ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] EXO CHAN x BAEK ,(CHANBAEK) - Calories Love .

    ลำดับตอนที่ #14 : ♡ Calories Love Chapter : 1100 kcal.

    • อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 56


    Calories Love

    Pairing : CHANYEOL & BAEKHYUN (CHANBAEK)

    Chapter : 1100 kcal.

     

     

     

     

    แปลก...หรือไม่แปลก

    เปลี่ยนไป หรือไม่เปลี่ยนไป

    ...

     

     

                แพคฮยอนกึ่งเดินกึ่งวิ่งพลางมองดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง เขามีนัดกับชานยอลในตอนเย็น แต่อาจารย์ของวิชาสุดท้ายปล่อยเลยเวลา แถมยังตรวจอาหารช้าอีกต่างหาก เขาเลยต้องวิ่งลงบันไดอย่างเร่งรีบเพราะกลัวชานยอลจะรอนาน

     

    “แฮ่ก...” หอบเล็กน้อยเมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างพร้อมทั้งโทรศัพท์มือถือก็สั่นพอดี หน้าจอปรากฏชื่อของชานยอล แพคฮยอนก็รีบกดรับอย่างไม่รอช้า

    “แฮ่ก...สวัสดี..” พยายามหายใจลึกๆ และกรอกเสียงลงไปเพราะกลัวปลายอีกฝ่ายโกรธที่ต้องมารอเขานานๆ

    (“นายอยู่ไหนเหรอ”)

    “ฉัน...แฮ่ก...อยู่ข้างล่างแล้ว นายล่ะ...”

    (“อยู่หน้าคณะ”)

    “อ๋อๆ งั้นฉันจะรีบไปเดินออกไปนะ” แพคฮยอนบอกกับชานยอลแล้วขอวางสายไป เขาวิ่งอีกครั้ง...

     

    ก็ไม่อยากอีกคนรอนานนี่นา...

     

    ร่างเล็กนั้นวิ่งเหยาะๆ ไปที่หน้าคณะแล้วมองหาร่างสูง แพคฮยอนสามารถมองเห็นชานยอลได้ทันทีก่อนจะรีบเดินไปหา

     

    “ขะ ขอโทษจริงๆ นะ...แฮ่ก...” แพคฮยอนทำหน้ารู้สึกผิดก่อนที่จะพยายามหายใจให้เป็นปกติ

    “อื้ม ไม่เป็นไร ว่าแต่..นายวิ่งมาเหรอ” ชานยอลยิ้มบางๆ ให้กับแพคฮยอน

     

    ใบหน้าเล็กๆ ที่วิ่งมาหาเขานั้นดูน่ามองอย่างบอกไม่ถูก แพคฮยอนเริ่มพูดกับเขาเมื่อไหร่แล้วก็จะรู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่เมื่อเช้าเขายังรู้สึกแปลกๆ อยู่เลยด้วยซ้ำ

     

    แต่เมื่อเห็นหน้าคนตัวเล็กที่ยิ้มมาให้เขาแล้ว...ความรู้สึกแปลกๆ นั้นก็หายไปเลยในทันที

     

    เท่ากับว่ารอยยิ้มของแพคฮยอนนั้นมีอิทธิพลมากกับเขาจริงๆ...

     

    “เอ่อ...แฮะ...ใช่แล้ว” แพคฮยอนรู้สึกเขินเล็กน้อยที่ชานยอลถามเขา

    “ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้”

    “ก็ฉันไม่อยากให้นายรอนาน...” คนตัวเล็กบอกไปตามความจริง จนชานยอลรู้สึกว่าคนตรงหน้านี้ใส่ใจเขามากแค่ไหน

    “ฉันรอได้”

    “ไว้คราวหลังฉันจะไม่มาช้าอย่างนี้อีกนะ...พอดีว่าอาจารย์เขาปล่อยช้าจริงๆ...”

    “ไม่เป็นไร แค่มาก็พอแล้ว โอเคไหม”

    “อื้อ...” คนตัวเล็กรู้สึกเขินเล็กน้อยเมื่อชานยอลไม่โกรธเขาเลยสักนิดเดียว จนตัวเองก็เผลอเกาท้ายทอยอย่างติดนิสัย

    “ไปกันเถอะ” ชานยอลบอกแล้วเริ่มก้าวเท้า แพคฮยอนพยักหน้าแล้วก็เดินตามคนตัวสูงไป

     

    ด้วยช่วงขาที่สั้นกว่าชานยอลนั้นทำให้แพคฮยอนต้องก้าวให้ยาวขึ้น จนชานยอลหันมามองแล้วแอบยิ้มบางๆ ให้ จากนั้นก็ค่อยๆ ลดความยาวของช่วงขานั้นลง ชานยอลก้าวสั้นขึ้นเพื่อให้แพคฮยอนเดินตามได้ทัน

     

    “อ๊ะ ขอโทษ...”

    “ขอโทษทำไม?” ชานยอลเอียงคออย่างสงสัย

    “ก็ฉันเดินช้า นายเลยต้องรออีกแล้ว”

    “นายไม่ได้เดินช้า...ฉันเดินเร็วต่างหาก” พอพูดจบ แพคฮยอนก็ยิ้มออกมา

     

    ชานยอลใจดีมากจริงๆ สงสัยวันนี้ก็คงจะเป็นอีกวันที่แพคฮยอนมีความสุขมาก...

    เพราะชานยอลทำให้เขายิ้ม...ยิ้มตลอดเวลาเลย

     

     

    ...

