คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : กองทัพปลาทู : Chapter 11
11
“ถ้างั้น...” ฉันที่นึกอะไรบางอย่างได้พูดขึ้นมา ยังไงฉันก็ไม่ไหวใจตาลุง “ลุงจองห้องไว้กี่ห้องอะ?”
เขายิ้ม
“ห้องเดียว”
นั่นไงฉันว่าแล้ว!
“จองอีกห้องเดี๋ยวนี้เลยนะลุง” ฉันท้าวสะเอวมองเขาอย่างหาเรื่อง ก็คือจะไม่เอาทางใดก็ทางหนึ่งเลยใช่มั้ย ตาลุงคนนี้นี่มันสุดจะทนจริง ๆ นะ “เดี๋ยวหนูจ่ายเองก็ได้ จองเดี๋ยวนี้เลย”
“นอนด้วยกันหน่อยไม่ได้ไง?”
“ไม่ได้!” กล้า...กล้าพูดมากนะลุง มองลงมาจากดาวอังคารก็รู้จุดประสงค์แล้วปะ ฉันไม่ได้โง่นะ!
“เรื่องมาก” ตาลุงพึมพำพลางยกโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา “เดี๋ยวจองให้ฟรี”
“จริงปะ?” คำว่าฟรีทำเอาฉันตาลุกวาว
เขาพยักหน้าแทนคำตอบ “แต่มีข้อแม้”
“ว่า?”
ร่างสูงเอื้อมมือไปหยิบอะไรบางอย่างในกระเป๋าเสื้อของตัวเองก่อน
จะยื่นมาให้ฉัน มันคือบัตรที่มีรอยปั๊มไปแล้วสี่รอย
“ปั๊มของวันนี้ให้หน่อย”
เงินจองที่พักเป็นพันแลกกับรอยปั๊มรอยเดียวเนี้ยนะ? ถามจริง
“วันนี้ลุงสูบ ค่อยแก้ตัวพรุ่งนี้ดิ” ฉันกลัวว่าหากฉันเลือกที่จะทำตามคำขอในวันถัดไปเขาอาจจะหาอย่างอื่นมาทดแทนอีก
เช่นของกินงี้...ซึ่งฉันตอบตกลงไปแน่
“เฮ้ยไม่เอา” เขาปฏิเสธ “อยากให้ปั๊มวันนี้ด้วย”
“ทำไม ปั๊มพรุ่งนี้ไม่ได้รึไง?”
“ไม่ได้” น้ำเสียงของเขาฟังดูหนักแน่น สายตามุ่งมั่นเล่นเอาฉันขมวดคิ้วงง “เดี๋ยวไม่ทัน”
หือ ไม่ทันอะไรวะ?
ทำไมรู้สึกทะแม่ง ๆ ยังไงชอบกล
จนแล้วจนรอดฉันก็ดันใจอ่อนเดินไปหยิบตายางในลิ้นชักมาปั๊มให้อีกฝ่ายจนได้ ตาลุงกองทัพยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เล่นเอาฉันส่ายหัวให้กับปฏิกิริยานั้น ต่อมาเขาจึงโทรศัพท์ไปคุยกับใครสักคนเรื่องที่พัก
ท้ายที่สุดฉันมันคงจะยังเด็กเกินไปที่จะตามทันคนมากประสบการณ์อย่างเขาเพราะว่าเขา...
วางแผนทุกอย่างไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
นี่ฉันมาทำอะไรที่นี่วะเนี่ย?
