ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Short Fic :: Hey!Say!JUMP, Sexy Zone, Johnny's Jr.

    ลำดับตอนที่ #16 : [02/12/2014] Yaotome Hikaru's Birthday: Hikaru Part (Special 2 of 3)

    • อัปเดตล่าสุด 3 ธ.ค. 57


    2/12/2014 光の誕生日: Hikaru’s Part

    talk: เรื่องนี้ตั้งใจว่าจะอัพตอนวันเกิดพี่ฮิค แต่ตอนนี้มันเลยมาแล้ว เพิ่งจะสอบเสร็จ เรื่องนี้คือใช้เวลาไม่ถึงวันแต่ง ถ้าไม่สนุกหรือผิดพลาดยังไงขออภัยด้วยค่ะ
    มาว่าด้วยเพลงของตอนนี้ มีชื่อว่า ภาพหลอน ของ วงฮูดินี่ เป็นวงของพี่ชายไรท์เองแหละ ขอฝากวงนี้ด้วยนะคะ 


    https://www.youtube.com/watch?v=LFkUI3S4its 

    ภาพหลอน - Houdini

    อยู่ในคืนฝัน อยู่กับวันเหงา

     

    "รัก รักฮิคารุที่สุดเลย"

    "เราก็รักยาบุเหมือนกันนะ" ผมประคองใบหน้าคนที่ยิ้มตาหยีในอุ้งมือทั้งสองข้าง ก่อนจะเป็นกดจูบลงที่ริมฝีปากตรงหน้า แม้ว่าเราจะผละออกจากกันแล้ว แต่มือของเรายังประสานกันเอาไว้ ก่อนที่เขาจะก้มลงมากระซิบที่ข้างหูผม

    "สุขสันต์วันเกิดนะครับ 23 แล้วนะคนดีของผม"

    "ขอบคุณที่รักกันนะ โคตะคุง" ผมเรียกเขาด้วยชื่อจริง น้อยครั้งที่ผมจะเรียกเขาแบบนี้ ก็แค่โอกาสพิเศษที่รู้สึกว่ารักมากๆเท่านั้นแหละ

     

    อยู่กับความรวดร้าวและหวั่นไหว

     

    ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้า มองไปรอบๆห้องนอน

    "เฮ้ย!!!" ผมอุทานออกมาสุดเสียงจนคนที่อยู่ข้างนอกต้องรีบวิ่งเข้ามาดู

    "ฮิคารุ เกิดอะไรขึ้น"

    ผมหันไปมองเคย์ช้าๆ แล้วก็นึกทุกอย่างออก ก่อนจะส่ายหน้าให้เพื่อนรักของผม "ไม่มีอะไรหรอกเคย์"

     

    ไม่มีอะไรหรอกเคย์ แค่มันไม่ชินที่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอเขา

     

    "อื้อ ตื่นแล้วก็ล้างหน้าไป ข้าวเช้าจะกินอะไร?"

    "เอาเหมือนเดิมก็ได้" ผมพูดออกไปโดยไม่ทันคิด

    "ฮิค..." อิโนะจังเรียกชื่อผมออกมา ผมถึงได้สติ ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวอีกครั้ง อยากจะร้องไห้ แต่น้ำตากลับแห่งเหือด เหมือนว่าจะไม่เหลือน้ำตาไว้ให้ผมร้องไห้อีกต่อไปแล้ว

     

    ความเจ็บปวดมันเล่นงานผมซะน่วม

    จนวันนี้หัวใจผมมันรู้สึกเจ็บเลยสักนิด

     

    อยู่อย่างเจ็บช้ำ อยู่อย่างเดียวดาย คล้ายๆคนจะขาดใจ

     

    เสียงเพลงในวิทยุดังไปเรื่อยๆ ไม่รู้จงใจแกล้งหรือยังไง ถึงได้เปิดแต่เพลงรักเศร้าๆ...

