ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ทำมือ+Ebook] Enix-K รุ่นใหญ่ใจป๋า

    ลำดับตอนที่ #13 : กองทัพปลาทู : Chapter 11

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.42K
      149
      29 มิ.ย. 63



    11


    “ถ้างั้น...” ฉันที่นึกอะไรบางอย่างได้พูดขึ้นมา ยังไงฉันก็ไม่ไหวใจตาลุง “ลุงจองห้องไว้กี่ห้องอะ?”

    เขายิ้ม

    “ห้องเดียว”

    นั่นไงฉันว่าแล้ว!

    “จองอีกห้องเดี๋ยวนี้เลยนะลุง” ฉันท้าวสะเอวมองเขาอย่างหาเรื่อง ก็คือจะไม่เอาทางใดก็ทางหนึ่งเลยใช่มั้ย ตาลุงคนนี้นี่มันสุดจะทนจริง ๆ นะ “เดี๋ยวหนูจ่ายเองก็ได้ จองเดี๋ยวนี้เลย”

    “นอนด้วยกันหน่อยไม่ได้ไง?”

    “ไม่ได้!” กล้า...กล้าพูดมากนะลุง มองลงมาจากดาวอังคารก็รู้จุดประสงค์แล้วปะ ฉันไม่ได้โง่นะ!

    “เรื่องมาก” ตาลุงพึมพำพลางยกโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา “เดี๋ยวจองให้ฟรี”

    “จริงปะ?” คำว่าฟรีทำเอาฉันตาลุกวาว 

    เขาพยักหน้าแทนคำตอบ “แต่มีข้อแม้”

    “ว่า?” 

    ร่างสูงเอื้อมมือไปหยิบอะไรบางอย่างในกระเป๋าเสื้อของตัวเองก่อน

    จะยื่นมาให้ฉัน มันคือบัตรที่มีรอยปั๊มไปแล้วสี่รอย

    “ปั๊มของวันนี้ให้หน่อย”

    เงินจองที่พักเป็นพันแลกกับรอยปั๊มรอยเดียวเนี้ยนะ? ถามจริง

    “วันนี้ลุงสูบ ค่อยแก้ตัวพรุ่งนี้ดิ” ฉันกลัวว่าหากฉันเลือกที่จะทำตามคำขอในวันถัดไปเขาอาจจะหาอย่างอื่นมาทดแทนอีก

    เช่นของกินงี้...ซึ่งฉันตอบตกลงไปแน่

    “เฮ้ยไม่เอา” เขาปฏิเสธ “อยากให้ปั๊มวันนี้ด้วย”

    “ทำไม ปั๊มพรุ่งนี้ไม่ได้รึไง?”

    “ไม่ได้” น้ำเสียงของเขาฟังดูหนักแน่น สายตามุ่งมั่นเล่นเอาฉันขมวดคิ้วงง “เดี๋ยวไม่ทัน”

    หือ ไม่ทันอะไรวะ?

    ทำไมรู้สึกทะแม่ง ๆ ยังไงชอบกล

    จนแล้วจนรอดฉันก็ดันใจอ่อนเดินไปหยิบตายางในลิ้นชักมาปั๊มให้อีกฝ่ายจนได้ ตาลุงกองทัพยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เล่นเอาฉันส่ายหัวให้กับปฏิกิริยานั้น ต่อมาเขาจึงโทรศัพท์ไปคุยกับใครสักคนเรื่องที่พัก

    ท้ายที่สุดฉันมันคงจะยังเด็กเกินไปที่จะตามทันคนมากประสบการณ์อย่างเขาเพราะว่าเขา...

    วางแผนทุกอย่างไว้ตั้งแต่แรกแล้ว


    นี่ฉันมาทำอะไรที่นี่วะเนี่ย?

