ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] EXO ,CHANBAEK - Calories Love Season 2 ♥

    ลำดับตอนที่ #5 : ♥ Calories Love Season 2 Chapter : 4000 kcal. - ไม่เปลี่ยนใจ

    • อัปเดตล่าสุด 10 เม.ย. 56


    CALORIES LOVE SEASON 2

    PAIRING : CHANBAEK / KRISHUN / KAISOO .

    CHAPTER : 4000 kcal.

     

     

     

     

    แพคฮยอน ไม่เคยเลยที่จะเปลี่ยนใจ...

    ชานยอล ฉันก็เหมือนกัน

    ...

     

     

    แพคฮยอนนั่งฟังอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่อย่างเงียบๆ แม้ว่าคยองซูจะชวนคุยบ้างในบางเวลา คนตัวเล็กก็ได้แต่ยิ้มแล้วพยักหน้าตาม คยองซูรู้สึกได้ว่าแพคฮยอนนั้นกำลังรู้สึกเครียดเขาก็เลยต้องนั่งฟังอาจารย์ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเลิกคลาส หลังจากที่อาจารย์เลิกคลาสแล้วแพคฮยอนก้มหน้าก้มตาเก็บของใส่กระเป๋าแล้วหันไปมองคยองซู

     

    “กลับบ้านกัน” คยองซูเอียงคออย่างงงๆ และก็เดินตามแพคฮยอนออกไป

    “นายจะไปไหนต่อรึเปล่า” แพคฮยอนถามเมื่อทั้งคู่ลงมาที่ใต้คณะแล้ว คยองซูหันไปหาแล้วส่ายหน้าเล็กๆ

    “ไม่อ่ะ นายล่ะ”

    “ไม่ได้ไปไหนเหมือนกัน ไปบ้านฉันไหม...ไปทำขนมกัน...”

    “อือ ไปสิ ว่าแต่...” คยองซูเว้นช่วงแล้วมองหน้าแพคฮยอนก่อนจะตัดสินใจถามต่อไป

    “ชานยอลไม่มาด้วยกันเหรอ” แพคฮยอนส่ายหน้าแล้วยิ้มให้ มันเป็นรอยยิ้มแปลกๆ

     

    ปกติแพคฮยอนไม่ยิ้มแบบนี้นี่นา ?

     

    “ชานยอลไม่ว่างน่ะ”

     

    คยองซูพยักหน้ารับอย่างเข้าใจทั้งๆ ที่ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่หรอกนะ คยองซูเลยโทรหาจงอินไม่นานปลายสายก็กดรับแล้วเดินเลี่ยงออกไปคุยอีกทาง

     

    “นายทำอะไรอยู่” คยองซูถามอย่างอยากรู้ทันทีเพราะจงอินน่าจะอยู่กับพวกชานยอลแล้วก็เซฮุน ถ้าพวกเขาทั้งสามคนไม่ว่างกันหมดมันก็โอเค ตัดไปได้หนึ่งปัญหาที่เขาข้องใจ

    (“เพิ่งเลิกคลาส มีอะไรรึเปล่า จะให้ไปรับไหม”)

    “อืม..เพิ่งเลิกคลาสใช่ไหม งั้นนายมารับฉันที่คณะด่วนเลย ไม่ต้องพูดอะไรมาก”

    (“อะไรของนาย”) ทำเสียงอย่างงงๆ แต่คยองซูกลับทำเสียงรำคาญใส่เล็กๆ

    “เหอะน่า รีบมา ฉันมีอะไรจะถามหน่อย”

    “โอเคๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ” บอกแล้วตัดสายไปทันที คยองซูเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วเดินไปหาแพคฮยอนที่ยืนเตะพื้นเล่นอยู่เงียบๆ

    “จงอินจะมารับนะ หมอนั่นจะไปด้วย”

    “หือ...จงอินเหรอ...” แพคฮยอนดูงงเล็กๆ ที่จงอินจะไปด้วย...แต่ว่าจงอินไม่ได้อยู่กับชานยอลงั้นเหร...

     

    ทำไมชานยอลไม่ว่าง...

     

    “อื้ม ใช่แล้ว หมอนั่นไปได้ใช่ไหม” คยองซูถามออกไป รู้ว่าแพคฮยอนคงไม่ปฏิเสธอยู่แล้วแต่ก็อยากจะแน่ใจ ยิ่งเห็นใบหน้าเมื่อกี้นี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกว่ามันต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ เลย ไว้จงอินมาก่อนแล้วกัน

    “อือ...” รับอือในลำคอแล้วเดินไปนั่งรอที่เก้าอี้ใต้คณะ แพคฮยอนเผลอลอบถอนหายใจเล็กๆ อย่างดูเหนื่อยหน่าย

     

    “มันน่าสงสัยจริงๆ” พึมพำกับตัวเองแล้วตากลมโตของคยองซูหรี่ลงอย่างจับผิด ยังไงวันนี้เขาก็ต้องสืบให้รู้ให้ได้ ไม่งั้นไม่ใช่คยองซูอย่างแน่นอน

     

    คยองซูเดินเข้าไปหาแพคฮยอนแล้วนั่งลงข้างๆ คนอย่างคยองซูน่ะนะ อยากรู้อะไรก็ต้องถาม สงสัยอะไรก็จะถาม ไม่เข้าใจอะไรก็จะถาม ไม่ถามก็ไม่ทางได้รู้

     

    “นี่แพคฮยอน”

    “หืม” ตอบอีกคนแล้วก็หันไปหา ใบหน้าซื่อๆ นั้นมองคยองซูเรียบๆ

    “เป็นอะไรไป วันนี้ดูไม่สดใส”

    “ก็..ไม่นี่นา ปกติดี”

    “โธ่เอ้ย ต่อให้นายเอาพยานมายืนยันด้วยอีกคนฉันก็ไม่เชื่อหรอกว่านายปกติ ดูทำหน้าเข้าสิ” คยองซูส่ายหน้าให้กับเพื่อนตัวเอง แพคฮยอนถอนหายใจแล้วไหล่ก็ทรุดลงอย่างไม่มีแรง

     

    ใช่..วันนี้เขาดูไม่สดใสเลย

     

    “อือ...”

    “บอกมาเดี๋ยวนี้เลย เร็วๆ ก่อนหมอนั่นจะมา” คยองซูเร่งให้แพคฮยอนบอกก่อนที่จงอินจะมาถึงคณะตัวเอง แพคฮยอนขยับตัวเล็กน้อยแล้วหลุบตาลงต่ำ

     

    เขาก็ไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าเรื่องยังไงดี จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยจริงๆ

     

    “ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่...” แพคฮยอนค่อยๆ พูดโดยมีคยองซูตั้งใจฟัง

    “ไม่สบายใจ?..ไม่สบายใจเรื่องอะไร”

    “อือ...” ทำเสียงงึมๆ ในลำคอ แพคฮยอนรู้สึกอึดอัดลำบากใจที่สุดในการเล่าเรื่องที่มันดูงี่เง่า จริงๆ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ตั้งแต่มีชานยอลเข้ามา...แล้วชานยอลก็เป็นคนทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ในหัวใจแบบนี้

    “อือแบบนี้แล้วฉันจะรู้ไหมเล่า”

    “ก็..ชานยอล...เขาไม่รู้เป็นอะไร...ฉันไม่กล้าถาม...”

