ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Short Fic :: Hey!Say!JUMP, Sexy Zone, Johnny's Jr.

    ลำดับตอนที่ #15 : [27/11/2014] Anniversary 6th year: Yabu Part (Special 1 of 3)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 161
      0
      28 พ.ย. 57

    Title: 27/11/2014 Anniversary 6th year: Yabu Part

    Talk: ขอชี้แจ้งนิดนึงนะคะ เรื่องนี้แบ่งออกเป็นสามพาร์ท เป็นสเปเชี่ยลที่จะลงต่อกันสามวันที่สำคัญนะคะ (อาจจะมีเรื่องอื่นมาลงคั่นพาร์ทสุดท้าย เพราะกว่าจะได้ลงพาร์ทสุดท้าย เปิดเทอมพอดี ช่วงปิดเทอมเลยอยากใช้เวลาแต่งฟิคบ้างไรบ้าง)
    ทั้งสามพาร์ท เป็นฟิคชั่นที่มีเค้าโครงมาจากเนื้อเพลงสามเพลง เรื่องนี้เพลงที่พลอยเลือก เป็นของวงที่พลอยรักมากที่สุด ชื่อเพลง Taxi ของ TOHOSHINKI 
    เพื่ออรรถรสในการอ่านและจินตนาการ ขอให้แนะให้ฟังเพลงไปด้วยค่ะ
    https://www.youtube.com/watch?v=mYGaJFnMPXI 
    อันนี้เป็นเวอร์ชั่นในคอนนะคะ ถ้าใครมีเพลงอยู่แล้วฟังเวอร์ปกติก็ได้ แต่พอดีที่เลือกเวอร์ชั่นนี่มา เพราะเป็นคอนสุดท้ายของโทโฮทั้งห้าคน ฟังแล้วคือเสียงร้องแต่ละคนแทบขาดใจจนร้องไห้ตาม - -"

    ปล. เนื้อเพลงเป็นภาษาญี่ปุ่น คือพลอยแปลเองหมดเลย ถ้ามีตรงไหนผิดพลาดต้องขออภัยนะคะ คือให้เข้าใจมันก็เข้าใจนะ แต่พอมาให้พิมพ์แปล อันนี้ค่อนข้างเกินความสามารถ
    ปลล. Happy Birthday to Matsushima Sou (>////<) รักน้องโซนะ รักมาก สู้ๆ ขออวยพรให้กลับมาไวๆ แฟนคลับจะได้เสียเงินต่อสักที :)



     

    絡めた指を解くたび

    นิ้วมือที่เกี่ยวกันไว้ถึงเวลาแล้วที่ต้องปล่อยจากกัน

    その温もりを 握り返した

    สัมผัสอันอบอุ่นนั้น ไม่สามารถคว้ากลับมาได้อีกแล้ว

    ปี 2014 เดือนพฤศจิกายน

    “ฮึก…เรา…เลิกกันเถอะ…” ผมตัวชาวาบเมื่อได้ยินสิ่งที่ออกมาจากปากคนรักของผม ไม่ซิ…ตอนนี้คงจะเป็นอดีตคนรัก

    “ทำไมล่ะ”

    “นายน่าจะรู้ดีนะทำไม…อย่า…อย่าโดนตัวเรา…นายไม่มีสิทธิ์” ร่างบางเริ่มสะอื้นหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมอยากที่จะเข้าไปเช็ดน้ำตา อยากที่จะเข้าไปกอดเหมือนเดิม

    ถ้าความผิดพลาดแค่เพียงครั้งเดียว จะทำให้ความรัก ความห่วงใยตลอดหกปีสูญเปล่าไปจนเกือบหมด

    เพียงแค่เขาพลาดพลั้ง…มึนเมา…จนสติทุกอย่างเลอะเลือน

    มันก็ยากที่เขาจะยกโทษให้ผมได้…

    กับการที่ผมพาคนอื่นเข้ามาหลับนอน…

    บนเตียงของเราสองคน แย่ไปกว่านั้น…เป็นคืนก่อนวันครบรอบของเราสองคน

    “เราเจ็บนะ ฮึก ฮึก … เจ็บ หกปีนะโคะ…ยาบุ แต่นาย…” ผมได้แต่นิ่งเงียบ น้ำตาของลูกผู้ชายที่ไม่เคยไหลต่อหน้าคนรัก กลับไหลออกมาอย่างง่ายดาย ผมได้แต่ทรุดตัวลงกับพื้น มือไม้อ่อนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็น ในใจอยากจะย้อนเวลากลับไปแก้ไข แต่ก็ทำไม่ได้

    เวลาไม่มีทางเดินย้อนหลัง ใช่ไม่มีทางเดินย้อนหลัง อะไรที่ทำลงไป ย่อมมีผลกระทบถึงปัจจุบัน และเราก็ต้องยอมรับมันให้ได้

    ผมเงยหน้ามองเขาที่กำลังลากกระเป๋าเสื้อผ้า พร้อมกับลังกระดาษอีกหนึ่งลังออกไปนอกห้อง

    ไม่ใช่เพียงแค่นอกห้อง แต่มันรวมถึงนอกชีวิตของผม…

    ความผิดครั้งเดียว มันเทียบกับความรัก ความห่วงใย การดูแลเอาใจใส่ ความเข้าใจ และอื่นๆอีกมากมายที่ผ่านมาตลอด 6 ปีไม่ได้หรอฮิคารุ...