     

     

    ชานยอลทำหน้าที่ขับรถให้แต่หน้าที่เลือกร้านเค้กนั้นมอบให้เป็นแพคฮยอนแทน คนตัวเล็กคิดอยู่สักพักก่อนที่จะแนะร้านเค้กโฮมเมดร้านหนึ่งให้กับเขา

     

    “ร้านนี้ฉันยังไม่เคยเข้าไปน่ะ...แต่ร้านตกแต่งสวยมากๆ เลยนะ” แพคฮยอนบอกกับชานยอลเพราะเขาเองก็ได้แต่เดินผ่านร้านเค้กโฮมเมดนี้เฉยๆ ไม่ได้แวะเข้าไปดูและสั่งเค้กเลยสักครั้ง

    “งั้นก็ถือว่าเราไปทดลองก็แล้วกันเนอะ” ชานยอลพูดติดตลกเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มกว้างให้กับแพคฮยอน ทั้งคู่พูดคุยกันเล็กน้อยตามประสา ส่วนชานยอลก็ชวนคุยตลอดเวลาที่แพคฮยอนเงียบ

    “เลี้ยวตรงนี้ใช่ไหม” เขาถามแพคฮยอนเมื่อขับใกล้ถึงตรงทางแยกข้างหน้า

    “อื้อ ใช่แล้ว” แพคฮยอนบอกแล้วมองทางตามชานยอลอย่างน่ารัก มันเหมือนกับเด็กคนหนึ่งที่ใส่ใจรายละเอียดต่างๆ เวลาที่อีกคนกำลังพูดหรือถามเขาอยู่ แบบนี้มันทำให้ชานยอลรู้สึกอีกแล้วว่าคนตัวเล็กๆ นี่สนใจสิ่งที่เขาพูดอยู่ตลอดเวลามากแค่ไหน

     

    ชานยอลหักพวงมาลัยเบาๆ และเลี้ยวซ้ายไปในทันที เขาขับตรงไปเรื่อยๆ ตามที่แพคฮยอนบอก ไม่นานพวกเขาก็มาถึงร้านเค้กโฮมเมดที่ไม่ใหญ่มากนัก ชานยอลหาทที่จอดรถก่อนที่ทั้งคู่จะลงจากรถพร้อมกัน

     

    ร้านเค้กโฮมเมดที่เน้นสีขาวเสียส่วนใหญ่ ภายในร้านนั้นเหมือนกับบ้านหลังๆ หนึ่งเลยก็ว่าได้ ทุกย่างตกแต่งอย่างสวยงาม ลงตัวและน่ารักมาก มีต้นไม้ประดับอยู่ทุกที่พร้อมทั้งโต๊ะเล็กใหญ่ให้เลือกนั่งตามจำนวนคน และมุมส่วนตัวสำหรับคู่ก็มี แพคฮยอนเป็นคนเดินนำเข้าไปในร้านและมีเสียงพนักงานต้อนรับอย่างเป็นมิตร ทั้งชานยอลและแพคฮยอนเดินเข้าไปมุมตรงกลางและเลือกโต๊ะคู่

     

    “ร้านสวยดีนะ” ชานยอลพูดเบาๆ กับแพคฮยอน คนตัวเล็กยิ้มแล้วพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเป็นอย่างมาก

    “ใช่แล้ว สวยมากเลย...” แพคฮยอนมองไปรอบๆ ร้านอย่างตื่นเต้น เขาเคยคิดจะมีร้านเบเกอร์รี่โฮมเมดเป็นของตัวสักร้าน

    “เหมือนนั่งอยู่บ้านตัวเองเลย” คนตัวเล็กหันมาบอกกับชานยอลแล้วหัวเราะเบาๆ กับความคิดที่อยู่ภายในใจของตัวเอง ก่อนที่พนักงานจะนำเมนูมาให้พวกเขา

     

    แพคฮยอนเปิดเมนูแล้วเผลอเอานิ้วชี้มาแตะที่ปากอย่างใช้ความคิด เขามักจะเผลอทำแบบนี้เสมอๆ เวลากำลังคิดหรือเลือกอะไรอยู่อย่างตั้งใจ และมันก็ทำให้ชานยอลอดที่จะยิ้มให้ไม่ได้ มันเป็นรอยยิ้มที่แพคฮยอนมองไม่เห็น เพราะชานยอลแอบยิ้มต่างหากล่ะ...

     

    แพคฮยอนพลาดซะแล้ว

     

    “อืม...ช็อกโกแลตมูสครับ” เมื่อแพคฮยอนเลือกได้แล้วก็หันบอกกับพนักงานอย่างสุภาพ ชานยอลก็เลือกเมนูได้แล้วเช่นกัน

    “ชาเขียวทิรามิสุครับ” พนักงานจดออเดอร์ที่ทั้งคู่สั่งก่อนที่จะรับเมนูกลับไป

     

    แล้วไม่นานช็อกโกแลตมูสกับชาเขียวทิรามิสุก็ถูกนำมาเสิร์ฟให้กับทั้งคู่ แพคฮยอนทำหน้าตื่นเต้นเล็กน้อยให้กับความสวยงามของเค้กทั้งสอง มันดูน่ารักและตกแต่งอย่างสวยงามจริงๆ

     

    “น่าทานจัง” พึมพำออกมาเบาๆ แพคฮยอนมักจะมีความสุขกับการกินเสมอ มือเรียวค่อยๆ หยิบช้อนเล็กก่อนที่จะมองหน้าชานยอลเพื่อขออนุญาตกินเค้กของตัวเอง ร่างสูงพยักหน้าให้เป็นสัญญาณกล้วแพคฮยอนก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เขาค่อยๆ บรรจงเอาช้อนตัดช็อกโกแลตมูสนิ่มๆ นั้นขึ้นมาอย่างตั้งใจ

    “ฮื่อ...อร่อยจัง” แพคฮยอนทำเสียงเล็กๆ ออกมาอย่างน่ารัก ให้ตายเถอะ เวลาได้กินของอร่อยๆ ทีไรต้องมีความสุขมากทุกที ชานยอลหัวเราะเล็กน้อยให้กับคนตัวเล็ก

    “ท่าทางจะอร่อยมากนะ” ชานยอลพูดแซวก่อนที่จะลองกินชาเขียวทิรามิสุของตัวเองบ้าง

    “ทิรามิสุน่าลองทำบ้างจัง” แพคฮยอนพูดเปรยๆ ขึ้นมาทำให้ชานยอลพยักหน้าก่อนที่จะแนะนำให้แพคฮยอนลองทำทิรามิสุรสชาดอื่นดูบ้าง

    “ลองทำสิ”

    “อื้อ”

    “ให้ฉันกินคนแรกนะ”

    “อ่ะ เอ่อ...ได้สิ” แพคฮยอนเผลอเกาท้ายทอยตัวเองแล้วยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เอาอีกแล้วนะประโยคที่พูดเหมือนไม่ได้ตั้งใจ แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกเขินอายได้อย่างง่ายดาย...