    “หมอนั่นน่ะนะ” ถามกลับ แพคฮยอนพยักหน้าให้หงึกหงัก

    “เล่ามา มีเรื่องอะไรกัน”

    “ไม่รู้เลย...ฉันแค่รู้สึกว่าชานยอลแปลกๆ ตั้งแต่วันนั้น”

    “วันไหน?”

    “วันที่ถ่ายแบบเสร็จ...ฉันกับชานยอลจะไปหาอะไรกันกินกัน แต่จื่อเทาโทรมาบอกว่าจะทำอาหารจีนให้ ฉันเลยตกลงว่าไปกินข้าวกันที่ร้านฉันแทน ชานยอลก็ตกลง...แล้วฉันก็เข้าครัวช่วยจื่อเทาทำอาหารจีน...หรืออาจจะเป็นเพราะว่าฉันทำนานไป แล้วชานยอลก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยด้วย...” แพคฮยอนเอียงคอแล้วก็พยายามคิดถึงสาเหตุให้กับตัวเอง

    “แล้วหลังจากนั้นเป็นไง” ถามต่อไปเพราะยังหาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้ การที่แพคฮยอนทำอาหารช้ามันไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย ถ้าหิวขนาดนั้นก็ไม่ต้องรอสิ

    “ก็..พอทำอาหารเสร็จ ชานยอลก็บอกว่ามีซ้อมบท เพราะว่าเพื่อนในกลุ่มรอเขาคนเดียว..ฉันเลยจะแพ็คอาหารใส่กล่องให้แต่ชานยอลบอกว่าไม่เป็นไร...”

    “...”

    “ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ชานยอลยังได้ไม่กินอะไรเลยนะคยองซู...เขาดูรีบมากๆ ด้วย” แพคฮยอนก้มหน้ามองมือตัวเอง แล้วทำหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจ

    “แล้วหลังจากนั้นฉันก็รอให้ชานยอลตอบข้อความกลับมา...แต่ก็ไม่เลย...ฉันไม่กล้าถามอะไรเขาอีก...ฉันกลัวชานยอลรำคาญฉัน...คยองซู...” แพคฮยอนได้แต่โทษตัวเองแล้วก็ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจ ส่วนคยองซูก็กำลังปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ แล้วก็พยายามพูดให้แพคฮยอนสบายใจ

    “อย่าเพิ่งคิดมากอะไรเลย บางทีหมอนั่นอาจจะมีเหตุผล...แล้วนายก็มีสิทธิ์ถามด้วยแพคฮยอน นายเป็นแฟนหมอนั่นทำไมนายจะไม่มีสิทธิ์”

    “ฉัน..ไม่กล้านี่...” แพคฮยอนก้มหน้า เพราะเขากลัวสิ่งที่จะได้รับมาจะกลายเป็นสิ่งที่เขารับไม่ได้

    “ไม่กล้าก็ต้องกล้า ถ้านายไม่ถามฉันถามเองได้นะ”

    “คยองซูอ่า..”

    “เห็นไหม นายก็ไม่ยอมให้ถามอยู่ดี แต่เท่าที่ดูๆ มาชานยอลไม่เคยงี่เง่าอะไรนี่จริงไหม” คยองซูถาม ส่วนแพคฮยอนก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ระยะเวลาที่ชานยอลและแพคฮยอนคบกันมาชานยอลดูเป็นผู้ใหญ่มากเรื่องงี่เง่าจะไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้ง เขายังต้องเกรงใจด้วยซ้ำเพราะชานยอลตามใจเขาทุกอย่าง

     

    แสดงว่าเขาต้องทำอะไรผิดแน่ๆ เลย...ชานยอลถึงดูอารมณ์ไม่ค่อยดี...

     

    แพคฮยอนพยายามทบทวนเรื่องราวที่ตัวเองทำไม่ดี แต่คิดยังไงเขาก็คิดไม่ออกจริงๆ เขาไม่อยากให้ชานยอลเป็นแบบนี้เลย...

     

    “เอาน่า อย่าเพิ่งคิดมาก เดี๋ยวเรื่องทุกอย่างก็ดีเอง...นั่น จงอินมาแล้วไปกันเถอะ” คยองซูเหลือบไปเห็นรถของจงอินแล้วก็สะกิดให้แพคฮยอนลุกขึ้นตาม

    “มีเรื่องจะถามเยอะแยะเลย” ทันทีที่คยองซูเปิดประตูรถเข้าไปในนั่งเขาก็หันไปถามจงอินในทันที

    “เรื่องอะไรอ่ะ” ถามในขณะที่กำลังจะกลับรถออกจากตัวคณะ

    “นายไม่มีเรียนอะไรต่อแล้วใช่ไหมล่ะ”

    “อื้ม ใช่...ไม่มีซ้อมด้วย” จงอินพยักหน้า คยองซูดีดนิ้วดังเปาะ ส่วนแพคฮยอนเองก็ได้แต่นั่งเงียบอยู่ที่เบาะหลัง

    “แล้วชานยอล่ะ ทำไมไม่มารับแพคฮยอน”

    “หมอนั่นไม่ได้บอกอะไรฉันเลย ตอนแรกก็คิดว่าคงมารับไง”

    “หมอนั่นบอกกับแพคฮยอนว่าไม่ว่าง มันน่าสงสัยไหมห๊ะ เพื่อนนายนี่ยังไง” คยองซูเริ่มไม่พอใจ ส่วนจงอินก็เอียงคออย่างงงๆ เพราะเขาเองก็รู้สึกว่าชานยอลมันแปลกๆ มาทั้งวัน

    “วันนี้มันดูแปลกๆ นะ”

    “แปลกยังไงช่วยอธิบายสิ”

    “ก็แปลกๆ อ่ะ แบบมันไม่ค่อยพูดแล้วเวลาทำอะไรไมได้ดั่งใจก็หงุดหงิดแล้วเดินเลี่ยงไปอยู่ที่อื่นเลย พวกฉันก็ถามแล้วว่าเป็นอะไรมันก็บอกไม่มีไร” ยักไหล่เล็กๆ ในขณะที่เล่าให้คยองซูฟัง

    “ฉันว่ามันต้องมีอะไรแหละ ทั้งสองคนเลย” คยองซูหันไปมองแพคฮยอน ส่วนแพคฮยอนก็ได้แต่เงียบโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

    “อ้าว งั้นเหรอ ชานยอลมันไปทำอะไรให้นายรึเปล่าแพคฮยอน”

    “หือ...เปล่าเลย ชานยอลไม่ได้ทำอะไรเลย”

    “อ้าว แล้วมันเป็นอะไรของมันวะ” จงอินก็ยังไม่เข้าใจอยู่ว่าทำไม คยองซูเลยถามต่อ

    “ฉันอาจจะทำอะไรให้ชานยอลไม่พอใจจริงๆ ก็ได้นะ” แพคฮยอนเป็นคนพูดขึ้นมาเองแล้วเล่าเรื่องให้จงอินฟัง

    “คือฉันเข้าครัวทำอาหารจีนแล้วมันก็นานมากๆ ด้วย ชานยอลอาจจะรอนานเกินไป...”