     

    พออิโนะจังออกไปทำงานแล้วผมก็ไม่รู้จะทำอะไร

    อยากจะออกไปทำงานเหมือนกันแต่ถ้าไปสภาพนี้ก็คงไม่ไหว

    คงโดนไล่กลับบ้านมานอนพักตั้งแต่ก้าวเข้าบริษัท

     

    โคตะ...นายจะทำอะไรอยู่นะ

    จะคิดถึงกันบ้างมั้ย

    จะมีแค่ฉันเพียงฝ่ายเดียวรึเปล่าที่คิดถึงนาย

     

    เฮ้ออออออ ไอ้ฮิค เจ็บแล้วต้องจำ ถ้ามีครั้งแรกมันก็ต้องมีครั้งที่สอง...

     

    "แต่ทำไมฉันคิดถึงนายจังเลยโคตะ ยิ่งคิดถึงนายก็ยิ่งเจ็บ"

     

    ภาพในวันนั้นอยู่ในความฝัน

    อยู่ในใจของฉัน ไม่จางหาย

     

    ปี 2013 เดือนธันวาคม

    "รัก รักฮิคารุที่สุดเลย"

    "เราก็รักยาบุเหมือนกันนะ" ผมประคองใบหน้าคนที่ยิ้มตาหยีในอุ้งมือทั้งสองข้าง ก่อนจะเป็นกดจูบลงที่ริมฝีปากตรงหน้า แม้ว่าเราจะผละออกจากกันแล้ว แต่มือของเรายังประสานกันเอาไว้ ก่อนที่เขาจะก้มลงมากระซิบที่ข้างหูผม

    "สุขสันต์วันเกิดนะครับ 23 แล้วนะคนดีของผม"

    "ขอบคุณที่รักกันนะ โคตะคุง" ผมเรียกเขาด้วยชื่อจริง น้อยครั้งที่ผมจะเรียกเขาแบบนี้ ก็แค่โอกาสพิเศษที่รู้สึกว่ารักมากๆเท่านั้นแหละ

    "ผมชอบที่คุณเรียกผมว่าโคตะจัง เรียกผมอย่างนี้ตลอดไปไม่ได้หรอ?" ยาบุอ้อนผมเหมือนเด็กตัวเล็กไม่มีผิด ผมได้แต่ยิ้มให้ความขี้อ้อนของเขา

    "ไม่ได้หรอก เดี๋ยวคุณได้ใจ"

    "โธ่ ที่รักครับ บอกให้สามีคนนี้ชื่นใจหน่อยซิ"

    "ภรรยาคนนี้ไม่บอกหรอกครับ เดี๋ยวสามีได้ใจ จับภรรยากด เช้า กลางวัน เย็น" ผมพูดตอบออกไปอย่างไม่เขินอายแม้สักนิด ก็อยู่ด้วยกันมาตั้ง 5 ปีแล้ว ยังมีอะไรให้เขินอายอีกรึไงกัน

    "ฮิคกี้อ่ะ!" ผมหลุดขำออกมาเมื่อยาบุสะบัดหน้าหนีผม

    "ไม่งอนเราซิ คุณนี่นะอายุก็ปาไป23แล้ว ยังทำเหมือนเด็กสามขวบอีก"

    "ไม่สน"

    "หึ งั้นก็ตามใจเราเรียกโคตะก็ได้ แต่แหม่ คนอุตส่าห์จะเก็บไว้เรียกเวลาเรามีเรื่องดีๆ จะได้รู้สึกพิเศษกว่าปกติ อยากให้หายขลังก็เชิญเลย โคตะคุง" พูดจบผมก็แกล้งหันหลังเดินหนีออกมา ภายใน 3 2 ...

    "โอ๋ๆ ไม่งอนซิคุณ ผมยอมแล้ว คุณจะเรียกผมยังไงก็ได้ แต่ถ้าถึงเวลานั้นแล้ว อย่าลืมเรียกผมว่า โคตะ นะ"

    "ไม่ลืมหรอก ก็รักที่สุดอยู่แล้วคนนี้ ไปกินข้าวกันเถอะโคตะ หิวแล้ว"

    ผมส่งยิ้มให้คนรักพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือไว้ให้เดินไปด้วยกัน

     

    ผมจินตนาการวันที่ไม่มีเขาอยู่เคียงข้างได้เลย

    ผมรักเขามาก รักมากกว่าทุกคนที่เคยผ่านมาในชีวิต

    มันไม่ใช่แค่ความรักฉาบฉวย แต่เป็นรักที่เราสั่งสมมาห้าปี

    แปลกนะ กับคนอื่นถ้าเขาทำผิด ผมคงตัดทิ้งไปง่ายๆ

    แต่กับยาบุ โคตะ...

