คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : กองทัพปลาทู : Chapter 12
12
“ของหวานอย่างอื่น? อะไรอะ”
ลุงกองทัพกัดริมฝีปาก เขาค่อย ๆ เขยิบเข้ามาใกล้จนฉันต้องกระเถิบตัวไปข้างหลังเพื่อไม่ให้ระยะห่างของเรามันลดลง
“ถ้าเป็นฉัน” เขาเลียริมฝีปากบน ภาพที่เห็นมันช่างยั่วยวนฉันเหลือเกิน “ของหวานที่ว่าคืออีหนู”
“อ...อะไรนะลุง”
“แต่จะหวานตามที่คิดรึเปล่าไม่รู้”
“…”
“เพราะฉะนั้นขอชิมได้ปะ?”
“ชะ ชิมบ้าอะไรของลุง!?” ฉันใช้ฝ่ามือดันแผงอกนั้นให้ออกห่างแต่เพราะในตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในชุดแหวกช่วงบนทำให้มือฉันสัมผัสกับเนื้อแน่น ๆ นั้นเข้าเต็ม ๆ เลือดทั้งหมดถูกสูบฉีดขึ้นมาบนหน้าฉับพลัน
“หน้าแดงไปหมดแล้วอีหนู” เจ้าของอกล่ำนั้นยกยิ้มยียวน “คิดอะไรไม่ซื่อกับฉันสินะยัยเด็กหื่น”
ฉันรับสะบัดมือออกอย่างร้อนรน “บ...บ้า ใครคิดอะไร หื่นเนี้ยนะจะบ้าเหรอลุง ฮะ ๆ ไม่มี๊!” เห็นมั้ยลิ้นฉันพันไปหมดแล้ว แบบนี้ก็ยิ่งมีพิรุธสิปลาทู แง้!
“หื่นนะเราอะ” เขายังคงล้อฉันไม่เลิก
“หนูจะกลับโต๊ะ ไม่คุยกับลุงแล้ว!”
ควับ!
พูดจบฉันก็ลุกขึ้นยืนพร้อมหมุนตัวก้าวเท้าออกไปจะตรงนี้แต่ข้อมือกลับถูกตาลุงคว้าเอาไว้...อีกแล้ว!
“กลับพร้อมกัน”
“ทำไมกลับพร้อมกัน?” เป้รีบโพล่งขึ้นมาเสียงดัง “อยู่ด้วยกันเหรอ!”
“มึงเสือกอะไรด้วยเนี้ย” ตาลุงกองทัพหันไปตะคอกใส่ลูกน้องของตัวเองก่อนจะกันกลับมามองเมื่อฉันดันมือเขาออก
“ไม่เป็นไรลุง หนูมากับเพื่อนเดี๋ยวกลับพร้อมมันดีกว่า” ฉันกลั้นหายใจพูดรัวเร็วแล้วรีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกมาจากตรงนั้นทันที
ช่วงนี้ทำไมฉันถึงได้รู้สึกแปลก ๆ กับตาลุงเรื่อยเลย
ไม่ดี...อย่างนี้ไม่ดีแน่ ๆ ปลาทู
เหมือนย้ายบ้านอะเอาดี ๆ
ฉันจ้องมองกระเป๋าเป้ใบใหญ่ กระเป๋าสะพายอีกหนึ่งและกระเป๋ายิมสีดำขนาดใหญ่ตรงหน้าด้วยสายตา ‘อิหยังวะ’ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองเจ้าของมัน
“ลุง” ฉันคราง “จะไปอยู่ที่นู้นเลยเหรอ?”
