[One Shot] Psycho ||[Nine Muses Minha x Kyungri] || - [One Shot] Psycho ||[Nine Muses Minha x Kyungri] || นิยาย [One Shot] Psycho ||[Nine Muses Minha x Kyungri] || : Dek-D.com - Writer

    [One Shot] Psycho ||[Nine Muses Minha x Kyungri] ||

    ผู้เข้าชมรวม

    400

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    400

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 ธ.ค. 58 / 23:21 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เปิดประสบการณ์ใหม่เลยทีเดียวกับครั้งแรกที่แต่ง nine muses เลยสำหรับคู่นี้ด้วย ด้วยเพราะหายากเหลือเกิน
    เลยทำฟิคเรื่องนี้เพื่อสนองนี๊ดตัวเองนิดนึง ยังไงก็ฝากติดตามติชมกันด้วยน้า
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      Title : Phyco
      Author : jaechul
      Pairing : Minha x Kyungri
      Rate : [PG-13]
       
      Full Shot
       
      "เฮ้ย อาจารย์คนใหม่มาว่ะหุ่นนี่โคตรแจ่มเลยเว้ย"เป็นเรื่องปกติของพวกผู้ชายที่เรียนในสาขาเดียวกันกับ
      พัคมินฮานั้นโพล่งกันออกมาด้วยท่าทีที่กระตือรือร้นเป็นธรรมดาตามประสาพวกวัยรุ่นชายที่เจออาหารตา
      ให้มีอะไรผ่อนคลายลงไปบ้างในสภาวะมหาวิทยาลัยที่ใกล้จะจบเต็มที่ ความเครียดยิ่งสะสมกันเข้าไปใหญ่
      มินฮาก็ไม่มั่นใจเท่าไรนักว่าไอ้คำว่า 'หุ่นแจ่ม' ของพวกผู้ชายที่พูดเนี่ยหมายถึงยังไง แต่ทันทีที่เรียวขาของ
      อาจารย์คนใหม่นั้นก้าวเข้ามาพร้อมกับร่างสูงตระหง่านน่าจะมีส่วนสูงที่น่าจะพอๆกันกับมินฮาซึ่งผู้หญิงที่
      ส่วนสูงขนาดนี้ค่อนข้างจะหาได้ยากในประเทศนี้
       
      แต่คำว่า 'หุ่นแจ่ม' มันคงจะดูน้อยไปเสียหน่อยเมื่อเทียบกับหน้าตาที่สวยคมรับกับรอยยิ้มที่ดูแล้วมีเสน่ห์
      แบบนั้นมินฮาคิดว่าคำว่า 'เพอร์เฟค' คงจะเหมาะมากกว่าถ้าเกิดว่าอาจารย์ใหม่ตรงหน้าไม่ใช่คนที่มินฮา
      เคยรู้จักเป็นอย่างดี 
       
      "ยัยนั่น..."
      "เอาละทุกคนเงียบหน่อยต่อไปนี้อาจารย์คนใหม่จะมาฝึกสอนในวิชาภาษาอังกฤษร่วมกับครูนะ เคารพ
      อาจารย์เขาด้วยละ ไม่ใช่เพื่อนไม่ใช่สาวให้พวกนายหลีเล่นล่ะ...เชิญครับ"อาจารย์วิชาภาษาอังกฤษเป็น
      ฝ่ายแนะนำเกริ่นอาจารย์คนใหม่ก่อน ซึ่งร่างนั้นก็โค้งรับอีกคนก่อนจะก้าวมาข้างหน้าเพียงเล็กน้อย
       
      "สวัสดีนะคะ...อาจารย์ชื่อพัคคยองริเอาไว้เจอกันคาบภาษาแล้วกันนะคะ"
      "เดี๋ยวฉันมานะ...ไปเข้าห้องน้ำหน่อย"มินฮาบอกเพื่อนสั้นๆ ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป ยังพอทัน
      ที่จะเห็นร่างของอาจารย์คนใหม่นั้นมินฮาถึงได้รีบเดินเข้าไปคว้าแขนของคยองริแล้วดึงร่างนั้นเข้าไป
      ในห้องเรียนว่างๆทั้งปิดประตูล็อคเอาไว้ ร่างของอาจารย์สาวสวยถูกเหวี่ยงให้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวใดตัวหนึ่ง
      โดยที่หล่อนไม่มีสิทธิ์โอดครวญแม้แต่น้อย
       
      "พี่มาทำอะไรที่นี่"
      "จะอะไรล่ะ ก็มาเฝ้าเธอไง"
      "พ่อสั่งมาอีกแล้วหรอ...โอ๊ย ฉันจะบ้าตาย!!"มินฮายกมือขึ้นเสยผมขึ้นไปด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดอย่างเห็นได้
      ชัดเจน เรียวมือนั้นปลดล็อคประตูก่อนจะเลื่อนมันออกอย่างหงุดหงิด มือข้างหนึ่งยังคงคว้าอาจารย์คนใหม่
      นั้นออกไปด้วยก่อนจะเดินเข้าห้องของคณะกรรมการมหาวิทยาลัยไปอย่างไม่สนใจสายตาใครแม้แต่น้อย
      มินฮาพาร่างนั้นเดินขึ้นบันไดที่อยู่ด้านในสุดของห้อง ซึ่งเป็นที่อยู่ของคนที่เรียกได้ว่ามีอำนาจมากที่สุด
      ในมหาวิทยาลัยแล้วล่ะ
       
      'พัค มิน จุน
      อธิการบดีมหาวิทยาลัย'
       
      ประตูที่เปิดโพล่งเข้าไปนั้นทำเอาคนอยู่ในห้องรู้สึกสงสัยเล็กน้อยแต่ที่ลูกสาวคนเดียวของตัวเองที่มาโผล่
      ถึงที่นี่นั้นแต่พอได้เห็นคนที่ลูกสาวตัวเองนั้นพามาด้วยก็พอจะเข้าใจถึงเหตุผลแล้ว
       
      "เข้ามาทำไมนักศึกษาเข้ามาหาอธิการบดีถึงที่มันไม่ใช่ภาพที่น่าดูนะ"
      "พ่อทำแบบนี้อีกแล้วนะ เลิกส่งใครมาเฝ้าหนูสักทีได้ไหม...หนูเป็นคนหรือสัตว์เลี้ยงกันแน่"
      "แล้วโรคของแกน่ะ...มันหายดีแล้วรึยังถ้าไม่มีคยองริดูแลอยู่ตลอดเกิดมันกำเริบขึ้นมาจะทำยังไงทั้ง
      มหาวิทยาลัยแกรับผิดชอบไหวไหม แล้วตำแหน่งฉันล่ะมันจะยังอยู่ดีไหมถ้าทุกคนรู้ว่าลูกสาวคนเดียว
      ของฉันผิดปกติยังไงน่ะ"
       
