ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰

    ลำดับตอนที่ #8 : กุ๊งกุ๊งที่ 6 : ห่วย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 42.61K
      4.42K
      16 เม.ย. 62

     

    6

     

     

     

    หนึ่งคืนมันควรผ่านไปไวเหมือนในซีรี่ส์ ตัดฉับมาก็เช้าเลย

    แต่สำหรับคนที่ความบาปทับตัวกลับตาสว่างนอนไม่หลับ ไม่กี่ชั่วโมงดูเหมือนเป็นวัน หยิบมือถือมาดูเวลาก็เกือบจะตีสองแล้ว

     

    ระหว่างที่ผมนอนไม่หลับตัดภาพไปไอ้ตัวปัญหานั้นสลบไปตั้งแต่สามทุ่ม

     

    นอกเหนือจากจะผิดแผนมานอนห้องเดียวกันแล้วผมยังเป็นไอ้ลุงอายุสามสิบหกที่ขโมยจูบเด็กตอนหลับอีกต่างหาก ข่มตาหลับแทนที่จะเห็นภาพมืดๆ ตอนนี้หลอนเป็นลูกกรงแล้ว ไอ้เวรไม้เอ๊ย อยากจะตบหัวตัวเองแรงๆ แต่ให้ตายเถอะ ปากไอ้เด็กเนนี่มันนุ่มแล้วก็ชมพูขนาดนั้นได้ยังไง 

     


    แกร๊ก


     

    ระหว่างที่ผมกำลังตีกับตัวเองในระบบความคิด เสียงเปิดประตูห้องนอนก็ดังขึ้นเรียกสติผมกลับมา เพียงไม่นานร่างเล็กของเด็กที่ควรจะนอนอยู่บนเตียงก็ค่อยๆ โผล่หัวออกมา  

     

    “ลุง...” 

     


    เน...

    ตื่น? 



     

    “เป็นอะไร” ผมขมวดคิ้วเมื่อถูกเรียกด้วยเสียงงอแง พอเนเดินเข้ามาใกล้ผมอีกนิดถึงเพิ่งเห็นว่าตาโตนั่นเอ่อคลอเหมือนเด็กกำลังร้องไห้ 

    “เนปวดหัว”

    “...” ผมลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อเดินเข้าไปชิดตัวเน หน้าดื้อเงยหน้าขึ้นมองผมทั้งน้ำตา 

    “ปวดหัวมากเลย ปวดตัวด้วย หายใจแล้วร้อนมากเลย” ปากเล็กที่ปกติก็แดงอยู่แล้วขึ้นสีแดงมากกว่าเดิมขยับฟ้องด้วยเสียงงอแง ผมยกมือขึ้นทาบหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิซึ่งก็สูงกว่าปกติ แต่ดีที่ไม่ได้มากนักคงเป็นไข้อ่อนๆ แต่เจ้าตัวดันงอแงเหมือนไข้สูงจัด แต่เอาเถอะ ต่อให้ไม่ยกมือขึ้นวัดดูจากสภาพงอแงขนาดนี้ก็พอจะรู้อยู่แล้วหละนะว่าอุณหภูมิคงไม่ปกติ

    “ไข้ขึ้นนิดหน่อย”

    “คือเนอ่ะหายใจออกแล้วตรงปากมันร้อนเหมือนโดนลวกเลย” เนเบ้ปาก 

    “แค่ไข้อ่อน”

    “ตอนแรกเนคิดว่าเพราะไม่ได้แปรงฟันก่อนนอนซะอีก แต่ไม่ใช่แล้ว ปวดหัวด้วยเนี่ย”  

     

    ทำไมอาการมันดูอ้อนเกินกว่าจะเป็นเด็กมัธยมปลายเพศชายได้ขนาดนี้วะ

    ไอ้หน้างอๆ เสียงง้องแง้งพยายามฟ้องว่าตัวเองหายใจร้อนออกมาจากเพศชายด้วยกันมันควรจะน่ารำคาญแต่ทำไมผมกลับรู้สึกเอ็นดูจนอยากเอื้อมมือไปหยิกแก้มได้ขนาดนี้วะ

     

    หนักแล้วจริงๆ หนักแล้ว

     

    “ไปกินยาลดไข้ไป แผลน่าจะอักเสบ” 