    ไม่ว่าเขาจะทำผิดเรื่องอะไร ผมก็คงยกโทษให้เขา

    ก็รักหมดหัวใจแล้วหนิ...

    หากความเจ็บช้ำ อยู่ภายในใจ ไม่รู้เมื่อไรจะลืม

    และทุกครั้งที่ฉันต้องการจะลืมจะลบภาพเดิมๆ ก็เหมือนเรื่องราวยังตอกและย้ำซ้ำเติมให้เจ็บช้ำ

     

    ปี2014 เดือนพฤศจิกายน

    "ฮิคารุ กลับมาแล้ว"

    ผมหันไปมองตามเสียงพูดพร้อมรอยยิ้ม แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนที่เห็นไม่ใช่เขาคนนั้น

     

    ใช่ซิไอ้ฮิค แกอยู่กับอิโนะจังนะเว้ย

    ต่อไปนี้...ชีวิตแกจะไม่มีคนที่ชื่อยาบุ โคตะแล้วนะ...

     

    "เฮ้อ" เสียงอิโนะจังถอนหายใจเบาๆ เรียกสายตาของผมและรอยยิ้มกลับมาเหมือนเดิม

    "กลับมาแล้วหรอเคย์"

    "อื้ม กลับมาถึงถึง นี่หิวรึยัง กลางวันได้กินข้าวรึเปล่า หืม?" อิโนะโอะวางกระเป๋าไว้แถวๆโซฟาที่ผมนั่งก่อนจะเดินเข้าห้องครัว ทำเอาผมต้องลุกเดินตามเข้าไป แล้วก็ได้ยินเสียงบ่นงึมงำๆ พอเดินเข้าไปใกล้ ก็โดนสายตาคู่หวานจ้องซะแทบจะกินเลือดกินเนื้อ

    "ทำไมไม่กินข้าว? ของกินเหลือบานขนาดนี้" ผมรู้สึกขนลุกวาบเมื่อได้ยินน้ำเสียงแบบถึง แต่มันกลับทำให้ผมคิดถึงเขามากขึ้นไปอีก

     

    เป็นเหมือนกันเลย...เวลาลืมกินข้าว ต้องทำเสียงดุตลอด

    ถ้าเป็นโคตะเราคงเข้าไปอ้อนให้ทำอะไรให้กินแล้วมั้ง

     

    "ฮะ? ว่าไงอิโนะจัง?"

    "เหม่อนะฮิค จะกินอะไร จะได้ทำให้กิน...แล้วกินเสร็จเรามีเรื่องต้องคุยกัน"

     

    ขอถามซักคำ ว่าฉันจะลืมเธออย่างไร

    เมื่อความจริง นั้นไม่เคยไม่ลืมเธอ

    ฉันและเธอนั้นเคยผูกพัน เรื่องราวของเรายังอยู่ในความฝัน

     

    "เอาไปคิดดู ว่านายโกรธ อยากเลิก หรือทำไปเพราะวู่วาม ความเสียใจมันบังตา ตอบคำถามตัวเองให้ได้นะฮิคารุ นายจะลืมเขาได้จริงๆหรอ"

    คำพูดของเคย์เมื่อกี้กำลังทำให้ผมเป็นบ้า

    บ้ามากที่มันจี้จุดของผมมากขึ้นไปอีก

    ยอมรับเลยว่าตอนนั้นแค่อารมณ์ชั่ววูบ แค่วู่วาม ขาดสติจริงๆที่ไม่ยอมคุยและฟังเขาอธิบาย

     

    "นายคิดว่าคนอย่างหมอนั่นจะนอกใจนายหรอ"

    ผมไม่เคยคิด...

    ไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในหัวด้วยซ้ำ...