      "พ่อ!! มันจะมากไปแล้วนะ"มือบางที่ทุบลงบนโต๊ะทำงานของอธิการบดีมหาวิทยาลัยนั้นทำเอาเจ้าของโต๊ะ
      รวมถึงคนที่ตามมานั้นสะดุ้งตัวเล็กน้อย คนที่เงียบอยู่นานนั้นจำต้องออกแรงดึงร่างนั้นออกมาจากห้องซึ่ง
      เห็นมินฮาตัวเล็กๆแบบนั้นใช่ว่าจะฉุดไปไหนได้ง่ายๆ หากไม่ใช่คนแรงเยอะแบบคยองริแล้วล่ะก็คงไม่ง่าย
      หลังจากประตูห้องถูกปิดลงคยองริก็รู้สึกกลัวเสียเหลือเกิน กลัวว่า 'โรค' นั้นของมินฮาจะกำเริบขึ้นมา
      ร่างนั้นที่สั่นเทาขึ้นมาราวกับจับไข้ทั้งดวงตาที่แดงก่ำไร้หยาดน้ำที่คลอเบ้าตาเหมือนหล่อนกำลังจะร้องไห้
      เพียงแค่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา
       
      "กลับบ้านกัน ไปโรงพยาบาลหน่อยก็ดีนะมินฮา"มือของคยองรินั้นถูกอีกคนบีบแน่นด้วยเพียงคำพูด
      ที่เกี่ยวกับสถานที่ที่มินฮาเกลียดที่สุดในชีวิต ที่ที่ทุกคนว่าหล่อนผิดปกติทุกอย่างทุกครั้งที่หล่อนก้าว
      เข้าไปในห้องนั้นทุกคนก็ตราหน้าเอาไว้แล้วว่าหล่อนไม่ใช่คนที่สังคมจะยอมรับได้
       
      "โอเค พี่เข้าใจแล้ว กลับบ้านก็ได้แต่ถ้ารู้สึกผิดปกติขึ้นมารีบบอกพี่เลยนะ"
      "ทำแบบนี้เพื่ออะไรหรอ ถึงทำแบบนั้นไปฉันก็ไม่หาย...คนเป็นจิตแพทย์อย่างพี่ก็น่าจะรู้ดี"มินฮาที่ผลัก
      ร่างของหมอในคราบคุณครูฝึกสอนนั้นไม่ได้สนใจใยดีสักนิด ร่างเพรียวนั้นก้าวเดินลงบันไดแล้ววิ่งออก
      ไปจากห้องไม่สนใจจะตอบคำถามจากเหล่าคณะกรรมการแม้แต่น้อย
       
      พัคมินฮาไม่ได้กลับไปห้องเรียนเหมือนเดิมแต่หล่อนเดินไปยังลานจอดรถใต้ตึกคณะของตัวเองหล่อนรู้
      ว่ามีใครบางพยายามจะวิ่งตามมาแต่ก็คงไม่ทันเท่าไรนักเพราะทันทีที่มินฮาแทรกตัวเข้าไปในรถของตัวเอง
      มินฮาเองก็รีบสตาร์ทเครื่องแล้วออกตัวไปในทันที และคนอย่างคยองริคงจะชินได้แล้วเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก
      ที่คยองริถูกทิ้งเอาไว้ และก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่คยองริต้องวิ่งตามรถของมินฮามาครั้งแรกๆมินฮาออกจะแปลกใจ
      อยู่บ้างว่าทำไมถูกทิ้งไปแล้วคยองริถึงได้เอาแต่วิ่งตามไม่หยุดหย่อน ไม่รู้จักเหนื่อยหรือไร แต่สิ่งที่มินฮา
      ไม่เคยรู้สึกชินเสียทีว่า
       
      "ฉันจะจอดรถรอยัยนั่นทำไมนะ..."และสุดท้ายมินฮาก็ปลดล็อคประตูรถให้อีกคนขึ้นมาได้ง่ายๆในแบบที่ว่า
      หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลยว่าทำไม...ถึงใจอ่อนนัก กับคนที่ชอบเผลอใช้คำพูดทำร้ายจิตใจ หรือเพราะ
      บางทีที่หล่อนทำกับหมอประจำตัวนั้นมันมากกว่ากันแน่ ดูได้จากของเหลวข้นสีแดงสดที่ซึมมาจากบริเวณ
      ข้างขมับนั้นดูเหมือนว่าตอนที่มินฮาผลักคุณหมอสาวนั้นเธอคงจะไปกระแทกเข้ากับอะไรโดยที่มินฮาเอง
      ก็ไม่ทันได้สนใจ
       
      ...มันมีหลายครั้งที่ฉันอยากปกป้องพี่ แต่สุดท้ายฉันก็ทำไม่ได้...
       
      "ฉันจะไปโรงพยาบาลตามที่พี่ขอก็ได้นะ..."สุดท้ายก็ทำได้แต่ในทางอ้อมๆแบบนี้ เวลาคยองริเจ็บตัวนั่นคือ
      เวลาที่คยองริมักขอให้มินฮาไปโรงพยาบาลเพื่อวัดระดับความปิดปกติทางจิต และทุกครั้งที่มินฮาตั้งสติได้
      นั่นคือเวลาที่หล่อนมักจะเห็นแผลตามตัวของคยองริโดยฝีมือของหล่อนเอง และการที่อ้างว่าจะไปโรงพยาบาล
      นั่นไม่ใช่เพื่อมินฮาแม้แต่น้อย...เพราะทุกครั้งที่เข้าไปคยองริก็จะรีบไปทำแผลอยู่เสมอ
       
      "ฉันพูดจริงๆนะ พี่ไม่ต้องทนกับฉันมากนักหรอกถ้าพี่อยากจะไปฉันจะบอกพ่อให้หาหมอคนใหม่"
      "ทำไมล่ะ...พี่ดูแลเธอไม่ดีหรอมินฮา"
      "...ฉันต่างหากที่ไม่ดีขนาดแม่ยังทนไม่ได้เลย พี่มาขับเถอะฉันจะนอน"มินฮาที่จอดรถลงแถวหน้าประตู
      มหาวิทยาลัยก่อนจะลงจากรถสลับที่กันกับคนอย่างง่ายๆ หลังจากที่เข้ามาในรถเรียบร้อยเรียวมือก็รีบ
      ปรับเบาะให้เอนลงทันที
       
