ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] EXO CHAN x BAEK ,(CHANBAEK) - Calories Love .

    ลำดับตอนที่ #13 : ♡ Calories Love Chapter : 1000 kcal.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.98K
      27
      5 ม.ค. 56

    Calories Love

    Pairing : CHANYEOL & BAEKHYUN (CHANBAEK)

    Chapter : 1000 kcal.

     

     

     

     

    ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ...ว่าทำไม

    ผมถึงได้แต่มองเขาอยู่อย่างนั้น...ไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีจุดหมายอะไรเลย

    ทั้งๆ ที่ผม...

    ...

     

     

                ร่างสูงของจงอินเดินเรื่อยเปื่อยอยู่ที่ห้างใกล้คอนโดกับเซฮุน ร่างผอมๆ ของอีกคนเดินเลือกดูเสื้อผ้าอยู่เงียบๆ แล้วดวงตาเล็กๆ ก็มองไปอีกทาง...ระยะห่างที่พวกเขาเดินอยู่นั้นห่างกันจนเซฮุนรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเบื่อ...

               

    จงอินที่เดินขยี้ตาอยู่อีกทางนั้นเริ่มเกิดอาการง่วงเหมือนอย่างเคย เขาถูกเซฮุนบังคับให้ออกมาเลือกเสื้อผ้าตัวใหม่ แต่ตอนนี้เขากำลังง่วง และรู้สึกเบื่อมาก...

     

    “จงอินว่าตัวนี้ดีไหม?” ถามออกไปในขณะที่อีกคนจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่

    “...” เสียงของเซฮุนที่อยู่ในระยะไกลเกินไปคงส่งไปไม่ถึง เขาเลยถามจงอินไปอีกครั้ง

    “จงอิน...จงอิน!

    “เออ ว่าไง” เมื่อเซฮุนเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น อีกฝ่ายก็หันมามองแล้วถามด้วยใบหน้าที่ดูเนือยๆ

    “ผมถามว่าเสื้อตัวนี้ดีไหมครับ” เซฮุนพูดอีกครั้ง แต่ใบหน้าก็เริ่มเบื่อหน่ายแล้วเหมือนกัน จงอินพิจารณาเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีเทาดำอยู่สักพักแล้วก็ส่ายหน้าไปมา

    “ไม่อ่ะ”

    “งั้นเหรอครับ แล้วตัวนี้ล่ะ” เซฮุนวางตัวเดิมลงแล้วหยิบเสื้ออีกตัวขึ้นมา เป็นเสื้อเชิ้ตสีพื้นฟ้าเทาอ่อน จงอินมองอยู่นานก่อนที่ส่ายหน้าอีกครั้ง เซฮุนรู้สึกอารมณ์เสียเมื่ออีกคนเอาแต่ส่ายหน้า

    “นี่ก็ไม่ดี โน่นก็ไม่ดี บางทีก็ช่วยออกความเห็นบางสิครับ”

    “ก็บอกไปแล้วไงว่ามันไม่ดี ไม่พอรึยังไง...ใกล้เสร็จรึยัง ฉันง่วงแล้ว” บอกปัดแล้วเดินไปอีกทาง เซฮุนวางเสื้อเชิ้ตทั้งสองตัวนั้นลงก่อนที่จะเดินกระแทกเท้าไปหาจงอินอย่างหงุดหงิด

    “แล้วจะง่วงอะไรนักหนา พอเวลานอนไม่ยอมนอน ทำไมถึงเป็นแบบนี้ครับจงอิน” ใบหน้าของเซฮุนตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จงอินก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดแล้วเหมือนกัน

    “ก่อนออกมาฉันบอกแล้วไงว่าง่วง ยังจะบังคับให้พาออกมาอีก...นี่ก็พามาแล้วจะเอาอะไรอีก” จงอินพูดออกไปอย่างหัวเสีย คิ้วทั้งสองก็เริ่มขมวดและหันหน้าหนีไปอีกทาง เซฮุนสะอึก...

    “โอเคครับ งั้นจงอินก็กลับไปนอนเถอะ  ผมจะอยู่นี่” เซฮุนบอกไปด้วยเสียงนิ่งๆ จงอินหันหน้ากลับมามองอีกฝ่ายแต่ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อเซฮุนก็เดินหนีไปเสียแล้ว

     

    ร่างผอมๆ ของเซฮุนก้าวเท้าเดินหนีออกมาอย่างรวดเร็ว เขาคงจะเป็นคนผิดเองนั่นแหละ ทั้งๆ ที่รู้ว่าจงอินไม่ชอบให้ใครมาบังคับแท้ๆ แต่เขาก็ยังดึงดันให้จงอินให้พาออกมา

     

    ผิด...กลายเป็นคนผิดเสมอมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...

     

    เซฮุนรู้สึกน้อยใจ แต่ก็ไม่รู้จะบอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้อย่างไรดี เขาไม่เข้าใจในอารมณ์ที่แปรปรวนของจงอินเลยสักครั้ง บางทีเขาก็ทำตัวไม่ถูกเมื่อเริ่มรู้สึกว่าอีกฝ่ายพูดกับเขาน้อยลง และเริ่มเบื่อเขามากขึ้น

     

    ขาวยาวก้าวฉับให้ไกลจากจงอินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาเลี่ยงออกมาเพราะกลัวจะระเบิดอารมณ์โมโหใส่ เพราะยิ่งถ้าพูดกันก็ยิ่งรังแต่ทะเลาะหนักขึ้น สู้เดินหนีออกมาอย่างนี้มันอาจจะช่วยให้ดีขึ้นก็ได้

     

    “เฮ้อ...” เซฮุนเดินช้าลงแล้วถอนหายใจออกมา เขารู้สึกเหนื่อยอีกครั้ง

    “ผมก็แค่...อยากให้จงอินเลือกเสื้อสักตัวเป็นของขวัญ...เพราะใกล้จะถึงวันเกิดตัวเองแล้วไม่ใช่รึไง ทำไมไม่สนใจอะไรเลย...ทำไม...” พูดด้วยเสียงเบาหวิวแล้วเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ว่าเขาควรจะเลือกของต่อไปหรือเขาควรจะทำอะไรดี...

