คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #43 : Onsen [NoGun]
Onsen
“ ริท~
ขอกินบ้าง~~ ”
เสียงหวานของชายหนุ่มร่างบางผู้มีผิวสีน้ำผึ้งและเป็นเจ้าของดวงหน้าหวาน
ดวงตากลมโต จมูกโด่งเป็นสัน
ริมฝีปากบางสีชมพูและสองข้างแก้มมีลักยิ้มน่ารักกำลังอ้อนเพื่อนสนิทตัวเล็กให้แบ่งไอศกรีมโคนในมือให้เขาทานบ้างแต่ดูเหมือนความปรารถนาของเขาจะโดนปฏิเสธเพราะเพื่อนรักดันโยกไอศกรีมหนีซะงั้น
พวกเขาสองคนเป็นนักศึกษาชั้นปีที่
2 ซึ่งกำลังปิดภาคเรียนก็เลยถือโอกาสมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกันตามลำพัง
ตอนนี้พวกเขากำลังสวมชุดยูกาตะที่ยืมมาจากร้านเช่าชุดร้านหนึ่งภายในย่านฮาราจูกุ
เนื่องจากเป็นย่านสมัยใหม่
ชุดยูกาตะของพวกเขาจึงผสมผสานระหว่างแบบดั้งเดิมและโมเดิร์นเข้าด้วยกันทำให้ดูดีไปอีกแบบ
การมาเดินเล่นในชุดนี้ออกจะเรียกสายตาแปลกประหลาดจากคนอื่นบ้างแต่พวกเขากลับพอใจเพราะรู้สึกโดดเด่น
-_- แล้วตอนนี้สองเพื่อนรักก็กำลังยื้อแย่งไอศกรีมกันชนิดที่ว่าใครมาเห็นย่อมคิดว่าพวกเขาเป็นเด็กไม่รู้จักโตแน่ๆ
แต่ใครจะสนล่ะ พวกเขาสนไอศกรีมมากกว่า
“ ไม่ กันไปซื้ออันใหม่สิ ” ร่างเล็กที่ส่วนสูงและรูปร่างลักษณะหน้าตาไม่ต่างกันมากนัก (ยกเว้นสีผิวที่ตัดกันอย่างเห็นได้ชัด
-..-) เอ่ยบอกพร้อมกับยกมือข้างที่ถือไอศกรีมหนีเพื่อน
“ ไม่เอา ขี้เกียจต่อแถว
กินหน่อย~~~ ” กันพยายามยื่นหน้าเข้าไปใกล้ไอศกรีม
ยื้อยุดกับริทโดยไม่เกรงใจสายตาคนอื่นที่กำลังมองพวกเขาสองคน
“ ไม่ให้กิน กันปล่อย~~ เดี๋ยวชุดเปื้อน เช่ามาแพงนะเว้ย อย่าสิ ชุดจะหลุดแล้วเห็นไหม!! ” ริททั้งร้องห้าม ทั้งเอี้ยวหัวหนี ทั้งดัน
แต่กันก็ใช้ความพยายามอันล้นเหลืออ้าปากงับไอศกรีมไปได้เรียบร้อย
“ อร่อย~~
” กันเอ่ยขึ้น
เรียวลิ้นเล็กแลบเลียรอบริมฝีปากตัวเองที่เปื้อนไอศกรีม เขาจัดชุดยูกาตะที่คลายตัวออกอันเนื่องมาจากการเล่นของตนเองจนเห็นแผ่นอกเปลือยสีน้ำผึ้งเนียนให้เรียบร้อย
ก่อนจะมองไอศกรีมที่เหลือในมือเพื่อนด้วยดวงตาเป็นประกายอีกครั้ง
“ พอเลย ให้กินคำเดียว
อยากได้ก็ไปซื้อ ” ไม่พูดเปล่า
ริทยังพยายามยัดส่วนที่เหลือใส่ปากตัวเองด้วย ทำให้กันเบะปากพลางมองเพื่อนอย่างขัดเคือง
“ ขี้งก ”
“ กันงกกว่านะ
เพราะกันไม่ได้จ่ายแต่มาแย่งริทกินแทน -*- ”
“ มันแพง ”
“ อย่ามาแถ แค่ไอศกรีมไม่กี่เยน
เทียบเป็นเงินไทยก็ไม่เท่าไร ไม่ต้องมาพูดว่าแพง
ของเล่นกันแพงกว่าไอศกรีมเยอะไม่เห็นกันจะบ่น ”
“ มันขึ้นอยู่กับความพึงพอใจไงริท
กันพอใจจะจ่ายก็เลยไม่คิดว่ามันแพง ”
“ งั้นก็อดกินไอศกรีมไปแล้วกัน ”
“ ใจร้าย แบ่งหน่อยก็ไม่ได้
เป็นเพื่อนกันแท้ๆ ” กันทำหน้างอแกล้งงอนเพื่อน
“ ไม่ง้อนะ
ริทจะไปหาอย่างอื่นกินต่อ ” แล้วริทก็เดินนำกันไปอีกทาง
“ โหย ริท! ง้อหน่อยก็ไม่ได้! ”
กันโวยวายเล็กน้อยก่อนจะรีบเดินตามริทไปและความรีบร้อนของเจ้าตัวก็ทำให้เขาชนกับใครบางคนจนเสียหลักแต่ยังไม่ทันที่จะล้มลงเขาก็ถูกแขนของใครอีกคนโผเข้ามารั้งเอวไว้ได้ทันจนร่างเซถลามาปะทะแผ่นอกแกร่ง
หลังจากหายตกใจกันก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่ช่วยเขาเอาไว้ อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มรูปร่างสมส่วน
สูงกว่าเขาประมาณ 5 – 6 เซนติเมตรได้
ผิวขาว ดวงตาเรียวเล็กคมกล้าที่มองมาทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย
มันเหมือนมีมนต์สะกดบางอย่างที่ทำให้เขาไม่กล้าขยับตัว
แทบจะลืมจังหวะหายใจเสียด้วยซ้ำ
“ กัน!! ” แล้วเสียงของริทก็ดังขึ้นมาเรียกสติของกัน
ร่างบางรีบขืนตัวออกจากอ้อมแขนหนาซึ่งอีกฝ่ายก็ยินยอมปล่อยแต่โดยดี
“ ริท ”
กันหันไปหาเพื่อนพลางจัดชุดให้เรียบร้อยเช่นเดิมพลางนึกในใจว่านิสัยซุกซนของเขามันไม่เหมาะกับชุดที่ต้องใช้ความเรียบร้อยสูงแบบนี้จริงๆ
ขยับมากหน่อยก็เปิดตรงนั้นเผยตรงนี้ หากต้องใส่ตลอดทริป