วันนี้เป็นวันที่เราต้องไปเที่ยวเกาะกันน่ะ เราสองคนนัดกันไว้ว่าเจอหน้าห้องและพอถึงเวลาฉันก็ออกมา นั่นแหละ...ของเยอะจนเลยมาขวางประตูฉันเอาไว้อะ ตอนเปิดนี่แบบฉันนึกว่าประตูเสีย กำลังจะโทรไปด่ายัยมิ้นต์อะไรนั่นแล้วเชียว
“ก็ของมันเยอะ” ตาลุงกองทัพว่า “แค่ถุงยางก็กระเป๋าหนึ่งแล้ว”
“ลุง!” ฉันตวาดเขาทันที ให้ตายเถอะนี่ต้องไปเที่ยวกับคนแบบนี้ จริง
เหรอ ดีนะที่เขายอมจองสองห้องจนได้ไม่งั้นฉันยอมนอนริมทะเลดีกว่าอะ
“ล้อเล่น ทำเป็นจริงจังไปได้” ผู้ชายตรงหน้าบ่นอุบอิบ ฉันชักจะไม่แน่ใจแล้วนะว่าเขาพูดเล่นตามที่บอกรึเปล่า
“เอาไปแค่กระเป๋าเดียวเหอะลุง หนูเป็นผู้หญิงหนูยังของน้อยกว่าลุงเลย” ฉันก่ายหน้าผาก ปกติต้องเป็นฉันสิที่ถูกบ่นว่าเอาของไปเยอะไหงกลับกันแบบนี้วะเนี้ย “เอาไปแต่กระเป๋าเป้ก็พอ”
“เอางั้นเหรอ?” ร่างสูงที่กำลังนั่งรูดซิบกระเป๋าเงยหน้าขึ้นมาถาม ฉันจึงพยักหน้าแทนคำตอบ “งั้นรอแป๊บ”
“ให้หนูช่วยมั้ย?” เพราะเจ้าตัวต้องแบกกระเป๋าทั้งหมดกลับเข้าไปในห้องฉันจึงเอ่ยปากถาม กลัวว่าอีกฝ่ายจะจัดนานจนไม่ทันเที่ยวเรือที่จองไว้
“ก็ดี”
หลังจากช่วยเขาจัดกระเป๋าถึงได้รู้ว่าสัมภาระเขาส่วนมากจะเป็นเสื้อผ้าซะส่วนใหญ่ มีพวกสกินแคร์บ้างแต่ก็แค่ครีมน้ำนม น้ำหอม โรลออน...และก็ถุงยาง
เขาเอาถุงยางไปจริง ๆ ด้วย!
และอย่าหวัง ฉันเอาโยนทิ้งไปไหนหมดแล้วไม่รู้ ถึงว่าเขาจะบอกว่า ‘ซื้อเอาใหม่ได้’ ก็ตามเถอะ
“อะ เรียบร้อย” ฉันตบกระเป๋าเป้ที่ตัวเองเพิ่งพับเก็บอย่างเรียบร้อยด้วยความภาคภูมิใจ ปกติเวลาจัดกระเป๋าของตัวเองนี่จับยัดอย่างเดียวเลยแต่ทำไมพอเป็นคราวตาลุงฉันถึงไปประณีตพับผ้าขึ้นมาก็ไม่รู้
หลัง ๆ มานี้ก็รออีกฝ่ายชวนไปกินข้าวทุกวัน นั่งเช็คโทรศัพท์ว่าเขาไลน์มามั้ยหรือเมื่อไหร่จะมาขอปั๊ม
ฉันว่าฉันหลอนขึ้นทุกวันจริง ๆ นะ
...ไม่ชอบเลยให้ตาย
“ว้าว สุดยอด” ตาลุงเบิกตากว้างอย่างโอเวอร์ หน้าที่เขาคือจัดการ
กับชั้นในของตัวเอง ฉันไม่พับให้หรอกนะ! “ถ้าอยากให้มีคนมาทำให้แบบนี้ตลอดต้องทำไงอะ?”
