ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mermaid [rewrite]

    ลำดับตอนที่ #3 : ราชวงศ์เพี้ยนๆ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 34
      0
      4 ก.ย. 48





    “ฝั่งทะเลตะวันตกของอควาเรียสซึ่งเป็นที่ตั้งของ มารีนบลู........”





    เสียงเอื่อยๆของท่านราชครูที่ดังมากระทบหูเรื่อยๆหลังจากที่เพิ่งเทศน์ไปยกใหญ่เมื่อสักครู่ ชวนให้ลูกศิษย์สาวรู้สึกชวนง่วงเหลือเกิน โดยเฉพาะถ้าต้องมานั่งฟังคนแก่พล่ามยืดยาวกับการเมืองการปกครองชวนปวดหัววันละหลายๆชั่วโมงทุกๆวันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้สึกเบื่อขนาดหนักอย่างที่เธอรู้สึกในขณะนี้ พลางคิดถึงพี่ชายและน้องชายที่ไม่รู้ว่าทนเรียนมาได้ยังไงทั้งๆที่ตำแหน่งมงกุฏราชกุมารและรัชทายาทอันดับสองนั้นต้องรับผิดชอบและเจอเรื่องหนักมามากกว่าเธอเจ้าหญิงองค์รองผู้แทบไม่สลักสำคัญอะไรเลยเสียอีก



    มารีลีนรู้อยู่แก่ใจดี  ตำแหน่งเจ้าหญิงองค์ที่ 2 ที่ไม่เป็นที่สนใจนัก  เมื่อเทียบกับองค์หญิงอันดับหนึ่ง คือท่านพี่ ไมนอส มันเป็นธรรมดาของคนเป็นพี่ที่รับผิดชอบเยอะกว่าและเป็นที่ไว้วางใจมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อคนๆนั้นเปี่ยมไปด้วยความสามารถก็ย่อมเป็นที่ต้องการ  



    และเมื่อน้องชายเกิดมาเธอก็เคยคิว่านี่แหละถึงตาเราเป็นพี่ใหญ่สักที แต่ก็เป็นไปไม่ได้เมื่อมาคีรอสได้รับเลือกเป็นรัชทายาทอันดับสอง และเมื่อเป็นเธอที่อยู่ระหว่างคนทั้งสองย่อมถูกเปรียบเทียบเป็นธรรมดา  แต่ทุกๆคนรวมทั้งตัวเธอรู้ดีท่านพี่ไมนอสและมาคีรอสจัดได้ว่าเป็นอัจฉริยะในรอบ1000ปีก็ว่าได้ แม้ว่าเจ้าน้องชายจะทำตัวเรื่อยเปื่อย   แต่ก็ไม่มีใครที่มีพลังสูงส่งและเปี่ยมด้วยความสามรถต่างๆของผู้นำเท่าสองคนนี้นับแต่เสด็จปู่ ผู้ได้ชื่อว่าเก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ชาวเงือก





    ไม่มีใครเทียบได้!!





    แต่ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วแต่มารีลีนยังอดคิดไม่ได้ว่าทำไมเธอที่เป็นพี่น้องถึงไม่ได้รับส่วนความเก่งกาจนั้นมาบ้าง  แม้จะไม่ใช่พี่น้องมารดาเดียวกันแต่ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องที่สายเลือดใกล้ชิดกันมาที่สุด ใครจะรู้บ้างว่าภายใต้ท่าทางขี้เล่น และดูเหมือนไม่จริงจังกับอะไรใครจะรู้บ้างว่าเบื้องหลังนั้นเธอต้องพยายามขนาดไหน



    ทั้งแอบไปฝึกและเรียนเวทย์ใหม่ๆนอกปราสาทคนเดียว  



    อ่านหนังสือเรียนและประวัติศาสตร์จนดึกดื่นแทบไม่ได้หลับนอน  



    การพยายามออกไปทำความรู้จักกับราษฏรที่กล่าวยกย่องแต่ท่านพี่ไมนอสที่เป็นองค์รัชทายาทและมาคีรอสที่เป็นองค์รัชทายาทอันดับสอง ทั้งที่เป็นเธอก็คอยดูแลช่วยเหลือพวกเขามาตลอด



    พวกเสนาบดีก็ยังเห็นเธอเป็นเพียงเด็กอมมือเหลือขอ ความเห็นของเธอไม่เคยเป็นที่สนใจในที่ประชุม ทั้งๆที่ท่านพ่อก็ยอมรับเป็นลูกคนหนึ่ง   สิทธิ์พวกนั้นสำหรับลูกแท้ๆเท่านั้นหรือ









    แต่ก็ยังไม่น่าโมโหเท่าเรื่องนี้!!!!