สายตากวาดไปรอบข้างที่เต็มไปด้วยผู้คนแบบงง ๆ เสียงเพลงรีมิกซ์จากดีเจตัวท็อปของร้านดังไปทั่วจนแสบหู แสงสีหลากหลายก็พากันสาดไปสาดมาจาชวนปวดหัว
ถ้าไม่มีบุฟเฟต์ขนมหวานฉันไม่มาหรอกนะบอกเลย
“ไหนบุฟเฟต์วะน้ำ?” ฉันหันไปถามคนที่ลากฉันมาอย่างไม่สบ
อารมณ์เมื่อมองหายังไงก็ไม่เจอไอ้ขนมหวานอะไรนั่นสักนิด
เรื่องมันเป็นงี้...ฉันกำลังนั่งปั่นงานที่อาจารย์สั่งไปตามปกติน้ำก็โทรมาชวนฉันออกไปร้านเหล้า เธอบอกว่าเหงาบวกกับเบื่อแต่ฉันปฏิเสธไป คือมันไม่ใช่ทางฉันอะนะ ตอนกำลังจะวางสายเธอก็โพล่งขึ้นมาว่าที่นี่มีบุฟเฟต์ขนมหวานด้วย ผลลัพธ์ก็เลยออกมาอย่างที่ทุกคนเห็น
“ไม่มี แฮะ ๆ” ผู้เป็นเพื่อนหันมาหัวเราะแหยะ ๆ ใส่ฉัน
“อะไรนะ! นี่แกหลอกฉันเหรอ!?” ฉันเบิกตากว้างใส่เธอพร้อมกับอ้าปากเตรียมจะด่าแต่น้ำที่ไหวตัวทันก็รีบแก้ตัวเป็นพลันวัน
“ก็ถ้าฉันไม่บอกแกแบบนี้แกจะยอมออกมาหาฉันเหรอวะ” พูดเสร็จก็เขยิบมาเขย่าแขนฉันหวังจะให้ฉันยกโทษให้
“…” ฉันทำเป็นเชิดหน้าไปอีกทางไม่สนใจในสิ่งที่เธอกำลังทำ ไอ้เรื่องหลอกฉันน่ะมันก็ไม่เคืองเท่าไหร่หรอกแต่ทำไมต้องเป็นเรื่องของกินด้วย!
“ปลาทูอ่า~” น้ำเขย่าแขนแรงอีกกว่าเดิมจนฉันเริ่มรำคาญ ในที่สุดก็หันไปถอนหายใจใส่เธอจนได้
“เออ ๆ ๆ” ฉันแกะมือเธอออก “แต่เนื่องจากแกหลอกฉันเพราะฉะนั้นแกต้องเลี้ยงชาบูฉันด้วย”
“โห ชาบูเลยอ๋อ” คนเป็นเพื่อนโอดครวญแต่ฉันไม่สนใจหรอกนะ บอกแล้วอย่ามาแกล้งเรื่องของกินกับฉัน!
“แกไม่มีทางปฏิเสธ” ฉันหันไปชี้หน้ายัยเพื่อนตัวดี “ไม่งั้นฉันจะงอนที่แกหลอกฉัน คราวนี้งอนจริง ๆ ด้วย”
“แกไม่งอนฉันหรอก” คนตรงหน้ายู่ปาก “แกแค่อยากกินฟรีเท่านั้นแหละปลาทู” ชิ ทำมาเป็นรู้ดี “อ่า ๆ เลี้ยงชาบูก็ชาบู”
ฉันหันไปยิ้มแย้มแจ่มใส พยายามเก็บอาการดีใจที่ได้กินของฟรีแต่ก็เก็บไว้ไม่ค่อยอยู่เท่าไหร่ “ต้องอย่างนั้นสิ”
เราสองคนนั่งดื่มไปเรื่อย ฉันไม่ค่อยชอบพวกแอลกอฮอล์ก็จริงแต่ในเมื่อมาแล้วก็ไม่อยากให้เสียเที่ยว ในตอนนี้เสียงเพลงชวนเต้นได้เปลี่ยนไปเป็นการเปิดคลอเบา ๆ คล้ายพวกนั่งชิลทั่วไป
“ไปเข้าห้องน้ำนะ” ฉันลุกขึ้นยืนมองคนเป็นเพื่อนที่นั่งดื่มไม่สนใจ อะไรคือการเรียกให้ฉันมาด้วยแต่ไม่สนใจฉันวะ เพื่อนคนนี่นี่... “ไม่คิดจะไปเป็นเพื่อนเลย?”
“พอ ๆ ๆ” ฉันยกมือขึ้นเบรกคนที่เมาแล้วพูดมากไว้ไม่งั้นมีหวังวันนี้ฉันฉี่แตกแน่ ๆ ...ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังทางไปห้องน้ำ
เพราะคนเยอะมาฉันเลยจำต้องยืนรอเป็นชาติ โชคดีแค่ไหนที่ไม่ไหลเอาตรงนั้น คนมีเป็นล้านแต่ห้องน้ำดันมีห้องเดียว ถ้าฉันมีเงินเยอะ ๆ เมื่อไหร่นะจะเป็นสปอนเซอร์ในการสร้างห้องน้ำของร้านเหล้าทุกร้านเลยคอยดู
ในตอนแรกฉันกะว่าจะเดินกลับไปทางเดิมแต่พอเห็นฝูงชนที่เยอะราวกับซอมบี้เลยจำต้องย้อนไปอีกทางหนึ่ง ฉันเดินตรงไปตามทางเดินไม่วอกแวกแต่ก่อนจะถึงโต๊ะของตัวเองข้อมือก็ถูกใครบางคนคว้าเอาไว้
ฉันเอี้ยวตัวหันกลับไปมอง หวังว่าคงจะไม่ใช่พวกโรคจิตเหมือนกับที่เคยอ่านเจอในนิยายหรอกนะ
“ขอโทษนะคะพอดีว่า...” ยังไม่เห็นว่าเจ้าของมือคือใครแต่ฉันเตรียมปฏิเสธไว้แล้วแต่ยังพูดไม่ทันจบคน ๆ นั้นก็แทรกขึ้นมา
“อีหนู?”