      "เธอโดดเรียนบ่อยรึเปล่า"
      "วันนี้เป็นครั้งแรก เพราะเห็นหน้าพี่นั่นล่ะ ถึงโรงพยาบาลแล้วปลุกฉันด้วยแล้วกัน"
       
       
       
       
       
       
      มินฮาไม่ได้ฟังที่คยองริพูดออกมาแม้แต่น้อยเพราะเรื่องที่คยองริพูดออกมานั้นก็มักจะมีแต่เรื่องเดิมๆ
      แล้วก็คอยกำชับให้กินยาให้ตรงเวลาเท่านั้น มินฮาค่อนข้างโล่งใจขึ้นมาเปราะหนึ่งที่บริเวณขมับของ
      คยองริอย่างน้อยก็ได้รับการทำแผลแล้ว
       
      "พี่เรียนจบด้านจิตแพทย์มาใช่ไหม"
      "ก็ใช่สิไม่งั้นพี่จะเป็นหมอด้านนี้รึไง...มีอะไรรึเปล่า"
      "...คือเทอมนี้มันมีวิชาเลือกวิชาหนึ่งฉันลงวิชาจิตวิทยาไปเพราะคิดว่าพี่น่าจะช่วยติวให้ฉันได้ คลาสเมื่อ
      อาทิตย์ที่แล้วอาจารย์เขาพูดถึงเรื่อง 'ความรัก' ฉันไม่ค่อยเข้าใจต้องทำรายงานเรื่องนี้ส่งคลาสหน้าด้วย"
      คยองริเงียบไปชั่วครู่พลางวางชาร์จในมือพร้อมกับปากกาลงบนโต๊ะ
       
      "พี่คงบอกไม่ได้หรอกนะ แต่ความรักน่ะมันมีหลายระดับแล้วเธอจะทำรายงานของความรักแบบไหนล่ะ
      ครอบครัว เพื่อน พี่น้อง หรือว่าคนรัก"
       
      "คนรักน่ะสิ พี่พอจะช่วยฉันได้ไหม"คยองริพยักหน้ารับแล้วยิ้มบางๆก่อนจะลุกขึ้นพาร่างของมินฮาไปรอเธอ
      เก็บข้าวของจากห้องพักของหมอ เพียงชั่วครู่คยองริที่ถอดเสื้อกราวน์เรียบร้อยแล้วก็ออกมาจากห้องนั้นด้วย
      ชุดเดรสกระโปรงสีแดงสดเข้ากันกับกระเป๋าถือราคาแพงสีดำ
       
      "มาสิพี่จะพาไปดูตัวอย่างน่ะ"
      "หรอ...น่าเบื่อไหมฉันจะได้กลับไปนอน"
      "มาเถอะน่า จะทำไหมรายงานน่ะ"
       
      ที่ที่คยองริพามินฮามาดูตัวอย่างอะไรที่ไหนนอกเสียจากในโรงภาพยนต์ที่กำลังฉายหนังโรแมนติก
      ที่สองคนเลือกนั่งนั้นเป็นที่นั่งตรงกลางบนสุดหนึ่งคนนักศึกษาใกล้จบ อีกหนึ่งคนก็จิตแพทย์ที่งาน
      รัดตัวอยู่ตลอด แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ว่าทั้งคู่จะมาอยู่ในที่แบบนี้ แต่เพราะเป็นมินฮานั่นละ
      คยองริถึงได้ยอมในทุกอย่าง เพราะพ่อของมินฮาได้ช่วยค้ำจุนครอบครัวเธอที่เกือบจะล้มละลายแทบ
      จะไม่เหลือแม้แต่บ้านให้อยู่ เพราะงั้นตระกูลของเธอจำต้องเปลี่ยนไปใช้นามสกุลเดียวกันกับตระกูลพัค
      ทั้งตระกูลไม่เว้นแม้แต่เธอ คนในจะรู้ด้วยว่าสายเลือดหลัก สายเลือดรอง ทุกคนในสายเลือดรองมีหน้าที่
      ไม่ต่างจากการเป็นทาสรับใชัของเหล่าสายเลือดหลัก อย่างเช่นที่เธอต้องมาคอยดูแลมินฮาแบบนี้ เพราะ
      แบบนี้ตั้งแต่มินฮาเกิดมาช่วงอายุเจ็ดขวบก็มีอาการผิดปกติเธอจึงถูกบังคับให้เรียนในสายการแพทย์สาขา
      จิตแพทย์เพื่อที่จะได้มาดูแลมินฮาโดยที่ไม่มีใครเคยถามว่า...พัคคยองริ จริงๆแล้วอยากเป็นอะไรกันแน่
      และการที่เธอเป็นจิตแพทย์ที่คิวงานยุ่งเหยิงแต่กลับมีเวลาว่างไปสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัย หรือว่างมา
      ดูหนังกับมินฮาแบบนี้ ยอมรับว่าหนึ่งส่วนสี่เพราะหน้าที่และคือสิ่งที่พัคมินจุนทำได้ เขาจัดการปลอมแปลง
      เอกสารเพื่อให้เธอเข้ามาดูแลมินฮาได้อย่างใกล้ชิดที่สุดในการเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัย
      และหากมินฮาต้องการอะไรจากคยองริ ต่อให้ยุ่งแค่ไหนคยองริก็ต้องว่างเพื่อมินฮา
       
      "มินฮา...ที่เรานั่งบนสุดแบบนี้เพราะหนังโรแมนติกคอมเมดี้มักจะได้รับความนิยมในคู่รักไม่ว่าจะวัยรุ่นหรือ
      จะเป็นวัยทำงาน และเนื้อเรื่องของตัวละคร...ก็มีเค้าโครงเรื่องมาจากชีวิตจริงด้วย เพราะงั้นนะโรงหนังน่ะ
      ถือเป็นตัวเลือกแรกที่พี่จะอธิบายถึงความรักขั้นพื้นฐานให้เธอรู้ได้"
       
      "ทำไมพี่รู้ดีจังล่ะ...เคยมีความรักหรอ"
      "ใครๆก็มีทั้งนั้นล่ะ หรือเธอไม่มีล่ะเงียบๆแล้วกินป็อปคอร์นไปเลยไป"ข้าวโพดคั่วราคาแพงนั้นถูกยัด
      มากกว่าจะเรียกได้ว่าป้อนใส่ปากคนข้างกายอย่างหมั่นไส้ ระหว่างการดูหนังคยองริก็จะพยายามที่จะ
      อธิบายไปด้วยว่าการกระทำแบบไหนของคู่รักที่แสดงความรักออกมาในแบบคนรักหรือแบบเพื่อน
       