    “ห๊ะ? รอนานเนี่ยนะ” จงอินขึ้นเสียงสูง

    “ฉันไม่รู้...”

    “นี่จงอิน ปกติแล้วหมอนั่นมันขี้หึงป่ะ” คยองซูถาม จงอินเอียงคอแล้วหน้าคิดแต่ก็ส่ายหน้าแทนคำตอบ

    “ไม่รู้อ่ะ ไม่เคยเห็น แต่มันก็น่าจะมีบ้างแหละ...ว่าแต่มันจะไปหึงแพคฮยอน...เอ๊ะ?” จงอินร้องเสียงดังชานยอลหึงงั้นเหรอ...

    “ใช่ป่ะ! แล้ววันนั้นมีจื่อเทาไปทำอาหารจีนนะ แพคฮยอนเป็นลูกมือ!” คยองซูทำตาโตเมื่อเขาปะติดปะต่อเรื่องได้แล้ว อีกอย่างจื่อเทาก็ปลื้มแพคฮยอนอยู่ด้วย!

    “โป๊ะเช๊ะ”

    “หา...จื่อเทา...จื่อเทาทำไมเหรอ” แพคฮยอนสงสัยแล้วขมวดคิ้ว

    “จื่อเทาเป็นรุ่นน้องบัดดี้ถูกป่ะ แล้วจื่อเทาก็หล่อมากๆ ดูดีมากๆ” พูดไปทำตาโตไป จงอินที่เห็นใบหน้าตื่นๆ นั้นก็หมั่นไส้เลยหาวใส่คยองซู จะชมอะไรนักหนาไอ้คนที่ชื่อจื่อเทานั่นน่ะ ได้ยินชื่อแล้วง่วงทันที

    “ฮ๊าววววว~

    “ฟังอยู่รึเปล่า!” คยองซูตีแขนของจงอินเข้าให้อีกคนก็ทำหน้าไม่ชอบใจแต่ก็พยักหน้าไป

    “ฟังอยู่เนี่ย เพราะจื่อเทามาทำอาหารจีนที่ร้านก็เลยหึงแพคฮยอน ถูกป่ะ?” ตอบให้ทันที

    “แล้วอยู่เฉยๆ มันจะไปหึงได้ไง ถ้าไอ้เด็กนั่นไม่ได้ทำอะไรให้ชานยอลมันไม่ชอบใจน่ะ” จงอินพูดต่อ แพคฮยอนได้แต่มองอย่างงงๆ

     

    ชานยอลหึงเขากับจื่อเทางั้นเหรอ...

     

    “ใช่ไหมแพคฮยอน” จงอินกันไปถามบ้าง คนตัวเล็กกระพริบตาปริบๆ ใส่

    “ชานยอลหึงงั้นเหรอจงอิน...ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยนี่...ฉันขอโทษ...ที่ให้จื่อเทามาอาหารที่ร้าน ฉันไม่รู้จริงๆ...” แพคฮยอนทำหน้ารู้สึกผิด ส่วนจงอินไม่ได้คิดอะไรมากนักถ้าไปง้อชานยอลมันหน่อยก็คงหายแล้วล่ะ

    “ทำยังไงดีคยองซู...”

    “นายต้องไปง้อหมอนั่น” แนะนำให้อย่างไม่ต้องคิดอะไรมากมาย

    “เอาขนมง้อไปสิแพคฮยอน” จงอินก็ช่วยเสนออีกแรง

     

     

    หน้าที่ต่อไปคงต้องเป็นของแพคฮยอนจริงๆ แล้วล่ะ...

     

     

     

    ...

     

     

    “พวกฉันไม่รบกวนนายโอเคไหม แพคฮยอน” คยองซูบอกเมื่อพวกเขาทั้งสามคนขับรถมาถึงบ้านของแพคฮยอนแล้ว

    “ไม่อยู่กินขนมด้วยกันหน่อยเหรอ”

    “ฉันมอบเวลาการทำขนมสุดรักให้นายเลย”

    “คยองซูอ่า...” หน้าของแพคฮยอนดูหนักใจเล็กๆ ที่เขาจะต้องอยู่คนเดียว

    “ไว้นายทำขนมเสร็จก็ทำตามที่ฉันบอกเลย รับรองหมอนั่นหายงอนนายแน่ๆ”

    “อ่ะ อื้ม...ฉันจะตั้งใจทำ” แพคฮยอนบอกแล้วคยองซูกับจงอินจะออกจากบ้านไป คนตัวเล็กสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกกำลังใจให้กับตัวเอง เขาคิดเมนูไว้แล้วว่าต้องทำอะไร หวังว่าชานยอลจะชอบนะ...

     

    เอิร์ลเกรย์เครมบรูเล่...

    ขนมตัวคลาสสิคของฝรั่งเศสเป็นคัสตาร์ดวานิลาและเอาเข้าเตาอบเพื่ออบให้นุ่มจากนั้นก็โรยด้วยน้ำตาลทรายก่อนจะพ่นไฟข้างบนเพื่อเพิ่มความกรุบกรอบเวลาตักคัสตาร์ดนุ่มๆ เข้าปากและผสมผสานกับชาเอิร์ลเกรย์รสเบาที่ให้กลิ่นรสบางๆ ของผลไม้จำพวกส้ม

     

    แพคฮยอนที่ตั้งใจทำเอิร์ลเกรย์เคมบรูเล่เสร็จแล้วก็ต้องนั่งทรุดกับเก้าอี้ไม้ในห้องครัว ทุกอย่างเสร็จแล้วด้วยหัวใจที่เต้นรัวอีกครั้ง เขาต้องโทรหาชานยอลหรือไม่ก็ต้องออกไปหาชานยอลเอง..

     

    ทำไมถึงรู้สึกตื่นเต้นเหมือนเมื่อก่อนจังนะ ทั้งๆ ที่สถานะมันก็เปลี่ยนไปแล้ว

    แต่ยังไงเขาก็ยังรู้สึกว่าชานยอลเป็นเพื่อน...เป็นคนที่ชอบ...เป็นคนรัก...เป็นทุกอย่างจริงๆ...

     

    และเขาก็แคร์ชานยอลมาก

     

    “ฟู่...” พ่นลมออกจากปากตัวเองอย่างอ่อนแรง แต่แพคฮยอนก็จะพยายามต่อ มือเรียวเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดเข้าไปที่เมสเสจก่อนจะค่อยๆ พิมพ์อย่างตั้งใจ

     

    ชานยอลอ่า..ตอนนี้ว่างหรือเปล่า...ขอเวลาหน่อยได้ไหม? ข้อความที่แพคฮยอนพิมพ์ส่งไปให้ชานยอลนั้นดูเว้นระยะห่างออกไปจนคนอ่านรู้สึกแปลกใจ...