    ถ้าเขาจะมีคนอื่นก็คงมีไปนานแล้ว เรียนก็คนละที่ ทำงานก็คนละที่ ที่สำคัญตอนนี้เขาเรียนต่อโท ส่วนผมทำงานบริษัท ถ้าหากจะมีใครสักคน ไม่ใช่เรื่องยากเลยจริงๆ

     

    "คืนก่อนหน้านั้นนายก็บอกว่ายาบุไปเที่ยวกับเพื่อนไม่ใช่ ฉลองที่ปิดโปรเจคได้ ไม่ใช่ว่าโดนมอมเหล้า? ยาบุคออ่อนไม่ใช่หรอ"

    ก็ถูก ยาบุกินเบียร์ได้เยอะเท่าที่อยาก แต่ถ้าเป็นเหล้า...

    แก้วเดียว เรียกได้ว่าเมาเหมือนหมา

     

    ยิ่งนึกย้อนถึงแต่ละอย่างที่เป็นตัวตนของยาบุที่ผมได้เรียนรู้ตลอดหกปีที่ผ่านมา

    ไม่มีสักครั้งเลยที่เขาจะทำให้ผมเคลือบเคลืองสงสัยเลยสักครั้ง

    ทุกการกระทำของเขามีแต่ย้ำถึงความรู้สึกที่เขามีต่อผม

    ความผูกพันธ์ของเราสองคนตลอดหกปีมันกำลังย้อนมาทำร้ายผม

     

    ให้ตายเถอะ...ร้องไห้อีกแล้ว

    หยุดอ่อนแอสักทีซิฮิคารุ

     

    "ฮึก...ฮึก...โคตะ...ฮึก...คิดถึง..."

     

    ยังคงมีภาพเธอหลอกหลอน ให้ในฉันมันเร่าร้อน ภาพเธอนั้นยังตราตรึงอยู่ในใจ

     

    สามวัน...สามวันแล้วที่ผมบอกเลิกเขา แต่ไม่รู้ทำไมเป็นที่เจ็บเอง

    สามวันที่ผ่านมาในหัวผมมีแต่ภาพของเขา

    ยามที่เขาสบตาผม

    ยามที่เขาอ้อนผม

    ยามที่เขาปลุกผมตอนเช้าและเข้านอนพร้อมกัน

    การกระทำ ทุกการเคลื่อนไหว เหมือนดั่งหนังม้วนเก่าฉายซ้ำไปซ้ำมา

     

    วอนขอวอนให้เธอ อย่าทำให้ใจฉันยิ่งบอบช้ำ ช่วยทำให้ฉันไม่จำเธอได้ไหม

    ลืมเธอเองช่างลืมง่ายดาย หัวใจฉันมันสลาย ภาพเธอยังคอยหลอนใจ

     

    'น้องรหัสนายจะกลับมาโตเกียววันนี้ ไปรับด้วย ฉันมีประชุมด่วน'

    สุดท้ายผมก็ยอมขุดตัวเองออกมาจากห้องของอิโนะโอะ ก่อนจะขึ้นรถไฟมาที่สถานีอิเคะบุคุโระ เกือบสี่สิบนาทีจากฟูจิมิไดเพิ่งที่จะเข้าเมือง นี่ผมไม่ได้เข้าเมืองมาสองวันเต็มๆ ทั้งๆที่เมื่อก่อนอยู่ห่างจากสถานีไม่กี่นาทีด้วยซ้ำ

     

    ติ๊ง ติ๊ง

    'ที่รักรอหน่อยนะ ตกรถไฟขบวนก่อนหน้านี้น่ะ ตอนนี้ใกล้ถึงสถานีชินากาว่าแล้ว’ ผมยืนอ่านข้อความแล้วก็ขมวดคิ้วทันควัน เรื่องอะไรมาใช้ให้คนอื่นรอกัน มือก็จัดการพิมพ์ตอบกลับอย่างไว

    ‘ถึงแล้วก็บอก เดี๋ยวพี่หาไรกิน ไปเดินเล่นรอ’

     

    เก็บโทรศัพท์ตัวเองลงกระเป๋าแล้วก็ออกเดินเตร็ดเตร่ ร้านรวงที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี เรียกได้ว่ามาเกือบทุกวัน ผ่านเกือบทุกวัน ร้านอาหารต่างๆพาลให้ผมนึกถึงเวลามากินกับเขา ถึงแม้ว่าเราจะทำข้าวเช้ากิน แต่ส่วนใหญ่มื้อเย็นถ้ามีเวลาว่างพร้อมกันก็จะออกมากินข้างนอกมากว่า และแน่นอนก็คงไม่พ้นถนนซันชาย

