นั่นทำให้ทุกคนรู้ว่ารินมีเรื่องปิดบังอยู่
กันส่ายหัวเบาๆก่อนจะเริ่มเปิดกล่องพัสดุออกโดยมีคนอื่นชะโงกหน้ามาดูอย่างคนไม่อยากรู้อยากเห็นสักเท่าไร
แต่แล้วพวกเขาก็ต้องลุ้นเก้อเพราะภายในกล่องไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่อย่างที่พวกเขากังวลเลย
มันเป็นเพียงตุ๊กตาหมีน้อยสีน้ำตาลที่สวมชุดเอี๊ยมสีฟ้าเท่านั้นและนอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีก
รินจึงรีบแย่งตุ๊กตาคืนมา
“ เห็นไหม บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรก็ไม่ยอมเชื่อ
เขาคงเป็นแค่แฟนคลับธรรมดานั่นแหละ พอพี่โน่บีบแตรก็เลยตกใจวิ่งหนี คงกลัวโดนตำหนิ
” รินพูดพลางมองบรรดาพี่ๆด้วยสายตาเหวี่ยง
“ เราก็อุตส่าห์ลุ้น ”
ปรกกลอกตาไปมาด้วยความเซ็งก่อนจะลุกออกไปจากห้องนั่งเล่น
ความจริงก็ห่วงน้องหรอกแต่เขาไม่เคยเห็นของที่พวกโรคจิตส่งมา
มันก็เลยค่อนข้างลุ้นเล็กน้อย พอเห็นแบบนี้เลยหมดสนุก -_-
“ อ่า ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ปัณณ์ไปอ่านหนังสือต่อก่อนนะ ”
ปัณณ์ยิ้มเจื่อนๆก่อนจะรีบเดินหนีเข้าไปในห้องทำงานโดยไม่ฟังเสียงเรียกหาตัวช่วยของกันเลย
“ ริน~~ กันขอโทษ ”
กันยกมือไหว้พลางส่งกะพริบตาปริบๆส่งให้น้องชายฝาแฝดอย่างเว้าวอนไม่ให้โกรธ
เขาแค่ระแวงมากไปหน่อยเท่านั้นเอง
“ ริน อย่าโกรธกันเลยนะ กันก็แค่เป็นห่วง พี่เองก็ห่วง ” รุจลูบหัวกลมๆก่อนจะหอมขมับบางเบาๆ
“ เฮ้อ ก็ไม่ได้โกรธหรอก เข้าใจแหละว่าเป็นห่วง
งั้นรินเอาของขึ้นไปเก็บก่อนนะพี่รุจ เดี๋ยวลงมาคุยด้วย ”
รินยิ้มบางๆก่อนจะเดินหายออกไปจากห้องนั่งเล่น
“ รอดตัวไป~~ ”
กันพรูลมหายใจออกมาทางปากด้วยความโล่งอก
ทำให้โตโน่อมยิ้มขำ
เขาคว้าคอเจ้าตัวแสบเข้ามาใกล้ก่อนจะจับประกบปากจูบโดยไม่สนใจแรงต่อต้านจากคนโดนจู่โจมกะทันหันและไม่แคร์สายตาที่มองมาของรุจ
ทำให้ร่างสูงของผู้จัดการหนุ่มจำเป็นต้องเดินไปทางอื่นเพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นก้างขวางคอของโตโน่ที่ดูท่าทางจะหมั่นเขี้ยวเด็กในปกครองไม่น้อยจึงจูบจัดหนักขนาดนั้น
.
.
.
หลังจากมื้ออาหารรอบค่ำผ่านพ้นและทุกคนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว
รินจึงเดินกลับเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง
เขาทิ้งตัวลงนอนแผ่กับเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อนแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงบางอย่างดังขึ้นมา
เขาชันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วก่อนจะหันไปมองทิศทางของเสียง
มันดังมาจากตุ๊กตาหมีตัวใหม่
[ อือ.....อา.....ริน....อื้อ....เร็ว...อีก....อืม...ริน....โอ้.....ริน....อา....