     

    แพคฮยอนสูดหายใจเข้าลึกๆ หัวใจของเขาเต้นแรงมาก เขากลัวไปหมด กลัวว่าชานยอลจะไม่ตอบ กลัวว่าชานยอลจะกำลังยุ่งอยู่ แล้วก็กลัวว่าชานยอลจะรำคาญ..เขากลัวไปหมดทุกอย่างจริงๆ

     

    ปิ๊บๆ...

    เสียงข้อความของชานยอลตอบกลับมาจนแพคฮยอนสะดุ้ง เขากดเข้าไปอ่านอย่างกลัวๆ

     

    อือ มีอะไรหรือเปล่า คนตัวเล็กถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อข้อความที่ตอบกลับมานั้นไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก แล้วรีบพิมพ์ต่อไปในทันที

     

    ฉันมีอะไรจะให้นาย...นายอยู่ที่บ้านรึเปล่า ฉันจะได้ไปหา

    อือ อยู่บ้าน...แล้วนายอยู่บ้านรึเปล่า

    ใช่ ฉันอยู่บ้าน

    เดี๋ยวฉันไปหาเอง ไม่ต้องออกมาหรอก

    อื้อ...แล้วเจอกันครับ...

    แล้วเจอกันครับ...

     

    แพคฮยอนวางโทรศัพท์ของตัวเองลงบนโต๊ะแล้วมองเอิร์ลเกรย์เครมบรูเล่ด้วยรอยยิ้มบาง ชานยอลคงชอบมันนะ...เขามองนาฬิกาแล้วคาดคะเนเวลาของชานยอลกว่าจะมาถึงบ้านเขา ต้องเตรียมคำพูดอะไรไว้ดีนะ

     

    อ่า..ประหม่าจัง...

    เหมือนตัวเองทำผิดมหันต์ยังไงอย่างงั้น

     

    “ใจเย็นไว้แพคฮยอน ไม่มีอะไรหรอกน่า...ต้องขอโทษชานยอล..ขอโทษชานยอล...” พูดพึมพำกับตัวเองอย่างน่ารัก ก่อนที่ตัวเองจะจัดแจงเอิร์ลเกรย์เครมบรูเล่พร้อมช้อนเล็กๆ ไว้ข้างกัน

     

    ผ่านไปเกือบชั่วโมงแพคฮยอนนั่งดูโทรทัศน์เพื่อฆ่าเวลา ตามองหน้าจอแต่ใจของเขานั้นไม่อยู่สุขเลย สงสัยชานยอลใกล้มาถึงแล้วล่ะ...


     

    ปี๊น...

    เสียงบีบแตรรถยนต์ดังขึ้น คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกแล้วเด้งตัวจากโซฟานุ่ม เขามองไปยังหน้าบ้านก็เห็นรถยนต์คันสีดำอันคุ้นเคย ชานยอลมาถึงแล้ว..

     

    “ฟู่..ใจเย็นไว้...ไม่มีอะไรหรอกน่า!” บอกกับตัวเองแล้วรีบเดินออกไปเปิดประตูรั้วให้กับชานยอล

     

    ชานยอลขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของคนตัวเล็กก่อนจะลงจากรถ ร่างสูงมองแพคฮยอนที่สวมผ้ากันเปื้อนเอาไว้ไม่ได้ถอด มันดูเข้ากันกับเสื้อยืดฟ้าอ่อนๆ และมันก็ดูน่ารักมาก

     

    “เข้าบ้านก่อนนะ” แพคฮยอนบอกด้วยเสียงเบาก่อนจะยิ้มให้ชานยอล คนตัวสูงพยักหน้าแล้วเดินตาม

     

    ภายในบ้านที่จัดอย่างน่ารักเข้ากับคนในบ้านนี้มากๆ ชานยอลมักจะมาบ่อยๆ แล้วก็ทานอาหารเย็นกับครอบครัวแพคฮยอนประจำ แต่ช่วงนี้ก็เว้นช่วงไปบ้างเพราะเลิกจากซ้อมละครจากละครก็ดึกมาก

     

    “เอ่อ...นั่งตรงนี้ก่อนนะ” แพคฮยอนบอก เขามีท่าทีดูเกร็งๆ กับชานยอลมากแล้วก็รีบเดินเข้าไปในครัว ชานยอลได้แต่มองตามแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เห็นหน้าใสๆ ซื่อๆ ทำตัวเอาใจเขาแบบนี้แล้วมันก็อดไม่ได้ที่จะเดินไปจิ้มแก้มนิ่มๆ นั้น แต่ชานยอลก็ต้องนั่งรออยู่เฉยๆ ที่โซฟาแทน

     

    คนตัวเล็กเดินมาพร้อมกับถ้วยเล็กๆ สีขาว ก่อนจะวางลงตรงหน้าของชานยอล ร่างสูงมองอย่างแปลกใจก่อนที่แพคฮยอนจะพูดขึ้น พร้อมกับนั่งลงข้างๆ ร่างสูง

     

    “ให้นาย...”

    “หืม...” เอียงคอแล้วทำเสียงอือทุ้มๆ ในลำคอ แพคฮยอนเลยพูดต่อ

    “ลองกินดูสิ...เอิร์ลเกรย์เครมบรูเล่น่ะ...” ชานยอลพยักหน้าก่อนจะหยิบช้อนขึ้นไปตักเนื้อคัสตาร์ดนุ่มๆ ก่อนจะเอาเข้าปาก ชานยอลเคี้ยวกรุบๆ ของน้ำตาลไหม้ๆ ความหวานไม่มากแล้วก็นุ่มของเนื้อคัสตาร์ด ร่างสูงพยักหน้าแล้วเคี้ยวต่อไป เขาชอบขนมที่แพคฮยอนทำจริงๆ

    “อะ อร่อยไหม...” ยื่นหน้าไปถามอย่างซื่อๆ ชานยอลเห็นแล้วก็ต้องหลุดยิ้มที่มุมปาก

     

    พลาดแล้วสิเรา...เห็นหน้าเล็กๆ แบบนั้นแล้วมันอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้จริงๆ นะ...

     

    “อร่อยดี...”

    “เอ่อ...ชานยอล...ฉันมีอะไรจะบอก” แพคฮยอนก้มหน้างุดแล้วค่อยๆ พูด ชานยอลวางช้อนลงก่อนจะตั้งใจฟัง

    “อื้ม อะไรเหรอ”

    “คือ...ขอโทษนะ...”

    “???” ชานยอลเลิกคิ้วสูงแล้วทำหน้างง แพคฮยอนพยายามพูดต่อ เขาไม่อยากให้ชานยอลโกรธเขาเลย

    “ขอโทษนะ...ฉันไม่รู้ว่านายไม่ชอบอาหารจีน...” แพคฮยอนค่อยๆ พูดต่อเพราะจงอินบอกเขาว่าชานยอลไม่ชอบอาหารจีน แล้วเขาก็เผลอทำอาหารจีนไปแล้วด้วย

    “แล้ว...ก็...”

