[B2ST-2JUN] SF - That word is 'LOVE' - [B2ST-2JUN] SF - That word is 'LOVE' นิยาย [B2ST-2JUN] SF - That word is 'LOVE' : Dek-D.com - Writer

    [B2ST-2JUN] SF - That word is 'LOVE'

    ผู้เข้าชมรวม

    1,078

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    8

    ผู้เข้าชมรวม


    1.07K

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    10
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 ม.ค. 56 / 23:26 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    © Tenpoints!
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      BEAST SHORT FICTION BY SAKURAGIMJI

      [SF] That word is 'LOVE'

      Doojun x Junhyung












      “ไม่เอาน่าดูจุน ผมต้องไปทำงานนะ”ร่างโปร่งเบี่ยงตัวหลบอ้อมกอดของคนรักเดินไปยังหน้ากระจก ตรวจสอบความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกายผ่านบนกระจกเงา ด้านหลังคือเตียงกว้างที่ผู้ชายสองคนสามารถนอนได้อย่างไม่ต้องเบียดกัน




      “จุนฮยองอ่า คิดถึงนี่”คนตัวโตออดอ้อนทำท่าจะโอบกอดจากด้านหลังอีกครั้ง จุนฮยองเลยหันไปดันอกเอาไว้แล้วส่งสายตาดุๆปรามไป





      “ผมมีนัดกับคนไข้ คงตามใจคุณไม่ได้ โตแล้วนะดูจุน อย่างอแงเป็นเด็กๆ"





      “โอเคๆ ก็ได้ งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง”





      “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมขับรถไปเองคุณเพิ่งกลับมานอนพักเถอะ”





      “เย็นนี้ไปทานข้าวด้วยกันนะ”





      “ผมกลับมาแล้วค่อยว่ากันนะ”จุนฮยองเอ่ยพร้อมกับหยิบหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายก่อนจะเดินออกจากห้องไป





      เขารู้ว่าดูจุนอยากมีเวลาอยู่ด้วยกันมากกว่านี้ แต่เราทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างมีงานและหน้าที่ต้องรับผิดชอบ เขาเป็นกุมารแพทย์ที่ใครก็มองว่าดูไม่เข้ากับหน้าตาสักนิด




      ส่วนดูจุนก็เป็นผู้กำกับที่ตอนนี้กำลังรุ่ง ต้องออกต่างจังหวัดไปถ่ายละครบ่อยๆจนแทบไม่ได้เจอกันเท่าไหร่ สองคนที่ความชอบไม่เหมือนกัน ไลฟ์สไตล์ก็ต่างกันมาก เขาเป็นคนที่ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ทำอะไรก็มักต้องคิดไตรตรองก่อน ขณะที่ดูจุนใช้อารมณ์ใส่ไปกับทุกเรื่อง เป็นคนโรแมนติกใส่ใจกับอะไรเล็กๆน้อยๆที่เขาเห็นว่าไม่จำเป็นเลย แต่ถึงอย่างนั้นเราก็คบกันได้มาเกือบปีแล้ว




      เราสองคนเจอกันที่งานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนคนหนึ่ง รู้จักกันผ่านเพื่อนของเพื่อนจนเริ่มนับสายกันไม่ถูกเพราะสุดท้ายแล้วทุกคนก็กลายเป็
      นเพื่อนกันไปหมด ตอนที่ดูจุนขอคบเขาตอบตกลงไปอย่างง่ายดายเพราะตอนนั้นไม่มีใครแล้วเขาก็เป็นคนที่ไม่
      มีเวลาไปจีบใครเนื่องจากหน้าที่การงาน เลยคิดว่าถ้ามีคนมาขอคบแล้วคนๆนั้นไม่เลวร้ายอะไรนักก็อยากจะลองคบดูด้วย คนๆนั้นก็คือดูจุน





      จุนฮยองโบกมือลาหนูน้อยในอ้อมกอดคุณแม่แล้วกลับเข้าห้องด้วยรอยยิ้ม เสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าก็ดังขึ้นพอดีราวกับรู้เวลา




