ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    produce 101/wannaone #pdxdg | all x baejinyoung

    ลำดับตอนที่ #12 : oneshot - red lipstick, daddy and me #hoonyoung #winkdeep

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.28K
      16
      18 ก.ค. 60

     

     

     


    thank you 'the best love' for this inspired scene.






     

     


    When a red lipstick reminded me about something in the past.
    trust me, this gonna be the death of my life.
    oh no—you are the one who did it not that red lipstick!

     

                   

     

     

     

     

              เผลอเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อรู้สึกเหนอะหนะแถมยังแห้งผาก แต่แล้วก็ต้องยับยั้งชั่งใจเมื่อคิดจะลอบเลียมันด้วยความเคยชิน เขาทำมันไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนที่มีลิปสติกสีแดงชาดถูกแต่งแต้มไปเต็มริมฝีปากอยู่แบบนี้

              เสียรู้เข้าเต็มๆ

              พัคจีฮุน!

     

     

              แพจินยองมีอีกชื่อคือไอ่หนู มันเป็นชื่อเรียกที่ถูกคนในกองถ่ายเรียกกันจนชิน เรียกว่าโดนพูดถึงด้วยสมยานามนี้มากกว่าชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้ซะอีก มากไปกว่านั้น มันไม่ใช่ฉายาที่ถูกตั้งมาจากความแก่นเซี้ยวหรืออะไรใดใด มันเป็นเพียงแค่ชื่อเรียกที่บ่งบอกสถานะตัวตนของเขาในที่ทำงานนี้ได้ก็เท่านั้น เด็กฝึกงานต๊อกต๋อยยังไงละ

              เขาฝึกงานที่นี่มาได้สี่เดือนกว่า มันเป็นระยะเวลาที่คิดว่าจะมีความสุขก็ไม่เชิง อบอวลไปด้วยความทุกข์ก็ไม่ใช่ พี่ในสตูดิโอก็น่ารักกับเขาตลอด เห็นจะมีแค่เพียงยามที่มีงานหนักเข้าหาพร้อมกันอย่างถาโถมถึงจะมีอาการที่ไม่น่ารักออกมาบ้าง แต่สภาพโดยรวมแล้วเขาก็คิดว่านี่มันดีเกินกว่าที่ฝันเอาไว้ซะอีก

              แต่ระยะเวลาแค่สี่เดือนแพจินยองเองก็ไม่คิดว่ามันมากพอที่จะไปสร้างศัตรูกับใครที่ไหน ด้วยลักษณะนิสัยที่ไม่ชอบต่อล้อต่อเถียงกับใครเป็นทุนเดิม บวกกับมองว่านี่อาจจะเป็นอนาคตที่ดีของเขาได้ก็เลยไม่ชอบแสดงอาการอะไรที่ส่งผลร้ายกับตัวเอง ถ้าหากมีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจก็จะพยายามหาทางออกอะไรก็ได้ที่ไม่กระทบเป็นวงกว้าง อาจจะลองไปปรึกษาพี่ซองอูที่อาสาจะดูแลเป็นอย่างดีตลอดการฝึกงาน หรือถ้าไม่อยากให้มันบานปลายเขาก็แค่ปล่อยให้มันผ่านไปเฉยๆ

     

              จนกระทั่งได้เจอกับคนคนหนึ่ง แผนการทั้งหมดมันถึงพังทลายดังตู้ม!

     

              เป็นรุ่นพี่เก่าสมัยมอปลายที่ไม่ค่อยจะกินรอยกันเท่าไหร่ หมอนั่นชอบหาเรื่องกวนประสาทให้ได้ไม่มีเว้นวัน ถ้าหากเป็นช่วงพักกลางวันในสมัยนั้นก็ต้องหาเรื่องต่อปากต่อคำกับเขาตลอดเวลา บ้างก็ชอบโพล่งถามเสียงดังท่ามกลางคนนับพันในโรงอาหารให้ได้อับอายกันเล่นๆ แล้วก็จะหัวเราะชอบใจใหญ่เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของเขาตอบกลับไป

    เคยลองถามไปแล้วตรงๆว่าไม่นึกเบื่อบ้างเลยหรือไงที่มาตามรังควานกันแบบนี้ แต่แล้วคำตอบที่ได้รับก็มีแค่เพียงรอยยิ้มโง่ๆและคำพูดชวนให้มีน้ำโหอีกระลอก แพจินยองถึงได้รับรู้ว่าคนแบบนี้เสวนาไปด้วยก็คงเปลืองน้ำลายโดยเปล่าประโยชน์

              ท้ายสุดในช่วงเวลาสองเดือนสุดท้ายที่อีกฝ่ายจะยังคงสถานะเป็นนักเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ แพจินยองเลยตัดสินใจว่าจะเพิกเฉยมันไปซะเลย นึกอยากพอใจจะทำอะไรก็ทำ อยากจะกวนประสาทเขาขนาดไหนก็เชิญเพราะเขาคงไม่ตอบโต้อะไรอีกแล้ว และขอปฏิญาณกับตัวเองเลยว่าจะไม่มีวันญาติดีกับผู้ชายคนนี้ที่ชื่อว่าพัคจีฮุนอีกตลอดชีวิต

     

     

              และเวลาห้าปีมันก็มากพอที่จะทำให้เราโคจรมาเจอกันอีกครั้ง

              เขาไม่ได้ติดตามข่าวสารของวงการในประเทศซักเท่าไหร่ ไม่ได้มีโอกาสรับรู้ว่าคุณจีฮุนที่กลายเป็นประเด็นร้อนไปทั่วบ้านทั่วเมืองในฐานะนายแบบหนุ่มดีกรีแรงจะเป็นคนคนเดียวกันกับที่เคยกวนประสาทเขาไว้เมื่อสมัยมัธยมปลาย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายจะกล้าพัฒนาตัวเองจนมีรูปลักษณ์ที่ดีได้ขนาดนี้ แต่อย่างที่ว่า เวลาเปลี่ยนก็ไม่ได้หมายความว่าสันด— เอ่อ ลักษณะนิสัยของคนคนนั้นจะเปลี่ยนไปด้วย

              เขาเองก็มั่นใจว่าเปลี่ยนลักษณะนิสัยและรูปลักษณ์ของตัวเองไปมาก ทั้งแว่นสุดเฉิ่มที่เคยใส่เมื่อตอนนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นกรอบบางให้ทันสมัยและเพิ่มความทะมัดทะแมง ทั้งผมสีดำที่ดูจืดชืดก็ลงทุนย้อมน้ำตาลให้ดูไม่จำเจ รู้จักการแต่งกายและการบำรุงผิวหน้าให้ไม่โทรมเหมือนแต่ก่อนจนโดนล้ออยู่บ่อยๆ และถ้าหากเอารูปของเขาเมื่อตอนมอปลายมาเทียบกับตอนนี้ก็ล้วนแล้วแต่บอกว่าเป็นคนละคนอยู่แล้ว! แพจินยองถึงได้มั่นใจนักมั่นใจหนาว่ายังไงคุณนายแบบหนุ่มที่จะเข้ามาถ่ายรูปให้กับแบรนด์โฆษณาในวันนี้ที่สตูดิโอไม่มีทางจดจำเขาได้อย่างแน่นอน

             

    มันผิดถนัด

              เพราะนอกจะจดจำได้อย่างขึ้นใจอย่างที่อีกฝ่ายว่า ยังคงตอกย้ำทฤษฎีและความมั่นใจของแพจินยองด้วยการทักทายกับชื่อเล่นที่อีกฝ่ายเป็นคนคัดเลือกให้กับมือ -น้องหนู

              อือ น้องหนูของพี่จีฮุนเขาล่ะ

              แพจินยองในวันนั้นเรียกได้ว่าเป็นไอ่หนูที่บุคลิกแปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เคยฝึกงานมาทั้งสีหน้าและท่าทางราวกับโกรธคนมาทั้งชาติ ทั้งอาการกระตือรือร้นนักหนาที่อาสาจะช่วยขนของอะไรก็ได้เพียงขอแค่ไม่ต้องมานั่งอยู่หน้ากล้องโง่ๆแบบนี้ ทั้งที่ปกติจะเป็นคนออดอ้อนขอให้ได้หน้าที่ที่เคลื่อนไหวร่างกายน้อยสุดก็ตามที

