คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เพลงดาบที่1
เพลงดาบที่1
สุดปลายของฟ้า ความฝันที่หวังเอาไว้จะคอยอยู่ที่นั้น เพียงแค่เชื่อในสิ่งที่ได้พบเจอ ยิ่งผจญภัย ความฝันต่างๆก็จะเริ่มเป็นจริง ‘พลัง’ ที่ไม่เคยมีใครได้ครอบครอง แต่ ‘ความฝัน’ คนที่ไม่ได้พบเจอกลับมียิ่งกว่า คงมีเพียงเศษเสี้ยวของผู้คนมากมายที่ได้ไปถึงยังขอบปลายฟ้าแห่งนั้น บางไปถึงเพราะพวกพ้อง บางไปถึงเพราะความเชื่อใจ แต่ทุกอย่างที่ได้กล่าวมา กลับไม่มีสักคนเดียว คนที่ไปถึงที่แห่งนั้นด้วยตัวคนเดียว ทุกคนต่างต้องมีเพื่อนเสมอ ไปเถอะ... ไปกับพวกเรา ไปผจญภัยกับพลัง ความฝัน และพวกพ้อง ไปเถอะนะที่สุดปลายนภา... กับพวกเรา 4 ผู้พิทักษ์
“อ่า... ค่าจ้างเยอะจังเลยแฮะ”ฮิเดะที่กำลังอ่านป้ายประกาศพึมพำขึ้นมา “หรือเราจะไปทำบ้างดีนะ” เขาว่าพลางมองไปรอบๆ ก่อนจะก้มหลบอย่างรวดเร็ว
ผลั้ว!
“ซาสุเกะเหรอ”ฮิเดะถาม ก่อนจะได้รับคำตอบเป็นหมัดที่ถูกส่งมาอีกครั้ง และครั้งนี้ เขาโดนมันเข้าไปเต็มๆ เลือดกำเดาสีแดงไหลออกมาจากจมูก เขาปาดมันขึ้นมาดูก่อนจะทำหน้าเสียดาย
“อ่า... เลือดไหลเลยล่ะ”เขาว่าด้วยสีหน้าเรียบๆ ทำให้ซาสุเกะที่กำลังก้มหน้าไปอ่านป้ายประกาศที่ถูกทำลายลงไปแล้วเงยหน้าขึ้นด้วยความโกรธที่กำลังประทุ
“ฮิเดะ! แกตายยยยยยยยยยยยย!!!”แต่ก่อนที่ดาบ ‘สุซาคุ’ จะได้โดนร่างกายของผู้ที่ทำหน้าซื่อจนถึงเซ่อแล้ว ดาบบริสุทธิ์อีกเล่มก็เข้ามาขวางได้อย่างทันท่วงที ชื่อของดาบนั้นคือ... ‘เกนบุ’
“ไม่เอาหน่า ซาสุเกะ ฮิเดะมันก็แบบนี้ เจ้ายังไม่ชินอีกเหรอ”ยูคิว่าก่อนจะดันดาบในมือของซาสุเกะลง แต่ก็ต้องตวัดดาบกลับขึ้นมารับดาบสุซาคุเล่มนั้นอีกครั้ง เมื่อเจ้าของดาบนั้นยังคงดื้อดึงไม่ยอมแพ้
“ยังไงวันนี้ข้าจะฆ่าเจ้านี้ให้ได้ ยูคิเจ้าดูเองสิ นี้มันป้ายประกาศจับพวกเราชัดๆ แต่ไอ้บ้านี้กลับดูได้เฉยๆ แถมยังบอกว่าจะจับพวกเราเองเลยด้วย”ซาสุเกะบอกอย่างโมโห
“ไหนๆ อืม... ค่าหัว หมื่นล้านเยน เฮ้! ฮิเดะ เราจับสองคนนี้ไปเอาเงินกันดีกว่ามั๊ย”ยูคิบอกหลังจากอ่านจบ
“ยูคิ เจ้า!”ซาสุเกะกำดาบแน่น แล้วฟันลงไปที่ร่างของยูคิอย่างแม่นยำ แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายก้มหลบได้อย่างหวุดหวิด
“เฮ้ๆ ขอโทษๆ ว้ากกก~ อย่าเล่นท่าอิไอเซ่~”ยูคิว่าก่อนจะวิ่งหนีไปรอบๆ เสียงร้องขอโทษที่ยิ่งยั่วให้โดนทำร้ายดังมากขึ้น ฮิเดะมองทั้ง 2 คนก่อนจะเดินไปนั่งที่ใต้ต้นไม้ ที่ถูกปูเสื่อเอาไว้อย่างดี