    “ฮื่อ ไม่อักเสบสิ” เนส่งสายตาค้อนพร้อมกับเดินเตาะแตะตามผม “... ห้องลุงหนาว” เนกอดตัวเองจนดูตัวหดลงไปอีก

    “เสื้อสีน้ำมันบาง เดี๋ยวใส่เสื้อกันหนาวทับอีกชั้นจะดีกว่า กินยาไปนะ เดี๋ยวฉันไปหยิบเสื้อกันหนาว” ผมเดินไปหยิบเสื้อกันหนาวของสีน้ำที่เนใส่ลงมาจากรถแต่พอจับผ้าดูแล้วก็รู้สึกว่าผ้าบางเกินไปหน่อยเลยเปลี่ยนใจเดินเข้าห้องนอนไปหยิบเสื้อกันหนาวของตัวเองมาให้แทน ตอนหยิบมาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่แต่พอเนเอาไปใส่แล้วมันปิดกางเกงนอนขาสั้นมิดจนโผล่มาแต่ต้นขาขาวๆ นั่นแหละผมถึงได้เพิ่งรู้สึกว่าไม่ควรเลย 

     

    ทำไมตอนนี้เหมือนทำอะไรก็รู้สึกเหมือนกำลังทำผิดอยู่ตลอดเลยวะ....

     

    พอรู้ตัวว่าจ้องนานเกินไปผมเลยย้ายสายตาจากขาขาวไปเป็นเดินไปอุ่นน้ำร้อนแทนแก้เขิน ไม่สิ หมายถึงแก้อาการที่เผลอมองต้นขาเด็กมัธยมจนออกนอกหน้า

     

    ไม่น่าแก้คำเลย บาปความเดิมอีก

     

     

    “ลุง”

    “หืม”

    “ดึกแล้วนี่” เนเดิน เตาะแตะมาหาผม 

     

    เห็นท่าทางมันเดินดูไร้เรี่ยวแรงแล้วอยากจะใส่คำว่าเตาะแตะ ทั้งๆ ที่เนเองก็เลยวัยจะใช้คำนี้ได้ไปนานแล้ว แต่มันดูเตาะแตะจังวะ ผมขมวดคิ้วให้ความคิดตัวเองเป็นครั้งที่ร้อยของวัน

     

    “ใช่ จะตีสองแล้ว”

    “ทำไมยังไม่นอนอีกอ่ะ” 

     

    นั่นสิ

    อย่าว่าแต่เนอยากรู้เลย ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน

     

    “..ฉัน” ผมเว้นจังหวะไว้เล็กน้อย “... ดูซีรี่ส์”

    “แต่ทีวีปิดอยู่นะ”

    “อือ ดูจบพอดี” 

    “แก่แล้วนอนดึกไม่ดีนะ” 

    “เป็นเด็กนอนไม่แปรงฟันก็ไม่ดีนะ” พอโดนย้อนเข้าหน่อยก็ทำหน้างอใส่ 

    “แต่เนอาบน้ำแล้ว เนี่ย กลัวแผลเปียกตอนสระผมเนเอนตัวจนตะคริวแทบกินหลัง” เนเอนตัวให้เป้นตัวอย่างว่าเอนขนาดไหน ผมพยักหน้าเข้าใจแล้วดึงไอ้หลังเอนๆ นั่นขึ้นก่อนที่มันจะล้มแล้วได้แผลเพิ่ม

    “ไปแปรงฟันนอนไป” 

    “อื้อ อยากล้างหน้าด้วย เมื่อกี้ทำมันไก่เลอะแก้ม” กินยังไงให้ไก่โดนแก้มได้วะ

    “อย่าล้างหน้าโดนแผลที่คิ้วนะ หมอบอกห้ามโดนน้ำ” ผมเองก็ดูแลคนไข้ไม่ค่อยจะเป็นเพราะไม่ได้เป็นคนป่วยบ่อย หนุ่มโสดอายุสามสิบหกปีอย่างผมการดูแลคนอื่นนี่ช่างมันเรื่องไกลตัวจริงๆ 