เขาคงได้โชว์เปลือยสักวันแน่ๆ -*-
“ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า
ทำไมไม่เดินตามริทไป ริทหาแทบแย่ ”
“ กันโดนชนจนเกือบล้มน่ะ
ดีว่าพี่เขาช่วยไว้ทัน ” กันชี้นิ้วไปทางชายหนุ่มที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
เขาเรียกอีกฝ่ายว่า ‘พี่’
เพราะเดาเอาว่าน่าจะอายุมากกว่าเนื่องจากลักษณะท่าทางของอีกฝ่ายดูโตกว่าเขาพอสมควร
“ พี่โน่!! ” ริทพูดชื่ออีกฝ่ายเสียงดังหลังจากมองตามกันและพบใบหน้าของคนคุ้นเคย
“ อ้าว ริท ” ชายหนุ่มส่งยิ้มอ่อนโยนก่อนจะผายมือรับร่างน้องชายที่โผเข้ามากอด
ทั้งคู่กอดกันครู่หนึ่งก่อนจะผละออก ริทจึงหันมาแนะนำพี่ชายให้เพื่อนสนิทที่กำลังยืนหน้างงได้รู้จัก
“ พี่โน่ นี่กัน
เพื่อนสนิทที่มหาวิทยาลัยของริท ส่วนกัน คนนี้คือพี่โตโน่
หรือกันจะเรียกพี่โน่แบบริทก็ได้นะ พี่เขาเคยเป็นเพื่อนบ้านกับริทสมัยเด็กๆ
พอเรียนปริญญาตรีจบ พี่เขาก็ย้ายมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่น เราไม่ได้ติดต่อกันเลย
ไม่นึกว่าจะได้มาเจอกันที่นี้ ” ริทยิ้มกว้างด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิด
“ พี่ก็ไม่นึกว่าจะได้เจอริทที่นี่
ยินดีต้อนรับสู่ญี่ปุ่นนะริท แล้วก็...กัน ” โตโน่ยื่นมือมาตรงหน้ากัน
กันลังเลเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือไปจับตอบเพื่อทักทาย
“ ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่โน่ ”
“ ไม่ต้องพูดเพราะหรอก
ทำตัวตามสบายนะ ” โตโน่ยิ้มให้กันอย่างจริงใจ
ทำให้กันส่งยิ้มหวานตอบกลับไป
“
พี่โน่มาเที่ยวเหรอหรือว่าบ้านพักอยู่แถวนี้ ”
“ พี่มาเที่ยวน่ะ
เพิ่งเลิกเรียน แล้วนี่เราจะไปไหนกัน ”
“ ว่าจะเดินเล่นอีกสักพักแล้วจะกลับ
พรุ่งนี้ต้องไปคาวากุจิโกะแต่เช้าเลย ไม่อยากกลับโรงแรมมืด
เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไม่ไหว ”
“ พรุ่งนี้พี่ว่าจะไปที่นั่นเหมือนกันนะ
แล้วพวกเราพักที่ไหนล่ะ เผื่อพี่จะได้ไปหา ชวนกินข้าวสักมื้อ ” โตโน่เอ่ยถาม ริทจึงบอกชื่อที่พักไป โตโน่พยักหน้ารับรู้ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองหน้าจอจากนั้นจึงพูดขึ้น
“ งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ
ต้องกลับแล้ว มีธุระด่วน ไว้เจอกันใหม่ที่นู่น ”
“ โอเคครับ บาย ” ริทโบกมือลาพี่ชายก่อนจะชวนกันเดินเที่ยวต่อ
พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคนอยู่
+-+-+-+-+-+-+-+-=O=N=S=E=N=+-+-+-+-+-+-+-+
“ อีกไกลไหมกัน!! ” ริทตะโกนถาม
“ ไม่ไกล ถ้าริทเดินเร็วกว่านี้!
” กันตะโกนตอบกลับ
“ ก็มันเมื่อย
เราเดินมานานแล้วนะ!! ”
“ ก็ใครชวนลงรถผิดป้ายล่ะ!!
”
“ แค่จำผิดนิดเดียวเอง!!
”
“ เลิกบ่นแล้วตามมาได้แล้วเตี้ย!!
”
“ แกสูงตายเลย!! -*- ” ริทบ่นก่อนจะลากขาเดินตามที่เดินนำเขาอยู่ข้างหน้า
วันนี้เป็นวันที่สามของการมาเที่ยวญี่ปุ่น
ตอนนี้พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังที่พักที่ตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบคาวากุจิโกะซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองในบรรดาทะเลสาบทั้ง
5 ที่อยู่รอบภูเขาไฟฟูจิและเป็นสถานที่สวยติดอันดับในการถ่ายภาพวิวภูเขาไฟฟูจิ
แล้วก็เพราะพวกเขามัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับการได้เห็นภูเขาไฟฟูจิครั้งแรกในชีวิต ทำให้พวกเขาลงรถเมล์ผิดป้าย
จากที่ต้องลงแถวที่พักกลับมาโผล่แถวพิพิธภัณฑ์มิวสิคฟอร์เรสแทน
ด้วยระยะทางที่กันคิดว่าไม่ไกลมากนัก เจ้าตัวจึงตัดสินใจลากเพื่อนเดินเพื่อที่จะได้ไม่เสียเงินเพิ่ม
แต่ดูเหมือนว่าไอ้ที่คิดว่าใกล้ มันจะไม่ใกล้อย่างที่คิด
เขายังคงเดินไหวแต่เพื่อนสนิทที่ไม่ค่อยได้เล่นกีฬาแบบเขานี่สิ ดูท่าจะไม่ค่อยรอด
ใช้เวลาเดินต่อเกือบยี่สิบนาที พวกเขาสองคนก็มาถึงที่พักในที่สุด
แต่ทว่า...............