    สายตากวาดไปรอบข้างที่เต็มไปด้วยผู้คนแบบงง ๆ เสียงเพลงรีมิกซ์จากดีเจตัวท็อปของร้านดังไปทั่วจนแสบหู แสงสีหลากหลายก็พากันสาดไปสาดมาจาชวนปวดหัว

    ถ้าไม่มีบุฟเฟต์ขนมหวานฉันไม่มาหรอกนะบอกเลย

    “ไหนบุฟเฟต์วะน้ำ?” ฉันหันไปถามคนที่ลากฉันมาอย่างไม่สบ

    อารมณ์เมื่อมองหายังไงก็ไม่เจอไอ้ขนมหวานอะไรนั่นสักนิด

    เรื่องมันเป็นงี้...ฉันกำลังนั่งปั่นงานที่อาจารย์สั่งไปตามปกติน้ำก็โทรมาชวนฉันออกไปร้านเหล้า เธอบอกว่าเหงาบวกกับเบื่อแต่ฉันปฏิเสธไป คือมันไม่ใช่ทางฉันอะนะ ตอนกำลังจะวางสายเธอก็โพล่งขึ้นมาว่าที่นี่มีบุฟเฟต์ขนมหวานด้วย ผลลัพธ์ก็เลยออกมาอย่างที่ทุกคนเห็น

    “ไม่มี แฮะ ๆ” ผู้เป็นเพื่อนหันมาหัวเราะแหยะ ๆ ใส่ฉัน 

    “อะไรนะ! นี่แกหลอกฉันเหรอ!?” ฉันเบิกตากว้างใส่เธอพร้อมกับอ้าปากเตรียมจะด่าแต่น้ำที่ไหวตัวทันก็รีบแก้ตัวเป็นพลันวัน

    “ก็ถ้าฉันไม่บอกแกแบบนี้แกจะยอมออกมาหาฉันเหรอวะ” พูดเสร็จก็เขยิบมาเขย่าแขนฉันหวังจะให้ฉันยกโทษให้ 

    “…” ฉันทำเป็นเชิดหน้าไปอีกทางไม่สนใจในสิ่งที่เธอกำลังทำ ไอ้เรื่องหลอกฉันน่ะมันก็ไม่เคืองเท่าไหร่หรอกแต่ทำไมต้องเป็นเรื่องของกินด้วย!

    “ปลาทูอ่า~” น้ำเขย่าแขนแรงอีกกว่าเดิมจนฉันเริ่มรำคาญ ในที่สุดก็หันไปถอนหายใจใส่เธอจนได้

    “เออ ๆ ๆ” ฉันแกะมือเธอออก “แต่เนื่องจากแกหลอกฉันเพราะฉะนั้นแกต้องเลี้ยงชาบูฉันด้วย”

    “โห ชาบูเลยอ๋อ” คนเป็นเพื่อนโอดครวญแต่ฉันไม่สนใจหรอกนะ บอกแล้วอย่ามาแกล้งเรื่องของกินกับฉัน!

    “แกไม่มีทางปฏิเสธ” ฉันหันไปชี้หน้ายัยเพื่อนตัวดี “ไม่งั้นฉันจะงอนที่แกหลอกฉัน คราวนี้งอนจริง ๆ ด้วย”

    “แกไม่งอนฉันหรอก” คนตรงหน้ายู่ปาก “แกแค่อยากกินฟรีเท่านั้นแหละปลาทู” ชิ ทำมาเป็นรู้ดี “อ่า ๆ เลี้ยงชาบูก็ชาบู”

    ฉันหันไปยิ้มแย้มแจ่มใส พยายามเก็บอาการดีใจที่ได้กินของฟรีแต่ก็เก็บไว้ไม่ค่อยอยู่เท่าไหร่ “ต้องอย่างนั้นสิ”

    เราสองคนนั่งดื่มไปเรื่อย ฉันไม่ค่อยชอบพวกแอลกอฮอล์ก็จริงแต่ในเมื่อมาแล้วก็ไม่อยากให้เสียเที่ยว ในตอนนี้เสียงเพลงชวนเต้นได้เปลี่ยนไปเป็นการเปิดคลอเบา ๆ คล้ายพวกนั่งชิลทั่วไป

    “ไปเข้าห้องน้ำนะ” ฉันลุกขึ้นยืนมองคนเป็นเพื่อนที่นั่งดื่มไม่สนใจ อะไรคือการเรียกให้ฉันมาด้วยแต่ไม่สนใจฉันวะ เพื่อนคนนี่นี่... “ไม่คิดจะไปเป็นเพื่อนเลย?”