      ผมรออยู่หน้าโรงพยาบาลนะ

      ผู้กำกับยุน



      รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งกว้างขึ้น คุณหมอหนุ่มเดินเข้าไปด้านในของห้องตรวจเพื่อล้างมือ ถอดเสื้อกราวด์แขวนไว้ในตู้ คว้ากระเป๋าขึ้นสะพายก่อนจะเดินไปยังลานจอดรถ




      จุนฮยองแกล้งตีหน้านิ่ง เมื่อดูจุนก้าวเข้ามานั่งในรถ กลิ่นหอมสดชื่นจากน้ำหอมที่ดูจุนชอบใช้ประจำกรุ่นกระจายอยู่ในรถ...เขาชอบ




      “ทำไมต้องมารอด้วย แล้วมายั่งไงเนี่ย”




      “มาแท็กซี่ ก็อยากเจอไวๆเลยมาหา โกรธเหรอ?”จุนฮยองเหลือบมองคนนั่งข้างๆเล็กน้อย แล้วก็ตั้งใจขับรถต่อ





      “เปล่า รอให้กลับไปที่ห้องก่อนก็ได้"





      “เสียเวลาขับรถไปมา เราไปหาอะไรกินกันเถอะ ผมจองร้านไว้แล้ว”น้ำเสียงทุ้มฟังดูกระตือรือร้นมาก




      “ได้นอนมั่งหรือเปล่า ไม่เหนื่อยรึไง”เพียงแค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าดูจุนคงยังไม่ได้พักแน่ๆ





      “นอนไปนิดหน่อย แค่เห็นหน้าคุณผมก็ดีขึ้นแล้ว”เขาไม่เห็นว่าดูจุนทำหน้าแบบไหนแต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วมันดูกรุ้มกริ่มพิกลเลยไ
      ด้แต่พยักหน้าเออออไปไม่สาวความต่อ







      x




      x




      x




      x








      จุนฮยองเดินงัวเงียออกมาจากห้องนอนตอนตีสองเพื่อหาน้ำดื่ม แต่แสงไฟในห้องทำงานของดูจุนยังคงเปิดสว่างอยู่ ขาทั้งคู่จึงเปลี่ยนจุดหมายไปยังห้องนั้นแทน





      เสียงเพลงจากสเตอริโอดังคลอเบาๆ แต่คนในห้องหลับฟุบคากองกระดาษมากมายที่วางสุมกันไว้บนโต๊ะ จำได้ว่าเขาจัดห้องนี้ให้เป็นระเบียบเข้าที่เข้าทางแล้ว แต่สภาพตอนนี้แทบจะจำเค้าเดิมไม่ได้ หนังสือหลายเล่มถูกรื้อค้นออกมา วางระเกะระกะเต็มห้องไปหมด อุปกรณ์ประกอบฉากบางอย่างก็วางขวางทางเดิน ขณะที่สตอรี่บอร์ดก็วางทับๆกันบนโซฟา





      คุณหมอหนุ่มส่ายหน้ากับความไม่เป็นระเบียบของผู้กำกับงานชุก เก็บปึกกระดาษที่คาดว่าคงเป็นบทละครที่ถูกไฮไลท์ด้วยสีต่างๆวางซ้อนกันไว้ตรงมุมหนึ่
      งของโต๊ะ





      “ดูจุน...ลุกไปนอนได้แล้ว”





      “อื้อ....”ร่างที่ฟุบอยู่เงยหน้าขึ้นมอง





      “ไปนอน”





      “งานยังไม่เสร็จเลย”พูดเสร็จก็หาวขึ้นมาสองสามครั้งติดกัน





      “ก็เห็นอยู่ว่าทำต่อไม่ไหวแล้ว ไปนอนก่อนพรุ่งนี้ค่อยตื่นมาทำ”จุนฮยองดึงแขนให้อีกคนลุกขึ้น สายตาดุๆที่จ้องมองมาทำให้คนตัวสูงตัดสินใจลุกขึ้นเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างไม่มีข้อโต้
      แย้ง





