โรงเรียนฝึกสอนการต่อสู้เอสเวร์กเซาท์แลน - นิยาย โรงเรียนฝึกสอนการต่อสู้เอสเวร์กเซาท์แลน : Dek-D.com - Writer
×

    โรงเรียนฝึกสอนการต่อสู้เอสเวร์กเซาท์แลน

    เรื่องราวการต่อสู้ของเหล่านักเรียนในโรงเรียนเอสเวร์กเซาท์แลนที่ต้องออกทำภารกิจกำจัดเหล่ามารร้ายในตะกูลของตนเอง

    ผู้เข้าชมรวม

    98

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    98

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  4 ก.พ. 54 / 00:00 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูรายการอีบุ๊กทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทนำ
     
     
                                    ภายในห้องที่มืดสนิทมีเสียงดนตรีดังลอดออกมาจากห้องที่บานประตูนั้นเปิดออกเล็กน้อย เสียงเหมือนของแข็งกระทบกับของเหลวดังแผ่วเบา สายตาคู่หนึ่งมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ที่ตอนนี้มืดสนิทมีเพียงแสงจันทร์ส่องแสงริบหรี่ สายลมบางเบาพัดผ่านดอกไม้ในกระถางจนดอกของมันพลิวไหวแลดูสวยงาม หมู่เมฆสีเทาช่างดูเศร้าหมองเลยเกิน มันลอยอย่างเชื่องช้าผ่านดวงจันทราสีขาวดูโดดเดี่ยว ผืนฟ้าที่ถูกย้อมด้วยสีดำดูเลื่อนลอยเหมือนเงาที่ถูกซ่อนอยู่ในความมืดไร้ซึ่งแสงตะวันนำทาง
                                    เสียงดนตรียังคงบรรเลงต่อไปอย่างเศร้าสร้อย เสียงเบสที่ถูกดีดนั้นเชื่องช้า แม้จะดูเหมือนมันโดดเดี่ยว แต่ก็ยังคงความไพเราะเอาไว้ได้
                                    เสียงถอนหายใจของชายหนุ่มวัยสิบห้าปีดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงั่น สายลมอ่อนๆ พัดผ่านใบหน้าของเขาจนผมสีขาวมีหน้าม้าและถูกซอยสั้นสั่นไหว นิ้วเรียวยังคงเล่นเบสต่อไป เหมือนเขากำลังแสดงความรู้สึกที่อยู่ข้างในลึกๆ ออกมา
                                    เพลงอะไรล่ะนั้น เศร้าสร้อยดีจังนะ ธีโอดอร์ เสียงของหญิงสาววัยสิบห้าปีเอ่ยขึ้น เธอเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่ระเบียง เดรสสายเดี่ยวสีขาวพลิ้วไหว ก่อนที่เสียงของเบสจะหยุดลง
                                    หืม... ธีโอดอร์หันไปมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา เธอยิ้มให้แล้วจ้องเขาตอบ มิแรนดาหรอกรึ
                                    คิดว่าเป็นใครล่ะ ร็อบหรือเมสัน มิแรนดาประชด เธอม้วนผมหน้าม้าสีดำเหมือนเขินอาย ธีโอดอร์มองผมสีดำดุจปีกกาที่ถูกทำเอาไว้เป็นมวย
                                    เปล่านี่...ผมสวยดีนะ ธีโอดอร์กำเบสแน่น เขาลุกขึ้นยืน แล้วจับเสื้อสูทสีดำให้เรียบตรง
                                    ขอบใจ ฉันว่าเรารีบไปกันดีกว่า อย่าลืมสิ วันนี้เราอายุครบสิบห้าปีนะ มิแรนดากล่าวขอบคุณคำชมของเพื่อนชาย ธีโอดอร์งอแขนเล็กน้อยเหมือนเป็นสัญญาณให้มิแรนดาคล้องแขนเขา
                                    ฉันรู้แล้วน่า มิแรนดาสอดแขนเข้ากับแขนของธีโอดอร์ ทั้งคู่เดินออกมาจากระเบียง ทิ้งท้องฟ้ากับดวงจันทร์เอาไว้ด้านหลัง
