[EXO Fiction_BaekHyun] Memoirs of The Rainy Day
อย่างน้อยฉะนเคยได้รักเธอ...แบคฮยอน (เรื่องราวของแบคฮยอนกับแฟนคลับนะคะ มโนกันไปตามแต่ต้องการ มีอะไรติชมได้เต็มที่เลยนะคะ ^ ^)
ผู้เข้าชมรวม
159
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
[Fiction] Memoirs in the Rainy Day
ฝนตกอีกแล้ว...
ฉันเคยเกลียดฝน
เพราะฝนทำให้การเดินทางมาเรียนของฉันมันยากขึ้น
เพราะฝนทำให้ผ้าที่ฉันซักไว้ตั้งแต่เมื่อวานมันไม่ยอมแห้งซักที
เพราะฝนทำให้ฉันต้องยืนสูดน้ำมูกตัวเอง และมีไข้ขึ้น แต่ต้องมาหาอาจารย์วันนี้ทั้งๆที่เมื่อวานก็แทบจะไม่ได้นอน เพราะมัววุ่นวายอยู่ที่บ้าน
แต่ว่า...
ถ้าไม่ใช่เพราะฝน ฉันก็คงไม่ได้เจอเขาเหมือนวันนี้
"ร่มมั้ยครับ?"
เสียงนุ่มที่ฉันจำได้ดีว่าเป็นเสียงของใครเอ่ยถาม หึหึ ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเป็นเสียงของใครละ ในเมื่อเจ้าของเสียงคือนักร้องดังประจำโรงเรียนที่ฉันแอบมองเค้ามาเกือบ 6 เดือนแล้วตั้งแต่เค้าชนะการแข่งขันร้องเพลงเมื่อคราวก่อน
ฉันมองหน้าเค้าอึ้งๆ ในหัวมันตื้อไปหมด ก่อนจะรีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
"อ่า...ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่เปียกเท่าไหร่"
ฉันพยายามยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติที่สุดส่งไปให้ แต่ก็เดาได้ว่าภาพที่เค้าเห็นคงเป็นยิ้มแหยๆเสียมากกว่า
"กระเป๋าเปียกแล้วนะ"
เจ้าของเสียงนุ่มเอ่ยทักพร้อมใช้มือข้างซ้ายที่ไม่ถือร่มดึงส่วนของกระเป๋าเป้ฉันที่เริ่มเปียกแล้วให้ฉันดู
ฉันเลยได้แต่หัวเราะแห้งๆ ก่อนเปลี่ยนมาสะพายกระเป๋าไว้ด้านหน้าแทน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อร่มคันใหญ่มาบังหน้าฉันไว้
"เปลี่ยนมาสะพายด้านหน้าก็เปียกอยู่ดีแหละ ใช้ร่มนี้เถอะนะ"
และตอนนี้เขาและฉันก็ได้ยืนอยู่ด้วยกันท่ามกลางฝนที่กระหน่ำลงมา
"บ้านเธออยู่แถวไหนเหรอ"
อยู่ๆเค้าก็ถามขึ้นมา ทั้งๆที่ตอนแรกเราทั้งสองก็ได้แต่ยืนเงียบกันทั้งคู่
"ไปทางฝั่งร้านก๋วยเตี๋ยวซองกยอลอีกประมาณสามช่วงตึกน่ะ แล้วเธอล่ะ"
ความจริงฉันก็ถามไปอย่างนั้นแหละ เพราะความจริงฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเค้าอยู่ที่ไหน
"หอพักหลังโรงเรียนนี่แหละ"
"อ๋อ แล้ววันนี้เธอมาโรงเรียนทำไมน่ะ ช่วงนี้ปิดเทอมนี่หน่า "
เขาถอนหายใจเบาๆก่อนตอบ
“ฉันต้องมาเก็บตัวเพื่อไปประกวดร้องเพลงน่ะ มาอยู่นี่ตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อนแล้ว”
ฉันพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะเสแสร้งมองผ่านสายฝนตรงหน้าออกไปทั้งๆที่ในใจอยากมองหน้าชายหนุ่มที่ยืนข้างๆชัดๆซักครั้ง
"เธอชอบฉันเหรอ?"
"หา?"
คำถามที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน ทำเอาฉันถึงกับร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ
ทำไมเค้าถึงรู้ล่ะ? หรือยัยโบราจะเอาเรื่องฉันไปบอกเค้านะ ต้องใช่แน่ๆเลย ยัยนี่รู้จักแบคฮยอน แล้วยังรู้อีกว่าฉันชอบแบคฮยอน แถมยัยนี่ยังเคยขู่ว่าจะเอาเรื่องของฉันไปบอกแบคฮยอนด้วย ตายแน่ๆ
"ฉันเห็นเธอไปดูฉันร้องเพลงเมื่อสามวันก่อนที่ร้านน้าคยองมี เธอไปที่นั่นประจำหรือ เธอไปเพื่อไปดูฉันเหรอ"
เอ๋?...ถ้าพูดอย่างนี้แสดงว่าเค้าก็คงยังไม่รู้สินะ เฮ้อ โล่งอก
"เอ่อ...ฉันไปร้านนั้นประจำแหละ"