      ดูจุนเบียดตัวลงข้างๆร่างโปร่งจนไร้ช่องว่าง ปลายจมูกกดลงตรงซอกคอเพื่อสูดกลิ่นหอมที่ตัวเองชอบ ขณะที่มือลูบไล้ท่อนแขนที่อยู่นอกผ้าห่ม





      “ดูจุน...ไม่ทำนะ นอนเถอะ”จุนฮยองจับมือที่กำลังซุกซนเอาไว้แล้วบอกเสียงเข้ม





      “คิดถึงนี่นา”





      “แต่ผมอยากนอน”เขาเหนื่อยแล้วดูจุนเองก็เหนื่อยจนหลับพับคากองงานขนาดนั้น ควรจะพักผ่อนมากกว่าจะมาทำอะไรตามใจแบบนี้





      “ก็ได้ครับ”ท่อนแขนแกร่งที่โอบกอดเขาไว้คลายออก ร่างสูงขยับตัวออกห่างอีกฝ่ายจนรับรู้ได้ถึงช่องว่างระหว่างกันและกัน แต่จุนฮยองก็ไม่คิดจะหันหลังกลับไปมอง






      ดูจุนพลิกตัวไปอีกทางก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบา ต่อให้ง่วงแค่ไหนเขาก็คงนอนไม่หลับ ในอกมันรู้สึกเจ็บชาอย่างบอกไม่ถูก เขารู้ดีว่าคนรักตัวเองเป็นคนแบบไหน แต่ถึงแม้จะรู้แต่ท่าทางเย็นชาไม่แคร์กันแบบนี้เขาก็ไม่เคยชินสักที เกือบปีที่คบกันเขามีความสุขมาก แต่ก็เป็นความสุขที่อยู่บนความไม่ชัดเจนเพราะไม่รู้ว่าจุนฮยองรักเขาบ้างหรือเปล่า






      จุนฮยองไม่ใช่รักแรกพบ แต่ก็ยอมรับว่าสะดุดตาเขาในครั้งแรกที่เจอกัน ยิ่งพอได้รู้จักเขาก็รู้สึกว่าเราน่าจะไปด้วยกันได้ แม้จะมีความต่างกันในหลายๆเรื่องก็ตาม ในวันที่เขาขอคบนั้นเขามั่นใจแล้วว่ารักคนๆนี้ และก็ดีใจมากที่จุนฮยองไม่ปฏิเสธกัน แต่เขาก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักเลยสักครั้ง แม้จะเป็นตอนที่เราได้ใกล้ชิดกันมากที่สุดก็ตาม จุนฮยองเป็นคนเก็บอารมณ์เก่ง มีไม่กี่ครั้งที่จะหลุดคำพูดออกมาบ้างว่าไม่พอใจอะไร แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะปรับตัวเข้าหากันได้เสมอ






      แต่...การที่อยู่กับความรู้สึกที่คลุมเครือแบบนี้เขาไม่ชอบเลย นับวันก็ยิ่งทำให้เขาคิดมาก เหมือนตัวเองทุ่มเทความรักให้อยู่ฝ่ายเดียวอีกฝ่ายก็แค่รับมันไปโดยไม่ปริปากอะไรเลย ครั้งหนึ่งเขาไปทำงานต่างจังหวัดเกือบสามอาทิตย์ แรกๆเขาก็โทรหาจุนฮยองทุกวัน แต่หลังจากนั้นเขาแกล้งเงียบหายไปหวังว่าอีกฝ่ายจะโทรกลับมาบ้างแต่ก็ไร้วี่แวว สุดท้ายเขาจึงโทรหาด้วยความคิดถึงแต่จุนฮยองกลับไม่รู้สึกยินดียินร้ายอะไรเลย พูดคุยตามปกติ คำว่าคิดถึงสักคำยังไม่มี...เขาน้อยใจ






      เหมือนกับตอนนี้..น้อยใจจนนึกโมโหตัวเองว่าทำไมไม่พูดกับตรงๆอีกฝ่ายไป แต่เขาก็รู้คำตอบดีเขากลัวจุนฮยองรำคาญและอาจจะเป็นเหตุที่ทำให้ต้องเลิกรากันไป






