ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาระ(แนว)การ์ตูน

    ลำดับตอนที่ #24 : พจนานุกรมภาษาญี่ปุ่นฉบับAnime

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.29K
      4
      4 พ.ย. 50

    พจนานุกรมภาษาญี่ปุ่น ฉบับอนิเม (ญี่ปุ่น-ไทย)

    เนื่องจากช่วงนี้ว่าง (แอบเขียนเวลางาน) เลยนั่งเปิดเว็บไปเรื่อยๆ เห็นฝรั่งมีสอนภาษาญี่ปุ่น แต่ลองหาเว็บของไทยกลับไม่ค่อยจะมี ผมเลยคิดว่าน่าจะ

    เขียนบทความให้เพื่อนๆ เข้าใจวัฒนธรรมและภาษาญี่ปุ่นมากขึ้น จะได้ดูอนิเมสนุกมากยิ่งขึ้นครับ
    ขอออกตัวว่า ผมไม่เคยศึกษาภาษาญี่ปุ่นแบบเป็นทางการเท่าไร หากผิดพลาดต้องขออภัยล่วงหน้าและขอให้เพื่อนๆ ช่วยรีบแจ้งเพื่อผมจะได้ทำการ

    แก้ไขด้วยครับ ขอบคุณครับ

    คำสุภาพ (Keigo)
    ธรรมเนียมญี่ปุ่นนั้นเวลาเรียกชื่อผู้อื่นนั้นต้องมีการเติมคำลงท้ายเพื่อบ่งบอกตำแหน่งและระดับความเคารพของผู้พูดไว้ด้วย
    -san (-ซัง) เป็นคำสุภาพที่ใช้ตามหลังชื่อ, คำเรียกของคนทั่วไป, คนที่ผู้พูดให้ความเคารพ
    -chan (-จัง) มักจะใช้กับผู้หญิง เวลาเรียกกันและกัน หรือผู้ชายใช้เรียกผู้หญิงที่สนิทกัน (เป็นแฟนกันหรือเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก) และยังใช้สำหรับ

    ญาติเวลาเรียกลูกหลานที่เป็นผู้หญิง อาจจะใช้กับเด็กผู้ชายด้วย แต่เมื่อโตขึ้นแล้วจะไม่เรียกกันยกเว้นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เด็ก
    -kun (-คุง) สำหรับใช้เรียกผู้ชาย, เพื่อนร่วมชั้น, เพื่อนร่วมงาน, สำหรับอาจารย์เรียกลูกศิษย์ (ทั้งชายและหญิง)
    -sama (-ซะมะ) เป็นคำสุภาพที่ใช้เรียกผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่ามากๆ, เป็นคำลงท้ายที่พวกผู้ดีใช้เรียกผู้อื่น
    -dono (-โดะโนะ) เป็นคำสุภาพที่เป็นภาษาโบราณที่ใช้เรียกพวกนักรบ(ซามูไร), ปัจจุบันใช้จ่าหน้าซองจดหมาย, เรียกผู้มีตำแหน่งเทียบเท่าเจ้านาย (

    พบใน Basilisk)
    -sempai (เซะ-อึ้น-พะ-อิ, เซ็มไป) ใช้เรียกรุ่นพี่ (สถานศึกษา, ที่ทำงาน) (พบในอนิเมที่มีฉากในโรงเรียนทั่วไป)
    -sensei (เซะ-อึ้น-เซะ-อิ, เซ็นเซย์) เป็นคำที่ใช้เป็นสรรพนามเรียกอาชีพที่เป็นวิชาชีพต่างๆ เช่น ครู, อาจารย์, แพทย์, ช่างฝีมือทางศิลป์แขนงต่างๆ (

    รวมถึงนักวาดการ์ตูน), นักการเมือง

    เรียงลำดับตามตำแหน่งแล้วจะได้จากความสุภาพน้อยไปถึงสุภาพมากได้แก่ -chan(-kun) > -san > -dono > -sama
    และจะเรียกชื่อสกุลตามด้วยคำสุภาพ เพื่อให้ความเคารพสำหรับผู้ที่ไม่รู้จักกันมาก่อน พอสนิทมากขึ้นก็จะเปลี่ยนชื่อตัวแล้วตามด้วยคำสุภาพ สำหรับ

    เพื่อนสนิท, คนรัก, ครอบครัว, คนที่สนิทสนมกันมากๆ เขาจะเรียกกันโดยชื่อตัวเท่านั้น หรือบางคนที่ไม่ถือเรื่องพวกนี้เขาจะแจ้งให้ผู้อื่นทราบตอน

    แนะนำตัวว่าให้เรียกชื่อตัวเองเฉยๆ เลยก็ได้ (มารยาทของญี่ปุ่นเวลาจะถามชื่อผู้อื่นต้องแนะนำชื่อตัวเองก่อน)

    สรรพนาม

    Watashi (วาตาชิ) ฉัน (ใช้ได้ทั้งสองเพศ)
    Atashi (อะตาชิ) ฉัน (สำหรับผู้หญิง)
    Ore (โอเระ) ข้า, กู (สำหรับผู้ชาย (ออกจะไม่สุภาพ))
    Boku (โบะคุ) ผม (สำหรับเด็กชาย), บางครั้งก็ใช้ในการเรียกเด็กผู้ชาย
    Anata (อะนะตะ) คุณ (สำหรับภรรยาใชช้เรียกสามี, เรียกแบบยกย่อง) อย่างเช่น Anata ga Watashi wa Master ga? ท่านเป็นมาสเตอร์ของข้าใช่

    ไหม? คำพูดแรกที่เซเบอร์พูดกับชิโร่
    Omae (โอะมะเอะ) เธอ (ใช่ในการเรียกคนที่พึ่งทำบางอย่าง) "Omae wa...!" "นี่เอง...!(ไปทำอะไรมาล่ะ)"
    Kimi (คิมิ) คุณ (เป็นภาษาพูดที่พบเห็นกันบ่อยๆ)
    Minna- (มินนะ) ทุกคน , พวกเรา
    -tachi (-ตะจิ) เป็นรูปพหูพจน์ครับสามารถต่อหลังคำได้ทุกคำแล้วทำให้กลายเป็นกลุ่มของสิ่งเหล่านั้น เช่น Kimi-tachi (พวกเธอ) Watashi-tachi (

