ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ทำมือ+Ebook] Enix-K รุ่นใหญ่ใจป๋า

    ลำดับตอนที่ #14 : กองทัพปลาทู : Chapter 12

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.18K
      140
      26 ก.ค. 63



    12


    “ของหวานอย่างอื่น? อะไรอะ”

    ลุงกองทัพกัดริมฝีปาก เขาค่อย ๆ เขยิบเข้ามาใกล้จนฉันต้องกระเถิบตัวไปข้างหลังเพื่อไม่ให้ระยะห่างของเรามันลดลง

    “ถ้าเป็นฉัน” เขาเลียริมฝีปากบน ภาพที่เห็นมันช่างยั่วยวนฉันเหลือเกิน “ของหวานที่ว่าคืออีหนู”

     “อ...อะไรนะลุง”

    “แต่จะหวานตามที่คิดรึเปล่าไม่รู้”

    “…”

    “เพราะฉะนั้นขอชิมได้ปะ?”

    “ชะ ชิมบ้าอะไรของลุง!?” ฉันใช้ฝ่ามือดันแผงอกนั้นให้ออกห่างแต่เพราะในตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในชุดแหวกช่วงบนทำให้มือฉันสัมผัสกับเนื้อแน่น ๆ นั้นเข้าเต็ม ๆ เลือดทั้งหมดถูกสูบฉีดขึ้นมาบนหน้าฉับพลัน

    “หน้าแดงไปหมดแล้วอีหนู” เจ้าของอกล่ำนั้นยกยิ้มยียวน “คิดอะไรไม่ซื่อกับฉันสินะยัยเด็กหื่น”

    ฉันรับสะบัดมือออกอย่างร้อนรน “บ...บ้า ใครคิดอะไร หื่นเนี้ยนะจะบ้าเหรอลุง ฮะ ๆ ไม่มี๊!” เห็นมั้ยลิ้นฉันพันไปหมดแล้ว แบบนี้ก็ยิ่งมีพิรุธสิปลาทู แง้!

    “หื่นนะเราอะ” เขายังคงล้อฉันไม่เลิก

    “หนูจะกลับโต๊ะ ไม่คุยกับลุงแล้ว!” 

    ควับ!

    พูดจบฉันก็ลุกขึ้นยืนพร้อมหมุนตัวก้าวเท้าออกไปจะตรงนี้แต่ข้อมือกลับถูกตาลุงคว้าเอาไว้...อีกแล้ว!

    “กลับพร้อมกัน”

    “ทำไมกลับพร้อมกัน?” เป้รีบโพล่งขึ้นมาเสียงดัง “อยู่ด้วยกันเหรอ!”

    “มึงเสือกอะไรด้วยเนี้ย” ตาลุงกองทัพหันไปตะคอกใส่ลูกน้องของตัวเองก่อนจะกันกลับมามองเมื่อฉันดันมือเขาออก

    “ไม่เป็นไรลุง หนูมากับเพื่อนเดี๋ยวกลับพร้อมมันดีกว่า” ฉันกลั้นหายใจพูดรัวเร็วแล้วรีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกมาจากตรงนั้นทันที

    ช่วงนี้ทำไมฉันถึงได้รู้สึกแปลก ๆ กับตาลุงเรื่อยเลย

    ไม่ดี...อย่างนี้ไม่ดีแน่ ๆ ปลาทู


    เหมือนย้ายบ้านอะเอาดี ๆ

    ฉันจ้องมองกระเป๋าเป้ใบใหญ่ กระเป๋าสะพายอีกหนึ่งและกระเป๋ายิมสีดำขนาดใหญ่ตรงหน้าด้วยสายตา ‘อิหยังวะ’ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองเจ้าของมัน

    “ลุง” ฉันคราง “จะไปอยู่ที่นู้นเลยเหรอ?”