    “พอ ๆ ๆ” ฉันยกมือขึ้นเบรกคนที่เมาแล้วพูดมากไว้ไม่งั้นมีหวังวันนี้ฉันฉี่แตกแน่ ๆ ...ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังทางไปห้องน้ำ

    เพราะคนเยอะมาฉันเลยจำต้องยืนรอเป็นชาติ โชคดีแค่ไหนที่ไม่ไหลเอาตรงนั้น คนมีเป็นล้านแต่ห้องน้ำดันมีห้องเดียว ถ้าฉันมีเงินเยอะ ๆ เมื่อไหร่นะจะเป็นสปอนเซอร์ในการสร้างห้องน้ำของร้านเหล้าทุกร้านเลยคอยดู

    ในตอนแรกฉันกะว่าจะเดินกลับไปทางเดิมแต่พอเห็นฝูงชนที่เยอะราวกับซอมบี้เลยจำต้องย้อนไปอีกทางหนึ่ง ฉันเดินตรงไปตามทางเดินไม่วอกแวกแต่ก่อนจะถึงโต๊ะของตัวเองข้อมือก็ถูกใครบางคนคว้าเอาไว้

    ฉันเอี้ยวตัวหันกลับไปมอง หวังว่าคงจะไม่ใช่พวกโรคจิตเหมือนกับที่เคยอ่านเจอในนิยายหรอกนะ

    “ขอโทษนะคะพอดีว่า...” ยังไม่เห็นว่าเจ้าของมือคือใครแต่ฉันเตรียมปฏิเสธไว้แล้วแต่ยังพูดไม่ทันจบคน ๆ นั้นก็แทรกขึ้นมา

    “อีหนู?”

     เดี๋ยวนะ คำพูดนี้มัน...

    “ลุง?” ฉันจ้องมองผู้ชายหน้าหล่อเข้มสวมเสื้อเชิ้ตนี่ถูกปลดกระดุมไปสองเม็ดโชว์แผงอกตรงหน้า ผมที่ปกติถูกปล่อยไม่สนใจตอนนี้มันกลับถูกเซ็ตจนเป็นทรงขับให้เขาดูหล่อเหลามากยิ่งขึ้น

    ชัดเลย...ตาลุงกองทัพมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!

    “อีหนูมาได้ไง?” เขาขมวดคิ้วมุ่น นัยน์ตาคู่นั้นไล่มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า เดี๋ยวเถอะ ไอ้การใส่เสื้อยืดสีพื้นกับกางเกงออกกำลังกายขาสั้นมาร้านเหล้านี่มันทำไมฉะ! “อย่าบอกนะว่าตามฉันมา”

    “ตลกเหอะลุง” ฉันเบ้ปากพลางพยักพเยิดหน้าไปทางเขา “ลุงนั่นแหละแอบตามหนูมาเหรอ”

    “ฉัน...”

    “คุณพี่มาอยู่ตรงนี้เอง” ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูดจบเสียงแหลมของผู้หญิงแต่งหน้าจัดคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา เธอส่ายสะโพกงาม ๆ นั้นมาทางนี้ พอหยุดอยู่ตรงหน้าก็ควงแขนตาลุงในทันที “เห็นหายไปตั้งนานมะเหมี่ยวเป็นห่วงแทบแย่”

    ฉันปรายตามองมือนั้น...ที่แท้ก็มากับสาวนี่เอง

    “อะไรของเธอเนี่ย” ลุงกองทัพมองแขนตัวเองที่ถูกควงสลับกับหน้าผู้หญิงคนนั้นก่อนจะรีบสะบัดแขนตัวเองออกอย่างขยะแขยง “อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ”

    “…” ไม่รู้ทำไมฉันถึงยังได้มองดูพวกเขาอยู่แทนที่จะเดินกลับไปยังโต๊ะของตัวเอง

    “เฮ้ยอีหนู” ตาลุงเงยหน้ามามองฉันเลิ่กลั่ก “อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันไม่รู้จักยัยคนนี้เลยนะเว้ย”

    “อะไรกันคะ!” ผู้หญิงคนนั้นแว้ดขึ้นมาฉับพลัน เธอทำหน้าบึ้งตึงไม่พอใจกับสิ่งที่ตาลุงพูดออกมา “แต่เมื่อกี้เรายัง...”