     

    ชานยอลก็เป็นผู้ชายอันตรายคนหนึ่งที่มักจะทำให้แพคฮยอนรู้สึกตื่นเต้นและเขินอายเสมอๆ

    ต้องพยายามทำใจให้แข็งแรงเข้าไว้สินะ...

     

    แพคฮยอนยิ้มก่อนที่จะเริ่มทำตัวไม่ถูกก่อนที่เสียงเมสเสจจะดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือของตัวเอง คนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู เขาเลื่อนนิ้วเข้าไปเปิดข้อความขึ้นอ่าน

     

    พันนาค้อตต้าอร่อยมากครับคนไข้ ขอบใจนะ ^^’

     

    แพคฮยอนเผลอยิ้มขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ว่าชานยอลกำลังมองอยู่แล้วก็ค่อยๆ พิมพ์ข้อความตอบกลับไปอย่างตั้งใจ

     

    ขอบคุณครับ ไว้จะทำให้ทานอีกเมื่อมีโอกาสนะครับ

     

    กดส่งออกไปแล้วเงยหน้าขึ้นมองชานยอลแต่ก็ต้องทำตัวไม่ถูกเมื่ออีกคนกำลังมองหน้าเขาอยู่ ชานยอลไม่ได้เอะใจอะไรมากนักกับรอยยิ้มนั้นแต่โดยคนปกติแล้วบางทีก็อยากจะรู้เรื่องของคนตรงหน้าด้วยเหมือนกัน ไม่ได้ซีเรียสหรืออะไรหรอกนะแต่การที่ได้รู้เรื่องของคนที่อยู่ตรงหน้านี้แล้วอาจจะทำให้สนิทกันมากขึ้นก็ได้ แต่จะบอกหรือไม่บอกก็เป็นอีกเรื่อง

     

    “ใครเหรอ ทำไมดูยิ้มมีความสุขจัง” ชานยอลถามออกไปโดยที่ไม่คิดอะไร จริงๆ เขามักจะชอบมองรอยยิ้มนี้อยู่แล้ว เพราะเวลาที่แพคฮยอนยิ้มทีไรก็จะเห็นเขี้ยวทั้งสองทำให้อีกคนดูน่ารักมากเวลายิ้มกว้าง

    “อ๋อ...รุ่นพี่ที่เพิ่งรู้จักกันส่งข้อความมาบอกขอบคุณเรื่องขนมน่ะ” แพคฮยอนตอบไปตามความจริงโดยที่ไม่ได้คิดอะไร

    “งั้นเหรอ นายทำอะไรไปให้รุ่นพี่น่ะ” ชานยอลเริ่มอยากรู้ซะแล้วสิ...

    “พันนาค้อตต้าน่ะ...จริงๆ ก็สุ่มทำไปให้เพราะฉันไม่รู้ว่าพี่เขาชอบอะไร”

    “สุ่มได้เก่งมากเลยนะเนี่ย” ยกนิ้วให้คนตัวเล็กแล้วยิ้มให้

    “แฮะๆ ถ้าพี่เขาไม่ชอบ...ฉันก็คงรู้สึกอายมากจริงๆ”

    “นายทำขนมอร่อยทุกอย่างอยู่แล้ว”

    “แต่ก็ต้องฝึกอีกเยอะนะ” แพคฮยอนบอกกับคนตัวสูง

    “งั้นก็ฝึกเยอะๆ เดี๋ยวฉันจะช่วยชิมเอง อย่างนี้ดีไหม?” ชานยอลเสนอตัวให้กับแพคฮยอน จนคนตัวเล็กรู้สึกว่าเขาเริ่มมีความสำคัญกับชานยอลแล้ว แค่เล็กน้อยก็ยังดี...

    “อ่ะอื้อ...ดีสิ” ยิ้มกว้างให้กับคนตรงหน้า แล้วชานยอลก็ถามต่อพลางตักทิรามิสุเข้าปาก

    “ว่าแต่เพิ่งไปรู้จักพี่เขาได้ยังไงน่ะ”

    “อ๋อ! ฉันไปวิ่งชนพี่เขาที่สวนน่ะ แต่ตัวเองดันล้มเสียเอง แฮะๆ...” คนตัวเล็กหัวเราะแก้เก้อให้ตัวเองอย่างน่ารัก

    “เอ้า ซุ่มซ่ามซะงั้น แล้วได้แผลมารึเปล่า” ชานยอลถามด้วยความเป็นห่วง แพคฮยอนส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร

    “ไม่เป็นไรหรอก แค่ถลอกนิดหน่อยน่ะ แฮะๆ...”

    “แผลหายแล้วใช่ไหม”

    “อื้ม หายแล้วล่ะ” คนตัวเล็กพยักหน้าให้เล็กๆ แล้วก้มหน้าก้มตาลงมือกินช็อกโกแลตมูสของตัวเอง

    “อร่อยจัง...อื้ม...” พึมพำกับตัวเองอย่างน่ารัก เนื้อนิ่มๆ ของช็อกโกแลตมูสสัมผัสลิ้นของแพคฮยอนแล้วค่อยๆ กระจายความหวานออกมา

    “อ้วน” ชานยอลเอ่ยแซวทำให้แพคฮยอนชะงักทันที คนตัวเล็กทำหน้าเอ๋อจนชานยอลอดที่จะหัวเราะไม่ได้

    “ฮื่อ...มะ ไม่เอานะ” แพคฮยอนยู่ปากเล็กน้อยที่ชานยอลว่าเขา แล้วก็วางช้อนของตัวเองลง

    “ล้อเล่นน่า กินต่อสิ”

    “ฮื่อ”

    “ไม่ว่าแล้ว กินเถอะ” ชานยอลเริ่มรู้สึกผิดที่ไปแซวแพคฮยอน ตอนนี้คนตัวเล็กทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ยังไงอย่างงั้น

    “ฮื่อ...” แพคฮยอนส่ายหน้าแล้วกระพริบตาปริบๆ เหมือนกับเด็กที่พยายามกลั้นใจไม่กินขนม ชานยอลก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรเล่นเลยต้องรีบง้อคนตัวเล็กที่ทำหน้ายู่อยู่ตรงหน้า

    “อ่ะๆ ไม่กินเอง เดี๋ยวฉันป้อนให้” ชานยอลขยับตัวเข้ามาเล็กน้อยแล้วใช้ช้อนที่วางอยู่บนจานของแพคฮยอนนั้นตักช็อกโกแลตมูสขึ้นมาคำเล็กๆ แล้วเลื่อนไปตรงหน้าแพคฮยอน

    “อ้าปากเร็ว”

    “ฮื่อ...” คนตัวเล็กเบะปากทำท่าจะร้องไห้ แล้วชานยอลก็พยายามกลั้นยิ้มแบบสุดความสามารถ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเมื่อได้อยู่ใกล้ผู้ชายตัวเล็กๆ อย่างแพคฮยอนนี้แล้วจะทำให้เขารู้สึกกลายเป็นคนยิ้มง่ายตั้งแต่เมื่อไหร่

     

    แพคฮยอนได้แต่บอกตัวเองในใจว่า...