    2 ชั่วโมงก่อน





    “ว่าไงน่ะ!!จะให้ลูกแต่งงานเนี่ยน่ะเพคะ!!!! ”



    เมรีลีนตะโกนลั่นเมื่อได้ฟังคำบัญชาของราชาแห่งมารีน-บลูผู้เป็นพ่อ  เห็นมีคำสั่งให้เข้าเฝ้าด่วนนึกว่าจะมีเรื่องอะไร ที่แท้ก็จะจับแต่งงานเอง

    เรอะ



    ให้ตายก็ไม่ยอมหรอก!!



    “ก็ใช่นะสิ อายุเจ้าสมควรที่จะแต่งงานมีสามีได้แล้วนะ อีกฝ่ายคือเจ้าชายของโอเชี่ยนเพิร์ลที่ส่งสาส์นมาขอเองเชียวนะ ถึงแม้เราทั้งสองเมืองไม่ถูกกันเท่าไรแต่นี่ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นการสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกัน อีกอย่างเจ้าชายก็เป็นผู้มีความสามารถและมีฐานะเหมาะสมกับเกียรติ์ศักดิ์ศรีของลูกด้วย” ผู้เป็นพ่อหว่านล้อมแต่มีหรือคนอย่างมารีลีนจะฟัง เมื่อเห็นธิดาทำท่าฮึดฮัดไม่ยอมราชาไอคารอสจึงขู่บ้าง



    “การแต่งงานครั้งนี้มีผลต่อเมืองทั้งเมืองของเราของเรา แม้ไม่เห็นแก่พ่อแต่เจ้าก็ต้องเห็นแก่ประชาชนชาวของเราที่ใฝ่ฝันจะได้เห็นความปรองดองของทั้งสองเมือง  และอีกย่างถ้าปฏิเสธไปเราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง พ่อหวังว่าลูกคงเข้าใจ”







    ............................................................................................................................................................................................

        

            เมรีลีนฝืนลากสังขารอันห่อเหี่ยวกลับมาที่ห้องของตน  ท่านพ่อเล่นดักคออย่างนี้จะทำอะไรได้ ขนาดท่านพ่อที่ไม่ชอบหน้าราชา

    ของโอเชี่ยนเพิร์ลลงทุนมาขอร้องเราแสดงว่าพวกตาเฒ่าเสนาบดีงี่เง่าพวกนั้นคงลงมติเป็นเอกฉันท์แล้วละสิน่ะคิดแล้วก็รู้สึกน้อยใจนิดหน่อยถ้าเป็นเรื่องอื่นเห็นห้ามตลอด ดูถูกตลอดเหมือนฉันไม่มีตัวตนแต่พออยากจะใช้ก็เห็นเป็นเจ้าหญิงขึ้นมาเชียวน่ะ  



           นี่เราต้องแต่งงานแล้วเหรอเนี่ย ต่อไปคงถูกจำกัดในกรอบยิ่งกว่าเดิมสิน่ะ



    ทั้งๆที่มีเรื่องอีกตั้งมากมายที่อยากทำแท้ๆต่อไปอิศระที่เคยมีคงหมดไปเสียแล้ว  ทำไมต้องเป็นเธอด้วยน้า  เงือกสาวรำพึงในใจ



            เมรีลีนล้มตัวนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อนในสมองยังวนเวียนคิดถึงคำพูดของท่านพ่อ  คิดไปคิดมาจนนอนไม่หลับ



           พรวด!!

    ออกไปเดินเล่นดีกว่า



           เงือกสาวออกจากห้องเดิน หรือก็คือว่ายนั่นแหละ มาเรื่อยจนมาถึงห้องโถงประชุมตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แสงไฟเล็ดลอดออกมาจากประต่อที่ปิดไม่สนิทให้ได้ยินเสียงคนคุยกันเบาๆ ทำให้เมรีลีนอดแอบฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ถึงแม้จะรู้ว่าเสียมารยาทแต่เธอก็แก้ตัวกับตนเองว่า



       ช่วยไม่ได้ ประตูมันแง้มไว้อยู่เอง เธอแค่ผ่านมาได้ยินไม่ได้แอบฟังสักหน่อย!!!