เดี๋ยวนะ คำพูดนี้มัน...
“ลุง?” ฉันจ้องมองผู้ชายหน้าหล่อเข้มสวมเสื้อเชิ้ตนี่ถูกปลดกระดุมไปสองเม็ดโชว์แผงอกตรงหน้า ผมที่ปกติถูกปล่อยไม่สนใจตอนนี้มันกลับถูกเซ็ตจนเป็นทรงขับให้เขาดูหล่อเหลามากยิ่งขึ้น
ชัดเลย...ตาลุงกองทัพมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!
“อีหนูมาได้ไง?” เขาขมวดคิ้วมุ่น นัยน์ตาคู่นั้นไล่มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า เดี๋ยวเถอะ ไอ้การใส่เสื้อยืดสีพื้นกับกางเกงออกกำลังกายขาสั้นมาร้านเหล้านี่มันทำไมฉะ! “อย่าบอกนะว่าตามฉันมา”
“ตลกเหอะลุง” ฉันเบ้ปากพลางพยักพเยิดหน้าไปทางเขา “ลุงนั่นแหละแอบตามหนูมาเหรอ”
“ฉัน...”
“คุณพี่มาอยู่ตรงนี้เอง” ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูดจบเสียงแหลมของผู้หญิงแต่งหน้าจัดคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา เธอส่ายสะโพกงาม ๆ นั้นมาทางนี้ พอหยุดอยู่ตรงหน้าก็ควงแขนตาลุงในทันที “เห็นหายไปตั้งนานมะเหมี่ยวเป็นห่วงแทบแย่”
ฉันปรายตามองมือนั้น...ที่แท้ก็มากับสาวนี่เอง
“อะไรของเธอเนี่ย” ลุงกองทัพมองแขนตัวเองที่ถูกควงสลับกับหน้าผู้หญิงคนนั้นก่อนจะรีบสะบัดแขนตัวเองออกอย่างขยะแขยง “อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ”
“…” ไม่รู้ทำไมฉันถึงยังได้มองดูพวกเขาอยู่แทนที่จะเดินกลับไปยังโต๊ะของตัวเอง
“เฮ้ยอีหนู” ตาลุงเงยหน้ามามองฉันเลิ่กลั่ก “อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันไม่รู้จักยัยคนนี้เลยนะเว้ย”
“อะไรกันคะ!” ผู้หญิงคนนั้นแว้ดขึ้นมาฉับพลัน เธอทำหน้าบึ้งตึงไม่พอใจกับสิ่งที่ตาลุงพูดออกมา “แต่เมื่อกี้เรายัง...”
“พูดอะไรของเธอ” คนร่างสูงรีบหันไปถลึงตาใส่สาวเปรี้ยวคนนั้น
ทันที “ออกไปได้แล้ว จะไปไหนก็ไปไป๊”
สาวเจ้ากระทืบเท้าไม่พอใจ นาทีแรกเธอไม่ยอมออกไปแต่พอตาลุงควักแบงก์สีเทายื่นไปให้เจ้าตัวก็หมุนตัวเดินกลับไปอย่างว่าง่าย
โอโหรวยมากพ่อ ผู้หญิงไม่ยอมไปก็ไล่ด้วยเงินซะเลย
อยากได้บ้าง ไล่ฉันบ้างสิ
“รวยมากมั้งลุง” ฉันแบมือไปตรงหน้าพร้อมกระดิกนิ้ว “ให้หนูบ้างดิ”
“ผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นคู่นอน ได้ไปหลักพัน” เจ้าของประโยคกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้าหล่อร้ายนั้นยื่นเข้ามาใกล้ “แต่ฉันอยากให้อีหนูมากกว่านั้น”
“…”
“เพราะงั้นมาเป็นเมียดิ...จะให้หมดบัญชีเลย”
ตึกตัก ตึกตัก
เอาล่ะปลาทู ที่แกใจเต้นแรงฉันจะถือซะว่าเป็นเพราะเงินแล้วกัน แกน่ะ...ไม่ได้ใจเต้นเพราะตาลุงหน้าหล่อจอมหื่นคนนี้หรอก
จะว่าไปวันนี้ฉันชมเขาว่าหล่อกี่ครั้งแล้วนะ?