พูดจบแล้วฉันก็แทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ตายซะ ทำไมไม่บอกว่าฉันไปเพื่อดูเค้านะ จะเขินทำไมกัน
"อ้าวเหรอ นึกว่าเธอเป็นหนึ่งในแฟนคลับฉันซะอีก ฮ่าๆ โทษทีฉะนก็หลงตัวเองแบบนี้แหละ"
(เป็นสิ ตัวแม่เลยล่ะ) ฉันได้แต่พูดประโยคนี้ในใจ
"ร้านน้าคยองมีเค้าให้เรานั่งทำการบ้านนานๆได้นะ ฉันเลยชอบไปนั่งที่นั่น"
ฉันยังคงโกหกไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่ความจริงนั่นคือผลพลอยได้ต่างหาก เพราะจริงๆแล้วฉันก็ไปร้านน้าคยองมีเพื่อดูเขาร้องเพลงจริงๆ
"งั้นเหรอ...แล้วเธอเคยคุ้นหน้าฉันบ้างมั้ย"
ฉันหันไปมองหน้าเค้าเล็กน้อยแล้วก็ตอบไปพร้อมรอยยิ้มที่เสแสร้งสุดชีวิต
"ก็เคยบ้างน่ะ เธอเป็นนักร้องประจำโรงเรียนนี่"
เขายิ้มน้อยๆ พลางใช้มือซ้ายยกขึ้นเกาท้ายทอยตัวเองด้วยท่าทีเขินๆ
"ไม่ขนาดนั้นหรอก ฮ่าๆ ถ้าอาจารย์ไม่ให้ฉันไปร้องเพลงหน้าเสาธง ป่านนี้จะมีใครรู้จักฉันรึเปล่าก็ไม่รู้"
แบคฮยอนพูดอย่างติดตลก ส่วนฉันก็ได้แต่หัวเราะตามเค้าไปทั้งๆที่ในใจอยากเถียงใจจะขาดว่า ตั้งแต่วันแรกที่เค้าขึ้นไปร้องเพลงเค้าก็ได้สร้างกลุ่มแฟนคลับของตัวเองขึ้นมาแล้วนะ อาจจะไม่มาก แต่ก็เกือบทั้งโรงเรียนที่ติดตามเรื่องราวของเขาอยู่ แน่นอน หนึ่งในนั้นก็มีฉันรวมอยู่ด้วย
"ว่าแต่เธออยู่ห้องอะไรเหรอ ฉันอยู่ ม. 5 ห้อง 2"
"ฉันห้อง 6 น่ะ ม.5 เหมือนกันสายศิลป์-คำนวณ"
ฉันตอบไป แต่ไม่รู้ทำไมคำตอบของฉันถึงทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้างแล้วจึงรีบสวนถามฉันขึ้นทันที
"เธออยู่ห้อง 6 เหรอ? จริงเหรอ? งั้นเธอก็ต้องรู้จัก..."
แบคฮยอนหยุดพูดชั่งใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ
“เธอรู้จักมีแรใช่มั้ย”
น้ำเสียงที่เขาถามฉัน มันเหมือนซ่อนความรู้สึกอะไรไว้บางอย่าง ความรู้สึกแบบที่ฉันคิดว่า...คือความรู้สึกเดียวกันกับฉัน
เพียงแต่เขา รู้สึกกับอีกคนหนึ่งที่ไม่ใช่ฉัน
“อืม รู้จักสิ ก็สนิทกันอยู่”
ทำไมจะไม่สนิทล่ะในเมื่อมีแรน่ะเป็นคนที่น่ารักกับทั้งผู้ชายและก็ทั้งผู้หญิง ไม่มีใครหรอกที่เข้าไปคุยกับมีแรแล้วมีแรจะทำเมินใส่
“งั้นเหรอ”
แบคฮยอนพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วก็นิ่งไป แต่ฉันก็สัมผัสได้ว่าเค้าคงอยากถามอะไรฉันต่อแน่ๆ และไม่รู้อะไรดลใจทำให้ฉันถามคำถามนั้นกับเขา
“แอบชอบมีแรอยู่ล่ะสิ ใช่มั้ย”
คำถามที่ฉันคิดแค่อยากจะลองแหย่ดูเล่นๆ แต่ปฏิกิริยาที่ได้รับกลับทำเอาฉันใจสั่นไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อแบคฮยอนทำตาโต แล้วรีบยกมือขึ้นโบกปฏิเสธโดยไว
“คือเปล่านะ ฉัน...ฉัน....”
คำพูดอ้ำอึ้งที่พอจะเดาออกว่าเจ้าตัวคงไม่รู้จะสรรค์หาคำพูดใดมาแก้ตัวทำให้ฉัน ปวดใจตุบๆอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ฝืนยิ้มแล้วใช้มือข้างขวาตีไหล่เค้าเบาๆ
“แหมๆ ไม่ต้องเขินหรอก ใครๆก็ชอบมีแรกันทั้งนั้นแหละ ถ้าเธอจะชอบอีกคนก็ไม่เห็นแปลกเลยนี่นา ฮ่าๆ”
ฉันฟังเสียงหัวเราะตัวเองที่ฝืนหัวเราะออกมาอย่างสมเพศสุดๆ กับท่าทางตบไหล่แหย่แบคฮยอนอย่างนั้น ทั้งๆที่เราไม่ได้สนิทกันเลย
การที่ฉันรู้ว่าแบคฮยอนชอบมีแรนี่ทำให้ฉันทำท่าทางได้งี่เง่าขนาดนี้เลยหรือเนี่ยะ
เศร้า...เศร้ามาก
“ฉันก็แค่มองว่า มีแรเค้าก็น่ารักดี ก็แค่นั้นเอง”
แม้แบคฮยอนจะพูดแบบนั้น แต่ท่าทาง แววตา รวมทั้งหน้าที่เริ่มขึ้นสีขึ้นเรื่อยๆ บ่งบอกทุกอย่างว่าความจริงเค้ารู้สึกกับมีแรอย่างไร
ทำไมฉันถึงรู้น่ะหรือ?
