คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : oneshot - notes #hoonyoung #winkdeep
1. คุณไม่ชอบกินกุ้ง
เมื่อก่อนผมน่ะไม่รู้
เรียกว่าไม่เคยมีกฎสำคัญข้อแรกข้อนี้อยู่ในหัวด้วยซ้ำ คิดเอาไว้ด้วยแหละว่าเดทครั้งที่ห้าของเราหลังจากคบกันแล้วควรจะเป็นร้านอาหารซีฟู๊ดร้านโปรดของผม
ผมชอบเมนูกุ้งคลุกซอสเผ็ดของที่นั่นและอยากให้คุณได้ลองทานด้วยกัน
แต่แล้วการทานอาหารร่วมกันระหว่างเราครั้งที่สองก็พังล่มไม่เป็นท่า
เรานั่งทานร่วมกันอยู่ในร้านอาหารอิตาเลียนขนาดเล็กที่ห่างไกลจากผู้คน
คุณเป็นคนแนะนำร้านนี้และคิดว่าผมคงชอบถ้าหากว่าผมชอบอาหารทะเลมากรองลงมาจากเมนูเนื้อ
ผมแค่ชี้เมนูที่มีกุ้งเพราะคิดว่ามันคงจะเป็นอะไรง่ายๆระหว่างเรา บรรจงตัดเป็นคำและยื่นมันให้คุณได้ทาน
ตอนนั้นคุณไม่แม้แต่จะบอกผมสักนิดว่าคุณทานกุ้งไม่ได้
ไม่มีแม้แต่คำปฏิเสธ มีแค่รอยยิ้มกว้างและดวงตาเป็นขีดพร้อมกับรับมันเข้าปากด้วยความเต็มใจ
คุณเอ่ยคำขอโทษกับผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ต้องฝ่าฝนตกหนักขนาดนั้นเพื่อพาคุณส่งถึงมือคุณหมอได้อย่างปลอดภัย
ทั้งยังขอโทษขอโพยที่เป็นต้นเหตุให้ผมต้องจ่ายค่าอาหารราคาแพงโดยใช่เหตุ
ผมอยากจะบอกว่ามันไม่เป็นไร
นั่นไม่ใช่ความผิดของคุณ
คุณจะป่วยตอนไหนเมื่อไหร่ผมก็พร้อมจะพาคุณมาหาหมอเสมอถ้าหากนั่นจะทำให้คุณหายเจ็บเร็วขึ้น
ถ้าหากเราพลาดมื้อนี้ก็ไม่เป็นไร เรายังมีเวลาอีกมากมายที่จะทดแทนเวลาที่เสียไป
ผมอยากบอกคุณว่ามันไม่เป็นไรเลยซักนิดถ้าหากว่าผมจะต้องเสียเงินเป็นแสนวอนเพื่อรักษาให้คุณกลับมามีรอยยิ้มได้เหมือนเดิม
และถ้าหากจะให้ผมบอกว่าคุณผิด คุณก็คงผิดที่ยังยิ้มกว้างจนทำหัวใจผมเต้นระส่ำ
ทั้งยังอ้าปากรองรับเนื้อกุ้งที่ผมบรรจงหั่นมันเพื่อคุณ คุณคงผิดที่ไม่รู้จักปฏิเสธคำร้องขอของผมเสียบ้างจนเป็นเหตุให้คุณเจ็บตัวขนาดนี้
อยากจะหยิกแก้มคุณแรงๆแล้วบอกคุณว่าไม่เกรงใจผมซักครั้งก็ได้
ยังไงคุณก็ไม่ได้น่ารักลดน้อยลงไปเลยนะ
ร้านซีฟู๊ดที่ผมจดเบอร์โทรเอาไว้ในตารางเดทครั้งที่ห้าของเราถูกเปลี่ยนแผนเป็นสวนสนุกชื่อดัง
ผมยอมไม่ทานกุ้งคลุกซอสผัดเผ็ดนั่นก็ได้เพื่อแลกกับการได้เห็นคุณมีรอยยิ้มที่กว้างแบบนี้
และมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าถ้าหากเราเลือกจะไปร้านนั่นตามคำขอของผม ผมคงไม่มีความสุขเหมือนกับตอนนี้แน่ๆ