    “มารีล(มารีล = มารีลีน)ว่ายังไงบ้าง”เสียงแหบต่ำของผู้ชราดังขึ้นในห้อง



    “แปลกมากที่นางไม่อาละวาด?”เสียงห้าวดูที่หนุ่มกว่ากล่าวตอบเป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยดี  



    เสียงของท่านพ่อ!?!



    ส่วนอีกคนที่ชรากว่าผู้กล่าวชื่อเธออย่างเป็นกันเองและพูดคุยกับท่านพ่อราวกับไม่ได้พูดกับกษัตริย์เจ้าเหนือหัวตนก็มีแค่คนเดียว

    นายกฯของสภาผู้เฒ่า  วารอฟ  ผู้เป็นท่านพ่อของท่านแม่ฟิเชียน่า



    ท่านตาของเธอเอง!



    “หวงมากจนต้องจับแต่งงานกับคนที่เลือกเพื่อที่จะได้เก็บนางไว้ใกล้ๆตลอดเวลานางไม่อาละวาดก็บุญแล้ว”ผู้เป็นพ่อตาพูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจด้วยรู้ฤทธิ์ของหลานสาวคนนี้ดีว่าร้ายแค่ไหน มาบังคับกันอย่างนี้นางไม่ยอมแน่



    “ก็ถ้าปล่อยไว้ใครที่ไหนไม่รู้ได้มางาบไปกินเหมือนคราวเมเรียอีกนะสิครับ  ทางที่ดีก็เลือกคู่ครองให้แต่งงานไปเลยดีกว่าแล้วให้มาอยู่ใกล้ๆในวังไม่ต้องไปไหนไกลก็ได้”ผู้เป็นลูกเขยยังกล่าวต่ออย่างไม่รู้ทุกข์รู้ร้อนจนพ่อตาชักหมั่นไส้





    “เจ้าแผนการณ์นักระวังจะโดนลูกย้อนศรเข้าให้น่ะ”น้ำเสียงที่พูดนั้นประชดก่อนกลับมาเคร่งเครียดอีกครั้ง



    \"แล้วนี่มารีลรู้เรื่องฝ่ายนั้นพรือยัง\"



    \"ยัง\"



    \"ยังไม่ได้บอก!   ทั้งๆที่ฝ่ายนั้นมัน...........มัน............. \"



    อยู่ๆท่านตาก็หยุดพูดไปเฉยๆให้สาวน้อยที่แอบฟังอยู่ข้างนอกอยากรู้มากขึ้น



    ทำไม?  ไอ้คนที่กำลังจะต้องแต่งกับเธอมันทำไม?????????



    \"ไม่หรอกท่านพ่อ เจ้าไททันก็เต็มใจด้วยนี่นา เห็นบอกว่าหาทางแก้ไว้แล้วด้วย\"



    \"ก็ใช่...แต่......มัน............ข้าว่ามันไม่ค่อยดีนา...............\"



    \"ไม่เป็นไรหรอก ฝ่ายนั้นก็มีปํญหากับลูกของตัวเองเหมือนกัน  ข้าตกลงกับเจ้านั่นแล้วแต่งกันเพียงในนาม เมรีลยังอยู่กับเรา ลูกฝ่ายโน้นก็

    แก้ข้อครหาได้  ยื่นหมูยื่นแมวทั้งสองฝ่าย แฮปปี้เอนด์  ฮ่า  ฮ่า  ฮ่าๆๆ \" องค์ราชาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี



    \"เฮ้อ เจ้าเห็นลูกตัวเองเป็นอะไรเนี่ย\"

    \"ก็เป็นลูกนะสิ\"





    หลังจากนั้นสองผู้เฒ่าก็คุยสัพเพเหระกันไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นคำบ่นของท่านตาเกี่ยวกับพฤติกรรมของท่านพ่อมากกว่า รู้เลยว่านิสัยเจ้าเล่ห์ของมาคีรอสได้เชื้อมาจากใคร ได้ยินมาเหมือนกันว่าท่านพี่มไนอสสมัยก่อนก็แสบใช่ย่อย  ถ้าปกติก็แค่ระอากับนิสัยเพี้ยนๆของคนราชวงศ์นี้  หากเมรีล ฟิวขาดขึ้นมาตั้งแต่คำว่าไม่เป็นไรแล้ว



    แบบนี้ต้องขออาละวาดหน่อยละ

    สาวน้อยคิดด้วยอารมณ์เดือดปุ่ดๆ แต่ยังไม่ทันจะได้อาละวาดคนในห้องให้หนำใจเสียหน่อย



    ขณะคิดก็ไม่ทันระวังตัว



    กุก กัก  



    “นั่นใคร ! ”

    เสียงตวาดขององค์ราชาดังขึ้น



    ตายแล้ว !    หลบไหนดี

    สาวน้อยพันรีพันขวางทำอะไรไม่ถูก



    อุ๊บ  !