    เนพยักหน้าหงึกๆ แล้วค่อยๆ ขยับขาเดินไปที่ห้องน้ำ พอเห็นร่างที่งอตัวเดินเหมือนหนาวดูเหมือนจะล้มตลอดเวลาเลยอดเดินตามไปไม่ได้ ผมดึงเสื้อเกาคอตัวเองแก้เก้อไปตลอดทางจนเนถึงห้องน้ำ พอเท้าเล็กนั่นก้าวเข้าไปเหยียบพื้นห้องน้ำก็ชะงักเท้ากลับ

    “พื้นเย็นอ่ะ”

    “ใส่สลิปเปอร์” ผมใช้เท้าเขี่ยสลิปเปอร์ที่นอนแอ้งแม้งอยู่ข้างประตูเข้ามาให้ 

    “บรื๋อ” เนขยับไหล่ตัวเองแล้วเดินเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันแบบเปิดประตูทิ้งไว้โดยมีผมยืนทำตัวแปลกๆ พิงกรอบประตูอยู่ไม่ห่าง ใช่ครับ ทำตัวแปลกๆ ทั้งเกาคอเกาหลังดูปลายเล็บผิดวิศัยที่เคยเป็นแบบสุดๆ

     


    ผมแอบชายตามองเน รูปร่างโดยรวมของเนเล็กมากถ้าเทียบกับสรีสระแบบที่เด็กผู้ชายควรจะเป็น ไหนจะไอ้ลักษณะนิสัยอ้อนเหมือนเด็กผู้หญิงนั่นอีก ถ้าไม่เคยรู้มาจากสีน้ำบ้างว่าบ้านแนนสปอยล์ลูกชายและถ้าจำไม่ผิดสีน้ำเคยบอกกับผมว่าน้องชายแนนเป็นตุ๊ด

     

     

    ตุ๊ด

     

     

    มันคือคำจำกัดความของน้องชายแนนที่ผมจำได้รางๆ จากปากสีน้ำ ในระบบความคิดผมก็คิดว่าตุ๊ดเนี่ยจะเป็นเด็กผู้ชายที่มีนิสัยหรือมีความอยากเป็นผู้หญิง ถ้าความหมายของตุ๊ดสมัยนี้เหมือนกับตุ๊ดแถวคณะผมสมัยผมอยู่มหาลัยเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วนั้น

     


    เนไม่มีความใกล้เคียงเลยแม้แต่น้อย 


     

    ที่ผมพอจะสัมผัสได้จากเน มันยังเหมือนเด็กผู้ชายที่ยังไม่โต ไม่ได้อ้อนแอ้นหรือมีจริตอะไรที่ดูเหมือนผู้หญิงชัดเจนขนาดนั้น จะมีก็แต่ไอ้ความขี้อ้อนนี่แหละที่ทำให้ผมรู้สึกแปลก ไม่รู้ว่าเนมันรู้ตัวรู้เปล่า ว่าไอ้ลูกอ้อนที่ทำจนติดเป็นนิสัยนี่มันเกินพอดีไปมาก แทบจะมากกว่าสีน้ำที่เป็นผู้หญิงแท้ด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนกันกับการอ้อนของมัน

     

    แต่ถ้าถามว่าไม่ชอบรึเปล่า ก็คิดว่าไม่ใช่ 

    จะบอกว่าชอบก็พูดได้ไม่เต็มปาก  

     


    แต่เอาเป็นว่าไม่ได้อยากเตะเหมือนสมัยเห็นตุ๊ดที่คณะทำแล้วกัน....

     


    ซ่าาาา!!!


     

    “เอ้ยยยยยยย” ผมสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ดีๆ เนก็โวยวายลั่นห้องน้ำ เนื่องจากเปิดน้ำแรงเกินไปจนมันพุ่งกระเด็นใส่เต็มตัวไปหมด มือเล็กรีบยกขึ้นปิดแผลที่คิ้วตัวเองน้ำเลยพุ่งเป้าไปที่เสื้อสีขาวที่ใส่อยู่แทน

    “ปิดก๊อก” ผมเป็นคนพูดแต่ก็เป็นคนที่พุ่งตัวไปปิดแทนเนอยู่ดี

    “โฟมเข้าตาเน” เนที่โฟมล้างหน้าเต็มแก้มถอยหลังไปจนเกือบล้มผมเลยต้องคว้าแขนไว้

    “อยู่นิ่งๆ “

    “แสบตาอ่ะลุง โอ๊ย“

    “เปิดแล้ว”

     “อื้อ แสบตาๆๆ” มือเล็กพยายามกวักน้ำขึ้นล้างแต่ก็เทใส่แค่ตรงสันจมูกเพราะกลัวน้ำไปโดนแผล ทำให้น้ำไหลหกเต็มเสื้อหนาวไปหมด

    “มานี่”

    “อื้อ!!!” 