     

    เซฮุนไม่รู้เลย...ไม่รู้จะทำยังไงดี...

     

    ...

     

    จงอินที่มองแผ่นหลังบางๆ นั้นเดินออกไปไกล เขากำลังจะร้องเรียกให้เซฮุนให้กลับมา แต่ปากของเขามันหนักเกินไป จงอินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วหมุนตัวกลับเดินออกไปทันที บางทีเรื่องเล็กๆ แบบนี้ก็ไม่ควรที่จะทะเลาะกัน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงกลายเป็นคนขี้หงุดหงิดด้วยเรื่องเล็กๆ แบบนี้ด้วย เขารู้ดีว่าเซฮุนนิสัยเป็นอย่างไร แต่ทำไมเขาถึงทำให้เซฮุนไม่พอใจอยู่เรื่อย เป็นเพราะอะไรกัน

     

    “เฮ้อ...โอ๊ะ!” จงอินที่ก้มหน้าแล้วเหม่อมองเท้าตัวเองในขณะเดินอยู่นั้นต้องร้องออกมาเบาๆ เมื่อไปเดินชนใครอีกคนเข้า

    “ขอโทษครับ” บอกออกไปก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมอง แล้วดวงตาของจงอินก็ค่อยๆ เบิกกว้างออกอย่างช้าๆ

    “นาย...”

    “อ้าว นายนี่เอง เพื่อนของชานยอลใช่ไหม” อีกคนที่มีใบหน้าที่สดใสอยู่ตลอดเวลา ดวงตากลมโตที่เขาเคยแอบมองที่ซูเปอร์เมื่อนานมาแล้วปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาในระยะใกล้อย่างน่าตกใจ

    “อืม ใช่...” เขาตอบออกไปด้วยเสียงเรียบๆ บางทีเขาก็ทำตัวไม่ถูก ก็ได้แต่ทำตัวนิ่งๆ เหมือนอย่างเคยแต่คนตรงหน้านี้สามารถชวนเขาคุยได้อย่างไม่รู้สึกเกร็งอะไรทั้งสิ้น

    “นายมาทำอะไรเหรอ ทำไมมาคนเดียวล่ะ” เอ่ยถามแล้วมองไปทางด้านหลังเผื่อจะมีใครเดินตามหลังมาด้วยหรือเปล่าแต่ก็พบว่าไม่มี

    “ก็มาเดินเล่นน่ะ นายล่ะ”

    “อ๋อ ฉันมาเดินดูของขวัญให้น้องชายน่ะ เดินเลือกตั้งนานแล้วยังไม่มีอันไหนถูกใจเลย”

    “งั้นเหรอ”

    “แต่ว่าอีกเดี๋ยวก็จะกลับแล้วล่ะ” คยองซูบอกกับจงอินเมื่อเขามองดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง

    “แล้วไม่ซื้อของแล้วเหรอ?”

    “สงสัยจะไม่ได้แล้วล่ะ วันหลังค่อยไปหาซื้อที่ใหม่” เขาทำหน้าเสียดายเล็กน้อย

    “เดินดูของทั่วรึยังน่ะ”

    “ยังหรอก แต่ฉันขี้เกียจเดินแล้วน่ะ” คยองซูบ่นแล้วทำหน้าดูเบื่อๆ เวลามาเลือกซื้อของให้เด็กๆ ทีไรก็นึกออกอย่างเดียวก็คือตุ๊กตาหมีขนปุยๆ ครั้งที่แล้วเขาก็ซื้อตุ๊กหมีไปแล้วเสียด้วย ลูกชายของคุณป้าก็คงจะเบื่อแล้วล่ะมั้ง...

    “ฉันเดินเป็นเพื่อนไหม...พอดีกำลังเบื่อๆ น่ะ...บางทีอาจจะช่วยเลือกได้ก็ได้” เขาบอกออกไปด้วยเสียงเรียบๆ เหมือนอย่างเคย แล้วใบหน้าของคยองซูก็เปลี่ยนไปในทันที เหมือนกับเริ่มมีความหวังที่มีอีกคนอาสาที่จะช่วยเขา

    “ดีเลย ตอนนี้ฉันนึกออกแต่ตุ๊กตาหมีน่ะ” บอกกับจงอินแล้วยิ้มตลกๆ ไปให้เรียกเอารอยยิ้มจากจงอินโดยไม่ได้ตั้งใจ

     

    ใบหน้าที่สดใสนี้ทำไมถึงดูมีหลากหลายอารมณ์นักนะ บางทีเขาก็ตามไม่ทัน...

     

    “งั้น...ไปเลือกของกันเลยไหม” คยองซูถามจงอิน แล้วทั้งคู่ก็เริ่มออกเดิน

     

    ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงปฏิเสธคนๆ ตรงหน้านี้ไม่ได้ จงอินไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ เป็นเพราะอะไรทำไม

               

                ทั้งคู่เดินไปโซนของที่ดูเหมาะกับเด็กและนักสะสมอย่างเช่นพวกหุ่นโมเดลการ์ดตูนดัง คยองซูอดที่จะทำหน้าตื่นเต้นไม่ได้เพราะเขาจะมักเดินผ่านโซนพวกนี้โดยที่ไม่ค่อยสนใจเลย จงอินแนะนำให้เขาเลือกพวกหุ่นโมเดลพวกนี้ดูเพราะเด็กผู้ชายที่ยังไม่โตมากอาจจะชอบก็ได้

     

                “วาว...เลือกไม่ถูกเลยจริงๆ” ทำตาโตก่อนที่จะเดินดูโมเดลเล็กใหญ่ตามตู้กระจกอย่างสนใจ

                “แล้วรู้ไหมว่าน้องเขาชอบอะไร” จงอินถามออกไป เผื่อจะได้ช่วยเลือกได้อีกแรง

    “อืม...อ้อ วันพีซน่ะ!