    ใครคนหนึ่งดึงเธอหลบมุมไป พอท่านพ่ออกมาจึงไม่พบใคร   เมื่อทางสะดวกร่างสองร่างค่อยๆหลบจากที่ซ่อน



    “ไม่เป็นไรใช่มั้ยเพคะเจ้าหญิง” เสียงใสๆกระซิบถาม



    “ขอบใจมากลิเดีย” เธอตอบโดยไม่หันไปมองด้วยความคุ้นเคยกับเสียงนางกำนัลสาว



    “เป็นอะไรไปรึเพคะ” นางกำนัลเอ่ยขึ้นเมื่อสังเกตุสีหน้ายุ่งยากใจของนายสาว



    มารีลมองคนสนิทอย่างครุ่นคิด



    “ลิเดีย  ข้ามีเรื่องให้เจ้าช่วยหน่อย”



    ตกกลางคืน  เงือกสาวแอบย่องเงียบออกมาจากห้องผ่านนางกำนัลและทหารยามที่สลยไสบด้วยฝีมือน้ำแก้เหนื่อยผสมยานอนหลับที่เธอทำขึ้นมา เมื่อออกพ้นปราสาทแล้วตรงไปคอกสัตว์พาหนะที่ฟันนี่โลมาคู่ใจรออยู่



    เมื่อขึ้นไปนั่งบนหลังโลมาคู่ใจแล้วก็กระซิบบอกมันเบาเบา

    “เอ้า! ไปเที่ยวกันเถอะฟันนี่เพื่อนยาก”

    จุดหมายของเธอคือซับมารินเบอร์ก  เขตที่ท่านพี่ไมนอส







    ไมนอส เจ้าชายรัชทายาทแห่งมารินบลูได้มาประจำการที่เขตซับมารินเบอร์กมา3ปีแล้ว ทั้งการทำงานที่เป็นแบบมีประสิทธิภาพ นิสัยเข้มแข็งเด็ดขาดแต่เอื้ออารี ลักษณะต่างๆที่รวมเป็นลักษณะของเจ้าชายคนสำคัญ ทำให้ครองใจผู้คนได้ไม่ยากเลย นอกจากนี้ความสามารถยังเรียกว่าล้นเหลือ ทั้งการรบ เวทย์มนต์ การทหาร การปกครอง และจิตใจ



    ร่างกายก็กำยำแข็งแรง ผมสีนำ้เงินเข้มอมเขียวยาวเกือบถึงเอว ใบหน้าคมคายที่มีรอยยิ้มประดับเสมอ เรียกความนิยมจากสามน้อยสาวใหญ่ทั่วมุมเมือง และความอิจฉานิดๆ จากเงือกหนุ่มๆ



    จุดอ่อนเพียงอย่างเดียว : น้องสาว



    “เมริลีน”

    เสียงอุทานอย่างตกใจของเจ้าชายมาดเข้มดังขึ้น หลังจากต้องสะดุ้งโหยงเมื่อน้องสาวโผล่แผล่วมาจากทางหน้าต่างเมื่อเขากลับมาที่ห้องด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากภาระหน้าที่ที่ต้องต้อนรับขบวนเสด็จของว่าที่คู่หมั้นของน้องสาว



    รึให้ถูกคือคณะทูตเจริญสัมพันธไมตรี เพราะในขบวนมีแค่ราชนิกูลบางคนที่ทำหน้าที่เป็นทูตเลยต้องเดินทางร่วมคณะมาพร้มกับสาส์นด้วย ส่วนตัวประคู่หมั้นไม่มีข่าวว่าจะมาให้เห็นแม้แต่เงา





    ที่โผล่มานี่โดยไม่ได้ข่างใดๆจากพวกทหารแสดงว่าแอบมาโดยที่ไม่ได้บอกใครซินะ ทหารยามคงเสร็จไปแล้ว



    ดูท่าจะต้องเปลี่ยนคนใหม่แฮะ



    “เฮ้อ” เสียงถอนหายใจของเขาเรียกให้บุรุษอีกคนในห้องพูดอย่างล้อๆว่า

    “ถอนหายใจอย่างกับคนแก่ๆกังวลมากเครียดมากระวังจะได้แก่จริงๆนะท่านพี่”