    “ยืนนิ่งๆ ก่อนเน เดี๋ยวน้ำโดนแผล” 

    “อื้อออ”

    ผมดึงเนมายืนหน้าอ่างล้างหน้าตามเดิมแล้วค่อยยืนซ้อนตัวเนไว้พร้อมกับเปิดก๊อกเอามือช้อนน้ำขึ้นลูบหน้าลูบตาให้โดยเว้นบริเวณแผลสดเป็นพิเสษ ปาดหน้าเล็กๆ อยู่สองสามครั้งพอได้เงยหน้าขึ้นมองกระจกที่เนหลับตาปี๋ให้ผมกวักน้ำล้างให้นั้นขนาดตัวเล็กกว่าตัวผมไปเกือบสองเท่าแถมหน้าผมก็ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าไอ้แก้มใสไร้ริ้วร้อยนี่มากแบบที่ทักว่าเป็นพ่อก็ยังไม่ค่อยเกินจริงมากนัก  

     

    ทำไมเหมือนเสี่ยเลี้ยงเด็กได้ขนาดนี้วะ...  

    แค่สามสิบหกเองนะ...

    แถมเพิ่งสามสิบหกเมื่อเดือนที่แล้วเองด้วยนะ... 

     

    “ผ้า ผ้า” เสียงเล็กดังขึ้นเรียกสติผมอีกครั้ง ผมมองซ้ายมองขวาไม่เจอผ้าเช็ดตัวที่อยู่ใกล้มือ หันมาตรงอกอีกทีก็เห็นเนดึงเสื้อผมไปเช็ดแล้วเรียบร้อย พอเช็ดจนพอใจตาแป๋วก็ลืมขึ้นจ้องหน้าผม แก้มใสชื้นน้ำขึ้นสีแดงเล็กน้อยจากการเสียดสีจากเสื้อ 

     


    มุมนี้..

    ไม่ดีกับหัวใจเลย

     

     

    “...”

    “เปียกไปหมดเลย”

    “...”

    “จะแค่ล้างหน้าแต่เปียกไปยันเกงในได้ยังไงเนี่ย” 

    “...” 

    “มือลุงสากมาก เนคิดว่าแผลที่ปากจะถลอกแล้... ฮัดชิ่ว!!!ฮัดชิ่ว!!! อือ... ฮะ ฮัดชิ่ว!!!” เสียงไอติดกันสามครั้งทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าเจ้าตัวไม่สบายอยู่ ผมยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาตัวเองเรียกสติ   

    “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” ผมผละตัวออกจากไอ้ก้อนอ้อนแล้วรีบจ้ำเดินเข้าตูเสื้อผ้าแบบวอล์คอินเพื่อหาชุดให้เนเปลี่ยนแต่ก็ค้นพบว่าเสื้อสีน้ำหรือเสื้อตัวเล็กๆ ที่เนพอจะใส่ได้นั้นหมดตู้ไปหมดแล้ว

     

    ซึ่งมันก็เหลือแต่เสื้อผมที่ส่วนใหญ่ไม่ไซซ์แอลก็เอ็กซ์แอลไปเลย

     

    ถ้ามาอยู่บนตัวเนที่เป็นผู้ชายไซซ์เอสก็คงปิดยาวถึงต้นขา...

     

    อะฮึ่ม...

     

    น้ำลายหนืดที่ไม่รู้หนืดเพราะกลไกร่างกายหรือบาปเข้าไปปน...

     

    “เนใส่ตัวนี้ได้ไหม” เสียงเล็กเอ่ยถามพร้อมกับหยิบเสื้อมาหนึ่งตัวจากในตู้

    “... จริงๆ มันก็ได้”

    “แต่?”

    “...”

    “...?”