    “งั้นเหรอ อย่างนี้ค่อยเลือกง่ายหน่อย งั้นมานี่...” จงอินบอกแล้วจูงข้อมือเล็กๆ ของคยองซูให้เดินตามเหมือนกับเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เขาเดินไปทางที่มีโมเดลเรื่องวันพีซตั้งโชว์อยู่มากมาย

    “ฉันอยากได้ตุ๊กตาช็อปเปอร์มากอดมั่งจัง” พูดกับตัวเองแล้วเดินมองโมเดล จงอินที่เดินตามอยู่เงียบๆ นั้นหลุดยิ้มออกมาให้กับความเหมือนเด็กของคยองซู

    “ไม่มีแบบตุ๊กตานิ่มๆ บ้างเหรอ” หันไปถามกับจงอิน อีกฝ่ายยักไหล่อย่างไม่รู้แต่ก็ช่วยออกความเห็นให้ลองเดินดูไปเรื่อยๆ ก่อนถ้ายังไม่มีอันไหนถูกใจก็ค่อยเปลี่ยนร้าน

    “ฉันอยากได้เองอ่ะ แฮะๆ...” ทำเสียงหัวเราะในลำคอแล้วหันไปมองหน้าจงอินอย่างอายๆ เล็กน้อยเพราะว่าตัวเองก็โตแล้วไม่ควรจะพูดเรื่องตุ๊กตาให้อีกฝ่ายขำเล่น

    “ชอบกอดตุ๊กตาเหรอ”

    “เอ๋?” อีกฝ่ายทำหน้างงแล้วเอียงคอเล็กน้อยเมื่อจงอินทายถูกว่าเขาชอบกอดตุ๊กตา

    “เปล่า...ก็แค่ถามดู”

    “อืม ใช่แล้ว ต้องตัวใหญ่ๆ นะเวลากอดแล้วจะได้เต็มมือ นอนหลับสบายเลยล่ะ” พูดแล้วก็ทำท่ากอดให้จงอินดูอย่างน่ารัก คยองซูเหมือนกับเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งในสายตาของจงอิน บางทีการได้มองใบหน้าที่สดใสของคนตรงหน้าก็สามารถทำให้เขาลืมอะไรที่รู้สึกไม่ดีไปได้

    “เอ...เอาตัวไหนดีนะ...” ใช้นิ้วชี้แตะที่ปากตัวเองอย่างใช่ความคิดแล้วมองโมเดลไปเรื่อยๆ โดยมีจงอินคอยมองตามอยู่ด้านหลัง...

     

    และด้านหลังของจงอินมีร่างผอมๆ ของเซฮุนมองอยู่เงียบๆ...เขาแค่มองแผ่นหลังปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นจงอิน เซฮุนชะงักเท้าทันทีแล้วหยุดมอง ดวงตาที่เศร้าๆ ของเขาเองที่พยายามปิดกั้นความรู้สึกที่มีอยู่ตลอดสี่ปีที่ผ่านมานั้นค่อยๆ รั่วซึม...

     

    เซฮุนหลุบตาลงต่ำ...

     

    นี่เหรอที่บอกอยากจะกลับ...

    นี่เหรอที่บอกว่าง่วงมากมายจนมาพาลอารมณ์เสียใส่เขา...

     

    นี่เองเหรอ...จงอิน...

     

    “ผมคงมีความอดทนไม่พอจริงๆ ครับ...ตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมามันนานเกินไปสำหรับผม...มันนานเกินไปจริงๆ...” เซฮุนพูดกับตัวเองด้วยเสียงที่บางเบา...

     

    เขาไม่คิดเลยว่าจะมาพบกับจงอินกับเพื่อนของแพคฮยอน นั่นก็คือคยองซูในเวลานี้ เวลาที่เขาเพิ่งจะทะเลาะกัน...เขายืนมองทั้งสองอยู่นาน...

     

    นานจนเห็นรอยยิ้มประดับที่ใบหน้าของจงอิน มันเป็นรอยยิ้มสมัยเมื่อเขากับจงอินยังอยู่ด้วยกันและเป็นรอยยิ้มที่เขามักจะชอบมองมันเสมอๆ เพราะมันเป็นรอยยิ้มที่หาดูได้ยากจากใบหน้าที่มักจะดูง่วงตลอดเวลา

     

    แต่เพียงแค่ไม่นาน...รอยยิ้มที่แสนหวงนั้น คยองซูก็ได้เห็นมันอย่างง่ายดาย...

     

    “ควรพอแล้วใช่ไหม” เซฮุนถามตัวเองแล้วค่อยๆ ก้าวเท้าเดินออกจากตรงนั้นด้วยแรงอันน้อยนิด...เขาควรไปที่ไหนดี...ไปที่ไหนก็ได้ขอเพียงมีความเงียบเป็นเพื่อนก็พอแล้ว...

     

    เวลานี้เขารู้สึกว่าการอยู่เงียบๆ เพื่อทบทวนความรู้สึกที่เคยมีมานั้นให้แน่ใจเสียก่อนนั้นดีที่สุดก่อนที่จะตัดสินใจอะไรใหม่...

     

    เซฮุนเดิน...เดิน..เร็วขึ้น...จนเปลี่ยนเป็นวิ่ง..

     

    วิ่งไปข้างหน้า...ที่มีถนน...มีผู้คนที่ไม่รู้จักเดินสวนกันไปมาและค่อยๆ ชะลอฝีเท้าลง...

     

    “แฮ่ก...” เขาหยุดวิ่งแหละเดินไปไปโบกแท็กซี่หนึ่งคัน

    “ไปแม่น้ำฮันครับ”

     

    เซฮุนปิดประตูลงก่อนที่จะหลับตาลง...

     

    บางทีตอนนี้ผมอาจจะเริ่มมีจุดหมายแล้วก็ได้ครับ..ว่าผมมองจงอินทำไม...

     

    ...