“อีหนู” จู่ ๆ เขาก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ฉันเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่า ‘มีอะไร’ เจ้าตัวถึงได้พูดต่อ “ถึงฉันจะมาที่แบบนี้แต่ฉันก็ไม่ได้สูบบุหรี่นะเว้ย”
ร้อนตัวมาก
“หนูปั๊มวันนี้ให้แล้วนิ” ฉันทำเป็นไม่สนใจ เขาคงจะได้สูบหรอกเพราะที่นี่เป็นร้านห้ามสูบบุหรี่ แบบไม่ได้มีโซนให้สูบข้างนอกเหมือนร้านอื่น ๆ อื่นเพราะฉะนั้นฉันเลยยอมมาไง
“เห็นมั้ยว่าฉันเป็นเด็กดี” ร่างกำยำนั้นชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างภาคภูมิใจเสร็จจึงหรี่ตาเล็กน้อย “เพราะงั้นลดเป็นสิบปั๊มต่อสองจูบได้มั้ย?”
“ไม่ได้!”
“ไม่ได้ก็ไม่ได้” เขาพ่นลมขึ้นจนผมข้างหน้ากระจาย “ว่าแต่จะยืนคุยอยู่ตรงนี้เหรอ ไปนั่งโต๊ะดีกว่า”
ยังไม่ทันได้ตอบอะไรตาลุงก็ลากฉันไปยังโต๊ะ ๆ หนึ่งซึ่งอยู่คนละโยชน์กับโต๊ะฉันเลย ตรงโต๊ะนั้นมีผู้ชายนั่งอยู่สามคน พวกเขากำลังนั่งดื่มเหล้ากันอย่างสนุกสนาน ฉันเดินตามแรงจูงเขาอย่างว่าง่ายเพราะจากประสบการณ์สอนให้รู้ว่าขืนคนอย่างตาลุงไปก็เท่านั้น เสียแรงเผลอ ๆ เจ็บตัวเปล่า ๆ อีก
“อ้าวเฮีย พาสาวใหม่มาอีกแล้วเหรอ?” ผู้ชายหน้าตาละอ่อนสังเกตเห็นฉันเป็นคนแรก เขาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“สาวใหม่พ่องมึงดิไอ้เป้ กูไม่มีสาวเว้ย” ผู้ชายข้าง ๆ ถลึงตาใส่คนที่เขาเรียกว่าเป้
“ไม่มีบ้านเฮียดิ ต้องบอกว่าไม่มีว่างน่าจะถูก” ผู้ชายอีกคนที่นั่งข้างเป้ส่ายศีรษะไปมา เขาส่งเสียงล้อเลียนออกมา
“ไอ้สัสนี่” ตาลุงชี้หน้าคนพูดอย่างไม่ค่อยจริงจังนัก “ถ้ายังไม่หุบปากกูไล่มึงออกแน่”
ผู้ชายคนนั้นเบ้ปากทำท่างอน ดูทรงแล้วพวกเขาคงจะเล่นกันแบบนี้ประจำเพราะแต่ละคนดูไม่โกรธเคืองอะไรกันเลย เป็นฉันนี่ลุกขึ้นต่อยแล้ว
แต่ลุงเขาเป็นมาเฟียนี่หวา...
งั้นหมายถึงต่อยปากตัวเองแล้วนั่งลงสงบเสงี่ยมตัวละกัน
“เอ๊ะ เธอใช่คนที่มาค่ายวันนั้นรึเปล่า?” พอนั่งลงอีกคนที่ยังไม่ได้พูดอะไรก็ปริปากออกมา ฉันมองเขาอย่างพิจารณาก่อนจะนึกออดว่าเจ้าตัวคือคนที่มาเป็นผู้ช่วยในวันที่ฉันไปต่อยมวยวันนั้น
“อ๋อ นายนี่เอง”
“เออใช่ ๆ จำได้ละ” ผู้ชายอีกสองคนพยักหน้าร้องอ๋อ
“ถึงว่าทำไมเฮียแม่งให้ฟรี” คนที่ชื่อเป้พึมพำหากแต่ฉันได้ยิน เอาจริง
เหมือนเขาจงใจให้ได้ยินมากกว่า “เด็กเฮียนี่เอง”
“ฉันไม่ใช่...”