    “เปล่า ใส่ไปเถอะ” 

    “เนใส่ได้แน่นะ”

    “อืม ใส่ไปเถอะ”

    “เคครับ”

     

    พูดจบเนก็รูปซิปเสื้อกันหนาวผมลงพร้อมกับปล่อยมันร่วงลงกองตรงขา เหมือนภาพสโลว์โมชั่นที่ผมกำลังจะอุทานเฮ้ยให้เนไปเปลี่ยนในห้องน้ำนั้นขยับพร้อมกับเนที่รูดเสื้อยืดตัวเล็กออกจากตัวผ่านหัว เผยผิวขาวจัดที่มีรอยช้ำเขียวม่วงจากการต่อสู้เมื่อเย็นอยู่ประปราย

     

    แต่ที่ชัดเจนในสายตาผมคือตุ่มสีชมพูอ่อนที่ทำเอาผมกลืนคำอุทานลงคอไปอย่างรวดเร็ว

     

    สีขาว...

    สีชมพู.... 

     

    นอกเหนือจากนี้ที่ผมเห็นน่าจะเป็นสีเทาจากลูกกรงไม่ก็สีแดงจากไฟนรก มันมีซีนแบบนี้เกิดขึ้นยังไงวะ ซีนที่มันเสี่ยงต่อทุกอย่างขนาดนี้ ไอ้จะหันหลังหลบก็ดูจะมีพิรุธเกินไปกับอีแค่เด็กผู้ชายเปลี่ยนเสื้อผ้า



     

    ใช่...

     


    แค่ผู้ชายเปลี่ยนเสื้อผ้า

     


    แค่ผู้ชายมัธยมปลายเปลี่ยนเสื้อผ้า

     

    ผมว้าวุ่นอยู่กับความคิดตัวเองพอลืมตามาอีกที เนก็อยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งแขนตกเลยขอศอกและความยาวปิดกางเกงขาสั้นมิด หน้าซนดูเหนื่อยและหมดแรง ผมหัวเราะให้กับความเป็นลูกหมาหมดสภาพของมัน 

     

    “หมดแรงจะซนแล้วสิ”

    “แค่จะแปรงฟันล้างหน้า เหมือนได้อาบน้ำใหม่เลย” 

    “หึ ไปนอนต่อไป”

    “แล้วเนมานอนบนเตียงได้ไงนะ” เนหันตาปรือๆ มาถามผม

    “...”

    “ลุงอุ้มเนหรอ”

    “ฉันไม่ได้ใจร้ายพอจะให้คนป่วยนอนขดบนโซฟาหรอกนะ” 

    “ลุงเหมือนแม่เนเลย อุ้มเข้านอน” เกือบสำลักน้ำลายกับคำเปรียบเทียบ 

    “...” 

     



    แม่...

    ไม่ใช่พ่อแต่เป็นแม่เลยเนี่ยนะ... 

     



    เนเงียบไปสักพักก่อนจะหันมาจ้องหน้าผม 

     




    “นอนด้วยกันไหมลุง”

     

     

    ผมไม่ได้แสดงอาการตกใจอะไรออกไป แต่ถ้าถามถึงความรู้สึกในใจ



     

    ... ไซเรนตำรวจที่ดังอยู่นอกห้องตอนนี้มันไม่ได้จะมาหยุดที่หน้าประตูห้องใช่ไหมวะ

     อันตราย โคตรอันตรายเลยไอ้เด็กคนนี้ มันรู้ตัวไหมเนี่ยว่าพูดอะไรออกมา มองจากไอ้หน้าไร้ความกังวลตรงหน้าแล้วก็พอเดาได้ว่ามันไม่คิดอะไรเลย

     

    ... ไม่คิดอะไรจนน่าเป็นห่วง 

     

     

    “เน”

    “หือ?”

    “รู้ใช่ไหมว่าฉันสามารถทำร้ายนายได้ตอนนี้เลย หมายถึงทำร้ายแบบที่ไม่ใช่แค่กระทืบ เข้าใจความหมายไหม” เนชะงักตัวกึ้ก แล้วมองหน้าผมด้วยสายตาตกใจ

    “อารมณ์ไหนอ่ะ”

    “แค่ฉันจับแขนนายมัดกับหัวเตียงก็ขัดขืนอะไรไม่ได้แล้ว รู้ใช่ไหม ทำไมถึงไว้ใจคนง่ายไปเรื่อยแบบนี้” ผมถามด้วยน้ำเสียงธรรมดาพรางจ้องตากลมไปด้วย เนถอยหลังไปหนึ่งก้าวแต่ไม่ได้หลบสายตาผม

    “...”