      ดูจุนค่อยๆลุกขึ้นเพราะไม่อยากให้คนที่นอนหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ในเมื่อนอนไม่หลับเขาก็ขอทำงานดีกว่าปล่อยตัวเองให้คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย






      คนที่คิดว่าหลับไปแล้วลืมตาขึ้นในความมืด จุนฮยองพลิกตัวมองประตูห้องที่ปิดลงแล้วถอนใจออกมา คืนนี้คงไมได้มีแต่ดูจุนที่นอนไม่หลับ เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไร แต่ไม่ชอบที่ดูจุนเป็นแบบนี้เลย





      บางครั้งการแค่กระทำก็ไม่เพียงพออย่างนั้นใช่มั้ย...













      x




      x




      x




      x










      “ได้นอนบ้างหรือยัง?”จุนฮยองเอ่ยถามคนที่เดินออกมาจากห้องทำงาน ขณะที่ตัวเองแต่งตัวเตรียมจะไปทำงาน





      “ยังเลย”ดูจุนไม่ยอมสบตาด้วย





      “ทำไมต้องอดหลับอดนอนทำงานแบบนี้ ออกต่างจังหวัดตั้งหลายวันกินนอนก็ไม่สบาย แทนที่กลับมาจะพักผ่อนบ้าง ไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง”





      “ถ้าไม่สบายแล้วคุณจะไม่ดูแลผมเหรอ”จุนฮยองตวัดตามองอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ดูจุนต้องรีบยิ้มกลบเกลื่อน





      “ผมล้อเล่น งานเสร็จแล้วเดี๋ยวจะไปนอนแล้ว คุณไปทำงานเถอะ”ดูจุนยิ้มเอาใจ อยากจะเข้าไปกอดอีกคนให้ชื่นใจแต่ก็ต้องห้ามตัวเองเอาไว้





      “ไม่ต้องไปรอตอนออกเวรนะ เดี๋ยวผมซื้อของกินเข้ามาให้”ดูจุนพยักหน้ารับคำพร้อมกับรอยยิ้มจืดเจื่อน





      จุนฮยองเดินออกไปแล้วเหลือเพียงกลิ่นหอมอ่อนๆในอาการที่เขาใช้หายใจ...ได้เพียงเท่าน
      ี้





      ดูจุนทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหมดแร ยกมือลูบหน้าตัวเองแล้วเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความชื้นที่ฝ่ามือตัวเอง มันอาจจะถึงคราวที่ต้องตัดสินใจสักที เขาไม่รู้ว่าตัวเองทำให้จุนฮยองมีความสุขบ้างหรือเปล่า ที่อยู่ด้วยกันทุกวันนี้เพราะอะไรกันแน่ เพราไม่มีใครหรือเพราไม่รู้จะเริ่มต้นพูดกับเขายังไงกันแน่ แต่ถ้าฝืนทนต่อไปความรู้สึกดีๆที่เคยมีให้กันมันอาจจะหายไป




      ถ้าเป็นเช่นนั้น...จบกันตอนนี้ยังดีเสียกว่า





      “กระเป๋าอะไรดูจุน จะไปถ่ายละครอีกแล้วเหรอ?”คุณหมอหนุ่มเอ่ยถามด้วยความแปลกใจเมื่อเปิดห้องมาพบกระเป๋าเดินทางขนาดย่อมวาง
      ไว้ข้างตู้ใส่รองเท้า





      “ไปเที่ยวกันเถอะจุนฮยอง”





      “เอ๊ะ? เที่ยว?”





      “อืม ไปค้างกันสักคืนสองคืนแล้วค่อยกลับมานะ”





      “แต่ผมต้องทำงานนะ”





      “ลาได้มั้ย?”