    ตอนนี้เอื้อมมือไปคว้าไออุ่นของฮิคารุมาไว้ในอ้อมกอด มันคงทำไม่ได้อีกแล้ว

    เจ็บยิ่งกว่าเจ็บ ที่ต้องโดนคนรักบอกเลิกและเดินจากไปในวันครบรอบความรักของพวกเรา วันที่พวกเราต่างสาบานตนว่าจะเป็นคนรักกันตลอดไป

    君に逢えると思うたび

    ช่วงเวลาที่คิดถึงเธอนั้น

    僕の心は彩られてく

    เหมือนหัวใจของฉันได้มีชีวิตขึ้นมาอีก

    ปี 2008 เดือนกรกฎาคม

    อิเคะบุคุโระ โตเกียว

    ตุบ!

    “ขอโทษครับ” ผมรีบก้มลงเก็บกระเป๋าให้อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว แต่เพียงแค่เงยหน้าขึ้นมอง ก็ถึงกับต้องชะงัก ไม่ใช่ใบหน้าที่ติดหวานน่ารัก แต่เป็นเพราะร่องรอยคราบน้ำตาที่ไหลเปรอะทั่วใบหน้า นี่ผมทำเขาเจ็บขนาดนี้เลยหรอ? นั่นก็คงเป็นแค่ความคิดของเด็กวัยสิบแปดจะคิดได้ “เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ?”

    เขาเอื้อมมือมารับกระเป๋านักเรียนของตัวเองเอาไว้ มือค่อยๆยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาก่อนจะตอบผมซะเสียงแผ่วเบา “ขอบคุณมากครับ ผมไม่เจ็บหรอก”

    “แต่คุณร้องไห้...”

    “อ๊ะ! คุณ...” อีกคนรีบก้าวถอยหลังด้วยความตกใจทันทีทีผมเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้ ผมส่งยิ้มให้เขา ยิ้มที่ใครๆมักบอกว่าเป็นเหมือนกำลังใจชั้นเยี่ยมให้คนที่กำลังท้อแท้ เขาว่ากันอย่างนั้นนะ...

    “ใกล้ถึงงานพลุแบบนี้ เดินร้องไห้คนเดียว อย่าบอกนะแฟนทิ้ง?” น้ำเสียงผมถามติดตลก แต่คนฟังกลับสะดุดแล้วเริ่มจะสะอื้นออกมาอีกครั้ง เล่นเอาผมไปต่อไม่ถูกเลย

    “ฮึก...เขา...เขานอกใจ...เขานอกใจผม...”

    เฮ้ย!

    ผมได้แต่ตะโกนในใจ เป็นคุณคุณจะตกใจมั้ยล่ะครับ จู่ๆเขาก็โผเข้ามากอดผม แถมยังร้องไห้ใส่ผมอีกต่างหาก

    ปัญหามันอยู่ตรงที่ พวกเราสองคนยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนนับร้อยที่กำลังเดินข้ามถนนไปมาระหว่างถนนซันชายกับสถานีอิเคะบุคุโระ

    “ฮึก...ไอ้เลวเอ้ย...แม่ง...ฮือออออออ”

    สุดท้าย...ไม่รู้ผมทำบ้าอะไร…

    สงสัยสติผมก็คงหล่นหายไปหมดแล้วเมื่อเจอเหตุการณ์อย่างนี้เข้า

    เลย...

    “หยุดร้องได้แล้วนะ คืนนี้หลับให้สบาย พรุ่งนี้เรื่องร้ายๆก็จะผ่านไป”

    ทุกคนคงงงใช่มั้ยว่าผมทำอะไร...

    ครับ ผมกำลังนอนกอด เอ่อ...เขาคนนั้นอยู่บนเตียงในห้องนอนของผม ผมก็ไม่รู้เกิดบ้าอะไรผมถึงพาเขามานั่งร้องไห้ที่ห้องแถมปลอบเขาซะจนยืดยาวข้ามวันเสียแล้ว

    ทั้งๆที่ยังไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำ

    “ขอบคุณนะ”

    ตึก ตึก...ตึก ตึก

    “ขอบคุณมากเลย ถ้าไม่เจอนายเราคงแย่” ร่างผอมบาง (ถูกแล้ว ผอมบางมากเชียวล่ะสำหรับผู้ชายคนหนึ่ง) เงยหน้า ช้อนดวงตาที่ยังเคลือบไปด้วยหยาดใสขึ้นสบตาผม ริมฝีปากยกยิ้มน้อยๆเห็นเขี้ยวทั้งสองข้าง

    แค่ภาพน่ารักภาพนั้น ลมหายใจผมแทบจะหยุดลง หายใจเข้าออกผิดจังหวะไปหมด ไหนจะหัวใจที่เต้นรัวไม่มีหยุด ตั้งแต่เลิกกับแฟนคนล่าสุดไปเมื่อปีก่อน หัวใจผมก็ไม่เคยเต้นรัวอย่างนี้เลย

    ราวกับว่ามันได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

    他愛もない出来事も

    เหมือนจะเป็นเรื่องบ้าบอทุกครั้ง

    2人でいれば思い出に出来るのに

    ที่มาคิดถึงช่วงเวลาที่เราสองคนอยู่ด้วยกัน

    ปี 2008 เดือนพฤศจิกายน

    เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังขึ้นไปทั่วบริเวณทันทีที่ประตูโรงเรียนถูกเปิดออก