ก็เพราะฉันเองก็เคยเป็นแบบนี้ ตอนที่เพื่อนฉันแซวเรื่องฉันกับเขาน่ะสิ
“มีแรน่ะ น่ารักตลอดเวลานั่นแหละยัยนั่นน่ะ ฉันเองไม่เคยเจอสิ่งมีชีวิตไหนน่ารักเท่ายัยนั่นเลยรู้รึเปล่า”
ฉันพูดขึ้นลอย พลางสายตาก็มองทะลุผ่านสายฝนไปไกลแสนไกล พยายามมองหาอะไรซักอย่างท่ามกลางสายฝนนั่นเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางสายตา ฉันจะได้ไม่ต้องหันไปมองหน้าแบคฮยอนเค้า
“มีแร มีแฟนรึยังน่ะ”
คำถามของแบคฮยอนหลังจากเงียบไปพักใหญ่ทำให้ฉันอดไม่ได้ต้องเหลือบตามองเขา ก่อนรีบหลุบตาลงต่ำเพราะกลัวเขาสังเกตสายตาของฉันที่มองเขา
คำถามที่ยืนยันข้อสันนิษฐานของฉันได้ชัดเจนที่สุด
“ยังหรอก ยัยนี่เลือกมาก”
ฉันตอบไปอย่างขำๆเมื่อหันไปมองแบคฮยอนก็เห็นเขามีสายตาลอกแลกปนดีใจ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าตอนนี้คงกำลังคิดคำถามที่อยากจะถามเรื่องมีแรจากฉันอยู่
“งั้นเธอพอจะรู้มั้ยว่ามีแรน่ะเค้าชอบหรือ ไม่ชอบอะไรน่ะ”
คำถามที่มาพร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังของเขามันช่างดูน่ารัก เหมือนเด็กน้อยที่พยายามขอของเล่นจากแม่ไม่มีผิด
คงจะแอบชอบมานานแล้วเหมือนกันสินะ
พอความคิดนี้ปรากฏขึ้นในหัวของฉัน อยู่ๆฉันก็รู้สึกอึดอัดในใจไปหมด
ฉันรู้ตัวว่าฉันกำลังโกรธ โกรธมากด้วย
“ฉันว่า ฉันต้องไปแล้วล่ะ”
ไม่พูดเปล่าฉันจ้ำอ้าวออกไปท่ามกลางสายฝนแล้ววิ่งออกไปทันที ได้ยินเสียงของแบคฮยอนตะโกนเรียกฉันด้วยคำว่า “เธอๆ” อยู่ซ้ำๆจนเสียงนั้นเริ่มไกลออกไปเพราะฉันเองก็วิ่งห่างจากตรงนั้นมาพอสมควร
ฉันวิ่งจนไปเจอตึกแถวที่จำได้ว่าเป็นร้านก๋วยเตี๋ยว แต่วันนี้คงหยุดด้วยเหตุผลอะไรซักอย่าง หน้าร้านจึงเห็นแต่ประตูเหล็กปิดสนิท แต่เพราะด้านหน้าพอจะมีหลังคาสังกะสีเล็กๆยื่นออกมา ฉันจึงสามารถใช้เป็นที่หลบฝนได้ชั่วคราว
ฉันก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง เข็มนาฬิกาทั้งสองชี้บอกเวลาว่าตอนนี้ก็ปาเข้าไปสี่โมงเย็นแล้ว แต่สายฝนที่กระหน่ำลงมาพร้อมเมฆครึ้มทำให้รู้สึกเหมือนเวลานี้เลยหกโมงเย็นเข้าไปแล้ว
“เกลียดเธอจริงๆ แบคฮยอน ฉันเกลียดเธอจริงๆ เกลียดเธอด้วยมี...”
พอรู้ว่าตัวเองกำลังจะพูดชื่อใครออกมา ทำให้ฉันแทบจะเอามือตะครุบปากตัวเองทันที
ฉันทำไปได้ยังไง ฉันกำลังจะบอกว่าฉันเกลียด....เกลียดมีแรงั้นเหรอ
น้ำตาที่เพิ่งไหลให้กับซีรี่ย์เกาหลีเรื่องโปรด กับฉากที่พระเอกต้องยอมจากนางเอกไปเพราะเหตุผลจำเป็น ตอนนี้ฉันกลับนำมาใช้ร้องไห้ให้กับตัวเองในสถานการณ์ที่ฉันรู้สึกเกลียดตัวเองมากจริงๆ
“คราวหน้าเดี๋ยวถ้าเจอฉันจะถ่ายรูปมาให้แบบชัดๆเลย เอาป่ะ”
“เค้าก็น่ารักดีนะ แต่เธอชอบเค้านี้ ฉันขอเป็นที่สองรองจากเธอแล้วกัน”
ประโยคมากมายที่ฉันคุยกับมีแรถึงเรื่องแบคฮยอนพรั่งพรูเข้ามาในหัวฉันเต็มไปหมด
มีแรเองก็ชอบแบคฮยอน
แต่มีแรก็รู้ว่าฉันก็ชอบแบคฮยอนเหมือนกัน มีแรเลยมักเป็นฝ่ายบอกฉันเสมอว่า “ได้เลย เรื่อแบคฮยอนฉันยอมให้เธอได้ที่หนึ่งคนเดียวนะ”
ไม่มีครั้งไหนที่เมื่อมีแรได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับแบคฮยอน หรือได้เจอแบคฮยอนตามทางเดิน แล้วจะไม่เอามาบอกฉัน
ฉันบอกแบคฮยอนไปว่าฉันกับมีแรสนิทกันอยู่ แต่ความจริงก็คือ เราสนิทกันมาก และสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เราสนิทกันมากก็เพราะเรื่องของแบคฮยอนเองเนี่ยะแหละ
แต่ตอนนี้....ฉันกำลังจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับมีแร เพียงเพราะฉันรู้ว่าความจริงแล้วแบคฮยอนก็ชอบมีแรเหมือนกัน
ฉันมันเป็นเพื่อนพันธุ์ไหนกันเนี่ยะ
คิดได้อย่างนั้นน้ำตามากมากก็พรั่งพรูออกมาไปขาดสาย ต่อให้ฉันพยายามจะให้แขนปาดมันเท่าไหร่แต่มันก็เหมือนไม่มีทีท่าว่าจะน้อยลงซักนิด
“แบคฮยอน ฉันชอบเธอ ชอบเธอจริงๆนะ แล้วทำไมเธอต้องไปชอบมีแรด้วยล่ะ”
“เธอว่าเธอชอบใครนะ?”
เสียงคุ้นเคยจากคนที่ฉันคิดว่าวิ่งหนีมาพ้นแล้วทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็พบเจ้าของเสียง
“แบคฮยอน”
แบคฮยอนมองหน้าฉันด้วยสายตางงๆ พลางถามย้ำฉันอีกครั้ง
“เมื่อกี้นี้ เธอว่าเธอชอบใครนะ?”
ฉันอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบยังไงน้ำตายังคงไหลลงมาไม่หยุด ฉันเลยทำได้แค่หลุบตาลงต่ำไม่กล้าที่จะมองหน้าเค้าตรงๆ
แต่พอฉันก้มหน้าได้ไม่เท่าไหร่ มือขาวพร้อมผ้าเช็ดหน้าก็ถูกยื่นมาตรงหน้าฉัน
“ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร โทษทีที่คาดคั้นเธอ ฉันว่าฉันหูฝาดเหมือนได้ยินชื่อฉันน่ะ”
ฉันมองหน้าเค้าทันทีพลางเอ่ยถาม
“เธอไม่ได้ยินใช่มั้ยว่าฉันบอกว่าชอบใคร”
แบคฮยอนส่ายหน้า พลางยิ้มน้อยๆ
“ถ้าได้ยินแล้วฉันจะถามเธอทำไมล่ะ บ๊องจริง”
เค้าว่าพลางจัดการใช้ผ้าในมือมาเช็ดน้ำตาจากหน้าฉันเอง เมื่อไม่เห็นว่าฉันจะมีทีท่าที่จะรับผ้าเช็ดหน้าจากเขาซักที ซึ่งการกระทำของเขาครั้งนี้ทำเอาหัวใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะกันเลยที่เดียว
ตายแล้ว ใจฉันทำไมมันถึงเต้นแรงอย่างนี้นะ
“แต่ดูท่าเธอคงจะชอบเค้ามากสินะ ถึงได้ร้องไห้ขนาดนี้น่ะ”
แบคฮยอนถามขึ้นขณะที่มือก็ยังคงเช็ดน้ำตาให้ฉันต่อไป ซึ่งฉันเห็นทีจะให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงได้หัวใจวายกันพอดี ฉันเลยเลือกที่จะแย่งผ้าเช็ดหน้าจากมือเขาแล้วกล่าวพัลวัน
“เดี๋ยวฉันเช็ดเองก็ได้ ขอบใจนะ”
แบคฮยอนยิ้มๆพลางพยักหน้าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ก่อนถามต่อ
“ฉันคงซักไซ้เธอมากเกินไปสินะ โทษทีละกัน แต่ฉันแค่งงที่อยู่ๆเธอก็วิ่งออกมาซะอย่างนั้น ฝนแบบนี้ ร่มก็ไม่มี เธอเป็นผู้หญิงนะระวังตัวเองหน่อยสิ”
แบคฮยอนว่าฉันด้วยน้ำเสียงตำหนิ พลางส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
“หรือที่เธอวิ่งออกมา เพราะเธอจะมาร้องไห้”
ฉันมองหน้าเขาเล็กน้อย จึงเห็นดวงตาที่สื่อออกมาว่าอยากรู้คำตอบจากฉันมาก
“อืม”
ฉันตอบไปอย่างนั้น และหวังให้เขาหยุดถามซักที
แต่ดูเหมือนฉันเพิ่งจะรู้ว่าเขานี่ก็ช่างซักใช่เล่นเหมือนกัน
“แล้วเธอร้องไห้เพราะเรื่องอะไรน่ะ? อย่าบอกนะว่าเรื่องของฉันดันไปตรงกับชีวิตรักเธอ”
ฉันถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ก่อนทรุดตัวลงนั่งเอาหลังพิงประตูเหล็กก่อนตอบ
“ไม่ใช่หรอก เลิกถามเถอะ ปล่อยฉันไว้ซักพัก เดี๋ยวฉันก็หยุดร้องเอง”
แบคฮยอนทำท่าจะถามต่อ แต่คงเห็นท่าทางของฉันที่ดูเหนื่อยเต็มทนเลยตัดสินใจปิดปากเงียบแล้วนั่งลงข้างๆฉันแทน
เรานั่งเงียบๆกันเป็นเวลาพักใหญ่ จนในที่สุดน้ำตาฉันก็หยุดไหลเอง ดังว่า แบคฮยอนดูจะเลิกสนใจถามฉันแล้ว เพราะเค้าเอาแต่มองดูฝนแล้วเอามือไปรองมันเล่นอยู่อย่างนั้น พลางยิ้มกับตัวเองอย่างชอบใจ
เป็นภาพที่น่ารักและฉันคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นได้ง่ายๆแน่ๆ
“มองฉันอย่างนี้ ฉันเองก็เขินเหมือนกันนะ”
คำพูดของเขาทำเอาฉันสะดุ้งโหยง รีบนั่งตัวตรง โบกมือปฏิเสธพัลวัน
“ฉัน...ฉันเปล่ามองนะ ฉันมองฝนต่างหาก”
แบคฮยอนยิ้มมุมปากน้อยๆ ก่อนเอ่ยเบาๆ
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ แล้วก็ไม่ได้ไม่ชอบด้วย”
ฉันเบิกตาโตด้วยความรู้สึกประหลาด ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ยิ่งพอสิ้นประโยค คนพูดกลับหัวเราะคิกขำในท่าทางของฉัน ฉันยิ่งแทบอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เลยเลือกที่จะเปิดกระเป๋าหยิบการบ้านคณิตขึ้นมาดูแทน
แต่เหมือนความโชคร้ายของฉันจะไม่สิ้นสุด เมื่อแบคฮยอนเลือกที่จะสนใจฝนแล้วเขยิบมานั่งใกล้ฉันแทน พร้อมทั้งก้มหน้าลงมาสำรวจการบ้านของฉันด้วย
“คณิตเหรอ งานถนัดฉันเลยนะ ให้ช่วยมั้ย”
แบคฮยอนอาสา แม้ฉันจะรู้สึกตื้นตัน แต่เพื่อสวัสดิภาพของหัวใจฉัน...