    ชานยอล นายบ้าไปแล้วแน่ๆ บ้าไปแล้ว

     

    (;____;) <- - หน้าแพคฮยอน

    “อ้าปากเร็ว” ยังคงคะคั้นคะยอ แต่อีกคนเริ่มทำหน้าจะร้องไห้มะรอมมะล่ออยู่แล้ว

    (T [] T) ฮื่อ...ชานยอลอ่า มะ ไม่ต้องก็ได้...เดี๋ยวฉันกินเองนะ” แพคฮยอนพูดเสียงเบาส่วนชานยอลส่ายหน้าไปมาเพราะเขาไม่เชื่อหรอกว่าแพคฮยอนจะหายโกรธเขาแล้ว

    “ไม่เอา อ้าปากก่อน ขอป้อนหนึ่งคำ”

    “ฮื่อ...”

    “คนมองแล้วนะ อ้าปากเร็ว” ชานยอลหันไปมองคนรอบๆ ร้าน มีหลายคนหันมาอมยิ้มให้พวกเขาแล้วซุบซิบกัน แพคฮยอนทำหน้าเลิกลั่กก่อนที่จะรีบอ้าปากแล้วงับช้อนที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว

    “ฮื่อ..งั่มๆ..” คนตัวเล็กทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ให้พร้อมๆ กับเคี้ยวช็อกโกแลตมูสตุ้ยๆ

     

    แดงไปหมด ...หน้าแดงไปหมดแล้ว...

     

    แพคฮยอนเสหน้ามองไปอีกทาง เขารู้สึกร้อนไปทั้งหน้าและใบหู ความเย็นภายในร้านก็ไม่สามารถช่วยให้อาการของเขาดีขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว ดีแค่ไหนแล้วที่เหงื่อไม่ออกจนอาจทำให้เขาขายหน้า แต่ตอนนี้มือทั้งสองข้างก็ชื้นไปเรียบร้อยแล้วล่ะ...

     

    “ไม่โกรธแล้วนะ”

    “เปล่านะ...ฉันไม่ได้โกรธ” แพคฮยอนส่ายหน้ารัวแล้วก็ก้มหน้าลงเหมือนเดิม เพราะเขายังไม่พร้อมที่จะสบตากับชานยอล

    “โอเค ดีแล้วที่ไม่โกรธ...ขอโทษนะ แค่แซวเล่นเฉยๆ” ชานยอลทำหน้ายู่เล็กน้อยแล้วพยายามขอโทษแพคฮยอนอีกครั้ง จริงๆ เขาก็แค่อยากแหย่คนตรงหน้านี่เล่นก็เท่านั้นเอง

    “ไม่เป็นไร” ยิ้มให้คนตรงหน้าเหมือนอย่างเคยเพื่อบอกว่าไม่เป็นอะไรจริงๆ

    “ดีจังที่ไม่โกรธ” ชานยอลพยักหน้าแล้วลงมือกินทิรามิสุต่อไป

     

    เขารู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากที่คนตัวเล็กไม่โกรธเขาเลย ความรู้สึกพอใจนิดๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น ชานยอลไม่เคยเจอคนที่เข้าใจอะไรง่ายแบบนี้มาก่อน ถึงแม้จะพูดไม่มาก หรือไม่ต้องอธิบายให้มากความก็สามารถเข้าใจได้

     

    ก็ดีนะ...เจอคนที่เข้าใจกัน

     

     

    ...

     

     

    “ครับพี่คริส...อ๋อ ครับ...” แพคฮยอนกำลังคุยโทรศัพท์กับคริสในระหว่างที่กำลังเข้าครัวของคณะตัวเองอยู่ คาบนี้เป็นภาคปฏิบัติทำอาหารแล้วคนตัวเล็กก็สวมผ้ากันเปื้อนสีเหลืองอ่อนๆ ไม่มีลาย แต่มันดูเข้ากับเขาได้อย่างน่ารักมากจริงๆ

    (“พี่อยากกินของหวาน”) น้ำเสียงของคริสนั้นดูเหนื่อยล้าเล็กน้อยจากการเข้าวอร์ด แต่เขาก็มักจะโทรเข้ามาคุยกับแพคฮยอนเสมอๆ และคอยเสนอเมนูขนมหวานให้กับแพคฮยอนอีกด้วย

    “วันนี้ผมเรียนทำโดนัทพอดี ไว้ทำเสร็จแล้วจะแบ่งเอาไปให้พี่คริสนะครับ” แพคฮยอนบอกในขณะที่กำลังเตรียมวัตถุดิบในการทำโดนัท

    (“โอเค พี่เข้าวอร์ดถึงเย็นเลย เดี๋ยวจะรอที่ตึกนะ”)

    “ครับผม ถ้าหิวมากก็หาอะไรรองท้องไปก่อนนะครับ”

    (“ได้ครับๆ”)

    “ครับ งั้นผมขอทำโดนัทก่อนนะ” คนตัวเล็กขออนุญาตวางสายจากคริส

    (“ครับ แล้วเจอกัน”)

    “สวัสดีครับ” แพคฮยอนกดวางสายแล้วเก็บโทรศัพท์มือเข้ากระเป๋ากางเกง คยองซูที่ยืนเตรียมของอยู่ข้างๆ เอ่ยแซวเล็กน้อยตามประสา

    “แหมๆ เที่ยงก็มีเดือนมหาลัยโทรหา พอบ่ายคุณหมอสุดหล่อก็โทรมา ฮอตจริงๆ เลยเพื่อนฉัน” เอาไหล่แซะเล็กน้อยแล้วยิ้มให้ ส่วนแพคฮยอนก็ก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วปฏิเสธไป

    “โธ่ คยองซู มันไม่มีอะไรสักหน่อย พี่เขาก็แค่โทรมาคุยเล่นๆ เพราะเข้าวอร์ดเหนื่อยไง”

    “เอ๊าะเหรอ...”