    ผมอยู่ในเสื้อสเว็ตเตอร์กางเกงสแล็คสีดำ ใส่หูฟังแบบอินเอียร์ นั่งอยู่หน้าโรงเรียน รอคอยให้ใครอีกคนก้าวออกมาตามนัด

    กว่าอีกฝ่ายที่ผมเฝ้ารอจะเดินออกมา หน้าประตูโรงเรียนก็แทบไม่เหลือใครแล้ว พวกที่ไม่มีชมรมก็กลับบ้านไปแล้ว ส่วนเด็กชมรมก็ยังไม่เลิกกิจกรรม

    “ยาบุจัง โทษทีนะ รอนานรึเปล่า พอดีเซ็นเซใช้เรายกเอกสารน่ะ” ร่างบางหยุดยืนหอบหายใจอยู่ตรงหน้า มองดูก็รู้ว่ารีบร้อนวิ่งมาแค่ไหน

    “ไม่นานหรอก ไม่เห็นต้องรีบวิ่งมาเลย ดูซิ หน้าแดงหอบใหญ่แล้ว” ผมเอื้อมมือไปปาดหยดเหงื่อที่ซึมอยู่ตามไรผมสีดำ รอยยิ้มสดใสที่มีเสน่ห์ส่งมาพร้อมกับสายตาค้อนๆ

    “คนอุตส่าห์รีบวิ่งมาเพราะกลัวจะหนาว ที่ไม่อยากให้เรารีบมา อยากส่องสาวๆกระโปรงสั้นถุงเท้ายาวล่ะซินะ” ฮิคารุสะบัดหน้าหน้าผมน้อยๆ เล่นเอาผมกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่ แขนผมยื่นไปดึงแขนอีกฝ่ายให้มานั่งด้วยกัน

    “ผมไม่ได้มองนะ คุณอย่าคิดไปเองซิ”

    “ไม่ได้คิดไปเองซะหน่อย คุณแอบมองก็บอกมาเถอะ” สรรพนามที่ใช้เรียกแทนกันและกันเปลี่ยนไป ไม่รู้ซิ ผมชอบที่จะใช้คำแบบนี้มากกว่านะ มันไม่ดูห่างเหิน และไม่ได้ดูสนิทสนมกันแบบเพื่อน มันยังมีช่องว่างให้ผมกับเขา แถมดูเป็นผู้ใหญ่กว่าตั้งเยอะ

    ถ้าคุณเรียก แฟน แบบนี้

    ผมส่งยิ้มให้น้อยๆตามปกติเวลาที่ผมต้องการจะแกล้งเขา “ไปกันเถอะ วันนี้เริ่มเย็นขึ้นแล้วนะ เราไปกินอุด้งกันดีมั้ย?”

    “เอาซิ”

    เพียงแค่เขาพูดสั้นๆ ตอบตกลงคำชวน ผมก็ถือวิสาสะจับมือของเขา เดินจูงไปด้วยกันตามเส้นทางที่พวกเราทั้งสองคนคุ้นเคย ไปยังแหล่งชุมชน สถานที่ทำให้เราพบกันครั้งแรก ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าร้านอุด้งฮานะมารุ

    พวกเราใช้เวลาอยู่ที่ร้านอุด้งไม่นานมากนัก ยิ่งอากาศหนาวๆแบบนี้ใครก็ต้องการของอุ่นเข้าร่างกาย คนมาต่อคิวเลยไม่ใช่น้อย ผมเดินมาส่งฮิคารุถึงหน้าหอพัก พวกเราทั้งสองคนไม่ได้อยู่บ้านกับพ่อแม่ บ้านเกิดฮิคารุอยู่ที่เซนได มันไกลเกินกว่าจะเดินทางไปกลับได้ อีกอย่างแม่ของฮิคารุคิดว่าถ้าได้มาเรียนในโตเกียว โอกาสติดมหาวิทยาลัยจะมีมากขึ้น ก็เลยโดนแม่ถีบส่งมาอยู่โตเกียวคนเดียว (ฮิคารุบอกผมเองนะว่าโดนถีบส่งมา) ส่วนบ้านเกิดผมอยู่ติดกับโตเกียวก็จริง คานากาวะ เดินทางแค่ชั่วโมงนิดๆก็ถึงแล้ว แต่ผมก็เลือกที่จะอยู่อพาร์ทเม้น เพราะจริงๆแล้วผมเป็นนักดนตรีของโรงเรียน สังกัดชมรมกีต้าร์คลาสสิค นั่นทำให้ผมต้องซ้อมเกือบทุกวัน เลิกก็ดึกแล้ว ถ้าผมยังเอาเวลามาเดินทาง ผมจะได้อ่านหนังสือเตรียมสอบตอนไหน เป็นเหตุผลที่น่าตบดีมั้ยล่ะ

    แต่บางที...ผมว่า...มันก็ถึงเวลาแล้วนะ...