“นี่! ถอนเกตะก่อนสิ เสื่อมันจะเปื้อน”เสียงของอีกคนหนึ่งดังขึ้นมา ฮิเดะหันไปมองก่อนจะหยิบน้ำที่ตั้งอยู่ข้างตัวขึ้นมาดูดแบบซื่อๆ
“เจ้าบ้าฮิเดะ นั้นมันน้ำข้านะ”ไซโซตะโกน ผู้ที่ถูกเรียกหันมามองก่อนจะคายน้ำในปากใส่แก้วไปเหมือนเดิม
“งั้นเหรอ... ขอโทษ ยังไงข้าก็คืนให้แล้ว คงไม่โกรธกันนะ”ฮิเดะตอบอย่างง่ายๆแล้วส่งแก้วน้ำนั้นคืนให้เจ้าของ
“ฮิเดะ เจ้าอย่าอยู่เล๊ย!!!!”ดาบ ‘เบี๊ยกโกะ’ ที่วางไว้ข้างตัวถูกชักออกจากฝักเตรียมปลิดชีวิตเพื่อนสนิทในทันที ฝ่ายฮิเดะที่เห็นแบบนั้นก็ยกแก้วน้ำที่ถืออยู่กินเข้าไปอีกครั้งแล้วลุกขึ้น
“ถ้าเจ้าไม่กิน ข้าขอแล้วกันนะ แล้วถ้าข้ามองไม่ผิด ข้ารู้สึกว่าตัวเจ้ามันมีไฟลุกขึ้นมา เอ๊ะ! หรือข้าจะตาฝาด”ฮิเดะว่า แล้วไม่นานเขาก็ได้รับคำตอบกลับมาจากคนที่กำลังสะกดอารมณ์อย่างถึงที่สุด “เจ้าดูไม่ผิดหรอก ที่ข้ามีไฟลุกก็เพราะว่า ข้าจะฆ่าเจ้ายังไงล่ะ”ไซโซว่า
“อะไรกัน น้ำแค่แก้วเดียวเองนะ”เขาบอกก่อนจะยกดาบ ‘เซริว’ ขึ้นกันดาบของอีกฝ่าย
“แฮกๆ”เสียงหอบที่ดังใกล้ๆตัวของทั้ง 2 เบนความสนใจไปยังร่างที่อยู่ใกล้กับตนมากที่สุด ก่อนที่เสียงร้องจะดังขึ้น
“ว๊ากกก!!”ไซโซร้องเมื่อเห็นสภาพของเพื่อนที่ได้สู้กันไปเมื่อครู่ ก่อนจะหันไปมองฮิเดะที่นั่งเอานิ้วจิ้วแผลของซาสุเกะ “เจ็บมั้ย”ฮิเดะถามหน้าซื่อ แล้วหันไปหยิบยาทำแผลจากกล่องยาที่มักพกติดตัวไว้เสมอมาทำแผลให้อย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะเดินมาที่ยูคิแล้วเริ่มทำแผลให้เช่นเดียวกันกับซาสุเกะ
“เอ่อ... ยังไงเอาผ้าพันแผลออกดีกว่านะ ฮิเดะ” ซาสุเกะว่าหลังจากที่ถูกพันเป็นมัมมี่ไปแล้ว ฮิเดะที่ทำหน้าซื่อถึงเมื่อครู่หันมาตะโกนตอบอย่างรวดเร็ว และมันก็เป็นคำตอบที่ซาสุเกะไม่เคยต้องการ
“ไม่ได้ ไม่งั้นแผลจะเน่านะ”เสียงตะโกนนั้นทำให้ไซโซคิดขึ้นมา ‘ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ ฮิเดะที่เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายๆ แต่เมื่อเป็นเรื่องของคนอื่น เจ้านั้นกลับทำได้อย่างสุดพลังโดยไม่ห่วงตัวเองแม้แต่น้อย’
“ว่าแต่... เมื่อไรพวกเราจะไปโตเกียวกันซะที”ยูคิหันมาถาม ซาสุเกะที่กำลังดึงผ้าพันแผลออกจากตัวหันมามองแล้วรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ ไซโซเองก็ถอนหายใจหน่ายๆ หันไปมองคนสุดท้ายในกลุ่ม