              และแม้กระทั่งคนเป็นพี่เลี้ยงอย่างองซองอูเอ่ยปากเล่นๆว่าออกไปซื้อกาแฟที่ฝั่งตรงข้ามให้หน่อยก็รีบคว้าเงินแล้ววิ่งออกไปทันที ทำอย่างกับถ้าหายใจอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมนี่อีกซักสองนาทีคงได้หัวใจวายตายกันไปข้างหนึ่ง และอาการแบบนี้ก็ทำให้พี่ในกองถ่ายหัวเราะด้วยความเอ็นดูกับไอ่หนูที่เปลี่ยนไปคนละคน

              แพจินยองจำได้ว่าวันนั้นเขาสลบไปกับเตียงทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ พลังงานที่สะสมมาตลอดทั้งชีวิตก็ดูเหมือนจะติดลบไปเสียแล้ว

              เขาโทษว่าทั้งหมดเป็นเพราะพัคจีฮุน

              ไอ่รุ่นพี่ปากดีเอ้ย!

     

     

     

     

              เขาช็อกลมแทบจะจับเมื่อพบว่าวันนี้สตูดิโอมีคิวถ่ายแบบให้กับพัคจีฮุนอีกครั้ง เป็นการถ่ายโฆษณาน้ำหอมชื่อดังที่ขึ้นชื่อเป็นที่โจษจันไปทั่วโลก ได้ข่าวว่าแค่ค่าจ้างของรูปเดียวก็ทำเงินให้ได้ไม่ใช่น้อย เรียกได้ว่าถ่ายสิบรูปก็คงมีเงินกินและใช้อย่างสบายไปตลอดสามปี

              เขาไม่นึกอิจฉาเลยซักนิดในอนาคตที่อู้ฟู่ของอีกฝ่าย ยังไงเขาก็มีความสุขในรูปแบบที่เขาได้เป็นแค่ไอ่หนูต๊อกต๋อย ยังคงมีความสุขกับการกินรามยอนในปลายเดือนและกินหมูย่างในช่วงต้นเดือน มีความสุขกับการเดินหาเสื้อผ้าราคาเซลล์ที่มักจะมีมาตลอดเวลาเปลี่ยนคอลเลคชั่นใหม่ เขาไม่อิจฉาหรอกกับไอความสำราญที่ต้องแลกด้วยการไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง

             

    เขาพูดตรงนี้เลยว่าไม่อิจฉาหรอกนะที่อีกฝ่ายจะได้รับคอนเซปต์วันนี้เป็นหนุ่มฮอตเจ้าเสน่ห์ที่มีแต่สาวน้อยหน้าตาดีพร้อมรูปร่างทรวดทรงดึงดูดใจรายล้อม ไม่อิจฉาเลยสักนิดที่สตอรี่บอร์ดในวันนี้มีฉากใกล้ชิดกันจนถึงขั้นจุ้บแก้ม ไม่อิจฉาเลยด้วยถึงแม้ตลอดเวลาทั้งชีวิตเขาจะไม่มีโอกาสได้เจออะไรแบบนี้ก็ตามทีเถอะ

              กัดฟันกรอดพลางกระชับเสื้อผ้าสำหรับเซตต่อไปไว้แน่น วันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ได้วิ่งจุ้นไปไหนมาไหนได้อย่างคราวก่อนเพราะช่างภาพอย่างคังแดเนียลเป็นคนเอ่ยปากขอไว้เอง เพราะด้วยเด็กที่คอยขนาบข้างเปลี่ยนแสงไฟให้ได้ตามต้องการไม่อยู่ ไอ่หนูก็เลยกลายเป็นตัวเลือกที่สองที่คุณตากล้องจะเรียกใช้ เขาเลยมีสิทธิ์ทำได้แค่เป็นราวตากผ้าโง่ๆของพี่โคดี้ที่ฝากถือเสื้อผ้าสำหรับเซตต่อไปเอาไว้ และเป็นเด็กวิ่งเปลี่ยนตำแหน่งทิศทางของไฟยามคุณแดเนียลร้องขอ