     

    “เซฮุนหายไปไหน” ชานยอลถามจงอินเมื่อตอนนี้บอกเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว เขาโทรเข้าไปหาอีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับ ทั้งฝากข้อความไปก็แล้วจนไม่รู้จะติดต่อยังไงดี จงอินได้แต่ส่ายหน้าตอบกลับไปอย่างไม่รู้

     

    จริงๆ เขาก็โทรหาเซฮุนแล้ว แต่ก็ไม่ยอมรับ..เขาก็เลยเลิกโทร

     

    “ไม่รู้”

    “พวกแกทะเลาะอะไรกันอีก” ชานยอลถามด้วยเสียงเข้มๆ

    “ก็ทะเลาะเหมือนเดิม ไม่มีอะไร” จงอินตอบแบบปัดแบบขอไปที ก็เขาไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ทะเลาะก็ทะเลาะแต่เรื่องเล็กๆ เหมือนเดิมไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลง

    “มันไม่มีอะไรได้ยังไง เวลามันไปไหนก็มีแกไปด้วย แต่นี่แกไม่ได้ไปแล้วตอนนี้มันก็ดึกมาก หมอนั่นก็ยังไม่กลับ มันต้องมีเรื่องแน่ๆ” ชานยอลบอกไปตามความจริง เพราะเซฮุนไม่ชอบไปไหนมาไหนคนเดียวและมักจะขอให้จงอินตามไปด้วย แต่วันนี้มันผิดปกติ

    “ฉันโทรไปก็ไม่รับ”

    “ถ้ามันอยากรับก็คงรับเองแหละน่า”

    “พูดงี้ได้ไง เพื่อนทั้งคนนะเว้ย” ชานยอลเริ่มฉุน ที่จงอินเอาแต่เฉยเมยไม่สนใจเซฮุนเลยสักนิดเดียว

    “เออ แล้วจะให้ทำยังไง หมอนั่นไม่ยอมรับโทรศัพท์เอง จะไปตามที่ไหนถ้าไม่รอกลับมาเอง” จงอินออกความเห็นของตัวเองไป ทำเอาชานยอลไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยได้แต่ผ่อนลมหายใจให้เป็นปกติ บางทีเขาอาจจะใจร้อนเกินไปก็ได้

    “งั้นแกก็นั่งอยู่นี่แหละ ฉันจะออกไปตามเอง” พูดจบก็หมุนตัวเดินออกจากห้องทันที จงอินที่นั่งมองทีวีอยู่นั่นได้แต่ทำดวงตาว่างเปล่าอยู่อย่างนั้น...

     

    เขาควรจะออกไปตามด้วยไม่ใช่หรือไง...แต่เซฮุนงี่เง่าเกินไปจนเขาไม่อยากจะตามอีกต่อไปแล้ว

    เขาได้แต่นั่งนิ่ง รอเวลาให้อีกฝ่ายเป็นกลับมาก็เท่านั้น...

     

    ชานยอลที่เดินหนีออกมาจากห้องของจงอินด้วยอารมณ์โมโหเล็กน้อยกับความไม่เอาใจใส่ของอีกฝ่าย เขากดลิฟต์และยืนรอจนประตูลิฟต์เปิดออก ร่างผอมๆ ของเซฮุนก็เดินก้มหน้าออกมา

    “หายไปไหนมา” ชานยอลร้องทักทันที เขารู้สึกโล่งใจที่เจอเซฮุนแล้ว

    “ไปข้างนอกมาครับ” ตอบชานยอลด้วยเสียงเรียบๆ

    “ไปกับใคร ฉันโทรไปตั้งหลายสายทำไมไม่รับ นึกว่าเป็นอะไรไปซะอีก” ชานยอลบอกกับเซฮุนด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วง

    “ไปคนเดียวครับ” ชานยอลตกใจเล็กน้อยที่เซฮุนออกไปข้างนอกคนเดียว ทั้งๆ ที่ตอนแรกก็ออกไปพร้อมจงอิน แล้วทำไมถึงกลับมาคนเดียว รถตัวเองก็ไม่ได้เอาไปด้วยซ้ำ

    “ไปยังไง ไม่มีรถไม่ใช่รึไง แล้วนี่ไปไหนมา”

    “ไปแม่น้ำฮันมาครับ” ตอบเสียงเบาแล้วหลุบตาลงต่ำ ดวงตาเล็กๆ นั้นดูแดงเล็กน้อยเหมือนกับเพิ่งร้องไห้มา ชานยอลสงสัยเลยถามออกไปอีก

    “ทะเลาะกับจงอินมันอีกแล้วใช่ไหม” เซฮุนยกมือโบกบอกไม่มีอะไร แล้วก็ยิ้มแหยๆ เหมือนกับพยายามทำให้สถานการณ์มันดีขึ้น เขาต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้...

    “ไม่มีอะไรหรอกครับ เรื่องเล็กน้อยน่ะ”

    “ร้องไห้มาเหรอ” ชานยอลถามออกไป เซฮุนนิ่งเงียบแล้วก็ส่ายหน้าไปมาอย่างปฏิเสธ

    “เปล่าครับ...แม่น้ำฮันลมแรงมาก...ผมเข้าห้องก่อนนะครับ” บอกกับชานยอลแล้วรีบเดินเลี่ยงออกมากลัวว่าอีกฝ่ายจะถามออะไรไปมากกว่านี้ ชานยอลได้แต่พยักหน้าและปล่อยให้เซฮุนกลับห้องไป

     

    ก็ดีแล้วล่ะที่ไม่เป็นอะไรกลับมา...

     

    ร่างผอมบางของเซฮุนเดินไปที่หน้าห้องก่อนจะใช้คีย์การ์ดเปิดประตู เขาเดินเข้าไปในห้องโดยที่ไม่เอ่ยพูดอะไรทั้งสิ้น จงอินที่นั่งอยู่บนโซฟากลางห้องหันไปมองแล้วพูดเสียงเข้ม

     

    “หายไปไหนมา”

    “...” เซฮุนไม่ตอบ แต่กลับพยายามเดินหนีเข้าห้องตัวเองไป แต่จงอินลุกขึ้นแล้วเดินไปขวางทันที เขาไม่ชอบให้ใครมาเงียบและเมินใส่เขาแบบนี้

    “ตอบ”

    “...” เซฮุนมองใบหน้านิ่งๆ ของจงอินก่อนที่จะหันหน้าไปอีกทาง เขาพยายามกำมือของตัวเองแน่นเพื่อข่มอารมณ์เอาไว้ก่อนที่จะเดินเลี่ยงออกมา แต่จงอินก็ยังคงยืนขวางเอาไว้

    “ไปข้างนอก” ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ...นิ่ง..และไร้หางเสียงเหมือนอย่างเคย

    “ไปกับใคร” ถามออกไปอีก แล้วมองหน้าของเซฮุนที่เอาแต่หันไปอีกทางไม่ยอมหันมามองหน้าเขาเลย

    “...”