                                    วันนี้เป็นวันที่เพื่อนๆ กับมิแรนดาและธีโอดอร์อายุครบสิบห้าปีบริบรูณ์ มารีโอเน็ต เพื่อนผู้เรื่องมากและเอาแต่ใจจึงขอจัดงานเลี้ยงฉลองที่บ้านสไตล์อิตาเลี่ยนของเธอ มารีโอเน็ตเชิญทุกคนในเกรดสิบเอ็ดมาสังสรรค์กันที่บ้าน โดยมีมารีนาเพื่อนสาวแสนสุภาพเรียบร้อยเป็นคนทำอาหารให้ และมีชูการ์หญิงสาวสุดห้าวกับร็อบผู้ชายที่อยู่นิ่งไม่เป็นเป็นคนนำเรื่องการตกแต่งสถานที่ และเป็นคนนำเครื่องเสียงและแผ่นเสียงมาที่งาน ส่วนอีกสองคนนั้นก็คือ เมสันกับโช จิริน เป็นคนนำอาหารไปให้แขกที่อยู่ในงาน ซึ่งงานนั้นจะจัดเป็นงานปาร์ตี้ทั่วๆ ไป แต่อาจจะดูยิ่งใหญ่ไปหน่อยสำหรับใครบางคน เพราะได้สาวจอมเรื่องมากมาจัดงานนี่หน่า มันก็ต้องออกมาอลังการอยู่แล้ว
                                    มิแรนดาสงสัยว่าเธอกับธีโอดอร์จะไปงานเลี้ยงเป็นคู่สุดท้ายแน่ๆ เมื่อมันเกินเวลามาสามนาที มารีโอเน็ตต้องโวยวายพวกเขาแน่
                                    บ้านสไตล์อิตาเลี่ยนปรากฏขึ้นตรงหน้าของทั้งคู่ แสงไฟหลากสีสันสว่างไสว่อยู่ข้างใน และมีเพียงแสงไฟริบหรี่จากด้านนอกเท่านั้น
                                    ฉันว่า....พวกเธอมาสายนะ
                                    มิแรนดายิ้มเจื่อนๆ เมื่อเดินมาถึงประตูทางเขา มารีโอเน็ตกอดอกแล้วทำหน้าตายใส่พวกเขา ธีโอดอร์รู้ว่าเธอไม่ชอบคนที่ไม่ตรงต่อเวลา แต่งานเบบนี้ หยวนๆ ให้หน่อยมันก็ไม่เสียหายนี่
                                    เกินไปแค่สามนาทีเองน่า แค่นี้ไม่ทำให้นาฬิกาในบ้านเธอพังหรอก ธีโอดอร์แกล้งประชดแล้วพามิแรนดาเดินผ่านตัวเธอเข้าไปข้างในงาน
                                    เสียงเพลงคลาสสิกดังกระหึมเมื่อเดินเข้ามาด้านใน ทุกคนในงานเต้นกันอย่างสนุกสนานตามจังหวะเพลง โดยเฉพาะชูการ์กับร็อบที่ทำหน้าที่ดีเจพาทุกคนเต้น ธีโอดอร์สงสารมารีนาจับใจ นอกจากเธอยังต้องทำอาหารมามากมายแล้ว ยังต้องมาโดนหนุ่มๆ แย่งกันแจกขนมจีบอีก ยิ่งมารีนามีนิสัยขี้เกรงใจ และสุแสนจะอ่อนโยนด้วยแล้วย่อมเป็นไปไม่ได้ที่พวกนี้จะกลัวเธอ
                                    เฮ้ย! ไอ้พวกนี้นี่ จะมาทำอะไรมารีนาของฉัน ร็อบกระโดดลงจากจากเวทีที่มีเครื่องเสียงเต็มไปหมด เขาปราดเข้ามากันมารีนาไม่ให้พวกที่มาแจกขนมจีบเข้าใกล้
       &160;                            มีอะไรว่ะ อย่ามายุ่งกับสุดที่รักของเราจะดีกว่านะเฟ้ย...
                                    พลั่ก พลั่ก พลั่ก
                                    เอ่อ...เราว่า มันแรงไปหน่อยนะเจ้าค่ะ มารีนามองหนุ่มๆ ที่เข้ามาจีบเธอ กำลังนอนหมอบอยู่แทบเท้าของร็อบ เพียงแค่ไม่กี่หมัด เขาก็สามารถชนะพวกนี้ได้อย่างใสสะอาด
                                    นี่ๆ เมสันจ๊ะ ขอน้ำส้มให้ฉันหน่อยสิ หญิงสาวคนหนึ่งกวักมือเรียกเมสันที่กำลังถูกผู้หญิงนับสิบรุมล้อมอยู่ ซึ่ง โช จิรินก็กำลังถูกปิดกั้นทางเดินสัญจรอยู่เหมือนกัน
                                    โชจ๋า...ช่วยเอาน้ำแข็งกับน้ำมะนาวมาให้หน่อยสิ เอาที่เธอกินแล้วนะ
                                    เมสัน ช่วยเอาหัวใจฉันไปด้วยสิ
                                    ตึง ตึง ตึง
                                    ชูการ์เร่งเสียงดนตรีเพิ่มมากขึ้น เธอรำคาญเสียงนกเสียงกาทั้งหลายที่กำลังรุมล้อมคู่หูของตนอยู่ เธอเร่งเสียงมากขึ้น จนน้ำในแก้วสั่นเหมือนจะกระฉอนออกมาข้างนอก