      “จะทำแบบนั้นได้ยังไงครับ”





      “ลาไม่ได้เลยเหรอ...แค่วันเดียวก็ได้ ผมขอแค่วันเดียวก็ได้นะ”ดูจุนนึกชมตัวเองอยู่ในใจที่ยังคงน้ำเสียงและใบหน้าของตัวเองให้เป็นปกติ ยังกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ ไม่เสียแรงที่เป็นถึงผู้กำกับ




      “เอาไว้วันหลังได้มั้ย ให้ผมเคลียร์งานก่อนแล้วเราค่อยไปหลายๆวัน”





      แต่เหมือนด้ายเส้นบางได้ขาดสะบั้นลง เขาไม่พร้อมจะฟังเหตุผลร้อยแปดของจุนฮยองอีกแล้ว





      “ถ้าไม่ไปวันนี้ ก็คงไม่มีวันหลังแล้วล่ะจุนฮยอง”เจ้าของชื่อชะงักไป สบตาสีเข้มของร่างสูงแล้วถอนใจออกมา





      “ก็ได้ตามใจคุณ ผมเก็บเสื้อผ้าก่อนก็แล้วกัน”ดูจุนรู้ว่าจุนฮยองไม่พอใจที่เขาเอาแต่ใจแบบนี้ แต่มันช่วยไม่ได้จริงๆก็ในเมื่อเขาเป็นคนที่ทำตามแต่อารมณ์อย่างที่จุนฮยองชอบพูดเสม





      จุนฮยองนั่งนิ่งไม่พูดอะไรสักคำจนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทาง ตอนนี้ท้องฟ้ามืดลงแล้ว แถมยังอาการเย็นอีกต่างหาก จุนฮยองนึกโมโหตัวเองที่ไมได้หยิบเสื้อคลุมตัวหนาๆมาสักตัว





      “หนาวเหรอ เอาของผมไปใส่สิ”เสื้อคลุมเนื้อนุ่มสีดำพาดลงบนไหล่กลิ่นน้ำหอมผสมกับกลิ่นบุหรี่ยังติดอยู่บนเ
      นื้อผ้า





      “สูบบุหรี่อีกแล้วเหรอ?”




      “เอ่อ...นิดหน่อยเอง”




      “อืม...อย่าสูบเยอะมันไม่ดี”





      “เข้าไปข้างในกันเถอะ จองห้องไว้แล้ว”




      หลังจากเช็คอินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดูจุนก็พาจุนฮยองมาทานมื้อค่ำที่ร้านอาหารของรีสอร์ท เนื่องจากวันนี้เป็นวันฉลองครบรอบปีที่สิบของรีสอร์ทที่นี่ลูกค้าทุกคนจึงได้รับบริก
      ารเครื่องดื่มทั้งแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ฟรีไม่อั้น




      จุนฮยองที่คร่ำเครียดกับงานมานานจึงเผลอดื่มไปหลายแก้วจนรู้สึกมึนๆจึงเอนตัวพิงไหล่
      ของดูจุนเตรียมตัวดูดอกไม้ไฟที่กำลังจะถูกจุดขึ้นในไม่ช้า





      “จุนฮยอง...”




      “หืม...”




      “อยู่กับผมแล้วมีความสุขมั้ย?”





      “ถามทำไม?”มองหน้าถามแล้วก็หันกลับไปมองบนท้องฟ้าที่ตอนนี้มีลูกไฟหลากสีแตกกระจายเป็นรู
      ปต่างๆอยู่บนนั้น





      “อยากรู้”




      “มีสิ...”





      ไม่รู้ว่าตอนไหนที่ดูจุนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ขนาดนี้ ริมฝีปากได้รูปใกล้เข้ามาทุกที จุนฮยองรู้ว่าจุดหมายปลายทางของมันอยู่ที่ใดแต่ก่อนที่จะแตะสัมผัสกันจุนฮยองก็ยกมือ
      กั้นมันเอาไว้





      “ตรงนี้คนเยอะ”




      “ขอโทษ...”ดูจุนเอ่ยมันอย่างแผ่วเบา แต่หน่วงที่หัวใจ




      “อืม..”




      ดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้นเนิ่นนานก่อนจะจบลงด้วยชุดใหญ่ตระการตา ลูกค้าของทางรีสอร์ทค่อยๆทยอยกลับห้องเพื่อพักผ่อน จุนฮยองเกาะไหล่ดูจุนเดินเรื่อยไปตามทางอย่างมึนๆเพราแอลกอฮอล์หลายขนาดที่ตีกันอยู่
      ในร่างกาย







      x




      x




      x




      x








      “อาบน้ำก่อนเลย เผื่อจะรู้สึกดีขึ้น”ดูจุนดันหลังคนรักเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะปิดประตูตามให้ ไม่ถึงห้านาทีก็ได้ยินเสียงเรียกดังมาจากด้านใน





      “หยิบแชมพูให้หน่อย อยู่ในกระเป๋าน่ะ”





      ดูจุนเดินไปเปิดกระเป๋าของจุนฮยองที่วางอยู่ปลายเตียง ค้นเอาแชมพูที่เจ้าตัวสั่งออกมา






      “ได้แล้ววางไว้หน้าห้องน้ำนะ”






      “เข้ามาสิไม่ได้ล็อค”






      ดูจุนเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ไอน้ำอุ่นกระจายไปทั้งห้องน้ำ ไอน้ำเกาะกระจกใสที่กั้นเป็นส่วนอาบน้ำเห็นภาพจุนฮยองเลือนรางอยู่ด้านหลัง มือที่ส่งขวดแขมพูให้ถูกกระชากเข้าไปในส่วนอาบน้ำ สายน้ำจากฝักบัวไหลรดตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า





      “อะไรเนี่ย...”





      “อาบน้ำด้วยกัน จะได้ไม่ต้องเสียเวลา ถอดเสื้อสิเปียกหมดแล้ว”





      เสื้อยืดที่ใส่ถอดรั้งให้พ้นตัวลงไปกองอยู่กับพื้นห้องน้ำ ร่างโปร่งถูกรั้งเข้าไปในอ้อมกอดแม้จะมีสายน้ำไหลรินแต่กลับรู้สึกว่าผิวเนื้อที่ต้อ
      งกันร้อนเหมือนไฟ





      “ผมจะสระผมนะ”





      “เดี๋ยวสระให้”ดูจุนบอกพร้อมกับบิดฝักบัว หยิบขวดแชมพูมาเทใส่มือขณะที่จุนฮยองยังอยู่ในอ้อมกอดไม่ได้ขยับไปไหน สองมือค่อยๆสอดเข้ากับกลุ่มผมขยี้เรือนผมสีเข้มจนเกิดฟอง ปลายจมูกเฉียดผิวแก้มที่เปียกชื้น ตามด้วยริมฝีปากที่แตะชิมกลีบปากนุ่มก่อนจะเปลี่ยนเป็นจูบลึกซึ้งจนเกิดเสียงทุกครั้
      งที่ผละออกจากกัน





      จุนฮยองปลดกางเกงขาสั้นของดูจุนลงไปกองกับพื้นอีกชิ้น เอื้อมมือไปหยิบสบู่เหลวแล้วบีบใส่มือถูจนเกิดฟองก่อนจะไล้ไปบนผิวเนื้อสีน้ำผึ้งของ
      ร่างสูง






      “คืนนี้เราจะอาบน้ำกันเสร็จมั้ย จุนฮยองอ่า...”ดูจุนกระซิบถามเสียงแหบพร่า ขณะที่มือยังทำหน้าที่คลึงเคล้าเส้นผมให้อีกคนอยู่






      “เสร็จสิถ้าคุณอยู่นิ่งๆ”จุนฮยองกระตุกยิ้ม อาจเป็นเพราะแอลกอฮอล์ปริมาณสูงในร่างกายทำให้เขาใจกล้าทำอะไรแบบนี้





      “มันนิ่งไม่ไหวหรอก หลับตาก่อนสิ จะล้างผมให้”