    พวกฉัน) Tirkx-tachi (พวก Tirkx)

    คำทักทาย
    เป็นคำที่ใช้ทักทายผู้อื่นในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สำคัญมาก ถ้าใครไม่เอ่ยคำเช่นนั้นจะถูกมองว่าเป็นคนที่ไม่มีมารยาท
    Ohayou (gozeimasu) (โอะฮะโยว โกะเซยมะสุ) อรุณสวัสดิ์, สวัสดีตอนเช้า ใช้สำหรับทักทายกันเวลาเช้า บางครั้งอาจย่อเหลือแค่ Ohayou หรือ Yo

    เฉยๆ สำหรับเพื่อนทักทายกัน แต่ถ้าทักทายคนที่ให้ความเคารพจะต้องใช้ Ohayou gozeimasu เต็มๆ เท่านั้น

    Konnichiwa (คอนนิจิวะ) สวัสดี เป็นคำทักทายที่ใช้ได้ทั้งวันครับ

    Konbanwa (คอนบังวะ) สวัสดี เป็นคำทักทายที่ใช้หลังดวงอาทิตย์ตกครับ

    Oyasumi (nasai) (โอยะสุมิ(นะซัย)) ราตรีสวัสดิ์ เป็นคำที่ใช้บอกผู้อื่นเวลาจะไปนอนครับ

    (Domo) Arigatou (Gozaimasu) ขอบคุณมาก

    Doitasimasite ไม่เป็นไร, เรื่องเล็กน้อย (ใช้สำหรับตอบคำว่า Arigatou เป็นคำคู่กัน)

    Hisashiburi (ฮิซะชิบุริ) สวัสดี (ใช้สำหรับผู้ที่ไม่ได้พบกันเป็นเวลานาน ประมาณว่าคิดถึงจัง)

    Itadakimasu (อิทะดะคิมะสุ) แปลตรงๆ แปลว่า "จะกินแล้วนะ" แต่ความหมายจริงๆ คือ ขอบคุณสำหรับอาหาร ใช้พูดก่อนรับประทานอาหาร

    Gochisosamadesita แปลตรงๆ แปลว่า "เป็นอาหารที่อร่อย" แต่ความหมายจริงๆ คือ ขอบคุณสำหรับอาหาร ใช้พูดเมื่อกินอาหารเสร็จ

    Tadaima (ทะไดมะ) กลับมาแล้วครับ (เป็นคำบังคับที่ต้องเอ่ยเมื่อเวลากลับถึงที่อยู่อาศัยหรือกลับมาจากไปที่อื่นมา)

    Okaeri (โอคาเอะริ) เป็นคำตอบรับของคำว่า Tadaima ครับ สำหรับคนในบ้านหรือที่นั้นอยู่พูดตอบ คนที่กลับเข้ามา

    Itekimasu (อิเตะคิมัตสุ) ออกไปล้วนะครับ (เป็นคำที่พูดเมื่อออกเดินทาง, ออกจากบ้านหรือสถานที่หนึ่งๆ)

    Itterashai (อิเตะระไช) ไปดีมาดีนะ, ระวังตัวด้วยนะ เป็นคำที่ใช้รับกับคำว่า Itekimasu สำหรับผู้ที่อยู่ในที่นั้นๆ พูดส่งผู้ที่กำลังจะออกไป

    dewa, ogenki de ขอให้รักษาสุขภาพให้ดี

    O genki desu ka? สบายดีหรือ?
    hai, okagesamade, genki desu ครับ(ค่ะ) สบายดี ขอบคุณ

    Sayonara ลาก่อน

    Gokigen yoroshuu gozaimasu (ย่อเหลือ Gokigen you) ขอให้มีอารมณ์แจ่มใส
    เป็นคำอำลาที่ไม่ค่อยจะใช้กันในหมู่คนทั่วไปเท่าไร มักจะใช้ในหมู่ผู้ดี (เช่น ลูเคีย จาก Bleach และนางเอกของเรื่อง Otome wa boku ni koishiteru)

    Omendetoo Gozaimasu ขอแสดงความยินดีด้วย

    คำว่า

    Baka (บาก้า) คำว่าที่ใช้มากที่สุด ความหมายคล้ายๆ บ้า, โง่

    Bakayaro (บาก้าเอยโระ) ความหมายเหมือน Baka แต่มีความหมายว่า บ้ามาก, โง่มาก กว่า Baka ธรรมดา (ห้ามเอาไปพูดกับพ่อแม่เน่อ)

    Kuso (คุโซะ) คล้ายๆ กับ "เหี้ย" ของไทยน่ะครับ (ขออภัยที่หยาบคายแต่คิดคำที่ความหมายใกล้ๆ ไม่ออก) เป็นคำสบถสั้นๆ ที่ไม่มีความหมายน่ะครับ

    (ภาษาอังกฤษคล้ายๆ คำว่า shit น่ะครับ)

    Ecchi (เอ็จจิ) ลามก, ทะลึ่ง, หื่น, เสื่อม

    Hentai (เฮ็นทะอิ) ความหมายเหมือน Ecchi แต่อาการหนักกว่าประมาณว่า โรคจิต, บ้ากาม

    คำขอ

    Onegai (shimasu) (โอะเนะกะอิ (ชิมัตสุ)) ได้โปรด ใช้สำหรับขอร้องให้ผู้อื่นทำการใดการหนึ่งให้ผู้พูด หรืออาจใช้เมื่อต้องร่วมงาน, ร่วมชั้นเรียน กับ

    ผู้อื่น จะใช้ Yoroshiku Onegai shimasu สำหรับแนะนำตัวเองกับเพื่อนร่วมงาน, เพื่อนร่วมชั้น, ตอบตกลงเป็นแฟนกัน

    Tanomu (ทะโนะมุ) ขอร้อง เป็นการขอร้องให้ผู้อื่นทำอะไรบางอย่างให้เช่นกัน แต่ความระดับต้องการน้อยกว่า Onegai

    -Kudasai เป็นคำลงท้ายเมื่อต้องการให้ผู้อื่นทำอะไรให้ ตัวอย่าง "Koshi-dono gambatte kudasai" จาก Sumomo Mo Momo ตอนที่ 1 ท่านโคชิ