                                    นี่มารีโอเน็ต เธอแน่ใจนะ ว่านี้เป็นงานเลี้ยงฉลองวันที่พวกเราทั้งแปดคนอายุครบสิบห้าปี มิแรนดามองภาพเบื้องหน้า มีส่วนน้อยนักที่จะอยู่กันอย่างสงบ เธออยากวิ่งเข้าไปบอกชูการ์ว่าให้เบาเสียงลงหน่อย แต่ถ้ายิ่งเข้าไปใกล้ แก้วหูอันบอบบางของเธอก็จะยิ่งแตกเร็วมากขึ้นเท่านั้น เธอมองเหล่าสาวน้อยใหญ่ที่เข้าไปรุมล้อมเมสันกับโช มิแรนดาอยากจะตะโกนออกไปว่าให้หยุดบ้ากันได้แล้ว แต่ก็ไม่อยากทำอีก เพราะอย่างไรเสียเสียงของเธอก็คงไม่ดังเท่าเสียงดนตรีของชูการ์ เธอมองไปทางด้านของร็อบกับมารีนาที่อยู่ข้างหน้าต่าง เขากำลังจัดการกับพวกผู้ชายที่มากกว่าสี่สิบคน ซึ่งถูกเขาอัดจนสลับไปแล้วไม่น้อยกว่ายี่สิบคน ร็อบไม่มีบาดแผลเลยและมารีนาก็ห้ามพวกเขาไม่ได้ด้วย มิแรนดากับธีโอดอร์ยังคงยืนอยู่ข้างๆ ประตู มารีโอเน็ตพยายามเข้าไปห้ามพวกเพื่อนๆ ที่กำลังก่อความวุ่นวายเหล่านั้น แต่กลับเป็นเธอเสียเองที่กำลังก่อความวุ่ยวายไปด้วย มิแรนดาไม่ชอบอะไรที่มันวุ่ยวายจนน่าปวดหัว อย่างเช่นคราวนี้ ธีโอดอร์เองก็เริ่มออกอาการรำคาญเล็กน้อย เขาอยากเปิดประตูแล้ววิ่งออกไป แต่เขานั้นรู้ดีว่ามันเสียมารยาท และมิแรนดาก็จะต้องวิ่งตามเขาออกมา
                                    ตกลง....งั้นเราไปนั่งเล่นที่สวนหลังบ้านกันดีกว่า เดี๋ยวพวกนั้นก็มาตามเราเอง ธีโอดอร์เส-นอแล้วดึงมิแรนดาออกมาข้างนอก เขาพาเธอมาทางด้านหลังบ้าน ที่มีต้นสนและดอกกุหลาบมากมาย ซึ่งล้วนแต่เป็นสีขาว ผืนหญ้าตรงหน้าถูกตัดตกแต่งอย่างดี ธีโอดอร์รู้ว่ามารีโอเน็ตมีคนสวนมืออาชีพรวมๆ แล้วไม่ต่ำกว่าห้าคน ซึ่งถ้าให้ดูพื้นที่โดยรอบแล้ว เขาปักใจเชื่อเลย มันกว้างใหญ่มาก และถ้าจะให้ทำคนเดียวก็คงจะไม่ไหว
                                    มิแรนดาก้มลงถอดรองเท้าส้นสูงสีขาวออก ก่อนเดินเข้าไปยืนบนผืนหญ้าสีเขียวสด มันนุ่มเท้ามากจนมิแรนดาอยากจะล้มตัวลงนอน ถ้าเธอไม่กลัวว่าเดรสสายเดี่ยวสีขาวของเธอจะเปื้อน
                                    หญ้านี่นุ่มดีจัง เหมาะมากเลยที่จะเล่นเครื่องดนตรีนะ มิแรนดายิ้มให้ธีโอดอร์ เขาเดินเข้ามาโดยไม่ถอดรองเท้า ในมือถือแก้วใส่แชมเปญสองแก้ว ที่เขาอุตส่าห์เดินแหวกเหล่าสาวๆ ไปหาโชที่มีแชมเปญอยู่ เขาขอแค่สองแก้วเท่านั้นจากนั้นจึงเดินออกมา พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้แชมเปญหกหรือกระฉอนออกมาซะก่อน
                                    เอ้า....ดื่มแชมเปญแก้กระหายซะสิ เขายื่นแชมเปญให้มิแรนดาที่ก้มลงดูดอกกุหลาบสีขาว หญิงสาวรับมันเอาไว้ แล้วดื่มไปอึกหนึ่ง
                                    ซื้อแชมเปญมาจากไหนเนี่ย อร่อยจัง
                                    โชกับเมสันเป็นคนซื้อมาน่ะ ยัยงกมารีโอเน็ตไม่ยอมออกเงินให้ หมดไปเยอะเหมือนกันนะ
                                    ยัยงกมารีโอเน็ต มิแรนดาหลุดขำออกมาเมื่อธีโอดอร์จัดการตั้งสมญาให้มารีโอเน็ต เธอไม่เถียงเพราะทุกคำที่พูดมานั้นเป็นความจริง มารีโอเน็ตถือว่าเป็นเจ้าแม่แห่งความตระหนี่ที่สุดในเซาท์แลน เกิดมารวยซะอย่าง แต่ดันใช้ประหยัดเกินเหตุ