    “ขอบคุณมากนะยาบุจัง เดินมาส่งเราแบบนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปอ่านหนังสือ หืม?” ฮิคารุบีบจมูกผมเบาๆ รอยยิ้มที่ส่งมาให้ผมมันช่างสดใสที่สุด ถ้าผมได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้ทุกวันก็ดีซินะ ผมไม่อยากเห็นเขาร้องไห้ แม้ว่าเวลาเขาร้องไห้ ดวงตาเขาจะแววแสงสะท้อนของไฟ ใบหน้าขึ้นสีนิดๆ หรือจะยังไงก็ตาม แต่ฮิคารุก็เหมาะกับรอยยิ้มที่สุด

    เขาเหมือนกับเป็น แสงสว่าง ของผมตอนนี้เลยก็ว่าได้

    “ไม่เป็นไรหรอก ห้องเราก็อยู่ใกล้ๆ แต่พรุ่งนี้เรามารับไม่ได้นะ”

    “รู้แล้วครับ คุณมือกีต้าร์ ตั้งใจซ้อมล่ะพรุ่งนี้”

    “อื้ม งั้นไปก่อนนะ จริงซิ...” ผมเปิดกระเป๋านักเรียนตัวเองแล้วหยิบซองจดหมายมาส่งให้คนรักที่กำลังยืนทำหน้าฉงน “เราให้ ไปเปิดดูในบ้านนะ เราไปแล้ว” ผมรีบยัดซองจดหมายใส่มือเขา พูดรัวๆ แล้วก้าวเท้าออกมา

    ตอนแรกกะจะทำให้เป็นปกติแล้วนะ แต่พอถึงเวลาจริงๆ มันกลับตื่นเต้น จนไม่กล้าเผชิญหน้าเลย

    คุณสงสัยหรอว่าผมตื่นเต้นทำไม? ก็ในซองจดหมายฉบับนั้น

    มีกุญแจห้องของผมอยู่ พร้อมกับจดหมายอีกหนึ่งฉบับ

    ผมรักคุณนะ ที่รักของผม

    ตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้คุณขโมยหัวใจผมไปแบบที่ผมไม่มีวันได้คืน...ผมหลงรักคุณตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะขอคุณมากไปมั้ย ทั้งๆที่เราเพิ่งตกลงเป็นแฟนกันได้สองเดือน...จริงๆแล้ววันนี้เป็นวันครบรอบของเรา ไม่รู้คุณลืมรึเปล่านะ เอาเป็นว่าของขวัญที่ผมจะให้คุณก็อยู่ในซองแล้ว ช่วยดูแลรักษามันดีๆด้วยนะครับ ตราบใดที่ฮิคารุยังมีเยื่อใยมีความรู้สึกถึงผม ผมจะไม่มีวันเอากุญแจดอกนี้คืนเด็ดขาด...

    มาอยู่กับผมนะครับ ช่วยมาดูแลคนที่โดนคุณขโมยหัวใจไปหน่อย ช่วยเข้ามาเติมเต็มในส่วนที่ขาดของผม ผมรู้ว่าคุณอาจจะมองว่าเร็วไป แต่สำหรับผม ผมไม่คิดอย่างนั้น ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้แม้เป็นเวลาสั้นๆ แต่ผมรู้สึกว่าคุณเนี้ยแหละที่ผมจะใช้ชีวิตด้วยจนวันตาย

    ช่วยน้อมรับความรู้สึกของผม แล้วเราก้าวเข้ามาอยู่ด้วยกันนะ ... แบบคู่แต่งงาน ... แต่งงานกับยาบุนะ ฮิคารุจัง

     

    君の声も その細い肩も

    เสียงของเธอนั้น รวมถึงไหล่ที่บอบบางนั่นด้วย

    その瞳も僕のものじゃない

    สายตาของเธอ ไม่ใช่ของฉันอีกต่อไปแล้ว

    ปี 2014 เดือนพฤศจิกายน

    ผมนั่งมองฮิคารุพับเสื้อผ้าลงกระเป๋าทีละตัวๆ

    ใบหน้าหวานที่ผมชอบมองเวลาเขาหลับกลับนองไปด้วยน้ำตา

    “ฮึก...ฮึก...”  เสียงสะอื้นไห้ยังดังมาไม่หยุด

    ขอโทษฮิคารุ ขอโทษ ขอโทษที่ผมขาดสติ จนคิดว่าคนอื่นเป็นคุณ

    "ฮึก..ฮัลโหล อิโนะจัง~..." ฮิคารุกำลังโทรไปบอกให้เพื่อนของเขามารับ ผมมันเป็นคนรักที่แย่จริงๆ

    ทั้งเสียงหวานที่แหบพร่า ทั้งไหล่บอบบางที่สั่นเครือ ผมไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่นั่งมองด้วยความเจ็บใจ ทุกสิ่งอย่างของตัวฮิคารุ ไม่ใช่ของผมอีกต่อไปแล้ว

    สายตาที่เคยสดใส ติดอ้อน ต่อไปนี้จะไม่มีให้ผมอีกแล้ว...

    ต่อไปนี้จะเพียงแต่สายตาที่เย็นชา เชือดเฉือนหัวใจผมให้เหวอะ

    ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว แล้วผมทำอะไรไม่ได้เลย

    ทั้งๆที่รู้ว่าฮิคารุเกลียดอะไรมากที่สุด...แต่ผมก็ยังทำสิ่งนั้น

     

    どんなに側にいても

    ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถอยู่ข้างเธอได้อีก

    君の未来壊さない限り

    ฉันทนทำลายอนาคตของเธอไม่ได้

    この想いを叶えることはできないよ

    ไม่สามารถทำตามที่ปรารถนาได้

    一時の夢 痛いほど好きなのに

    ความฝันครั้งหนึ่งที่เจ็บปวดเกินทน

    夜が終わってく

    ค่ำคืนนี้ได้จบลงแล้ว...