    โปรดพยายามเข้าค่ะ

    Gomen (nasai) (โกะเมน(นะซะอิ)) ขอโทษ ใช้ในกรณีทั่วไป ที่ตัวผู้พูดไม่จำเป็นต้องทำผิดอะไร ในญี่ปุ่นเป็นมารยาทที่จะต้องกล่าวขอโทษก่อนที่

    จะตำหนิผู้อื่น

    (Domo) Sumimasen (ซุมิมะเซ็น) ขอโทษ ใช้ในกรณีที่ผู้พูดกระทำสิ่งที่สมควรถูกตำหนิ ประมาณว่า "ยกโทษให้ด้วย" มีความหมายเบากว่า

    Gomenasai ส่วนใหญ่ใช้กับคนที่ไม่รู้จัก, ไม่สนิทสนม

    Wari (วะริ) โทษที ใช้ในกรณีสนิทกันและผิดพลาดเล็กน้อย

    ครอบครัว (kazoku)

    -nee- พี่(ผู้หญิง)
    -nii- พี่(ผู้ชาย)
    ทั้งสองคำสามารถเติม "o" ไว้ข้างหน้า (หรือบางครั้งก็ละไว้) แล้วเป็นคำนามได้เช่น onee, nee พี่สาว onii, nii พี่ชาย และสามารถเติมคำสุภาพต่างๆ

    ลงท้ายได้ เช่น onee-sama ท่านพี่ (ส่วนใหญ่จะใช้เรียกแทน sempai รุ่นพี่ในโรงเรียนสตรีหรือพวกผู้ดีเรียกพี่สาว) onii-sama, nii-sama ลูเคียเรียกเบียคุยะ (พวกผู้ดีเรียกกัน) onee-san onii-san, nii-san อัลเรียกเอ็ด (ใน FMA) onee-chan เป็นคำเรียกพี่สาวทั่วไป onii-chan เป็นคำเรียกพี่ชายทั่วไป
    โดยส่วนใหญ่จะเรียกกันว่า onee-chan, onii-chan กันมากที่สุด เพราะเป็นครอบครัวกันเลยไม่มีความจำเป็นต้องแสดงความสุภาพ (ใส่หน้ากาก) ต่อกัน

    ส่วนพี่ก็จะเรียกน้องด้วยชื่อตัวเฉยๆ
    ถ้าอยากศึกษาตัวอย่างคำเรียกพี่ชายแนะนำ "Sister Princess" ครับ น้องสาวทั้ง 12(+1) จะเรียกพี่ไม่ซ้ำแบบกันครับ

    imouto- น้อง(ผู้หญิง) สามารถเติมคำสุภาพได้ เช่น imouto-san ฮาริมะเรียกยาคุโมะ ใน School Rumble, imouto-chan ฮารุฮิเรียกน้องสาวคิโอน ใน Suzumiya Haruhi no Yuutsu
    otouto- น้อง(ผู้ชาย) otouto-kun พบใน DC ตอน 7

    aneki / aneue พี่(ผู้หญิง)
    aniki / aniue พี่(ผู้ชาย) พบใน Sister Princess
    anego พี่(ผู้หญิง) พบใน Shakugan no SHANA
    ane- พี่(ผู้หญิง, คนใช้)

    (o)too- / (o)kaa- พ่อ / แม่ สามารถเติมคำสุภาพต่างๆ ได้
    chichi- / haha- พ่อ / แม่ (ภาษาโบราณ) ปัจจุบันนอกจากตระกูลเก่าๆ ส่วนใหญ่เลิกใช้ไปแล้ว

    -ba- / -ji- ป้า/ลุง สามารถเติมคำสุภาพต่างๆ ได้
    -baa- / -jii- ย่า,ยาย / ปู่,ตา สามารถเติมคำสุภาพได้

    -baba / -jiji ยาย / ตา แต่เป็นการไม่สุภาพ เพราะมีความหมายในเชิงดูถูกว่า "แก่"

    -ue เป็นตัวเสริมของศัพท์โบราณที่ใช้เติมในศัพท์เรียกครอบครัวต่างๆ เช่น aniue พี่ชาย (ใน Sister Princess) aneue พี่สาว hahaue แม่ (ใน AIR)

    chichiue พ่อ (พบใน Tsubasa Chornicle ตอนที่คุโรงาเนะเรียกพ่อกับแม่ของตน) ไม่ค่อยใช้ในปัจจุบัน (แต่ในการ์ตูนประวัติศาสตร์หลายเรื่องยังคง

    นำมาใช้อยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกราชวงศ์ใช้เรียกพ่อแม่ของตน)

    คำเสริมพิเศษ

    -Ou (-โอ) ราชา ใช้สำหรับลงท้ายผู้ที่เป็นใหญ่ครอบครองอาณาจักร

    -hime (-ฮิเมะ) ใช้สำหรับเรียกเจ้าหญิง เช่น Sakura-hime, Tomoyo-hime

    -ojou- (โอโจว) ใช้สำหรับเรียกผู้หญิงด้วยความสุภาพ ส่วนใหญ่ใช้เรียกลูกสาวของผู้มีบรรดาศักดิ์ สามารถเติมคำสุภาพเพิ่มได้ (ojou ฮาริมะเรียกเอริ,

    ojou-chan, ojou-sama)

    คำที่ใช้เรียกจากตำแหน่ง, สถานะทางสังคม และอาชีพ

    heika จักรพรรดิ์ (หรือจักรพรรดินี)
    denka เจ้านายชั้นสูงนอกจากจักรพรรดิ และจักรพรรดินี
    kakka ฯพณฯ ตำแหน่งระดับรัฐมนตรีหรือเทียบเท่า
    kyokuchoo ตำแหน่งระดับอธิบดีกรมหรือเทียบเท่า
    buchoo ตำแหน่งระดับผู้อำนวยการกองหรือเทียบเท่า
    kachoo ตำแหน่งระดับหัวหน้าแผนกหรือเทียบเท่า
    shachoo ประธานบริษัท (เช่น พวกเหล่าแมวตาสีฟ้าที่เป็นสัญลักษณ์ของบริษัทพายเรือแต่ละบริษัทในเรื่อง ARIA จะถูกเรียกว่า shachoo เพื่อเป็น

