ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰

    ลำดับตอนที่ #7 : กุ๊งกุ๊งที่ 5 : ขึ้นคอนโด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 46.82K
      3.66K
      4 มี.ค. 62

    5

     

     

     

     

    คุกเคยเป็นคำไกลตัวสำหรับผม

    ไม่เคยคาดฝันมาก่อนว่ามันจะสามารถเด้งกระโดดมาอยู่ใกล้ชิดผมได้ภายในคืนเดียว

     

    ผมยืนจ้องประตูคอนโดตัวเองพร้อมกับกลืนน้ำลายหนืดลงคอ ถัดไปที่หลังผมคือไอ้เด็กเนในชุดนักเรียนทับด้วยเสื้อกันหนาวบนรถผมที่ผมซื้อมาตัดรำคาญเวลาสีน้ำบ่นเรื่องผมชอบเปิดแอร์เย็นเกินไป ผมเลยตัดปัญหาพกเสื้อกันหนาวไว้บนรถแต่หลังจากนั้นสีน้ำก็ไม่เคยขึ้นมาบนรถอีกเลย

     

     

    จนกระทั่งวันนี้...

    ไม่คิดไม่ฝันว่าวันนี้มันจะถูกใช้งานด้วยเด็กมัธยมมาก่อนในชีวิต

     

    “ลุงจ้องประตูทำไมอ่ะ”

    “...”

    “มันเปิดด้วยแสกนสายตาหรอ ล้ำมาก” 

     

    ผมถอนหายใจในคำพูดคำจาที่ดูโคตรจะเด็กของมัน

     

    ...ที่ยิ่งทำให้ผมรู้สึกบาปมากขึ้นไปอีกสิบเปอร์เซ็นต์

    อะไรของมึงวะไอ้ไม้!!!

     

    แล้วใช่ครับ ผมพามันมาคอนโดส่วนตัวแทนที่จะกลับบ้านเพราะไม่อยากจะตอบคำถามร้อยแปดของสีน้ำ แถมไอ้เด็กเนก็ยังกลัวสีน้ำบอกพี่สาวมันด้วย สุดท้ายผมก็พาตัวเองกับเด็กมัธยมปลายมาหยุดอยู่หน้าห้องส่วนตัว

     


    เสี่ยเลี้ยงเด็กชัดๆ นี่ผมดูเหมือนเสี่ยเลี้ยงเด็กชัดๆ !!!!


     

    ย้อนกลับไปเมื่อตอนหน้าคลินิกที่ผมโทรหาแนนเพื่อบอกว่าเนจะมานอนกับผมเพื่อติววิชาอังกฤษ แนนดูตกใจและทำเสียงเหมือนจะไม่ให้เพราะกลัวจะมารบกวนผม  แต่พอผมพูดเรื่องคะแนนสอบที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินของเนขึ้นมาแนนก็ตกลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับขอโทษแทนเจ้าตัววุ่นวายอยู่หลายครั้ง 

     

    “ลุง นี่ง่วงแล้วอ่ะ” เสียงท้วงดังขึ้นพร้อมกับแรงกระตุกชายเสื้อเบาๆ เรียกสติผมให้กลับมา

    “เออๆ “ ผมถอนหายใจแต่ก็เปิดประตูห้องให้ ผมเดินนำเข้าห้องมาเปิดไฟพร้อมกับไอ้ตัวเล็กเดินตามหลังมาติดๆ

    “โห ห้องใหญ่อ่ะ!!

    “ถอดรองเท้า”

    “ครับ” แปลกที่หน่อยนี่ว่าง่ายขึ้นมาเลย ผมเดินนำไปเปิดไฟห้องนั่งเล่นพร้อมกับเปิดทีวีเจ้าเด็กเนก็เดินเตาะแตะตามมา ผมเดินไปหยิบน้ำมันก็ยังคงเดินตามมา

     

    เอาหละ

    เปิดโหมดกวนตีนอีกแล้วหรอ

     

    “จะเดินตามทำไม”

    “เอ้า ผมไม่รู้ทาง”

    “จะนั่งตรงไหนก็นั่ง จะกินอะไรก็กิน เดี๋ยวเสื้อผ้าฉัน... พี่... อ่า ฉันแล้วกัน เดี๋ยวฉันหาให้” ผมเกาหัวแกร่กๆ ให้กับความเลือกใช้สรรพนามไม่ถูก

    “ลุงแทนตัวเองว่าพี่ก็ได้ เนไม่แซวหรอก”

    “...”