      "ถึงอย่างนั้นในโรงหนังเนี่ย...ก็มีพวกคู่รักที่แสดงความรักมากกว่าพื้นฐานแต่อันนั้นเดี๋ยวพี่ค่อยอธิบายอีกที"
      คยองริที่กระซิบอธิบายไปพลางวาดแขนกอดเข้าหาตัวเองทั้งลูบแขนตัวเองไปมาเบาๆ 
       
      "หนาวหรอ"คยองริไม่ได้ตอบทำเพียงพยักหน้า มินฮานั้นค่อยๆก้มลงไปหยิบผ้าห่มที่วางไว้ใต้ที่นั่งแบบฮันนีมูน
      ขึ้นมาคลี่ออกคลุมกายคนข้างๆเอาไว้ คยองริเป็นยังไงมินฮาเป็นคนที่สังเกตุมาตลอดตั้งแต่เด็กๆแล้วด้วยซ้ำ
      ถึงเธอจะเป็นหมอแต่ก็ถือว่าร่างกายไม่ได้แข็งแรงเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์คยองริมีภูมิต้านทานค่อนข้างต่ำเจอ
      อากาศเย็นหน่อยก็จับไข้เสียแล้ว
       
      "ออกไปกันเถอะ เดี๋ยวพี่จะเป็นไข้"
      "ไม่เอา เสียดายตังค์เรื่องนี้สนุกด้วย ทำแบบนี้ก็อุ่นได้นี่นา"คยองริสอดแขนเข้าไปกอดร่างเอวของเด็กข้างๆ
      เอาไว้แนบแน่นทั้งยังเอียงใบหน้าซบลงบนไหล่นั้นเอาไว้
       
      ...ยัยบ้า ทำอะไรของพี่เนี่ย...
       
      "งั้นถ้าไม่ไหวบอกฉันนะ เป็นหมอน่ะอย่าให้ตัวเองป่วยนะ"คยองรินั้นเงยหน้ามองเด็กที่ทำหน้าดุยิ้มๆพลาง
      พยักหน้ารับเงียบๆทั้งเบียดกายเข้าหาความอุ่นมากกว่าเดิมเสียอีก บางที่คยองริก็ไม่ได้สนใจสิ่งที่มินฮากังวล
      เพราะเธอเองก็กลลัวว่ามินฮาจะรู้...ว่าบางอย่างในกายเธอมันกำลังเต้นแรงแค่ไหน
       
       
       
       
      หนังจบไปแล้วและดูเหมือนว่าวิธีหาความอุ่นของคยองริจะได้ผลเพราะเวลาที่เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังหนาว
      ก็จะเบียดตัวเข้าหามินฮาอยู่ตลอดจนช่วงกลางๆเรื่องมินฮาต้องวาดวงแขนกอดร่างบางนั้นเอาไว้ ทั้งมือที่
      ยกขึ้นคอยลูบหัวคนโตกว่าอยู่เรื่อยๆ เพราะยิ่งเนื้อเรื่องของหนังดำเนินไปมินฮาก็เริ่มรู้สึกว่ามีอะไรที่มันดู
      สนุกและน่าติดตามจนไม่อยากจะลุกไปไหน แต่โดนร่างของใครบางคนกดทับมาตลอดเกือบสองชั่วโมง
      มันก็ทำให้หล่อนรู้สึกชาไปครึ่งร่างใช่ย่อยเลย เลยกลายเป็นว่าพอมินฮาออกจากโรงหนังมาต้องมาทำหน้าหงิก
      แบบอยู่แบบนี้
       
      "คนอะไรตัวหนักอย่างกับช้างน้ำ"
      "ปากหรอนั่น...ไปกันเถอะ พี่หิวแล้วอ่ะจะเย็นแล้วด้วย"
      "สี่โมงเย็นแล้วหรอเนี่ย ไวเหมือนกันนะ"มินฮาที่ยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลาบ้างนั้นก็พอจะรู้สึกอยู่เหมือนกันว่า
      วันนี้เวลาผ่านไปไวจริงๆ ตอนที่ออกจากมหาวิทยาลัยมาก็ตั้งแต่บ่ายแล้วกว่าจะไปโรงพยาบาลกับมาที่นี่
      มันก็นานพอสมควรแหละนะกว่าหนังจะจบอีก
       
      "พี่คยองริ...ถ้าความรักมันเหมือนในหนังจริงๆ ก็เหมือนที่พี่ทำกับฉันเลยเนอะ"
      "...กลับบ้านกันเถอะพี่อยากกลับไปพักน่ะปวดหัวจะแย่"คยองริบ่นอุบอิบก่อนจะเดินนำเด็กขายาวนั้นออกไป
      โดยที่มินฮาก็ยังไม่ได้คำตอบนักหรอกและมินฮาก็คิดว่าคงจะคยองริไม่มีทางตอบออกมาง่ายๆอยู่แล้วถ้าพูดจริงๆ
      มินฮาไม่เคยได้รับถึงสิ่งที่เรียกว่า 'ความรัก' นักหรอก สิ่งที่มินฮาได้มาโดยตลอดตรงข้ามกันสิ้นเชิงอย่างความรู้สึก
      'เกลียดชัง' ในชีวิตนี้มินฮาก็คิดอยู่แล้วว่าคยองริคือคนที่ทำดีกับมินฮาที่สุดแล้วล่ะ
       
      "อย่าเดินหนีฉันได้ไหม"
      "ถ้าอยากเดินให้พร้อมๆกันก็ทำแบบนี้สิ"หมอสาวนั้นหยุดจังหวะการเดินแล้วรอให้อีกคนนั้นเดินมาหยุดอยู่
      ข้างกัน มือบางค่อยๆเลื่อนไปกุมมืออีกคนก่อนจะค่อยๆสอดประสานไปตามง่ามนิ้วของออีกคนเอาไว้หลวมๆ
      เธอรู้ว่าคนอย่างมินฮาคงไม่เข้าใจหรอก เด็กที่โดนทั้งบ้านเกลียดมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แน่นอนว่าเมื่อก่อน
      คยองริก็คือหนึ่งในนั้นแต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว
       
      "มินฮา...พี่ชอบเธอนะ"
       