    “อื้อ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับพี่เขานะ พี่เขาก็เห็นฉันเป็นน้องชาย” ทำหน้าใสซื่อ จนคยองซูไม่อยากจะถกเถียงอะไร แต่ก็ยังไม่เลิกแซว

    “แล้วเดือนคณะล่ะ ไปถึงไหนแล้ว หือ?” ทำหน้าตาเจ้าเล่ห์เล็กน้อยให้แพคฮยอนเขินเล่นๆ

    “มะ ไม่มีอะไรนี่ ทำไมถึงถามอย่างนี้ล่ะ...” พอพูดถึงชานยอลทีไรเป็นต้องรู้สึกอายทุกที แพคฮยอนพยายามหยิบของที่อยู่บนโต๊ะเพื่อแก้เก้อจากคยองซู

    “ก็เปล่า ก็แค่ถามดู อยากรู้ความคืบหน้าไม่ได้รึไง”

    “ก็ไม่มีอะไรสักหน่อย ฮื่อ...”

    “ฮื่อ” คยองซูล้อแพคฮยอน

    “คยองซูอ่า” มือเรียวตีไปที่ไหล่เพื่อนสนิทตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะหันไปทำอย่างอื่นโดยที่ไม่สนใจคยองซู

     

    เมื่อพูดถึงแพคฮยอนกับคุณหมอคริสแล้ว แพคฮยอนรู้สึกว่าตัวเองได้มีพี่ชายเพิ่มเข้ามาอีกคน และมักจะปรึกษาเวลาที่ตัวเองรู้สึกเครียด หรือคิดอะไรไม่ออก ก็จะมีคริสคอยแนะนำ และสิ่งที่เขารู้สึกมันต่างกันกับชานยอลมาก เขาไม่รู้สึกใจเต้น ไม่รู้สึกร้อนที่ใบหน้า หรือไม่รู้สึกว่าหัวใจกำลังเต้นรัวเลยแม้แต่นิดเดียว เขาสามารถคุยกับคริสได้อย่างสนิทใจโดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    พี่คริสเป็นคนใจดีและอบอุ่นในสายตาของแพคฮยอนมาก เพราะด้วยความเป็นหมอด้วยแล้ว เมื่อได้คุยก็รู้สึกสบายใจจริงๆ

     

    แต่เขามักจะตามใจคริสเสมอๆ กับเรื่องขนม เพราะเขาก็อยากให้คุณหมอที่กำลังเครียดๆ อยู่นั้นได้ทานขนมที่เขาทำ หรือแม้กระทั่งอาหารก็ตามเพื่อเพิ่มพลังในส่วนที่หายไปกับการทำงาน

     

    เขาคิดกับคริสเป็นเพียงแค่พี่ชายที่ดีคนหนึ่งเท่านั้นเอง...

     

    “พี่คริสเขาเป็นแค่พี่ชาย”

    “อ่าฮะ เชื่อ” คยองซูตอบอย่างเข้าใจจนแพคฮยอนอดที่จะแปลกใจไม่ได้

    “ทำไมเชื่อง่ายจังล่ะ”

    “ดูก็รู้แล้ว”

    “เก่งจัง”

    “นายต้องฝึกอีกเยอะ”

    “ทำไมต้องฝึกด้วยล่ะ” ถามออกไปเพราะไม่รู้จริงๆ

    “ก็จะได้ตามคนอื่นได้ทันไงล่ะ ว่าคนพวกนั้นเขากำลังคิดอะไรกันอยู่”

    “อ่า..” พยักหน้าช้าๆ อย่างพยายามที่จะเข้าใจ ส่วนคยองซูก็ส่ายหน้าเบาๆ แพคฮยอนยังไม่เข้าใจหรอก ต้องค่อยๆ เรียนรู้ต่อไปต่างหากล่ะ

     

    คลาสการทำขนมโดนัทวันนี้ผ่านไปสามชั่วโมง แพคฮยอนและคยองซูเก็บของใส่กระเป๋าและห่อถุงแพ็คโดนัทเอาไว้สองกล่อง กล่องนึ่งพี่คริส...อีกกล่อง..ให้ชานยอล...

     

    “โดนัทสองกล่อง~” ในขณะที่เดินออกมาจากคณะ คยองซูเอ่ยแซวแพคฮยอน คนตัวเล็กยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินไปยังโต๊ะม้านั่งแล้วหยิบกระดาษสีครีมออกมาก่อนที่จะจรดปากกาเขียนข้อความลงไป

     

    โดนัทไม่หวานมาก ลองทานดูนะ :) ’

     

    ใส่หน้ายิ้มลงไปในกระดาษและใส่เอาไว้ในถุงโดนัทของชานยอล

     

    “นี่...”

    “หือ?” แพคฮยอนหันไปหาคยองซูในขณะที่พวกเขากำลังจะเดินยังคณะแพทย์

    “นายจะไม่คิดจะบอกชานยอลบ้างเหรอ”

    “อ่า...ไม่หรอก” แพคฮยอนหยุดเดิน...

     

    เขารู้ดีว่าคยองซูหมายถึงอะไร การที่แอบชอบหรือปลื้มใครสักคนนั้นไม่จำเป็นต้องบอกให้รู้หรอก แค่อยู่ตรงนี้ก็พอใจแล้ว แพคฮยอนบอกกับตัวเองแบบนั้น

     

    “แล้วถ้าหมอนั่นมีคนที่ชอบแล้วล่ะ”

    “ก็...” แพคฮยอนชั่งใจคิดอยู่นานก่อนจะค่อยๆ ตอบคำถามของคยองซู

    “ให้เขาชอบกับคนที่ชอบจริงๆ ไง...”