    “ดีกว่าคนไม่เคยกังวลอะไรเลยอย่างเจ้าแหละ มาคีรอส”



    บุรุษนั้นคือ  มาคีรอส เจ้าชายคนสุดท้องในบรรดาพี่น้อง 3 คน ดูภายนอกเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาทะเล้นผมเป็นสีเดียวกับพี่ชายหากแต่ยาว

    แค่ประบ่า ซึ่งเจ้าตัวมักปล่อยให้มันรุงรังอย่างนั้นโดยไม่มัดให้เรียบร้อยยกเว้นเวลาทำงาน ดูเเผินๆเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาใสซื่อ ออกจะขี้เล่นหน่อยๆ



    แต่ใครจะรู้ว่าข้างในน่ะปีศาจชัดๆ เจ้าเล่ห์แล้วก็ปกปิดเก่งเสียด้วย หนุ่มน้อยผู้ราวกับสายลม อารมณ์ที่ร่าเริงไปเรื่อยๆเฉื่อยๆและดูติดดินไม่สมกับเป็นเจ้าชายแต่แบบนี้แหละที่ทำให้เป็นคู่หูคู่ลุยของมาริลีนผู้ชอบเรื่องโลดโผนผจญภัยที่สุดด้วย และทำให้คนรอบข้างโดยเฉพาะกับพี่ชายผู้เคร่งขรึมปวดหัวเป็นที่สุดด้วย



    มาคีรอส มาที่บ้านเขาตั้งแต่เย็นวาน เป็นผู้นำสารจากท่านพ่อมาให้ก็เรื่องงานแต่งนั่นแหละ เพราะเขตนี้อยู่ติดกับเมืองโน้นมากที่สุดจึงต้องคอยต้อนรับเป็นแนวหน้า  แล้วเจ้าคนส่งสารก็เตร็ดเตร่ที่เขตนี้ต่อไม่ยอมกลับ  แถมเมรีลินก็หนีมาอีก

    ชักจะได้กลิ่นความวุ่นวายซะแล้ว!!!







    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*



    วังอควาเรี่ยน

    เจ้าชายหนุ่มคุกเข่าหน้าเบื้องบัลลังก์ของราชาและราชินีผู้เป็นบิดาและมารดา



    “ถวายบังคมพะยะค่ะ ท่านพ่อ”

    “ทำตัวตามสบายเถอะ”



    “เป็นอย่างไรบ้างลูกข้า สบายดีไหม”  น้ำเสียงอ่อนโยนของผู้เป็นมารดาเอ่ยขึ้น



    “สบายดีพะยะค่ะ ท่านแม่ ส่วนเรื่องงานนั้นทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดการ”



    “งั้นรึ ..ก็ดี...  “

    “ท่านพ่อเรียกข้ามา มีธุระใดสำคัญหรือพะยะค่ะ”  เจ้าชายหนุ่มกล่าวถามอย่างตรงไปตรงมา



    สีหน้าขององค์ราชฉายแววกังวลชั่งครู่ก่อนตัวสินใจถามเรื่องจริงๆที่อยากรู้



    “เรื่องเมรีล  นางหนีไปเมื่อวาน  นาง.... “ ผู้เป็นพ่อเอ่ยอย่างเป็นกังวล แต่ราวผู้เป็นลูกจะรู้ใจจึงตอบไปว่า



    “นางอยู่กับข้าพะยะค่ะ คงต้องให้เวลานางสักนิด ขอท่านพ่อโปรดเมตตา”



    เมื่อได้ฟังคำตอบราชาไททันก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก และกลับมาเป็นท่านพ่อผู้ขี้เล่นและร่าเริงอีกครั้ง



    “ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก เห็นนางยังปลอดภัยก็ดีแล้ว นึกว่าจะเตลิดไปไกลกว่านี้เสียอีก  ยังก็ฝากเจ้าดูแลน้องด้วยน่ะ........  เฮ้อ ! หายกังวลแล้ว คืนนี้ก็ย่องไปหาอีหนูได้อย่างสบายใจแล้วสิ ......อุ๊บ!!!”



    ราชาไททันรีบเอามือปิดปากแทบไม่ทันเมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกมา แต่คงไม่ทันเสียแล้วเพราะราชินีแสนสวยเริ่มเปล่งรัศมีอาฆาตจนรู้สึกได้ นางกล่าวเสียงเย็นๆพร้อมย้มหวานจ๋อยที่ดูไม่น่าไว้วางใจ



    “อ๋อ....จะไปหาอีหนูรึเพคะ............”