อย่างน้อยถ้าเราเลือกร้านอาหาร
ผมก็คงไม่มีโอกาสได้มองเห็นคุณในตอนที่สวมที่คาดผมรูปหูมิกกี้เม้าส์แบบนี้หรอก คุณนี่น่ารักไม่เปลี่ยน
2. คุณชอบกินช็อกโกแลต
(คุณกระซิบมาบอกว่าให้ขีดเน้นๆเลย ผมก็จะขีดล่ะนะ)
ผมจำวันนั้นได้อย่างขึ้นใจ
คุณผู้มีใบหน้าเรียวเล็กจนผมแทบจะกอบกุมมันได้ด้วยมือข้างเดียวกำลังนั่งมองกล่องสี่เหลี่ยมขนาดพอเหมาะด้วยแววตาเป็นประกาย
มันเป็นเพียงแค่คัพเค้กรสชาติเยี่ยมที่ผมได้รับจากรุ่นพี่มาอีกที คุณไม่แม้แต่จะไถ่ถามเลยด้วยซ้ำว่าเขาให้ผมมาเนื่องในโอกาสอะไร
ยอมรับเลยว่าตั้งแต่วินาทีที่ผมรับมันมาผมก็คิดไม่ตกว่าจะแก้ตัวกับคุณว่าอย่างไร
ผมกลัวว่าคุณจะคิดมากที่ผมเลือกรับของขวัญจากรุ่นพี่หน้าตาดี
ผมกังวลไม่ใช่น้อยเพราะกลัวว่าคนที่ไม่ชอบพูดอย่างคุณจะเก็บมันเอาไปคิดเล็กคิดน้อย
คุณไม่แม้แต่จะถามผมด้วยซ้ำว่าใครให้
ตั้งแต่ที่วางมันลงบนโต๊ะคุณก็เอาแต่จ้องมันไม่หยุด แค่เพียงผมเอ่ยประโยคที่ว่าก็แค่คัพเค้กรสช็อกโกแลตธรรมดา
คุณก็ช้อนตามองผมด้วยความใสซื่อ
ขอกินได้มั้ย?
คุณถามผมแค่นี้
แล้วคุณก็ไม่ซักไซ้อะไรผมอีก ผมอดทนรอให้คุณเคี้ยวเจ้าก้อนนี่ลงคอ(และคุณตอนที่แก้มทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเจ้าเค้กนี่ก็น่ารักเป็นบ้าอีกแล้ว)
ผมนั่งรอคุณละเมียดละไมมันพร้อมรอยยิ้มกว้างราวๆสามสิบนาที
แต่คุณก็ไม่มีคำถามอะไรอีก คุณพูดแค่ว่า อือ อร่อยจัง –อยากกินอีก แล้วคุณก็ป้อนมันมาที่ปากผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ผมก็รู้ได้ในทันที
แค่เป็นช็อกโกแลตตรงหน้า คุณก็มีความสุขมากพอที่จะไม่สนใจเรื่องร้ายๆ และผมก็ดีใจชะมัดที่คุณไม่แม้แต่จะโวยวายเมื่อหลังจากที่เราเดินจับมือเคียงข้างกันเพื่อไปส่งคุณอย่างเคย
ผมบอกคุณไปตรงๆว่านี่คือของขวัญจากการสารภาพรัก
คุณพยักหน้าพร้อมกับบอกว่าก็ดีแล้วไงที่มีคนทำขนมอร่อยมาให้ทานขนาดนี้ คุณไม่สนใจด้วยซ้ำถึงแม้ว่าพี่เขาจะสวย
แถมยังเอ่ยปากบอกให้ผมแนะนำเธอให้คุณรู้จักเสียด้วย
กลายเป็นผมนี่สิที่โกรธรุ่นพี่คนนั้น
เขาทำอาหารเก่งเกินไป
เก่งเสียจนคุณเผลอหลงเสน่ห์ในรสชาติคัพเค้กช็อกโกแลตพวกนั้น ผมจะไม่บอกคุณ
แต่สองสามวันให้หลังที่ผมชอบมีผงขาวๆติดที่กางเกงก็เป็นเพราะกำลังหัดทำมันให้คุณได้ทาน