    “พูดอะไรของเธอ” คนร่างสูงรีบหันไปถลึงตาใส่สาวเปรี้ยวคนนั้น

    ทันที “ออกไปได้แล้ว จะไปไหนก็ไปไป๊”

    สาวเจ้ากระทืบเท้าไม่พอใจ นาทีแรกเธอไม่ยอมออกไปแต่พอตาลุงควักแบงก์สีเทายื่นไปให้เจ้าตัวก็หมุนตัวเดินกลับไปอย่างว่าง่าย

    โอโหรวยมากพ่อ ผู้หญิงไม่ยอมไปก็ไล่ด้วยเงินซะเลย

    อยากได้บ้าง ไล่ฉันบ้างสิ 

    “รวยมากมั้งลุง” ฉันแบมือไปตรงหน้าพร้อมกระดิกนิ้ว “ให้หนูบ้างดิ”

    “ผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นคู่นอน ได้ไปหลักพัน” เจ้าของประโยคกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้าหล่อร้ายนั้นยื่นเข้ามาใกล้ “แต่ฉันอยากให้อีหนูมากกว่านั้น”

    “…”

    “เพราะงั้นมาเป็นเมียดิ...จะให้หมดบัญชีเลย”

    ตึกตัก ตึกตัก

    เอาล่ะปลาทู ที่แกใจเต้นแรงฉันจะถือซะว่าเป็นเพราะเงินแล้วกัน แกน่ะ...ไม่ได้ใจเต้นเพราะตาลุงหน้าหล่อจอมหื่นคนนี้หรอก

    จะว่าไปวันนี้ฉันชมเขาว่าหล่อกี่ครั้งแล้วนะ?

    “อีหนู” จู่ ๆ เขาก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ฉันเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่า ‘มีอะไร’ เจ้าตัวถึงได้พูดต่อ “ถึงฉันจะมาที่แบบนี้แต่ฉันก็ไม่ได้สูบบุหรี่นะเว้ย”

    ร้อนตัวมาก

    “หนูปั๊มวันนี้ให้แล้วนิ” ฉันทำเป็นไม่สนใจ เขาคงจะได้สูบหรอกเพราะที่นี่เป็นร้านห้ามสูบบุหรี่ แบบไม่ได้มีโซนให้สูบข้างนอกเหมือนร้านอื่น ๆ อื่นเพราะฉะนั้นฉันเลยยอมมาไง

    “เห็นมั้ยว่าฉันเป็นเด็กดี” ร่างกำยำนั้นชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างภาคภูมิใจเสร็จจึงหรี่ตาเล็กน้อย “เพราะงั้นลดเป็นสิบปั๊มต่อสองจูบได้มั้ย?”

    “ไม่ได้!” 

    “ไม่ได้ก็ไม่ได้” เขาพ่นลมขึ้นจนผมข้างหน้ากระจาย “ว่าแต่จะยืนคุยอยู่ตรงนี้เหรอ ไปนั่งโต๊ะดีกว่า”

    ยังไม่ทันได้ตอบอะไรตาลุงก็ลากฉันไปยังโต๊ะ ๆ หนึ่งซึ่งอยู่คนละโยชน์กับโต๊ะฉันเลย ตรงโต๊ะนั้นมีผู้ชายนั่งอยู่สามคน พวกเขากำลังนั่งดื่มเหล้ากันอย่างสนุกสนาน ฉันเดินตามแรงจูงเขาอย่างว่าง่ายเพราะจากประสบการณ์สอนให้รู้ว่าขืนคนอย่างตาลุงไปก็เท่านั้น เสียแรงเผลอ ๆ เจ็บตัวเปล่า ๆ อีก

    “อ้าวเฮีย พาสาวใหม่มาอีกแล้วเหรอ?” ผู้ชายหน้าตาละอ่อนสังเกตเห็นฉันเป็นคนแรก เขาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

    “สาวใหม่พ่องมึงดิไอ้เป้ กูไม่มีสาวเว้ย” ผู้ชายข้าง ๆ ถลึงตาใส่คนที่เขาเรียกว่าเป้

    “ไม่มีบ้านเฮียดิ ต้องบอกว่าไม่มีว่างน่าจะถูก” ผู้ชายอีกคนที่นั่งข้างเป้ส่ายศีรษะไปมา เขาส่งเสียงล้อเลียนออกมา

    “ไอ้สัสนี่” ตาลุงชี้หน้าคนพูดอย่างไม่ค่อยจริงจังนัก “ถ้ายังไม่หุบปากกูไล่มึงออกแน่”

    ผู้ชายคนนั้นเบ้ปากทำท่างอน ดูทรงแล้วพวกเขาคงจะเล่นกันแบบนี้ประจำเพราะแต่ละคนดูไม่โกรธเคืองอะไรกันเลย เป็นฉันนี่ลุกขึ้นต่อยแล้ว

    แต่ลุงเขาเป็นมาเฟียนี่หวา...

