ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 ตามล่านักเดินทางปริศนา(1))
.
...................................................................................................................................
    ยามเช้าของตลาดเมืองกรีนลีฟดูคึกคัก ชาวบ้านทั่วไปและนักเดินทางเดินกันให้ขวั่กไขว่เพื่อจับจ่ายซื้อ-ขายของ  แม้เมืองนี้จะเป็นเมืองเล็กๆที่มีผู้คนอาศัยอนู่ไม่มากมายนัก แต่ก็เป็นเมืองเดียวในระยะรัศมีเกือบ 60 ไมล์  ที่มีเส้นทางการค้าขายพาดผ่าน  จึงเป็นแหล่งรวมพ่อค้าแม่ขายจากหลายสถานที่  และเป็นจุดที่เหล่านักเดินทางมาแวะพักหลังไปตกตระกำลำบากอยู่ในป่าอยู่ในเขาเสียนาน และเติมเสบียงเพื่อออกเดินทางต่อ
  ในการเดินทางอันยาวไกลจนกว่าจะถึงจุดหมาย หรือเมือง หรือหมู่บ้านถัดไป ทำให้คุณอาจต้องหาพรรคพวกที่มีความสามารถหลากหลายมาร่วมคณะ เพราะการเดินทางเพียงลำพังหรือคณะเล็กๆที่มีจำนวนคนต่ำกว่า 10 คน  จะเป็นอันตรายมาหากไปเจอโจรป่าลอบดักโจมตี หรือต้องไปทัศนศึกษาในท้องสัตว์ร้ายมากมายหลายชนิด ตั้งแต่มดมัจจุราจ ไปจนถึงมังกรขนาดยักษ์ หรือแย่กว่านั้นน้อยหน่อยคือติดบ่อโคลนดูด ถูกสูบเข้าไปในวังน้ำวน ถูกสนไม้หนามตกใส่กบาล ฟังดูเป็นการผจญภัยที่น่าสนุกสำหรับพวกที่ชอบความท้าทาย แต่ถ้าต้องติดแหงกในเส้นทางป่าอันแสนกว้างไกลโดยไร้เสบียงและอาวุธคู่กาย( ที่ทำหายระหว่างทาง )  ก็ไม่มีใครขำออกแล้ว
      ส่วนสถานที่พบปะแลกเปลี่ยนข่าวสารหรือหาคนร่วมทางยอดฮิต คงหนีไม่พ้นร้านเหล้า ซึ่งหลายๆแห่งทำเป็นโรงเตี๊ยมสำหรับให้พักบนชั้นสองหรือสาม  รองลงมาคือตามลานกว้างในเมือง ส่วนใหญ่ลานลักษณะนี้จะทำไว้กลางเมือง  และยังมีที่อื่นๆหลายที่ลดหลั่นกันไป.
      สำหรับเมืองกรีนลีฟสถานที่ที่ว่ามีเพียงสองที่ ที่แรกคือ ร้านพิงค์ บันนี่
ด้านล่างเป็นร้านอาหารและร้านเหล้าส่วนชั้นบนทำเป็นห้องพัก  ชั้นสองเป็นห้องรวมทั้งหมด ยัดกันเต็มที่ก็ได้ประมาณ 30 คน ไม่รวมที่วางสัมภาระ เป็นห้องกว้างๆทั้งชั้นเว้นไว้แค่ตรงบันได และหาความเป็นส่วนตัวไม่ได้สักนิด จะดีกว่านอนข้างถนนหน่อยก็ตรงที่ มีหมอน ผ้าห่ม ผ้าขนหนูสำหรับอาบน้ำในห้องน้ำรวม แล้วก็อาหารเช้าที่พอกระเดือกลงคอได้ 1 มื้อ
    ส่วนชั้นสามมีทั้งห้องเดี่ยวและห้องรวมแต่ไม่อนาจใจเท่าชั้นล่าง
ห้องรวมสามารถนอนกันได้ประมาณ 2-4 คน แบบค่อนข้างสบาย ถ้าไม่บ้าหอบฟางมีสัมภาระเยอะ หรือมียักษ์มานอนด้วย