    “ทำไมไม่ตอบ” เสียงเข้มๆ เริ่มไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายเอาแต่เงียบ

    “ไปคนเดียว”

    “รู้ไหมว่ามันดึกมากแล้ว ไปไหนข้างนอกคนเดียวไม่รู้รึไงว่ามันอันตราย ใช่เรื่องไหม?” จงอินร่ายประโยคยาวใส่เซฮุนที่เอาแต่เงียบ

    “...”

    “ไม่รู้เรื่อง ทำไมต้องทำให้คนอื่นวุ่นวายคอยโทรตาม เป็นเด็กรึไง โตแล้วไม่ใช่เหรอ” จงอินยังคงพูดไม่หยุด เซฮุนพยายามกลืนก้อนอะไรบางอย่างที่มันจุกอยู่ที่ลำคอนั้นอย่างยากลำบาก

     

    นี่เขาคงผิดมากสินะ...ผิดมากเลยใช่ไหม...

     

    “พูดอะไรบ้างสิ”

    “...”

    “พูด”

    “...”

     

    เซฮุนเงียบ..เพราะเขาไม่ชอบน้ำเสียงแบบนี้เลย ไม่ชอบเลย...

     

    “ทำไมต้องให้พูดซ้ำๆ ถามก็ตอบสิ” จงอินเริ่มขึ้นเสียง เซฮุนขยับตัวเล็กน้อยแล้วค่อยๆ หันมามองหน้าจงอิน ดวงตาที่แดงก่ำจ้องมองดวงตาที่ไร้ความหมายของจงอินอยู่เงียบๆ

    “จะไปไหนแล้วมันสำคัญด้วยเหรอ” พูดออกไปแล้ว เขาเริ่มหมดความอดทนทุกอย่างแล้ว...การที่เขาไปนั่งคิดทบทวนที่แม่น้ำฮันก็ไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นเลยเมื่อมาเจอกับความรู้สึกที่กดดันแบบนี้

    “...”

     

    แล้วน้ำตาก็ค่อยๆ ไหลออกมาต่อหน้าของจงอิน

     

    “สำคัญมากรึไงถึงต้องรู้ว่าฉันไปที่ไหนมา อยากรู้มากรึไง...”

    “...”

    “ถ้าอยากรู้มาก...ก็จะบอกให้ บอกหมดทุกอย่าง” เซฮุนพูดออกมาทั้งน้ำตา แต่ไร้เสียงสะอื้นใดๆ ใช่แล้ว..เขาควรจะพูดได้แล้ว...

    “ฉันไปแม่น้ำฮันมา...นั่งแท็กซี่ไปคนเดียว...เพราะวิ่งหนีจากการที่ได้เห็นอะไรบางอย่าง และได้รู้อะไรบางอย่าง...”

    “...”

    “การที่ฉันบังคับให้นายพาไปนู่นไปนี่มันคงจะลำบากมามาก มันคงจะเหนื่อยมาก มันคงจะรบกวนเวลาพักผ่อนของนายมาก...แต่สิ่งที่ฉันพยายามทำทุกอย่างนั้นนั่นก็เพราะ...” เซฮุนสะอึกเล็กน้อย..แล้วค่อยๆ ปาดน้ำตาออกจากใบหน้านั้นอย่างลวกๆ

    “เพราะฉันอยากคุยกับนาย แต่นายก็ทำเป็นเมินฉันตลอด...ฉันไม่เข้าใจว่าทำไม...แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว...และก็ต้องยอมรับ...ว่าฉันไปอยู่ที่ตรงนั้นของนายไม่ได้”

    “...”

    “มันไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของนายมันค่อยๆ เริ่มก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างหาก...เมื่อเทียบกับความรู้สึกของฉันแล้วมันเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน...”

    “...”

     

    จงอินนิ่งเงียบ มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เขา...กำลังเจ็บปวดที่หัวใจอยู่ใช่ไหม...

     

    “การที่ฉันทำแบบนี้มันผิดมากใช่ไหม...การที่ฉันชอบนายมากมันผิดใช่ไหมจงอิน...”

    “...”

     

    เซฮุนบอกความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองออกไปแล้ว ความรู้สึกที่สะสมมันมาตลอดสี่ปีได้ถูกเปิดเผยแล้ว และเขาก็ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าเขาจะต้องบอกความจริงกับจงอิน...แค่เพียงเขาขอได้ชอบจงอินอยู่เงียบๆ ก็เพียงพอแล้วจริงไหม...

     

    แต่ตอนนี้เขาได้บอกความรู้สึกที่แท้จริงออกไป และก็จะหยุดมันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

    เขายอมหยุด..เพื่อให้จงอินเริ่มกับสิ่งที่คิดว่าใช่...

     

    “แค่นี้แหละ...พอไหม...” เมื่อเซฮุนพูดจบก็รีบเดินหนีออกมาทันที เขาไม่ควรที่จะอ่อนแอต่อหน้าจงอินนานกว่านี้ เพราะแรงทั้งหมดที่มีได้ไหลออกมาพร้อมกับน้ำตานี้แล้ว

     

    เซฮุนคิดว่าเขาเลือกถูกแล้ว...ถูกแล้วจริงๆ...

     

    เมื่อเสียงประตูห้องปิดลง...จงอินก็เดินลากเท้าอันหนักอึ้งนั้นไปที่โซฟาและทรุดตัวลงนั่งอย่างสับสน...

     

    เขากำลังสับสน...

     

    “ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...” จงอินก้มหน้าลงแล้วพึมพำ

    “แกชอบฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...”

     

     

     

     

     

     

     

    เผลอ...จนไม่รู้ตัว

    ...