    “…………”

    _ _ _ _ _ _



    เปรี้ยง  !!!!!!!!!!!

    ฝ่ามือพิฆาตลอย 2 ชุดมาหาราชาผู้แสนร่าเริง(เกินเหตุ)ซึ่งน็อกเอ๊าท์ไปแล้วตั้งแต่เจอหมัดแรกของภรรยาส่วนผู้รับหมัดที่สองเป็นประตูบานใหญ่งามวิจิตรของห้องโถงที่สภาพไม่อาจอวดความงดงามได้อีกเนื่องจาก.........



    ...แล้วก็ทหารยามดวงกุดที่เฝ้าหน้าห้องสองคน



    “คืนนี้ต้องคุยกันยาวซะแล้วตาแก่!!!!! …………อ้าว ! ไมนอส ไปไหนแล้ว ?”



    ราชินีผู้อ่อนหวานที่ได้เปลี่ยนโหมดเป็นนางยักษ์เอ่ยอย่างฉงนเมื่อไม่เห็นบุตรชาย ซึ่งแอบเผ่นออกจากห้องไปตั้งแต่ได้กลิ่นอันตรายก่อนที่ตนเองจะเคราะห์ร้ายโดนลูกหลงไปด้วยอีกคน



    เหอๆๆ นี่ถ้าพวกท่านรู้เรื่องเมรีลเข้าละก็ ข้ามิกลายเป็นปลากระป๋องหรือนี่

    ไมรอสเริ่มครุ่นคิดอย่างสยดสยองเมื่อนึกถึงความผิดที่เป็นชนักติดหลัง หลังจากพาตัวเองออกมาให้ไกลจากรัศมีการทำลายล้าง



    เอ แล้วความผิดของไมรอสคืออะไรล่ะ เจ้าตัวถึงได้หวาดผวาอย่างนั้น



    ย้อนกลับไปเมื่อ 12 ชั่วโมงก่อน

    ...............................................................................................................................................................................................................





    \"ไม่ได้!\"



    “โถ่ อย่าพูดอย่างงั้นสิท่านพี่.................. น่า น่ะ ...........  น้า~ .......ท่านพี่ไมนอส”



    “ไม่ได้ๆๆๆๆๆๆ  บอกไม่ได้ก็ไม่ได้ซิ”



    เสีงหวานๆออดอ้อนพี่ชายซึ่งทำท่าจะใจอ่อนอยู่รอมร่อแต่ยังแข็งขืนไม่เปลี่ยนใจ



    จะบ้ารึเรอะ ให้ขึ้นบกคนเดียวเนี่ยนะ พี่คนไหนจะบ้าปล่อยน้องสาวที่น่ารักไปที่อันตรายอย่างนี้คนเดียว ยิ่งเคยมีข่าวว่าพวกมนุษย์ตามล่าเงือกเพื่อชิงเอาเลือดที่เชื่อว่ามีคุณสมบัติเป็นยาชุบชีวิตอีก เงือกมีเวทย์ก็จริงแต่เมรีลยังใช้ไม่ชำนาญ(จริงๆคือห่วยสุดๆ) และกับมนุษย์ที่มีจำนวนเยอะกว่ามากและตายยากกว่าพวกแมลงสาบ ดูยังไงก็ไม่น่าปลอดภัยเลย





    ถึงความลับที่เป็นเงือกไม่แตก แต่...........



    ถ้าถูกรังแกล่ะ



    ถ้าเกิดอุบัติเหตุ



    ถ้าถูกมนุษย์หลอกเอา



    ถ้าถูกลวนลาม



    ถ้าไอ้พวกหนุ่มๆชาวมนุษย์มาจีบละ



    หรือ

    ถ้ามารีลติดใจอยากอยู่บนพื้นโลก

       \"  .........................  \"    

            

    อ๊าค!!!!!!!!!!!!!!!!!! ยอมไม่ได้ ยิ่งคิดยิ่งรับม่ายด้าย!!!!!!!!!!!!  เรื่องอะไรจะปล่อยน้องสาวที่ทะนุถนอมมานานหลายปีโดนเจ้าพวกแมลงโสโครกมาเกาะแกะกร้ำกราย ที่พูดนี่ไม่ได้หวงนะ(หวงชัดๆเจ้าพี่แหง่ติดน้อง)



    ยังไงก็ไม่มีทางปล่อยให้ห่างสายตาไปเด็ดขาด!!