“เก็บของแล้วไปเลยล่ะกัน”ตัดสินใจแบบง่ายๆ ทุกคนที่รอฟังคำตอบถึงกับหน้าคะมำทันที ซาสุเกะเดินไปหยิบดาบของตนแล้วหันมาเรียกคนอื่นๆ
“รอเดี๋ยวเซ่~ ขอข้าเก็บเสื่อก่อน”ไซโซตะโกนตอบกลับก่อนจะแบกเสื่อผืนใหญ่ขึ้นหลังแล้ววิ่งตามคนอื่นๆไป “ชักช้าจริง”ยูคิว่าก่อนที่ทั้งหมดจะเดินจากไป ถึงจะยังไม่รู้ว่าจุดมุ่งหมายที่แท้จริงเป็นอย่างไร แต่ขอให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันตลอดไปก็พอแล้ว
เสียงลมที่พัดเบาๆ หมู่บ้านที่ถูกทำลายจนยับไม่เหลือซาก เด็กชายตัวน้อยที่มองตาศัตรูอย่างไม่ยอมแพ้ ถึงแม้ว่าจะมีเพียงดาบเล่มเดียวไว้ป้องกันตัว แววตาที่แข็งกร้าวบ่งบอกถึงความไม่ย่อท้อ แววตาที่เป็นดั่งสัตว์ป่ากระหายเลือด ถึงจะเป็นแค่เด็กแต่จิตสังหารนั้นก็ไม่แพ้ผู้ใหญ่สักนิดเดียว
“เจ้า... ชื่ออะไร”ยูคิถามเด็กชายตัวน้อยที่เขาบุกเข้ามาช่วย แต่สุดท้ายที่เขาค้นพบก็มีเพียงเด็กชายคนหนึ่ง แววตานั้นทำให้เขาถามออกไปโดยที่ไม่ทันได้คิดอะไร
“ซารุโทบิ ซาสุเกะ”เสียงของเด็กชายตอบกลับมา ดาบเล่มยาวถูกยกมาป้องกันตนเองจากศัตรูภายหน้า ยูคิมองแล้วยิ้มอย่างชอบใจ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ แต่ไม่ทันจะได้ก้าวเข้าไปหา เด็กชายก็พุ่งตัวเข้ามาพร้อมดาบในมือ แต่ฝีมือเด็กหรือจะสู้นักดาบได้ ดาบสุซาคุถูกดันเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
“สุซาคุงั้นรึ เจ้าสนใจมาอยู่กับข้ารึเปล่าล่ะ”ยูคิถามก่อนจะดันดาบนั้นให้พ้นไปจากตัว เด็กชายที่ชื่อซาสุเกะมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อ แต่รอยยิ้มที่จริงใจก็ทำให้เด็กชายยิ้มตอบ มือแกร่งถูกยื่นมาไว้ตรงหน้าเพื่อรอมือเล็กๆที่จะเติบใหญ่และมุ่งไปสู้จุดหมายด้วยกัน ไม่ต้องรอนานมือเล็กๆที่กำดาบแน่นจนชุ่มไปด้วยเลือดยื่นมาวางไว้บนมือใหญ่ทันที ความอบอุ่นนั้นทำให้เด็กชายน้ำตาคลอแล้วโผหน้าซบหาไออุ่นจากร่างใหญ่
“หึ! เจ้ายังต้องฝึกอีกมากนะ”ยูคิบอกแล้วลูบหัวซาสุเกะอย่างเอ็นดู ก่อนที่เสียงๆหนึ่งจะดึงให้ทั้ง 2 รู้สึกตัวขึ้นมา
“ยูคิ นั้นเด็กอะไรน่ะ”ไซโซที่วิ่งตามเข้ามาจากด้านนอกตะโกนถามเมื่อเห็นร่างเล็กๆนั้น ยูคิหันมายิ้มให้กับไซโซก่อนจะตอบ
“ก็แค่เด็กที่จะเป็น 4 ผู้พิทักษ์น่ะ รอให้ฝึกให้เก่งกว่านี้แล้วค่อยพาไปหา ‘ท่านผู้นั้น’ แล้วกัน”ยูคิพูดแล้วอุ้มซาสุเกะออกมาจากหมู่บ้านนั้น
ตุบ!