     

    แต่ก็ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิด ไม่ว่าจะไปทางไหนก็เจอแต่เงาของเขา ไม่ซิเงาของเราสองคนกำลังเดินซื้อของ ทะเลาะกัน งอนกัน ง้อกัน นั่งติวหนังสือ นั่งปั่นทีสิส และอีกหลายๆอย่าง เป็นความทรงจำมากมายเหลือล้นที่ผมจะแบกรับมันเอาไว้คนเดียวทั้งหมดนี้ สุดท้ายก็ตัดสินใจมานั่งกินสตาร์บัคที่ห้างซันชายซิตี้แทน นั่งเอ้าท์ดอร์ ชิวๆ มองดูไฟที่ประดับตกแต่งไปทั่วอาณาบริเวณอย่างเพลิดเพลิน รู้ตัวอีกทีเจ้าน้องรหัสจอมยุ่งของผมก็โทรเข้ามา

    “เจอกันที่หน้าซันชายซิตี้ ก่อนจะลงบันไดเลื่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปยืนรอ”

    ผมจัดการเคลียแก้วน้ำให้เรียบร้อยเพื่ออำนวยความสะดวกให้คนที่นั่งต่อ เดินเอ้อระเหยลอยลมไปเรื่อยๆ ก่อนจะมาหยุดรอเจ้าเด็กแสบตรงที่นัดเอาไว้ แต่แล้วเหมือนสายตาผมจะเหลือบไปเห็น…

     

    ไม่...นั่นไม่ใช่เขา...ผมแค่ตาฝาด

     

    “ยาโอะจัง~!” เสียงเรียกของน้องรหัสดังมาจากทิศทางเดียว เหมือนบังคับให้หันไปทางนั้น และเมื่อหันไป แจ็คพ็อตยิ่งกว่าแจ็คพ็อต หึ…

    เขาอยู่ตรงนั้นจริงๆด้วย…

    เขาดูซูบลงรึเปล่านะ…

    ขอบตาก็ดูคล้ำกว่าที่เคยเป็น นี่เขาไม่หลับไม่นอนพักผ่อนบ้างหรือไงกัน…

    ผมได้แต่บ่นได้แต่นึกเป็นห่วงในใจเท่านั้น ภายนอกตอนนี้แข็งสนิท ยิ่งกว่าโดนสตาฟไง อยากจะหนีไปให้ไกลๆก็ทำไมได้ จะเดินเข้าไปคุยเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นก็ไม่กล้า และเมื่อเขาก้าวมาหาผม ร่างกายมันก็ตอบสนองอัตโนมัติด้วยการเดินถอยหลังหนีจากเข้า…

     

    หมับ!!

    “ยาโอะจัง! คิดถึงจังเลย ที่รักของเขา” ยูโตะพุ่งมาจากไหนไม่รู้ มากอดร่างเขาไว้เสียแน่น แต่ก็เข้าใจแหละ ตั้งแต่เขาเรียนจบมาสองปี เขาก็ไม่ได้กลับไปที่มหาวิทยาลัยอีกเลย

    “ยูโตะ เป็นยังไงบ้าง? คิดถึงที่รักเหมือนกัน” ผมกอดตอบยูโตะ เขาเป็นรุ่นน้องในสายรหัสที่ผมรักมาก เรียกได้ว่ารักที่สุดจากทั้งสาย นิสัยเราเข้ากันได้เป็นอย่างดี ทีสำคัญเมื่อก่อนเวลามีใครมาจีบผมหรือจีบเขา พวกเราต่างเอากันและกันเป็นไม้กันหมา บอกคนอื่นๆว่าพวกเราเป็นแฟนกันเพื่อตัดความรำคาญ ตอนแรกๆก็ไม่มีใครเชื่อ เราเลยตัดสินใจเรียกแทนอีกคนว่า ที่รัก ทีนี่เรื่องแพร่กระจายไปเร็วมากจนไม่มีใครตามตอแยพวกผม ที่สำคัญคุณคิดว่าผมจะบอกแฟนผมมั้ย? แน่นอนว่าไม่ ผมไม่อยากทำให้ยาบุเสียใจหรอกนะที่ผมไม่กล้าบอกว่าเขาเป็นแฟน จริงๆแล้วไม่อยากให้ชื่อเสียงของหนุ่มฮ็อตประจำคณะมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยใกล้ๆต้องด่างพร้อยต่างหาก เพราะฉะนั้น ปิดเงียบไว้ดีที่สุด