     

    ปี 2014 เดือนพฤศจิกายน

    หลังจากที่ฮิคารุก้าวเท้าออกไปจากห้อง

    ออกไปจากชีวิตผมโดยไม่แม้แต่จะหันมาเหลียวมอง

    ผมก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหลังกว้างที่เราสองคนเคยใช้ด้วย

    น้ำตาที่มาจากไหนมากมายก็ไม่รู้ ยังคงไหลหยดเปื้อนหมอนหนุน

    กลิ่นอายของฮิคารุยังคงติดอยู่...แม้จะมีใครมาทับรอย...แต่ยังไงกลิ่นของฮิคารุก็ไม่เคยจางหาย

    ในใจผมพาลนึกย้อนไปถึงวันแรกที่ผมเจอฮิคารุ

    วันที่เขาร้องไห้ เลิกกับแฟน เพราะแฟนเขาไปมีคนอื่น

    ผมปลอบเขาแทบตายกว่าเขาจะหลับได้

    เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมถึงพาเขามาที่ห้อง ทั้งๆที่เพื่อนผมบางคนยังไม่เคยเข้ามาเลย

    ฮิคารุใฝ่ฝันที่จะมีคนรักที่ซื่อตรงต่อเขา

    อยากที่จะมีคนรักที่ดูแลเอาใจใส่ไปเรื่อยๆ

    อยากมีความรักที่มั่นคง

    อย่างที่รู้ๆ คนแบบพวกเรากว่าจะหารักแท้เจอมันยากแสนยาก พอเจอใหม่ก็ลืมเก่า

    แต่ผมไม่เคยมีความคิดอย่างนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเจอกี่คนต่อกี่คน ผมก็ไม่เคยหวั่นไหว ในหัวผมมีแต่ใบหน้าของยาโอะโตะเมะ ฮิคารุ

    ต่อให้ใครมายั่วยวนยังไงก็ไม่สน เพราะสัมผัสที่เรียกอารมณ์ดิบได้มีเพียงฮิคารุเท่านั้น

    ผมเองก็เคยฝัน...

    สักวันหนึ่งผมกับฮิคารุ...เราสองคน...

    จะเปิดเผยความสัมพันธ์ให้คนรอบข้างรู้

    ทำให้ทุกคนยอมรับในความสัมพันธ์ของชายรักชาย

    และเมื่อถึงเวลา...

    ผมจะขอเขาแต่งงาน...เราสองคนจะได้เข้าพิธีแต่งงานกันจริงๆ

    ผมยอมเสียทรัพย์สินทุกอย่าง เพื่อที่จะได้แต่งงานกับฮิคารุ เพื่อที่จะยืนยันว่าผมรักเขาจริง

    แต่ความฝันของเราสองคน คงจะจบลงแล้ว...

    คงไม่มีทางสานต่อได้...

    ต่างคนต่างเจ็บ...

    ฮิคารุเจ็บเพราะความรัก ความไว้ใจ ที่มีต่อผม

    ส่วนผมนั้นเจ็บที่ไม่อาจปกป้องคนรักได้...

    ช่างโง่เขลาจริงๆ แค่ทำให้ฝันของคนรักเป็นจริงยังทำไม่ได้

    ผมปิดเปลือกลง หวังจะทำให้ภาพต่างๆของฮิคารุจางหายไปบ้าง

    มันเจ็บปวดรวดร้าว...แต่ไม่ว่ายังไงภาพหยาดน้ำตาของฮิคารุไหลนองใบหน้าก็ยังคงติดอยู่ในจิตใต้สำนึกของผม

    ผมรู้ว่าเขาเจ็บมากแค่ไหน และผมยอม...

    ขอรับความเจ็บปวดทั้งหลายของฮิคารุมาอยู่ที่ผมคนเดียว

    ขอให้ค่ำคืนนี้และต่อๆไปมีเพียงแค่ผมเท่านั้นที่เจ็บปวด

    ผมขออ้อนวอนพระเจ้า...

    ลงโทษผมแค่คนเดียว

     

    会えない時を埋める様に

    เวลาที่ไม่ได้พบหน้ากันเหมือนจะถูกลืมไปจนหมด

    煌めく街の歩道を歩く

    เดินเล่นไปบนถนนในเมืองที่สว่างไสว

     

    เมื่อวาน ผมรู้สึกราวกับชีวิตและโลกมันพังทลาย

    คนที่ผมรักมากที่สุดหากไม่นับครอบครัวได้เดินจากผมไปแล้ว

    จะอยู่แต่ในห้อง มองไปทางไหนก็เจอแต่เงาของเขา

    นอนอยู่บนเตียง ก็นึกถึงยามที่เรานอนอยู่เคียงข้างกัน

    เดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน มองเข้าไปในกระจก ก็ยังสะท้อนให้เห็นภาพของฮิคารุที่ยืนแปรงฟันอยู่ข้างๆ

    ไปที่ห้องครัว ก็เหมือนเห็นเขายืนทำอาหารเช้าให้เหมือนหกปีที่ผ่านมา

    โต๊ะกินข้าว ชวนให้นึกถึงยามที่มีปัญหาที่ต้องคุยและตกลง รวมทั้งเวลาที่เขาเบ้หน้าเมื่อกินข้าวที่ผมทำ