    วันนี้เป็นวันที่เราต้องไปเที่ยวเกาะกันน่ะ เราสองคนนัดกันไว้ว่าเจอหน้าห้องและพอถึงเวลาฉันก็ออกมา นั่นแหละ...ของเยอะจนเลยมาขวางประตูฉันเอาไว้อะ ตอนเปิดนี่แบบฉันนึกว่าประตูเสีย กำลังจะโทรไปด่ายัยมิ้นต์อะไรนั่นแล้วเชียว

    “ก็ของมันเยอะ” ตาลุงกองทัพว่า “แค่ถุงยางก็กระเป๋าหนึ่งแล้ว”

    “ลุง!” ฉันตวาดเขาทันที ให้ตายเถอะนี่ต้องไปเที่ยวกับคนแบบนี้ จริง

    เหรอ ดีนะที่เขายอมจองสองห้องจนได้ไม่งั้นฉันยอมนอนริมทะเลดีกว่าอะ

    “ล้อเล่น ทำเป็นจริงจังไปได้” ผู้ชายตรงหน้าบ่นอุบอิบ ฉันชักจะไม่แน่ใจแล้วนะว่าเขาพูดเล่นตามที่บอกรึเปล่า

    “เอาไปแค่กระเป๋าเดียวเหอะลุง หนูเป็นผู้หญิงหนูยังของน้อยกว่าลุงเลย” ฉันก่ายหน้าผาก ปกติต้องเป็นฉันสิที่ถูกบ่นว่าเอาของไปเยอะไหงกลับกันแบบนี้วะเนี้ย “เอาไปแต่กระเป๋าเป้ก็พอ”

    “เอางั้นเหรอ?” ร่างสูงที่กำลังนั่งรูดซิบกระเป๋าเงยหน้าขึ้นมาถาม ฉันจึงพยักหน้าแทนคำตอบ “งั้นรอแป๊บ”

    “ให้หนูช่วยมั้ย?” เพราะเจ้าตัวต้องแบกกระเป๋าทั้งหมดกลับเข้าไปในห้องฉันจึงเอ่ยปากถาม กลัวว่าอีกฝ่ายจะจัดนานจนไม่ทันเที่ยวเรือที่จองไว้

    “ก็ดี”

     หลังจากช่วยเขาจัดกระเป๋าถึงได้รู้ว่าสัมภาระเขาส่วนมากจะเป็นเสื้อผ้าซะส่วนใหญ่ มีพวกสกินแคร์บ้างแต่ก็แค่ครีมน้ำนม น้ำหอม โรลออน...และก็ถุงยาง

    เขาเอาถุงยางไปจริง ๆ ด้วย!

    และอย่าหวัง ฉันเอาโยนทิ้งไปไหนหมดแล้วไม่รู้ ถึงว่าเขาจะบอกว่า ‘ซื้อเอาใหม่ได้’ ก็ตามเถอะ 

    “อะ เรียบร้อย” ฉันตบกระเป๋าเป้ที่ตัวเองเพิ่งพับเก็บอย่างเรียบร้อยด้วยความภาคภูมิใจ ปกติเวลาจัดกระเป๋าของตัวเองนี่จับยัดอย่างเดียวเลยแต่ทำไมพอเป็นคราวตาลุงฉันถึงไปประณีตพับผ้าขึ้นมาก็ไม่รู้ 

    หลัง ๆ มานี้ก็รออีกฝ่ายชวนไปกินข้าวทุกวัน นั่งเช็คโทรศัพท์ว่าเขาไลน์มามั้ยหรือเมื่อไหร่จะมาขอปั๊ม 

    ฉันว่าฉันหลอนขึ้นทุกวันจริง ๆ นะ

    ...ไม่ชอบเลยให้ตาย

    “ว้าว สุดยอด” ตาลุงเบิกตากว้างอย่างโอเวอร์ หน้าที่เขาคือจัดการ

    กับชั้นในของตัวเอง ฉันไม่พับให้หรอกนะ! “ถ้าอยากให้มีคนมาทำให้แบบนี้ตลอดต้องทำไงอะ?”