                                    เสียงดนตรีของชูการ์ดังลอดออกมาข้างนอกอย่างชัดเจน ธีโอดอร์รู้สึกสงสารคนที่อยู่ข้างในจับใจ เปิดเสียดังขนาดนั้น มิใช่แก้วหูแตกกันไปข้างหนึ่งแล้วเรอะ
                                    ความเงียบเริ่มครอบคลุมบริเวณนั้นอีกครั้ง แสงจันทร์สาดส่องลงมากระทบผืนหญ้าอย่างอ่อนโยน เงาดำจางๆ ปรากฏให้เห็น ถ้าตอนนี้มีเบสล่ะก็ ธีโอดอร์คงเล่นไปนานแล้ว
               #160;                    นี่ธีโอดอร์...นายเล่นเบสเป็นใช่ไหม มิแรนดาเอยถามขณะนั่งยองๆ มองดูดอกกุหลาบ
                                    อืม...ทำไม อยากฟังหรือ เธอก็เคยฟังแล้วนิ
                                    ใช่ แต่ถ้ามาเล่นตอนนี้ มันเข้ากับบรรยากาศมากเลยนะ
                                    ธีโอดอร์มองมิแรนดา แล้วจะให้ฉันเล่นยังไง ฉันไม่ได้เอาติดตัวมา.....
                                    อย่าโกหกหน่อยเลย มันอยู่ที่แขนข้างซ้ายของนายนะ มิแรนดาอ่านออกถึงคำพูดของธีโอดอร์ เขามันพวกหวงเสียงดนตรี จึงไม่เคยมีใครได้ฟังเสียงเบสของเขาเลยนอกจากมิแรนดา
                                    ตกลง ฉันเล่นมันก็ได้ แสงสว่างสีขาวเจิดจ้าจนแสบตาปรากฏขึ้นเป็นวงเล็กๆ ที่แขนข้างซ้ายของชายหนุ่ม ก่อนจะปรากฏเบสสวยงาม เขาถือมันไว้แน่น เนื่องจากกลัวว่ามันจะตก แม้จะไม่ใช่ของที่ตะกูลของตนเองใช้ก็เถอะ แต่เขายิ่งกว่าหวงแหนมันเลย นอกจากมิแรนดาแล้ว เขาไม่ยอมให้ใครมาจับต้องเบสตัวนี้เด็ดขาด
                                    เสียงของเบสเริ่มบรรเลงขึ้น แม้เสียงดนตรีของชูการ์จะดังกว่า แต่มิแรนดาก็จดจ่ออยู่ที่ทวงท่าของธีโอดอร์ เสียงของเบสช่างไพเราะ แต่ก็ยังคงความเศร้าโศกไว้ไม่เสื่อมคลาย ตะกูลของธีโอดอร์ก็อย่างนี้แหละ ชอบบรรเลงดนตรีเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลก เหมือนมีเพียงเงาของตนเองเป็นเพื่อน ทั้งตะกูลตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันชอบทำตัวโดดเดี่ยว ยกเว้นก็แต่ธีโอดอร์นี่แหละ แตกต่างสุดขั้วเลยล่ะ นอกจากรักความสงบแล้ว ยังเป็นตัวนำความสนุกมาสู่เพื่อนๆ ด้วย แม้บางครั้งจะชอบทำตัวโดดเดี่ยว แต่ จะว่ายังไงดีล่ะ เธอนั้นแหละที่ทำให้เขากลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง
                                    ฉันว่าพวกนั้นคงไม่มาตามหาเราแล้วล่ะ กลับกันเถอะ จู่ๆ ขอบตาของมิแรนดาก็ร้อนผ่าว หยาดน้ำใสๆ หนึ่งหยดไหลจากดวงตาของเธอลงมาทางแก้ม ก่อนตกลงสู่ผืนหญ้าในที่สุด
                                    เธอรู้สึกเศร้า เธอเข้าถึงจิตใจคนๆ หนึ่งได้ดี และรู้ว่าธีโอดอร์มีความรู้สึกอย่างไร
                                    ธีโอดอร์หยุดเล่นเบส เขามองมิแรนดาอย่างฉงน แต่ก็ยังจับมือเธอพากันเดินกลับบ้าน
                                    จบแค่นั้นแหละ...งานวันเกิดอายุครบสิบห้าปี
                                    พวกเขาไม่ได้ต้องการอะไรมาก แค่รู้ว่าตนเองเติบโตขึ้นก็พอแล้ว
                                    แค่นั้น...จริงๆ........
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    ภาคหนึ่ง    วสันต์ ฤดูใบไม้ผลิเปื้อนเลือด
     