      สำหรับคนอย่างมินฮาคงจะไม่รู้ว่าคำว่าชอบของคยองริมันกำลังสื่อไปถึง สิ่งที่กำลังเป็นปัญหาในการเรียนของ
      พัคมินฮาอย่างโจทย์ที่เรียกว่า 'ความรัก' มินฮาถึงได้ทำเพียงยิ้มรับบางๆเท่านั้น ซึ่งคยองริรู้สึกชอบในรอยยิ้ม
      แบบนี้ของมินฮามันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักรอยยิ้มที่จริงจังแบบนี้
       
      "กลับบ้านกันเถอะ"
      "เอาสิ จะได้รีบกลับไปทำรายงานให้เธอด้วยไง"
       
       
       
       
       
       
       
      มินฮาเห็นคยองริหยุดคุยกับเพื่อนอยู่พักใหญ่ มินฮาไม่ได้สนใจอะไรนอกจากความสนิทสนมของทั้งคู่
      หล่อนไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเรียกว่าอะไร แต่มินฮาไม่ชอบที่ทั้งสองทำตัวใกล้ชิดกันเกินไปทั้งยังจะถุง
      กระดาษที่ถูกยื่นให้กับคยองริอีก แล้วดูเหมือนว่าคยองริจะเป็นปลื้มใช่ย่อยเลย
       
      "กลับบ้านดีๆนะคะจงฮยอน"ชายหนุ่มนั้นยิ้มรับก่อนจะเดินเข้าไปในรถของตัวเองแล้วออกตัวไปด้วยความเร็ว
      ที่พอดีๆไม่ได้รีบเร่งจนเกินไป คยองรินั้นยืนมองจนกว่ารถคันนั้นจะพ้นประตูบ้านไปเธอถึงเดินมาหาเด็ก
      ขายาวที่ทำหน้างออยู่นั้น
       
      "เอ้านี่ของเธอศึกษาแผ่นไปก่อนแล้วกันนะ เพื่อนพี่ต้องไปทำธุระน่ะพี่ต้องเข้าเวรแทนก่อน"
      "กลับดึกๆมันอันตรายเอารถไปสิ"
      "บางทีพี่ก็เดาเธอไม่ถูกนะมินฮา...ขอบคุณนะ"มือบางนั้นรับกุญแจรถมาจากเด็กตัวสูงนั้นก่อนจะหมุนตัว
      ออกจากบ้านไปโดยที่การกระทำนั้นยังอยู่ในสายตาของมินฮาอยู่ตลอด สิ่งเดียวที่คยองริหวังในตัวมินฮา
      นั่นก็แค่อย่าเกิดอาการกำเริบขึ้นมาตอนที่เธอไม่อยู่บ้านก็แค่นั้น ปกติแล้วคยองริจะไม่ค่อยอยู่เวรดึกเสียเท่าไร
      เพราะยังไงเสียต้องมีคนคอยดูแลมินฮาอย่างใกล้ชิดที่สุดและคงไม่มีใครจะทนอารมณ์ร้ายๆของเด็กคนนั้น
      ได้มากนัก ยิ่งเวลาเกิดอาการกำเริบขึ้นมาไม่ต้องพูดถึงเลย คงมีแค่คยองริคนเดียวที่สามารถทั้งคุมและทน
      เด็กคนนั้นได้อยู่ และเพราะมินฮาอารมณ์ร้ายเอามากๆ พัคมินจุนเองก็กลัวว่าเธอจะหนีมินฮาไปสักวัน
      เลยสั่งห้ามให้เธอมีรถเด็ดขาด
       
       
       
      เกือบเที่ยงคืนแล้วมินฮายังไม่เห็นวี่แววของพี่สาวตัวดีเสียเท่าไรนักถึงได้นอนกลิ้งไปมาคอยดูโทรศัพท์เป็นพักๆ
      เพราะปกติแล้วหากคยองริเลิกงานมักจะส่งข้อความมาหาหล่อนอยู่เสมอแม้จะชอบพูดใส่เหมือนกับไม่สนใจ
      แต่ยังไงมินฮาตอนนี้ก็กระวนกระวายใจแทบแย่อยู่แล้ว
       
      RrrRRr
       
      'กลับช้าหน่อยนะพอดีปวดหัวนิดหน่อยน่ะ'
      'รู้ว่ามีไข้แล้วกระแดะไปทำงานทำไม อยู่นั่นแหละเดี๋ยวไปรับ'
       
       
       
       
       
      หลังจากกดส่งข้อความตอบกลับไปมินฮาก็หยิบกระเป๋าสตางค์พร้อมกับเสื้อคลุมของตัวเองกับของอีกคนออกไป
      ไม่บ่อยนักที่มินฮาจะใจดีแบบนี้จนหล่อนเองก็แปลกใจในตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงได้ทำทุกอย่างให้มัน
      ง่ายขนาดนี้ ตั้งแต่ให้พี่เขายืมรถไปแล้ว แล้วนี่ยังจะออกตัวว่าจะไปรับเสียอีก มินฮาไม่รู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ทั้งนั้น
      จนกระทั่งรถแท๊กซี่ที่หล่อนเรียกนั้นมาหยุดลง หน้าโรงพยาบาลที่คยองริประจำอยู่มินฮาจ่ายเงินให้กับแท๊กซี่
      พลางกดโทรศัพท์หาคยองริเพียงชั่วครู่ปลายสายนั้นก็ตอบรับขึ้นมาพร้อมบอกที่ที่เธอรอมินฮาอยู่
       
      มินฮาเดินไปยังที่ที่คยองริบอกว่าจะรอกวาดสายตาเพียงชั่วครู่ก็พบกับแผ่นหลังที่คุ้นเคยแล้วดูเหมือนว่าคยองรินั้น
      จะไม่ได้อยู่คนเดียวเสียหน่อย มินฮาจำได้ดีว่านั่นเป็นคนเดียวกันกับคนที่แวะเข้ามาที่บ้านเมื่อตอนเย็นและมินฮา
      ก็เดาว่าเสื้อสูทที่คลุ่มไหล่คยองรินั้นคงเป็นของชายหนุ่มคนนั้นมันทำให้มินฮารู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ เสื้อคลุมของ
      คยองริในมือที่มินฮาหยิบติดมือมาจากบ้านเพราะตั้งใจจะเอามาให้เธอแท้ๆ เพราะพอจะรู้ดีว่าการที่คยองริมีไข้ขึ้น
      น่าจะเพราะอากาศที่หนาวเย็นแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นมินฮาก็ยังเป็นมินฮา ช่วงขายาวนั้นค่อยๆเดินเข้าไปหาร่างนั้น
      อย่างไม่รีบเร่งอะไรนัก มินฮาใช้โทรศัพท์ในมือเคาะหัวคนโตกว่าอย่างไม่จริงจังนัก
       