              ที่ต้องกัดฟันกรอดก็เพราะสายตาเชิงเป็นผู้ชนะที่ส่งมาให้ไม่ขาดจากหลังกล้องนั่นแหละตัวดี คราแรกเขาก็นึกว่าคงเป็นอินเนอร์จากการถ่ายแบบที่ต้องทำให้ดูหล่อเข้มอยู่เสมอ ครั้นพอเห็นยามเปลี่ยนฉลากหรือท่าทางถึงได้รู้ว่านี่มันสายตาแห่งการเย้ยหยันชัดๆ

              ก็เล่นจ้องมาทางเขาพร้อมกระชับเอวของนางแบบสาวไว้แน่นขนาดนั้น รู้แล้วว่าอยากให้อิจฉา ไม่ต้องตอกย้ำขนาดนั้นก็ได้มั้งพัคจีฮุน!

             

              การถ่ายแบบในวันนี้ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายและว่องไว พัคจีฮุนนับว่าเป็นมืออาชีพสมกับที่พี่ซองอูเคยเล่าให้ฟังในครั้งก่อนอย่างไม่มีผิดเพี้ยน การเปลี่ยนสีหน้าและท่าทางได้อย่างง่ายดายภายในเวลาไม่กี่วินาทีทำให้เขาเกือบลืมตัวตนเมื่อสมัยหกปีก่อนของอีกคน

              เขาถอนหายใจพลางทิ้งตัวลงอย่างเหนื่อยอ่อนเมื่อนี่กำลังจะเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการถ่ายโฆษณา มันเป็นการถ่ายวิดีโอที่ในสตอรี่บอร์ดขอโคลสอัพเพียงแค่ใบหน้าของอีกฝ่ายและริมฝีปากของหญิงสาวที่ค่อยๆเข้าใกล้จนกระทั่งนาบเข้าไปที่แก้มขาวนั่น หลังจากนั้นก็จะระดมถ่ายภาพใบหน้าที่เปื้อนด้วยรสจูบสีแดงสดที่เพิ่มระดับความร้อนแรงให้กับนายแบบหนุ่มได้ถึงสามสิบเปอร์เซนต์

              แพจินยองคิดว่านี่มันไร้สาระ เขาไม่เคยมองว่าการที่ใบหน้าของใครเปื้อนด้วยรอยลิปสติกสีแดงสดจะทำให้ดูเท่ขึ้นเลยแม้แต่นิด แต่ถ้าหากทางฝ่ายลูกค้าเป็นคนร้องขอที่จะให้มีฉากนี้จริงๆก็คงขัดกันไม่ได้

     

              เริ่มเลื้อยไปกับเก้าอี้อย่างช่วยไม่ได้ด้วยความเหนื่อยล้า ดวงตากลมโตทั้งสองข้างของเขาก็พร้อมที่จะปิดลงทุกเมื่อ ถ้าหากในตอนนี้มีคนมาลากไปไหนเขาก็คงไปได้อย่างง่ายดาย เพราะบรรยากาศในตอนนี้มันทั้งเป็นใจและน่าเบื่อชะมัดยาก

              “ไอ่หนูช่วยพี่หน่อย”

              น้ำเสียงที่เขาคิดว่าไม่ได้ยินมาเกือบสิบนาทีหลุดออกจากปากตากล้องที่มีสีหน้าจนปัญญาถึงขีดสุด เขาสะลึมสะลือตื่นด้วยอาการง่วงงุน สมองพยายามประมวลผลเพื่อแยกให้ออกว่าประโยคก่อนหน้าที่อีกฝ่ายจะร้องขอเขาน่ะคืออะไร แต่แล้วก็จนใจที่จะคิดเพราะว่า –นี่มันง่วงสุดๆเลยให้ตาย

                ขยี้ตาพลางยืดตัวให้กลับมายืดตัวตรงดั่งเดิม เขาพยักหน้าตอบรับคำขอที่ดูจะเพิ่มรอยยิ้มให้กับใบหน้าของอีกฝ่ายได้ดี เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ไหว้วานน่ะคืออะไร คิดว่าคงเป็นการออกไปซื้อกาแฟง่ายๆที่ร้านฝั่งตรงข้ามอย่างเคย