“แต่งงานมั้ง” ฉันตอบไปตามที่ตัวเองคิด เวลาครอบครัวฉันมีแพลนไปเที่ยวกัน แม่ก็จะเป็นคนจัดกระเป๋าให้พ่อตลอด
ตาลุงพยักหน้าก่อนจะรีบพุ่งเข้ามาทางฉันจนสะดุ้งพร้อมกับพูดอย่างจริงจังว่า... “งั้นแต่งงานกัน”
แต่งกับผีดิ “ให้หนูแต่งงานกับลุงหนูยอมแต่งกับบัวลอยไข่หวานซะยังดีกว่า”
“ยัยเด็กเห็นแก่กิน คิดแต่เรื่องของกินอยู่ได้นะในหัวน่ะ”
“ของกินไม่เคยทิ้งหนู ของกินไม่พูดมากไม่ทำให้หนูปวดหัวแถมที่สำคัญคือของกินมันอร่อย”
“ฉันก็อร่อย” ตาลุงกองทัพรีบสวนขึ้นมา “เมื่อไหร่จะกินฉันสักที”
“ไปกันเลยมั้ยคะเดี๋ยวไม่ทัน” ฉันปล่อยเบลอจนตาลุงจิ๊จ๊ะ เขาไม่ได้เซ้าซี้ฉันอีกซึ่งนั่นก็ดีและยิ่งดีเมื่อหน้าเคาน์เตอร์ไม่ปรากฏร่างของพี่แมนหรือมิ้นต์เลย ฉันไม่อยากจะมามัวตอบคำถามว่าหิ้วกระเป๋าไปกับตาลุงกองทัพทำไม
แต่ดันเจอยัยบี๋ว่ะ...
เลวร้ายมากกว่าเดิมอีก!
“อ้าวพี่ปลาทู” ยัยเด็กเด๋อโบกมือทักทายอย่างเป็นมิตร เหมือนเธอจะยังไม่เห็นกระเป๋าฉันนะ ร่างเล็กปรายตาโต ๆ นั้นไปยังผู้ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉัน “เอ๊ะ คน ๆ นั้นนี่นา” ฉันใช้มือปิดปากอย่างคนที่นึกอะไรออก
อย่าเชียวนะ อย่านะบี๋
“ที่พี่ปลาทูส่งไลน์มาให้หนูบอกเขาว่าพี่ไม่อยู่ไงคะ พี่จำได้มั้ย ๆ บี๋ว่าตอนนั้นพี่ปลาทูต้องรำคาญเขาแน่เลย”
ยัยน้องบี๋...คนอย่างซอฟต์ไปลงเอยกับเด็กซื่อแบบเธอได้ยังไงเนี้ย
“อ๋อ” คนตัวสูงก้มหน้ามาประสานสายตา เขายกยิ้มยียวน “อย่างงี้นี่เอง ไม่ต่างจากที่คิดไว้เท่าไหร่”
“อย่าย้ำได้มั้ยลุง” ฉันพูดลอดไรฟัน
“แล้วนี่พี่ปลาทูจะไปไหนคะ?” เสียงน้องบี๋ดึงให้ฉันหันไปมองเธอตามเดิม ยัยเด็กน่ารักกระพริบตาปริบ ๆ จ้องมองกระเป๋าที่ฉันถือสลับกับกระเป๋าเป้ของตาลุงไปมา “คุณคนนี้ก็ด้วย”
“คือว่า...”
“พี่ปลาทูจะไปไหนกับคุณคนนี้เหรอคะ?” เธอไม่ฟังฉันพูดสักนิดแล้วจะถามฉันเพื่อ? ฉันกำลังจะตอบแต่อีกฝ่ายกลับเบิกตาอ้าปากกว้างพร้อมกับชี้มาทางนี้อึ้ง ๆ “อย่าบอกนะคะว่าพี่จะย้ายออก?”
“ไม่...”
“หรือว่า...” เธอใช้มือปิดปากตัวเองแล้วเบิกตากว้างกว่าเดิม “พี่สองคนเป็นแฟนกันใช่มั้ย?”
“คือมันไม่...”
“แล้วพี่กับคุณคนนี้คนกำลังจะหนีตามกัน ใช่มั้ยคะ!?”