    “ฉันมันเหมือนพวกผู้หญิงคุยกันเลยอ่ะ เนฟังแล้วจั๊กจี้หู” มันทำตัวสั่นให้ดูว่าจั๊กจี้จริง ไม่คิดบ้างหรอวะว่าฝั่งนี้ก็จั๊กจี้กับการเห็นเด็กผู้ชายแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นเหมือนกัน

    “เออ เดี๋ยวพี่ไป... ไม่ เดี๋ยวฉันไปหยิบเสื้อผ้าให้” สุดท้ายก็ระคายปากตัวเองจะมาเรียกพี่ใส่คนที่ห่างกันสองรอบ 

    “ลุงงงง”

    “อะไร”

    “ไม่ฉันดิ”

    “งั้นไม่เรียกลุงสิ”

    “เอ้า เกี่ยวไรเนี่ย นี่ปากเนนะ” 

    “เออ รู้” 

     

     

     

    รู้สิวะ

    ก็จูบมาแล้ว 

     

     

    แค่คิดก็รู้สึกได้ถึงตำรวจมารอหน้าบ้าน ถึงกับต้องรีบยกมือขึ้นนวดขมับให้กับความคิดของตัวเอง 

     

     

    “เนเรียกลุงว่าพี่อ่ะแปลก แต่ลุงแทนตัวว่าพี่ไม่แปลกหรอก”

    “มันต่างกันยังไง”

    “ก็เนว่าไม่แปลก มันก็ไม่แปลกดิ”

    “...”

     


    อะไรของมันวะ 

    เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ จะพูดอะไรออกไปก็กลัวเด็กมันดักแก่เลยทำเป็นเมินๆ ไว้ก่อน


     

    “เน หิวอ่ะ คอนโดลุงมีมาม่าไหม” 

    “ไม่มี” ผมไม่ใช่พวกชอบกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหรืออาหารแช่แข็งอยู่แล้ว รวมถึงที่บ้านไม่ค่อยให้ทานด้วย เลยกลายเป็นนานๆ ทีหรือไร้ทางเลือกจริงๆ ถึงจะกิน

    “ถามจริง”

    “ใช่”

    “ไรอ่ะ คอนโดไม่มีมาม่าได้ไง”

    “เพราะกินแต่อะไรแบบนี้ไง ถึงได้แห้งเป็นลูกแมวขนาดนี้” ผมขมวดคิ้วมองแขนเล็กๆ ของมันที่ผมกำทีเดียวก็เต็มรอบ 

    “เห้ย หุ่นเนเรียกหุ่นนายแบบนะลุง” 

     

     


    นายแบบอะไรวะ วิสกัสหรือเพ็ดดีกรีสูตรพุดเดิ้ล 

    แห้งขนาดนี้ใส่เสื้อไซซ์เอสยังหลวมเลยมั้ง 

     

     

    ... ว่าแต่ไอ้รอยช้ำบนหน้ามันนี่ขัดสายตาจัง มองทีไรก็รู้สึกหงุดหงิดแบบไม่มีสาเหตุ 

     

     

    “ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวฉันสั่งข้าวให้” 

    “เห้ย ไม่เป็นไร เดี๋ยวลงไปซื้อเซเว่นก็ได้ลุง”

    “เดินย่องเป็นแมวยังจะมาเถียงอีกหรอ” ผมทำท่าจะจิ้มนิ้วลงตรงพุงนิ่มของมัน ส่งผลให้ไอ้ตัวดีรีบงอตัวหนีทันทีเพราะกลัวจิ้มโดนรอยช้ำ 

    “เห้ยลุง มันเจ็บนะ!!!