              แต่แล้วก็รู้ตัวว่าตกหลุมพรางเข้าไปเต็มเปาเมื่อเห็นฝ่ามือของรุ่นพี่กวักมือเรียกใครบางคนที่อยู่ไม่ไกลให้เข้ามาหา เป็นรุ่นพี่โคดี้ที่มีหน้าที่เสริมความงามให้กับเหล่านางแบบในวันนี้ ในมือของเธอมีแท่งลิปสติกที่เขาจำได้ดีว่าถูกวางเอาไว้ให้เป็นแท่งที่จะใช้สำหรับนางแบบที่มีฉากจุ้บแก้มในวันนี้

              และเขาก็ตื่นเต็มสองตาเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นรุ่นพี่อีกคนเดินมาพร้อมกับอุปกรณ์แต่งหน้าในมืออย่างครบครัน และดูเหมือนว่า –จะตรงมาทางเขาเสียด้วย

              ชิบหายล่ะแพจินยอง

     

     

    -

     

     

     

             

     

              ตัวการของเรื่องทั้งหมดคือพัคจีฮุน

              เขาเพิ่งมารับรู้ในตอนที่พี่โคดี้เป็นคนเอ่ยปากเองกับมือว่าเจ้าตัวปฏิเสธที่จะแสดงฉากนี้กับนางแบบด้วยเหตุที่มองว่านี่มันจะทำให้ดูมากเกินไป และแฟนคลับคงไม่ชอบใจซักเท่าไหร่ พัคจีฮุนอ้างว่ากลัวว่าภาพลักษณ์ของนางแบบจะดูไม่ดีและเขาก็ไม่บริสุทธิ์ใจเสียด้วยที่จะให้ทำแบบนี้กับคนที่ไม่รู้จัก(และเขาก็มองว่านี่มันแสดงออกถึงความไม่เป็นมืออาชีพชัดๆ มากเกินไปแล้วนะพัคจีฮุน!)

              ไม่รู้ว่าไปถกเถียงกับลูกค้าอีท่าไหนถึงได้บทสรุปมาว่าจะให้เป็นหญิงหรือชายแต่เพียงแค่พัคจีฮุนรู้สึกพึงพอใจที่จะถ่ายทำฉากนั้นมันก็โอเค อย่างไรสิ่งที่จะเห็นก็เป็นแค่เพียงช่วงล่างของบริเวณใบหน้าและกลุ่มผมของคนที่ประทับรอยจูบลงบนแก้มแค่เพียงเท่านั้น เพราะฉะนั้นต่อให้เป็นผู้ชายก็จะถูกมองว่าเป็นสาวเปรี้ยวที่มีทรงผมสุดแซ่บแค่เท่านั้น

              และทำไม

              คนในกองมีเป็นร้อย ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่โคดี้นูน่าที่ทำงานมาด้วยกันตั้งแต่เข้าวงการ รุ่นพี่ในสตูดิโอที่หน้าตาสะสวยและเป็นมิตรกับพัคจีฮุนตลอดการทำงาน หรือแม้กระทั่งผู้จัดการส่วนตัวอะไรก็เอาไปสิ

              ทำไมต้องเป็น –น้องหนู

              จงใจแกล้งกันชัดๆ!

     

              เผลอเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อรู้สึกเหนอะหนะแถมยังแห้งผาก แต่แล้วก็ต้องยับยั้งชั่งใจเมื่อคิดจะลอบเลียมันด้วยความเคยชิน เขาทำมันไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนที่มีลิปสติกสีแดงชาดถูกแต่งแต้มไปเต็มริมฝีปากอยู่แบบนี้

              เขาเผลอหยีตาลงเล็กน้อยเมื่อแสงสปอร์ตไลท์ดูจะเข้าตามากกว่าที่ควร ตอนนี้คนในกองทุกคนดูพร้อมใจที่จะถ่ายทำช็อตนี้กันเต็มแก่ แม้กระทั่งพี่เลี้ยงของเขาอย่างองซองอูก็ยินดีละงานส่วนตัวมาเพื่อถือโทรศัพท์บันทึกฉากสำคัญนี้ไว้โดยเฉพาะ