    “...เน”

    “...”

    “...”

    “รู้”

    “...”

    “แต่ลุงไม่ทำหรอก”

    “เอาอะไรมามั่นใจ”

    “ถ้าลุงจะทำ ลุงทำไปนานแล้ว” 

    “...”

    “ลุงจะทำจริงๆ ลุงไม่มาถามเนหรอกว่ารู้ไหมว่าลุงทำได้ เนตามคนไม่ค่อยทันหรอก เนโง่ เพื่อนเนด่าอยู่ทุกวัน ลุงมีโอกาสทำนานแล้วถ้าลุงจะทำ เนรู้”

    “...”

    “เนไม่ได้โดนคนรังแกครั้งแรกนะ เนแทบจะชินแล้วรู้ป่ะ ดูตัวเนดิลุง แห้งเหมือนจิ้งจก กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยอ้วนขึ้น ออกกำลังกายเยอะก็เหนื่อยง่ายแถมยังแพ้เหงื่อ แพ้นู่น แพ้นี่ มีแต่คนคิดว่าเป็นตุ๊ด รุ่นพี่จะหลอกไปอัดตูดที่ห้องชมรมไม่ก็ห้องน้ำเป็นสิบครั้ง แล้วที่ห่วยคือไรรู้ป่ะ เกือบทุกครั้งเนแม่งเชื่อตลอดว่าพี่พวกนั้นหวังดีกับเนจริงๆ ” ปากแดงขยับพูดพร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำตา กลายเป็นผมแทนที่ชะงักตัวทำอะไรไม่ถูก “อ่อนแอแม่งโคตรห่วย” 

    “...” 

    “แถมวันนี้ลุงมาพูดให้เนรู้สึกห่วยกว่าเดิมอีก”

    “...”

    “ห่วยที่รู้ตัวว่าห่วยแต่ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น โทษอย่างอื่นไปเรื่อยๆ”

    “...”

    “แล้ว.. แล้ว... ถ้าลุงจะปล้ำเนลุงปล้ำไปตั้งแต่ที่เนโดนกระทืบแล้วป่ะ จะพาไปหาหมอทำไม”

    “...”

    “แล้วถ้าลุงเปลี่ยนใจจะปล้ำตอนนี้...”

    “...”

    “คือ... คือ... ทำลงหรอ เนเพิ่งขี้มานะ เนท้องเสียด้วยนะ ขี้เหมือนแพะเลย ก้อนแบบนิ” 

     

     

    หึ...


    ไอ้หน้าดื้อนั่นทำหน้าจริงจังในการหลอกผมว่าเพิ่งถ่ายหนักมา เหมือนลืมไปว่าสิบนาทีที่ผ่านมาผมเพิ่งไปยืนพิงกรอบประตูเฝ้ามันล้างหน้าตามด้วยเป็นคนล้างหน้าให้ด้วยอีกต่างหากไม่ได้มีฉากนั่งชักโครกแต่ใดๆ ให้คะแนนความพยายามแต่ยังอ่อนหัด พอเห็นว่าผมหัวเราะมันก็ทำหน้าเลิ่กลั่ก

     

    “หัวเราะไรอ่ะ”

    “เด็กบ้า”

    “อ้าว ด่าเฉย”

    “รู้ตัวว่าตัวเองตามคนไม่ค่อยทันก็หัดเรียนรู้บ้างว่าต้องระวังตัวเองมากกว่าปกติหลายเท่า ไม่ได้บอกว่ามองโลกไม่แง่ดีมันไม่ดีนะ แต่ถ้ามองโลกแง่ดีสิบครั้งแล้วผลมันออกมาลบสิบครั้ง ก็หัดมองแปดในสิบให้มันลบไว้บ้าง”

    “...ลุง”

    “แล้วอ่อนแอมันก็เข้มแข็งได้ ถึงตอนนี้จะห่วย จะแพ้ จะอ่อนแอ ก็ไม่ได้ผิดอะไร คนเรามันก็ต้องมีช่วงเวลาแบบนี้ทั้งนั้น ฉันเคยห่วยกว่านี้เธอเป็นตอนนี้อีก แต่คนเรามันอ่อนแอไปตลอดไม่ได้หรอกเน ยิ่งโตโลกยิ่งบังคับให้เราต้องแข็งแกร่งขึ้น”

    “...”