     

     

                แพคฮยอนอมยิ้มให้กับข้อความที่อยู่บนจอโทรศัพท์มือถือของตัวเอง...ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นข้อความที่ยาวอะไรนัก แต่มันก็สามารถเรียกรอยยิ้มได้นานมากอยู่เหมือนกัน

     

              วันนี้ไปกินเค้กกันไหม

     

                แพคฮยอนอ่านข้อความนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วก็ค่อยๆ บรรจงพิมพ์ข้อความลงไปอย่างตั้งใจ

     

              ได้สิ...

     

                ยิ้มอยู่คนเดียวอย่างนั้นจนไม่รู้ว่าจะหันไปทางไหนดี เพราะตอนนี้มีแต่ภาพใบหน้าของชานยอลเต็มไปหมด ร่างเล็กๆ นั้นลุกขึ้นจากโซฟากลางห้องก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องครัวเพื่อดูว่าพันนาคอตต้าผลไม้ที่เขาทำขึ้นมานั้นเย็นพอที่จะลองชิมดูได้หรือยัง

     

                พันนาคอตต้าผลไม้ที่เขาเลือกมาก็จะเป็นสตรอเบอร์รี่ที่น่าจะเข้าที่สุด รสหวานอมเปรี้ยวนั้นอาจจะทำให้อีกคนนั้นชอบบ้าง จริงๆ แล้วแพคฮยอนก็ชอบทานสตรอเบอร์รี่เอามากๆ ส่วนใหญ่ผลไม้ที่เลือกมาเป็นอย่างแรกก็มักจะเป็นสตรอเบอร์รี่

     

                ครีมนิ่มๆ นั้นถูกช้อนคันเล็กตักขึ้นมา แพคฮยอนลองชิมรสชาดของพันนาคอตต้าแล้วก็พยักหน้าเล็กน้อยเมื่อรสชาดเป็นที่ลงตัวแล้ว นุ่มลิ้นด้วยครีมสดและได้กลิ่นของวานิลาอ่อนๆ

     

                เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาก่อนที่จะต่อสายไปยังอีกคน เสียงสัญญาณดังอยู่นานแล้วก็ต้องถูกตัดไป แพคฮยอนกดโทรออกไปอีกครั้งแต่แล้วก็ไม่มีคนรับ

    “สงสัยกำลังยุ่งอยู่ที่วอร์ดแน่ๆ เลย เดี๋ยวค่อยโทรไปใหม่ก็แล้วกัน” แพคฮยอนพึมพำกับตัวเองแล้วก็หยิบถ้วยพันนาคอตต้าไปกินที่ห้องนั่งเล่นเพื่อรอเวลาไปเรียนในภาคบ่าย เขานั่งดูทีวีไปปเรื่อยๆ สักพักโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

     

    “อ๋า...พี่คริสโทรมาแล้ว” พูดกับตัวเองแล้วกดรับสาย

    “สวัสดีครับ”

    (“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่านั่นใครเหรอครับ”) เสียงทุ้มๆ ที่ดูน่าฟังเสมอๆ เอ่ยถามอย่างสุภาพ

    “แพคฮยอนครับ”

    (“อ้อ แพคฮยอนเองเหรอ...โทษทีนะเมื่อกี้พี่กำลังยุ่งเลยไม่ได้รับสายน่ะ มีอะไรรึเปล่า”)

    “ไม่เป็นไรครับ ผมแค่จะโทรมาถามว่าตอนบ่ายโมงพี่ว่างไหมครับ ผมจะได้เอาของไปให้”

    (“บ่ายโมงเหรอ...อืม ไม่ว่างเลย ถ้าเป็นตอนเย็นพี่ว่างนะ แล้วนายว่างรึเปล่า”) ปลายสายถามออกไป

    “อ่า...งั้นเหรอครับ ผมมีเรียนตอนบ่ายเลยจะแวะเอาของไปให้ก่อนเข้าเรียน แต่ถ้าเป็นตอนเย็นพันนาคอตต้าอาจจะไม่อร่อยแล้วก็ได้...น่าเสียดายจัง...เอาไว้วันหลังก็ได้ครับพี่คริส” แพคฮยอนทำเสียงน่าเสียดายเล็กน้อย

    (“เอางี้...นายมาหาพี่ตอนบ่ายก็ได้ เดี่ยวพี่จะปลีกตัวออกมาแป๊บหนึ่ง อย่างนี้โอเคไหม”) คริสพยายามที่จะหาเวลาออกมาเจอกับแพคฮยอนให้ได้เพราะไม่อยากให้เสียเที่ยวเลยนัดเวลาไป

    “ก็ได้ครับ แล้วเจอกันครับ”

    (“ครับผม”)

    “สวัสดีครับ” แพคฮยอนกดวางสายก่อนที่จะมองนาฬิกา จากนั้นก็เดินไปเตรียมพันนาคอตต้าใส่ถ้วยแก้วอย่างดีแล้วแพ็คใส่กล่องไปไว้ให้คริสก่อนที่จะออกไปเรียน

     

    หวังว่าพันนาคอตต้าจะอร่อยถูกปากนะ...

     

    แพคฮยอนนั่งรถเมล์มาลงที่หน้ามหาลัยเป็นเวลาเกือบๆ บ่ายโมง แล้วเดินไปยังทางตึกของคณะแพทย์อย่างรวดเร็วเพราะกลัวจะสายไปมากกว่า ร่างเล็กๆ ก้าวฉับอย่างรวดเร็ว

     

    “โอ้ย สายแล้ว...รถไม่น่าติดเลย” บ่นอุบกับตัวเองแล้วเดินให้เร็วกว่าเดิม

     

    ไม่นานเขาก็มาถึงตึกคณะแพทย์เรียบร้อยแต่เขาไม่รู้เลยว่าข้างในตึกนั้นเป็นยังไง และต้องเดินไปที่ไหนต่อ เขาเลยล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อโทรหาคริสไม่นานปลายสายก็กดรับ

     