“ หา? ไม่มีชื่อที่จองไว้??!! ” กันถามเสียงหลงเมื่อส่งริทไปเจรจากับพนักงานแล้วได้รับคำตอบที่น่าอึ้ง
“ อือ
ไม่ว่าจะชื่อริทหรือกันก็ไม่มีเลย! กันแน่ใจนะว่าจองเรียบร้อยแล้ว
”
“ แน่ใจสิ ทำไงดีล่ะ
เขาเช็คดีแล้วใช่ไหม ”
“ ใช่ แล้วตอนนี้ก็ไม่มีห้องว่างเหลือเลย
ลองให้เขาเช็คดูที่อื่นก็เต็มหมด โอ๊ย ทำไงดีเนี่ย นี่ก็เย็นมากแล้วด้วย! ”
ริททิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งด้านหน้าที่พักอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“ อ้าว ริท เป็นอะไร ” แต่ดูเหมือนว่าชีวิตเขายังไม่สิ้นหวังเสียทีเดียว
“ พี่โน่ ” ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าใครเป็นคนทัก
เขาก็รีบกระโดดตัวลอยไปกอดแขนพี่ชายอย่างว่องไว ยิ่งเห็นโตโน่สะพายเป้ด้วยแล้ว
ยิ่งเข้าข้างตัวเองว่าพี่ชายพักที่นี่แน่นอน
“
ไม่น่าเชื่อว่าเราจะเจอกันอีกแล้วนะ พักที่นี่เหมือนกันเหรอ ” คำถามของโตโน่ทำให้ริทตาวาว
“ ทีแรกก็ใช่หรอกแต่เมื่อกี้เขาบอกว่าไม่มีชื่อที่จองไว้
ริทกำลังกลุ้มใจอยู่เนี่ย ไม่รู้คืนนี้จะนอนที่ไหน ”
“ หือ? ไม่มีชื่อจอง? สงสัยเกิดความผิดพลาดตอนจอง ปกติที่ญี่ปุ่นไม่ค่อยพลาดนะ
นานๆทีจะมีเคสแบบนี้ ”
“ พวกเราคงกำลังดวงซวย ” ริททำหน้างอ โตโน่อมยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปยีหัวน้องด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ โอ๊ย พี่โน่! หัวยุ่งหมด! ”
“ อืม
งั้นคืนนี้พักกับพี่แล้วกัน พี่มาคนเดียวแต่จองบ้านพักไว้
มีเราสองคนมาอยู่ด้วยคงอบอุ่นและไม่เหงา ”
โตโน่พูดพลางมองไปยังกันที่ยืนนิ่งอยู่นานก่อนจะหันกลับมาสนใจริทเหมือนเดิมเมื่อเห็นว่ากันหลบสายตามองไปทางอื่น
“ จริงเหรอ ไม่รบกวนพี่แน่นะ ”
“ แน่สิ
ถือว่าพี่เลี้ยงต้อนรับเราแล้วกัน ค่าใช้จ่ายตอนอยู่ที่นี่ พี่จะออกให้ ”
“ สวรรค์!! ขอบคุณมากนะพี่!! ” ริทโผเข้ากอดพี่ชายด้วยความดีใจก่อนจะผละออกเพื่อปล่อยให้โตโน่ไปเช็คอิน
ที่พักแห่งนี้เป็นบ้านพักแบบโฮมสเตย์
มีอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ครบครันไม่ต่างจากบ้านพักส่วนตัว
ภายในบ้านมีห้องนอนเพียงห้องเดียวแต่นอนได้หลายคน มีห้องครัว ห้องนั่งเล่น
ห้องรับประทานอาหาร ห้องน้ำ แบ่งสัดส่วนชัดเจนและลงตัว
ทำให้กันกับริทถูกใจสถานที่นี้ไม่น้อย ตั้งใจว่าคราวหน้าจะกลับมาพักอีกและจะไม่ทำพลาดแบบคราวนี้อีกแล้ว
หลังจากเช็คอินและเก็บของไว้ในบ้านเรียบร้อย
พวกเขาก็พากันไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแถวนั้นและเดินกลับมาถึงที่พักในตอนหัวค่ำ
ทั้งสามคนนั่งรถของที่พักซึ่งนำออกมาให้บริการรับ – ส่งระหว่างบ้านพักกับร้านสะดวกซื้อ เพราะที่นี่ไม่มีอาหารให้บริการ
พวกเขาจึงต้องออกมาซื้ออาหารด้วยตนเอง เมื่อมื้ออาหารเย็นผ่านพ้น
โตโน่ก็ขอตัวเข้าไปทำงานที่หอบหิ้วมาด้วยภายในห้องนั่งเล่น
กันกับริทจึงชวนกันขึ้นไปยังห้องนอน
“ ริทกับพี่โน่เป็นแฟนกันเหรอ ” กันยิงคำถามทันทีที่เข้ามาในห้อง
“ บ้าเหรอ ไม่ได้เป็นอะไรกัน ” ริทปฏิเสธทันควัน
“ จริงเหรอ
แต่ท่าทางเหมือนคนเป็นแฟนกันเลย หรือว่า...........แอบกิ๊กกันอยู่ ” กันทำหน้าล้อเลียนเพื่อนรัก
“ หยุดเลยนะ
ริทกับพี่โน่เป็นพี่น้องกัน ไม่มีอะไรเกินเลยกว่านั้น กันเองเถอะ
ที่ถามนี่เพราะสนใจพี่โน่หรือเปล่า ” ริทถามกลับ
กันรีบส่ายหน้ารัวทันที
“ สนใจบ้าอะไร กันเป็นผู้ชายนะ ”
“ ริทก็เป็นผู้ชายไง ”
“ แต่ริทหน้าหวาน~~~~~~~~ ” กันเชยปลายคางเพื่อนรักพลางทำท่าส่งจูบ
ทำให้ริทแทบจะตบเพื่อนหัวทิ่ม
“ หน้าหวานก็ชอบผู้หญิงได้เว้ย!
”
“ แต่มันน่าจิ้นนะ ตอนที่เจอคราวก่อนมีคนมองริทกับพี่โน่เต็มเลย
กันว่าเขาต้องคิดว่าริทกับพี่โน่เป็นแฟนกันแน่ๆ
ถ้าเป็นเมืองไทยคงมีคู่จิ้นคู่ใหม่เกิดขึ้นในเพจมหา’ลัยแน่นอน!