    เจ้าชายไมนอสบ่นพึมพำและทำหน้าพิลึกๆระหว่างที่คิดกังวลสะระตะ จนเด็กหนุ่มอีกคนที่อยู่ในห้องอดขำขึ้นมาไม่ได้ ถึงจะรู้สึกสงสารแต่ท่าตลกๆของพี่ชายนี่ทำให้อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้จริงๆ



    “ขำอะไรมาคีรอส” เสียงหัวเราะเบาที่คนหูดีอุตส่าได้ยินหันมามองตาเขียวปัดพร้องส่งน้ำเสียงไม่สบอารมณ์มาให้



    “ปล้าว!!!!! ข้าแค่คิดอะไรเรื่องเปื่อยเละรู้สีกขำเท่านั้นเอง”  มาคีรอสผู้เป็นน้องชายคนสุดท้องเอ่ยปัดเอาตัวรอดพร้อมส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ ซึ่งผู้เป็นพี่ก็ไม่ได้วางใจนักหรอก



    “ท่านพี่  ตกลงต้องให้ข้าไปนะ “ เมรีลินเอ่ยเรียกความสนใจเมื่อเห็นว่าตนทำท่าจะถูกลืม ให้พี่ชายกลับมาเผชิญความหนักใจอีกรอบ

    “ถ้าเป็นห่วงนักละก็ให้ข้าตามไปด้วยสิ”



    คนที่นั่งฟังเงียบๆมาได้พัก(หน่อย)หนึ่งเอ่ยลอยๆขึ้นมาอย่างอดปากไม่อยู่พร้อมรอยยิ้มอันใสซื่อให้มากเท่าที่ทำได้จนน่าถีบ แต่ดวงตากับมีประกายระยิบระยับราวเด็กซนๆจะได้หนีเที่ยวเผยออกมาขัดกับใบหน้าที่พยายามแสดงอยู่จริงๆ



    “มารีลีนไปคนเดียวก็เป็นห่วงใช่ม้า ให้ข้าไปด้วยอีกคนจะได้ช่วยดูแลไง”



    “ข้าว่าเจ้าหาเรื่องเที่ยวมากกว่าละมั้ง”



    “นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับเมรีลอย่างน้อยก็ยังมีข้าคอยช่วยเหลือได้ทันที มันก็ดีกว่าไม่ใช่หรือ?”



    ผู้ที่กำลังกลุ่มเอ่ยขัดทันทีกับข้อเสนอ  ที่เจ้าน้องชายตัวแสบพูดมันก็เข้าท่าดีอยู่หรอก ถ้ามีใครสักคนที่เป็นคนใกล้ชิดและไว้ใจได้ไปกับน้องสาวสุดที่รักด้วยคงสามารถลดความกังวลลงไปได้บ้าง แต่ไอ้ “ใคร” ที่ว่าที่เสนอตัวมาดูไม่น่าไว้ใจเล้ย แทนที่จะช่วยคุมให้กลายเป็นสนับสนุนให้ไปกันใหญ่ละไม่ว่า ทั้งๆที่เป็นพี่น้องร่วมอุทรดียวกันแท้ๆแต่เจ้าหมอนี่กับเขาดันนิสัยต่างกันอย่างไม่น่าเชื่อ และยังไปคล้ายมารีลที่ความจริงเป็นลูกของท่านน้าเมเรียมากกว่าเสียอีก ทั้งนิสัย และหน้าตา ยกเว้นเรื่องความสามารถการใช้เวทย์เรื่องเดียวที่ต่างกันเหมือนพลิกหน้ามือเป็นหลังเท้าทั้งๆที่เมรีลีนก็ไม่ใช่ญาติห่างไกลอะไร ออกจะใกล้ชิดด้วยซ้ำเพราะนางแม่ของนางเป็นน้องสาวของท่านพ่อ แต่พลังและการใช้เวทย์ของเธอมัน “ห่วยจริงๆ” อาจเป็นว่าเพราะนางเป็นลูกครึ่งก็ได้หากนั่นไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มเหยียดหยามเธอ ตรงข้ามกลับรู้สึกเอ็นดูและอยากปกป้องคอยดูแลเธอแทนมากกว่า