โอ๊ยไอ้น้องบี๋...ฟังฉันก่อนได้มั้ย ช่วยฟังคนอื่นก่อนได้มั้ยยย
“บี๋” ฉันเรียกเตือนสติยัยเด็กเด๋อ เอาล่ะ ฉันว่านายซอฟต์แม่งต้องปวดหัวกับเธอทุกวินาทีแน่เลย ขนาดฉันเจอเธอไม่บ่อยยังประสาทจะกินนับประสาอะไรกับคนเป็นแฟนอย่างเขา เฮ้อ อนิจจัง “ฟังพี่นะ เราต้องฟังพี่”
“ค่ะ” เธอพยักหน้าหงึกหงัก ตั้งหน้าตั้งตาฟังในสิ่งที่ฉันจะพูด
“พี่จะไปเที่ยว” อธิบายเสร็จก็ชี้ไปยังร่างสูงข้าง ๆ “กับตาลุงคนนี้ เราไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากเพื่อนข้างห้องเท่านั้น พี่แค่ไปเที่ยวกับเขาเพราะเขาจ่ายเงินให้พี่เฉย ๆ เก็ทนะ?”
“อ๋อ” พอฉันพูดจบยัยน้องบี๋ก็พยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ แหะ ๆ”
“งั้นพี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวไปทัน” ฉันยิ้มแล้วเดินผ่านรุ่นน้องไป ใน
ระหว่างที่สวนกันตาลุงกองทัพก็ชะโงกหน้าไปกระซิบกับน้องบี๋
“เราไม่ได้เป็นแค่เพื่อนข้างห้อง เราเป็นอะไรมากกว่านั้น”
เพราะอย่างงั้นฉันจึงรีบดึงหูเขาออกมา...
ยัยน้องบี๋ยิ่งเป็นคนขี้มโนอยู่ด้วย ป่านนี้ไม่รู้คิดไปถึงไหนแล้วเนี้ย
ระหว่างที่ยืนรอรถตาลุงก็ลูบหูตัวเองพร้อมกับบ่นทุก ๆ นาทีว่าเจ็บบ้างล่ะ ใจร้ายบ้างล่ะ โหดบ้างล่ะจนฉันขี้เกียจจะฟัง
ประมาณห้านาทีรถเก๋งคันสีดำก็มาจอดอยู่ด้านหน้าของพวกเราทั้งสองคน เป้ซึ่งเป็นเจ้าของรถลงมาช่วยขนของอย่างรู้งาน ก่อนหน้านี้ตาลุงบอกไว้แล้วว่าเขาจะให้เป้มารับเพราะตัวเขาเองไม่มีรถยนต์ เห็นว่าทริปนี้เป้ก็เป็นคนจัดการให้ เป็นทุกอย่างให้แล้วมั้ง ฉันถามเขามาแล้วแหละว่าเป้อายุเท่ากับฉันน่ะ
ใช่สิ ฉันเคยถามตาลุงกองทัพด้วยนะว่าทำไมเขาถึงไม่ซื้อรถยนต์ คือมอเตอร์ไซค์ของเขามันราคาเท่ากับรถยนต์คนหนึ่งได้เลยไง ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดฉันบอกไปว่า ‘หนูชอบรถยนต์อะมันสบาย ทำไมลุงไม่ซื้อรถยนต์ด้วยล่ะ?’ แล้วคำตอบที่ฉันได้มาคืออะไรรู้มั้ย...
“ไม่อะ มันไม่จ๊าบ”
ฉันไม่เข้าใจและไม่อยากจะเข้าใจเขาจริง ๆ
“ไม่เห็นเฮียออกไปเที่ยวนานแล้วแฮะ” พอขนของเรียบร้อยเป้ก็ขับรถไปยังท่าเรือ ระหว่างทางไม่ค่อยมีบทสนทนาอะไรเยอะแยะสักเท่าไหร่ส่วนมากเป้จะเป็นฝ่ายชวนคุยซะมากกว่า นั่นทำให้ฉันรู้ว่าลุงกองทัพเป็นคนที่ไม่ชอบพูดมาก คือฉันก็สังเกตมาสักพักแล้วแหละว่าหากกับคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันเจ้าตัวจะพูดน้อย คือมันก็ไม่ได้น้อยขนาดนั้นแต่ก็ไม่ได้มากเท่ากับเวลาอยู่กับฉันไง ความจริงในข้อนี้มันทำให้ฉันอยากจะบ้าตายว่าทำไมเขาต้องมาพูดมาก ทำตัวน่าปวดหัว หื่นกามลามก เถื่อนกับฉันแค่คนเดียวด้วย
ทำไมต้องเป็นฉัน!