    “เอ่อ พี่คริสครับ...ผมถึงที่หน้าคณะพี่แล้ว แต่...ไม่รู้ว่าต้องไปที่ตึกไหนอีก” บอกไปตามความจริง คริสเลยบอกให้เขาเดินมาอีกตึกที่อยู่ด้านหลังฝั่งขวามือ แพคฮยอนถือสายคุยกับคริสระหว่างที่กำลังเดินอยู่ เขาเดินเข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั้งถึงตึกของผู้ป่วย ไม่นานเขาก็เจอกับคริสที่เดินออกมาจากห้องๆ หนึ่ง แพคฮยอนเลยกดวางสายไป ก่อนที่ร่างสูงๆ นั้นจะเดินมาหาเขา

     

    ร่างสูงโปร่งนั้นดูดีมากในชุดเสื้อกาวน์สีขาว พร้อมกับแว่นสายตากรอบใหญ่สีดำที่ไม่ได้ทำให้คนสวมนั้นดูเชยไปได้เลยแม้แต่น้อย แต่มันรับกับใบหน้าเรียวยาวได้รูปของร่างสูงเป็นอย่างมาก แพคฮยอนมองคนตรงหน้านี้อย่างชื่นชม...ไม่ว่าจะมองมุมแล้วไหนคุณหมอคนนี้ก็ดูดีมากจริงๆ

     

    “สวัสดีครับ” แพคฮยอนโค้งให้อย่างสุภาพก่อนที่จะมองคริสด้วยแววตาชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด ก็เพราะว่าดวงตาเรียวเล็กนั้นดูมีระยิบระยับจนคริสอดที่ถามไม่ได้

    “ทำไมเรามองพี่แบบนั้นล่ะ” คริสหัวเราะเล็กน้อย บางทีเขาก็รู้สึกอายนิดๆ

    “ผมเพิ่งเห็นพี่คริสสวมเสื้อกาวน์แล้วดูเหมือนคุณหมอจริงๆ เลยครับ”

    “พี่ดูดีใช่ไหมล่ะ” คริสเข้าข้างตัวเองแล้วยืดตัวเล็กน้อยให้คนตัวเล็กดู อีกฝ่ายก็พยักหน้าไปตามความจริง

    “อื้อ มากๆ เลยล่ะครับ” แพคฮยอนบอกไปตามความคิดของตัวเอง จนคริสอดที่จะหัวเราะไม่ได้กับความใสซื่อของคนตรงหน้า

    “ไม่หรอกน่า พี่ก็พูดชมตัวเองไปงั้นๆ แหละ”

    “ก็มันจริงนี่ครับ ไม่เห็นจะต้องปฏิเสธเลย...ผมก็อยาก...เอ่อ...ดูดีบ้าง” แพคฮยอนก้มหน้างุดอย่างเขินอายเมื่อเวลาเขามองคนที่ดูดีมากอย่างคริสก็อดที่จะอิจฉาไม่ได้

    “นายก็น่ารักอยู่แล้วนี่นา ไม่เห็นต้องคิดอะไรมากเลย”

    “อ่า...ครับ” รับคำแล้วยิ้มให้คนตรงหน้า ก่อนที่จะนึกได้ว่าเขาต้องเอาพันนาคอตต้าให้กับคริส

    “อ้อ มัวแต่คุยเพลิน...นี่ครับ”

    “ขอบใจนะ ในสายพี่ได้ยินไม่ได้ชัด นายทำอะไรมาให้พี่น่ะ” คริสถามออกไปอย่างอยากรู้แล้วมองไปที่กล่องอย่างสนใจ

    “พันนาคอตต้าสตรอเบอร์รี่ครับ..เอ่อ...ไม่รู้ว่าจะชอบไหมนะครับ แฮะๆ...” เกาท้ายทอยแก้เขินแล้วยิ้มเล็กๆ ให้กับคนตรงหน้า คริสพยักหน้ารับอย่างขอบคุณ

    “พี่เชื่อฝีมือนาย”

    “แฮะ...ขอบคุณครับ...อร่อยหรือไม่อร่อยยังไงก็บอกกันด้วยนะครับ...ผมจะได้เอาไปปรับปรุง”

    “อื้ม ได้สิ...แล้วนี่นายต้องรีบไปเรียนรึเปล่า ใกล้จะบ่ายโมงแล้วนะ” เมื่อคริสมองดูนาฬิกาข้อมือตัวเองก็ต้องถามแพคฮยอนออกไป

    “อ้อ ตายแล้ว...จะบ่ายโมงแล้วเหรอเนี่ย ผมต้องรีบวิ่งไปที่คณะแล้วล่ะ” ทำหน้าตกใจเล็กน้อยที่เขาเอาแต่คุยกับคริสจนทำให้ลืมเวลาไปซะได้

    “คณะพี่กับคณะของนายมันก็ไกลกันอยู่นะ...เอางี้ พี่ยังพอมีเวลา เดี๋ยวพี่ขับรถไปส่งนะ”

    “อ๋า...ไม่ต้องลำบาก...”

    “ไม่ต้องเกรงใจเลย เดี๋ยวพี่ไปส่ง โอเคนะ...ห้ามเถียงคุณหมอนะครับ” คริสยกนิ้วชี้ส่ายไปมาตรงหน้าแพคฮยอนเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้ปฏิเสธเขา แล้วร่างเล็กๆ ก็เดินตามหลังคริสต้อยๆ เหมือนกับเด็กอีกเหมือนเคย

     

    พี่หมอคริสใจดีจังเลย...