ด้วยตัวของผมเอง
3. คุณไม่ชอบสีมิ้นท์
ตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้
ผมก็รู้สึกได้ว่าระหว่างเราสองคนน่ะข้อแตกต่างมันมากกว่าความชอบอะไรคล้ายกันเสียอีก
มันก็จริงอยู่ที่ผมบอกคุณว่าผมชอบสีดำ เพราะผมเองก็ชอบสีดำมากจริงๆ
แต่ถ้าหากเป็นเรื่องเสื้อผ้า ผมก็จะชอบเสื้อผ้าที่สดใสเพราะผมคิดว่าเราควรจะมีสีสันซะบ้าง
แต่นั่นไม่ใช่กับคุณ
ทุกๆครั้งที่เราเปิดตู้เสื้อผ้าที่ห้องของเรา การแบ่งประเภทเสื้อผ้าจะเป็นระเบียบได้โดยที่ไม่ต้องคัดแยกอะไรให้มากมาย
ของคุณน่ะมีแต่สีดำ สีดำ แล้วก็สีดำเต็มไปหมด นับชิ้นได้เลยว่าเป็นสีขาวทั้งหมดกี่ชิ้น
สีแดงทั้งหมดกี่ชิ้น
ในขณะที่ฝั่งของผมนั่นมีหลากสี
คุณทำเพียงแค่อมยิ้มยามที่ผมหยิบสีประหลาดขึ้นมาทาบทับกับตัว คุณพยักหน้าน้อยๆเมื่อผมถามว่าชุดนี้สำหรับผมเป็นยังไง
ไม่ว่าจะหยิบสีแดงแสบตา สีเขียวสดใส
หรือแม้กระทั่งสีชมพูนีออนที่ถูกฝังลึกลงไปในมุมอับของตู้เสื้อผ้าคุณก็จะพยักหน้าแล้วบอกว่ามันเหมาะกับผมไปซะหมด
ผมซื้อเสื้อกันหนาวให้คุณในช่วงที่พยากรณ์อากาศกำลังประกาศเตือนว่าอุณหภูมิจะติดลบลงไปเรื่อยๆ
บอกกันตามตรงว่าผมชักจะไม่ชอบคุณในเสื้อผ้าสีดำซักเท่าไหร่ ผมเดินอยู่ในห้าง
เดินผ่านทุกร้านและคิดพิจารณาถึงความเป็นไปได้
ท้ายสุดในมือของผมก็ถือถุงกระดาษที่มีผ้าเนื้อหนาอยู่ข้างใน
มันเป็นเพียงแค่เสื้อกันหนาวคาร์ดิแกนธรรมดาสีที่ผมคิดว่ามันเหมาะกับคุณมากที่สุด
คุณรับมันไปกอดไว้แนบอกในตอนที่ผมกำชับว่าให้ใส่ไปทำงานดีๆ
เช้าวันถัดมาผมก็เห็นคุณในเสื้อกันหนาวตัวนี้ คุณบอกว่ามันคือตัวโปรดและคิดว่าจะใส่มันไปจนกว่าคุณจะไม่รู้สึกว่ามันอุ่นอีก
ผมโพล่งออกไปว่าถ้าหากซักบ่อยๆก็คงจะบางลง คุณตอบผมกลับทันทีว่าตราบใดที่คุณยังนึกถึงเสมอว่าเสื้อตัวนี้ผมซื้อให้
ความอบอุ่นมันก็จะโอบกอดตัวคุณเองนั่นแหละ
ในตอนนั้นคุณสำหรับผมคือคนช่างพูดที่เก่งที่สุด แต่ถ้าหากในตอนนี้
ผมจะเพิ่มตำแหน่งคนเก็บความรู้สึกเก่งที่สุดให้อีกด้วย
เพราะเสื้อตัวนั้นน่ะคือสีมิ้นท์
และคุณก็เกลียดสีมิ้นท์มากซะด้วย
4. คุณไม่ชอบพูดอะไรที่ทำให้เรารู้สึกแย่
วันนั้นเป็นวันที่เราทะเลาะกันหนักที่สุด
ผมจำมันได้ดีในบรรดาวันทุกวันที่เราได้ใช้ร่วมกัน เราทะเลาะกันไม่บ่อย
และทุกครั้งก็จะต้องเป็นผมที่เป็นฝ่ายเข้าไปขอโทษคุณก่อนเสมอ