“ผมต้องอยู่เป็นเพื่อนจนเรือออกมั้ยเฮีย?” ใช้เวลาไปชั่วโมงกว่า
ๆ ในที่สุดเราก็ถึงจุดหมาย เล่นเอาฉันเผลอหลับหัวโขกกระจกไปหลายตื่น
“กูไม่ใช่เด็กไม่ต้องการเพื่อน” ตาลุงตอบปัด
ฉันเห็นทางกระจกมาหลังว่าเป้ก็มองมาทางฉันเหมือนกัน
เราประสานสายตาก่อนที่เป้จะเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน “แล้วคนข้างหลังนั้นอะ?”
“นั่นเมีย”
เอาล่ะฉันด่าจนไม่รู้จะด่ายังไงแล้ว
เอาเป็นว่าปล่อยเบลอไปละกันขี้เกียจจะว่าแล้ว เปลืองน้ำลาย
“ถามเขาสักคำยังเฮีย”
เหมือนว่าเป้จะรู้หรือเห็นฉันทำหน้าเอือมระอาถึงได้พูดขำ ๆ ออกมา
ฉันว่าบางทีตาลุงอาจจะเป็นพวกชอบคิดไปเองจนทุกคนที่อยู่รอบข้างเขารู้อยู่แล้วก็ได้
“กูไม่ถาม” ร่างสูงเว้นระยะในการพูดให้เร้าใจ “กูเอาเลย”
แต่ถามหน่อยก็ดีนะลุงเพราะฉันไม่เอา!
หัวข้อสนทนาถูกเปลี่ยนไปเป็นเที่ยวเรือแทน
เป้เป็นคนพาพวกฉันไปยังบริษัทที่ติดต่อไว้หลังจากเรียบร้อยเขาจึงขอตัวกลับ
ตอนนี้ฉันกับตาลุงจึงนั่งรอเวลาที่จะขึ้นเรือจนกระทั่งถูกเรียกเราทั้งคู่ก็ลงไปยังสปีดโบ๊ทของทางบริษัท
“ร้อนอะ”
เนื่องด้วยอากาศที่อบอ้าวทำให้ฉันบ่นออกมาพร้อมกับใช้กระเป๋าสะพายของตัวเองมาพัดไปมา
“กระโดดลงไปในน้ำดิจะได้เย็น”
กวน...ละลุง
เพราะการต่อปากต่อคำกับเขามันทำให้เปลืองพลังงานแถมยังจะพาลหงุดหงิดไปด้วยฉันเลยเลือกที่จะนั่งเงียบ
ๆ รอเรือออก
ตาลุงเขาไม่ได้กวนอะไรฉันอีกอาจจะเพราะเขาคงจะคิดเหมือนกันจนกระทั่งผู้คนเริ่มทยอยเข้ามาภายในเรือ
เพราะที่ ๆ พวกฉันนั่งมันเป็นเก้าอี้ยาวสำหรับสามคน
ข้างฉันเลยยังว่างทำให้มีผู้ชายคนหนึ่งเดินตรงมา
เขาทำท่าเหมือนจะนั่ง...นั่นแหละลุงกองทัพถึงได้มีปฏิกิริยา
“อีหนูลุก” ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวยังลุกขึ้นยืนอีกด้วย “สลับที่กัน”
“ไม่เอาอะลุง” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธแต่ตามเคย
เขาไม่สนใจหนำซ้ำยังคว้าแขนฉันให้ลุกขึ้นด้วย “โอ๊ยลุง เรื่องมากอะ”
ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องยอมเปลี่ยนที่นั่งกับเขาอยู่ดี
ลุงกองทัพยกยิ้มพอใจ หลังจากคนเต็มแล้วพวกเราก็ใส่ชูชีพที่ทางเรือวางไว้ให้