    “หืม?” ชานยอลรอสิ่งที่จะแพคฮยอนจะพูดต่ออย่างใจจดใจจ่อ

    “ขอโทษเรื่องจื่อเทาด้วย...ขอโทษนะ” พูดจบแล้วก็ก้มหน้าลงมองตักตัวเอง เขากลัวชานยอลโกรธจังเลย ทำไมชานยอลไม่ยอมพูดอะไรบ้างนะ...

    “หายโกรธแล้วล่ะ” ฝ่ามือหนาเลื่อนไปวางที่หัวเล็กๆ ของแพคฮยอนอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กเงยหน้าแล้วค่อยๆ ยิ้มทีละนิด ทีละนิด แล้วก็เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างจนตาหยี

    “ฮื่อ! ไม่โกรธแล้วใช่ไหม” ยิ้มกว้างแล้วยืดตัวขึ้น ชานยอลอมยิ้มแล้วส่ายหน้าให้แพคฮยอน

     

     

    เขาโกรธคนตัวเล็กตรงหน้านี้ไม่ลงจริงๆ ให้ตายสิ

    จะทำตัวน่ารักไปไหนนะ ตัวเองไม่ได้ผิดแท้ๆ แต่ก็ยังมาขอโทษเขา...เขาซะอีกที่ต้องขอโทษแพคฮยอน

     

    “จริงๆ นายไม่ต้องขอโทษเลย นายไม่ได้ผิดสักหน่อย” ใช้นิ้วยาวๆ จิ้มจมูกรั้นเบาๆ

    “ฮื่อ...ทำไมนายถึง...” ยู่ปากใส่ชานยอล

    “ก็...ฉันจะหึงนายไม่ได้เลยเหรอ”

    “ฮื่อ...ชานยอลอ่า...ขอโทษ”

    “บอกแล้วไม่ต้องขอโทษ ฉันหายโกรธแล้ว...ตั้งแต่เห็นหน้านาย” แล้วก็จิ้มที่แก้มนุ่ม แพคฮยอนยิ้มกว้างจนชานยอลอดไม่ได้ที่จะคว้าตัวเล็กๆ นั้นมากอด ใบหน้าเรียวเล็กซุกไปที่อกกว้าง

    “อ๊ะ..ฮื่อ...” ชายยอลโยกตัวไปมาระหว่างที่กอดคนตัวเล็ก คางเรียววางไปบนศีรษะ

    “ชานยอลอ่า...”

    “หืม”

    “ขนมอร่อยจริงๆ ใช่ไหม” คนตัวสูงแทบจะหลุดขำออกมาทั้งๆ ที่ตัวเองถูกกอดแท้ๆ ยังจะถามเรื่องขนมอีก

    “อยากรู้ไหมว่าอร่อยรึเปล่า”

    “แค่นายบอกว่าอร่อยก็ดีใจแล้ว คิก..” หัวเราะเบาๆ ชานยอลเลยดันตัวแพคฮยอนออกก่อนจะมองหน้าเล็กๆ นั้นอย่างหมั่นเขี้ยว

    “ยังจะหัวเราะฉันอีก”

    “ฮื่อ...ดีใจจัง”

    “งั้นลองชิมดูไหม”

    “หือ..เครมบรูเล่น่ะเหรอ...”

    “ช่ายยยยยย จะได้รู้ไงว่าอร่อยรึเปล่า...” ชานยอลทำเสียงทุ้ม นี่เขากำลังเป็นคนบ้าอยู่แน่ๆ เห็นหน้าซื่อๆ ของแพคฮยอนกำลังมองเขาอย่างตั้งใจอยู่เนี่ยก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งจริงๆ นะ

    “หลับตาแล้วจะป้อน”

    “ทำไมต้องหลับตาด้วย ( . _ .)

    “ก็จะได้ป้อนไง ไม่ให้ลืมตา...ฉันเขิน” ชานยอลบอก แพคฮยอนยยิ้มแล้วก็นั่งตัวตรงก่อนจะหลับตาอย่างที่ชานยอลบอก

    “ห้ามลืมตานา...” เตือนคนตัวเล็กอีกครั้ง ร่างสูงมองใบหน้าเรียวเล็กนั้นก่อนจะอมยิ้ม

     

    เขาไม่ได้เลื่อนมือไปตัดเครมบรู่เล่อะไรนั่นหรอก แต่เขาเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ กับแพคฮยอนแทน แล้วริมฝีปากนุ่มๆ ก็ได้สัมผัสกัน แพคฮยอนลืมตาทันที เขาถูกชานยอลจูบ...

     

    แล้วหัวใจก็เต้นแรง แพคฮยอนนิ่งค้างทำอะไรไม่ถูกอีกแล้ว ชานยอลค่อยๆ ขยับริมฝีปากของตัวเองแล้วส่งกลิ่นวานิลาอ่อนๆ ผ่านเข้าไป เปลือกตาของแพคฮยอนกระพริบถี่ก่อนจะหลับตาลง เขาได้กลิ่นรสวานิลาผสมเอิร์ลเกรย์จากชานยอลแล้ว...

     

    ชานยอลประครองใบหน้าเรียวเล็กด้วยสองมือหนาของตัวเองอย่างเบา จูบที่แสนนุ่มนวลของชานยอลแทบทำให้แพคฮยอนแทบล้มลงไปกองกับพื้น มือทั้งสองค่อยๆ ประสานกัน แพคฮยอนขยับริมฝีปากตามชานยอลอย่างเก้ๆ กังๆ แต่เขาก็สามารถเป็นผู้ตามได้ดีจริงๆ

     

    นุ่ม..หอม...แล้วก็หวานมากจริงๆ...

     

    ชานยอลค่อยๆ ถอนริมฝีปากของตัวเองออกอย่างเชื่องช้า หน้าผากของทั้งคู่ชนกัน ดวงตาของทั้งคู่สบกัน แล้วก็ปรากฏรอยยิ้มบางๆ พวงแก้มของแพคฮยอนแดงนิดๆ มือหนาเลยเลื่อนไปหยิกเบาๆ อย่างชอบใจ

     

    “ขอบใจนะ”

    “อ่ะ อื้อ...”

    “ชอบมากเลย”

    “ไว้...จะทำให้กินอีกนะ” แพคฮยอนบอกแต่ชานยอลส่ายหน้าแทน

    “ไม่ใช่...หมายถึงชอบนายนะ...ชอบมาก...”

    “...อ่ะ...อื้ม...ฉันก็เหมือนกัน”

    “คิก..” ทั้งคู่หัวเราะให้กันโดยที่ยังไม่ผละออกจากกันไปไหน

     

    ดีจัง..ที่ชานยอลไม่โกรธเขาแล้ว...

     

    “ห้ามทำตัวน่ารักกับหมอนั่นอีกนะ เข้าใจไหม” ชานยอลเริ่มเค้นความไม่ชอบใจของตัวเองออกมาให้แพคฮยอนฟัง คนตัวเล็กพยักหน้าอย่างเข้าใจ

    “ฉัน..” ถึงจะงงหน่อยแต่ก็เข้าใจล่ะนะ...