“ไม่เป็นไร ฉันอยากทำเองน่ะ”
แบคฮยอนพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะหันหน้าไปมองฝนต่อ แต่ตัวยังคงนั่งติดกับฉันอยู่อย่างนั้น
ฉันนั่งทำการบ้านไป โดยจิตใจไม่ได้โฟกัสอยู่ที่การบ้านเท่าที่ควร เพราะคนข้างๆมีแต่จะรบกวนฉันอยู่เรื่อยๆ
“นั่นเธอต้องใส่รูทเข้าไปไม่ใช่เหรอ?”
“เป็นฉันจะจับไอ้สองอันนี้รวมกันแล้ว จับแยกกันทีหลัง แล้วค่อยหักออกด้วยจำนวนนี้นะ มันง่ายกว่ากันเยอะเลย”
“เธอถอดรูท 48 ได้ 4 เหรอ มันต้องได้ 4 รูท 3 ไม่ใช่?”
ฟึ่บ!
“อ้าว ไม่ทำแล้วเหรอ”
แบคฮยอนถามด้วยใบหน้างงๆ
“อืม ฉันว่าเอาไปทำที่บ้านดีกว่า”
เพราะขืนทำต่อไปมีหวังฉันได้สติแตกก่อนแน่ๆ
ฉันเก็บการบ้านลงกระเป๋า เหลือบมองไปที่ฝนที่ตอนนี้เริ่มซาลงมากแล้ว ก่อนมองไปที่ข้างๆที่กำลังใช้นิ้วจุ่มน้ำมาเขียนเป็นตัวหนังสือบนพื้นซีเมนต์ที่เค้านั่งอยู่เป็นรูปใบหน้ายิ้ม
ฉันมองเขาอยู่ซักพักก่อนตัดสินใจเอ่ยถาม
“ไม่อยากรู้เรื่องมีแรแล้วเหรอ”
แบคฮยอนหันมามองฉันก่อนยิ้มน้อยๆแล้วส่ายหน้าเบาๆ
“อยาก แต่คิดว่าไม่อยากถามแล้วล่ะ”
ฉันเอียงคอมองเค้าอย่างไม่เข้าใจ แบคฮยอนยิ้มให้ฉันน้อยๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก
“ฉันไม่แน่ใจว่าเพราะเรื่องที่ฉันถามเธอเกี่ยวกับมีแรรึเปล่า เลยทำให้เธอต้องร้องไห้ ฉันเลย...ไม่ถามดีกว่า”
ฉันมองหน้าเขาที่ยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน เหมือนตอนที่ฉันเห็นเขาครั้งแรกบนเวที เขายิ้มให้ทุกคนที่มาฟังเขาร้องเพลงด้วยรอยยิ้มนั้น รอยยิ้มที่เหมือนเด็กน้อย สว่างไสวทุกครั้งที่เห็น
“ฉัน...”
ไม่มีคำพูดอะไรต่อจากนั้น ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดีจริงๆ
“ไม่เป็นไร เรื่องมีแรน่ะ แค่เธอบอกฉันแค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ ที่เหลือฉันจะจัดการเอง อย่าคิดมากนะ”
เขาว่าพลางเอามือลูบหัวฉันเบาๆ ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงจะโกรธที่รู้จักกันไม่นานก็มาลูบหัวกันเล่น แต่เพราะเป็นเขาฉันถึงยอม ฉันค่อยๆ ถอยมานั่งพิงประตูเหล็กเหมือนเดิม ในขณะที่เขาเริ่มกันไปสนใจฝนเหมือนเดิมเช่นกัน
บางทีฉันว่าฉันชอบเขามาก มากซะจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก
ฉันเปิดกระเป๋าอีกครั้ง แต่คราวนี้สิ่งที่ฉันควานหาไม่ใช่สมุดการบ้าน แต่เป็นโทรศัพท์มือถือ
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนกดไปที่ประวัติการโทรไม่นานมานี้ก่อนจ้องมองชื่อบนหน้าจออย่างชั่งใจ แล้วกดต่อไปอยู่พักก่อนเอ่ยถามขึ้นมา
“เธอชอบมีแรมากเลยเหรอ”
แบคฮยอนหันมามองหน้าฉันอย่างไม่เข้าใจ ฉันเลยถามย้ำอีกรอบ
“ฉันถามว่าเธอชอบมีแรมากเลยเหรอ? ชอบมานานรึยัง? ชอบเพราะอะไร แล้ว...”
“นี่เธอจะถามซักประวัติคนร้ายหรือไงเนี่ยะ ฮ่าๆ”
แบคฮยอนแซวพร้อมกับหัวเราะ เสียงดังฉันรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเล็กน้อยด้วยความเขินอาย พลางหงุดหงิดคนที่ฉันเพิ่งถามคำถามไป เลยเตรียมจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า แต่ก็ต้องชะงักด้วยคำพูดต่อมา
“ฉันชอบมีแรมากเลยล่ะ ชอบมาพักนึงแล้วล่ะ คงซักปีนึงได้มั้ง ฉันเจอมีแรตอนมาช่วยครูยกของที่ห้องดนตรี ทั้งๆที่โดนทำโทษให้เก็บของในเครื่องดนตรีคนเดียวแท้ๆ แต่ยังกลับหัวเราะร่าเริง และยิ้มได้ เค้าเข้ามาชวนฉันคุยนิดหน่อย แต่ก็ดูเขินๆฉันนะ แต่เธอรู้มั้ยฉันเขินเค้ามากกว่าอีกนะ แต่ด้วยความเป็นผู้ชายเลยได้แต่ทำนิ่งใส่ ฮ่าๆน่าขำใช่มั้ย ถ้าถามว่าฉันชอบเค้าเพราะอะไร ฉันคงไม่ปฏิเสธว่าหน้าตามีแรดึงดูดความสนใจฉันเหมือนกันแหละ แต่ที่ฉันชอบที่สุดก็คือความสดใส ร่าเริง ตลกของเธอน่ะ ทำให้ฉันอยากคุยกับเธอต่อ ฉันคงบอกสิ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับมีแรได้แค่นี้แหละ เพราะฉันก็ไม่เคยได้คุยกันจริงๆจังๆซักครั้งเลยนี่หน่า”
แบคฮยอนหัวเราะ อย่างอารมณ์ดี แล้วจึงฮัมเพลงต่อหลังจากเล่าจบ
ฉันมองเค้าพลางยิ้มน้อยๆ ก่อนตัดสินใจกดนิ้วลงบนโทรศัพท์เพื่อพิมพ์ข้อความต่ออีกเล็กน้อยก่อนปิดเครื่อง แล้วก็เก็บของทุกอย่างลงกระเป๋า
ฝนใกล้หยุดแล้ว แดดตอนห้าโมงที่กำลังจะลับขอบฟ้าเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเวลาของฉันจะหมดลงแล้ว
“ฝนกำลังจะหยุดแล้ว เธอรออีกพักแล้วค่อย...”