     

    นึกถึงเวลาเก่าๆแล้วอยากจะย้อนเวลากลับไปชะมัด

    ยาบุมาส่งที่มหาวิทยาลัย ตอนเลิกเรียนก็มารับกลับ ทุกวัน ไม่ซิเกือบทุกวันที่มาได้ ถ้าใครที่สังเกตดูดีๆ จะรู้ว่าผมกับยูโตะไม่ได้เป็นแฟนกันเลย แฟนกันประสาอะไร ไม่เคยกลับบ้านด้วยกัน หรือแม้แต่จะกินข้าวยังน้อยครั้งที่จะมานั่งกินด้วยกันเลย

     

    ดูเหมือนผมจะเหม่อนิ่งนานจนผิดสังเกต ยูโตะถึงได้หันไปมองพร้อมกับพูดขึ้นมา “คนรู้จักหรอ? จะเข้าไปทักก็ได้นะ เดี๋ยวยืนรอตรงนี้”

     

    ประโยคคำถามที่เล่นเอาผมสะดุดกลางอากศ คนรู้จัก งั้นหรอ?

    ตอนนี้เราเป็นแค่คนรู้จักกัน...หรือไม่ใช่ล่ะ?

    ยิ่งคิดถึงสถานะ ใจยิ่งช้ำ น้ำตาพาลจะไหลได้ทุกเมื่อ สุดท้ายไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมตอบอย่างนี้กับยูโตะไป

    “ก็แค่คนที่ เคย ผ่านเข้ามาในชีวิต...ไม่มีความสำคัญอะไร” ผมเห็นช่วงเสี้ยววิที่ยาบุหน้านิ่งไร้อารมณ์ บอกไม่ได้จริงๆว่าเพราะอะไร ยูโตะก็ได้แต่มองตาม เมื่อเห็นว่าสีหน้าของรุ่นพี่ไม่สู้ดีนัก ก็ตัดสินใจพาตัวกลับบ้านทันควัน

    “อื้อ ถ้ายาโอะจังว่างั้น งั้นเราไปกันเถอะ แท็กซี่เลยนะ เดี๋ยวจ่ายเอง”

     

    ไม่อยากรับรู้ ทุกๆเรื่องราวที่เธอและฉันได้ทำ

    ทุกเรื่องราวที่เจ็บและช้ำ เสียใจ ไม่อยากจำ ขอถามซักคำ ว่าฉันจะทำได้อย่างไร

     

    ปี2014 เดือนธันวาคม

    “ที่รัก สุขสันต์วันเกิดนะ” ยูโตะเดินเข้ามากอดผมเอาไว้อย่างอ้อนๆ จนแฟนตัวจริงมันถึงกับหมั่นไส้ และแฟนตัวจริงมันก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก อิโนะโอะ เคย์ นั่นแหละ มันแทบจะกัดหัวผมอยู่แล้ว ก็ใครใช้ให้แฟนตัวเองเรียกคนอื่นว่าที่รักกันล่ะ เคย์ก็โวยวายเป็นเรื่องใหญ่พอควรอยู่นะตอนนั้น แต่พอเจอเหตุผลของยูโตะเข้าไปถึงกับไปต่อไม่เป็น ก็เจ้ายูโตะมันเล่นบอก ‘ผมเรียกเคย์ เรียกด้วยชื่อจริง คนที่ผมเรียกแบบนี้ หากไม่นับคนในครอบครัวก็เคย์คนแรกนะรู้มั้ย ผมว่ามันสเปเชี่ยลดีออก หรืออยากให้ผมเรียกเคย์ว่าที่รักเหมือนคนอื่นๆเขา ซ้ำตายอ่ะ แต่เอาเถอะจะเรียกเคย์เรียกที่รัก ยังไงยูโตะคนนี้ก็รักทั้งนั้นแหละ’