      "เสื้อตัวนี้น่าจะอุ่นกว่าเยอะเลยนะ"เด็กเอาแต่ใจนั้นดึงเสื้อสูทสีเข้มที่คลุมไหล่บางนั้นออกแล้วยื่นมันคืนเจ้าของ
      ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะปั้นหน้ายิ้มบางๆแล้วคลุมเสื้อหล่อนหยิบมาเองนั้นให้กับคยองริแทน
       
      "พี่คยองริน่ะแพ้อากาศง่าย ภูมิต้านทานต่ำมากแล้วก็เป็นไข้ง่ายด้วยเป็นหมอประสาอะไรไม่รู้รึไง"
      "น้องสาวเธอมาแลัวงั้นฉันไปเข้างานละนะ กลับดีๆละ...อ้อ ขอให้ดูหนังให้สนุกนะ"มินฮาสาบานจริงๆว่าเกลียด
      รอยยิ้มที่เหมือนมีอะไรบางอย่างแฝงอยู่แบบนั้น
       
      "พี่คิดว่าเธอหลับไปแล้ว..."เป็นคยองริที่เป็นฝ่ายเปิดปากพูดขึ้นมาก่อนท่ามกลางความอึมครึมในรถเพราะหลังจาก
      ที่ออกจากโรงพยาบาลมามินฮาก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก ไม่แม้แต่ยอมยิ้มให้อีกเลย...หากคนอื่นมาทำกับเธอเช่นนี้
      เธอคงคิดเข้าข้างตัวเองว่ามินฮากำลังหึงแต่เพราะคนๆนี้คือมินฮา แค่คำว่า 'รัก' หล่อนยังไม่เข้าใจเลย ไม่ต้องหวังถึง
      เรื่องว่ามินฮาจะชอบเธอหรอก คนที่เอาแต่ทำร้ายเธอยามโมโหคงไม่มีทางที่จะชอบเธอได้หรอก
       
      "ก็หลับไปแล้วพี่นั่นล่ะมาทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงทำไม"
      "...ก็ถ้าพี่หายดีพี่ก็กลับเองได้แล้วนี่นาไม่เห็นต้องลำบากมาเลย"
      "กลัวฉันลำบากมาหรือกลัวจะไม่ได้อยู่กับไอ้หมอคนนั้น วันหลังถ้ามีคนคอยห่วงแล้วก็ไม่ต้องเรียกฉัน"
      "......"
       
      เรียวมือของมินฮาที่ยกขึ้นทาบกลางหน้าผากกว้างของคยองรินั้นทำเอาคนโดนวัดไข้สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเผย
      รอยยิ้มออกมาบางๆ ไม่รู้ว่าเรื่องที่เด็กนี่เป็นห่วงเรื่องไข้ หรือว่าเรื่องที่เด็กนี่พูดได้เต็มปากในคำนั้น บางทีคยองริ
      ก็ไม่รู้ว่าวันนี้มินฮาทำให้เธอแปลกใจกี่เรื่องแล้วแต่ถึงอย่างนั้นมินฮาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกอยู่ดี ไม่รู้ว่านานไหม
      กว่ามินฮาจะยอมพูดด้วย แต่พอรถที่จอดลงในโรงจอดรถของบ้านนั้น
       
      มินฮาไม่ได้เดินเข้าไปในห้องนอนอของตัวเองแต่หล่อนยังคงอยู่ข้างล่างโดยไม่คิดจะตามคนที่นอนห้องเดียวกัน
      แต่ยังเอาแต่อยู่ด้านล่างของบ้านอยู่พักใหญ่กว่าที่หล่อนจะตามขึ้นมาจนคยองรินั้นอาบน้ำเสร็จจนเกือบจะ
      หลับไปแล้วแต่ต้องมารู้สึกตัวเพราะบางอย่างถูกโยนลงบนตัวของเธอคยองรินั้นค่อยๆหยิบซองยาที่ถูกโยน
      ขึ้นมา มันเป็นยาลดไข้ที่มีติดบ้านไว้จริงๆคยองริกับมินฮาก็ไม่ได้ต่างกันนักที่ต้องมียาติดไว้ตลอด เพียงแต่
      สิ่งที่มินฮาเป็นนั้นหนักกว่าเธออยู่มากในด้านสภาพจิต
       
      "กินกันไว้ก่อนนะ"คยองริยิ้มรับทั้งรับแก้วน้ำในมือของเด็กตัวสูงตรงหน้านั้นกินคู่กับยาให้เด็กตรงหน้า
      นั้นสบายใจขึ้นมาเปราะหนึ่ง
       
      "แล้วหนังที่จงฮยอนเอามาให้ดูเป็นยังไงบ้าง"
      "ยังไม่ได้ดูอ่ะ...กลัวดูคนเดียวแล้วไม่สนุก"
      "งั้นก็เปิดสิ...รู้สึกว่ามีแต่พวกหนังคลาสสิคนะเนี่ยงั้นดูนี่ก่อนเลยไหม TITANIC ตอนเด็กๆพี่ชอบมากนะ"
      ไม่พูดเปล่าคุณหมอสาวยังจะคว้ากล่องดีวีดีที่เป็นภาพตัวละครเอกกอดกันอยู่ด้านบนสุดของปกแล้วด้านล่าง
      เป็นเพียงหัวเรือที่เป็นใจกลางของเรื่องนั้นเชิ่ดขึ้นมาพร้อมน้ำกระเซ็นเท่านั้นตั้งแต่เด็กแล้วที่คยองริได้ดู
      เรื่องนี้แล้วตอนนั้นเธอก็ไม่เข้าใจอะไรนักหรอกรู้แค่ว่าเรือในเรื่องนั้นมันมีอยู่จริง แต่ตัวละครทั้งหมดนั้น
      แค่สมมติขึ้นมาให้ดำเนินเนื้อเรื่องไปได้ แต่พอโตขึ้นเริ่มเข้าสู่วัยมหาวิทยาลัยตอนนั้นที่คยองริได้เปิดดูมัน
      อีกครั้งหนึ่งเพราะภาพยนต์เรื่องนี้ถือเป็นโจทย์สำคัญในตอนเรียนปีหนึ่ง ทำให้เธอเข้าใจอะไรมากขึ้น
      มันไม่ใช่แค่เหตุการณ์เรือล่มเพราะอุบัติเหตุการชนภูเขาน้ำแข็ง แต่ทุกอย่างมันมีมากมายในนั้นทั้งบทเรียน
      อะไรต่อมิอะไร
       