ร่างเล็กๆที่วิ่งตามผู้ที่พาตนเองออกจากหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย ล้มลงเลือดสีแดงเริ่มไหลจากแผลที่ถลอก
“โอ๊ย!”ซาสุเกะร้องก่อนจะก้มมองบาดแผลของตนตรงเข่า เด็กชายเงยหน้ามองยูคิหวังว่าเขาคนนั้นจะหันกลับมาสนใจ แต่ก็ไม่เลย ตั้งแต่ที่ออกจากหมู่บ้านนั้น ยูคิก็เอาแต่เดินนำหน้าเขาไม่สนใจเขาเลย ไม่ว่าเขาจะหกล้มหรืออะไรก็ตาม
“ไง ยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ ให้ตายเจ้ายูคิก็ไม่สนใจเจ้าหรอก แต่ข้าจะบอกให้นะ ถ้าเจ้าอยากให้ยูคิสนใจเจ้าละก็... เจ้าก็ลองตามเจ้านั้นให้ทันสิ ตามแผ่นหลังของเจ้านั้นให้ทัน”ไซโซที่เดินตามหลังมาบอกก่อนจะมองแผลของเด็กชาย
“แผลแค่นี้เดี๋ยวก็หาย”ไซโซว่าก่อนจะใช้นิ้วแตะไปบนแผลนั้น
“อ๊ะ!”ซาสุเกะสะดุ้ง
“อ้าว! เจ็บหรือ งั้นข้าแบกเจ้าไปหายูคิดีกว่ามั้ยเนี่ย”ไซโซพูดแล้วลุกขึ้น ก่อนจะก้มมองหน้าเด็กชายแล้วยื่นมือไปให้ “ถ้าแค่ตามเจ้านั้นไม่ได้ เจ้าก็ไม่มีความสามารถที่จะเป็น 4 ผู้พิทักษ์หรอกนะ”
“หึย! เจ้าเป็นผู้หญิงจะมาแบกข้าได้ยังไงล่ะ”ซาสุเกะพูดพลางพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น พยายามไม่สนใจมือที่ยื่นมาให้
“เจ้าว่ายังไงนะ!!”ไซโซกล่าวขึ้นมา
“ข้าบอกว่าเจ้าเป็นผู้หญิงจะแบกข้าได้ยังไงล่ะ”ซาสุเกะทวนคำก่อนจะรีบเดินทันทีเมื่อเห็นว่าไซโซชักดาบออกมา
“ข้าใช้ผู้หญิงที่ไหนเล่า เจ้าบ้า!”ไซโซกล่าวก่อนจะรีบวิ่งตามซาสุเกะทันที “ข้าจะไปรู้ได้ยังไงในเมื่อตัวเจ้าเหมือนผู้หญิงจะตาย”ซาสุเกะพูดย้ำคำว่า ‘ผู้หญิง’
“เอาเถอะ! ข้าเห็นว่าเป็นเด็กหรอกนะ อย่าบอกว่าข้าเป็นผู้หญิงอีก ไม่งั้นเจ้าตายแน่”ไซโซระงับอารมณ์แล้วกล่าวขึ้น “รีบตามไปสิ เดี๋ยวก็ตามไม่ทันหรอก ยูคิน่ะ”ไซโซว่า
“อืม”ซาสุเกะหันมายิ้มให้แล้วรีบเดินตามไป ไซโซที่ยังไม่ไปไหนยืนมองแผ่นหลังของซาสุเกะที่ห่างออกไปเรื่อยๆ ‘ถึงจะพยายามแค่ไหนก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี’เขาคิดแล้วเริ่มเดินตามทั้งสองคนไป
4 ผู้พิทักษ์ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังโตเกียวนั้นนอนพักกันอยู่ที่บ้านร้างแห่งหนึ่ง และเวรที่ต้องเฝ้ายามในคืนนี้ก็ตกเป็นของซาสุเกะอย่างช่วยไม่ได้ เขานั่งเขี่ยกองไฟเล่นๆ พร้อมกับนึกถึงเรื่องราวในอดีต