     
    บทที่หนึ่ง
     
     
                                   
                                    โครม!!!
                                    นี่มันอะไรกัน! หมอนั้นมันเป็นใคร ทำไมคุณต้องให้เงินมันด้วย!!
                                    ก็นั้นมันเรื่องของฉันไม่เห็นจะเกี่ยวกับคุณตรงไหน
                                    ทำไมผมจะสนใจไม่ได้ ในเมื่อคุณเป็นภรรยาผมนะ!!!
                                    อย่างนั้นเหรอ....ทำไมวันนี้คุณถึงเพิ่งจะมานึกได้ ฉันยังไม่รู้เลย ว่าสถานะของฉันในตอนนี้ เป็นอะไร...อยู่บนจุดสูงสุดเพื่อเคียงข้างคุณ หรืออยู่ ณ จุดที่ต้อยต่ำกว่านังเด็กที่มาคลอเคลียคุณแล้วเรียกคุณอย่างโน้น เรียกคุณอย่างนี้ ขอของราคาแพงจากคุณ....แล้วฉันล่ะ!! ฉันกลายเป็นอะไรไปแล้วในสายตาคุณ!!
                                    เพี้ยะ!!!
                                    หุบปาก!!!
                                    คุณแม่! คุณพ่อทำอะไรแม่!! พ่อทำร้ายแม่ทำไม พ่อใจร้าย!! หนูเกลียดพ่อ !! ฮือ ฮือ
                                    หนูเกลียดพ่อ....หนูเกลียดพ่อ.........
                                    หนู........เกลียด..........พ่อ.............
     
     
                                    ก๊อก ก๊อก ก๊อก
                                    มิแรนดา...เธอทำอะไรอยู่ ทำไมยังไม่ตื่นอีก
                                    เฮือก!!
                                    เมื่อตะกี้...เราฝันไปหรอกหรือ
                                    เสียงเคาะประตูยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง มิแรนดายังคงนอนอยู่บนเตียงพลางเอามือกายหน้าผากเอาไว้ เหงื่อเล็กน้อยผุดผายขึ้นทั่วใบหน้าของเธอ ลมหายใจของมิแรนดาดังถี่ๆ เหมือนคนที่เพิ่งวิ่งรอบสนามมาเมื่อไม่กี่นาทีแล้วลงมานอนอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยล้า
                                    มิแรนดา....ถ้าเธอทำอาหารเช้าไม่ไหว เดี๋ยวฉันทำให้เองก็แล้วกันนะ เธอก็รีบอาบน้ำเถอะ จะแปดโมงแล้วนะ ธีโอดอร์บอกด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่ประตูจะเปิดออก วันนี้อยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า
                                    ไม่ล่ะ... หญิงสาวตอบ ก่อนลุกขึ้นนั่งนิ่งงัน
                                    เฮ้อ...นี่เธอฝันร้ายหรือ ธีโอดอร์ถอนหายใจ
                                    นายรู้ได้ยังไง
                                    สีหน้าเธอมันก็บอกอยู่ท่นโท่...มีอะไรที่จะทำให้ฉันเดาไม่ได้บ้าง
                                    คราวนี้มิแรนดาเป็นฝ่ายที่ต้องทอดถอนหายใจเสียเอง เธอมองมือทั้งสองที่สั่นไหวเหมือนคนที่ไร้เรี่ยวแรงและกำลังจะล้มลงอยู่ท่ามกลางทะเลทราย มิแรนดาส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยอ่อน ทุกวันนี้เธอแทบจะไม่เคยนึกถึงอะไรเลยนอกจากเรื่องความเป็นอยู่ของตัวเธอเอง หลังจากที่ พ่อ แม่ และพี่อีกสองคนตีตัวออกห่างไปจากเธอเมื่อสองปีก่อน เธอก็แทบไม่เหลือใครเลยนอกจากธีโอดอร์กับเพื่อนๆ       <         อย่าทำหน้าเหมือนคนสิ้นหวังอย่างนั้นสิธีโอดอร์บอก เขาปิดประตู แล้วเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ มิแรนดา
                                    ... ไร้เสียงใดๆ ที่จะตอบกลับมา มิแรนดาก้มหน้านิ่ง เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อนคลายมันออก
                                    แล้ว...เธอจะบอกฉันได้หรือเปล่า ว่าเธอฝันถึงเรื่องอะไร
                                    ก็....นะมิแรนดาลุกขึ้นยืนแล้วยิ้ม ช่างมันเถอะอดีตพักนั้น อย่างไรเสีย ปัจจุบันนี่แหละถึงจะเป็นตัวของฉันมากที่สุด ร่างบางในชุดนอนลายทางวิ่งไปเข้าห้องน้ำทันทีเมื่อเอยจบ ปล่อยให้ธีโอดอร์นั่งยิ้มกริ่มพลางหัวเราะหึหึ ในลำคออยู่คนเดียว
                                    อดีตกับปัจจุบันอย่างนั้นหรือ. เขาลุกขึ้นยืนก่อนเปิดประตูออกไปจากห้องของมิแรนดา ถ้าเธอเป็นปัจจุบัน....ฉันก็คงจะเป็นอนาคตสำหรับเธอ
     
     
                                   