    “ไปอาบน้ำ ผ้าเช็ดตัวอยู่ในลิ้นชักล่างซ้ายตรงเคาท์เตอร์ ส่วนเสื้อผ้าเดี๋ยวฉันไปหาให้” ผมเดินนำไปเปิดประตูห้องนอนแล้วเดินเข้าช่วงตู้เสื้อผ้าบิวท์อินเพื่อหาเสื้อห้าที่พอจะให้เนใส่ได้พอดีตัว

    “โหหหห สุดยอดดดดดดดด ตู้เสื้อผ้าเป็นห้องเลย” 

    “ใส่ตัวนี้ได้ไหม” ผมหยิบเสื้อยืดสีขาวลายกระต่ายที่เข้าเซทกับกับกางเกงขาสั้นที่สีน้ำเคยเอาทิ้งไว้เมื่อนานมาแล้ว

    “ทำไมเสื้อกับกางเกงมันจุ๋มจิ๋มจังอ่ะ”


     

    จุ๋มจิ๋ม? 

    อะไรวะ ทำไมต้องจุ๋มจิ๋ม 


     

    “...”

    “เสื้อกับกางเกงผู้หญิงป่ะเนี่ย”

    “ใช่”

    “เหยยยย บ้าป่ะลุง เดี๋ยวแฟนลุงมาด่าเนทำไม” ผมถอนหายใจ

    “นี่เสื้อสีน้ำ”   

    “ใช่ป่าวววว”

    “...”

    “แหนะ เสื้อสาวแน่เลยอ่ะ”

    “ไม่ใช่”

    “วู้วววว”

    “วู้วอะไร”

    “วู้วววววววว เสื้อสาววววว”

    “บอกว่าไม่ใช่ ฉันไม่เคยพาคนอื่นขึ้นห้อง”

    “...”

    “...”

    “ผมคนแรกเลยหรอที่ลุงพาขึ้นห้อง”

    “...”

     

     

    ผมว่ารูปประโยคมันสุ่มเสี่ยงจังวะ...

     

     

    จังหวะที่ผมพูดจบไปเป็นวินาทีเดียวกับที่ผมรู้สึกตัวว่าไม่ควรพูดคำว่าขึ้นห้องออกไป เพราะดูกลายเป็นเสี่ยมากกว่าเดิมสิบเท่า


    ไอ้ไม้เอ๊ย... อยากจะตบหัวตัวเองแรงๆ 

     

     

    “โห ต้องดีใจป่ะเนี่ย ผมเป็นแขกคนแรกของลุงไม้โฮสเทลเลย” ผมขมวดคิ้วโดยไม่แน่ใจว่าควรดีดเหม่งมันด้วยข้อหาเรียกห้องผมว่าโฮสเทลหรือที่มันเรียกผมว่าลุงไม่ขาดปากดี บอกว่าสามสิบหกไม่ลุงไง แค่สามสิบหก แค่สามสิบหก!!!

    “ไปอาบน้ำไป อย่าล้างหน้านะ ให้เช็ดเอา จำที่หมอบอกได้ใช่ไหมว่าห้ามโดนน้ำ” ผมดีดเหม่งมันไปหนึ่งทีซึ่งก็ได้เสียงร้องงอแงกลับมาตามที่คาด

    “จำได้น่ะ ลุงขี้บ่น”

    “ไปอาบน้ำ”

    “เนขอทำใจก่อน” ประหนึ่งจะเข้าไปทำสงครามแทนการอาบน้ำ มีต้องมาทำจงทำใจ เนเดินวนไปวนมาสำรวจห้องต่ออีกสักพักก็ยอมเข้าไปอาบน้ำแต่โดยดี พอเสียงปิดประตูดัง ผมก็ทรุดตัวนั่งกับขอบเตียงพร้อมกับจ้องไปที่ประตูห้องน้ำที่มีเสียงน้ำกระทบพื้นดังลอดออกมาเบาๆ

     

     

    มันเกิดขึ้นได้ยังไงวะ

    ผมปล่อยให้เด็กมันมาค้างห้องได้ยังไงวะ

    แล้วไอ้ความทำตัวไม่ถูกของผมนี่มันอะไรวะ ได้แต่กระพริบตาปริบๆ ให้กับคำถามที่ไร้คำตอบ 

     

     

    จากไอ้เด็กที่บังเอิญเจอจากญี่ปุ่นที่ผมคิดว่าคงจะไม่ได้เจอกันอีก

    ... มาสู่นอนห้องเดียวกัน

     

    มันอะไรกันวะเนี่ย

     

    “ลุงงง” เสียงโวยวายดังออกมาจากหลังประตูห้องน้ำ

    “อะไร”

    “เน ไม่มีแปรงฟัน”

    “...”