     

    พวกเรากินด่ืมฉลองกันไปเนิ่นนานจนเกือบจะเข้าวันใหม่ ผมก็ลุกพรวดเพราะจะปล่อยมันสองคนสวีทกันให้พอ ก็ปกติยูโตะทำงานอยู่ที่อีกจังหวัดหนึ่งที่เป็นบ้านเกิดของตัวเอง กลับมาเดือนละไม่กี่ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งก็จะมาอยู่กับอิโนะจังตลอด คงมีแต่งวดนี้แหละที่ผมมาอยู่เป็นก้างขวางคอของน้องรหัสกับเพื่อนซี้

    ตอนนี้คงต้องปล่อยให้มันได้มีเวลาสวีทกันบ้าง ไม่งั้นพอยูโตะกลับไป ผมโดนไอ้เถิกมันเอาหัวโขกแน่ๆ

    “นี่พวกนาย คืนนี้ตามสบายเลยนะ...เดี๋ยวเราไปหาโรงแรมแถวนี้นอนเอา ถ้าไม่มีก็ว่าจะไปนั่งเล่นปาจิงโกะ ไหนๆก็วันเกิดตัวเองแล้ว เผื่อดวงจะดี”

    คงไม่ต้องให้บรรยายว่าหลังจากที่ผมก้าวออกมา ห้องนั้นจะอบอวลไปด้วยความรักขนาดไหน

     

    เขาดีใจที่เพื่อนเขามีความรัก ความรักเป็นสิ่งที่หอมหวานและเจ็บปวด แต่คนเราก็เลือกที่จะครอบครองมันเอาไว้...แปลกนะ

    ผมห่อตัวในเสื้อกันหนาวตัวหนาเดินเตาะแตะมาทางสถานีฟูจิมิได ร้านรวงต่างๆเริ่มปิดตัวลง ก็แหง๋แหละ ดึกซะขนาดนี้แล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่รู้จะไปนั่งไหน นั่งเล่นชิงช้าในสวนสาธารณะคงไม่เป็นไรมั้ย

    “ขอโทษนะคะ” เสียงหญิงสาวที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น ผมเองก็หยุดไกลชิงช้า ก่อนจะลุกไปหาเขา

    “มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าครับ?” จริงอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูง แต่อย่าลืมเมื่อแอลกอฮอลล์เข้าร่างกาย อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ อีกอย่างคดีที่เขาประกาศจับมีรางวัลเบาะแสนำจับ มีแต่พวกฆาตกรทั้งนั้น

    “ขอโทษนะคะที่รบกวน คือ…”

    “ครับ?” ผมยืนมองเธอล้วงกระเป๋าของตัวเอง พร้อมกับหยิบซองจดหมายออกมาหนึ่งซอง

    “นี่ค่ะ คือมีคนฝากมาให้ พอดีเขาบอกอยากจะเซอร์ไพรส์คุณ ถ้ายังไงดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” เมื่อยัดซองจดหมายมาใส่มือเขาได้สำเร็จ ก็โค้งตัวลาแล้วเดินจากไปทันที

    ผมยืนมองซองในมือ ถ้าเรียกให้ถูกคงเป็นซองใส่การ์ดมากกว่า ไม่ใช่จดหมาย ก่อนจะถอนหายใจเฮือก เดินกลับไปนั่งลงที่ชิงช้าตัวเดิม

    เพียงแค่เห็นลายมือที่คุ้นตา น้ำตาก็พากันทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตก การ์ดสุขสันต์วันเกิดจากคนที่ผมไม่คิดว่าเขาจะทำให้ผม...ตามสัญญาของเราทุกปี เราจะไม่ซื้อการ์ดให้กันและกัน ทำด้วยตัวเองมันมีคุณค่าทางจิตใจมากกว่า แค่เพียงเปิดอ่านเนื้อหาภายในหัวใจมันก็เต้นระส่ำ ความรู้สึกโหยหาแทนที่ความโกรธเคืองไปจนหมดสิ้น

     