”
“ เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว
ไม่ต้องสวมวิญญาณนักข่าวนอกมหา’ลัยก็ได้นะ แค่เรียนอย่างเดียวก็ปวดหัวจะแย่แล้ว
ไม่อยากตอบคำถามสื่อใกล้ชิดอีก ”
“ เพราะกลัวเก็บความลับไม่ไหวสินะ~~~ ”
“ ไอ้กัน!! ” ริทเตรียมจะเหวี่ยงเพื่อน กันจึงรีบกระโดดหลบไปอีกมุมของห้อง
“ อย่าโมโหสิริท
กันแค่แกล้งขำๆเอง~~ เห็นสนิทขนาดนั้นมันน่าจิ้นนะ
บางทีที่เขาโผล่มาที่นี่อาจจะเป็นเพราะตามริทมาก็ได้ใครจะรู้~~~~ โอเค ไม่พูดแล้ว ที่นี่มีออนเซ็นด้วยนะ เราไปแช่น้ำร้อนกันไหม
ไหนๆก็มาถึงที่นี่แล้ว ” กันรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่เพื่อนจะโมโหเขามากกว่านี้
“ ไม่ ริทขี้เกียจ ริทง่วงแล้ว
เดี๋ยวจะอาบน้ำและนอนเลย ตอนนี้มันสามทุ่มแล้ว วันนี้เหนื่อยทั้งวัน
พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปถ่ายรูปและกลับโตเกียว ไม่มีอารมณ์ไปเล่นอะไรอีก จบ! ” พูดจบริทก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงทันที
“ โห ริท ไปเป็นเพื่อนกันหน่อย
กันอยากเล่น~~~~~~ ”
“ ไม่!! ” ริทปฏิเสธเสียงแข็งพลางฟุบหน้าลงบนหมอน ไม่ว่ากันจะเขย่าหรือเรียกด้วยน้ำเสียงแบบไหน
ริทก็ไม่มีทีท่าจะใจอ่อนเลยสักนิด
“ เออ กันไปคนเดียวก็ได้!
”
“ บาย ”
กันทำหน้างอ
มองค้อนเพื่อนเล็กน้อย
ก่อนจะเดินไปหยิบอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้และเดินลงจากบันไดบ้าน
ออนเซ็นที่นี่เป็นห้องอาบน้ำแบบแยกชาย-หญิงและอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักของเขามากนัก
กันมองไปยังห้องนั่งเล่นเห็นว่าโตโน่ฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะคาดว่าน่าจะหลับ
เขาไม่อยากรบกวนจึงไม่ได้บอกคนอายุมากกว่าว่าจะไปเล่นน้ำ
ร่างบางสวมรองเท้าที่ทางที่พักจัดไว้ให้ก่อนจะเดินออกจากบ้านพักไปตามลำพัง
และทันทีที่ประตูปิดลง
คนที่แกล้งหลับก็ลืมตาขึ้น เขาขยับกายนั่งตัวตรงเช่นเดิมและหยิบบางสิ่งบางอย่างที่เตรียมไว้ออกมาก่อนจะลุกเดินออกจากห้อง
มองตรงไปยังประตูบ้านด้วยสายตาที่ไม่อาจคาดเดาได้
+-+-+-+-+-+-+-+-=O=N=S=E=N=+-+-+-+-+-+-+-+
ท่ามกลางอากาศหนาวยามค่ำคืน
ร่างบางของกันเดินห่อตัวมายังโรงอาบน้ำ เนื่องจากเป็นโฮมสเตย์หลังเล็กๆเท่านั้นทำให้ในเวลานี้โรงอาบน้ำปราศจากผู้คน
ริมฝีปากบางยิ้มกับตัวเองเบาๆเพราะอันที่จริงเขาค่อนข้างอายไม่น้อยถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วย
พอเห็นแบบนี้ก็รู้สึกโล่งอกมากขึ้น
กันเปลื้องเสื้อผ้าจนเปลือยเปล่า
วางอุปกรณ์ที่จำเป็นของตัวเองไว้บนชั้นวางของจากนั้นจึงไปอาบน้ำล้างตัวก่อนจะเดินเข้ามาภายในโซนแช่น้ำ
ร่างบางค่อยๆยื่นส่วนต่างๆของร่างกายลงไปแช่น้ำจนกระทั่งร่างกายสามารถปรับสภาพได้
เขาจึงหย่อนกายลงไปนั่งแช่ทั้งตัว
ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเริ่มผ่อนคลายลงจนเขารู้สึกสบายตัว นึกเสียดายแทนเพื่อนที่ไม่ยอมมาแช่น้ำด้วยกันจนพลาดความรู้สึกดีแบบนี้
ครืด!