     

     เออว่ะ ผมเกาหัวแกร่กๆ ปกติห้องนี้ผมไม่เคยปล่อยให้ใครมาค้างด้วยความที่มันมีแค่หนึ่งห้องนอนเลยไม่ค่อยมีอะไรสำรองสำหรับแขก

     

    สุดท้ายก็เลยต้องลงมาเซเว่นใต้คอนโดพร้อมกับโทรสั่งพิซซ่า จะได้รอรับเอาขึ้นไปทีเดียว ผมหยิบแปรงสีฟันมาส่งๆ พอดีสายตาเหลือบไปเห็นชั้นในผู้ชายวางอยู่ด้านล่างก็หยิบติดมือมาด้วว จังหวะนั้นเองก็แอบคิด

     


     

    ... ซื้อกางเกงในผู้ชายไปให้เด็กผู้ชายที่มาค้างบนห้อง

     

     

    ช่างเป็นรูปประโยคที่ไม่ควรเกิดขึ้นในชีวิตของชายหนุ่มอายุสามสิบหกอย่างผมจริงๆ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว ตอนไปจ่ายเงินหนักงานถึงกับเงยหน้ามองผมก่อนจะก้มหน้าคิดเงินต่อพร้อ มกับอมยิ้มเบาๆ 

     

     

    กว่าจะซื้อของและรอพิซซ่ามาส่งก็เกือบครึ่งชั่วโมงเดาเอาว่าพอขึ้นไปไอ้เจ้าเด็กเนก็คงอาบน้ำเสร็จแล้ว ซึ่งพอผมเปิดประตูเข้าห้องก็เป็นอย่างที่คิด

     

     

    เนในเสื้อยืดสีขาวของสีน้ำคลุมทับด้วยเสื้อกันหนาวของผมซึ่งเลยปิดกางเกงขาสั้นจนมิด หัวทุยชื้นน้ำพร้อมกับกลิ่นแชมพูผู้หญิงที่ผมเดาว่ามันคือแชมพูของสีน้ำที่ผมไม่เคยหยิบมาใช้เลยตั้งแต่มันมามีตัวตนอยู่ในห้องน้ำ แชมพูแบบฟอร์เมนก็มีแต่มันดันเลือกใช้แชมพูขวดสีชมพูกลิ่นซากุระเนี่ย



     

    มันไม่ดีกับใจคนแก่(กว่า)เลยไอ้เด็กเวร.... 

     

    “...” 

    “เหยยย พิซซ่าาาาาาาา” 

    “เอาไปวางบนโต๊ะดีๆ “ ผมยื่นถุงพิซซ่าให้เน 

    “ลุงสั่งไก่มาด้วยไหมอ่ะ”

    “ไม่รู้สิ มันน่าจะมีอยู่ในเซทอยู่แล้วนะ” 

    “หอมอ่ะ”


     มือเล็กวุ่นวายอยู่กับการเปิดกล่องพิซซ่าไปมา ผมเลยวางถุงแปรงฟันกับกางเกงชั้นในไว้ข้างๆ คือไอ้จะให้ผมยื่นให้ตรงๆ ก็รู้สึกแปลกๆ งั้นวางไว้เนียนๆ แทนแล้วกัน ว่าแล้วก็วางถุงขนมกับน้ำผลไม้ไว้บนโต๊ะเผื่อมันมารื้อกิน 



    “ทำไมไม่เช็ดหัวให้แห้งก่อน”

    “ปกติเนไม่เช็ดอยู่แล้ว”

    “เดี๋ยวก็ป่วย ไปเป่าแห้งดีๆ ไดร์อยู่ในห้องน้ำ“

    “ไม่เอาอ่ะ”

    “เน”

    “เนแขนขัด มันไม่สะดวกยกแขนอ่ะ” มันกระดึ๊กๆ แขนโชว์สองสามที ผมถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไปหยิบผ้าอีกผืนมาโปะบนหัวมัน ไอ้เจ้าตัวที่กำลังแทะไก่เลยหันมาจ้องผมแบบงงๆ