    “แล้วนายล่ะ”

    “ฉันก็อยู่อย่างนี้ของฉันเหมือนเดิม...ก็ยังชอบอยู่เหมือนเดิม” แพคฮยอนยิ้มเล็กน้อยให้กับคยองซู เขายังไม่รู้ว่าถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ แล้วเขาจะทำใจได้ไหม แต่ถ้ามันยังไม่เกิดขึ้นก็ไม่เป็นไร เขาก็ขออยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ

    “นายนี่นะ” คยองซูส่ายหน้าเล็กน้อยให้กับความคิดของแพคฮยอน เพื่อนเขาคนนี้เกิดมาเพื่อทำให้คนอื่นมีความสุขจริงๆ...หวังว่าจะมีคนที่ทำให้แพคฮยอนมีความสุขบ้างนะ...

    “แฮะๆ ทำไมถึงถามล่ะ” เอียงคอเล็กน้อยแล้วหัวเราะออกมาอย่างไม่คิดมากอะไร

    “ก็ลองถามดู เผื่อนายอยากจะเป็นแฟนกับหมอนั่นไง”

    “อ่า...แฟน...” <- - แพคฮยอนหน้าเริ่มแดง...

    “ใช่ไง หรือว่านายไม่อยากเป็น”

    (. ////// .)<- - หน้าแดงยิ่งกว่าเดิม

    “หน้าแดงแล้ว ฉันไม่ถามต่อดีกว่า รีบไปคณะแพทย์กันเถอะ” คยองซูโบกมือปัดไปอย่างไม่สนใจก่อนที่จะเดินนำไปทางคณะแพทย์ ส่วนแพคฮยอนก็เผลอก้มหน้างุดมองที่พื้นแล้วอมยิ้มบางๆ และเดินตามหลังไป

     

    ทำไมพอได้ยินคำว่าแฟนแล้วจะต้องเขินด้วยนะ...

    เขาเองก็ไม่ได้หวังให้มันเป็นแบบนั้นสักหน่อย ไม่ได้หวังเลยจริงนะๆ...

     

    แต่มันเขินเอง ทำไงได้ล่ะ

     

     

    ใครจะไปรู้ล่ะว่าพระเจ้าอยากจะเล่นตลกกับเขาตอนไหน ถ้าพูดไม่รู้จักที่ไปสุ่มสี่สุ่มห้าอาจมีคนมาได้ยินเข้าก็ได้ แล้วทั้งคู่ก็พลาดแล้วล่ะ

     

    ร่างสูงของชานยอลที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากแพคฮยอนและคยองซูนั้นเงียบอยู่นาน

    เขาไม่น่ามาหาแพคฮยอนที่คณะเวลานี้เลย มันอาจจะทำให้แพคฮยอนลำบากใจถ้าเจ้าตัวรู้ว่าเขาได้มารู้ความลับของตัวเอง

     

    คำถามที่น่าตกใจ ส่วนคำตอบก็น่าตกใจด้วยเช่นกัน ก็รู้สึกดีนะ ที่มีคนมาชอบและทำอะไรดีๆ ให้ตัวเอง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ชอบใครหรอก...จริงๆ นะ

     

    เชื่อหรือเปล่าล่ะ?

     

     

     

     

    นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว...

    การรักษาระยะห่างแบบนี้ มันอาจจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้นก็ได้

    ...

     

     

                ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่า ทำไมผมถึงยังนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนเลย ไม่ทำอะไร... และไม่พูดอะไรเลย...ผมได้แต่เงียบ...และความคิดที่ดังกึกก้องอยู่ภายในหัวของผมก็ยังคงรบกวนสมาธิผมอยู่อย่างนั้น

                ...

    จงอินนั่งนิ่งอยู่ที่โซฟากลางห้อง...ดวงตาทั้งสองนั้นบอกไม่ได้เลยว่าเขารู้สึกยังไง ในตอนนี้รู้แค่เพียงว่าเขาแค่สับสนและไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี...เขายังทางออกไม่ได้เลยจริงๆ

                ผิดกับเซฮุน...ที่สามารถเลือกทางของตัวเองได้แล้ว

     

    “สำคัญมากรึไงถึงต้องรู้ว่าฉันไปที่ไหนมา อยากรู้มากรึไง...”

     

    “ฉันไปแม่น้ำฮันมา...นั่งแท็กซี่ไปคนเดียว...เพราะวิ่งหนีจากการที่ได้เห็นอะไรบางอย่าง และได้รู้อะไรบางอย่าง...”

     

    “การที่ฉันบังคับให้นายพาไปนู่นไปนี่มันคงจะลำบากมามาก มันคงจะเหนื่อยมาก มันคงจะรบกวนเวลาพักผ่อนของนายมาก...แต่สิ่งที่ฉันพยายามทำทุกอย่างนั้นนั่นก็เพราะ...”

     

    เขายังคงจำภาพดวงตาคู่นั้นของเซฮุนได้แม่นยำ แววตาสั่นระริกเมื่อกำลังมองมาเขาและน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้ม แต่เขาก็ไม่สามารถเลื่อนมืออันแสนหนักอึ้งนั้นไปเช็ดมันออกได้เลย...

     

    เขาทำไม่ได้...มือทั้งสองมันหนักเกินไป...

     

     

    “เพราะฉันอยากคุยกับนาย แต่นายก็ทำเป็นเมินฉันตลอด...ฉันไม่เข้าใจว่าทำไม...แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว...และก็ต้องยอมรับ...ว่าฉันไปอยู่ที่ตรงนั้นของนายไม่ได้”

     

    “มันไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของนายมันค่อยๆ เริ่มก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างหาก...เมื่อเทียบกับความรู้สึกของฉันแล้วมันเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน...”

     

    “การที่ฉันทำแบบนี้มันผิดมากใช่ไหม...การที่ฉันชอบนายมากมันผิดใช่ไหมจงอิน...”

     

     

    ประโยคสุดท้ายที่สามารถทำให้เขาจุกจนพูดไม่ออกนั้นพรั่งพรูออกมาจากริมฝีปากเล็กของเซฮุน ความรู้สึกของคนตรงหน้านั้นชัดเจนเกินไปจนเขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา

     

    เขาได้แต่นิ่งและมองน้ำตาของคนตรงหน้าให้ไหลอยู่อย่างนั้น เขาทำอะไรไม่ได้...