    มงคลนั่นเอง)
    inchoo ผู้อำนวยการโรงพยาบาล
    koochoo ครูใหญ่
    taichoo ผู้กอง
    kaichoo นายกสมาคม
    sensei อาจารย์, ครู, นายแพทย์, ทนายความ, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร, จิตรกรชั้นสูง, นักดนตรีชั้นสูง, นักประพันธ์ชั้นสูง
    danna นาย, นายห้าง, เถ้าแก่, คุณผู้ชาย
    okusan คุณนาย
    botchan คุณหนูผู้ชาย
    ojoochan คุณหนูผู้หญิง

    ตัวเลขและการนับ

    rei ศูนย์
    ichi หนึ่ง
    ni สอง
    san สาม
    shi, yon สี่
    go ห้า
    roku หก
    shichi, nana เจ็ด
    hachi แปด
    kyu เก้า
    ju สิบ
    juichi สิบเอ็ด
    juni สิบสอง
    kyujukyu เก้าสิบเก้า
    hyaku หนึ่งร้อย
    sen หนึ่งพัน
    ichiman หนึ่งหมื่น
    hyakuman หนึ่งล้าน
    juoku หนึ่งพันล้าน
    ichiban ที่หนึ่ง
    hachiban ที่แปด

    ถ้าถามว่าทำไมภาษาญี่ปุ่นต้องมีคำสุภาพต้องมีหลายระดับ ก็ต้องทำความเข้าใจถึงพื้นฐานวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ก่อนนะครับ
    คือว่า ญี่ปุ่น เลิกใช้ราชาศัพท์ไปเมื่อปี ค.ศ. 1946 แต่ภาษาที่ใช้ระหว่างชนชั้นต่างๆ ยังคงมีอยู่ เช่น เวลาผู้น้อยพูดกับผู้ใหญ่ ผู้น้อยต้องใช้ ภาษาสุภาพ

    เพื่อแสดงความเคารพและถ่อมตัว บาทหลวงฝรั่งผู้หนึ่งกล่าวว่าชาวญี่ปุ่นมีภาษา 3 ระดับ และจะเลือกใช้ให้ถูกต้องตามกาละเทศะ เช่น "-ดะ" ーだ (-

    da) หรือ "-เดะ อะรุ"  -である (-de aru) เป็นภาษาเขียนธรรมดา, "-เดะซึ" -です (-desu) เป็นภาษาสุภาพ "-เดะ โกะซะอิมะซึ" ーでございま

    つす (-de gozaimasu) เป็นภาษาถ่อมตัว นอกจากนี้ภาษาผู้หญิงและภาษาผู้ชายยังแตกต่างกันอีกด้วย

    เหตุที่เกิดความแตกต่างกันเช่นนี้ ก็เพราะว่าในสมัยกลาง โชกุน 将軍 (shoogun) แบ่งคนออกเป็น 4 ชนชั้น ชนชั้นที่ 1 คือ ซามูไร ชนชั้นที่ 2 คือ

    ชาวนา ชนชั้นที่ 3 คือพวกช่างฝีมือ และ ชนชั้นที่ 4 ซึ่งเป็นชนชั้นที่ต่ำที่สุดก็คือ พ่อค้า และภายใต้ระบบชนชั้นทั้ง 4 นั้น ผู้หญิงจะมีฐานะต่ำกว่าผู้ชาย

    ดังนั้นเวลาจะแสดงความยกย่องหรือถ่อมตัว ผู้หญิงจึงต้องใช้ศัพท์พิเศษ

    การผันกริยา

    กริยาของภาษาญี่ปุ่นจะเปลี่ยนรูปไปตามอาการต่างๆ ของกริยานั้นๆ ต่างกับของไทยที่จะไม่เปลี่ยนรูปกริยาแต่จะเติมส่วนขยายขึ้นมาแทน ราย

    ละเอียดนั้นยุ่งยากพอสมควร อธิบายได้เป็นวันๆ ดังนั้น ผมจะขอยกตัวอย่างการผันของกริยาง่ายๆ ให้ดูเป็นตัวอย่างพอสังเขป นะครับ

    miru ดู

    mi-nai ไม่ดู
    mi-yoo ดูกันเถอะ
    mi-saseru ถูกดู
    mi-rareru ให้ดู
    mi-ni เพื่อดู
    mi-masu ดูครับ
    mi-ta ดูแล้ว
    mi-tai อยากดู
    mi-te (kudasai) โปรดดู
    mi-nasai ดูเถอะ
    miru ดู (เป็นรูปที่จะพบในพจนานุกรม)
    miru-to ดูแล้วก็...
    miru-ga ดู แต่...
    miru-keredomo ดู แต่ว่า...
    miru-na อย่าดู
    miru hito คนที่ดู
    miru toki เวลาที่ดู
    miru-no การที่ดู
    miru-node เพราะว่าดู
    miru-dake ดูเท่านั้น
    mire-ba ถ้าดู
    miyo จงดู
    miro ดูสิวะ

    taberu กิน

    tabe-nai ไม่กิน
    tabe-saseru ให้กิน
    tabe-rareru ถูกกิน
    tabe-yoo กินกันเถอะ
    tabe-masu กินครับ (ค่ะ)
    tabe-tai อยากกิน
    tabe-ta กินแล้ว
    tabe-te (kudasai) โปรดกิน
    tabe-nasai กินเถอะ
    taberu กิน
    taberu-to กินแล้วก็...
    taberu-ga กิน แต่...
    taberu-keredomo กิน แต่ว่า...
    taberu-na อย่ากิน
    taberu toki เวลากิน
    taberu hito คนที่กิน
    taberu-no การที่จะกิน
    taberu-node เพราะกิน
    taberu-no-ni ในการที่กิน
    taberu-dake กินเท่านั้น
    tabere-ba ถ้ากิน
    tabeyo จงกิน
    tabero กินซะ