“คิดอะไรอยู่ล่ะ”ยูคิเดินมานั่งข้างๆซาสุเกะแล้วกล่าวถาม
“เอ่อ... เปล่าสักหน่อย ข้าก็แค่เซ็งๆเท่านั้นเอง”ซาสุเกะปฏิเสธก่อนจะชันเข่าขึ้นมาทั้ง 2 ข้าง แล้วหันไปถามคนข้างๆ “ว่าแต่ท่านเถอะ นอนไม่หลับหรืออย่างไร”
“ฮะๆ คงจะแบบนั้น เจ้าไปนอนเถอะ เดี๋ยวข้าเฝ้าต่อให้”ยูคิหัวเราะเบาๆ ซาสุเกะลุกขึ้นตั้งท่าจะไปนอนแทน แต่ประโยคถนัดมาก็ทำให้เขาชะงัก“ข้าฝึกเจ้ามา เรื่องที่ศิษย์ข้าคิด ทำไมข้าจะไม่รู้ล่ะ เจ้าว่าจริงไหม” ยูคิว่า
“งั้นมั้ง ข้าไปนอนล่ะ”ซาสุเกะบอกลา แล้วเดินหายเข้าไปในบ้านร้าง
“แหมๆๆ ดูแลดีจริงๆนะยูคิซัง”เสียงดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฏตัวขึ้น ยูคิเพียงแค่หันไปมองก่อนจะกล่าวขึ้น
“เจ้าเองรึ ไซโซ ทำไมถึงยังไม่นอนล่ะ”ยูคิว่า
“ถ้าข้าจำไม่ผิด คืนนี้เป็นเวรของซาสุจังนี้หน่า แล้วทำไมเมื่อครู่ข้าเห็นซาสุจังเดินเข้าไปด้านในล่ะ”ไซโซยังคงไม่เลิกถาม ยูคินั่งทำหน้าหน่ายๆแล้วลุกขึ้นเดินห่างออกไปจากที่เดิมประมาณ 10 ก้าวแล้วหันกลับมา
“ทำอะไรน่ะยูคิ ปล่อยจิตสังหารงั้นหรือ อ๊ะ!”ไซโซที่หัวเราะคิกๆ คักๆ อยู่ต้องตกใจเมื่อเสื้อของตนนั้นขาดเป็นริ้วๆ ดูก็รู้ว่าเป็นฝีมือของยูคิที่ปล่อยจิตสังหารออกมา
“มังกรหลับ ก็ให้มันหลับต่อไปเซ่~ จะให้มันตื่นมาทำไมเล่า!”ไซโซโวยวาย ยูคิยิ้มเล็กๆก่อนจะเดินกลับมานั่งที่เดิม แล้วกล่าวขึ้นลอยๆ “มังกรน่ะ อย่าปลุกมันเลยจะดีกว่านะ ไม่เช่นนั้นคราวหน้ามันคงจะตื่นขึ้นมาจริงๆแน่”รอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยอันตรายรอบด้านเผยขึ้นบนใบหน้าของคนที่ได้ฉายาว่ามังกรหลับ... ซานารุ ยูคิ
ทันทีที่แสงอรุณฉายทั่วท้องนภา เหล่า 4 ผู้พิทักษ์ก็เริ่มออกเดินทางเพื่อไปยังเมืองโตเกียวทันที ขนมดังโงะที่ไซโซทำไว้นั้นก็เริ่มจะหมดไปและอาหารชนิดต่อไปที่ใกล้จะเกลี้ยงแล้วก็คือ... ข้าวปั้น
“เฮ้! ก้อนนั้นของข้านะ อย่าแย่งข้าสิ”ไซโซโวยวายเมื่อซาสุเกะหยิบข้าวปั้นของเขาไปกิน
“ก้อนเดียวเองหน่า ไซโซเองก็กินของข้าไป 2 ก้อนนะ ข้าเห็น”ซาสุเกะโวยกลับ คนที่โวยวายตอนแรกหน้าเสียทันทีที่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้ว่าตนแย่งข้าวปั้นไปกิน