    งั้นหมายถึงต่อยปากตัวเองแล้วนั่งลงสงบเสงี่ยมตัวละกัน

    “เอ๊ะ เธอใช่คนที่มาค่ายวันนั้นรึเปล่า?” พอนั่งลงอีกคนที่ยังไม่ได้พูดอะไรก็ปริปากออกมา ฉันมองเขาอย่างพิจารณาก่อนจะนึกออดว่าเจ้าตัวคือคนที่มาเป็นผู้ช่วยในวันที่ฉันไปต่อยมวยวันนั้น

    “อ๋อ นายนี่เอง”

    “เออใช่ ๆ จำได้ละ” ผู้ชายอีกสองคนพยักหน้าร้องอ๋อ

    “ถึงว่าทำไมเฮียแม่งให้ฟรี” คนที่ชื่อเป้พึมพำหากแต่ฉันได้ยิน เอาจริง

    เหมือนเขาจงใจให้ได้ยินมากกว่า “เด็กเฮียนี่เอง”

    “ฉันไม่ใช่...”

    “เออ เด็กกู” เป็นอีกครั้งที่ตาลุงกองทัพแทรกขึ้นมาก่อนฉันจะพูดจบแถมยังเป็นคำที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิด...อีกแล้ว! “เพราะฉะนั้นพวกมึงห้ามยุ่ง”

    “หวงเก่ง”

    “คนไม่กลัวตายเหอะถึงแย่ง”

    “ผมแม่งไม่กล้าคิดสั้นหรอกเฮีย”

    ทั้งสามพูดแกมประชดประชันแต่มีเหรอคนอย่างลุงจะสนใจ เขาหันมาจ้องฉันอีกรอบ “แล้วตกลงมาได้ไง?”

    “ทำไม หนูไม่มีมือมีเท้าเลยใช่มั้ยเลยไปไหนไม่ได้”

    “กวน” เขาว่า “เดี๋ยวทำให้พูดไม่ออกซะหรอก”

    “ทำไงอะ?” ฉันขมวดคิ้ว แต่เพิ่งว่านึกได้ว่าไม่น่าเปิดช่องให้เขาเลยสักนิด

    “อยากรู้วันนี้ก็ไปที่ห้องฉันดิ แต่รับรองได้ว่าไม่ได้นอนแน่ ๆ” คนอย่างเขามันหื่นกู่ไม่กลับแล้ว!

    “หนูโดนหลอกมา” ฉันผ่อนลมหายใจพลางตอบเขาไป

    นั่นแหละผู้ชายอายุมากกว่าถึงได้เบิกตากว้างอย่างตกใจ “ใคร ใครแม่งมาหลอกอีหนูของฉันมาที่นี่ แล้วนี่ไม่เป็นไรใช่มั้ย” เจ้าตัวจับขนทั้งสองข้างของฉันพลกไปพลิกมาอย่างสำรวจ “อย่าบอกนะว่าโดนทำอะไรไปแล้ว? เฮ้ย อีหนูจะยอมให้คนอื่นกินไม่ได้นะถ้าฉันยังไม่ได้กินอะ”

    เดี๋ยวนะ...เหมือนประโยคคล้ายเป็นห่วงนั้นมันจะดูทะแม่ง ๆ แฮะ

    “โอ๊ย เข้าใจอะไรของลุงเนี่ย” ฉันสะบัดแขนเขาออกก่อนจะตั้งท่าเริ่มอธิบาย ไม่งั้นช้ากว่านี้มีหวังเขาคงจับฉันถอดเสื้อผ้าดูความเรียบร้อยของร่างกายฉันไปแล้ว ยิ่งเป็นคนบ้า ๆ ชอบคิดอะไรก็ไม่รู้ด้วย 

    “แล้วไม่ใช่เหรอ?”