      "นี่มันชู้รักเรือร่มนี่"
      "ย๊า!! ทำไมเรียกชื่อหนังเขาแบบนั้นล่ะ!!!! เปิดให้พี่ดูเลยนะเรื่องนี้แหละเหมาะสุดแล้ว"เด็กตัวยาวนั้นอิดออด
      เล็กน้อยแต่ก็ยอมที่จะลุกไปใส่แผ่นในเครื่องเล่นอย่างว่าง่าย จะว่าไปการดูหนังยาวแบบนี้ในเวลานี้ก็ไม่รู้ว่า
      จะได้นอนตอนไหนเหมือนกัน ส่วนคยองริที่ต้องการจะดูหนังเรื่องนี้อยู่แล้วถึงได้รีบนั่งลงบนเตียงมินฮาที่จะ
      สามารถดูจอทีวีได้ชัดกว่า
       
      "จริงสิ ไหนๆเธอก็ลุกอยู่ในกระเป๋าสตางค์พี่มันมีวิตามินอยู่นะหยิบมาให้หน่อยสิ"
      "ได้ทีใช้ใหญ่เลยนะคอยดูฉันจะฟ้องพ่อ"แม้จะบ่นออกมาแบบนั้นแต่สุดท้ายแล้วพัคมินฮาก็ต้องยอมแล้วไป
      เปิดกระเป๋าแล้วหยิบซองยาเล็กๆนั้นขึ้นมาในซองยานั้นมีวิตามินอย่างที่คยองริว่าอยู่ห้าเม็ดซึ่งดูแล้วรูปทรง
      มันดูแปลกๆ แถมยังมีเม็ดยาเป็นสีที่ไม่ค่อยเอามาทำยาเท่าไรนัก แต่มินฮาเองก็ไม่ใช่เภสัชกรที่จะรอบรู้เรื่อง
      ยาไปเสียหมด เพราะงั้นสิ่งที่มินฮาควรทำคือหยิบซองยานั้นเอาไปให้คนขอเท่านั้น
       
      "ดูหนังก่อนเถอะเดี๋ยวพี่จะคอยอธิบาย"คยองริพูดระหว่างที่หยิบยาเม็ดสีฟ้านั้นขึ้นมากินพร้อมๆกันกับน้ำ
      ยาที่เธอเชื่อว่ามันคือวิตามินจริงๆ จากปากคนที่ให้เธอมา
       
      "นี่มันหนังอะไรกันแน่พี่คยองริ...เรื่องนั้นแน่หรอชู้รักเรือร่มน่ะ"มินฮาที่แน่นอนว่าเคยดูภาพยนต์เรื่องนี้มาแล้ว
      อาจจะไม่บ่อยเท่ากับคยองริ แต่หล่อนก็จำได้ว่ามันไม่ได้เริ่มด้วยผู้หญิงชาวเอเชียวที่กอดจูบกันในชุดนักเรียน
      แบบนี้ซึ่งก็พอดีกันกับที่คยองรินั้นกินยาเสร็จ ร่างบางนั้นสะดุ้งเฮือกทั้งผุดลุกออกจากเตียงของมินฮาเตรียมที่จะ
      ไปปิดหนังต้นทุนต่ำที่ฉายอยู่บนหน้าจอทีวีระดับความคมชัดสูงนั้น แต่ดูเหมือนว่าช่วงแขนที่ยาวกว่าของมินฮานั้น
      จะได้เปรียบกว่า เพียงใช้แรงดึงเบาๆร่างบางของคยองริก็ถูกยื้อกลับมานั่งเป็นเด็กดีบนตักของคนเด็กกว่า
      อย่างว่าง่าย
       
      "ไหนๆแล้วพี่ก็สอนฉันเรื่องนี้เลยก็ได้นี่นา...ในคลาสฮเยมิบอกว่ามันเป็นการแสดงความรักขั้นสูงสุด"
      "ป..ปล่อยพี่ก่อนสิ"ร่างบางที่ถูกรวบตัวอยู่บนตักมินฮาดูแล้วมันก็เหมือนกอดกันกลายๆแหละนะ คยองริค่อยๆ
      ผละตัวเองออกจากเด็กมินฮาแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ไม่ใช่ครั้งแรกที่มินฮาเล่นถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนี้ แต่นี่
      จะเป็นครั้งแรกที่คยองริกลับรู้สึกแปลกๆ จังหวะหัวใจที่เต้นเร็วผิดปกติจนเธอรู้สึกได้ทั้งที่ใกล้คริสมาสต์แล้ว
      แต่เธอกลับรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวนั้นกำลังร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างไม่มีท่าทีว่าจะดรอปลงได้ง่ายๆ ที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น
      คยองริกำลังมีความต้องการบางอย่างจากมินฮาที่มากกว่าการกอดกันเฉกเช่นเมื่อครู่ และความรู้สึกนั้นมันทวีคูณ
      หนักขึ้นทุกที ทั้งเสียงจากทีวีนั้นมันยิ่งทำให้เธอต้องการมินฮามากกว่าอะไรทั้งนั้น
       
      "ม...ไม่จริง"น้ำเสียงนั้นแหบพร่าทั้งแผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน ก่อนที่เจ้าของร่างนั้นเดินอย่างทุลักทุเลไปในห้องน้ำ
      ทั้งยังกำชับเด็กตัวสูงนั้นเอาไว้ว่าไม่ต้องเป็นห่วงขออยู่คนเดียวสักพัก...แต่ท่าทีแบบนั้นน่ะมีหรือที่มินฮาจะอดทน
      รอได้เกินสิบนาทีแค่ห้านาทีแรกมินฮาก็แทบอยากจะพุ่งเข้าไปในห้องน้ำแล้ว แล้วนี่เธอเล่นหายไปนานถึง
      สิบนาทีเต็มๆ แล้วยิ่งไม่ตอบรับเวลามินฮาเรียกไปเสียอีกแบบนี้ใครจะทนไหวเด็กตัวสูงรีบกดปิดหนังต้นทุนต่ำนั้น
      แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที และทันทีที่เข้าไปมินฮาแทบอยากจะจับพี่สาวคนนี้มาลงโทษให้รู้แล้วรู้รอดห้อง
      ประตูกระจกที่กั้นระหว่างโซนอ่างอาบน้ำกับชาวเวอร์ไว้คนละส่วนคยองริที่เปียกปอนไปทั้งชุด รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองนั้น
      มีไข้อยู่ทำไมต้องทำแบบนี้มินฮาก็ไม่เข้าใจ เรียวมือนั้นเลื่อนไปปิดน้ำที่ปล่อยจากเพดานตามดีไซน์ของตัวชาวเวอร์
      ที่ติดอยู่บนนั้น สิ่งที่มินฮาเห็นคือคยองริกำลังตัวสั่นทั้งใบหน้าและลำคอมันแดงซ่านไปหมด
       