                                    ตึก ตึก ตึก
                                    มิแรนดาเดินฮัมเพลงมาตลอดทางจากบ้านมาจนถึงหน้าโรงเรียนสอนการต่อสู้เอสเวร์กเซาท์แลน เธอเดินผ่านประตูรั้วเหล็กขนาดใหญ่ ก่อนเดินตรงเข้าไปในสวนดอกไม้หลังโรงเรียน
                                    เธอมาทำอะไรที่นี้...ธีโอดอร์เอ่ยถามอย่างฉงน แล้วมองไปรอบๆ
                                    ดอกไม้นานา ชนิด ล้วนสวยงามและเต็มไปด้วยสีสันหลากตา ทุกบริเวณนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นหอม ทั้งสองก้าวเดินเข้าไปในป่าถัดจากสวนดอกไม้หลังโรงเรียน เดินชมหมู่แมกไม้นานา พันธุ์ ทั้งสีเขียวของต้นไม้หลากชนิดช่วยทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางความเสน่ห์หาของเหล่าดอกไม้และแมกไม้ต่างชนิด ต่างความหมาย
                                    นี่....เธอจะบอกฉันได้หรือยังว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ ธีโอดอร์ย้ำคำ ก่อนเดินมายืนเคียงข้างกับมิแรนดา
                                    ฉันรู้จักสถานที่ที่หนึ่ง..... เธอบอกพลางจับมือของธีโอดอร์กระชับ ฉันว่า...มันอาจจะดูเป็นอดีตไปหน่อย...แต่พ่อฉันเป็นคนพามาเอง
                                    ธีโอดอร์ถอนหายใจแล้วยิ้มพลางขยี้หัวของมิแรนดาจนผมที่เคยเรียบสวยเริ่มยุ่งเหยิงเล็กน้อย มิแรนดาวางมือไว้บนไหล่ของธีโอดอร์ ซึ่งเขานั้นเอามือล้วงกระเป๋า
                                    ทั้งคู่เดินมาจนสุดทาง ตรงหน้าของพวกเขานั้นเป็นถ้ำขนาดใหญ่และกว้าง บริเวณโดยรอบนั้นว่างเปล่าไร้ซึ่งเหล่าแมกไม้ที่ควรจะมี พื้นดินที่ไม่เรียบและไม่เสมอกัน เปืยกชื้นและส่งกลิ่นเหม็นอับโชยมาแตะจมูก
                                    ธีโอดอร์ขมวดคิ้มพลางบีบจมูก อื้อหื้อ!! ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะเคยมาที่แบบนี้ด้วย เขาร้องออกมา
                                    ฮึ...ตอนที่ฉันมาครั้งแรก ฉันได้แต่ขี่คอพ่อเอาไว้ เพราะเป็นคนพูดเองเลยว่า จะไม่ลงจากคอของพ่อเด็ดขาด มิแรนดาเล่ากลั้วหัวเราะ เธอแทบจะนึกไม่ออกแล้วด้วยซ้ำว่าสภาพตอนที่เธอขี่คอพ่อนั้นเป็นยังไง
                                    ถ้าฉันเห็นเธอขี่คอพ่อ...ฉันคงขำจนน้ำตาไหลแน่ๆ เลย
                                    เดี๋ยวเถอะ ธีโอดอร์!!
                                    มิแรนดาเดินไปยืนตรงปากถ้ำ พยายามมองผ่านความมืดเข้าไปในถ้ำ คิ้วนั้นขมวดเข้ากันเป็นปม ฉันจำไม่ได้แล้ว ว่าข้างในถ้ำนี้มันมีอะไร แต่ข้างในมันต้องดีมากแน่ๆ พ่อถึงพาฉันเข้าไป ทั้งที่ฉันกลัวแทบตาย เสียงของมิแรนดาสะท้อนดังก้องอยู่ในถ้ำ เธอยิ้มแล้ววิ่งเข้าไป
                                    เฮ้! รอฉันด้วยสิชายหนุ่มตะโกน ก่อนวิ่งตามหญิงสาวไป
                                    เสียงฝีเท้ากระทบพื้นหินปูนดังก้องอยู่ในถ้ำ มิแรนดาเดินฮัมเพลงเบาๆ พลางจับมือธีโอดอร์แน่น หัวใจของทั้งสองเต้นระทึกเหมือนจะกระโจนออกมานอกอก แล้ววิ่งนำพวกเขาไปข้างหน้า
                                    แสงสว่างริบหรี่สว่างขึ้นอยู่ข้างหน้าพวกเขา ยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น และก็ยิ่งแสบตามากขึ้น แสงนั้นลอดเข้ามาในถ้ำ พวกเขาก้าวเข้าไปหาแสงที่กำลังจะกลืนพวกเขาเข้าไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ แม้แต่มิแรนดาเองที่บอกว่าเคยมาแล้ว ยังจับมือธีโอดอร์แน่น จนเห็นเป็นรอยแดงริ้วๆ
                                    วูบ
                                    วิ้ว วิ้ว
                                    สายลมแผ่วเบาพัดผ่านใบหน้าของพวกเขา
                                    ว้าว.......
                                    เสียงสายลมจากธรรมชาติผสมกันกลมกลืนกับเสียงร้องใสๆ ของเหล่านกน้อยทั้งหลาย มีผีเสื้อที่บินเกาะตามดอกไม้ต่างๆ เป็นตัวโน้ตประกอบจังหวะ เสียงใบไม้สีเขียวชอุ่มเสียดสีกัน หมู่แมกไม้นานาพันธุ์ต่างอวดโอ้สีสันของตัวมันเองอยู่บนต้น ผืนหญ้าที่หอมล้อมเหล่าธรรมชาติที่แสนงดงามเอาไว้ นั้นนุ่ม จนน่าเอนกายนอนพักผ่อน มิแรนดามองภาพตรงหน้าที่ทำให้ตนเองเหมือนหลุดเข้าไปในโลกแห่งความฝัน เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กลิ่นอายของธรรมชาติลอยคละคลุ้งทั่วบริเวณโดยรอบ มันเป็นอากาศที่บริสุทธิ์อย่างมากสำหรับเธอ
                                    อย่างนี้นี่เอง....มิแรนดาสูดลมหายใจพาเอากลิ่นจากธรรมชาติเข้าไปสู่ร่างกาย ฉันรู้สึกนะ...ว่าจิตวิญญาณของคุณพ่อ...ยังอยู่ที่นี่...