    “ห้ามนะ”

    “อื้อ”

    “ห้ามยิ้มให้หมอนั่นนะ”

    “หา..ห้ามยิ้มงั้นเหรอ”

    “ใช่”

    “ยะ ยิ้มไม่ได้เลยเหรอ?”

    “ใช่...แล้วก็จะทำอะไรก็บอกฉันก่อนด้วยนะ เผื่อจะไปด้วย หรือไม่ก็ให้คยองซูไปด้วย”

    “อือ...โอเค”

    “ที่สำคัญห้ามหลงชอบหมอนั่นด้วย”

    “อ่ะ อื้อ...”

    “หวงน่ะ โอเคนะ” ชานยอลพูดสิ่งที่เขาอึดอัดเป็นสิ่งสุดท้าย แพคฮยอนก้มหน้างุดอย่างอายๆ ในสิ่งที่ชานยอลบอกกับตัวเอง

    “ชอบทำตัวน่ารัก คนเขาเลยหลงไปทั่ว”

    “ฮื่อ...ไม่ได้ตั้งใจจะทำนี่นา”

    “แหนะ ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว อย่าทำนะๆ”

    “ฮื่ออออ ชานยอลอ่า”

    “ยังทำอีก มานี่เลย ต้องลงโทษ” ร่างสูงคว้าตัวแพคฮยอนเข้ากอดหมับแล้วโยกตัวอย่างแรง

    “อ๊า...ชานยอลอ่า ไม่ทำแล้วๆๆ”

    “ไม่เอา จะลงโทษ นี่!” ก้มหน้าไปหอมแก้มนุ่มๆ ของแพคฮยอนอย่างแรง แล้วไม่นานแก้มนิ่มๆ นั้นก็แดงเถือกขึ้นทันที

    “ไม่เอาแล้ว ไม่ทำแล้ว!” แพคฮยอนดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดหนา ชานยอลยังคงเห็นแก่ตัวเก็บความหอมๆ จากคนตัวเล็กไม่หยุด

    "เจ็บแก้มแล้ว ฮื่อ...”

    “งั้นให้หอมคืน อ่ะ..” ชานยอลเลิกทำแล้วยื่นแก้มไปใกล้หน้าแพคฮยอนแทน แต่แพคฮยอนดันกระพริบตาถี่ๆ

    “มะ ไม่เอา..”

    “ให้ทำคืนแล้วไง ไม่ทำเหรอ?” ทำเสียงเจ้าเล่ห์ๆ จนแพคฮยอนต้องเลื่อนมือเล็กไปตีแทน

    “นี่! ไม่เอาแล้ว”

    “คิกๆ ไม่ทำจริงๆ นะ”

    “อื้อ ไม่ทำ”

    “เสียดายจัง...”

    “ไม่ต้องเลย กินเครมบรูเล่ได้แล้ว...” คนตัวเล็กเปลี่ยนเรื่องแล้วยิบถ้วยขนมขึ้นมายัดใส่มือชานยอลอย่างอายๆ คนตัวเล็กลุกขึ้นจากโซฟาก่อนที่ชานยอลจะแกล้งเขาไปมากกว่านี้แล้ววิ่งเข้าห้องครัวไปสงบจิตสงบใจ

     

    “ฟู่...บ้า...บ้ามาก...ชานยอลบ้า...ฉันหายใจไม่ทันอยู่แล้ว...” แพคฮยอนผ่อนลมหายใจออกมา หัวใจของเขายังเต้นแรงไม่หาย ริมฝีปากเล็กๆ นั้นยกยิ้มบาง..กลิ่นวานิลายังติดอยู่ที่ปลายลิ้นของเขาอยู่เลย...

     

     

     

     

    ใจเต้นแรง

    ...

     

                “กอมึนดุไหมครับ” ในระหว่างทางขับรถอยู่ เซฮุนที่นั่งอยู่ข้างๆ คุณหมอคริสนั้นก็หันไปถามถึงบุคคลที่สาม คริสส่ายหน้าเล็กๆ แล้วยิ้มก่อนจะพูด

    “ไม่ดุเลย กอมึนฉลาดมาก”

    “ผมชอบหมานะ”

    “กอมึนต้องชอบนายแน่ๆ”

    “อ่า..อยากเล่นกับกอมึนแล้วครับ” เซฮุนยิ้มเล็กๆ แล้วเอามือประกบกันอย่างตื่นเต้น ร่างผอมๆ รอเวลาที่จะไปเล่นกับน้องหมากอมึนที่บ้านใหญ่ของพี่คริสไม่ไหวแล้วจริงๆ

     

    .

    .

     

    “ถึงบ้านแล้วนะคนไข้ หลับเพลินเชียว” คริสบอกด้วยเสียงนุ่มๆ พร้อมกับเอี้ยวตัวไปปลดเบลท์ให้กับเซฮุน

    “ถึงแล้วเหรอครับ กอมึน~” คนตัวผอมงัวเงียขึ้นมาแล้วขยี้ตา อย่างแรกที่นึกถึงก็คือน้องหมาของบ้านพี่หมอคริสทันที

    “ตื่นมาก็ถามหากอมึนเลยนะ วันนี้ต้องอาบน้ำให้กอมึนด้วยแหละ”

    “จริงเหรอครับ งั้นไปกันเลย คิก...” เซฮุนเร่งคริสแล้วรีบเปิดประตูลงรถ คนตัวสูงส่ายหน้าเล็กๆ ก่อนที่จะพาเดินเข้าไปในบ้านซะก่อน

    “เข้าบ้านก่อนแล้วค่อยไปหากอมึนกัน”

    “อื้อ” พยักหน้าแล้วเดินตามคริสไปในทันที บ้านของคริสเป็นบ้านขนาดกลางและแบ่งสัดส่วนเป็นอย่างดี ทุกอย่างถูกตกแต่งสวยงามและดูเหมาะสมกับฐานะมากจริงๆ ป้าแม่บ้านเข้ามาทักทายลูกเจ้าของบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและทักทายเซฮุนด้วยเช่นกัน

    “ป้าครับ นี่เซฮุนครับ”

    “สวัสดีครับคุณป้า”

    “จ้ะ คุณเซฮุนน่ารักจังเลยนะคะคุณหมอ” คุณป้าชมทันทีเมื่อเซฮุนยิ้มจนตาหยีไปให้

    “ขอบคุณนะครับ” คนตัวผอมยิ้มเขินนิดๆ แล้วหันไปมองคริสที่ยิ้มให้เขาเหมือนกันก่อนที่จะถามถึงพ่อและแม่ของตัวเอง

    “พ่อกับแม่ล่ะครับ”