มันก็แค่วันนั้นผมเจอเรื่องที่ทำงานแย่ๆ
ทุกคนเหมือนจะโยนความผิดให้ผมรับในฐานะหัวหน้าแผนก แต่แท้จริงแล้วผมเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาซักนิด
ที่โดนกระทำก็เพราะโดนเล่นงานในฐานะลูกชายเจ้าของบริษัท
ผมเหนื่อยและอยากจะพักผ่อนสมอง
ไม่รู้ว่าทุกอย่างเป็นใจหรือนี่มันเรียกว่าชะตากรรมชีวิต
คนในแผนกเอ่ยปากเลี้ยงเหล้าและเบียร์ชั้นดีในฐานะที่ติดต่อกับคู่เจรจารายใหญ่ได้สำเร็จ
ผมตอบรับคำตกลงโดยลืมไปว่าคุณนัดทานข้าวมื้อเย็นกับผมเอาไว้
ผมกลับห้องไปตอนตีสองก็พบกับคุณที่เอาแต่นั่งนิ่งๆอยู่บนโซฟา
สายตาคู่นั้นของคุณไม่ได้หันมาต้อนรับผมอย่างที่เคย เอาแต่จ้องนาฬิกาฝาผนังจนผมคิดว่าคุณคงหลับไปแล้วด้วยซ้ำ
คุณบอกผมแค่สั้นๆว่าวันหลังไปไหนก็ควรจะบอก
แต่มันก็เหมือนกรรไกรที่ตัดฟางเส้นสุดท้ายของผมให้ขาด
มันเป็นแค่ประโยคแสดงความห่วงใยจากคุณ
แต่สำหรับผมที่กำลังเมากรึ่มและโดนกดขี่มาทั้งวันกลับมองว่ามันคือประโยคคำสั่ง
ผมไม่ชอบอยู่ภายใต้คำบัญชา
และก็คิดได้แค่ว่าคุณไม่ควรจะมาสั่งให้ผมทำอะไรนั่นนี่ได้ตามที่คุณชอบ
ผมเผลอตวาดคุณเสียจนคุณตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันน่ากลัวจนกระทั่งเห็นดวงตาคู่นั้นมีน้ำใสไหลริน
และผมก็รู้ได้แค่อย่างเดียว –ผมทำมันพัง
คุณเอ่ยคำว่าขอโทษ
ผมหายใจไม่ออกเพราะภาพตรงหน้ามันตอกย้ำความผิดของผมซะเหลือเกิน
เช้าวันถัดมาคุณรีบออกไปทำงานเร็วมากกว่าเคยพร้อมกับโจ๊กร้อนกรุ่นและเม็ดยาที่คุณทิ้งเอาไว้ให้ผมรักษาอาการแฮงค์ที่จะเกิดขึ้น
เย็นวันนั้นเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม
แต่สำหรับผม นี่ไม่ใช่คุณคนเดิม
ผมคว้าคุณเข้ามากอดในตอนที่คุณขอตัวเข้านอนก่อนใครเพื่อน
ผมเอ่ยซ้ำไปซ้ำมาแค่เพียงคำว่าขอโทษและไม่อยากให้เราเป็นแบบนี้
คุณทำแค่ลูบหัวผมขึ้นลงก่อนจะบอกว่าคุณเข้าใจ คุณบอกผมว่างานของผมน่ะมันเหนื่อยและมันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผมจะรู้สึกไม่ดี
ผมอยากจะบอกคุณว่าคุณตอนที่ไม่ได้ยิ้มให้ผมตอนนี้น่ะ
ทำให้ผมรู้สึกไม่ดียิ่งกว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาเสียอีก
เรากลับมาเป็นเหมือนเก่าในเช้าวันถัดมา
นี่มันทำให้รับรู้ได้ว่าการไม่มีคุณมันแย่ซะยิ่งกว่าตื่นเช้ามาแล้วพบว่าตัวเองแฮงค์ติดกันยี่สิบวันซะอีก