“เดี๋ยวฉันว่าฉันจะไปเลยล่ะ”
แบคฮยอนหันมามองหน้าฉันอย่างงงๆ พร้อมกับจะเอ่ยค้าน แต่แน่นอนฉันไวกว่า
“ขืนรอนานกว่านี้ฉันได้ถึงบ้านค่ำแน่ๆ ตอนนี้ก็เริ่มซามากแล้ว ฉันว่าฉันเดินไปตอนนี้ก็ไม่เป็นไรหรอก”
แบคฮยอนมองฉันพลางหัวเราะเบาๆ เขาคงเดาได้ว่าขืนห้ามฉันต่อไปฉันก็คงหาข้ออ้างมาอ้างที่จะไปอยู่ดี
“อืม งั้นเอาร่มฉันไปนะ ถึงจะเริ่มซาแล้วแต่ไม่ใช่ว่าจะไม่กลับมาตกใหม่ เผื่อไว้น่ะ”
“แล้วเธอล่ะ?”
“ฉันเหรอ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวไงพ่อฉันก็มารับอยู่แล้วฉันแค่โทรบอกพ่อว่าฉันรออยู่ตรงนี้ก็แค่นั้นเอง เธอเอาไปเถอะ”
แบคฮยอนยื่นร่มให้ฉัน พอเห็นฉันไม่รับก็รีบหยิบร่มยัดมือฉันโดยไว
“เร็วสิ ถ้าไม่รีบกลับตอนนี้ เดี๋ยวฝนมาอีกรอบเธอจะไม่ถึงบ้านเอานะ”
ฉันยิ้มให้เขาพลางพยักหน้าแล้วรับร่มมา ฉันมองร่มสีฟ้าอย่างพิจารณาพลางตัดสินใจเอ่ยขึ้นมาเบาๆ
“ฉันขอร่มเธอได้มั้ย?”
“หา?”
แบคฮยอนดูออกจะงงๆกับคำถามฉัน ฉันเลยถามย้ำอีกรอบ
“ร่มเธอน่ะ ฉันขอเลยได้มั้ย?”
แบคฮยอนอ้าปากค้างอย่างไม่รู้จะตอบอะไร ก่อนหัวเราะออกมา แล้วยิ้มแป้น พลางยักคิ้วน้อยๆแล้วบอก
“อื้ม ได้ ฉันยกให้ ถือว่าให้ที่เธออยู่เป็นเพื่อนฉันในวันนี้ แล้วก็ทนฟังฉันพล่ามอะไรมากมาย”
ฉันยิ้มให้เขาก่อนเอ่ย
“ฉันต่างหากที่น่าจะขอบคุณเธอ ฉันขี้แยไปเรื่อย เธอเลยต้องตามมาดูฉันเลย ทั้งๆที่เราไม่ได้รู้จักกันมาก่อนแท้ๆ ขอบใจมากนะ”
แบคฮยอนยิ้มให้ฉันอย่างใจดีก่อนพยักหน้าแล้วทำท่าตะเบ๊ะเหมือนทหาร
“ด้วยความยินดีนะเพื่อนใหม่ เอ๊ะจริงสิ เธอชื่ออะไรน่ะ โทษทีนะ ฉันยังไม่ได้ถามชื่อเธอเลย มีแต่เธอที่รู้ชื่อฉัน”
ฉันยิ้มให้เขาน้อยๆ ก่อนเอ่ย
“ไม่ต้องรู้วันนี้หรอก เดี๋ยวถ้าเราเจอกันอีก เธอค่อยถามฉันอีกรอบ จะได้รู้ว่าเธอจะยังจำฉันได้รึเปล่า”
แบคฮยอนหัวเราะขำกับความคิดของฉันก่อนเอ่ย
“เธอนี่บ๊องใหญ่แล้ว ก็ต้องจำได้อยู่แล้วล่ะ ก็ได้ งั้นเจอกันครั้งหน้าฉันจะถามชื่อเธอละกัน ไม่สิ พรุ่งนี้เดี๋ยวต้องเจอกันที่โรงอาหารแน่ เปิดเทอมวันแรกนี่หน่า พรุ่งนี้ฉันจะถามชื่อเธอละกันนะ”
“อืม”
ฉันกางร่มสีฟ้าคันโตออก เพิ่งสังเกตเห็นเดี่ยวนี้เองว่ามันมีลายโดราเอมอนติดอยู่ด้วย
“ขอบคุณสำหรับร่มนี่นะ ฉันจะรักษามันให้ดี”
แบคฮยอนยิ้มก่อนเอ่ย
“แน่นอน เธอต้องรักษามันให้ดีนะ ถ้าคราวหน้าฝนตกฉันจะคอยมองหาเธอจากร่มฉันนี่แหละ เธอต้องพกมันมาทุกๆหน้าฝนนะ เข้าใจ๋”
ฉันหัวเราะกับคำพูดเชิงบังคับของเขาก่อนพยักหน้ารับปาก แล้วจึงมองไปยังเส้นทางที่เป็นทางกลับบ้านของฉัน ไม่เข้าใจว่าทำไมวันนี้มันถึงดูแปลกไปจากเดิมนะ ทั้งๆที่ฉันก็เดินกลับทางนี้ทุกวัน
หรือจะเป็นเพราะฝนที่กำลังตกปรอยๆตอนนี้
หรือจะเป็นเพราะแสงอาทิตย์ที่ใกล้ตะตกดินเต็มที
หรือจะเป็นเพราะ”เขา” ที่เข้ามาด้วยความบังเอิญในวันฝนตกนี้