    “ออกไปข้างนอกน่ะคะ คุณหมอไม่บอกล่วงหน้าเลย ไม่งั้นพวกท่านคงอยู่รอ” เธอบอก

    “ไม่เป็นไรครับ วันนี้ผมแวะมาหากอมึนแล้วก็อาบน้ำให้น่ะครับ ป้าครับฝากหารองเท้าแตะให้เซฮุนเปลี่ยนด้วยนะครับ เดี๋ยวผมรอที่หลังบ้าน...ป่ะ คนไข้” บอกเสร็จก็เดินนำเซฮุนไปทางหลังบ้านที่เป็นสนามหญ้า

    “กอมึนนา~~” คริสตบมือแล้วเรียกสุนัขตัวสีดำของตัวเอง

    “โฮ่ง!~ โฮ่งงงง!” สุนัขตัวสูงไม่เกินหัวเข่าของคริสรีบวิ่งมาทางพวกเขาทันที ขนสีดำฟูนั้นดูเด่นหรามาแต่ไกลก่อนจะวิ่งมากระโดดเกาะขาคนตัวสูง

    “กอมึนนา~ คิดถึงพี่ไหมครับ” ย่อเข่าลงแล้วใช้มือทั้งสองขยี้ขนนุ่มๆ ของสุนัขตัวโปรดของตัวเอง เซฮุนก็นั่งลงข้างๆ ก่อนจะใช้มือลูบหัวของมัน

    “โฮ่ง!

    “พี่คริส มันเห่าอ่ะ!” เซฮุนรีบชักมือออกอย่างกลัวๆ แล้วคริสก็เลื่อนมือไปจับมือเล็กขึ้นมาก่อนจะเอาไปวางไว้ที่หัวของกอมึน

    “โฮ่ง”

    “ดูเหมือนมันก็ชอบนายนะ”

    “โฮ่งๆ” กอมึนลุกขึ้นแล้วพยายามชวนทั้งคู่ให้เล่นกัน แต่คริสส่ายหน้าแล้วชี้นิ้วไปมาที่กอมึน

    “วันนี้ต้องอาบน้ำนะครับ!” ว่าแล้วก็รีบเรียกกอมึนไปทางด้านหลังที่มีก๊อกน้ำ แชมพูสำหรับสุนัขวางอยู่ คริสที่วันนี้แต่งตัวสบายๆ ด้วยเสื้อยืดกางเกงขาสั้นรองเท้าแตะไม่ต้องเปลี่ยนชุดอะไร ส่วนเซฮุนดันใส่แขนยาวมาซะได้ คนตัวสูงเลยเดินเข้าไปหาก่อนจะช่วยพับแขนเสื้อให้อีกคน

    “ขอบคุณครับ” ยิ้มให้แล้วเดินไปเปลี่ยนรองที่ป้าแม่บ้านเอามาวางให้เขาเรียบร้อยแล้ว

    “กอมึนนา..ห้ามดื้อนะ วันนี้มาอาบน้ำกันครับ” เซฮุนเดินเข้าไปหาเจ้ากอมึนแล้วพูดด้วยเสียงน่ารักๆ คริสอดไม่ได้ที่แอบยิ้มให้เล็กๆ ที่เซฮุนพูดกับหมาของเขา

    “แฮ่กๆๆ โฮ้ง!” เห่ารับก่อนจะยืนนิ่งๆ ให้คริสเปิดน้ำจากก๊อกน้ำใส่ตัวของกอมึน เซฮุนทำหน้าที่ชโลมแชมพูใส่ตัวกอมึนอย่างรู้หน้าที่ ฟองสบู่ลอยไปทั่วทั้งตัวของขนสีดำ มือทั้งสองของคริสและเซฮุนช่วยกันจัดการทั้งถูก ทั้งเกาตัวเจ้ากอมึนอย่างสนุกสนาน

    “โฮ่งๆ!” เห่าชอบใจแล้วเดินไปมาแล้วฟองสบู่ก็เริ่มเลอะทั้งคู่ แต่เซฮุนยังคงเมามันอยู่กับการเกาตัวของกอมึน คริสที่มองอยู่นั้นส่ายหน้าเล็กๆ ไปให้

     

    สงสัยจะชอบหมาเขามากๆ

     

    “แฮ่กๆ!” กอมึนเริ่มดื้อเมื่อมีคนมาช่วยอาบน้ำให้มันตั้งสองคนเลยอยากจะเล่นด้วยกอมึนเลยสะบัดขนจนสบู่และน้ำกระจายไปทั่ว

    “อ้ากก กอมึน! ซนอีกแล้ว” คริสดุเล็กๆ ส่วนเซฮุนเองก็รีบหันหน้าหนี แต่ก็ไม่พ้นอยู่ดี เสื้อผ้าของทั้งคู่เริ่มเปียก แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วก็ให้มันเลอะไปเลย

    “ฮื่อ เลอะเลย” พูดก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ดหน้าของตัวเองอย่างลวก แต่ก็ตั้งใจอาบน้ำให้กอมึนเหมือนเดิม ไม่นานก็ล้างตัวกอมึนจนเสร็จจากนั้นก็ต้องพาไปเป่าขน

    “เอ่อ พี่คริสครับ” เซฮุนหันไปมองหน้าคริสแล้วยิ้มเล็กๆ

    “ผมว่าก่อนจะเป่าตัวกอมึน เราเป่าตัวเองก่อนดีไหม คิก!” พูดแล้วก็หัวเราะ เพราะสภาพของเขาและคริสไม่ต่างกันเลยสักนิดเดียว ผมเปียกจนลู่ลงมา เสื้อยืดของคริสก็เปียกไปครึ่งตัว

    “นั่นสิ เปียกหมดแล้ว เดี๋ยวพี่ให้ป้าเขามาเป่าขนให้กอมึนให้แล้วกัน...เราไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะจะได้เอาชุดเปียกๆ นี้ไปซักใหม่”

     

    .

    .

     

    คริสเดินนำเข้าไปชั้นบนเพื่อพาเซฮุนขึ้นไปเปลี่ยนชุดใหม่

     

    “ใส่เสื้อของพี่ไปก่อนนะ” บอกในขณะที่เขากำลังเลือกชุดที่ตัวพอเหมาะสำหรับหุ่นอย่างเซฮุน ร่างผอมๆ ที่เดินตามเข้ามาในห้องนั้นรู้สึกเหนอะหนะเลยเผลอถอดเสื้อตัวเองออกแล้วเดินไปยังห้องน้ำในห้องนอนของคริสเพื่อล้างตัว คริสที่เลือกเสื้อได้แล้วเลยมองหาเซฮุนก่อนจะเดินไปที่ห้องน้ำ

     

    แผ่นหลังขาวเนียนเหมือนน้ำนมกำลังหันหลังให้เขา เอวคอดบางๆ สวมกางเกงร่นต่ำเกือบถึงสะโพกมน เซฮุนกำลังก้มหน้าก้มตาทำความสะอาดมือของตัวเองอย่างตั้งใจ ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้จากข้างหลัง ใบหน้าเรียวสวยของเซฮุนเงยหน้าขึ้นมองคริสจากกระจกใส

     