“โธ่! ซาสุจังละก็...”ไซโซพึมพำอย่างเสียดายแต่เมื่อจะหันไปหยิบข้าวปั้นของตนเองก็ต้องร้องโวยวายขึ้นอีกครั้ง “เจ้าบ้าฮิเดะ นั้นมันข้าวปั้นก้อนสุดท้ายของข้านะ” โวยวายอย่างเสียดาย ฮิเดะหันมามองในขณะที่ปากก็ยังคงเคี้ยว ‘ข้าวปั้นก้อนสุดท้าย’ ของไซโซอยู่
“ยูคิซัง ข้าขอข้าวปั้นเจ้านะ”ไซโซหันไปอ้อนยูคิที่ยังมีข้าวปั้นเหลืออีก 2 ก้อน
“เหลือให้ข้าอีกก้อนแล้วกัน”ยูคิว่า ไซโซรีบหันไปหยิบข้าวปั้นอีกก้อนเข้าปากทันที
“ออบอุนอะ อูอิ(ขอบคุณนะ ยูคิ)”ไซโซพูดทั้งๆที่ข้าวปั้นยังคงเต็มปาก พวกเขาใช้เวลาไปประมาณครึ่งวันกับการเดินทางมายังเมืองโตเกียว ที่จริงแล้วเมื่อวานพวกเขาก็อยู่ห่างจากเมืองโตเกียวไปนิดเดียวเท่านั้น
“เหล้า สุรา นารี”ยูคิพึมพำ แล้วเดินเข้าไปในหอนางโลมแห่งหนึ่ง
“เชิญพวกท่านไปนั่งรอในห้องก่อนนะเจ้าค่ะ แล้วข้าจะส่งหญิงที่งามที่สุดในหอนี้ให้แก่ท่าน”หญิงวัย 30 กว่าเดินออกมาต้อนรับก่อนจะเชิญทุกคนเข้าไปนั่งรอที่ห้องแห่งหนึ่ง
“เอ่อ... หอข้าไม่ต้อนรับผู้หญิงและเด็กนะเจ้าค่ะ”หญิงสาวคนเดิมกล่าว จิตสังหารถูกปล่อยออกมาจากผู้ที่ถูกกล่าวถึงทันที
“ข้ามิใช่หญิงสาว”ไซโซว่า ก่อนจะหันมามองผู้พูด
“และข้า... มิใช่เด็ก”ซาสุเกะพูด ยูคิที่ยังไม่ได้เดินเข้าห้องไปเข้ามาขวางแล้วหันไปบอกแก่หญิงสาวด้วยน้ำเสียงและแววตาที่อ่อนโยน
“ข้าขอโทษด้วย แต่ว่าคนของข้าไม่มีใครเป็นผู้หญิงหรือเด็กเลยสักคนเดียว หวังว่าท่านคงเข้าใจ”หญิงสาวพยักหน้าอย่างหลงใหล ยูคิยิ้มแล้วดันสองคนที่เหลือเข้าไปในห้องรับรองทันที
“ยูคิ เจ้าไม่น่ามาห้ามข้าเลย ให้ตายเถอะ!”ไซโซโวยวายอีกระลอกหนึ่งหลังจากครั้งแรกที่โวยวายตอนกินข้าวปั้น
“ไม่! ปล่อยข้านะ อย่ามาจับตัวข้า ปล่อยเซ่~”เสียงหญิงสาวร้องตะโกนก่อนที่ประตูของห้องที่ยูคินั่งรออยู่จะเปิดขึ้น
“นี่เป็นเด็กใหม่ ข้าขอฝากท่านดูแลด้วยนะเจ้าค่ะ”หญิงคนเดิมเดินเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวหน้าตาสวยงามราวกับเทพธิดา
“ไม่เอานะ! ปล่อยข้าไปนะ”หญิงสาวร้องตะโกน แต่ก่อนจะได้ทำอะไรก็ถูกผลักเข้ามาในห้องพร้อมกับบานประตูที่ถูกปิดลง
“นี้ๆ หอนางโลมเขารุนแรงแบบนี้ทุกที่เลยเหรอ”ฮิเดะนั่งยองๆเอานิ้วจิ้มแขนหญิงสาวแล้วถาม หญิงสาวที่มาใหม่ตวัดใบหน้าหันมามองด้วยความโกรธเกรี้ยวก่อนจะตวัดฝ่ามือหมายจะตบใบหน้าของคนตรงหน้า
หมับ!