ฉันยิ้มให้กับตัวเองน้อยๆ ก่อนหันไปโบกมือเป็นครั้งสุดท้ายให้เจ้าของร่มคนเก่า
“แล้วเจอกันใหม่นะ”
แบคฮยอนยิ้มให้ฉันจนตาของเขาหยีเล็กพร้อมเอ่ยประโยคเดียวกัน
“แล้วเจอกันใหม่นะ”
ฉันเดินออกไปพร้อมทอดสายตามองถนนที่ยังเห็นเม็ดฝนตกกระทบพื้นเล็กน้อย แต่ก็มีแสงแดดส่องมาด้วย ฉันพยายามก้าวเท้าให้ยาวเพื่อที่จะเหยียบเม็ดฝนบางเม็ดที่ตกลงบนพื้นซักพักก่อนหันกลับไปยังคนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
เขาดูมีท่าทีตกใจเล็กน้อยกับการที่ฉันหันกลับมาหาเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว เพราะเขาเองก็กำลังมองฉันอยู่
“อะไรของเธอ อยู่ๆก็หันมา ฉันตกใจหมดเลย”
ฉันยิ้มให้เขาก่อนเอ่ย
“ฉันลืมบอกเธอไปอย่างนึงน่ะ”
แบคฮยอนมองหน้าฉันอย่างรอคำตอบที่ฉันกำลังจะบอกเขา
“มีแรน่ะ ชอบกินเค้กช็อตโกแลตมากเลยนะ ยัยนั่นมีความฝันว่าอยากได้ดอกกุหลาบขาวจากผู้ชายที่ชอบ ปกติชอบฟังเพลงเกาหลีทั่วไปที่นักร้องหล่อๆนั่นแหละ วันว่างชอบไปขี่จักรยานแถวหมู่บ้าน หลักๆก็มีแค่นี้แหละ แต่ก็มีอย่างหนึ่งที่เธอควรรู้ไว้ แล้วตัดสินใจซะว่าควรจะทำยังไงต่อไป....”
แบคฮยอนดูอึ้งกับข้อมูลที่ฉันกำลังป้อนให้เขาอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่นี่ยังไม่ใช่ทีเด็ดนะ
“มีแรน่ะ เค้าก็ชอบนายตั้งแต่วันที่นายประกวดร้องเพลงแล้วล่ะ มีแรน่ะเค้าชอบนายอยู่เหมือนกันนะ”
แบคฮยอนอ้าปากค้างกับข้อมูลที่ฉันเพิ่งบอกไป ฉันยิ้มให้อีกครั้งก่อนรีบหันหลังแล้ววิ่งไปสุดแรงเกิด เพื่อไม่ให้เขาเห็นน้ำตาของฉันที่กำลังไหลออกมา
ขอบคุณคราวนี้ที่ฉันวิ่งเร็วจนเขาวิ่งตามมาไม่ทัน
ตี๊ดๆๆๆๆๆ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลังจากที่ฉันวิ่งมาได้ซักพัก ซึ่งตอนนี้ฉันก็มาถึงบ้านของฉันแล้ว ไม่สิ มันกำลังจะกลายเป็นอดีตบ้านของฉันแทนแล้วนี่หน่า
ฉันหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า แทบไม่ต้องดูชื่อบนหน้าจอ ฉันก็รู้ว่าใครโทร
คนเดียวกับที่ฉันเพิ่งส่งข้อความไปให้เมื่อกี้แน่ๆ
ติ๊ด
“ว่าไง ยัยมีแรโร”
[นี่ เลิกเรียกชื่อฉันด้วยชื่ออุบาตนั่นเสียทีสิ จะไม่ได้เจอกันแล้วนะ แกจะเรียกชื่อฉันให้มันถูกๆหน่อยไม่ได้รึไง]
“ความสุขของฉัน อย่าขัดได้ป่ะ ฮ่าๆ”
[ว่าแต่....คลิปเสียงนี่มันคืออะไร]
“อะไร อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้น่ะว่าเสียงใคร เรายังไปแอบฟังเค้าร้องเพลงทุกเย็นอยู่เลยนะ”
[ไม่ใช่จำไม่ได้ แต่แค่...ไม่อยากเชื่อก็เท่านั้น]
“งั้นก็เชื่อได้แล้ว เพราะคนที่เค้าคุยด้วยคือฉัน และฉันเองที่อัดเสียงเค้ามาให้แก ฉะนั้น ข้อมูลนี้ชัวร์ได้เลย”
[…]
“อะไร ทำไมเงียบอ่ะ ไม่ดีใจเหรอ”
[แกทำแบบนี้ทำไม แกเองก็แอบชอบเค้าไม่ใช่หรือไง]
“อืม ก็ใช่”
[แล้วแกยังจะ...]
“แต่ฉันก็รักแกเหมือนกันนี่หน่า ฉันผิดมากเหรอที่ฉันอยากให้คนที่ฉันรักทั้งสองคนได้รักกัน”
[แต่...]