]
“ อะ อะไรกันเนี่ย... ”
รินมองตุ๊กตาหมีที่ส่งเสียงประหลาดออกมาด้วยความตกตะลึง
แม้เขาจะไม่เข้าใจว่ามันคือเสียงอะไรแต่เสียงนั้นที่ดังวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาและมีชื่อเขาหลุดรอดเป็นระยะ
ยิ่งฟัง ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นทุกที รินจึงรวบรวมความกล้าหยิบตุ๊กตาตัวนั้นขึ้นมา
เขาควานหาปุ่มปิดเสียงจนเจอที่มือข้างหนึ่งของตุ๊กตา
เมื่อกดลงไปเสียงก็เงียบหายไปทันที
ร่างบางพยายามคลำไปตามตัวตุ๊กตา
เขาแน่ใจว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างส่งมาให้เขาอีกแน่ๆ
เพราะทุกครั้งที่มันส่งมาก็มักจะมีโน้ตแนบมาด้วย แล้วแน่นอนครั้งนี้ก็เช่นกัน
รินควานหาไม่นานก็พบว่ามันแนบมากับชุดของตุ๊กตาหมี
เป็นซองกระดาษจดหมายสีขาวที่ถูกแหนบเอาไว้อย่างเรียบร้อยแต่เมื่อเปิดออกดู
รินกลับต้องตะลึงมากกว่าเดิม เขาตกใจโยนกระดาษและตุ๊กตาลงพื้น มือบางยกขึ้นปิดปาก
ดวงตาไหวระริกมองสิ่งที่อยู่บนพื้น ลำตัวสั่นเทาด้วยความกลัว
สิ่งที่แนบมาภายในซองจดหมายคือภาพถ่าย
5 - 6 ใบ มันไม่ใช่ภาพธรรมดา
มันเป็นภาพกึ่งเปลือยของเขาซึ่งกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ภายในห้องแต่งตัวและบางภาพก็เป็นภาพถ่ายมุมสูงจากในห้องน้ำตามสถานที่ต่างๆ
ทุกรูปมีจุดเล็กๆที่พอจะมองออกว่าเป็นสีแดงตามส่วนต่างๆบนร่างกายของเขา
มีภาพหนึ่งที่แตกต่างจากภาพอื่น
นั่นก็คือสภาพของแมวที่โดนทารุณจนเลือดท่วมตัวนอนตายตาเหลือกถลน
ใครก็รู้ว่าฉายาของรินที่แฟนคลับเรียกกันก็คือ...ลูกแมวน้อย
นอกจากนี้ยังมีกระดาษโน้ตที่แนบมาเขียนข้อความด้วย...อักษรเลือด
[ ฉันจะอยู่กับนายทุกที่และทำให้นายเป็นของฉันตลอดไป ]
ปัง!!
“ ไม่นะ!! ” รินยกมือขึ้นปิดหูพลางทรุดตัวนั่งฟุบหน้าลงบนเข่าร้องไห้ตัวสั่นเทาอย่างรุนแรง
“ ริน ยืมหนังสะ......ริน.....!! ” ปัณณ์ที่พรวดพราดเปิดประตูเข้ามาเพื่อถามหาหนังสือถึงกับตกใจเมื่อเห็นสภาพของน้องชายฝาแฝด
เขารีบถลามาคว้าตัวรินแต่รินกลับปัดออก
“ ไม่เอาแล้ว ไม่เอา ”
รินก้มหน้าก้มตาปัดมือของเขา
ยิ่งทำให้ปัณณ์งุนงงมากขึ้นไปอีกจนกระทั่งดวงตากลมเหลือบไปเห็นสิ่งที่วางทิ้งไว้เกลื่อนพื้น
เขาหยิบมันขึ้นมาดูทีละภาพรวมไปถึงตุ๊กตาหมีและข้อความเลือดนั่น
ทุกสิ่งที่ได้เห็นมันทำให้เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ไม่คิดว่ารินต้องมาเจอคนโรคจิตขั้นรุนแรงเช่นนี้ ปัณณ์รีบเก็บทุกอย่างให้พ้นสายตาของรินก่อนจะกลับมาดึงร่างบางเข้าสู่อ้อมกอดพลางลูบหัวลูบหลังปลอบประโลม
“ ริน นี่ปัณณ์ไง ตั้งสติสิริน ไม่มีอะไรแล้ว ปัณณ์เอาออกไปแล้ว ”
“ ฮึก ปัณณ์ ช่วยด้วย รินกลัว ฮือ ”