    ห้องนั่งเล่น ระเบียง แม้แต่ประตูห้อง ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องมันทำให้ผมคิดถึงฮิคารุเหลือเกิน คิดถึงจนเกินจะทน

    สุดท้ายผมก็ตัดสินใจ เดินจากอพาร์ทเม้นท์ ลัดเลาะมาตามทาง แล้วหยุดนั่งลงตรงหน้าสถานีรถไฟอิเคะบุคุโระ

    แสงไฟสว่างไสวไปทั่วบริเวณ เดือนหน้าก็จะเข้าสู่เทศกาลเฉลิมฉลองแล้ว ทุกที่ต่างจัดเตรียมสถานที่ ร้านค้า ให้เข้ากับธีม โดยเฉพาะห้างเซบุ ที่ตกแต่งทางเข้าห้างได้สวยงาม

    คู่รักเดินจูงมือกันท่ามกลางอากาศที่เริ่มลดต่ำลง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มากับคนรัก แต่ก็ยังมากันเป็นกลุ่ม ไม่เหมือนผมที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ

    ในที่สุดผมก็ลุกเดินไปยังถนนซันชาย ย่านการค้าของอิเคะบุคุโระ เดินผ่านร้านนั้นร้านนี้ชวนให้นึกถึงแต่ความหลัง

     

    初めて、手に触れたとき

    ครั้งแรกที่มือของเราได้สัมผัสกัน

    解けた君の笑顔がよみがえる

    ยามที่ปล่อยมือจากกันยังชวนให้คิดถึงรอยยิ้มของเธอเสมอ

     

    ร้าน Milky Way

    ผมนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของร้านพาเฟ่ต์ร้านนี้ แหงนหน้ามองขึ้นไปที่ชั้นสอง ที่นั่งริมกระจกตรงนั้น

    ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมผมถึงจำเรื่องราวทุกอย่างของเราสองคนได้ ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน เรากินข้าวครั้งแรกที่ไหน ดูหนังเรื่องแรกเรื่องอะไร ถ่ายรูปตรงไหน เกมเซ็นเตอร์ที่เข้าด้วยกันครั้งแรก หยอดกาชาปอง ทุกอย่างยิบย่อยที่มันเกิดขึ้นครั้งแรกตรงไหนผมจำได้หมด

    เหมือนร้านนี้...เป็นครั้งแรกที่เราจับมือกัน...ในฐานะคนรัก

     

    ปี 2009 เดือนมกราคม

    “เข้าร้านแบบนี้จะดีหรอ?” ฮิคารุถามผมเพื่อย้ำความแน่ใจอีกครั้ง

    “คุณอยากกินไม่ใช่หรอ? ก็เข้าซิ ไม่เห็นจะเสียหายอะไร” พอเห็นท่าทีอิดออกของฮิคารุ ผมก็ตัดสินใจคว้ามือเขามากุมจับเอาไว้ แล้วเดินเข้าไปในร้านด้วยกัน

    “ปล่อยเถอะ คนในร้านจะมองไม่ดีนะ เผลอๆมีคนรู้จัก พวกเราโดนล้อตายแน่” ฮิคารุเอ่ยด้วยน้ำเสียงขัดเขิน งุ้งงิ้งๆอยู่ข้างหูผมระหว่างรอพนักงานมาพาไปที่โต๊ะ

    “ผมไม่แคร์อยู่แล้ว ในเมื่อคนที่จะโดนนินทาจับคู่ด้วยคือคุณ แต่ถ้าคุณไม่ชอบผมปล่อยก็ได้นะ”

    “ปละ...เปล่า!” คนที่ผมกุมมือเอาไว้พูดขึ้นด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติ ก่อนจะพูดแผ่วๆว่า อยากให้ผมกุมมือเอาไว้

    พวกเราทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ในร้านMilky Wayกันพอสมควร นอกจากขนมจะอร่อยแล้ว ยังมีเอกลักษณ์ด้วยขนมที่แบ่งตามปีนักษัตรหรือราศีอีกต่างหาก แน่นอนว่าของแบบนี้ เรียกลูกค้าเข้าได้เยอะแยะ แม้ว่าร้านเกือบจะปิดแล้ว แต่บางคนยังเดินเข้ามาสั่งอยู่ วิวข้างนอกก็สวย ไฟสำหรับงานเทศกาลที่จะมาถึงประดับประดาไปทั่วบริเวณ นั่งเพลินๆคุยกัน แถมนั่งกินขนมไปด้วย รู้ตัวอีกทีร้านก็เริ่มปิดแล้ว เราสองคนเกือบเป็นคู่สุดท้ายที่อยู่ในร้านก็ว่าได้

    “ขอบคุณนะยาบุจัง” ฮิคารุส่งยิ้มให้ผมพร้อมกับคำขอบคุณ

    “ไม่เป็นไรหรอก ฉันเต็มใจ ป่ะ กลับกันดีกว่า…”

    “อื้อ อากาศเริ่มหนาวมากแล้ว รีบกลับกันดีกว่า จริงๆยาบุไม่ต้องไปส่งเราก็ได้นะ เรากลับเองได้”