ผมชอบระหว่างเราตอนที่ไม่ได้ทะเลาะกันนะ
เผื่อคุณจะยังไม่รู้
5. คุณตอนอยู่กับผมน่ะ
คือความน่ารักทุกอย่างบนโลกใบนี้แล้ว
ผมยิ้มให้กับภาพตรงหน้า
มันเป็นรอยยิ้มที่ผมมักจะเผยออกมาตลอดเมื่อยามได้อยู่ใกล้คุณ
ครั้งแรกผมก็ไม่รู้และคิดว่ามันคงเป็นเรื่องปกติ
แต่แล้วใครต่อใครต่างก็ไถ่ถามผมว่าทำไมถึงได้มีความสุขอยู่ทุกครั้งถึงแม้ว่าวันวันนั้นผมจะโดนโขกสับจากคนอื่นมากแค่ไหน
ผมอยากตอบไปใจจะขาดว่าแค่มีคุณผมก็ยิ้มออกแล้วแต่ผมก็กลัวว่าถ้าหากเขารู้กันว่าผมมีคุณเป็นยาดีขนาดนี้
ใครต่อใครก็คงอยากจะได้คุณมาเป็นของตัวเองกันหมด ถ้าให้พูดตรงๆก็คือผมหวงคุณ
ผมคิดไม่ติดว่าควรจะเอารูปคุณยิ้มให้ผมขึ้นเป็นภาพล็อคหน้าจอโทรศัพท์ดีหรือไม่
เพราะผมกลัวว่าถ้าหากมีใครเข้ามาเห็นเข้า
เขาจะเห็นความน่ารักของคุณแล้วขโมยคุณไปจากผมหรือเปล่า ผมน่ะ
คลั่งไคล้คุณขนาดนี้เลยล่ะ
ภาพตรงหน้าก็แค่คุณตัวเล็กๆที่ก้มลงคุยกับเจ้าหมาตัวใหญ่ที่ถ้าหากกระโจนใส่คุณก็คงต้องมีตัวหักกันไปข้าง
คุณลูบหัวมันพร้อมใช้เสียงและท่าทางน่ารักโดยธรรมชาติ
ผมชอบมองคุณแบบนี้ถึงแม้จะชอบโดนหาว่าเป็นโรคจิตก็ตาม
คุณเม้มริมฝีปากแน่นและเผลอยื่นมันออกมาโดยที่ไม่ตั้งใจยามที่ผมส่ายหัวแล้วบอกว่าพอได้แล้วสำหรับค่ำคืนนี้
เรามีแพลนจะดูหนังกันตลอดทั้งคืน
คุณเอ่ยปากขอลิ้มรสเจ้าไอศกรีมตัวใหม่ที่ลงทุนออกไปซื้อมาเมื่อหัวค่ำ
คุณกินมันหมดไปแล้วส่วนหนึ่งและมันก็มากพอสำหรับโควตาคืนนี้ด้วย
ผมกลัวว่าคุณจะไม่สบายแต่คุณก็เอาแต่คิดว่าผมกลัวว่าคุณจะมาขโมยของผมกินหมด อยากจะบีบๆแก้มและปากยื่นๆนั่นพร้อมบอกว่าต่อให้ผมจะอยากกินมันแค่ไหนผมก็จะยกให้คุณ
มากกว่านี้ผมก็ให้ได้ แต่ผมไม่อยากเห็นคุณป่วยอีกแล้ว
ผมกลั้นขำให้กับภาพตรงหน้า
คุณลงทุนลากผมลุกออกจากเตียงในเวลาเจ็ดโมงครึ่งของเช้าวันอาทิตย์
บรรยายและสวมเสื้อผ้าเสียอย่างดิบดีเพื่อสาธิตการทำอาหารเช้าสำหรับวันนี้ให้ผมทาน
คุณอวดว่าคุณจะทำแซนวิชสอดไส้ไข่ดาวที่อร่อยที่สุดในโลก
แต่มันก็พังล่มไม่เป็นท่าเมื่อคุณเผลอทำไข่แดงแตกผสมไข่ขาวอยู่เรื่อย
คิ้วเรียวของคุณนั้นขมวดเป็นปม
ฝ่ามือเล็กๆทีผมชอบบีบมันเสมอเมื่อต้องการกำลังใจคราวนี้ก็บรรจงคัดแยกไข่ขาวและไข่แดงออกจากกันอย่างบรรจง
คุณสบถว่า อ่า –ให้ตายสิ!