“อ๊ะ!”หญิงสาวร้องอย่างตกใจ เมื่อมือที่ตวัดออกไปนั้นถูกคนตรงหน้าจับเอาไว้ได้ง่ายดาย ฮิเดะหงายฝ่ามือขึ้นดูก่อนจะพบกับรอยแผลที่ถูกกรีดหลายแห่งบนข้อมือ
“ไม่เจ็บบ้างหรือไงนะ”ฮิเดะกล่าวหน้าตายก่อนจะหันไปมองเพื่อนๆที่เหลือแล้วพูดขึ้น “ข้าขอทำแผลก่อนได้รึเปล่า”ทุกคนพยักหน้ารับ เขาจึงบรรจงวางข้อมือนั้นลงอย่างแผ่วเบา หญิงสาวลุกขึ้นนั่งแล้วมองหน้า ฮิเดะอย่างสงสัยในการกระทำ
“เจ้าชื่ออะไร”เขาถาม
“โอนุคุ... วาตายะ โอนุคุ”หญิงสาวตอบ ฮิเดะค่อยๆทำแผลให้หญิงสาวอย่างเบามือพร้อมๆกันนั้นก็ชวนคุยไปด้วย
“โอนุจังสินะ ซาสุเกะมานี้หน่อยสิ”เขานึกแล้วหันไปเรียกซาสุเกะให้มาใกล้ๆ
“ที่หลังของโอนุจังมีแผล เจ้าช่วยทำแผลให้หน่อยสิ”ฮิเดะบอกก่อนจะยื่นอุปกรณ์ทำแผลให้ซาสุเกะ โอนุคุมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อ ก่อนจะไปสะดุดที่ต้นคอของคนตรงหน้า ฮิเดะมองตามดวงตาของหญิงสาวมาแล้วตอบเสียงเรียบๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร
“มันคือสัญลักษณ์ของคนที่เคยเป็นปีศาจน่ะ” ฮิเดะว่าก่อนจะลุกขึ้น “เอาล่ะ ข้าทำแผลให้เสร็จแล้ว” เขาพูดแล้วเดินไปนั่งข้างๆไซโซ นิ้วเรียวหยาบแตะลงไปที่สัญลักษณ์นั้นเบาๆ พลางหลับตาลงช้าๆ ไซโซที่เห็นดังนั้นจึงจับมือของฮิเดะเอาไว้แล้วยิ้มให้ เขาหันมามองหน้าคนที่นั่งข้างๆ แล้วยกมือออกจากสัญลักษณ์นั้น
“เอ่อ... ขอบคุณเจ้าค่ะ”โอนุคุกล่าวก่อนจะโค้งหัวขอบคุณ
“เจ้าตั้งใจมาทำงานที่นี่หรือ”ยูคิถาม หญิงสาวส่ายหน้าด้วยความเร็วก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับทุกคนฟัง “เปล่าเจ้าค่ะ แต่แม่ของข้าติดหนี้สินมากมาย แม้จึงจับข้ามาขาย ข้ามิได้มีความต้องการเลยสักนิดเดียว” โอนุคุเล่า ไซโซเมื่อได้ฟังจบจึงพูดขึ้นว่า
“งั้นเจ้าอยากทำงานให้พวกข้ามั้ยล่ะ แต่ลำบากหน่อยนะ” เขาพูด โอนุคุพยักหน้ารัว ไซโซหัวเราะเบาๆแล้วบอกสิ่งที่ต้องการให้ฟัง
“...”ห้องนั้นเงียบไปสักพักก่อนที่หญิงสาวจะตอบตกลง
“ได้เจ้าค่ะ แล้วเรื่องที่นี่ คือ...”
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวข้าจะคุยให้เอง”ซาสุเกะบอก หญิงสาวลุกขึ้นแล้วโค้งตัวอย่างสวยงาม “งั้นข้าไปก่อนนะเจ้าค่ะ” โอคุนุกล่าวแล้วเดินออกจากห้องนั้นไป
“พวกเจ้าว่า สามพันเยนจะพอรึเปล่านะ”ยูคิถาม ก่อนจะวางเงินเอาไว้ที่พื้นห้อง “ไปกันเถอะ”ฮิเดะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องนั้นไปตามด้วยคนอื่นๆที่ทยอยกันออกไปจนหมด
...
ข้ามีนามว่า ซานาดะ ยูคิมูระ
ขอให้ทุกท่านติดตามเรื่องนี้ได้ในตอนต่อไปนะขอรับ
...
ความคิดเห็น