    “ไม่ได้ ฝันไปเลยว่าเราจะไม่ไปส่ง คุณเองก็รู้ว่าย่านนี้มันเป็นย่านเที่ยวกลางคืนเหมือนที่อื่นๆ ความปลอดภัยมันไม่มีหรอกนะ ไม่รู้ล่ะ ผมจะเดินไปส่ง หวงแฟน พวกคนเมาห้ามแตะ” ผมไม่สนใจสีหน้าเหวอๆของฮิคารุ ให้ตายยังไงผมก็ไม่ปล่อยให้ฮิคารุเดินกลับห้องคนเดียวแน่ๆ ก็ห้องเขาดันต้องผ่านด้านหลังของซันชายเพื่อที่จะเดินต่อไปยังสถานีรถราง อพาร์ทเม้นท์ของฮิคารุอยู่ระหว่างทาง นับว่าไม่ไกลเลยจากสถานีรถไฟ แต่ถึงจะไม่ไกล แต่มันก็ยังอันตราย! เอ้อ อ่านแล้วงงมั้ย ผมชักงงตัวเองอยู่เหมือนกัน สรุป ยังไงก็จะไปส่งนั้นแหละ

    “ก็...ก็ได้…” ฮิคารุรับคำอย่างว่าง่าย เมื่อรู้สึกว่าผมไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอน

    เราสองคนออกเดินไปยังทิศทางที่ต้องการ ระหว่างหยุดรอไฟแดงข้ามแยก ผมเหลือบไปมองคนข้างๆ ก็เห็นเขายืนถูมือตัวเองเพราะความหนาว ผมเลยตัดสินใจ…

    เอื้อมมือไปจับมืออีกคน ไม่ใช่เหมือนครั้งที่แล้วที่เพียงแต่จับไว้ธรรมดา

    ครั้งนี้ผมสอดนิ้วเข้าไประหว่างนิ้วของฮิคารุ ประสานให้แน่น

    ร่างบางหันมามองผม แล้วก็ยิ้มออกมา แน่นอนว่าตามด้วยเสียงขอบคุณแบบเขินๆ

    อ่า...น่ารักสุดๆไปเลยล่ะ

     

    抱きしめたい 抱きしめていたい

    อยากจะกอดเธอ กอดเอาไว้ในอ้อมแขนของฉัน

    だけど君は 僕のものじゃない

    แต่ว่าเธอนั้น ไม่ใช่ของฉันอีกต่อไปแล้ว

    歪な心が今

    ตอนนี้หัวใจมันช่างทรมานเหลือเกิน

    抱きしめたい 抱きしめちゃいけない

    อยากจะโอบกอด แต่ว่าฉันไม่สามารถทำมันได้

     

    ปี 2014 เดือนพฤศจิกายน

    แม้ว่าฮิคารุจะตัดสินใจก้าวออกไปจากชีวิตได้สามวันแล้ว แต่ผมก็ยังคงไม่ชินกับการอยู่คนเดียวซักที

    ทุกๆวัน ผมมักเดินเตร็ดเตร่ไปตามที่ต่างๆหลังเลิกเรียน หลังทำกิจกรรม

    ผมไม่อยากกลับห้องจนกว่าจะง่วงจัด กะเข้าไปแค่อาบน้ำนอนเท่านั้น

    อยู่ในห้อง ก็ฟุ้งซ่านเปล่าๆ ออกมาเดินข้างนอก อย่างน้อยก็ยังเห็นหน้าของคนอื่นบ้าง

    แต่ก้าวต่อไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดชะงัก ขยี้ตาตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา

    ตรงหน้าทางเข้าห้างซันชายซิตี้...ผมเห็น...ยาโอะโตะเมะ ฮิคารุ

    เขา...เขา...เขาดูผอมลงอย่างเห็นได้ชัด จากที่ผอมอยู่แล้ว ดูเหมือนจะผอมลงไปอีก

    ผมอยากจะเดินเข้าไปหา ไปถามไถ่ในฐานะคนที่...เคย...ไม่ซิ คนที่เขาเคยรัก เพราะสำหรับผมยังรักเขาตลอดเวลา

    “ยาโอะจัง~!” คนน่ารักของผมหันมามองตามเสียงเรียก

    ไม่รู้จะนับว่าเป็นโชคร้ายหรือโชคดี อาจเป็นโชคร้ายสำหรับเขา แต่โชคดีสำหรับผม เพราะทางที่เขาหันมาคือตรงที่ผมยืนอยู่ ร่างบางหยุดชะงัก ดวงตาเริ่มสั่นระริกคลอไปด้วยหยาดน้ำ พอผมก้าวเข้าไป เขาก็ก้าวหนี…

    ทรมานยิ่งกว่าตอนจมน้ำเสียอีก

    “ยาโอะจัง! คิดถึงจังเลย ที่รักของเขา” ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวอีกก้าว ก็มีใครมาจากไหนไม่รู้พุ่งเข้าไปกอดตัวฮิคารุ

    ฮิคารุเองก็ดูจะดีใจที่เขาคนนั้นมา ยกมือกอดตอบอย่างไม่ลังเล ใบหน้าน่ารักเกยอยู่บนบ่าของคนมาใหม่

    “ยูโตะ เป็นยังไงบ้าง? คิดถึงที่รักเหมือนกัน”