ห้องเดี่ยวแบ่งเป็น เตียงคู่กับเตียงเดียว ห้องสบายพอใช้ได้ มีห้องน้ำในตัว และทุกห้องบนชั้นสามนี้จะได้ทานอาหารฟรี 2 มื้อ
แต่แน่นอนว่าราคามันต้องแพงกว่าห้องชั้นสองตามระดับความสบาย
สถานที่นัดพบหมายเลขสอง
ก็คือลานกว้างเยื้องทางเข้าประตูเมือง อาจจะลำบากนิดหน่อยที่ต้องยืนคุยกลางแดดเปรี้ยงๆในฤดูร้อง แต่เสียงพูดคุยจ๊อกแจ๊กก็ยังไม่ลดลงไป แม้เวลาผ่านไปเกือบเที่ยงวันแล้วก็ตาม
ตรงมุมๆหนึ่งของลาน เด็กหนุ่มอายุอานามไม่เกิน 18 กำลังยืนกอดอกไม่พูดกับใครเลย เขามักก้มมองดูนาฬิกาที่ทำเป็นจี้คล้องคอสบับกับการชะเง้อชะแง้หันซ้ายหันขวาอย่างกระวนกระวาย
“ทำไมถึงมาช้าอย่างนี้นะ” เขาบ่นอย่างหงุดหงิดเป็นรอบที่ 9 ของวัน พลางกวาดสายตามองเจ้าคนผิดนัดที่ทำให้เขาต้องยืนตากแดดหัวแดงพร้อมถุงสัมภาระใบเบ้อเร้อนี้ตั้งแต่เช้ายันเที่ยง
แล้วสายตาของเขาก็หยุดอยู่ที่ ชายหนุ่มอายุประมาณ 25-26 ปี  ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลและกำลังเดินไป ส่งสายตาเจ้าชู้ให้สาวๆไป 
เจ้าคนที่เป็นตัวการความทุกข์ของเขา
“คุณอีธาน!”
เจ้าของผมสีน้ำตาลเข้มหันมาตามเสียงเรียกด้วยมาดแบบพระเอกหนังจีน พร้อมเก็กท่า ดัดเสียงหล่อสุดๆทักทายกลับไปว่า
“ว่าไง สหายรัก”
“เป็นสหายอย่างเดียวก็ปวดหัวจะตายห่าอยู่แล้ว ไม่ต้องมีรักต่อท้าย ฟังแล้วขนลุก ถ้าเด็กทำมันดูน่าเอ็นดู แต่อายุขนาดนี้แล้วมันดูทุเรศครับ”
คำทักกลับที่กึ่งๆด่าแบบไม่ไว้หน้าเรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากสาวๆ และสีหน้าเย้ยหยันจากหนุ่มๆ ให้คนที่หน้าแตกยับเพราะผู้ที่เป็น สหายรัก ดันทำหมดมู้ดหน้าแตกยับเยิน
“อา..คราวนี้มีเรื่องอะไรให้รับใช้อีกหรือครับคุณลูกน้องที่เคารพ” หลังซึมได้พักเดียวคนมากลีลาก็หันมาแต๊ะท่าได้ใหม่
“ งาน!  งานไงครับคุณหัวหน้า อีกสองวันจะถึงกำหนดแล้วยังไปไม่ถึงครึ่งทาง แล้วไปทำอะไรอยู่ที่ไหนมาให้ผมรอตั้งหลายชั่วโมง เสบียงก็ซื้อเรียบร้อยแล้ว ถ้าหมดธุระก็น่าจะรีบออกเดินทางได้แล้วไอ้คุณหัวเน่า!!!! ”