    “แต่งงานมั้ง” ฉันตอบไปตามที่ตัวเองคิด เวลาครอบครัวฉันมีแพลนไปเที่ยวกัน แม่ก็จะเป็นคนจัดกระเป๋าให้พ่อตลอด

    ตาลุงพยักหน้าก่อนจะรีบพุ่งเข้ามาทางฉันจนสะดุ้งพร้อมกับพูดอย่างจริงจังว่า... “งั้นแต่งงานกัน”

    แต่งกับผีดิ “ให้หนูแต่งงานกับลุงหนูยอมแต่งกับบัวลอยไข่หวานซะยังดีกว่า”

    “ยัยเด็กเห็นแก่กิน คิดแต่เรื่องของกินอยู่ได้นะในหัวน่ะ”

    “ของกินไม่เคยทิ้งหนู ของกินไม่พูดมากไม่ทำให้หนูปวดหัวแถมที่สำคัญคือของกินมันอร่อย”

    “ฉันก็อร่อย” ตาลุงกองทัพรีบสวนขึ้นมา “เมื่อไหร่จะกินฉันสักที”

     “ไปกันเลยมั้ยคะเดี๋ยวไม่ทัน” ฉันปล่อยเบลอจนตาลุงจิ๊จ๊ะ เขาไม่ได้เซ้าซี้ฉันอีกซึ่งนั่นก็ดีและยิ่งดีเมื่อหน้าเคาน์เตอร์ไม่ปรากฏร่างของพี่แมนหรือมิ้นต์เลย ฉันไม่อยากจะมามัวตอบคำถามว่าหิ้วกระเป๋าไปกับตาลุงกองทัพทำไม

    แต่ดันเจอยัยบี๋ว่ะ...

    เลวร้ายมากกว่าเดิมอีก!

    “อ้าวพี่ปลาทู” ยัยเด็กเด๋อโบกมือทักทายอย่างเป็นมิตร เหมือนเธอจะยังไม่เห็นกระเป๋าฉันนะ ร่างเล็กปรายตาโต ๆ นั้นไปยังผู้ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉัน “เอ๊ะ คน ๆ นั้นนี่นา” ฉันใช้มือปิดปากอย่างคนที่นึกอะไรออก

    อย่าเชียวนะ อย่านะบี๋

    “ที่พี่ปลาทูส่งไลน์มาให้หนูบอกเขาว่าพี่ไม่อยู่ไงคะ พี่จำได้มั้ย ๆ บี๋ว่าตอนนั้นพี่ปลาทูต้องรำคาญเขาแน่เลย”

    ยัยน้องบี๋...คนอย่างซอฟต์ไปลงเอยกับเด็กซื่อแบบเธอได้ยังไงเนี้ย

    “อ๋อ” คนตัวสูงก้มหน้ามาประสานสายตา เขายกยิ้มยียวน “อย่างงี้นี่เอง ไม่ต่างจากที่คิดไว้เท่าไหร่” 

    “อย่าย้ำได้มั้ยลุง” ฉันพูดลอดไรฟัน

    “แล้วนี่พี่ปลาทูจะไปไหนคะ?” เสียงน้องบี๋ดึงให้ฉันหันไปมองเธอตามเดิม ยัยเด็กน่ารักกระพริบตาปริบ ๆ จ้องมองกระเป๋าที่ฉันถือสลับกับกระเป๋าเป้ของตาลุงไปมา “คุณคนนี้ก็ด้วย”

    “คือว่า...”

    “พี่ปลาทูจะไปไหนกับคุณคนนี้เหรอคะ?” เธอไม่ฟังฉันพูดสักนิดแล้วจะถามฉันเพื่อ? ฉันกำลังจะตอบแต่อีกฝ่ายกลับเบิกตาอ้าปากกว้างพร้อมกับชี้มาทางนี้อึ้ง ๆ “อย่าบอกนะคะว่าพี่จะย้ายออก?”