                                    ธีโอดอร์เอื้อมมือไปสัมผัสต้นไม้ใบไม้ตรงหน้า เขาลูบไล้มันเหมือนกำลังหลงใหลอยู่กับความงามและเสน่ห์หาอันหอมรัญจวน
                                    ฮ้า...เหมือนตอนที่ยังอยู่ที่ญี่ปุ่นจริงๆ ตอนที่ไปเที่ยวที่นั้นนะ ขอบอก ว่ามันเต็มไปด้วยเสน่หาจนล้นหลามเลยทีเดียว ฮ้า....
                                    อย่างงั้นหรือ....น่าอิจฉาธีโอดอร์จริงๆ ทั้งครึ่งชีวิตของฉัน ยังไม่เคยออกนอกเซาท์-แลนเลยมิแรนดาว่าพลางถอนหายใจ เธอเฝ้ามองท้องฟ้าและพ่ำเพ้อกับสายลมในฟากฟ้าเสมอ ว่าครอบครัวของเธอยังเหมือนเดิมอยู่ไหม ในเมื่อต้องแยกจากกันไปในสามประเทศ เธออยากให้สายลมธาตุประจำตัวของเธอพาเธอไปหาพวกเขา ไปใช้ชีวิตที่มีความสุขกับพวกเขา แต่เมื่อลองมาคิดดูอีกที เธอไม่สามารถทิ้งธีโอดอร์ ให้อยู่คนเดียวได้หรอก
                                    ชายหนุ่มมองหญิงสาวด้วยแววตาที่สั่นไหว ดวงดาสีเขียวมรกตนั้นเต็มไปด้วยหยาดน้ำใสๆ ที่กำลังหล่อเลี้ยงดวงตาให้ชุ่มชื้นตลอดเวลา
                                    วูบ
                                    สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านร่างของทั้งคู่ พวกเขาหยุดยืนแน่นิ่ง จ้องมองกันด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
                                    ปฏิกิริยาแบบนี้....มัน........
                                    ธีโอดอร์!
                                    มิแรนดา!
                                    ตูม!!
                                    ธีโอดอร์กระโดดออกห่างจากเหล่าต้นไม้ทันที เมื่อเกิดการระเบิดที่ทำให้ทั้งป่านั้นสั่นสะท้าน หมู่นกน้อยและผีเสื้อต่างๆ บินกันให้ว่อนเพื่อแย่งกันออกไปจากถ้ำ ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยแววตาของความตื่นตระหนกตกใจ
                                   นี่มันอะไรกัน!!! มิแรนดาร้องขึ้น ก่อนที่จะปรากฏดาบนินจาที่มือขวาของเธอ
                                    พลังแบบนี้มัน.... ธีโอดอร์เองก็มีดาบปรากฏขึ้น เขากระชับมันไว้แน่น พลังแบบนี้มัน....ท่านแม่นี่!!!
                                    ว่ายังไงนะ...ราชินีเหมันต์อย่างนั้นหรือ
                                    ชิ้ง
                                    แหลนเยือกแข็งขนาดใหญ่และแหลม โพล่งขึ้นมาจากพื้นหญ้า เฉียดตัวของมิแรนดาไปแค่ไม่กี่เซนติเมตร
                                    ปัดโถ่เว้ย!!! เธอสบถ แล้วตัดแหลนเยือกแข็งออกเป็นสองท่อน
                                    ฉึก!
                                    อ๊ากกกกกกกก!!
                                    ธีโอดอร์ร้องลั่น เมื่อแหลนเยือกแข็งอีกแท่งเจาะลึกเข้าไปในไหล่ข้างซ้ายของเขา!!
                                    โครม!!
                                    มิแรนดากระโจนเข้ามาหาธีโอดอร์ เธอใช้ดาบนินจาตัดแท่งน้ำแข็งนั้น แล้วดึงร่างของธีโอดอร์มาอยู่ที่ทางออก
                                    ปัง!!!!
                                    อะ....อะไรกัน
                                    ชิ....
                                    น้ำแข็งก้อนใหญ่ยักษ์หล่นลงมาปิดทางออกเอาไว้ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ออกไปข้างนอก มิแรนดาพยายามใช้ร่างกายกระแทกให้ก้อนน้ำแข็งนั้นให้แตกออก แต่มันกลับยิ่งทำให้ตนเองเจ็บยิ่งกว่าเดิมเธอร้องลั่น แล้วนั่งลงพลางหอบหายใจ
                                    อย่าทำให้ตัวเองเจ็บเชียวนะ! อย่าลืมสิ ว่าแม่ฉันเป็นถึงราชินีเหมันต์เชียวนะเฟ้ย ถ้าเกิดใครคนหนึ่งบาดเจ็บขึ้นมา....
                                    เคร้ง เคร้ง เคร้ง!!!
                                    ห่ากระสุนน้ำแข็งพุ่งเข้ามาใส่พวกเขา บาดผิวเนื้อของธีโอดอร์ไปเพียงนิดเดียว แต่มันกลับทำให้แผลนั้นแสบร้อน เขาไม่ได้ร้องออกมา แม้เจ็บ แต่เขาก็ยอม ถ้ามันสามารถป้องกันมิแรนดาจากกระสุนพวกนี้
                                    ธีโอดอร์ใช้ดาบปัดกระสุนเหล่านั้น แล้วพาร่างของมิแรนดาออกหาจากที่โล่ง เข้าไปอยู่ในหมู่แมกไม้ที่เริ่มมีน้ำแข็งเกาะจนกลายเป็นสีขาวโพลน
                                    ถ้าใครคนหนึ่งบาดเจ็บ....ธีโอดอร์กอดมิแรนดาเอาไว้ พยายามหายใจให้แผ่วเบามากที่สุด คงได้ตายกันอยู่ที่นี้แหละ!!!
                                   