      "พี่ทำอะไรน่ะ!! อยากตายหรอ!!!!!"
      "...ออกไปนะ"มือบางที่พยายามผลักคนที่เข้ามาใหม่นั้นออกไป แต่แรงแค่นั้นน่ะมินฮายังตลกเลยแรงแค่นั้นจะไป
      ไล่ใครได้ก็ไม่รู้ มินฮาในตอนนี้ก็อยู่ในสภาพที่ไม่อยากจะทิ้งพี่สาวคนนี้เอาไว้คนเดียวเท่าไรนัก ด้วยบ้านที่พัคมินจุน
      หาให้นั้นไม่รู้ว่าแค่ต้องการใกล้ๆมหาวิทยาลัยทำไมต้องซื้อให้มันใหญ่ไปไหน เพราะงั้นห้องน้ำนี้ก็เลยมีไซส์ที่ใหญ่
      ตามแบบบ้านนั่นล่ะ 
       
      "มินฮา...กอดพี่ได้ไหม"แม้จะงุนงงกับคำขอที่ดูพิลึกชอบกลแต่มินฮาก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือตอบรับอะไรด้วยซ้ำ
      คยองริเองที่เป็นฝ่ายสวมกอดเข้าช่วงเอวของมินฮาแล้วซุกใบหน้าลงบนช่วงไหล่ของเด็กตัวสูงนั้น
       
      "พี่รู้สึกนะทุกครั้งที่กอดเธอ...มันอุ่นกว่ากอดใครๆเสียอีก"
      "พี่ทำอย่างกับตอนที่ฮเยมิบอกชอบฉันแน่ะ...แล้วทำไมตัวถึงร้อนแบบนี้เป็นอะไรรึเปล่า"
      "พี่คิดว่าที่จงฮยอนให้มา...มันเป็นยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศ"มินฮาเลิ่กคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจในคราแรก ทั้งพยายาม
      จะประมวลผลทุกอย่างแล้วก็เข้าใจขึ้นมาในทันทีในสิ่งที่คยองริพูดออกมามินฮาไม่สามารถจะรู้ได้ว่าจงฮยอนนั้น
      ต้องการอะไรถึงได้ให้ยาแบบนั้นมาตอนที่คยองริอยู่กับหล่อน
       
      "แล้วมันมีวิธีแก้ไหม"
      "คงต้องอาบน้ำหรือแช่น้ำเย็น...ถ้าใช้น้ำอุ่น พี่คงเป็นหนักกว่าเดิมหรืออีกวิธีก็คงเป็น..."คยองริเงียบไปครู่หนึ่ง
      ก่อนจะผละร่างออกจากอ้อมกอดของคนที่ตัวสูงกว่าเล็กน้อย ร่างของคยองรินั้นค่อยๆนั่งลงบริเวณขอบอ่างอาบน้ำ
       
      "...ฉันช่วยพี่ได้ไหม"คยองรินั้นไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยื่นมือออกไปเป็นการเชิญอีกคนนั้นให้มานั่งอยู่ข้างๆ
      หรือถ้าจะแปลในอีกความหมายก็คงเป็น "ตกลง" ล่ะมั้ง
       
      .
      .
      .
      .
      .
      .
      .
      .
      .
      .
       
      หลังจากเรื่องคืนนั้นมินฮาก็ตัวติดกับคยองริมากขึ้นถึงขั้นเวลามาเรียนถ้าคยองริมีคลาสสอนมินฮาก็จะรอออกมา
      พร้อมกันหรือว่าวันไหนที่คยองริต้องเข้าเวรที่โรงพยาบาล ถ้ามินฮาไม่มีเรียนก็จะตามไปเฝ้าถึงโรงพยาบาลทั้งยังจะ
      หาทางกันหมอหนุ่มนั้นออกห่างอยู่ตลอด ที่น่าแปลกไปอาการของมินฮานั้นกำเริบน้อยลงกว่าเดิมเยอะมากแทบจะ
      ไม่เกิดอาการด้วยซ้ำไปเกือบจะเดือนแล้วล่ะมั้ง แต่คยองริก็ยอมรับแหละนะว่ายังไงมินฮาก็คือมินฮาอยู่ดีถึงเธอจะ
      อธิบายเรื่อง 'ความรัก' ไปแค่ไหนสุดท้ายรายงานของมินฮา 80% เธอก็ต้องเป็นฝ่ายที่ลงมมือทำมันเอง
       
      "พี่คยองริ...ถามอะไรหน่อยได้ไหม"คยองริที่ยังคงก้มหน้าอ่านชาร์จรายงานอาการคนไข้ต่างๆ แต่ก็ครางรับอยู่เพียง
      ในลำคอ นั่นคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้วสำหรับมินฮา
       
      "ฮเยมิบอกชอบฉันอีกแล้ว...และก็บอกว่าให้ฉันเป็นแฟนได้ไหม พี่คิดว่าไงหรอในประเทศที่ไม่ยอมรับเรื่องแบบนั้น"
      "เรื่องนี้ก็อยู่ที่เธอนะมินฮา...ถ้าเธอจำรายละเอียดในรายงานได้แล้วเธอรู้สึกแบบนั้นจริงๆละก็ เธอคงชอบเพื่อนเธอ"
      "ฉันรู้สึกนะ...แต่เป็นกับพี่นะพี่คยองริ"ปากกาที่จรดลงบนชาร์จรายงานอาการคนไข้นั้นหยุดชะงักลง คยองริไม่ได้
      ตอบรับอะไรเพียงแต่ 'แสร้ง' ทำเป็นสนใจชาร์จรายงานอาการคนไข้นั้นมากกว่า แม้ว่าตอนนี้ไม่ได้มีจิตใจที่จะมีสมาธิ
      ทำอะไรแบบนั้น จนในที่สุดแล้วคยองริจำต้องปิดชาร์จนั้นลงแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆเด็กตัวสูงนั้นแทน
       
      "นั่นแปลว่าเธอก็คิดเหมือนพี่ไง"
      "แต่พี่จะทนคบกับฉันได้จริงๆหรอ...พี่ก็รู้ว่าฉันเป็นยังไง"
       
      "มันไม่สำคัญหรอกว่าเธอจะเป็นยังไง...พี่สัญญาจริงๆนะว่าพี่จะทำให้เธอหายให้ได้เลย"
       
      ...THE END...

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×