    “พี่คริส” เซฮุนเรียกชื่อของคริสอย่างไม่รู้ว่าตัวเองถอดเสื้ออยู่

    “ล้างมือสิครับ” เขาบอกก่อนจะล้างฟองออกจากมือของตัวเอง ร่างสูงหยุดยืนอยู่ข้างหลังร่างผอมๆ จนหน้าอกกว้างแทบจะแนบสนิทกับแผ่นหลังเนียนๆ ใบหน้าของคริสเอียงมาทางฝั่งขวาแล้วเลื่อนมือคร่อมไปข้างหน้าของตัวเซฮุน

     

    เขาค่อยๆ ใช้มือตัวเองล้างฟองสบู่ออกจากมือนิ่มๆ ของเซฮุนให้ ร่างผอมๆ นั้นห่อไหล่ลงเมื่อแผ่นหลังของเองกำลังเอนไปแนบอยู่กับอกของคริส

     

    “อ่ะ...เอ่อ พี่คริส...ผมล้างเองก็ได้นะ...” บอกด้วยเสียงตะกุกตะกัก

    “พี่จะได้ล้างด้วยไปเลย ประหยัด”

    “ไม่เห็นจะเกี่ยวเลยนะครับ?” ทำเสียงสูงๆ กับตรรกะงงๆ ของคริส แล้วใบหน้าของคริสดันใกล้เข้ามาแทบจะติดกับเซฮุนจนอีกฝ่ายต้องเอนตัวไปทางฝั่งซ้าย

    “สะอาดแล้ว” คริสบอกแล้วเลื่อนมือไปหยิบผ้าขนหนูมาซับมือให้เสร็จสรรพแต่ก็ยังไม่ขยับตัวไปไหนจนมือเซฮุนแห้งดีแล้ว

     

     

    ทั้งคู่เงียบ

     

    “พี่คริส...มือแห้งแล้วนะ...” เซฮุนก้มหน้าบอก คริสพยักหน้าให้แต่ก็ยังไม่ผละตัวออกจากแผ่นหลังเขาสักที

     

    คิดยังไงถึงกล้ามาถอดเสื้อในห้องของเขาโดยที่เพิ่งขึ้นมาครั้งแรกแบบนี้นะ...คนไข้จอมดื้อ...

     

    คริสได้แต่คิดอยู่ในใจ เขายังคงได้กลิ่นแชมพูอ่อนๆ จากเส้นผมนุ่มจากด้านหลังของเซฮุน แล้วไหนจะผิวเนียนละเอียดในระยะใกล้แบบนี้มันทำให้เขาไม่สามาถละสายตาไปได้เลยจริงๆ...

     

    “เอ่อ...ผม...ไปใส่เสื้อก่อนดีกว่า” เมื่อเซฮุนเริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองถอดเสื้อนานเกินไปแล้วก็พยายามลอดตัวออกมาจากท่อนแขนของคริสที่เท้าขอบอ่างไว้ แต่คริสกลับยิ้มให้แต่ก็ไม่ยอมเอามือออก

    “แกล้งผมเหรอ”

    “หือ...เปล่าสักหน่อย”

    “ก็พี่คริสไม่เอามือออกไปนี่นา ผมจะไปใส่เสื้อแล้ว..”

    “แล้วมาถอดเสื้อทำไมล่ะ หืม..” กระซิบที่ข้างหูจนเซฮุนต้องหดตัวลง

    “พี่คริสอ่ะ! เลิกแกล้งผมได้แล้วครับ” ก้มหน้าลงอย่างเขินๆ แต่คริสกลับยิ้มอย่างพอใจแล้วก้มหน้าเข้าไปใกล้ แล้วลมหายใจของคริสก็รินรดอยู่ข้างแก้มเนียนๆ ของเซฮุน

    “พะ..พี่คริส...”

    “ไม่แกล้งก็ได้ครับ..คนไข้” พอพูดจบก็ยิ้มกริ่มแล้วจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากกระจับสีชมพูของเซฮุนทันที เขาอดไม่ได้ที่จะหาความสุขและความชอบใจจากร่างกายสวยๆ ของเซฮุน ริมฝีปากที่มักจะยั่วเขาตลอดเวลา แถมผิวเนียนๆ ที่เพิ่งจะเผยให้เขาได้เห็นอย่างชัดเจน

     

    “อือ..” เซฮุนขยับริมฝีปากตามคริสอย่างเชื่องช้าก่อนที่จะหลับตาลง มือหนาแปรเปลี่ยนจากจับที่ขอบอ่างมาทาบทับที่เอวคอดของเซฮุนแทน ร่างผอมบางเอี้ยวตัวกลับมาแล้วโอบรอบคอของร่างสูง ทั้งคู่จูบกันนานขึ้นและแรงขึ้น...

     

    แลกเปลี่ยนลมหายใจจากริมฝีปากอย่างชอบใจโดยที่ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยคำพูดใดๆ ให้อีกคนหยุด...

     

    คริสถอนริมฝีปากออกก่อนจะลากลงต่ำไปที่ปลายคางเรียว เซฮุนเชิดหน้าขึ้นสูง จมูกโด่งของคริสสุดเอาความหอมจากซอกลำคอสวย

    “อือ..พะ...พี่คริส...พอแล้วครับ...” เซฮุนใช้มือดันอกกว้างของคริสออกห่าง ถ้าขืนเขาทั้งคู่ยิ่งไปไกลกว่านี้ เขาเองก็คงจะห้ามตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

     

    จมูกโด่งสูดเอาความหอมจากกายบางๆ ของเซฮุนครั้งสุดท้ายแล้วใช้นิ้วหยิกแก้มเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว

     

    “ใส่เสื้อเถอะ คนไข้รู้สึกว่าจะหนาวแล้วมั้ง...ขนลุกทั้งตัวเลย คิก..” หัวเราะเบาๆ แล้วจนเซฮุนหน้าแดง มาจูบเขาแล้วยังจะมาล้อเขาอีกนะ

    “พี่คริสบ้า” เซฮุนชักหน้าไม่ชอบใจใส่แล้วก็เดินตึงตังออกจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ทำเอาคริสที่มองอยู่หลุดขำออกมาอย่างชอบใจ คริสกุมหน้าอกตัวเองเบาๆ แล้วผ่อนลมหายใจให้เป็นปกติ

     

     

    บ้าจริง...นี่เขาใจเต้นแรงอีกแล้วที่ได้จูบกับเด็กคนนี้...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ต๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

    พาร์ทอีกยี่สิบเปอร์นี่อะไร ฟินยิ่งกว่าชานแพค บอกตรงๆ นี่กุลำเอียงตั้งกะเมื่อหร่ายขร่า

    เขียนไป เขินไป กูวิน งานนี้กูวิน 55555555555555555555555555

     

    เขินไม่เขิน ฟินไม่ฟินไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ ว่า เกือบเสียตัวแล้วอีติ๋มเอ้ย

    ไปถอดเสื้อ่อยเขา แรดจริงๆ เลย

    อยากอ่านคำวิจารณ์มากเลยค่า ใครว่างฝากวิจารณ์ภาคนี้ด้วยนะคะ

    ขอบคุณขร่า จูบบบบ .

     



    กอมึนเองครับ : )

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×