    แม้เขาจะพูดกันเบาๆ แต่ผมกลับได้ยินอย่างชัดเจน…

    คิดถึง...ที่รัก…

    ตัวผมชาวาบจนไม่รู้สึกอะไร อากาศหนาวที่กำลังบาดผิวในตอนนี้ไม่แม้แต่รู้สึกเจ็บแสบ ใบหน้าผมชาจนไร้ความรู้สึก แต่ข้างในกลับอ่อนแรง น้ำตาลูกผู้ชายพาลจะไหลอีกรอบ

    เพียงแค่ 3 วัน เขาก็มีคนรักใหม่แล้ว…

    คงมีผมคนเดียวที่บ้าคิดถึงเขา…

    คงเป็นผมฝ่ายเดียวที่อยากได้อ้อมกอดนั้นจากเขา

    ตอนนี้ทุกอย่างมันสายเกินไป อ้อมกอดนั้นไม่ใช่ของผมอีกต่อไปแล้ว

    รอยยิ้มที่ทั้งสองคนมีให้กัน ท่าทางทุกอย่างของฮิคารุ การกระทำ…

    ล้วนบอกได้แค่ว่า ยาโอะโตะเมะ ฮิคารุรักคนคนนั้นมากแค่ไหน

    ถ้าตอนนี้ผมเดินไปให้รถชน ก็คงตายแบบไม่รู้สึกเจ็บ

    หรืออาจจะเจ็บ...คงไม่เจ็บไปมากกว่านี้ ไม่มีทางจะเจ็บไปมากกว่าที่เห็นภาพวันนี้...

     

    溢れるほど 解けるほど 求めているのに

    ดูเหมือนความปรารถนาของฉัน มันจะมากล้นเกินไป

    タクシーを止めて 約束も交わさず

    คำสัญญาที่ให้ไว้คงทำไม่ได้ ช่วยหยุดแท็กซี่ได้มั้ย

    君の手溢れ

    เธอโบกมือลาจากไป

     

    ดูเหมือนผมจะจ้องทั้งสองคนมากเกินไป จนคนที่หันหลังให้รู้สึกตัวหันมามอง ก่อนจะหันไปมองหน้าฮิคารุอีกครั้ง

    “คนรู้จักหรอ? จะเข้าไปทักก็ได้นะ เดี๋ยวยืนรอตรงนี้” คนที่ฮิคารุเรียกว่ายูโตะ หันไปพูดกับฮิคารุด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม

    ฮิคารุส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะพูดประโยคที่กรีดหัวใจผมอย่างสุดซึ้ง…

    “ก็แค่คนที่ เคย ผ่านเข้ามาในชีวิต...ไม่มีความสำคัญอะไร” เสียงของเขาฟังดูเย็นชา นิ่งสงบ ราวกับเราเป็นแค่มนุษย์ร่วมโลก เผลอๆเขาคิดว่าผมได้ตายจากโลกนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ

    ผมก็ทำอะไรไม่ถูก จะก้าวเข้าไปหาคงจะไม่ได้ เขาเล่นประกาศซะชัดเจนขนาดนั้น จะหันหลังเดินกลับห้อง ในใจก็อยากจะเจอฮิคารุให้นานกว่านี้

    “อื้อ ถ้ายาโอะจังว่างั้น งั้นเราไปกันเถอะ แท็กซี่เลยนะ เดี๋ยวจ่ายเอง” ทั้งสองคนเดินจูงมือกันไปยังถนนใหญ่ด้านหลัง ผมก็ได้แต่เดินตามไปเงียบๆ ไม่พูดไม่จา ไม่ทักทายหรือใดๆทั้งสิ้น ดูก็รู้แล้วว่าเขาจะตัดผมออกไปจากชีวิต แต่ผมทำไม่ได้…

    ระหว่างที่แฝงตัวอยู่ตามซอกตึกในความมืดมิด ยืนมองสองคนขึ้นไปนั่งบนแท็กซี่เรียบร้อย จังหวะที่แท็กซี่เลี้ยวออกจากริมถนน เป็นอีกครั้งที่สายตาของเราทั้งคู่ได้สบกันอีกครั้ง

    ฮิคารุทำหน้าปั้นยาก ในขณะที่แท็กซี่กำลังเคลื่อนตัวออก

    เขามองเข้ามาในดวงตาของผม...ก่อนจะยกมือโบกแทนคำบอกลา…

    คำบอกลาที่ทำเอาน้ำตาที่ผมอดกลั้นเอาไว้ไหลทะลักราวกับเขื่อนแตก

    ฮิคารุ…

    ที่รักของฉัน…

    ต่อให้นายไม่รักฉันแล้ว...ฉันก็จะรักนายต่อไป

     

    君の声も その細い肩も

    เสียงของเธอนั้น รวมถึงไหล่ที่บอบบางนั่นด้วย

    その瞳も僕のものじゃない

    สายตาของเธอ ไม่ใช่ของฉันอีกต่อไปแล้ว

    どんなに側にいても

    ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถอยู่ข้างเธอได้อีก

    君の未来壊さない限り

    ฉันทนทำลายอนาคตของเธอไม่ได้

    この想いを叶えることはできないよ

    ไม่สามารถทำตามที่ปรารถนาได้

    一時の夢 痛いほど好きなのに

    ความฝันครั้งหนึ่งที่เจ็บปวดเกินทน

    夜が終わってく

    ค่ำคืนนี้ได้จบลงแล้ว…

     
     

    To be continued...

    NEXT CHAPTER WILL BE AVAILABLE ON 2/12/2014, with Hikaru's Part 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×