เสียงดังลั่นเมื่อนี่เป็นฟองที่สามแล้วสำหรับเช้าวันนี้ ผมดันคุณไปข้างๆและอาสาจะเปลี่ยนเมนูวันนี้ให้เป็นไข่คนแสนอร่อยแทน
คุณเบ้ปากก่อนจะยอมถอยทัพกลับไปนั่งรอแต่โดยดี
และก็กลับมามียิ้มกว้างเมื่อได้ทานไข่คนรสชาติที่ตัวเองชื่นชอบ
ผมอยากจะเขียนเหตุผลเป็นร้อยเป็นพันว่าทำไมคุณถึงน่ารักมากสำหรับผม
แต่ทว่าเมื่อผมเขียนมันออกมาก็ดูเหมือนว่าจะมีแต่การชื่นชมคุณอย่างไม่รู้จักพอ
ผมไม่อยากนึกภาพว่าถ้าหากวันนั้นผมไม่ตัดสินใจจะทำอะไรสักอย่างระหว่างเรา
ความสุขของผมก็คงไม่มีแบบทุกวันนี้แน่ๆ
ไม่อยากจะนึกภาพว่าถ้าหากผมต้องตื่นเช้ามาโดยไม่มีคุณน่ะมันโหดร้ายขนาดไหน
แต่ถ้าถามผมว่าคุณน่ารักตอนไหนที่สุด
ผมจะตอบแบบไม่ยั้งคิดเลยว่า สีหน้าของคุณหลังจากที่ผมได้จูบคุณในทุกๆวันน่ะ
น่ารักกว่าอะไรดีเลยล่ะ
-
“อ๋า!
พี่จีฮุน เขียนนินทาผมอีกแล้วหรอ!”
มองดวงตากลมแป๋วของคนที่หนุนหัวลงกับตัก
เขาพับสมุดเล่มหนาในมือลงก่อนจะเอี้ยวตัวไปเก็บมันลงในลิ้นชักข้างเดียงดังเดิมโดยไม่ลืมที่จะล็อคมันอย่างเคย
“ตื่นแล้วหรอ”
ดีดหน้าผากเจ้าตัวยุ่งที่อาศัยหน้าตักเขาต่างหมอนมาได้ร่วมสี่สิบนาที จริงๆนี่มันก็แค่เช้าวันอาทิตย์
เราไม่ต้องรีบไปทำงานที่ไหน ก็เลยตื่นกันสายได้ตามปกติ
ผมปล่อยให้คุณนอนอย่างหนำใจโดยไม่ลืมที่จะให้คุณหนุนนอนตักของผมแทน
“พี่จีฮุนมานี่หน่อย”
มองมือเล็กๆที่กวักมือเรียก
เข้าขยับหน้าเข้าไปใกล้ก่อนจะลอบยิ้มเมื่อคนเป็นน้องจู่โจ่มเข้ามาประกบปากเพียงเล็กน้อยก่อนจะผละออก
“มอร์นิ่งคิส
ไปละ”
อืม
–ก็น่ารักมันมากขนาดเนี้ย จะให้ผมหนีไปไหนรอด?
#pdxdg
(ถึงแท็กจะชอบโดนหาว่าเป็นสแปม ก็สารภาพกันตรงนี้ว่าคิดชื่ออื่นไม่ออกแล้วค่ะ)
ความคิดเห็น