    สำหรับมาคีรอสความรู้สึกนั้นก็ไม่ต่างกันถึงจะแวบไปแวบมาไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน  ทำเหมือนเล่นสนุกเป็นเด็กๆไปวันๆ      แต่ก็วางใจได้ว่าชายผู้นี้ก็เป็นอีกคนที่รักและห่วงใยมารีลีนมากไม่ด้อยไม่กว่าเขาเลย



    “ข้าจะปกป้องนางเอง”



    น้ำเสียงจริงจังและหนักแน่นเหมือนจะย้ำเตือนความมั่นใจต่อพี่ชายผู้ขี้กังวล ดวงตาสีน้ำเงินใสสบกับแววตาสีน้ำเงินเข้มกว่าเล็กน้อยของพี่ชายแววตานั้นทอประกายมุ่งมั่น น้องชายผู้นี้สัญญาว่าจะปกป้องเธอ

    และจะทำให้ได้ดังที่เอ่ยวาจา จะปกป้องมิให้เป็นอันตรายแม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ยินยอม

    เหมือนที่พี่ชายก็คงทำเช่นกัน



    “เฮ้อ !  ก็ได้ๆ  แต่แค่สามวันพอนะ” สุดท้ายผู้เป็นพี่ชายเอ่ยอย่างยอมจำนน

    “ไชโย”



    สองเสียงดังประสานกันด้วยความดีใจเมื่อได้ยินคำอนุญาต แถมยังกระโดกอดจนพี่ชายเกือบล้ม

    ให้ตายสิ  ไม่ว่ายังไงเขาก็ใจอ่อนกับน้องสาวคนนี้อยู่ดี



    สาวน้อยที่ทั้งร่าเริงแจ่มใส กล้าและมั่นใจ แล้วยังแสนดื้อ แสนซน ขี้งอน เอาแต่ใจ ใช้เวทย์ก็ไม่ได้เรื่อง หากก็มีบางเวลาที่อ่อนแอและอ่อนไหวไปตามอารมณ์



    แต่สำหรับชายหนุ่มทั้งสองเธอคือคนสำคัญที่ต้องการปกป้อง



    เธอคือคนที่ไม่อยากให้ร้องไห้เสียใจ



    เธอคือแก้วที่บอบบางและดูไร้ราคา หากสำหรับพวกเขามันงดงามล้ำค่า

    และต้องการที่จะทะนุถนอมไว้



    ทั้งตอนนี้





    ต่อจากนี้ไป







    ถึงตลอดกาล









    *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*--*-*-*-*-**-*-*-*-*-*-*-*-*-

    ว่าด้วยเรื่องอายุ

    อาจงงๆหน่อย(ข้าเจ้าก็งง)



    ราชากับราชินีเมืองมารีนบลูรู้ไปก่อนว่าอายุเยอะมากๆ



    ส่วนผุ้เฒ่าวารอฟคงไม่ต้องบอกว่าเกินพัน ไปหลายร้อยปีแล้ว



    ไมนอส เจ้าชายองค์โตเป็นรัชทายาทอันดับหนึ่ง อายุในเนื้อเรื่องตอนนี้ก็ 160+83ปี ก็เป็น 243 เกือบๆ 244 ดูแลด้านการเมืองการปกครองทั้งหมด



    มาคีรอส เจ้าชายรัชทายาทอันดับสอง ตอนนี้ 168ปี บรรลุนิติภาวะของชาวเงือกมาได้ 8 ปี เป็นจอมทัพ ดูแลด้านการทหารรักษาความสงบของประเทสและเป็นหัวหน้ากองพันรักษาพระองค์



    เมรีลีน อายุ 98 อีกสองปีจะบรรลุนิติภาวะ เพราะนับตามอายุขัยของพวกลูกครึ่งซึ่งมีอายุเฉลี่ยแค่ห้าร้อยปี



    ส่วนลูเคียเป็นนางกำนัลชั้นสูงเพราะเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสาม นับว่าสูงสุดในหมู่ราชนิกูล และเป็นพระพี่เลี้ยงของเจ้าหญิงเจ้าชายทั้งสามพระองค์ อายุ 572 ปี



    ลิเดียเป็นน้องสาวของลูเคียที่อายุน้อยกว่า 321 ปี สรุปว่าอายุ  251 อายุมากกว่าไมนอส แต่นิสัยเหมือนเด็ก แล้วก็ใจดีกว่าเลยเป็นเพื่อนเล่นของมาคีรอสกับเมรีลีน เคยเป็นนางกำนัลอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้เป็นรองหัวหน้ากองทหารรักษาพระองค์











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×