     

    จงอินถอนหายใจออกมาเบาๆ เขารู้สึกบอกไม่ถูก แล้วก็พูดไม่ได้ ความรู้สึกนี้มันทำให้เขาเป็นเหมือนกับคนโง่ที่ไม่รู้ว่าจะพูดประโยคอะไรออกไปดี หรือแม้จะทำอะไรต่อจากนี้

     

    เขาก็ได้แต่เงียบ...เหมือนกับเซฮุนในตอนแรก ทั้งๆ ที่เขาพยามบังคับให้อีกฝ่ายพูดแท้ๆ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นเขาเองที่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลย

     

    แล้ววันพรุ่งนี้จะเป็นยังต่อไป...

     

     

    ...

     

     

    วันใหม่แล้ว...เปลือกตาของจงอินค่อยๆ เปิดขึ้น ภาพทุกอย่างค่อยๆ โฟกัสชัดขึ้น เขาขยี้ตาเล็กน้อย แล้วมองนาฬิกาที่อยู่บนฝาผนังบอกเวลาบ่ายโมงกว่าแล้ว

     

    “บ้าชะมัด” สบถกับตัวเอง เพราะวันนี้เขามีเรียนตั้งแต่ตอนเช้าแล้วตอนนี้ก็เลยเวลาเรียนมามากเกินไปที่จะไปเรียนทัน จงอินลุกขึ้นแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างลืมตัว

     

    คนที่มีอะไรคิดอยู่ในหัวตลอดเวลามักจะเผลอถอนหายใจออกมาเพราะเรื่องนั้นมันเป็นเรื่องที่หนักใจจริงๆ

     

    ...

     

    “จงอินครับ ตื่นไปเรียนได้แล้ว ผมให้เวลาแค่ห้านาทีเท่านั้นกับการยกตัวหนักๆ ออกจากเตียงของตัวเองนะครับ อีกสิบห้านาทีคือเวลาอาบน้ำ แล้วค่อยออกไปทานข้าวที่คณะ เพราะตอนนี้มันสายมามากพอแล้ว จงอินครับ...ผมบอกให้ลุกไง” เสียงของเซฮุนที่เข้ามาปลุกจงอินให้ไปเรียนในตอนเช้านั้นดังขึ้นพร้อมๆ กับเขย่าร่างให้อีกฝ่ายลุกขึ้นตื่น

    “อือๆ”

    “ไม่ต้องอือแล้วครับ ลุกเดี๋ยวนี้ ผมจะไม่รอนะ”

    “อือๆ ลุกๆ...” ถึงแม้จะบอกกับเซฮุนอย่างนั้นแต่จงอินก็ไม่ลืมตาขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว

    “นับหนึ่งครับ...” น้ำเสียงดูแข็งๆ เล็กน้อย เมื่อเซฮุนเริ่มนับเลขเมื่อไหร่แล้ว เป็นการบอกสัญญาณว่าเขากำลังจะต้องเจ็บตัวอย่างแน่นอน

    “โอเค ตื่นแล้ว” พูดเสียงดังแล้วลุกพรวดขึ้นนั่งบนเตียงทันที เซฮุนพยักหน้า แล้วเดินออกจากห้องของจงอินไปเพื่อรออีกคนอาบน้ำแต่งตัว

     

     

    ไม่มีแล้วสินะ...

    น้ำเสียงที่ดูหงุดหงิดเล็กๆ ที่จะมาปลุกให้เขาไปเรียนเสมอๆ ไม่ว่าจะมีเรียนเช้าแค่ไหน หรือสายแค่ไหน เซฮุนก็จะเข้ามาปลุกเขาตลอด แต่วันนี้มันไม่ใช่แล้ว...

     

    ไม่มีเสียงนั้นเข้ามาปลุกเขาแล้ว แม้แต่เสียงไล่เขาไปนอนในห้องก็ยังหายไปแล้ว

     

    จงอินหลุบตาลงต่ำก่อนที่จะหันไปมองบานประตูสีขาวของห้องเซฮุนที่อยู่อีกฝั่ง เขายาวเดินไปที่หน้าห้องอย่างช้าๆ เขาชั่งใจอยู่นานก่อนที่จะตัดใจสินใจเปิดประตูห้องเซฮุน เพราะคิดว่าอีกคนอาจจะยังไม่ไปเรียนก็ได้

     

    บางทีเขาก็ควรจะพูดอะไรบ้างสินะ...

     

    เมื่อบานประตูห้องถูกเปิดออกอย่างช้าๆ ภาพที่ได้พบก็มีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีเซฮุนอยู่ในห้อง...

    และทุกอย่างในห้องก็เปลี่ยนไป...

     

    ของส่วนตัวเซฮุนถูกจัดเป็นระเบียบนั้นวางกองอยู่ด้วยกัน มันแปลกก็ตรงนี้มีกล่องใหญ่หลายใบวางรวมอยู่ด้วย...มันเหมือนกับกำลังจะย้ายของๆ นี้ไปที่ไหนสักแห่ง

     

    ย้ายของ?

     

    จงอินรู้สึกจุกอยู่ที่ลำคอ แม้จะพูดไม่ได้แต่ก็ย่อมรู้ดีว่า เจ้าของห้องๆ นี้นั้นกำลังจะย้ายออกไป ต่อให้อีกคนไม่พูด เขาก็ย่อมรู้แล้วว่าเซฮุนคงไม่ทนอยู่กับเขาต่อไปอีกแล้ว

     

    เขาค่อยๆ ปิดประตูนั้นลงอย่างเบามือ ทำไมเขาทำอะไรไม่ได้เลย ทำไม..

    ทำไมถึงกลายเป็นขี้ขลาดอย่างนี้ ทำไมเขาถึงไม่ยอมพูดอะไรเลย แบบนี้ก็ดีแล้วใช่ไหมเงียบจนติดเป็นนิสัย เงียบจนทำให้อีกคนเสียใจ...

     

    เขามันคนขี้ขลาด...

     

     

    ...

     

    เซฮุนเดินอยู่ข้างชานยอลอย่างเงียบๆ ร่างผอมบางนั้นดูไร้เรียวแรงบวกกับขอบตาทั้งสองดูคล้ำและบวมช้ำทำให้ดูเหมือนคนป่วย รอยยิ้มที่ฝืนแล้วฝืนอีกกับคำถามของชานยอล เขายังไม่พร้อมที่จะพูดอะไรในตอนนี้จริงๆ แต่ชานยอลก็รู้ดีว่าทั้งคู่คงต้องทะเลาะกันมารุนแรงพอสมควรถึงทำให้เซฮุนดูโทรมไปซะขนาดนี้

     

    “ไหวไหม รีบกลับห้องเถอะ” ชานยอลตบปุๆ ไปที่ไหล่บางของเซฮุน แต่อีกฝ่ายส่ายหน้าช้าๆ

    “ผม...ไม่อยากเจอจงอิน”

    “แล้วแกจะไปอยู่ไหน”

    “ที่ไหนก็ได้...”