    “ไม่...”

    “หรือว่า...” เธอใช้มือปิดปากตัวเองแล้วเบิกตากว้างกว่าเดิม “พี่สองคนเป็นแฟนกันใช่มั้ย?”

    “คือมันไม่...”

    “แล้วพี่กับคุณคนนี้คนกำลังจะหนีตามกัน ใช่มั้ยคะ!?”

    โอ๊ยไอ้น้องบี๋...ฟังฉันก่อนได้มั้ย ช่วยฟังคนอื่นก่อนได้มั้ยยย

    “บี๋” ฉันเรียกเตือนสติยัยเด็กเด๋อ เอาล่ะ ฉันว่านายซอฟต์แม่งต้องปวดหัวกับเธอทุกวินาทีแน่เลย ขนาดฉันเจอเธอไม่บ่อยยังประสาทจะกินนับประสาอะไรกับคนเป็นแฟนอย่างเขา เฮ้อ อนิจจัง “ฟังพี่นะ เราต้องฟังพี่”

    “ค่ะ” เธอพยักหน้าหงึกหงัก ตั้งหน้าตั้งตาฟังในสิ่งที่ฉันจะพูด

    “พี่จะไปเที่ยว” อธิบายเสร็จก็ชี้ไปยังร่างสูงข้าง ๆ “กับตาลุงคนนี้ เราไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากเพื่อนข้างห้องเท่านั้น พี่แค่ไปเที่ยวกับเขาเพราะเขาจ่ายเงินให้พี่เฉย ๆ เก็ทนะ?”

    “อ๋อ” พอฉันพูดจบยัยน้องบี๋ก็พยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ แหะ ๆ”

    “งั้นพี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวไปทัน” ฉันยิ้มแล้วเดินผ่านรุ่นน้องไป ใน

    ระหว่างที่สวนกันตาลุงกองทัพก็ชะโงกหน้าไปกระซิบกับน้องบี๋

    “เราไม่ได้เป็นแค่เพื่อนข้างห้อง เราเป็นอะไรมากกว่านั้น”

    เพราะอย่างงั้นฉันจึงรีบดึงหูเขาออกมา...

    ยัยน้องบี๋ยิ่งเป็นคนขี้มโนอยู่ด้วย ป่านนี้ไม่รู้คิดไปถึงไหนแล้วเนี้ย

    ระหว่างที่ยืนรอรถตาลุงก็ลูบหูตัวเองพร้อมกับบ่นทุก ๆ นาทีว่าเจ็บบ้างล่ะ ใจร้ายบ้างล่ะ โหดบ้างล่ะจนฉันขี้เกียจจะฟัง

    ประมาณห้านาทีรถเก๋งคันสีดำก็มาจอดอยู่ด้านหน้าของพวกเราทั้งสองคน เป้ซึ่งเป็นเจ้าของรถลงมาช่วยขนของอย่างรู้งาน ก่อนหน้านี้ตาลุงบอกไว้แล้วว่าเขาจะให้เป้มารับเพราะตัวเขาเองไม่มีรถยนต์ เห็นว่าทริปนี้เป้ก็เป็นคนจัดการให้ เป็นทุกอย่างให้แล้วมั้ง ฉันถามเขามาแล้วแหละว่าเป้อายุเท่ากับฉันน่ะ

    ใช่สิ ฉันเคยถามตาลุงกองทัพด้วยนะว่าทำไมเขาถึงไม่ซื้อรถยนต์ คือมอเตอร์ไซค์ของเขามันราคาเท่ากับรถยนต์คนหนึ่งได้เลยไง ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดฉันบอกไปว่า ‘หนูชอบรถยนต์อะมันสบาย ทำไมลุงไม่ซื้อรถยนต์ด้วยล่ะ?’ แล้วคำตอบที่ฉันได้มาคืออะไรรู้มั้ย...