“แกคิดว่าฉันไม่เสียใจเหรอตอนที่รู้ว่าเค้าชอบแก ฉันก็คนนะ เฮิร์ตเป็นเหมือนกัน แต่ฉันก็ไม่เห็นว่าฉันควรจะทู่ซี้ต่อไปทำไม แค่วันนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของฉันที่นี่ ฉันได้คุยกับเค้า ได้ใช้เวลาอยู่กับเค้า แค่นี้ก็ไม่รู้จะขอบคุณฟ้ายังไงแล้ว”
[แกชอบเค้าก่อนฉันซะอีก แล้วก็ชอบมากกว่าฉันด้วย เค้าควรจะได้คบกับแกมั้ย]
น้ำเสียงปลายสายบอกให้ฉันรู้ว่า คนพูดกำลังร้องไห้อยู่
“ฟังฉันนะมีแร ฉันชอบเค้า แต่เค้าน่ะชอบแกจริงๆนะ แล้วฉันก็รู้ว่าแกก็ชอบเค้าไม่น้อยไปกว่าฉัน แกเห็นฉันเป็นเพื่อนงี่เง่าที่จะต้องแย่งของเพื่อน เพราะฉันชอบเค้ามากกว่าทั้งๆที่เค้าไม่ชอบฉันงั้นเหรอ ตลกไปแล้ว”
[เค้าอาจจะชอบฉันแบบคนอื่นๆที่เข้ามาปลื้มฉันไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับฉันก็ได้นะแก]
“ก็แล้วไงล่ะ นั่นเป็นเรื่องของแกกับแบคฮยอนแล้ว ฉันไม่รู้หรอกว่าสุดท้ายแกสองคนจะลงเอยกันมั้ย แต่ฉันแค่อยากบอกให้แกรู้ในฐานะเพื่อนแกเท่านั้น อยากให้แกมีความสุขที่รู้ว่าคนที่แกแอบชอบเค้าก็ชอบแก และที่สำคัญคือไม่อยากให้แกคิดมากว่าฉันจะคิดยังไง]
[แก...]
“ฉันสบายดี และฉันก็ดีใจและภูมิใจที่ทำแบบนี้ ฉันดำเนินเรื่องให้แกเกือบหมดแล้วนะ พรุ่งนี้เปิดเทอมใหม่ยังไงก็คอยดูแบคฮยอนละกันว่าเข้าจะทำยังไง ฉันก็บอกใบ้เรื่องแกไปเยอะละ ถ้าเค้าไม่ทำอะไรซักอย่าง นั่นคงเกินไปหน่อย”
[แก...ขอบใจนะ แล้วก็ขอ...]
“ขืนแกพูดว่าขอโทษฉันจะบอกพ่อกับแม่เลื่อนไฟลทไปเมกา เพื่อไปด่าแกถึงบ้านเลยคอยดู”
[ง่า...โหดไปนะแกอ่า]
แล้วเราสองคนก็หัวเราะกันเสียงดังใส่โทรศัพท์กัน
[แกโอเคแน่นะ ไม่ว่าเรื่องถัดมาจะเป็นยังไง]
“มีแร สิ่งที่ฉันทำไปวันนี้ฉันมองไว้หมดแล้วล่ะ ว่าไม่ว่าผลมันจะเป็นยังไงฉันก็โอเคกับผลมัน เพราะฉันเลือกแล้ว รู้มั้ย ทุกอย่างมันอาจจะดำเนินเรื่องเป็นว่า ฉันไม่บอกแกเรื่องเค้าชอบแก และไม่บอกเค้าเรื่องแกชอบเค้าก็ได้ ถ้าไม่ติดว่า ถ้าเทียบกับความชอบที่ฉันมีให้เค้า ฉันมั่นใจว่ายังไงฉันก็รักแกมากกว่า ดังนั้น มีแร ถ้าตัดสินใจยังไง ไม่ต้องห่วงทางฉันนะ เพราะฉันโอเคกับมันทุกประการ”
ฉันได้ยินปลายสายร้องไห้ออกมา พร้อมกับการขอร้องไม่ให้ฉันย้ายไปอเมริกากับพ่อแม่ ฉันเลยต้องรีบตัดบทบอกว่าต้องเก็บของต่อทั้งๆที่ความจริงเก็บเสร็จตั้งแต่เมื่อวานแล้วเพื่อที่จะได้ไม่ต้องฟังคำอ้อนวอนของมีแร ไม่งั้นฉันได้ร้องไห้ตาบวมก่อนขึ้นเครื่องแน่เลย
ฉันค่อยๆวางร่มสีฟ้าลงกับพื้น พร้อมแหงนหน้ามองท้องฟ้าสดใสที่บางส่วนยังมีเมฆหมอกปนอยู่ แต่ที่แน่ๆฝนหยุดแล้ว และพระอาทิตย์กำลังส่อง ถึงแม้จะเป็นอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าก็เถอะ แต่มันก็อบอุ่นอย่างประหลาด
ฉันอาจเสียใจที่เค้าไม่รักฉัน แต่ไปรักเพื่อนฉันแทน
ฉันอาจเสียใจที่เขาถามแต่เรื่องของเพื่อนฉันแต่ไม่เคยคิดจะถามชื่อฉันเลย จนวินาทีสุดท้ายที่เราจากกัน
ฉันอาจเสียใจที่ความรู้สึกของฉันเขาไม่เคยรับรู้ และจะไม่มีวันรับรู้มันไปตลอด
ฉันอาจเสียใจที่พอจะเดาตอนจบได้ว่าสุดท้ายสองคนก็คงคบกับ
แต่ฉันมั่นใจว่า
ฉันไม่มีวันเสียใจที่ฉันได้ช่วยบอกความรู้สึกของสองคนนั้นให้กันและกันรู้
เพราะไม่ว่าผลสุดท้ายแม้ฉันรู้ว่าฉันเองจะไม่สมหวัง...
แต่ฉันก็มีความสุขที่คนที่ฉันรักทั้งสองคนได้มีความสุขร่วมกัน
สายฝนพัดผ่านชีวิตฉันไปวันนี้ไม่เหมือนทุกวัน วันหนึ่งฉันเชื่อว่าสุดท้ายมันจะเป็นวันของฉันบ้างเช่นกัน
-THE END-
Cr: [Ma.Si]
------------------------------------------------------------------------------------
***ติชมกันได้เต็มที่เลยนะคะ เพราะเราเชื่อว่าการติจะทำให้เราได้เรียนรู้ และปรับปรุงเยอะขึ้น ^ ^
***เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นจินตนาการของผู้เขียนล้วนๆ ศิลปินตัวจริงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนะคะ ^ ^
ติดตามความเคลื่อนไหวอื่นๆ
Facebook:https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87/420716504705091 หรือพิมพ์ว่า กาลครั้งหนึ่งนะคะ
ผลงานอื่นๆ ของ Ma.Si ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Ma.Si
ความคิดเห็น