    คำศัพท์

    abunai อันตราย ส่วนใหญ่จะตะโกนกันตอนมีอันตรายเข้ามาใกล้เพื่อให้อีกฝ่ายหลบหลีก

    Ai (อะอิ, ไอ) รัก เป็นความรักที่มากกว่าความรักชายหญิงธรรมดา อาจจะเป็นครอบครัว, รักแท้ ฯลฯ (มาจากภาษาจีน)

    aka สีแดง
    ชื่อนางเอกเรื่อง REC

    aki ฤดูใบไม้ร่วง

    akuma ปิศาจ, ร้ายกาจราวกับปิศาจ

    ama หวาน

    ame ฝน

    ao สีน้ำเงิน
    คำเดียวกับชื่อ Sakuraba Aoi นางเอกเรื่อง Ai Yori Aoshi นั่นแหละครับ ซึ่งมังงะมีลิขสิทธิ์ในไทยชื่อ "คู่แท้แต่มาป่วน" ก็งงนะครับว่า Ai Yori Aoshi

    ที่แปลตรงๆ ว่า "น้ำเงินเข้มยิ่งกว่าสีม่วง" หรือที่ฝรั่งแปลเป็น "Bluer than Indigo" หรือแปลแบบเล่นคำหน่อยก็เป็น "รักแท้สีน้ำเงิน" หรือ "True Blue

    Love" กลายเป็น "คู่แท้แต่มาป่วน" ได้อย่างไร

    arare ลูกเห็บ

    aru มี

    asa เช้า
    asagiri หมอกในยามเช้า (asa เช้า + kiri หมอก)

    asobu เล่น

    atama หัว

    atarashii ใหม่

    atatakai อบอุ่น

    atsui ร้อน

    ayashimu สงสัย
    ayashi น่าสงสัย

    bakemono สัตว์ประหลาด, ปิศาจ, เหมือนสัตว์ประหลาด

    banana กล้วย

    boshi หมวก

    burako ชิงช้า

    chairo สีน้ำตาล

    chigau ไม่ใช่, เข้าใจผิดแล้ว, แตกต่าง

    chikara กำลัง, พลัง, พลังงาน

    chikusho เป็นคำสบถอีกคำหนึ่งครับ ประมาณว่า “โธ่เว้ย” “เหี้ย” คล้ายๆ kuso และ shimatta

    Chotto (matte) (โชตโตะ (มัตเตะ)) รอแปปนึง (Chotto แปลว่าซักครู่, matte แปลว่ารอ)

    Daimyo เจ้าผู้ครองนคร,เจ้าเมือง

    daijoubu ไม่เป็นไร, สบายดี
    มักจะพบบ่อยเวลาเกิดอาการบาดเจ็บครับฝ่ายที่เป็นห่วงจะถามว่า Daijoubu desu ka? เป็นอะไรมากไหม? ฝ่ายที่ตอบก็จะว่า Daijoubu Daijoubu ไม่

    เป็นไร ไม่เป็นไร

    dakishimeru กอด

    damaru เงียบ, นิ่ง
    มักจะพบในรูปคำสั่งคือ damare คือ เงียบๆ, หุบปาก

    dame ไม่, ไม่ดี, อย่าทำ, อย่า
    มักจะอยู่ในรูป dame desu / dame da จะใช้ในการปฏิเสธการขออนุญาตในการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เห็นว่าเป็นความคิดที่ไม่ดีพอ

    dare ใคร
    ใช้เป็นคำถามเช่นมีเสียงดังจากพุ่มไม้ ก็ใช้ dare นั่นใครน่ะ
    จะมีความหมายเปลี่ยนไปตามคำที่ต่อท้ายเช่น dareka ใครก็ได้, ใครซักคน daremo no คนหนึ่ง daredemo ทุกๆ คน

    denwa โทรศัพท์

    doko ที่ไหน

    dou shiyou? เราจะทำอย่างไรกันดี

    ebi กุ้ง

    eien (เอย-เอ็น) ตลอดไป, นิรันดร์

    funsui น้ำพุ

    fuyu ฤดูหนาว

    gaki เด็ก, คนที่ยังไม่โต
    ภาษาไทยประมาณว่า “ไอ้หนู” (ที่โทยะชอบใช้เรียกเชารัน)

    gambaru
    เป็นคำพูดที่พบเห็นได้บ่อยเมื่อต้องการจะเอาใจช่วยให้บางคนทำในสิ่งที่ยากๆ ความหมายประมาณว่า “สู้เขา” “พยายามเข้า” “อย่ายอมแพ้” ส่วนใหญ่

    จะพบในรูปคำสั่งคือ gambatte กับ gambare

    Geisha ป็นอาชีพหนึ่งของสตรีญี่ปุ่นในสมัยก่อน ถือว่าเป็นผู้ที่ชำนาญทางศิลปะ และให้ความเพลิดเพลินบันเทิงใจ เป็นเสมือนผู้คอยต้อนรับและ

    ปรนนิบัติแขก(คงเห็นคำนี้ไม่บ่อยนัก)

    gogo หลังเที่ยง

    gohan ข้าว

    gozen ก่อนเที่ยง

    haiiro สีเทา

    hajimaru เริ่ม
    hajimeru ริเริ่ม, ตั้งต้น

    hana ดอกไม้

    hanaji เลือดกำเดา (hana จมูก + chi เลือด)
    hana จมูก นั้นพ้องเสียงกับ hana ดอกไม้ ในเรื่อง karin ที่นางเอกชื่อเดียวกันเลือดกำเดาไหลจึงทำเป็นรูปดอกไม้

    haru ฤดูใบไม้ผลิ
    harusame ฝนฤดูใบไม้ผลิ (haru ฤดูใบไม้ผลิ + ame ฝน)

    hazukashii น่าอาย
    ชื่อตอนของเรื่อง karin ทุกตอนจะมีคำนี้ประกอบ

    hara ท้อง

    hayai เร็ว, ด่วน
    ส่วนใหญ่จะพบในรูปคุณศัพท์คือ hayaku แปลว่า รีบๆ เข้า

    hen แปลก ประหลาด
    รากศัพท์มาจากคำว่า เปลี่ยน, แปลง จะพบคำประกอบที่ใช้บ่อยๆ คือ henshin ซึ่งหมายความว่า เปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ซึ่งจะพบได้ในการ์ตูน