    “ไม่อะ มันไม่จ๊าบ”

    ฉันไม่เข้าใจและไม่อยากจะเข้าใจเขาจริง ๆ

    “ไม่เห็นเฮียออกไปเที่ยวนานแล้วแฮะ” พอขนของเรียบร้อยเป้ก็ขับรถไปยังท่าเรือ ระหว่างทางไม่ค่อยมีบทสนทนาอะไรเยอะแยะสักเท่าไหร่ส่วนมากเป้จะเป็นฝ่ายชวนคุยซะมากกว่า นั่นทำให้ฉันรู้ว่าลุงกองทัพเป็นคนที่ไม่ชอบพูดมาก คือฉันก็สังเกตมาสักพักแล้วแหละว่าหากกับคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันเจ้าตัวจะพูดน้อย คือมันก็ไม่ได้น้อยขนาดนั้นแต่ก็ไม่ได้มากเท่ากับเวลาอยู่กับฉันไง ความจริงในข้อนี้มันทำให้ฉันอยากจะบ้าตายว่าทำไมเขาต้องมาพูดมาก ทำตัวน่าปวดหัว หื่นกามลามก เถื่อนกับฉันแค่คนเดียวด้วย

    ทำไมต้องเป็นฉัน!

         ผมต้องอยู่เป็นเพื่อนจนเรือออกมั้ยเฮีย?” ใช้เวลาไปชั่วโมงกว่า ๆ ในที่สุดเราก็ถึงจุดหมาย เล่นเอาฉันเผลอหลับหัวโขกกระจกไปหลายตื่น

         กูไม่ใช่เด็กไม่ต้องการเพื่อน” ตาลุงตอบปัด

         ฉันเห็นทางกระจกมาหลังว่าเป้ก็มองมาทางฉันเหมือนกัน เราประสานสายตาก่อนที่เป้จะเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน “แล้วคนข้างหลังนั้นอะ?”

         นั่นเมีย”

         เอาล่ะฉันด่าจนไม่รู้จะด่ายังไงแล้ว เอาเป็นว่าปล่อยเบลอไปละกันขี้เกียจจะว่าแล้ว เปลืองน้ำลาย

         ถามเขาสักคำยังเฮีย” เหมือนว่าเป้จะรู้หรือเห็นฉันทำหน้าเอือมระอาถึงได้พูดขำ ๆ ออกมา ฉันว่าบางทีตาลุงอาจจะเป็นพวกชอบคิดไปเองจนทุกคนที่อยู่รอบข้างเขารู้อยู่แล้วก็ได้

         กูไม่ถาม” ร่างสูงเว้นระยะในการพูดให้เร้าใจ “กูเอาเลย”

         แต่ถามหน่อยก็ดีนะลุงเพราะฉันไม่เอา!

         หัวข้อสนทนาถูกเปลี่ยนไปเป็นเที่ยวเรือแทน เป้เป็นคนพาพวกฉันไปยังบริษัทที่ติดต่อไว้หลังจากเรียบร้อยเขาจึงขอตัวกลับ ตอนนี้ฉันกับตาลุงจึงนั่งรอเวลาที่จะขึ้นเรือจนกระทั่งถูกเรียกเราทั้งคู่ก็ลงไปยังสปีดโบ๊ทของทางบริษัท

         ร้อนอะ” เนื่องด้วยอากาศที่อบอ้าวทำให้ฉันบ่นออกมาพร้อมกับใช้กระเป๋าสะพายของตัวเองมาพัดไปมา

         กระโดดลงไปในน้ำดิจะได้เย็น”