      “ผมล้างเอง”จุนฮยองหันหลังให้แล้วเปิดฝักบัวอีกครั้งเพื่อล้างฟองออกจากผม แต่เหมือนว่ามันจะไม่ง่ายเลยเมื่อดูจุนยังตามมากอดเขาเอาไว้ ทั้งปากและมือไม่อยู่สุขระรานไปทั่ว





      “ดูจุนอ่า...อาบน้ำก่อน”






      “แล้วใครกันที่เรียกผมเข้ามาอาบด้วยเนี่ย ต้องการแบบนี้ไม่ใช่หรือไง”เสียงหัวเราะดังแผ่วข้างหู จุนฮยองรู้สึกว่าตัวร้อนขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ นอกจากปากที่ใช้วาจาทำให้เขาร้อนแล้วยังทำให้เขาแทบละลายด้วยการกระทำอีกด้วย





      จุนฮยองจำเลือนรางเหลือเกินว่าออกจากห้องน้ำมาตอนไหน แต่ตอนนี้เขาอยู่ในอ้อมกอดของดูจุนที่มีเสียงหอบหายใจดังรวยรินอยู่ด้านหลัง






      “ดูจุน...ทำไมถึงพามาที่นี่”





      “หืม?”





      “ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่”





      “ก็พามาเปลี่ยนบรรยากาศ”





      “ไม่ได้คิดจะมาบอกเลิกกันใช่มั้ย?”





      เสียงสวบสาบของผ้าปูที่นอนดังขึ้นพร้อมกับที่ดูจุนดันตัวเองขึ้นพิงกับหัวเตียง จุนฮยองพลิกตัวกลับไปมองแล้วถามย้ำด้วยสายตาอีกครั้ง





      “ทำไมถึงคิดแบบนั้น”ดูจุนย้อนถามกลับไปด้วยความหวาดหวั่นลึกๆ





      “แววตาตอนที่คุณชวนผมมันบอกแบบนั้น คำพูดของคุณอีกเหมือนคนจะบอกเลิกกัน”ทำไมเขาจะดูไม่ออก คิดว่าเขาไม่รู้จักยุนดูจุนหรือไง





      “แล้วทำไมถึงยังยอมมาด้วยกันอีก”





      “ก็เพราะถ้าไม่มา คุณคงเลิกกับผมตอนนั้นแน่ๆ”ดูจุนคงคิดว่าตัวเองเก็บความรู้สึกได้เก่ง แต่เปล่าเลยยิ่งเก็บเขาก็ยิ่งเห็นและต้นเหตุมันก็คงเป็นเพราะเขาเอง
      ดูจุนนิ่งอีกคนรักด้วยสายตาที่ปวดร้าว





      “ทำไมถึงคิดจะเลิกกัน”





      “ไม่รู้สิ แต่มันเหมือนว่าเราจะไปกันไม่รอดเลย ผมอยากเลิกก่อนที่เราจะไม่เหลือความรู้สึกดีๆให้กันอีก”





      “อืม...”





      “ผมยังรักคุณนะ รักมากด้วย แต่ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วคุณไม่มีความสุข...”





      “บอกไปแล้วไงว่ามีความสุขดี”จุนฮยองสวนขึ้นมา “ผมเป็นของผมแบบนี้ และผมก็รู้ดีว่าคุณรักผมในแบบที่ผมเป็น คิดว่าการกระทำมันเพียงพอให้คุณเข้าใจว่าผมรู้สึกยังไง ถ้าผมอึดอัดใจที่จะอยู่กับคุณก็คงเลิกไปนานแล้ว ที่ผมบ่นบ้างดุบ้างก็เพราะเป็นห่วง ทั้งนอนดึก สูบบุหรี่ร่างกายจะแย่เอานะ คนอยากจะให้นอนพักผ่อนแต่ก็ยังดื้อด้านจะทำอย่างอื่นอีก”อดเหน็บอีกฝ่ายไม่ได้




      แต่คนฟังไม่สนใจเลยว่าจะถูกว่าอะไร หัวใจที่ห่อเหี่ยวของดูจุนค่อยๆชุ่มชื้นขึ้นมาเมื่อได้ยินคำว่าเป็นห่วงจากปากคนรัก