    แปลงร่างทั่วๆ ไป

    hiroi กว้าง

    hoshii อยากได้

    hoshi ดาว

    ichigo สตรอเบอร์รี่
    เป็นชื่อการ์ตูนหักมุมจบเรื่องหนึ่งของคนวาด Lilimu Kiss

    ii ดี
    แปลงมาจากคำว่า yoi แปลว่าดี เหมือนกัน จะพบในรูป yokatta ซึ่งเป็นรูปอดีตบ่อยๆ ซึ่งจะหมายถึง “โล่งอกไปที” “ดีจัง(ที่ปลอดภัย)”

    iie ไม่

    ikinari อย่างกระทันหัน

    iku ไป
    รูปที่จะพบบ่อยๆ คือ ikimashou ไปกันหรือยัง? , ikou ไปกันเถอะ , ike ไป (ใช้สั่ง), ikinasai ไปไกลๆ เลย

    ima ขณะนี้

    inochi ชีวิต

    inu หมา

    iro สี, กลิ่น

    itai เจ็บ
    itamu เจ็บ, ปวด

    iu, yuu พูด, ว่า

    iya เปล่า, ไม่

    jibun ตัวเอง

    jigoku นรก

    jikan เวลา
    Bokura no Jikan ช่วงเวลาของพวกเรา - เพลง ED ของ Futakoi Alternative เพราะมากครับ

    jitensha จักรยาน

    joshikousei นักเรียนหญิง ม.ปลาย

    kaeru กลับ, คืน(ของ), เปลี่ยน

    kamawanai ยังไงก็แล้วแต่
    หมายถึง ไม่เป็นไร

    kami-sama (คะมิ-ซะมะ) พระเจ้า (พบใน Ah Megami-sama)

    kami ผม

    kanashii เศร้า

    kani ปู

    kanarazu ส่งความหมายว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
    ใช้ในการพูดหมายถึง ฉันจะทำให้ได้, ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

    kanjiru รู้สึก

    kareshi แฟน (ผู้ชาย)
    ถ้าเป็นผู้หญิงจะใช้ kanojo หรืออาจใช้ koibito ซึ่งมีความหมายว่าคนรักซึ่งใช้ได้ทั้งสองเพศ แต่จะมีความหมายหนักแน่นกว่า (koi ความรัก + hito คน)

    kanashii ความเศร้าโศก, เสียใจ

    kanki ฤดูหนาว

    kao ใบหน้า

    katsu ชนะ

    Kawaii (คะวะอิอิ) น่ารัก ใช้กับเด็กผู้หญิง, เด็ก, สัตว์, สิ่งของที่น่ารัก

    Kawaisou (คะวะอิ โซ) น่าสงสาร

    kawaru เปลี่ยน

    kedo แต่ว่า, แต่ ตัวอย่างเช่น chotto hazukashi kedo แต่ว่ามันน่าอายนี่นา
    จะพบในรูปอื่นๆ เช่น keredo และ keredomo

    kiiro สีเหลือง

    kimochi ความรู้สึก

    kirei สวย

    kisetsu ฤดูกาล

    kisusuru จูบ

    kodomo เด็ก, ลูก

    koe (โค-เอะ) เสียง

    kokoro หัวใจ

    koohee (โคฮี มาจาก coffee) กาแฟ

    korosu ฆ่า
    มักจะพบในรูปอดีต korosareta และ คำสั่ง korose

    kosame ฝนปรอย (ko เล็ก, น้อย + ame ฝน)

    kotaeru ตอบ

    kouhai รุ่นน้อง (ในโรงเรียน หรือ ที่ทำงาน) ตรงข้ามกับ Sen(m)pai

    kowasa ความน่ากลัว

    kumo เมฆ

    kurai มืด

    kuro สีดำ

    kurushii ความเจ็บปวด, ทุกข์ทรมาน, ลำบาก

    kushi หวี

    kyou wa ii otenki desu ne วันนี้อากาศดีนะครับ

    hai ครับ, ค่ะ, ใช่

    hakkiri อย่างชัดแจ้ง

    hana ดอกไม้

    hane ขนนก

    hasami กรรไกร

    Hidoi (ฮิโดย) โหดร้าย, ทารุณ, ใจบาปหยาบช้า

    hikaru เปล่งแสง
    hikari แสง

    hon หนังสือ

    honoo ไฟ

    hountou จริง, ความจริง

    kaminari ฟ้าแลบ

    Kaze (คะเซะ) ลม หรือ อาจแปลว่าเป็นหวัดก็ได้

    kiba เขี้ยว

    kirai เกลียด
    daikirai เกลียดที่สุด (เวลาพระเอกโดนคำนี้ส่วนใหญ่จะกลายเป็นหินครับ)

    kiri หมอกหนา
    ชื่อนาง(เกือบ)เอก ใน Canvas 2 ครับ

    kirisame ฝนปรอยๆ, ละอองฝน (kiri หมอก + ame ฝน)

    Kowai (โควะอิ) น่ากลัว, น่าเกลียด

    kuru กำลังมา
    รูปคำสั่งคือ koi แปลว่า มานี่

    mado หน้าต่าง

    mahou เวทมนต์

    makaseru เชื่อมั่นในบางสิ่งบางอย่าง

    makeru แพ้
    จะพบบ่อยๆ ในประโยคที่ว่า makeru mon ka! ฉันจะไม่ยอมแพ้, ฉันจะไม่ล้มเลิก กับ zettai ni makenai จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด, จะไม่แพ้เด็ดขาด (

    พบได้ใน Shana)

    manabu เล่าเรียน

    mamoru ปกป้อง คุ้มครอง ป้องกัน
    จะพบบ่อยๆ ในประโยค mamotte ageru ฉันจะปกป้องเธอเอง

    masaka ไม่จริงน่า, หรือว่า, เป็นไปไม่ได้, ไม่

    mata อีกครั้ง
    จะพบบ่อยในประโยค mata ashita ne ไว้เจอกันใหม่วันพรุ่งนี้

    Mattaku (มะตะคุ) "เฮ้อ"

    matsu รอ, คอย
    จะพบในรูปอื่นคือ matte(kudasai) หรือ machinasai เป็นรูปคำสั่ง

    mawaru หมุน
    mawasu (ทำให้) หมุน

    mazui ไม่อร่อย, แย่
    ตรงข้ามกับ umai

    me ตา

    meikai ปรภพ

    mezukashii ยาก

    megami (เมะกะมิ) เทพธิดา (เติม me ซึ่งเป็นคำบอกเพศหญิงไปหน้า Kami แล้วแปลงเสียง)

    michiru เต็ม, (น้ำ)ขึ้น

    midori สีเขียว
    ชื่อนางเอกของเรื่อง midori no hibi ตัวเล็กๆ ผมเขียวๆ นั่นแหละครับ ในไทยมีมังงะลิขสิทธิ์ชื่อ "มือขวากับขาโจ๋"

    mikan ส้ม

    minami ทิศใต้ (ชื่อเพลงเปิดของ FMP 2nd Raid - minami kaze ก็แปลว่าลมจากทิศใต้นี่แหละครับ)

    mirai อนาคต
    mirai-jin ผู้มาจากโลกอนาคต (เช่น อาซาฮินะ มิคุรุ จาก Suzumiya Haruhi no Yuutsu)