แต่เสียงเปิดประตูก็ขัดจังหวะอารมณ์สุนทรีของเขา
กันหันไปมองทางต้นเสียงก็พบว่าบุคคลมาใหม่เป็นพี่ชายคนสนิทของเพื่อนรักนั่นเอง
ภายในมือของโตโน่มีขวดเครื่องดื่มและแก้วติดมาด้วย ดวงตากลมโตเผลอมองสำรวจร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของอีกฝ่ายแต่เมื่อเงยขึ้นสบดวงตาคมที่จ้องมองมาทำให้เขารู้สึกตัวว่าเผลอทำกิริยาประหลาดออกไป
กันจึงรีบหันกลับไปทางเดิมอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานเห่อร้อนด้วยความอาย
“ ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วยล่ะ ”
เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางสาวเท้าเข้าใกล้บ่อน้ำร้อนมากขึ้น
เขาวางขวดสาเกและแก้วที่ถือมาด้วยลงบนพื้นใกล้กันก่อนจะหย่อนกายลงในน้ำบริเวณใกล้ตัวกัน
ร่างสูงหันไปมองเพื่อนสนิทของน้องชายที่นอกจากจะไม่ตอบคำถามแล้วยังขยับตัวออกห่างจากเขาอีกด้วยแต่นั่นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกขัดเคือง
ตรงกันข้าม ท่าทีไว้ตัวของกันกลับทำให้เขายิ่ง...พึงพอใจ...มากขึ้น
“ พี่ไม่รู้เลยว่ากันมาแช่น้ำ
คิดว่าออกไปเดินเล่นด้านหน้าโรงแรมเสียอีก ” โตโน่พยายามชวนคุย
“
ใครเขาจะมาเดินเล่นในเวลาแบบนี้ล่ะครับ ” กันตอบไปเพื่อไม่ให้เสียมารยาท เขายังคงอายจนไม่กล้าหันไปสบตากับโตโน่
“ นั่นสินะ พี่ก็ลืมนึกไป
ปกติเวลามาที่นี่พี่ชอบมาแช่น้ำเวลานี้เสมอ มันเงียบสงบดีนะ กันว่าไหม ” ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้กันมากขึ้นอีกนิด
ริมฝีปากหยักยกยิ้มเมื่อเห็นว่ากันไม่ขยับหนีแล้ว อาจเป็นเพราะกลัวเสียมารยาท
“ อืม ครับ มันสงบดี ” กันตอบรับพร้อมกับยกขาขึ้นมานั่งกอดเข่า
รู้สึกประหม่ากับสายตาที่มองมาของโตโน่ แม้จะไม่ได้หันไปมอง
เขาก็รู้สึกได้ว่ากำลังถูกอีกฝ่ายมองแทบจะพรุนไปทั้งร่าง
“ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว
เรามาดื่มด้วยกันหน่อยไหม ” โตโน่เอ่ยพลางรินสาเกใส่แก้วในขณะที่ดวงตาก็ลอบมองผิวสีน้ำผึ้งของกันไปด้วย
แม้จะมีไอร้อนและมีเข่าที่ยกมาบดบังสายตาก็ไม่เป็นอุปสรรคในการมองสำรวจเรือนร่างของคนอายุน้อยกว่าสักเท่าไร
“ กันไม่ดื่มครับ ”
กันปฏิเสธเมื่อโตโน่ยื่นแก้วกระเบื้องมาให้พร้อมกับขยับออกห่างแต่โตโน่ก็ขยับตามมาใกล้จนบัดนี้กันหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้วเพราะตัวติดกับมุมของบ่อน้ำร้อนพอดี
“ ดื่มสักหน่อยน่า
ถือซะว่าเป็นการฉลองเพื่อมิตรภาพดีๆระหว่างเรา ”
“ กันดื่มไม่เป็น ”
“
ไม่เป็นก็ต้องหัดนะจะได้ไม่ถูกใครมอมเหล้าไง อีกอย่างสาเกขวดนี้มันหวาน
มีแอลกอฮอล์น้อย รับรองได้ว่าไม่ขมและไม่เมาหรอก ” โตโน่หว่านล้อมพร้อมกับขยับมาประชิดร่างกายของกันมากขึ้น
ดวงตาคมลอบมองผิวสวยอีกครั้งก่อนจะเลียริมฝีปากของตนเองแผ่วเบา
“ แต่กันไม่ชอบครับ ”
“ ไม่ชอบหรือว่ารังเกียจ ”
ร่างสูงยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนอายุน้อยกว่า
“ ปะ เปล่า กันไม่ได้รังเกียจ
กันแค่มะ... ” กันหันหน้ามาหาโตโน่เพื่อจะแก้ไขความเข้าใจผิดแต่ก็ชะงักไปกับสายตาคมที่จ้องมองมา
มันดูหวานเยิ้มแต่ก็แฝงไปด้วยความเย็นชาที่ทำให้เขาไม่กล้าเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา
“
ดื่มเป็นเพื่อนพี่หน่อยไม่ได้เหรอครับ ”
โตโน่พูดเสียงเบาหวิวก่อนจะส่งแก้วให้กันที่รับไปอย่างงุนงง
“ แต่...กัน... ” กันพยายามจะตอบปัดอีกครั้ง
“ นะครับ ” แต่โตโน่ก็ไม่ยอมซ้ำยังจ้องมองเข้ามาในดวงตากลมโตราวกับจะสะกดให้กันทำตามคำขอ
“ คือ... ”
“ นะ ”
โตโน่พูดพร้อมกับจับมือกันซึ่งกำลังถือแก้วอยู่นั้นให้ขยับไปจรดที่ริมฝีปากบาง
“ กัน... ” ไม่ทันได้ปฏิเสธอีก เขาก็รู้สึกว่าของเหลวสีใสนั้นกำลังแทรกซึมเข้าไปในริมฝีปากจนต้องยอมกลืนมันลงไปจนหมด
“ เป็นยังไง ขมไหม ” โตโน่ถามหลังจากรับแก้วคืนมาจากกัน
“ ก็...ไม่ขมเท่าไรครับ
ออกหวานๆมากกว่า ”
“ ใช่ไหมล่ะ