     
                                    ตูม! ตูม!
                                    แฮก แฮก...
                                    แหลนเยือกแข็งมากมายผุดขึ้นมาจากใต้ดิน มันมุ่งตรงเข้าทำร้ายทั้งสองเหมือนกรงเล็บของเสือ
                                    มิแรนดาพยายามหลบแหลนเยือกแข็งเหล่านั้น แต่ถ้าหากให้ดูพื้นที่บริเวณโดยรอบแล้ว เธอคงไม่ต่างอะไรกับหุ่นเชิดที่กำลังเต้นอยู่บนเวทีแห่งความตาย!
                                    แฮก แฮก...ราชินีเหมันต์! คิดจะทำอะไรกันแน่!! มิแรนดาร้องถามเสียงแหบพร่า เนื้อตัวของเธอเต็มไปด้วยหยาดโลหิตสีแดงฉาด สภาพในตอนนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับธีโอดอร์ ที่เต็มไปด้วยบาดแผล
                                    ฉึก ฉึก!!
                                    หน็อย... แหลนเยือกแข็งแหลมคมสองแท่งดุจคมเขียวของอสรพิษ พุ่งขึ้นมาเจาะขาข้างซ้ายของมิแรนดา หยาดโลหิตสีแดงไหลไปตามขาของเธอ
                                    ท่านแม่.....เหตุใดจึงต้องทำเช่นนี้ด้วย!! ธีโอดอร์ตะโกนก้อง แล้วเข้าไปพยุงร่างที่กำลังจะล้มลงอยู่ร่อมร่อ
                                    วูบ วูบ!!
                                    สายลมโหมกระหน่ำจนเกิดเป็นพายุสีขาวขุ่น มันก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว พลังของมันแทบจะดูดเอาทุกสิ่งที่อยู่รอบข้างเข้าไปข้างในตัวมันในพริบตา!!
                                    ข้าแค่ทักทาย...น้ำเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นแผ่วเบาอยู่ในสายลมที่พัดผ่านตัวของพวกเขา
                                    เสียง...นี้ มัน.....มิแรนดาละล่ำละลั่ก พลางมองธีโอดอร์ที่กำลังพยุงตนอยู่ ดวงตาสีเขียวมรกตของเขา จ้องมองไปเบื้องหน้า ภายในดวงตานั้นกำลังฉายแววของความกังวลใจอยู่
                                    ใช่.... ธีโอดอร์บอกเสียงแหบพร่า เสียงแบบนี้.... เขากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
                                   
                                    ราชินีเหมันต์!!!
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    บทที่สอง

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น