         กวน...ละลุง

         เพราะการต่อปากต่อคำกับเขามันทำให้เปลืองพลังงานแถมยังจะพาลหงุดหงิดไปด้วยฉันเลยเลือกที่จะนั่งเงียบ ๆ รอเรือออก ตาลุงเขาไม่ได้กวนอะไรฉันอีกอาจจะเพราะเขาคงจะคิดเหมือนกันจนกระทั่งผู้คนเริ่มทยอยเข้ามาภายในเรือ เพราะที่ ๆ พวกฉันนั่งมันเป็นเก้าอี้ยาวสำหรับสามคน ข้างฉันเลยยังว่างทำให้มีผู้ชายคนหนึ่งเดินตรงมา เขาทำท่าเหมือนจะนั่ง...นั่นแหละลุงกองทัพถึงได้มีปฏิกิริยา

         อีหนูลุก” ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวยังลุกขึ้นยืนอีกด้วย “สลับที่กัน”

         ไม่เอาอะลุง” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธแต่ตามเคย เขาไม่สนใจหนำซ้ำยังคว้าแขนฉันให้ลุกขึ้นด้วย “โอ๊ยลุง เรื่องมากอะ”

         ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องยอมเปลี่ยนที่นั่งกับเขาอยู่ดี ลุงกองทัพยกยิ้มพอใจ หลังจากคนเต็มแล้วพวกเราก็ใส่ชูชีพที่ทางเรือวางไว้ให้ เมื่อทุกคนเรียบร้อยเรือก็แล่นออกไปยังทะเล ฉันหันไปมองน้ำทะเลสีฟ้าเข้มข้างหน้าอย่างสนอกสนใจ

         รู้สึกดีจัง ผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูกเลยแฮะ

         อีหนู” ฉันยังคงมองทอดออกไปยังผืนน้ำไม่สนใจเสียงเรียกและแรงสะกิดบริเวณหัวไหล่

         สวยจัง ถ้าเจอปลาโลมาก็ดิสิ ชีวิตนี้ยังไม่เคยเห็นปลาโลมาตัวเป็น ๆ เลย

         อีหนู” พอฉันไม่สนใจเขาก็สะกิดแรงขึ้นอีก

         ทำไมตาลุงเขาชอบว่ากวนเวลาฉันกำลังเพลินอยู่ทุกทีเลยนะ

         อีหนู”

         โอ๊ย อะไรของลุงเนี่ย” ในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหวหันไปทำน้ำเสียงไม่พอใจใส่เขาแต่พอฉันเห็นสีหน้าเขาตอนนี้เท่านั้นแหละ...

         ทำไมหน้าถึงได้ซีดขนาดนี้!?

         ลุงเป็นอะไร?” ฉันรีบถามเขาด้วยความเป็นห่วง ความรู้สึกผิดที่ไม่ยอมหันมาตั้งแต่เขาเรียกครั้งแรกจุกขึ้นมาบนอก

         ไม่รู้” เสียงเขาอ่อนลงเห็นได้ชัด “มึนหัว สงสัยเมาเรือ”

         อ้าว เมาเรือแล้วทำไมไม่บอกหนู” ฉันรีบล้วงมือเข้าไปค้นหายาแก้เมารถเมาเรือในกระเป๋าที่มักพกติดตัวไว้อย่างร้อนรน

         ไม่ได้ขึ้นนานแล้ว” ยิ่งฟังเสียงยังสงสาร ฉันเพิ่งเคยเห็นเขาเป็นแบบนี้ครั้งแรกเลย ปกติมีแต่ทำตัวให้น่าด่าน่ารำคาญ พอแบบนี้แล้วรู้สึกเหมือนลูกหมาซึมยังไงก็ไม่รู้ “ไม่ได้เมามากเท่าไหร่เลยคิดว่าไหว”

         แต่สภาพน่ะไม่ไหวเลยลุง” ฉันยื่นยาและขวดน้ำให้อีกฝ่าย เขายอมรับมันไปดื่มโดยดีไม่ทักท้วงอะไร “ลุงอยากอ้วกมั้ย?”