              เสียงตะโกนก้องเบาๆว่าไอ่หนูสู้ๆของเหล่ารุ่นพี่ที่ยืนหลังกล้องดูท่าจะมากเกินกว่าปกติ ขนาดตากล้องที่เขาคิดมาเสมอว่าเป็นคนดีอย่างพี่แดเนียลก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะไปกับเขาด้วย ดูจากตรงนี้ยังรู้เลยอะว่ากลั้นขำกันจะแย่

     

              แพจินยองทดความหงุดหงิดเหล่านั้นเอาไว้ในจิตใจพลางมองเจ้าของฝ่ามือขาวที่ต้องเนียนมาโอบช่วงเอวของเขาเพื่อเพิ่มความใกล้ชิดระหว่างเรา การอธิบายฉากอย่างคร่าวๆของช่างภาพกำลังทำให้แพจินยองหมดความอดทน ทั้งการเน้นในน้ำเสียงที่ว่า ต้องจุ๊บลงไปเน้นๆและแช่ค้างไว้จนกว่าพี่จะบอกว่าพอเลยนะ ทั้งการชี้ย้ำลงไปในจุดที่ดูเหมือนจะเป็นตำแหน่งที่เขาต้องประทับรอยนี่ลงไป พร้อมบอกว่า –ขอใกล้ริมฝีปากเท่าไหร่ยิ่งดีนะไอ่หนู

              อยากจะถามไปเหมือนกันว่าถ้าต้องการขนาดนี้แล้วทำไมไม่ให้จูบไปเลยล่ะครับทุกคน! แต่ก็กลัวสายตาที่จ้องเขม็งจากหลังกล้องของคุณลูกค้า เขาอยากให้เรื่องเหล่านี้มันจบโดยไวพอๆกันกับอยากให้ไอเจ้าของมือนี่หยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดซักที ขยับยุกยิกไปมาจนรู้สึกเสียวสันหลังไปหมด

              หงุดหงิด

              ตัวซวยพัคจีฮุน

              เสียงเซ็งแซ่ของคนในกองเงียบลงอีกครั้งเมื่อคังแดเนียลทำสัญญาณมือเพื่อบ่งบอกว่ากำลังจะเริ่มถ่ายอย่างจริงจัง แพจินยองคิดว่าบรรยากาศในตอนนี้มันเงียบมากจนเกินไป มันเงียบเสียจนเขาได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่มันเต้นตึกตักจนปวดอกไปหมด

                “1 2 -3!

              เสียงกระซิบของคังแดเนียลทำให้เขาต้องหลับตาลงพร้อมขยับหน้าเข้าไปใกล้นายแบบหนุ่มที่ยื่นรอเอาไว้อยู่แล้ว เป็นเวลาแค่เพียงเสี้ยววิที่แพจินยองคิดว่าหัวใจมันทำงานหนักมากที่สุดในรอบยี่สิบสองปี เป็นแค่เวลาไม่นานที่ทำให้ประสาทการรับรู้ของเขาอื้ออึงไปหมด

              ผละออกมาเพราะรู้สึกว่านี่มันชักจะมากเกินไปแล้ว แต่ก็ต้องชะงักเมื่อพบกับใบหน้ายิ้มแหยๆของคังแดเนียลที่โผล่ออกมาจากหลังกล้อง

     

              “ไอ่หนูทำเร็วไปอะ ไกลจุดที่เรามาร์กไว้ด้วย”

              แทบจะอ้าปากค้างเพราะนั่นหมายความว่า –เขาต้องจูบอีกครั้ง

              ตวัดสายตามองไอตัวต้นเหตุที่บังอาจลอยหน้าลอยตาราวกับไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น เขารู้อยู่หรอกว่าในใจของอีกฝ่ายคงจะลิงโลดน่าดูที่ได้กลั่นแกล้งเขาอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องรู้สึกผิดเมื่อเห็นสายตาตำหนิของพี่ช่างแต่งหน้าที่ต้องเข้ามาลบและลงเครื่องสำอางในส่วนแก้มของอีกฝ่ายอีกครั้ง