    “หนูโดนเพื่อนหลอกมาว่าที่นี่มีบุฟเฟต์ขนมหวานต่างหาก”

    “หา?” หลังจากได้ยินตาลุงก็ทำหน้าเหยเก พอประมวลผลเสร็จเจ้าตัวก็ใช้นิ้วชี้ผลักหน้าผากฉันจนหงายหลัง “ร้านเหล้าที่ไหนมีบุฟเฟต์ขนมหวานวะ เด็กโง่”

    “โอ๊ยลุง” ฉันปัดมือเขาออก แล้วผลักมาซะแรง หน้าผากฉันขึ้นรอบแดงแล้วมั้ง “มันก็เป็นไปได้ปะลุง หนูยังเคยเห็นว่าเขามีพวกบุฟเฟต์อาหารทะเลอะไรพวกนั้นอยู่เลย”

    “นั่นมันของคาว มากินเหล้าที่ไหนเขาจะอยากกินขนมหวานวะ” เจ้าของคำพูดถอนหายใจอย่างสุดจะทนแต่ไม่นานก็หันมาส่งสายตาอ่านไม่ออกให้แทน “นอกซะจากของหวานอย่างอื่น”

    “ของหวานอย่างอื่น? อะไรอะ”

    ลุงกองทัพกัดริมฝีปาก เขาค่อย ๆ เขยิบเข้ามาใกล้จนฉันต้องกระเถิบตัวไปข้างหลังเพื่อไม่ให้ระยะห่างของเรามันลดลง

    “ถ้าเป็นฉัน” เขาเลียริมฝีปากบน ภาพที่เห็นมันช่างยั่วยวนฉันเหลือเกิน “ของหวานที่ว่าคืออีหนู”

    “อ...อะไรนะลุง”

    “แต่จะหวานตามที่คิดรึเปล่าไม่รู้”

    “…”

    “เพราะฉะนั้นขอชิมได้ปะ?”






    [อัปครบ]
    100% : อัปจบตอนเพื่อให้ดูความอ่อยของลุงและแวะมาบอกว่าหนังสือปิดพรีแล้วค่าาาา
    ขอบคุณทุกคนที่อุดหนุนนะคะ หลังจากนี้คงจะไม่ค่อยได้มาอัปบ่อยๆแล้วน๊าาา
    ฉะนั้นก็ขอฝากเรื่องใหม่ที่กำลังอัปอยู่ตอนนี้และภูมิใจนำเสนอสุดๆเพราะเป็นลูกรัก55555
    เรื่องนี้ไรท์ตั้งใจอัปทุกวันเพราะตั้งใจเขียนจริงๆน๊าาา ไปลองแกล้งๆอ่านกันได้ค่ะ55555


    Ma Host โลลิต้าของผม
    คลิก



    เพราะการไปเที่ยวบาร์โฮสต์วันนั้นมันทำให้ฉันรู้จักผู้ชายคนหนึ่ง 
    เขาเป็นโฮสต์ที่รับฟังทุกปัญหาภายใต้หน้ากากที่สวมนั้น 
    ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เขาก็ไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร
    จนกระทั่งวันหนึ่งที่เรื่องทุกอย่างมันเริ่มไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
    "พี่ให้เวลาสามวัน ถ้าเรายังยุ่งกับมันอย่าหาว่าพี่ไม่เตือน"
    "พี่เป็นแค่โฮสต์...พี่ไม่มีสิทธิ์อะไรด้วยซ้ำ"
    "งั้นเรามาเพิ่มสิทธิ์ข้อนั้นกันตอนนี้เลยไหมครับ"
    มันไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่มันคือประโยคบอกเล่า
    ประโยคบอกเล่า...ที่ทำให้ฉันถูกผลักลงไปบนเตียง


    37% : พรุ่งนี้ปิดพรีแล้วนะคะทุกคนนนนน อีบุ๊คหลังส่งหนังสือนะคะแล้วก็อัปในเว็บไม่จบน๊าาา



    "อีหนู?"

    0% : สายเปย์มากค่าลุงงง เจิมโลดดดด

    อีกสามวันปิดพรีน๊าาาาา


    1 เมนต์ = 1กำลังใจน๊า

    พูดคุยกันได้ที่
     Facebook : Black Paradises คลิก
    Twitter : @black_paradises #กองทัพปลาทู

    Enix SET ]



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×