เมื่อทุกคนเรียบร้อยเรือก็แล่นออกไปยังทะเล
ฉันหันไปมองน้ำทะเลสีฟ้าเข้มข้างหน้าอย่างสนอกสนใจ
รู้สึกดีจัง ผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูกเลยแฮะ
“อีหนู” ฉันยังคงมองทอดออกไปยังผืนน้ำไม่สนใจเสียงเรียกและแรงสะกิดบริเวณหัวไหล่
สวยจัง ถ้าเจอปลาโลมาก็ดิสิ ชีวิตนี้ยังไม่เคยเห็นปลาโลมาตัวเป็น ๆ
เลย
“อีหนู” พอฉันไม่สนใจเขาก็สะกิดแรงขึ้นอีก
ทำไมตาลุงเขาชอบว่ากวนเวลาฉันกำลังเพลินอยู่ทุกทีเลยนะ
“อีหนู”
“โอ๊ย อะไรของลุงเนี่ย”
ในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหวหันไปทำน้ำเสียงไม่พอใจใส่เขาแต่พอฉันเห็นสีหน้าเขาตอนนี้เท่านั้นแหละ...
ทำไมหน้าถึงได้ซีดขนาดนี้!?
“ลุงเป็นอะไร?” ฉันรีบถามเขาด้วยความเป็นห่วง
ความรู้สึกผิดที่ไม่ยอมหันมาตั้งแต่เขาเรียกครั้งแรกจุกขึ้นมาบนอก
“ไม่รู้” เสียงเขาอ่อนลงเห็นได้ชัด “มึนหัว สงสัยเมาเรือ”
“อ้าว เมาเรือแล้วทำไมไม่บอกหนู”
ฉันรีบล้วงมือเข้าไปค้นหายาแก้เมารถเมาเรือในกระเป๋าที่มักพกติดตัวไว้อย่างร้อนรน
“ไม่ได้ขึ้นนานแล้ว” ยิ่งฟังเสียงยังสงสาร ฉันเพิ่งเคยเห็นเขาเป็นแบบนี้ครั้งแรกเลย
ปกติมีแต่ทำตัวให้น่าด่าน่ารำคาญ พอแบบนี้แล้วรู้สึกเหมือนลูกหมาซึมยังไงก็ไม่รู้
“ไม่ได้เมามากเท่าไหร่เลยคิดว่าไหว”
“แต่สภาพน่ะไม่ไหวเลยลุง” ฉันยื่นยาและขวดน้ำให้อีกฝ่าย
เขายอมรับมันไปดื่มโดยดีไม่ทักท้วงอะไร “ลุงอยากอ้วกมั้ย?”
คนที่ถูกถามส่ายหน้าเล็กน้อย “อยากนอนมากกว่า”
“งั้นนอน” ฉันหันกลับไปนั่งหน้าตรงเหมือนเดิมพลางใช้มือตบลงบนบ่าตัวเอง
“ซบหนูก็ได้”
ฟุบ
ศีรษะใหญ่ถูกทิ้งลงมาบนไหล่ของฉันในเวลาถัดมา
เขาขยับตัวให้เข้าที่จนผ่านไปไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอบ่งบอกว่าเจ้าตัวหลับไปหลับเรียบร้อย
ฉันเหลือบไปมองเปลือกตาที่หลับพริ้มนั่นด้วยอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูก
รู้แต่ว่าในยามนี้เขาดูสงบและอบอุ่นเหลือเกิน
ตึกตัก ตึกตัก
เอาอีกแล้ว...ฉันใจเต้นแรงให้เขาอีกแล้ว
0% : ตาลุงนี่มันร้ายค่ะท่านผู้ชม! เจิมกันนนน
ไรท์ส่งไฟล์ให้โรงพิมพ์แล้วน๊าาา
ความคิดเห็น