    Miko คนทรงหญิง,หญิงสาวที่ทำงานอยู่ในศาลเจ้าชินโต

    miru ดู

    mizu น้ำ
    mizuiro สีน้ำเงินอ่อน (สีน้ำ)
    mizugi ชุดว่ายน้ำ

    mochiron แน่นอน, ไม่มีปัญหา

    mou เสร็จสิ้นไปแล้ว
    มักจะใช้ในการอุทาน หมายถึง “พอได้แล้ว” หรือ “โธ่ เอ้ย”

    moya หมอกบาง

    murasaki สีม่วง

    musuko ลูกชาย

    musume ลูกสาว

    nabe หม้อ

    nagai ยาว, นาน

    nagareru ไหล

    naifu มีด

    naka ใช้สำหรับความสัมพันธ์ที่สนิทสนม หรือเป็นครอบครัว, ข้างใน
    nakama หมายถึงเพื่อนสนิท หรือ สหายร่วมรบ

    nani อะไร, อะไรกัน, ทำไม

    naruhodo อ่อ, เข้าใจละ, อย่างนี้นี่เอง

    natsu ฤดูร้อน

    natsukashii ที่คิดถึง

    neko แมว

    nemu(i) ง่วง

    nigeru หนี
    มักจะใช้ในรูปคำสั่งคือ nigete, nigero ซึ่งแปลได้ว่า หนีไป, วิ่ง

    niji รุ้งกินน้ำ

    niku เนื้อ

    ningen มนุษย์
    มักจะใช้เรียกเผ่าพันธุ์มนุษย์จากเผ่าพันธุ์อื่นเช่น มนุษย์ต่างดาว, ปิศาจ, เทพ ฯลฯ

    ocha น้ำชา

    o genki desu ka? สบายดีไหม, แข็งแรงดีไหม
    hai, okagesamade , genki desu ครับ ผมสบายดี (แข็งแรงดี)

    oishii อร่อย

    okane เงิน

    okashii ขำ

    okiru ตื่นนอน

    omedeto (gozaimasu) ขอแสดงความยินดีด้วย

    omiyage ของฝาก

    omoi คิด คำนึง, นึก

    Onmyoji นักพรตผู้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ ตามวิถีแห่งองเมียว

    Onmyo ศาสตร์เกี่ยวกับโหราศาสตร์และศาสตร์ของเต๋า

    orenji สีส้ม,ส้ม

    oshieru สอน, บอก

    osoi สาย, ช้า
    ตรงข้ามกับ hayai

    otoko ผู้ชาย
    ตรงข้ามกับ onna(noko) ผู้หญิง

    otonashi เรียบร้อย, ไม่ซน

    Ou-sama (โอ-ซะมะ) พระราชา (ไม่ใช่โอซาม่า บินลาดินเน่อ)

    pinku สีชมพู

    raiu ฟ้าร้อง

    ringo แอปเปิ้ล

    Ronin คนที่หนีทัพออกมาจากเขตปกครองของเจ้านายตนเอง รวมไปถึงซามูไรที่สูญเสียเจ้านายของตนไปในสงครามด้วย(การ์ตูน ซามูไรทั้งหลาย จะ

    มีคำนี้หลายครั้ง อ๋อรวมถึงพวกซามูไรพเนจรด้วยนะ), บางครั้งหมายถึงเด็ก ม.6 ที่สอบไม่ติดมหาวิทยาลัยจนไม่มีมหาวิทยาลัยอยู่ต้องเรียนติว เหมือน

    ซามูไรไม่มีปราสาทอยู่

    Ryoukai! เป็นคำที่ใช้ตอบรับคำสั่งหรือแสดงความเข้าใจ คล้ายๆ กับ “ทราบ” “รับทราบ”

    sabishii ความเศร้า, ความเหงา

    sakana ปลา

    saku บาน

    sakura

    sakuranbo เชอรี่

    samui หนาว

    satoru รู้ตัว

    shashin รูปภาพ, รูปถ่าย

    shibaraku ชั่วคราว

    shikashi อย่างไรก็ตาม, แต่

    shikata ga nai ช่วยไม่ได้, เลี่ยงไม่ได้, อย่างไรก็ต้องเจอ มักจะย่อเป็น Shou ga nai

    shimo น้ำค้าง

    shinjiru เชื่อ
    รูปที่พบบ่อยๆ คือ shinjirarenai ไม่อยากจะเชื่อ

    shinu ตาย
    พบบ่อยๆ คือ shinda ความตาย, shinanaide อย่าตายนะ, shine ตายซะ

    shiro สีขาว

    shizuka เงียบ

    shizumu จม

    shoki ฤดูร้อน

    shougo เที่ยงวัน

    sodateru เลี้ยง(ให้เติบโต)

    sora ท้องฟ้า
    sorairo สีน้ำเงินอมเขียว (สีท้องฟ้า)

    subete ทั้งหมด

    suika แตงโม

    Suki (ซุกิ) รัก, ชอบ (เช่น ฉันรักเธอ, ฉันชอบสิงโต)
    Daisuki (ไดสุกิ) รัก, ชอบ ในระดับที่มากกว่า Suki

    Sugoi! (สุโกะอิ) หรือ Sugee (สุเก) ยอดไปเลย, เยี่ยมมาก, โอ้โห

    sugoi หนึ่งในสามคำแสดงอาการ “สุดยอด” ที่พบบ่อยๆ
    อีกสองคำที่พบบ่อยๆ คือ suteki และ subarashii ซึ่งสามารถใช้แทนกันได้ แต่จะมีลักษณะเฉพาะคือ sugoi จะใช้แสดงออกถึงความชื่นชมในพลัง