    “นั่งลงดีๆ อย่ายืนกิน”

    “อื้อ” เนนั่งลงบนเก้าอี้พรางกัดพิซซ่ามือซ้ายแทะไก่ในมือขวา ส่วนตัวผมในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขนกลับต้องมายืนเช็ดหัวให้มัน ดมทั้งกลิ่นแชมพูซากุระสลับกับกลิ่นพิซซ่าไปมา 

     

     

    ดุเด็กมันมาตลอดวัน

    เสือกมาจบที่ยืนเช็ดหัวให้แบบนี้มันใช่ไหมวะไอ้ไม้ 

     

    ด่าตัวเองในใจแต่มือก็ไม่หยุดขยับ เห็นแก้มมันขยับตุ้ยๆ แล้วก็ดันรู้สึกเอ็นดูขึ้นมาเล็กๆ ในใจ แต่พอมองเลยไปเห็นแผลที่คิ้วแล้วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ถึงจะไม่ได้แตก แต่แผลก็ลึกอยู่ เด็กมัธยมนี่ทำไมตีอะไรกันรุงแรงกับเรื่องแค่นี้ได้นะ

     


    “เน”

    “อื๋อ?”

    “แผลที่คิ้วหมอบอกห้ามโดนน้ำกี่วัน”

    “อ๋าม” มันคือคำว่าสามแบบพิซซ่าเต็มปาก

    “กินเสร็จแล้วกินยาด้วย” 

    ”อื้อ” ผมขย้ำหัวมันอีกสองสามทีพอที่จะหายชื้นไปได้เยอะแต่ก็ไม่ได้แห้งสนิท

    “เดี๋ยวมา”

    “เดี๋ยวๆ ลุงเทน้ำให้หน่อย เนมือเปื้อนแล้วอ่ะ”

    “...” 


    ผมจ้องมื้อที่เปื้อนมันไก่ของมันแล้วก็ยอมเดินหยิบแก้วเทน้ำเปล่าให้มันก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องเตรียมอาบน้ำจัดการตัวเองบ้าง เพียงแค่เปิดประตูห้องน้ำไปกลิ่นแชมพูหวานก็ตีอัดหน้าจนเผลอยืนนิ่งไปสามสี่วิ ไม่คุ้นเลย ปกติมีแต่กลิ่นแชมพูฟอร์เมน ลูบหน้าลูบตาเรียกสติรอบที่สิบของวันก่อนจะรีบอาบน้ำให้เสร็จก่อนไอ้เด็กด้านนอกจะวุ่นวายอะไรอีก

     

    ผมออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนประจำอย่างเสื้อยืดกางเกงขายาวสีเทา พาดผ้าเช็ดหัวไว้กับบ่า เปิดประตูออกมาจากห้องนอนเตรียมพบกับความวุ่นวายของเน แต่ปรากฎว่าไร้ร่างไอ้เจ้าเด็กเวรที่โต๊ะอาหารแล้ว มีแค่เพียงซากกล่องพิซซ่าที่เปิดวางแอ้งแม้งไว้ ผมขมวดคิ้วหนัก ไปไหนของมัน

     

    “เน” ผมเรียกชื่อมันแต่ก็ไร้คนตอบ


     พอเดินพ้นระยะประตูห้องมาถึงค่อยเห็นร่างเล็กๆ นอนขดอยู่บนโซฟาเหมือนลูกแมว ผมกอดอกมองสภาพมัน ดูท่าทางยาแก้ปวดก็ไม่ได้กิน ตื่นพรุ่งนี้มีงอแงแน่นอน แล้วเป็นเด็กประเภทไหนที่หลับสนิทได้ในห้องของคนแปลกหน้าที่เจอกันแค่สองสามวันวะ ไม่รู้จักระวังตัวบ้างเลย อ้อ ไม่สิ มันไม่ระวังตัวตั้งแต่เมาที่ญี่ปุ่นแล้ว ไม่แปลกเลยที่แนนจะห่วงมันขนาดนั้น 

     

     