แขนเล็กโอบกอดพี่ชายฝาแฝดพร้อมกับซบหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ ไม่เป็นไรนะ ปัณณ์อยู่นี่แล้ว ทุกคนอยู่ข้างๆรินเสมอ
ใครก็ทำร้ายรินไม่ได้หรอก ไม่ต้องกลัวนะ ไม่เป็นไร รินจะไม่เป็นอะไร ”
ครู่หนึ่งรินก็เริ่มสงบลง
ปัณณ์ประคองให้รินลุกขึ้นมานั่งบนเตียง
ดวงตาหวานไหวระริกมองไปรอบกายก่อนจะหลับตาลงเพื่อเรียกสติตัวเองให้กลับคืนมาแบบที่เคยทำเป็นประจำ
เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเขาก็พบว่าปัณณ์ยังคงส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้เหมือนเดิม
รินยิ้มบางๆก่อนจะกอดพี่ชายฝาแฝดแน่น
“ ขอโทษนะปัณณ์ ”
“ ขอโทษทำไม รินไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แล้วนี่โอเคขึ้นบ้างหรือยัง
” ปัณณ์ดันร่างบางของน้องชายออกและเช็ดน้ำตาให้เด็กอ่อนโยนที่กำลังอ่อนแอ
“ อือ ดีขึ้นแล้ว ” รินตอบตรงข้ามกับใจ
ความจริงเขายังคงมีความกลัวอยู่
“ เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังได้ไหม ” ปัณณ์เอ่ยถาม
รินชั่งใจเล็กน้อยก่อนจะเปิดปากเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง
ตั้งแต่ข้อความประหลาดและของขวัญน่ากลัวเหล่านั้น
“ ความจริงคราวก่อน รินได้ชั้นในเปื้อนเลือดมาด้วยแต่มันอยู่ในห้องแต่งตัวที่สตูดิโอถ่าย
MV
รินเลยคิดว่ามันเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากที่กองก่อนหน้านั้นลืมไว้ พอมาเห็นแบบนี้
รินคิดว่ามันคงส่งมาให้รินจริงๆนั่นแหละ ”
รินหยุดเล่าพลางกำมือแน่นเพื่อไม่ให้ความอ่อนแอแสดงตัวออกมา
“ เข้าใจแล้ว รินนอนพักเถอะนะ
เดี๋ยวปัณณ์ไปอาบน้ำก่อนแล้วจะมานอนเป็นเพื่อน
ส่วนเรื่องพวกนั้นไม่ต้องไปคิดถึงมัน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกปัณณ์เอง ”
“ ขอบคุณนะปัณณ์ ” รินล้มตัวลงนอนโดยมีปัณณ์ห่มผ้าให้
ปัณณ์ออกมาจากห้องนอนของรินหลังจากที่เห็นว่ารินนอนหลับไปแล้ว
เขาหยิบตุ๊กตาและรูปภาพต่างๆที่วางไว้หน้าห้องขึ้นมา
ดวงตากลมมองภาพเหล่านั้นอย่างพิจารณาจากนั้นจึงเดินไปทางห้องของปรก
เขาเคาะประตูไม่นานพี่ชายฝาแฝดก็เปิดประตูให้ด้วยสภาพหัวฟูยุ่งเหยิง
“ ว่าไงปัณณ์ ” ปรกถามพลางหาวหวอดใหญ่
มันเป็นช่วงหัวค่ำก็จริงแต่เพราะตะลอนทั้งวันทำให้เหนื่อยมาก
“ ปรก ปัณณ์มีเรื่องให้ช่วย ”
“ ช่วย? เรื่องอะไร ”
ปรกขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเพราะร้อยวันพันปีปัณณ์ไม่เคยต้องการความช่วยเหลือจากใครเลยและคำพูดที่หลุดออกมาจากปากน้องชายก็ทำให้ปรกอึ้งหนักกว่าเดิม
“ เป็นโจรให้หน่อยสิ ”
+_+_+_+_+
O = N = L = Y = L = O = V = E +_+_+_+_+
เสียงกรีดร้องของแฟนคลับดังก้องไปทั่วห้างสรรพสินค้าชื่อดังซึ่งใช้เป็นสถานที่แถลงข่าวโปรเจคพิเศษ
Dynamic Duo ของรินและฮั่น
กระแสตอบรับท่วมท้นทำให้บอสใหญ่ของค่ายภาคภูมิใจไม่น้อย