    “ตัดพ้อโลกเก่งจังเราหนะ ตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว” 

    “...เน”

    “โลกไม่ได้ใจดีขนาดที่แค่ตัดพ้อแล้วมันจะดีขึ้นหรอกนะเน”

    “...”

     

    ผมไม่รู้ว่าโลกของเนมันผ่านอะไรมา การเลี้ยงดูเป็นอย่างไร แต่มันมีเกราะป้อนกันตัวที่บางมากจนอะไรก็ตามกระทบก็ดูจะแตกหักอยู่ตลอดเวลา

     



     “โทษทีฉันไม่ได้ตั้งใจดุ แค่อยากสอนให้ระวังขึ้นเฉยๆ ไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ขนาดนั้น ไปนอนซะ ไม่ทำอะไรหรอก” ผมเดินไปขยี้หัวทุยที่ขนาดพอดีมือ   

     “...ลุง”

    “...”

    “เนไม่ได้แค่อยากตัดพ้อนะ เนก็อยากทำอะไรกับมัน แต่เน.. เนแค่รู้สึกทำอะไรมันก็ไม่เคยดีขึ้นเลย เหมือน เหมือนสู้ไม่เคยชนะ”

    “ก็ทำต่อไป”

    “...”

    “มันไม่ดีขึ้นทันทีหรอก บางครั้งมันอาจจะแย่ลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่ทำต่อไปเถอะ อย่างน้อยๆ ก็ชนะตัวเองคนเมื่อวาน” ผมโยกหัวทุยในมือไปมา “...แค่ลองทำอะไรก็เก่งแล้วหนะ”

    “... เนเก่งหรอ” ตากลมจ้องหน้าผมพร้อมกระพริบปริบๆ 

    “ทำไม ชมแล้วเหลิงหรอ” 

    “ไม่ได้เหลิง!!ลุงแม่ง!! เนี่ย จริงๆ เนตกใจนะเมื่อกี้อ่ะ ตอนลุงขู่อ่ะ จริงๆ เนกลัวนะ แต่ทำสู้ไปงั้น” 

    “หึ” 


    ก็พอจะรู้... 


    “หึไรอ่ะ ลุงทำเนกลัวนะ เดี๋ยวเนก็พกมีดไว้ใต้หมอนเลย”

    “จะพกมีดก็บอกผู้ร้ายให้รู้ก่อนแบบนี้หรอ”

    “เออลืม” หน้าเด๋อด๋ายู่ลง “... จะฝากลุงหยิบมีดด้วยนะเนี่ยตอนแรก”

    “เด็กโง่” 

    “ขนาดลุงยังด่าเนโง่เลย อ่อ แต่เมื่อกี้ลุงทำเนกลัวขึ้นมานิดหนึ่งอ่ะ ลุงไปนอนโซฟาเหมือนเดิมเลยนะ ไม่ให้นอนเตียงด้วยแล้ว” ปากดื้อเอ่ยสั่งเหมือนเป็นเจ้าของห้อง แต่ต่อให้ไม่สั่งนั่นก็เป็นความตั้งใจแรกของผมอยู่แล้ว   

     

     

    พอพูดจบเนก็หมุนตัวเดินไปปีนเตียงนอน โชว์ต้นขาขาวที่โผล่มาจากปลายเสื้อยืดพอทำให้ใจคนแก่กว่าสิบกว่าปีสั่นจนลมหายใจผิดปกติ มือเล็กคว้าผ้าห่มมาปิดยันคอตัวเองก่อนจะชะโงกหน้าใสขึ้นมา 



     

     

    “แต่เนเชื่อจริงๆ ว่าลุงจะไม่ทำไรเนหรอก ไม่งั้นลุงคงลักหลับเนตอนนอนเมื่อกี้ไปแล้วแหละ”

     

     

     

     

     

    ...แย่หละสิ

     

     

     

     

    แอบจูบนี่เรียกลักหลับไหมวะ 




    ----


    TALK


    ช่วงเวลาก่อนลงนิยายนี่มันกดดันจังค่ะ 55555555555555555555


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×