    ‘สุขสันต์วันเกิดนะครับแสงสว่างของผม ปีนี้คุณอายุ 24 แล้วนะ โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกปีแล้ว อย่าร้องไห้บ่อยซิครับ ตั้งแต่...ตั้งแต่พวกเราเลิกกัน คุณร้องไห้หนักมากใช่มั้ยวันนี้ตาคุณถึงดูบวมช้ำขนาดนี้ ร่างกายคุณก็ดูซูบไปตั้งเยอะ ถึงจะไม่มีผมคอยอยู่เตือนแล้ว แต่คุณก็ห้ามลืมสิ่งพวกนี้เด็ดขาด ไม่งั้นสุขภาพของคุณจะแย่ไปนะ ผมไม่อยากให้คนที่ผมรักต้องเจ็บป่วยหรอก

    เรื่องเมื่อวันนั้น ผมขอโทษ ผมขาดสติเอง ผมมองคนอื่นเป็นคุณ แม้ว่าฝ่ายหญิงจะมาขอโทษผมกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น แต่ผมก็จะไม่บอกว่าที่พวกเราต้องเลิกกันเป็นเพราะเขา แต่มันเป็นเพราะผมที่ทำลายความเชื่อมั่นในตัวคนรักของคุณจนหมด รู้ดีว่าสิ่งที่ทำคุณเจ็บมากที่สุดคืออะไร แต่ผมยังไร้สติทำมันลงไปอีก

    ผมไม่ได้ร้องขอโอกาสให้คุณมาคือดี ไม่ใช่ว่าผมไม่รักคุณแล้ว ผมรักคุณตลอดเวลา ตั้งแต่ที่เจอกันแม้กระทั่งวันนี้ แต่ผมแค่อยากจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง ถ้าเราจะต้องจากลากันจริงๆ ผมก็อยากจะจากลาแบบเข้าใจกันดีทั้งสองฝ่าย ผมขอโทษจริงๆนะ และผมก็รักคุณมาก

    ปล. ห้องของพวกเราน่ะ คุณมาอยู่ก็ได้นะ เพราะยังไงค่าห้องพวกเราก็แชร์กัน กุญแจคุณยังเก็บไว้อยู่ใช่มั้ย แต่ถ้าคุณโยนมันทิ้งไปแล้วก็ไม่เป็นไร ผมใส่ไว้ในตู้จดหมายของห้องเรา คุณรู้รหัสอยู่แล้ว  ส่วนผมคงไปนอนที่ห้องแล็บ พอช่วงสิ้นปีก็คงกลับบ้านเลย ไม่ต้องห่วง ผมไม่โผล่ไปให้คุณหงุดหงิดหรอกครับ ฮิคารุคุง

     

    สุขสันต์วันเกิดอีกครั้ง

    รัก...รักมากมาย...รักจนลมหายใจสุดท้าย

    จาก คนเมาไร้สติที่เผลอทำให้คนที่ตัวเองรักที่สุดต้องจากลา’

     

    ทันทีที่อ่านจบการ์ดดังกล่าวก็ยับยู่ยี่อยู่ในมือของผม

    ผมไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้ได้อีกต่อไป

    เรื่องมันก็มีแค่นี้ แต่ผมกลับไม่ฟังเขา วู่วามจนทุกอย่างที่สร้างมด้วยกันพังทลาย

    ถ้าหากยาบุ...คุณเปรียบตัวเองเป็นคนเมาไร้สติ งั้นผมคงเป็นคนโง่ขี้แยที่ทำร้ายจิตใจคนที่รักมากที่สุดด้วยการบอกเลิก…

     

    ผมขอโทษ…

    ผมรักคุณนะโคตะ

    เมื่อความจริง นั้นไม่เคยไม่ลืมเธอ

    ฉันและเธอนั้นเคยผูกพัน เรื่องราวของเรายังอยู่ในความฝัน

    ยังคงมีภาพเธอหลอกหลอน ให้ในฉันมันเร่าร้อน ภาพเธอนั้นยังตราตรึงอยู่ในใจ

    วอนขอวอนให้เธอ อย่าทำให้ใจฉันยิ่งบอบช้ำ ช่วยทำให้ฉันไม่จำเธอได้ไหม

    ลืมเธอเองช่างลืมง่ายดาย หัวใจฉันมันสลาย ภาพเธอยังคอยหลอนใจ



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×