มันเป็นตัวที่อ่อนที่สุด ไม่มีใครดื่มแล้วเมาหรอก ”
จากนั้นโตโน่ก็ชวนกันคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆโดยไม่ลืมที่จะส่งแก้วสาเกให้กันดื่มเป็นระยะ
คนที่ปฏิเสธคนอื่นไม่ค่อยเก่งก็จำใจรับมาดื่มจนแก้วหลังๆเริ่มไม่มีท่าทีปฏิเสธอีกต่อไปเพราะรู้ว่าห้ามไปก็ไม่ได้ผล
เขากับโตโน่สลับกันดื่มแต่ไม่รู้ทำไมเขากลับรู้สึกเหมือนตนเองดื่มอยู่คนเดียว
โตโน่ยังดูเป็นปกติแตกต่างจากเขาที่เริ่มมึนหัวจนเห็นภาพรอบกายเบลอไปไม่น้อย
ร่างบางขยับกายลงใต้น้ำมากขึ้นและวางศีรษะไปกับขอบบ่อ
“ แล้วพองานวันนั้นจบลง
พี่ก็รีบพาริทไปส่งโรงพยาบาล หมอนั่นมีไข้ตั้ง 39 องศาแต่ก็ยังมาช่วยงานพี่อีก
ไม่อยากจะเชื่อเลย เพื่อนนายมัน...อ้าว...กัน... ” โตโน่หยุดเล่าเรื่องในอดีตทันทีที่เห็นกันนอนพิงขอบบ่อน้ำร้อนด้วยดวงตาปรือปรอย
“ กัน...เมาแล้วเหรอ... ”
โตโน่เอ่ยถามพร้อมกับสอดแขนเข้าไปรั้งร่างของกันให้เอนศีรษะมาซบไหล่เขาแทน
มืออีกข้างกดขาของกันให้เหยียดออก กันไม่ได้ขัดขืนเพราะกำลังมึนงงแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร
“ อืม
พี่ชวนกันดื่มแต่ทำไมพี่เหมือนดื่มไปนิดเดียวเอง ” กันพูดเสียงหงุงหงิง
ลมหายใจร้อนที่รินรดลาดไหล่รวมทั้งเรือนร่างเปลือยเปล่าภายใต้ผืนน้ำทำให้โตโน่ปั่นป่วนไปหมด
“ พี่ดื่มไปเยอะแล้ว
กันไม่เคยดื่มก็คิดว่าตัวเองดื่มไปเยอะน่ะสิ มา ดื่มอีกสักแก้วนะ ”
โตโน่รินแก้วใหม่มายื่นให้กันอีกโดยที่ดวงตาไม่ได้ละจากสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ใต้น้ำเลย
“ ไม่เอาแล้ว กันมึนหัว ”
“ แก้วสุดท้ายแล้วครับ
หมดแก้วนี้ก็พอแล้วนะ ”
“ ไม่เอา พี่ดื่มเถอะ ”
“ น่า นะครับ นิดเดียวนะ ครึ่งแก้วก็พอ นะ ”
“ กันไม่ไหวแล้ว ”
“ นิดเดียวเอง พี่ป้อนนะ แค่จิบเดียวเท่านั้น นะครับ ” โตโน่เว้าวอนและเขาก็สมใจเพราะในที่สุดกันก็ยอมดื่มสาเกที่เขาป้อนก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายดื่มส่วนที่เหลือเสียเอง
“ อื้อ! ”
กันตกใจเมื่อจู่ๆก็ถูกมือใหญ่เชยคางให้หันไปทางที่อีกฝ่ายนั่งอยู่ก่อนที่ริมฝีปากอุ่นร้อนจะฉกวูบทาบทับลงบนกลีบปากนุ่มอย่างรวดเร็วจนเขาตั้งตัวไม่ทัน
จากนั้นมือหนาก็เปลี่ยนไปกดท้ายทอยของเขาให้แนบแน่นขึ้นพร้อมทั้งป้อนสาเกในปากตนเองให้เขาได้ลิ้มรส
ปลายลิ้นร้อนตักตวงน้ำเมาในเรียวปากบางก่อนจะถอนริมฝีปากออกพร้อมด้วยถอยใบหน้าห่างออกมาเพื่อสบตา
ดวงตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาหวานฉ่ำของคนอายุน้อยกว่า
ริมฝีปากหยักยกยิ้มเมื่อเห็นคนที่หมายปองยังคงมึนงงคุมสติไม่ได้และเขาก็คงไม่ยอมปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปง่ายๆ
เขาโน้มลงกดจูบบนริมฝีปากบางอีกครั้งคราวนี้ลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิม
ความหวานของอีกฝ่ายแผ่ซ่านไปทั่วโพรงปาก ยิ่งลิ้มลองยิ่งติดใจ
เขาไม่เคยรู้สึกต้องการใครมากขนาดนี้มาก่อน
โตโน่ผละออกเมื่อรู้สึกว่ากันเริ่มหายใจไม่ออกแต่ไม่นานก็แนบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง
เขากดท้ายทอยกันไว้เพื่อให้จุมพิตได้ลุ่มลึกยิ่งขึ้น
มืออีกข้างรวบเอวบางเข้ามากอดแน่นเพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายหลบหลีก
รสจูบของโตโน่แทบทำให้คนไม่เคยจูบใครอย่างกันหลอมละลายราวขี้ผึ้งถูกไฟลน
ยิ่งโตโน่รุกเข้ามาเท่าไรเขาก็ยิ่งรู้สึกปั่นป่วนมากขึ้นเท่านั้น
สติที่มีเพียงน้อยนิดก็ยิ่งดูเหมือนจะหลุดลอยไปทุกที
=====CUT=====
(อยากอ่านแปะเมลค่ะ
ขออนุญาตส่งให้เฉพาะคนที่เม้นฟิคเท่านั้นนะคะ ขอบคุณค่ะ^^)
“ ฝันดีนะครับเด็กน้อยของพี่ ”
+-+-+-+-+-+-+-+-=O=N=S=E=N=+-+-+-+-+-+-+-+
“ อื้อ~~ ”
เสียงครางอือแผ่วเบาดังขึ้นเรียกความสนใจจากคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงข้างๆกันให้รีบลุกมาใกล้
มือเรียวเช็คอุณหภูมิร่างกายของเพื่อนสนิทและเมื่อเห็นว่าอาการของเพื่อนไม่ได้น่ากลัวอะไรจึงโล่งอกขึ้นมาบ้าง