“เออ เด็กกู” เป็นอีกครั้งที่ตาลุงกองทัพแทรกขึ้นมาก่อนฉันจะพูดจบแถมยังเป็นคำที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิด...อีกแล้ว! “เพราะฉะนั้นพวกมึงห้ามยุ่ง”
“หวงเก่ง”
“คนไม่กลัวตายเหอะถึงแย่ง”
“ผมแม่งไม่กล้าคิดสั้นหรอกเฮีย”
ทั้งสามพูดแกมประชดประชันแต่มีเหรอคนอย่างลุงจะสนใจ เขาหันมาจ้องฉันอีกรอบ “แล้วตกลงมาได้ไง?”
“ทำไม หนูไม่มีมือมีเท้าเลยใช่มั้ยเลยไปไหนไม่ได้”
“กวน” เขาว่า “เดี๋ยวทำให้พูดไม่ออกซะหรอก”
“ทำไงอะ?” ฉันขมวดคิ้ว แต่เพิ่งว่านึกได้ว่าไม่น่าเปิดช่องให้เขาเลยสักนิด
“อยากรู้วันนี้ก็ไปที่ห้องฉันดิ แต่รับรองได้ว่าไม่ได้นอนแน่ ๆ” คนอย่างเขามันหื่นกู่ไม่กลับแล้ว!
“หนูโดนหลอกมา” ฉันผ่อนลมหายใจพลางตอบเขาไป
นั่นแหละผู้ชายอายุมากกว่าถึงได้เบิกตากว้างอย่างตกใจ “ใคร ใครแม่งมาหลอกอีหนูของฉันมาที่นี่ แล้วนี่ไม่เป็นไรใช่มั้ย” เจ้าตัวจับขนทั้งสองข้างของฉันพลกไปพลิกมาอย่างสำรวจ “อย่าบอกนะว่าโดนทำอะไรไปแล้ว? เฮ้ย อีหนูจะยอมให้คนอื่นกินไม่ได้นะถ้าฉันยังไม่ได้กินอะ”
เดี๋ยวนะ...เหมือนประโยคคล้ายเป็นห่วงนั้นมันจะดูทะแม่ง ๆ แฮะ
“โอ๊ย เข้าใจอะไรของลุงเนี่ย” ฉันสะบัดแขนเขาออกก่อนจะตั้งท่าเริ่มอธิบาย ไม่งั้นช้ากว่านี้มีหวังเขาคงจับฉันถอดเสื้อผ้าดูความเรียบร้อยของร่างกายฉันไปแล้ว ยิ่งเป็นคนบ้า ๆ ชอบคิดอะไรก็ไม่รู้ด้วย
“แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“หนูโดนเพื่อนหลอกมาว่าที่นี่มีบุฟเฟต์ขนมหวานต่างหาก”
“หา?” หลังจากได้ยินตาลุงก็ทำหน้าเหยเก พอประมวลผลเสร็จเจ้าตัวก็ใช้นิ้วชี้ผลักหน้าผากฉันจนหงายหลัง “ร้านเหล้าที่ไหนมีบุฟเฟต์ขนมหวานวะ เด็กโง่”
“โอ๊ยลุง” ฉันปัดมือเขาออก แล้วผลักมาซะแรง หน้าผากฉันขึ้นรอบแดงแล้วมั้ง “มันก็เป็นไปได้ปะลุง หนูยังเคยเห็นว่าเขามีพวกบุฟเฟต์อาหารทะเลอะไรพวกนั้นอยู่เลย”
“นั่นมันของคาว มากินเหล้าที่ไหนเขาจะอยากกินขนมหวานวะ” เจ้าของคำพูดถอนหายใจอย่างสุดจะทนแต่ไม่นานก็หันมาส่งสายตาอ่านไม่ออกให้แทน “นอกซะจากของหวานอย่างอื่น”
“ของหวานอย่างอื่น? อะไรอะ”
ลุงกองทัพกัดริมฝีปาก เขาค่อย ๆ เขยิบเข้ามาใกล้จนฉันต้องกระเถิบตัวไปข้างหลังเพื่อไม่ให้ระยะห่างของเรามันลดลง
“ถ้าเป็นฉัน” เขาเลียริมฝีปากบน ภาพที่เห็นมันช่างยั่วยวนฉันเหลือเกิน “ของหวานที่ว่าคืออีหนู”
“อ...อะไรนะลุง”
“แต่จะหวานตามที่คิดรึเปล่าไม่รู้”
“…”
“เพราะฉะนั้นขอชิมได้ปะ?”
0% : สายเปย์มากค่าลุงงง เจิมโลดดดด
อีกสามวันปิดพรีน๊าาาาา
ความคิดเห็น