              “คราวนี้ขอช้าๆนะไอ่หนู นับหนึ่งถึงสิบในใจ”

              เขาพยักหน้ายอมรับพลางเม้มริมฝีปากไปด้วยอีกครั้ง นี่มันประหม่าชะมัดยากและเขาก็รู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด

     

              คราวนี้การประทับจูบเขาพยายามไม่กดดันตัวเองมากเกินไป พยายามมองหาจุดที่ช่างกล้องและผู้กำกับได้เน้นเอาไว้ สูดลมหายใจเข้าลึกและค่อยๆทำตามที่คำสั่งของอีกฝ่าย และให้ตายเถอะ เมื่อไหร่จะผ่านกันนะ! แค่ครั้งเดียวก็จะแย่ ไม่อยากนึกภาพว่าถ้าหากต้องทำอีกรอบ..

              แต่พัคจีฮุนก็คือพัคจีฮุน เรียกสั้นๆว่า สันด— เอ่อ นิสัยไม่เคยเปลี่ยน

              “ผมขอสีหน้าที่ดูภาคภูมิใจมากกว่านี้หน่อยนะครับคุณพัค”

              ใช่ และเทคที่สองต่อให้เขาตั้งใจและจงใจประทับริมฝีปากให้ได้ตามที่ต้องการ คนที่ดูจะทำให้มันพังก็ต้องเป็นคนข้างๆกันเสมอไป

              แววตาที่อีกฝ่ายเปรยมองมามันน่าจิ้มให้ตาแตกกันไปข้าง ทำราวกับว่าเขาเป็นฝ่ายผิดเสียอย่างนั้นทั้งๆที่รอบนี้เขาเองก็เป็นคนทำเต็มที่แล้วแท้ๆ

     

              “อยากถ่ายให้เสร็จเร็วๆมั้ยน้องหนู?”

              “เออ”

              กระแทกกระทั้นในน้ำเสียงเมื่อได้ยินความยียวนจากอีกฝ่าย เหมือนเหตุการณ์ในโรงอาหารเมื่อหกปีก่อนกลับมาอีกครั้ง ทั้งสีหน้า แววตา การแสดงออกที่ทำราวกับว่าเป็นฝ่ายเหนือกว่าแบบนี้มันทำให้หงุดหงิดใจเต็มทน

              “เรียกฉันว่าแด๊ดดี๊สิ”

              “ห้ะ?”

              “ถ้ายอมเรียกว่าแด๊ดดี๊ ฉันสัญญาว่านี่จะเป็นเทคสุดท้าย”

              “ไม่—“

              “ปฏิเสธอะไรก็เกรงใจสีหน้าลูกค้าข้างหลังกล้องด้วยนะ เร็ว –จะทำไหม?”

              ฝ่ามืออุ่นร้อนที่กระชับบริเวณช่วงเอวของเขาเป็นสัญญาณบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เขาเหลือบไปมองบุคคลที่สามอย่างที่อีกฝ่ายว่า พยายามชั่งใจอยู่นานภายใต้เวลาสิบห้าวินาทีที่เหลือถึงได้รับรู้ว่า เขาหมดหนทางแล้วจริงๆ

              สีหน้าคาดหวังและรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะช่วยปลอบประโลมไม่ให้เขารู้สึกกดดันจากคุณแดเนียลทำให้รู้สึกประหม่าชะมัดยาก ทั้งแววตาและการแสดงออกของพี่ซองอูนั่นก็ด้วย ยังไม่นับรวมสายตานับสิบคู่ที่มาจากช่างแต่งหน้าที่ไม่ต้องพูดออกมาเขาก็รับรู้ว่าแต่ละคนต่างเฝ้าฝันให้นี่เป็นเทคสุดท้าย

              นี่มันอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

             

              สูดลมหายใจเข้าลึกพลางสวดมนต์ระงับสติอารมณ์อยู่ในจิตใจ ท่องเอาไว้ว่านี่คืองานและนี่คือการทำเพื่อส่วนรวม มันคือการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ที่เขาจะไม่มีวันได้ทำมันอีก