คนที่สะสมความหงุดหงิดมาตั้งแต่เช้าระเบิดอารมณ์ ผมสีน้ำเงินเข้มของเขาถูกหวีเรียบแปร้ ไม่มีกระดกสักเส้น เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดถูกเรียบเข้าทรงไม่มีแม้แต่หนึ่งรอยยับ ชายเสื้อไม่มีทางได้แลบออกมานอกกางเกง หัวเข็มขัดทองแดงที่ขัดจนขึ้นเงาจนไม่รู้ว่ามันจะเงากว่านี้ได้ยังไงแล้ว และกริยาท่าทางที่เนี้ยบทุกกระเบียดนิ้วอย่างผู้ดีมีตระกูลแม้ว่ากำลังสติแตกอยผุ่ในขณะนี้ ต่างกับอีกคนราวฟ้ากับเหว  ผมสีน้ำตาลถูกทำให้กระเซอะกระเซิงให้ดูหล่อพองาม เสื้อสีน้ำตาลมอมๆแบบนักเดินทาง หลุดตรงนั้นบ้าง ขาดตรงนี้บ้าง แล้วก็ยับยู่ยี่เหมือนเพิ่งไปฟัดกับใครมา กำลังหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจสายตาดุๆที่มองมา
“ฮึๆ ธุระนะยังไม่หมดนะ “
ชายหนุ่มทำท่ามีเลศนัย
“เพราะฉันยังไม่ได้จับนายกดละ .โอ๊ยเจ็บๆ อย่าดึ้งงงง เค้าแค่ล้อเล้นนนนนน “ เจ้าคนพูดไม่ดูกาละเทศะร้องลั่นเมื่อถูกคนตัวเล็กกว่าทั้งดึงทั้งบิดหูอย่างโมโหกับคำกล่าวที่มาจากปากพล่อยๆนั้น
“ตอบแบบใช้สมองของคนอายุเกือบ 30 หน่อย ผมกำลังหงุดหงิดที่ต้องตากแดดร้อนๆรอคุณมาเป็นครึ่งวัน!”
“แหม แต่ไอ้ธุระนะมีจริงๆนา” คราวนี้คนปากดีพูดเสียงอ๋อยๆ มือคลำนวดใบหูที่ถูกบิดจนแดงแจ้ด ให้เด็กหนุ่มมองอย่างสงสัย
“ธุระอะไรครับ?”
“ก็หาเพื่อร่วมทางไง”
“หาทำไมอีกละครับ?”แววตาสีน้ำเงินเช่นเดียวกับสีผมสบกับแววตาสีน้ำตาลชองผู้สูงวัยกว่าอย่างงงๆ(ขนาดหนัก)
เจ้าของผมสีน้ำตาลยิ้มอย่างอมภูมิ
“ฮ่าๆ เจมส์  นายคงยังไม่รู้สินะว่าการเดินทางเพียงลำพังแค่ชายหนุ่มสองคนมันอันตรายมากแค่ไหน” คนพูดก็ยังพูดต่อไปเรื่อยๆ แต่คนฟังชักงงว่ามันจะมาไม้ไหน
ปกติที่อันตรายมันผู้หญิงเดินทางกันตามลำพังไม่ใช่รึไง
ผู้หญิงผู้ชายเดินทางตามลำพังสองต่อสองก็ ค่อนข้างอันตรายเหมือนกัน 
แล้วผู้ชายกับผู้ชายเดินทางด้วยกันมันมาเกี่ยวอะไรด้วย?
“แต่นายไม่รู้ก็ไม่แปลก ก็เจ้าชิน เล่นประคบประหงมนายซะอย่างกะไข่ในหิน  แต่ไม่เป็นไร  ฉัน อีธานหัวหน้าคนใหม่สุดหล่อคนนี้จะช่วยเอ็นดูนายให้เอง” ไม่พูดปล่าว มือหนาหนักยังตบเอากลางหลังเสียป้าบสองป้าบ
“ก็ป่าที่เราต้องตัดข้ามไปแทนที่จะเดินอ้อมเพราะเวลาไม่มีนะทั้งเปลี่ยวทั้งไกลพอสมควร เข้าไปก็ไม่รู้จะเจออะไรบ้าง” ใบหน้าคมคายค่อยๆโน้มลงมาใกล้ๆระหว่างพูดพล่ามจนเกือบจะชิดกันอยู่แล้ว
” อีกอย่างฉันกลัวว่าตัวเองจะอดใจไว้ได้นานแค่ไหนเวลาอยู่กับนายสองต่อสอง เพราะนายมันน่ารักน่ากอดขนาด นิ ” มือหนาหยาบกร้านกร้านเอื้อมไปประคองหน้าอีกฝ่ายขึ้น แต่ยังไม่ทันทำอะไร (เฮ้ยๆๆ ตั้งใจจะทำอะไรฟะ ต่อหน้าประชาชีทั้งเมืองนะเฟ้ย)