หลังจากที่เขาชักมือกลับไม่นานคนบนเตียงก็ลืมตาขึ้นช้าๆ กันกะพริบตาปริบๆจากนั้นจึงมองไปรอบห้องจนกระทั่งภาพหนึ่งผุดขึ้นมาในความทรงจำ
ร่างบางจึงลุกพรวดขึ้นมานั่งด้วยความตกใจ
“ โอ๊ย! ” แต่เพราะลุกเร็วเกินไป
ทำให้ร่างกายที่ระบมอยู่แล้วได้รับการกระทบกระเทือนจนรู้สึกเจ็บ
“ ค่อยๆลุกสิกัน ยังไม่หายดีนะ ทานยาก่อนๆ ” ริทส่งยาแก้ปวดและยาลดไข้ให้เพื่อนสนิท
กันรับมาทานอย่างว่าง่ายก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“ กัน...มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ” กันสงสัย
เพราะก่อนหมดสติไปเขาจำได้ว่าอยู่ที่ออนเซ็น
ตอนนี้เขาอยู่ในบ้านพักและโตโน่ก็ดูเหมือนจะไม่อยู่เสียด้วย เขาไม่แน่ใจว่าโตโน่ได้เล่าอะไรให้เพื่อนตัวเล็กฟังบ้างหรือเปล่า
“ พี่โน่อุ้มพามาน่ะสิ วันหลังไม่ต้องไปแช่ไอ้บ่อน้ำร้อนอะไรนั่นแล้วนะ
มาถึงเหนื่อยๆก็หัดพักก่อนบ้าง ไปแช่ตอนเช้าก็ยังไม่สาย ดูสิ
พอไปตอนกลางคืนแช่นานๆก็เป็นลม โชคดีที่พี่โน่ไปแช่น้ำพอดีไม่งั้นกันคงขึ้นอืดอยู่ในนั้น
แล้วแผลที่ล้มยังเจ็บอยู่ไหม ริททำแผลให้แล้วนะแต่ก็ต้องระวังมันอักเสบ
โชคดีที่แผลไม่ลึก ” ริทจับไปที่ผ้าก็อตบนหน้าผากกัน
เจ้าตัวถึงได้รู้ว่าแผลที่ศีรษะได้รับการปฐมพยาบาลแล้ว
“ กันเป็นลมงั้นเหรอ ”
“ ก็ใช่น่ะสิ ป่วยจนเลอะเลือนหรือไง ”
“ แล้วที่กันปวดตัวล่ะ ”
“ กันล้มไง นี่จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ ไปหาหมอไหม สมองน่าจะกระทบกระเทือน ”
“ ไม่ต้องหรอก ”
กันรีบบอกปัดเพราะเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเพื่อนสนิท
“ ถ้าไม่ดีขึ้นก็ต้องรีบบอกนะ ห้ามเกรงใจเด็ดขาด ”
“ รู้แล้วน่า ”
“ ลุกไหวไหม ไปล้างหน้าล้างตาเช็ดตัวสักหน่อยจะได้ทานข้าวกัน ”
“ อือ ไหว งั้นกันไปอาบน้ำก่อนนะ ”
“ อือ ”
กันลุกจากเตียงและเดินลงบันไดไปห้องน้ำซึ่งอยู่ชั้นล่างของบ้านพักอย่างยากลำบาก
เขาปวดระบมไปทั้งตัวโดยเฉพาะสะโพก ทุกย่างก้าวที่เดินยิ่งทำให้เจ็บมากขึ้น
ในสมองของเขากำลังประมวลเหตุการณ์เมื่อคืน
คำบอกเล่าของริททำให้เขาเริ่มสับสนว่าตกลงโดยพรากเวอร์จิ้นจริงๆหรือเปล่า
ดังนั้นเมื่อเข้ามาในห้องน้ำ
กันจึงเริ่มสำรวจตัวเองแต่บนร่างกายของเขาก็ไม่พบร่องรอยผิดปกติ
ทว่าเมื่อเห็นแผลบนหน้าผากก็เริ่มลังเลอีกครั้งเพราะหากมันไม่ใช่เรื่องจริงแล้วทำไมเขาถึงมีแผลบริเวณเดียวกันได้
แต่กันก็ได้คำตอบในเวลาไม่นานเมื่อระหว่างเช็ดตัวเขาพบสิ่งแปลกปลอมจากช่องทางด้านหลัง
มันทำให้เขาแน่ใจว่าเรื่องเมื่อคืนมันเป็นเรื่องจริงและสิ่งที่โตโน่บอกริทมันคือคำโกหกของคนทำผิด
กันเม้มริมฝีปากด้วยความเจ็บใจและโกรธเคือง
เขารีบเช็ดตัวและสวมเสื้อผ้าก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อเอาเรื่องโตโน่เต็มที่
ถ้าริทสงสัย เขาก็จะตอบเลี่ยงไปว่าเขาต่อยพี่ชายเพื่อนสนิทเพราะหมั่นไส้
“ กลับไปแล้ว? ” กันทวนคำตอบ
หลังจากตะโกนหาโตโน่สักพัก เขาก็ได้คำตอบจากเพื่อนว่าโตโน่มีงานด่วน
เก็บของกลับไปตั้งแต่เช้ามืดแล้วซ้ำยังใจดีจ่ายค่าที่พักให้เรียบร้อยแล้วอีกด้วย
“ อือ มีอะไรหรือเปล่า ” ริทถามด้วยความสงสัย
“ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก กันแค่อยากขอบคุณที่เขาช่วยกันน่ะ ” กันปดออกไปพลางยิ้มเจื่อนๆแต่ในใจกำลังลุกเป็นไฟพร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ!!
“ อ๋อ เอาไลน์ไปไหม ริทแลกกับพี่โน่ไว้เมื่อคืน
ไว้เราไปถึงเมืองไทยเราค่อยนัดเจอก็ได้
เดี๋ยวอีกไม่กี่เดือนพี่เขาก็จะกลับไปอยู่ไทยแล้ว ”
“ งั้นเหรอ อ่า ไว้เจอตอนนั้นก็ได้เนาะ
ไว้เขากลับมาแล้วริทค่อยบอกกันแล้วกันนะ ”
“ อือ ถ้าริทไม่ลืมนะ ”
ริทยิ้มหวานให้เพื่อนก่อนจะลงมือเตรียมอาหารเช้าให้เพื่อนสนิทต่อ
ทิ้งให้กันยืนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่เพียงคนเดียว
“ หนอย! ฟันแล้วทิ้งชัดๆไอ้สารเลว!