    คนที่ถูกถามส่ายหน้าเล็กน้อย “อยากนอนมากกว่า”

         งั้นนอน” ฉันหันกลับไปนั่งหน้าตรงเหมือนเดิมพลางใช้มือตบลงบนบ่าตัวเอง “ซบหนูก็ได้”

         ฟุบ

         ศีรษะใหญ่ถูกทิ้งลงมาบนไหล่ของฉันในเวลาถัดมา เขาขยับตัวให้เข้าที่จนผ่านไปไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอบ่งบอกว่าเจ้าตัวหลับไปหลับเรียบร้อย

         ฉันเหลือบไปมองเปลือกตาที่หลับพริ้มนั่นด้วยอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูก รู้แต่ว่าในยามนี้เขาดูสงบและอบอุ่นเหลือเกิน

         ตึกตัก ตึกตัก

         เอาอีกแล้ว...ฉันใจเต้นแรงให้เขาอีกแล้ว




    [อัปครบ]
    100% : แวะมาบอกว่าอีบุ๊คมาแล้วนะคะทุกคนนน ใครสายอีบุ๊คไปโหลดโลดดด
    ส่วนเล่มไรท์ส่งครบหมดแล้วน้าาาา ขอบคุณทุกคนมากค่ะ
    อีบุ๊คจิ้มมมม

    แล้วก็ขอฝากเรื่องที่กำลังอัปอยู่อีกเรื่องค่าาาา ขายของหน่อยๆ
    Ma Host โลลิต้าของผม


    81% : ต้าวบี๋ ไม่ไหวปะลูก555555555555555
    เรื่องหนังสือไรท์สอบถามความคืบหน้ากับทางโรงพิมพ์ให้แล้วน๊าา รอกันหน่อยเด้ออ


    31% : มันไว้ใจไม่ได้จริงๆอะผู้ชายนี้555555
    ติดตามข่าวสารเรื่องเล่มในเพจเลยน๊าาาา

    0% : ตาลุงนี่มันร้ายค่ะท่านผู้ชม! เจิมกันนนน 

    ไรท์ส่งไฟล์ให้โรงพิมพ์แล้วน๊าาา


    ขอฝากเรื่องใหม่ที่กำลังอัปอยู่ตอนนี้และภูมิใจนำเสนอสุดๆเพราะเป็นลูกรัก55555
    เรื่องนี้ไรท์ตั้งใจอัปทุกวันเพราะตั้งใจเขียนจริงๆน๊าาา ไปลองแกล้งๆอ่านกันได้ค่ะ55555


    Ma Host โลลิต้าของผม



    เพราะการไปเที่ยวบาร์โฮสต์วันนั้นมันทำให้ฉันรู้จักผู้ชายคนหนึ่ง 
    เขาเป็นโฮสต์ที่รับฟังทุกปัญหาภายใต้หน้ากากที่สวมนั้น 
    ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เขาก็ไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร
    จนกระทั่งวันหนึ่งที่เรื่องทุกอย่างมันเริ่มไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
    "พี่ให้เวลาสามวัน ถ้าเรายังยุ่งกับมันอย่าหาว่าพี่ไม่เตือน"
    "พี่เป็นแค่โฮสต์...พี่ไม่มีสิทธิ์อะไรด้วยซ้ำ"
    "งั้นเรามาเพิ่มสิทธิ์ข้อนั้นกันตอนนี้เลยไหมครับ"
    มันไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่มันคือประโยคบอกเล่า
    ประโยคบอกเล่า...ที่ทำให้ฉันถูกผลักลงไปบนเตียง

    1 เมนต์ = 1กำลังใจน๊า

    พูดคุยกันได้ที่
     Facebook : Black Paradises คลิก
    Twitter : @black_paradises #กองทัพปลาทู

    Enix SET ]



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×