      “แล้วที่คุณคิดว่าผมไม่ใส่ใจนั่นอีก ถ้าไม่ใส่ใจผมคงไม่จำหรอกว่าคุณถ่ายละครเรื่องอะไรอยู่ พระนางชื่ออะไร ไปถ่ายที่ไหนกลับเมื่อไหร่ แต่ที่ผมไม่โทรก็เพราะไม่อยากให้คุณเสียสมาธิแล้วไม่รู้ด้วยว่าคุณว่างตอนไหน ผมจำทุกอย่างเกี่ยวกับคุณได้ทั้งที่บ้างครั้งคุณไม่เคยบอกผมเลยด้วยซ้ำ ซึ่งผมคิดว่าคุณน่าจะรับรู้สิ่งที่ผมทำได้ แต่เหมือนว่าคุณจะไม่เข้าใจนะคุณผู้กำกับยุน”จุนฮยองเอ่ยยิ้มๆ






      “เข้าใจว่าอะไรครับ คุณหมอยง”ดูจุนโน้มตัวลงไปหา






      “เดาเองไม่ได้เหรอ?”จุนฮยองกระตุกยิ้ม






      “ไม่อยากเดา จุนฮยองอ่า”ดูจุนไม่คิดจะเก็บรอยยิ้มเลย จุนฮยองพูดออกมายืดยาวขนาดนั้นไม่เข้าใจก็บ้าแล้ว แต่เขาอยากได้ยินจากปาก “สำหรับผมแล้วคำพูดกับการกระทำมันต้องไปด้วยกันนะ”





      “ก้มลงมาอีกสิ”จุนฮยองกระดิกนิ้วเรียก ดูจุนทำตามอย่างว่าง่ายก่อนที่ใบหน้าจะค่อยๆเปลี่ยนสี เมื่อริมฝีปากนุ่มสัมผัสที่ข้างแก้มพร้อมกับถ้อยคำที่อยากฟังมานาน “รัก”





      ดูจุนซุกหน้ากับหมอนซ่อนใบหน้าของตัวเองเอาไว้ จุนฮยองอดหมั่นไส้ไม่ได้ต่อยแขนเปล่าเปลือยไปสองสามที





      “ทำตัวเป็นเด็กไปได้ เขินอะไรขนาดนั้น ผมต้องเป็นฝ่ายเขินไม่ใช่หรือไง?”





      “จุนฮยองอ่า ไม่มาเป็นผมไม่รู้หรอก”ดูจุนเกาะเอวเอาหน้าซุกกับหน้าท้องอีกคนเอาไว้ เขาดีใจมากและมีความสุขมากจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้






      “แล้วนี่จะนอนได้ยัง? ผมง่วงแล้วนะ”





      “ทำตัวน่ารักแบบนี้...ไม่ต้องนอนจนเช้าเลยดีมั้ย”ดูจุนยิ้มกรุ้มกริ่ม





      “ก็ลองดูสิ ถ้าไม่กลัวผมโกรธน่ะ”จุนฮยองขู่ด้วยสายตา ใครจะไปมีแรงทำเรื่องแบบนั้นได้ยันเช้ากัน เกินมนุษย์ไปแล้ว!





      “จุนฮยองอ่าอย่าใจร้ายนักสิ ถือว่าเป็นโบนัสนะ ไม่ได้กอดตั้งนานแล้ว”





      จุนฮยองส่ายหน้าระอาใจ ก็เพิ่งกอดเขาไปหยกๆไม่ใช่หรือไง“ไม่ ผมจะนอนแล้ว ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะ แถมยังถูกลากมานี่อีก นอนเถอะพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”




      จุนฮยองพลิกตัวหันหลังให้ดึงมาผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงคอไม่สนใจเสียงออดอ้อนจากด้านหล
      ัง





      “จุนฮยองอ่า...ผมปล้ำจริงๆนะ”





      “ไหนว่าการกระทำมันต้องไปพร้อมกับคำพูดไง เอาแต่พูดอยู่ได้...”








      x




      x




      x




      x






      END

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×