การแสดงผ่านไปด้วยดีและการเปิดตัว MV เป็นครั้งแรกก็เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย
เพราะฮั่นกับรินถูกแปลงโฉมสลับบทบาทกัน
ฮั่นที่เคยมีภาพของคาสโนว่าสุดเซ็กซี่กลายเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาแสนเชย
ในขณะที่รินเปลี่ยนจากเด็กเรียบร้อยกลายเป็นคาสโนว่าสุดฮอต
พวกเขาทั้งร้องและเต้นประชันกันด้วยท่วงท่าหวาบวามแหวกแนวไปจากการแบทเทิลทั่วไป
ทำให้เกิดเสียงฮือฮาตลอดเวลา
กล้องหลายสิบตัวรัวบันทึกภาพจนเกิดเสียงดังแข่งกับเสียงตั้งคำถามของสื่อมวลชน
เรียกได้ว่าโปรเจคนี้ถูกจับตามองเป็นอย่างมาก
งานแถลงข่าวใช้เวลาเกือบ
1 ชั่วโมงครึ่งจึงสิ้นสุดลง
พวกเขาให้สัมภาษณ์เดี่ยวนักข่าวต่อก่อนจะขึ้นรถตู้กลับบริษัท
ใช้เวลาชั่วโมงกว่าพวกเขาก็มาถึงบริษัท
รินแยกทางกับฮั่นเพื่อไปเปลี่ยนชุดและเตรียมตัวกลับบ้านโดยมีรุจเดินตามมาไม่ห่างเพราะห่วงว่ารินจะยังกลัวเรื่องคนโรคจิตนั่นอยู่
ดังนั้นทันทีที่ถึงห้องแต่งตัว รุจก็ชิงเปิดประตูเข้าไปสำรวจสถานที่อย่างละเอียดและเมื่อไม่พบสิ่งปกติจึงให้รินตามเข้ามา
“ พี่ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้นะครับ มันไม่มีอะไรแล้วล่ะ
เขาเงียบไปนานแล้ว ”
ตั้งแต่เหตุการณ์ในวันนั้น
เจ้าโรคจิตนั่นก็หายเงียบไป ไม่เคยส่งอะไรมาให้เขาอีกเลย
มันเงียบจนหลายคนผิดสังเกตแต่รินกลับสบายใจและคิดว่าเรื่องมันจบลงแล้ว
คนโรคจิตนั่นอาจไปตามคนอื่นแทนหรือไม่ก็กลับตัวกลับใจแล้วก็เป็นได้
ส่วนเรื่องกลัวนั้น
เขายอมรับว่ามันยังแฝงอยู่บ้างเวลาอยู่คนเดียวแล้วได้ยินเสียงก๊อกแก๊กแต่เขาก็พยายามทำตัวเข้มแข็งเพราะไม่อยากให้ใครต้องมาคอยห่วง
“ เราไม่ควรประมาทนะริน ”
“ แต่เราก็ไม่ควรระวังจนกลายเป็นระแวงนะครับ ”
“ ริน พี่หะ..... ”
¯เธอเป็นคนเดียวที่ฉันจะรักและอยากจะบอกเธอคือทุกสิ่ง
เพียงขอให้รู้ว่าใจหนึ่งดวงนี้ไม่ทิ้งให้เธอต้องอยู่ลำพังจากนี้จนตาย¯
เสียงโทรศัพท์ของรุจดังขึ้นมาขัดบทสนทนา
ร่างสูงหยิบโทรศัพท์ออกมาดูก็พบว่าเป็นสายจากน้องรหัส
ชายหนุ่มลังเลที่จะรับสายเพราะยังคุยกับรินไม่เข้าใจ
เขาเหลือบตามองคนรักสลับกับหน้าจอโทรศัพท์
รินพยักพะเยิดให้รุจรับสายเพราะเขากลัวว่ามันจะเป็นเรื่องสำคัญ รุจจึงยอมรับสาย
ข้อความจากปลายสายทำให้เขาตกใจไม่น้อย เขาตอบรับความต้องการของน้องรหัสก่อนจะวางสายลงและหันมาบอกรินด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“ ริน แก้มโดนรถชนระหว่างทางที่นั่งรถแท็กซี่ไปรับน้องโรม
ตอนนี้กำลังถูกนำส่งไปโรงพยาบาล ”
“ จริงเหรอครับ แล้วพี่แก้มไปโรงพยาบาลไหน เป็นอะไรมากหรือเปล่า ”
“ ยังไม่รู้ เขาบอกว่าถ้าถึงโรงพยาบาลแล้วจะโทรบอกอีกทีแต่แก้มไม่ได้เป็นอะไรมากแค่หัวแตกนิดหน่อยและมีแผลถลอกเล็กน้อย