    “เฮ้อ...ทำไมพวกแกต้องทะเลาะกันบ่อยขนาดนี้นะ”

    “ผม...ขอโทษ” เซฮุนก้มหน้าลงและหยุดเดิน เขาขอโทษชานยอลที่มักจะทำตัวงี่เง่าและทำให้ชานยอลนั้นหนักใจ จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้อยากทะเลาะกันจงอินเลยสักนิดเดียว

     

    เขาอยากจะพูดคุยกับจงอินดีๆ เหมือนกับคนปกติทั่วไป ไม่มีการทะเลาะกัน ไม่มีปากเสียง ไม่มีปัญหาอะไร เขาอยากให้มันเป็นแบบนี้บ้าง...

     

    ก็แค่นั้น...

     

    “ไม่ต้องขอโทษหรอก ฉันก็บ่นไปอย่างนั้นแหละ แกก็ไปห้องฉันก่อนก็ได้” ชานยอลโบกมือไปมาแล้วลากเซฮุนไปที่รถให้กลับคอนโดด้วยกัน

    “ชานยอลครับ..ผมเก็บของเอาไว้แล้ว ผมจะย้ายห้อง...”

    “ห๊ะ...นี่ทะเลาะกันจนถึงกับต้องย้ายห้องเลยเหรอ” ชานยอลทำน้ำเสียงอย่างไม่น่าเชื่อ สงสัยการทะเลาะครั้งนี้คงจะรุนแรงมากจริงๆ

    “คิดดีแล้วเหรอ”

    “ครับ” พยักหน้าให้อย่างมั่นใจ ส่วนชานยอลก็ยังคงแปลกใจอยู่มาก และตอนนี้เขาก็อยากรู้เรื่องทั้งหมดจากเซฮุนซะแล้วล่ะ

    “บอกฉันได้ไหมว่าทะเลาะเรื่องะไร”

    “ผมแค่เบื่อ” เซฮุนปฏิเสธและเลือกที่จะตอบอย่างอื่นแทน เขาไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่และขออยู่เงียบๆ อย่างนี้จะดีกว่า เขาคิดดีแล้วกับการที่จะต้องรักษาระยะห่างระหว่างตัวเขาเองกับจงอิน...

     

    เขาจะไปเอง แบบนี้ถึงจะสบายใจกว่า...

     

    “แน่เหรอว่าแค่เบื่อ” ชานยอลไม่แน่ใจ เป็นเพื่อนกันมาหลายปีเหตุผลแค่นี้มันไม่พอที่จะเชื่อได้หรอก

    “ครับ”

    “บอกฉันบ้างก็ดีนะ ถ้ายังเห็นฉันยังเป็นเพื่อนอยู่ แกไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อยเซฮุน”

    “ผมขอโทษ...แต่ผมยังไม่พร้อมจริงๆ”

    “ถ้าพร้อมก็ค่อยบอก”

    “คงจะมีวันที่ผมพร้อม...”

    “อืม...กลับกันเถอะ” ชานยอลไม่คะยั้นคะยออะไรอีกแล้วปล่อยให้เซฮุนได้คิดทบทวนอยู่กับตัวเองจะดีกว่า ถ้าคนมันอยากหาที่ระบายหรือปรึกษาอะไรจริงๆ เขาก็พร้อมที่จะรับฟังและช่วยแก้ปัญหานั้นอย่างเต็มที่

     

    ชานยอลและเซฮุนขับรถขับไปที่คอนโดพร้อมกัน นานๆ ครั้งที่เซฮุนจะขับรถเองเพราะโดยปกติแล้วจงอินจะเป็นคนขับให้อยู่ตลอด ซึ่งตอนนี้ก็ได้เวลาพึ่งตัวเองแล้ว...

     

    ดวงตาคล้ำดูมีแววนั้นจ้องมองไปที่ทางข้างหน้าอย่างตั้งใจ เขากำลังคิดทบทวนอะไรบางอย่างอยู่ในหัว สิ่งที่เขาพูดออกไปทั้งหมดนั้นส่งผลกระทบกับตัวเองอย่างหนัก

     

    เสียใจ...แต่ขอครั้งนี้ครั้งสุดท้าย...

    เซฮุนได้แต่บอกกับตัวเอง...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    คุยจ้าคุยยย

    หายไปนาน หลายวันเลย เป็นอาทิตย์ งานเยอะมากอ่ะ ตอนนี้ก็ยังเคลียร์ไม่เสร็จ แต่ขอมาปั่นฟิคก่อนเพราะเดี๋ยวจะไม่ทันขายวันงาน ถ้าไม่ทันนี่ชิบหายนะ 555555555555555555

    ไม่รู้จูดอะไรนะ แต่บอกได้คำเดียวว่างานเยอะสัดหมา 5555555555555

     

    เจอกันในทวิตจ้า อิอิ

    ใครจะสั่งก็สั่งได้เลยนะฟิคเรื่องนี้ ยังเปิดให้สั่งกันถึงวันที่ 20 ม.ค.นี้เลย

    สั่งแล้วรอเลขออเดอร์แล้วโอนเงินได้เลยแจ้...

    วันที่ 26 เจอกันงานฟิค ไปซื้อที่นู่นได้ เอาไปขายสองเรื่อง แคลลอรี่เลิฟ กับอินยัวร์ฮาร์ทนะแจ๊ะ

    บูธที่ F6 พี่แม็กของน้องฮุน / ไปซื้อเลย มีของหลายอย่าง เข็มกลัดก็มี วาดเองทำเอง โปสการ์ดก็มี วาดเองทำเอง ไม่ซ้ำใคร ซ้ำให้เตะ เสื้อยืดวาดเองทำเอง ไม่ซ้ำ ซ้ำไม่ยินดีคืนเงิน (?)

    55555555555555 ตลกแดกอีกแล้ว

    เจอกันวันงาน จุ้บบิ > ///// <

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×