ก็ต้องชะงักเพราะของคมๆอย่างดาบเล่มยาว ถูกพาดที่อวัยวะสำคัญเป็นที่เรียบร้อย( คอนะ ไม่ใช่อย่างอื่น ไม่งั้นจะหายใจได้ไงก็มันมีหลอดลมกับเส้นเลือดใหญ่อยู่ อย่าคิดทะลึ่งนา )
“ขืนทำยังงี้อีกละก็ ” คำละที่น่าจะรู้ว่าเป็นอะไร จากเจ้าของสายตาอำมหิตที่ไม่บอกก็น่าจะรู้ว่าส่งจากใครไปถึงใคร ทำให้หนุ่มหน้าทะเล้นยิ้มเจื่อนๆ
“แหม แค่ล้อเล่น”
และโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว ดาบก็ไปอยู่ในมือของเขาโดยมีเจ้าของดาบมองอยู่อย่างตกตะลึงที่ถูกพลิกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“ จะบอกอะไรให้อย่าง คนอย่างนายเหมาะเป็นคนสนับสนุนแนวหลังมากกว่าจะเป็นฝ่ายลุยกันซึ่งๆหน้า  เป็นนักเวทย์หรือนักธนูที่โจมตีระยะไกลอยู่แนวหลังมากกว่า  มือเรียวเล็กที่ไม่ค่อยมีแรงอย่างนายไม่เหมากกับดาบใหญ่เทอะทะหรอก  ขืนดึงดันต่อไปทำอะไรไม่เข้ากับความสามรถของตัวเองมีแต่จะเสียกับเสีย แต่อย่างว่า อยู่ๆจะให้เปลี่ยนจากนักดาบไปถนัดอย่างอื่นปุ๊บปั๊บเลยก็คงเป็นไม่ได้ “ ใบหน้าที่เคยทะเล้นอยู่เป็นนิจดูจริงจังขึ้น
“ทางที่ดีไปหามีดสั้นมาติดตัวสักเล่มสองเล่มดีกว่า จะได้สะดวกยิ่งขึ้นในการต่อสู้ระยะประชิด ด้านตะวันตกของเมืองมีร้านอาวุธดีๆอยู่เยอะไปหาดูระหว่างฉันไปหาข่าวแล้วกัน ”
ดาบค่อยๆถูกลดลงและถูกส่งให้เด็กหนุ่มพร้อมรอยยิ้มเมตตาเหมือนผู้ใหญ่มองด็กไม่ประสา ทำให้คนที่รับดาบมามองอย่างทึ่งๆระคนแปลกใจนิดๆด้วยไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะพูดอะไรมีสาระเป็น แล้วน่าขึ้นสีด้วยความอายที่ถูกมองประมาณว่า รู้รึยังว่าข้าเก่ง
“เดี๋ยว!” บุรุษร่างสูงที่ทำท่าจะเดินแยกไปอีกทางหยุดชะงัก
“คุณยังไม่ตอบคำถามผมเลยว่าเมื่อเช้าไปทำอะไร แล้วจะหาเพื่อนร่วมทางทำไม” คำถามจากคนหน้าตายแบบยังไม่หลุดฟอร์ม ข้าถูก เอ็งผิด ทำให้คดีเมื่อแรกเริ่มถูกนำมาไต่สวนแก้ความอาย
‘เอากะมันสิ เด็กอาไร้ ไม่รู้จักลดราวาศอกเสียบ้างเลย’ ชายหนุ่มนึกในใจอย่างขันๆ
“สำหรับคำถามแรก เพราะฉันไปต่อคิวแย่งห้องพักของโรงเตี๊ยมและร้านเหล้าที่ดีที่สุดในเมืองนี้ แข่งกับพวกนักเดินทางเกือบ70คน เลยได้ห้องส่วนตัวใหญ่เท่ารูหนูมานอนอัดกันสองคน และสำหรับคำถามที่สอง .......... \"
\" ป่ามิดเดิ้ล เพนชาเทียร์ ที่เราต้องเดินตัดไป ไม่ใช่สวนที่จะเข้าไปเดินเล่นโดยไม่ต้องเอาชีวิตเข้าเสี่ยง!!!!!\"
            ./././././././././././.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น