เขาโทรมาบอกให้พี่ช่วยไปรับน้องโรม ”
“ งั้นก็รีบไปรับสิครับ พี่จะได้รีบไปดูพี่แก้ม ”
“ แต่พี่ห่วงริน ”
“ ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวรินให้กันมารับแทนได้ คนเจ็บสำคัญกว่า ”
รุจลังเลใจแต่พอเห็นแววตาหนักแน่นของริน เขาก็ยอมพยักหน้า
“ ขอโทษนะริน เสร็จเรื่องแล้วพี่จะรีบไปหา ”
รุจบอกก่อนจะรีบวิ่งจากไป
รินมองตามด้วยความกังวลจากนั้นจึงเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บของเพื่อกลับบ้าน
ตลอดทางที่เดินมายังลิฟต์ เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหากันแต่ยังไม่ทันที่พี่ชายฝาแฝดจะรับสาย
เขาก็ถูกฮั่นเดินมาขวางหน้าเสียก่อนทำให้รินจำเป็นต้องตัดสายเพื่อคุยกับพี่ชายคนสนิท
ฮั่นชวนรินคุยจนรู้ว่าวันนี้รุจไม่ว่างไปส่งรินกลับและรินยังติดต่อพี่ชายไม่ได้
ดังนั้นเขาจึงอาสาพาไปส่งบ้าน
“ อย่าเลยครับ เกรงใจและเสียเวลาพี่เปล่าๆ ” รินปฏิเสธอย่างนอบน้อม
“ ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า หรือว่ารินรังเกียจพี่ ”
“ ปะ เปล่านะครับ ไม่ใช่แบบนั้น ”
“ งั้นให้พี่ไปส่งนะ ” ฮั่นมองรินด้วยนัยน์ตากดดันเล็กๆ
นั่นทำให้รินจนหนทางที่จะบ่ายเบี่ยงจึงยอมให้ฮั่นไปส่งที่บ้าน
“ รบกวนด้วยนะครับ ”
ฮั่นยิ้มกริ่ม
เขาเดินนำรินมายังลานจอดรถ เขาเปิดประตูให้รินเข้าไปนั่งข้างคนขับ
ส่วนเขาก็รีบเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ เมื่อเข้ามานั่งเรียบร้อย
ร่างสูงจึงหยิบผ้าคาดปากขึ้นมาใส่ก่อนจะสตาร์ทเครื่องและแล่นรถออกมาจากลานจอด
“ พี่ฮั่นเป็นหวัดเหรอครับ ” รินถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นร่างสูงคอยขยับจัดผ้าคาดปากและปรับแอร์ไปทางอื่นเสมอ
“ อืม
เพิ่งเป็นเมื่อเช้าแต่พี่กลัวเป็นหนักกว่าเดิมเลยต้องคอยป้องกันหน่อย ”
ฮั่นตอบเสียงอู้อี้พลางขับรถไปตามทางที่รินบอก
“ โห ดูไม่ออกเลยนะครับ ตอนทำงานพี่เต้นเต็มที่มาก ”
“ มันเป็นงานที่พี่รักไง มันเลยต้องมีสปิริตสักหน่อย ”
ฮั่นขยิบตาให้คนอายุน้อยกว่า รินจึงยิ้มบางๆให้
หลังจากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาใดๆอีกนอกจากเสียงบอกทางของริน
จนกระทั่งผ่านไปครึ่งชั่วโมง ในระหว่างที่รถกำลังใกล้ถึงสี่แยก
ฮั่นก็หันมาถามทางรินอีกรอบแต่ก็พบว่ารินหลับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วและไม่ว่าจะเรียกเท่าไร
ร่างบางก็ไม่มีวี่แววตื่นขึ้นมาเลย
“ แย่จัง ทำยังไงดีล่ะ พี่ไปบ้านรินไม่ถูกซะด้วยสิ ”
ฮั่นพูดขึ้นพลางเอื้อมมือข้างที่ไม่ได้ขับพวงมาลัยไปลูบเรือนผมนุ่มของรินก่อนจะผละออกและเลี้ยวรถไปอีกทาง
“ สงสัยรินคงต้องไปบ้านพี่ก่อนแล้วล่ะ... ”
=+=+=+=+=+=+=
To Be Continue =+=+=+=+=+=+=
ความคิดเห็น