    ผมย่อตัวลงนั่งมองหน้าของเนที่มีรอยแผลสะเก็ดเลือดขนาดใหญ่บริเวณปลายคิ้ว รอยช้ำข้างมุมปากและคราบเลือดแห้งบนปากสีแดงที่มันวับไปด้วยน้ำมันจากไก่ที่เพิ่งกินไป ยังไม่รวมรอยช้ำขนาดใหญ่บริเวณหน้าท้องที่มันเปิดโชว์หมอ ความขาวของมันทำให้รอยช้ำดูน่ากลัวขึ้นกว่าปกติไปอีกสองเท่า ผมเอื้อมมือไปเขี่ยปอยผมที่ปรกหน้ามันออก คิ้วมันก็ขมวดและเบี่ยงหน้าหลบทันที

     

     

    “เน”

    “...” ไม่ตอบและเปลือกตาก็ไม่ขยับสักนิด แสดงให้เห็นว่ามันสนิทไปแล้วจริงๆ ผมถอนหายใจก่อนจะสอดแขนเข้าไปใต้หลังและงัดตัวมันขึ้นอุ้ม มันไม่ได้เบาเหมือนเวลาผมอุ้มสีน้ำที่เมาไร้สติขึ้นห้องนอน แต่ก็ไม่ได้หนักกว่าสีน้ำเท่าที่ควรจะเป็น ใบหน้าดื้อๆ เอนเข้าซุกกับหน้าอกผมพร้อมกับส่งเสียงขัดใจในลำคอ ผมแอบยิ้มเบาๆ ให้กับความน่าเอ็นดูของคนในอ้อมกอด

     

    ผมใช้เท้าดันประตูเล็กน้อยในการเปิดประตูห้องนอนก่อนจะค่อยๆ วางร่างเด็กเนลงบนเตียงพร้อมกับตวัดผ้าห่มขึ้นคลุมให้ พอหลังสัมผัสเตียงนุ่มเนก็รีบขยับซุกหาเข้าผ้าห่มทันที ผมขมวดคิ้วแล้วใช้มืองัดหน้ามันขึ้น เพราะด้านที่มันใช้มุดผ้าห่มเป็นด้านที่คิ้วเป็นแผล 

     

    ผมยืดตัวขึ้นมองเตียงใหญ่ของตัวเองที่แม้แต่คนในครอบครัวก็ไม่เคยได้ขึ้นมานอน ผมยกมือขึ้นกอดอกพร้อมกับไล่สายตามองคนบนเตียง 

     

     

    อันตรายกับหัวใจ 

     

    ผมรู้ดีว่าความรู้สึกของตัวเองเป็นแบบไหน 

    แล้วก็รู้ดีว่าไม่ควรทำให้เรื่องมันแย่ไปมากกว่านี้ หลังจากวันนี้ คงจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันจริงๆ แล้ว ไม่สิ มันควรจะเป็น

     

     

     

    เราไม่ควรยุ่งเกี่ยวกันแล้ว

     

     

     

    ผมยื่นมือไปจิ้มแก้มใสที่อีกข้างเบียดกับเตียงจนขึ้นกองเป็นก้อนพร้อมกับถอนหายใจยาวให้กับจังหวะเต้นหัวใจใต้น่าอกตัวเอง

     

     

     

    ไม่ควรเลยจริงๆ 



     

    ทั้งการที่เราได้มาเจอกัน


    และ


    การที่ปากผมกำลังประกบกับริมฝีปากของเนเป็นครั้งที่สองตอนนี้



    ไม่ควรเลยจริงๆ 





    ----------



    TALK 


    ไม่ควรเลยจริงๆ 


    ที่ลุงจูบน้องเนหรอ? 


    ที่อัพช้าขนาดนี้โว้ย!!!!!!!




    แงงงงงง ;___; ขอโทษที่ทำให้รอนานนะคะ ติดภาระกิจชีวิตแบบจริงจัง

    จะกลับมาอัพถี่กว่าเดิมเดือนหน้านะคะ หลังจากจบการฝึกงานนน

    ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามกันอยู่นะคะ ยังอยากเขียน ยังอยากเป็นนักเขียนอยู่

    อย่าเพิ่งทิ้งแปมไปนะคะะะะะะะะะะะะ 

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×