     

    คริสขับรถไปส่งแพคฮยอนถึงคณะโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน คนตัวเล็กบอกขอบคุณก่อนที่จะลงจากรถ แล้วโค้งให้ก่อนที่จะโบกให้เล็กน้อยอย่างน่ารัก ร่างสูงยิ้มแล้วโบกมือให้เช่นกัน เป็นภาพที่ใครมองแล้วช่างน่าอิจฉามากจริงๆ คุณหมอคริสที่หลายคนรู้จักเพิ่งจะมาส่งแพคฮยอนถึงคณะเชียวนะ...นั่นเป็นความใฝ่ฝันของผู้หญิงทุกคนเลยก็ว่าได้

     

    คุณหมอเจี้ยเหิง...หรือใครๆ ก็เรียกหมอคริส คณะแพทย์ศาสตร์ ภาควิชาศัลยศาสตร์ที่ดูดีเป็นอันดับหนึ่งในคณะแพทย์ศาสตร์ เขาได้เป็นเดือนมหาลัยเมื่อตอนอยู่ปีหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยรูปร่าง หน้าตา ฐานะการเรียน ครอบครัว และความสามารถทำให้เขาดูสมบูรณ์แบบมากจริงๆ

     

    “ขอบคุณสำหรับพันนาคอตต้านะครับคนไข้” คริสร้องบอกเมื่อแพคฮยอนกำลังจะเดินเข้าไปในตัวคณะ

    “อ๋า..แผลผมหายแล้วนะครับ...” แพคฮยอนทำหน้ายู่เล็กน้อยก่อนที่จะหัวเราะออกมา คริสยิ้มบางแล้วโบกมือให้หน่อยๆ ก่อนที่จะค่อยๆ ขับรถออกไป

     

    ร่างเล็กๆ รีบวิ่งเข้าไปในตัวคณะก่อนที่จะกดลิฟต์เพื่อไปยังชั้นเรียนของตัวเอง มีนักศึกษาผู้หญิงหลายคนชะเง้อคอมองอย่างอิจฉาเมื่อพวกเธอเห็นคริสขับรถเข้ามาที่คณะของตัวเอง รู้สึกตื่นเต้นนิดๆ ที่มีคนหล่ออย่างคุณหมอขับรถเข้ามาให้พวกเธอเชยชม

     

    “เธอเห็นไหม พี่หมอคริส!” เธอชี้ไปยังทางที่คริสเพิ่งจะขับรถเข้ามาเมื่อครู่อย่างตื่นเต้น

    “เห็นสิยะ ออร่ามาก ฉันแทบลมจับแหนะ...พี่หมอคริสใส่เสื้อกาวน์ โอ้ยยยย หล่อบาดใจ”

    “ฉันจะป่วยทุกวัน” เธอทำหน้าจริงจังเล็กน้อยแต่ก็เรียกเสียงหัวเราะให้เพื่อนๆ ในกลุ่มได้

    “ฉันป่วยด้วยสิยะ แค่กๆ...”

    “มาส่งแพคฮยอนด้วย รู้กันด้วยเหรอเนี่ย อิจฉาชะมัด” เพื่อนอีกคนบ่นขึ้นกรายๆ แล้วก็กรี๊ดกร๊าดคุณหมอต่อไป

    “นั่นสิ! ตอนนี้แพคฮยอนน่ารักขึ้นมากเลยนะตั้งแต่ผอมมาเนี่ย! รู้สึกมีคนเข้ามาจีบด้วยนะ”

    “จริงเหรอ วาว...ฉันก็อยากมีบ้างนะ”

    “ฉันด้วย...ไม่อยากขึ้นคานหรอกนะ” ทำหน้าสลดเล็กน้อยก่อนที่จะหาเรื่องคุยต่อไปเพื่อรอเวลาเรียนของพวกเธอ

     

    คนหล่อ...ใครๆ ก็อิจฉา...คนน่ารัก...ใครๆ ก็อิจฉา...

     

    ร่างสูงของใครอีกคนที่เพิ่งจะเดินมาทางตัวตึกคณะอุตสาหกรรมการอาหารฯ อย่างไม่ได้ตั้งใจนั้นหยุดมองร่างเล็กๆ อยู่เพียงครู่ก่อนที่เจ้าตัวนั้นจะรีบวิ่งเข้าไปในภายในตัวคณะอย่างเร่งรีบเมื่อคุยกับคุณหมอคนนั้น

     

    ชานยอลเอียงคอเล็กน้อยเมื่อเห็นแพคฮยอนยิ้มกว้างอย่างน่ารักให้กับคุณหมอที่เขาไม่รู้จัก

     

    “ใครนะ” เผลอพึมพำออกมาอย่างไม่รู้ตัว...

     

    บางทีเขาก็อาจจะเผลอตัว...มองแพคฮยอนมากเกินไปเสียแล้ว...

    เพราะความรู้สึกในตอนนี้ มันไม่ใช่ตัวเขาเลย

     

    แปลกๆ ที่รอยยิ้มนั้น ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเรียวเล็ก และรู้สึกแปลกๆ เมื่อแพคฮยอนอยู่ใกล้คนๆ นั้นโดยที่ไม่มีเขาอยู่...

     

    ตลกน่ะ...ความรู้สึกแบบนี้ น่าตลกที่สุด...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    คุยยยยยยยยยยยยยยยย!

    ใครมีพลุบ้าง ขอจุดหน่อย ปุ้งๆๆ แคลลอรี่เลิฟได้รับการตอบรับดีเกินคาด

    ดีมากๆ คนสั่งกันมาและโอนเงินกันมาเร็วมาก !

    แม็กจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง จะพยายามแต่งทุกวันแล้วก็ลงให้อ่านกันนะคะ

    พาร์ทที่เหลือมาช้าเล็กน้อย ตอนนี้ชานยอลรู้สึกแปลกๆ แล้วสิ

    เคยเป็นไหมเวลาเราเห็นคนที่เราสนิทด้วย ไปสนิทกับคนอื่นที่ไม่ใช่เราอ่ะ

    มันจะรู้สึกแปลกๆ จะหงุดหงิดก็ไม่ใช่ จะหวงก็ไม่ใช่ เพราะไม่ได้เป็นอะไรกัน

    วรั้ยยยยยยยยย เจอกันตอนหน้า โปรดมโนกันไปก่อน

     

    ปล.แม้คู่ๆ ที่ทุกคนต้องการนั้นจะมีอยู่หลายแบบ แต่ถ้าแม็กแต่งออกมาแล้วมันไม่โดน

    ก็อย่าโกรธกันนะ แม็กวางพล็อตไว้แล้ว มันต้องเป็นไปตามเรื่อง

    ฮืออออออออ

    ปลอีก. อย่าลืมโอนเงินกันนะคะ อิอิ(กำ)

     

    ฟังเพลงนี้ตอนแต่งพาร์ทจงอินกับเซฮุนโคตรได้อารมณ์

    อ่าฮือออออออออ ;///// ;

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×