”
+-+-+-+-+-+-+-+-=O=N=S=E=N=+-+-+-+-+-+-+-+
3 ปีต่อมา
“ กัน เดี๋ยวช่วยไปเก็บภาพตรงมุมนั้นให้ทีนะ มีแขกผู้ใหญ่คนสำคัญเยอะเลย
ริทจะไปสัมภาษณ์ท่านประธานในห้องรับรอง ”
ริทที่บัดนี้อยู่ในชุดสูทสีชมพูดูเรียบร้อยเอ่ยปากบอกเพื่อนสนิท
“ อือ ไปเถอะ ” กันที่อยู่ในชุดสูทสีฟ้าอ่อนยิ้มให้ริทก่อนจะหันมาถ่ายรูปต่อเมื่อเพื่อนเดินหายออกไปจากห้องจัดงาน
ณ
เวลานี้กันกับริทเรียนจบแล้วและเข้าทำงานในบริษัทสิ่งพิมพ์แห่งหนึ่งด้วยกัน
วันนี้บริษัทผลิตรองเท้ากีฬาส่งออกรายใหญ่ของประเทศจัดงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าและหุ้นส่วนรวมไปถึงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่
บ.ก.จึงส่งเขาสองคนมาทำข่าว
กันเก็บภาพบรรยากาศภายในงานไปเรื่อยๆก่อนที่จะรู้สึกขนลุกแปลกๆ
ร่างบางลดกล้องถ่ายรูปในมือลงพลางหันไปมองรอบๆแต่ก็ไม่มีอะไรผิดสังเกต
กันจึงหันกลับมาเก็บภาพต่อ แต่ความรู้สึกเหล่านั้นมันก็ไม่จางหาย
เขารู้สึกว่าตนเองกำลังถูกจับจ้องจากใครบางคน
มันเป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นคราวก่อน
กันหยุดถ่ายรูปและเริ่มมองหาต้นตอของความรู้สึกแปลกๆนี้แต่เขาก็ยังไม่เห็นใครที่พอจะเป็น...โตโน่
เรื่องครั้งนั้นเขาไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟังแต่ก็คอยระวังตัวอยู่เสมอและเขาคิดว่ามันคงไม่เกิดอะไรขึ้นอีกต่อไป
เพราะโตโน่หายไปจากวงจรชีวิตของเขาและริทราวกับว่าไม่เคยมีตัวตนมาก่อนจนเขาวางใจ
แล้วตอนนี้ความรู้สึกตอนนั้นก็กลับมาอีกครั้ง
พลั่ก!
“ ว้าย! ” เสียงร้องดังขึ้นตามมาด้วยความชื้นแฉะบริเวณแขนเสื้อของกัน
“ เฮ้ย! ”
กันร้องออกมาด้วยความตกใจหลังจากเห็นแล้วว่าเสื้อที่เช่ามานั้นเลอะคราบไวน์แดง
“ ขอโทษค่ะ ดิฉันขอโทษจริงๆ ขอโทษค่ะ ขอโทษ ดิฉันมัวแต่มองหาแขกที่สั่งไวน์แดงเอาไว้จึงไม่ได้ทันมองว่าคุณยืนอยู่ตรงหน้า
ขอโทษนะคะ ”
“ ไม่เป็นไรครับ คราวหลังก็ระวังหน่อยนะ ” กันพูดออกไป
เขาไม่อยากเอาเรื่องเพราะรู้ว่าถ้าทำแบบนั้น หญิงสาวอาจโดนตำหนิหรือไล่ออกได้
เขาไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้ใครโดยเฉพาะคนที่มีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“ ค่ะ งั้นเดี๋ยวดิฉันพาไปห้องน้ำนะคะ เชิญค่ะ ”
หญิงสาวผายมือให้กันเดินตามมาจนถึงห้องน้ำใกล้ห้องจัดเลี้ยง
เธอจึงผายมือให้กันเดินเข้าไป
“ ขอบคุณนะครับ ”
“ ค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ ” หญิงสาวกล่าวอีกครั้ง
กันยิ้มให้บางๆก่อนจะเข้าไปในห้องน้ำและทันทีที่ประตูปิดลงเธอก็ก้มหน้าล้วงเงินในกระเป๋าเสื้อออกมาพร้อมกับพำพึมเบาๆ
“ พวกคนรวยเดี๋ยวนี้รสนิยมแปลก
ผู้หญิงสวยๆมีเยอะแยะดันมาจ้างให้หลอกผู้ชายมาส่งแถมแพงซะด้วย แต่ก็ดี
ได้เงินห้าพันมาใช้แบบไม่ต้องเปลืองแรงมาก ” เธอยิ้มกริ่มจากนั้นจึงหยิบป้าย
‘กำลังทำความสะอาด’ มาวางขวางประตูเอาไว้ตามคำสั่งของผู้ว่าจ้าง
ทางด้านกัน หลังจากเดินเข้ามาด้านในห้องน้ำแล้ว เขาก็บ่นเรื่องค่าเช่าชุดที่ดูจากลักษณะเสื้อแล้วคงต้องซื้อต่อจากร้าน ร่างบางถอนหายใจยาวจากนั้นจึงเริ่มต้นถอดเสื้อสูทตัวนอกออกมาทำความสะอาด ตั้งหน้าตั้งตาซักแขนเสื้อจนไม่ทันได้มองว่ามีใครเดินออกมาจากห้องน้ำห้องที่อยู่ริมสุดทางเดิน ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าใครคนนั้นเดินเข้ามาซ้อนหลังและสูดกลิ่นหอมของเขาจากด้านหลังไปกี่ครั้งแล้ว
และเมื่อกันเงยหน้าขึ้นมามองกระจกอีกครั้ง
เขาก็ตกใจจนทำเสื้อหล่นจากมือเพราะในกระจกไม่ได้มีเงาของเขาเพียงคนเดียวอีกต่อไป
ร่างบางหันหลังกลับมามองร่างหนาที่ยืนอยู่ด้านหลัง
ดวงตากลมเบิกกว้างและสั่นไหวระริกอย่างเห็นได้ชัดและมันทำให้คนมองพึงพอใจ
ความรู้สึก...กระหายใคร่ได้...เกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากมันบรรเทาไปเนิ่นนานจนเขาไม่อยากจะคิดเหมือนกันว่าตนเองสามารถทนห่าง...กัน...มากขนาดนี้ได้อย่างไร
“ พะ พี่โน่ ”
กันเรียกชื่อชายหนุ่มเสียงเบาหวิว เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความตกใจระคนหวาดกลัว
แข้งขาอ่อนแรงจนเกือบทรุดลงกับพื้น โชคดีที่แขนแกร่งรวบเอวบางไว้ได้ทัน
ดวงตาคมสบเข้าไปในดวงตาหวาน ริมฝีปากหยักยกยิ้มอ่อนโยนแต่ดูน่าหวาดหวั่น
ปลายนิ้วยาวไล้ไปตามดวงหน้าน่ารักและหยุดลงตรงริมฝีปากอิ่มสีชมพูอ่อน เขาลูบมันอย่างเบามือหากแต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยไฟปรารถนา
“ ได้เจอกันสักทีนะ ที่รักของพี่ ”
+-+-+-+-+-+-+-+-=T=H=E=E=N=D=+-+-+-+-+-+-+-+
ความคิดเห็น