              นับหนึ่งถึงสิบพร้อมกับค่อยๆหลับตาลง ในระยะที่ใบหน้าของเราห่างกันเพียงแค่ห้าเซนติเมตร แพจินยองก็กลั้นใจเอ่ยสรรพนามที่เขาคิดว่าจะไม่มีวันทำมันอีกตลอดชีวิต

    --“แด๊ดดี๊”

              มันเป็นเพียงเวลาไม่กี่วินาทีที่ทำให้แพจินยองรับรู้ว่าหัวใจของเขามันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว แค่การกลั้นใจแล้วประทับริมฝีปากไปตรงบริเวณนั้นก็เต้นแรงจนจะบ้า ยิ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่อีกคนยกยิ้มมุมปากพร้อมกับหันหน้ามาเพียงเล็กน้อยมันก็ดูเหมือนจะทำงานหนักจนเขากลัวว่าหลังจากนี้มันจะเผลอหยุดทำงานโดยที่ไม่รู้ตัว

              อวัยวะของเขาทาบทับกับบริเวณข้างแก้มของอีกฝ่ายก็จริง แต่มันก็เป็นข้างแก้มที่อยู่ในจุดที่อันตรายไม่ใช่น้อย และเมื่อยามที่ละออกมาจากตรงนั้น แพจินยองคิดว่าเขาเห็นสีแดงสดติดอยู่ที่มุมริมฝีปากของอีกฝ่าย

              ผละออกมาได้เพียงแค่เล็กน้อยแต่ยังรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่รินรดอยู่บริเวณข้างแก้มของตนเหมือนกัน เขาคิดว่าเขามองเห็นประกายบางอย่างในแววตาคู่นั้นเหมือนกับวันปัจฉิมนิเทศของอีกฝ่าย แววตาที่เต็มไปด้วยความสดใสและพึงพอใจเช่นเดียวกันกับประโยคสุดท้ายที่อีกคนทิ้งทวนเอาไว้ก่อนจะเดินออกมาจากชีวิตของเด็กมอปลายปีสองแพจินยอง เป็นประโยคที่เขาไม่มีวันลืม ทั้งเสียงเซ็งแซ่จากผู้คนรอบกาย อุณหภูมิระหว่างเราที่ลดลงเรื่อยๆ กลิ่นไอแดดพร้อมลมพัดที่โชยกลิ่นของดอกไม้เข้ามาใกล้

     

     

     

                ที่แกล้งบ่อยๆก็เพราะว่าชอบนะ

                “—ครับ น้องหนูของแด๊ดดี๊”

     

              และความอบอุ่นในน้ำเสียงเหล่านั้น

              เขาจดจำมันได้ขึ้นใจ

             

     

             





    end
    #pdxdg






         ฮื่อ ไม่รู้ว่ามีใครเคยดูเรื่องชเวโกซารัง ซี่รี่ย์เมื่อหลายปีก่อนไหมนะคะ 
    แต่นั่นคือฉากที่มาเป็นอินสไปร์ของเรื่องนี้ค่ะ ต้องขอบคุณมากๆ ♥♥♥
    รวมไปถึงขอบคุณทั่นตัวแทนด้วยที่เสนอคาแรคนั้นมาในคืนวันที่รูปออก(ถึงไม่คาดคิดว่าจะออกมาในรูปแบบนี้)
    มันเป็นวันช็อตสั้นๆที่ไม่มีอะไรเลยค่ะ และเขียนในเวลาสั้นมากๆ ฮื่อ เอามาให้ผ่อนคลายกันเล่นๆเด้อ
    แบบว่า เป็นการแก้บนให้กับคลิปอินนิสฟรี แค่กๆ----
    ท้ายสุดนี้ รวั๊กทุกคนนะคะ มาเบาสมองไปด้วยกันดีกว่า /หอมหัวทุกทั่น
    แก้เนื้อหาใหม่ค่ะ เพิ่งเห็นว่าบังเอิญได้อินสไปร์จากเพลงเดียวกัน
    ว้าก หนูขอโทษข่ะ T_T) ....... 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×