    หรือความสามารถของคนอื่น บางทีอาจจะปนด้วยความกลัว suteki ส่วนใหญ่จะใช้ชื่นชมเกี่ยวกับรูปลักษณะ และผู้ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง

    subarashii นั้นมีความหมายออกจะเป็นกลาง หมายถึงยอดเยี่ยม และมีอีกคำหนึ่งที่พบบ่อยๆ คือ kakkoi ซึ่งมักจะใช้หมายถึง “เยี่ยม” “เจ๋ง” “สุดยอด”

    บางครั้ง sugoi ผู้ชายอาจใช้ sugee แทนได้

    suppai เปรี้ยว
    (พบได้บ่อยในเรื่อง Mahoraba ~Heartful days~)

    susumu ก้าวหน้า

    suzushii เย็น

    taberu กิน

    tamago ไข่

    tame เพื่อ

    tamotsu บำรุงรักษา

    tanjoubi วันเกิด

    tanomu วาน, ขอร้อง

    tanoshii ความสนุกสนาน

    taihen แปลว่าหนักหนา เมื่อใช้ในการบรรยายสถานการณ์ อาจจะแปลว่า “เรื่องใหญ่” หรือ “แย่แล้ว”

    tasukeru ช่วย
    จะพบบ่อยในรูป tasukete kure ช่วยชั้นที, tasukete ช่วยด้วย

    tatakau ต่อสู้ (พบได้บ่อยในเรื่อง Blood+)

    te มือ

    teki ศัตรู

    ten ท้องฟ้า, สวรรค์
    ในเรื่อง ah my goddess จะใช้ว่า tenkai แปลว่าโลกสวรรค์ครับ

    tenki สภาพอากาศ

    tenshi นางฟ้า, เทวดา (ตัวที่คล้ายๆ stand ที่พวก belldandy มีกันนั่นแหละครับ)

    terebi โทรทัศน์

    tobu บิน

    toire ห้องน้ำ

    toki กาลเวลา

    tokidoki บางครั้งบางคราว

    tomodachi เพื่อน

    tooi ไกล

    toshokan ห้องสมุด

    totemo อย่างมาก, มาก
    บางครั้งอาจจะออกเสียง tottemo เพื่อแสดงถึงว่ามากจริงๆ

    touhou ทิศตะวันออก

    tsubasa ปีก

    tsukare เหนื่อย

    tsuki ดวงจันทร์

    uki ฤดูฝน

    umai อร่อย
    ตรงข้ามกับ mazui

    umi ทะเล

    unmei โชคชะตา

    uragirimono คนทรยศ (แทงข้างหลัง)

    urayamu อิจฉา
    urayamashii น่าอิจฉา

    ureshii ความสุข, น่ายินดี, มีความสุข

    urusai เสียงดังน่ารำคาญ, รำคาญ
    เมื่อใช้อุทานจะแปลว่า เงียบซะ หรือ หนวกหู

    usagi กระต่าย

    ushi วัว

    uso คำโกหก
    เมื่อใช้อุทานจะแปลว่า “ล้อเล่นน่า” “ไม่จริงน่า” “ไม่มีทาง” usotsuki คนโกหก (พบได้ใน Higurashi ครับ เรนะตะโกนคำนี้ได้อารมณ์ที่สุดแล้ว)

    uta เพลง
    utau ร้องเพลง

    utsukushii งาม

    wakaru เข้าใจ
    พบได้ในรูป wakatta เข้าใจแล้ว กับ wakaranai ไม่เข้าใจเลย ผู้ชายจะใช้ wakannee

    warau หัวเราะ

    warui แย่
    ตรงข้ามกับ yoi, ii ดี

    wasureru ลืม

    ya ลูกธนู

    yabai น่ากลัว, (สถานการณ์)ตึงเครียด
    เมื่อใช้อุทานจะแปลว่า “แย่แล้ว” หรือ “อุ”

    yakusoku สัญญา, สาบาน

    yamada นาเขา (yama ภูเขา + ta นา)
    นามสกุลสุดโหล ชื่อหนึ่งซึ่งพบเห็นได้บ่อยๆ ในอนิเมทั่วไป

    yameru เลิก, งด, หยุด

    yami ความมืด

    yameru หยุด เลิก กำจัด
    รูปอุทานคือ yamero แปลว่า หยุด หรือ พอได้แล้ว

    yasashii ใจดี, สุภาพ, อ่อนโยน, ง่าย
    เป็นความสามารถของพระเอกแทบทุกเรื่องครับ ไม่ว่าพระเอกจะกระจอกงอกง่อยแค่ไหน มีท่านี้ท่าเดียวก็เป็นพระเอกได้ครับ ให้พวกนางเอกช่วยเอา

    yasui (ราคา)ถูก

    yobu ร้องเรียก, เรียก

    yoi, ii ดี
    ตรงข้ามกับ warui แย่
    yoroshii ดี (สุภาพกว่า yoi)

    yonaka เที่ยงคืน

    yorokobi ความดีใจ
    yorokobu ดีใจ

    yoru กลางคืน

    yoshi เป็นคำที่ใช้แสดงอาการพร้อมที่จะทำสิ่งสำคัญ อาจจะแปลได้ว่า “โอเค” “พร้อมละ”

    Youkai "ภูต"ซึ่งมีร่างเนื้อและพลังเวทย์(ผมชอบใช้คำว่า ภูติพราย มีในเรื่องไหนบ้างหว่าคำนี้อ่ะ ยกเว้น เรื่องนูเบ กะ เกมโทโฮอ่ะ)

    yuki หิมะ

    yume ความฝัน

    yurusu ยกโทษ, ให้อภัย
    จะพบบ่อยในรูป o-yurushi kudasai, yurushite kudasai ยกโทษให้ฉันด้วยเถอะ
    อีกคำที่พบบ่อยๆ คือ yurusanai, yurusenai ยกโทษให้ไม่ได้, ไม่ยกโทษให้เด็ดขาด

    yuugata เวลาเย็น

    yuuki ความกล้าหาญ

    Zen การเข้าฌาน,ลัทธิหนึ่งของศาสนาพุทธ(ในอิคคิวซังกล่าวบ่อยมาก)

    ------------------------------------------------------------------------------
    โดยคุณPriewแห่งบอร์ดTirkx.comครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×