ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [OS] Heart's Secret {Khun ♥ Dong} ,,
author : CloudWorld
pairing : khunwoo
Heart's SECRET.
----------------------
ให้เลือก จะเลือกได้ไหม ...
ระหว่าง ‘เพื่อน’ กับ ‘คนรัก’ อะไรที่เราไม่อยากเสียมันไปมากที่สุด ?
.
.
.
จิตใจชองชายหนุ่มเหม่อลอย ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในห้วงความคิด สายตาทอดไปยังตำแหน่งเดิมเหมือนทุกครั้งที่สติหลุด
ที่มุมห้อง ... ร่างบางกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่เงียบ ๆ
ถึงแม้บรรยากาศในห้องเรียนช่วงรอยต่อระหว่างคาบจะเป็นไปอย่างอึกทึก นักศึกษาสาวนั่งจับกลุ่มเมาท์เสียงดังโหวกเหวก นักศึกษาชายนั่งอ่านการ์ตูนหรือไม่ก็ดูคลิปโป๊กันตามประสาผู้ชายวัยคะนอง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้นิชคุณสนใจสิ่งรอบตัวแต่อย่างใด ตาเรียวยังคงมองไปที่เป้าหมายเดิมอย่างไม่แคร์สรรพสิ่งใด ๆ ในโลก
ยิ่งมอง ก็ยิ่งอยากมอง ... ยิ่งอยากมอง ก็ยิ่งอยากมองนาน ๆ
เพราะทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ... ทุกวันนี้ได้แค่มอง
... ทำได้เพียงเท่านี้จริง ๆ
ให้ตายสิ ทำไมถึงละสายตาจากนายไม่ได้ซักทีนะ, อูยอง
อูยองกำลังนั่งอ่านหนังสือ เปิดพลิกหน้ากระดาษไปหน้าแล้วหน้าเล่า
ไม่ได้รู้อะไรกับเขาเลยว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคนอยู่
แก้มอูมที่ซับสีเลือดฝาดอย่างเป็นธรรมชาติทำให้นิชคุณยากจะละสายตาหันไปสนใจสิ่งอื่น ปากอิ่มสีหวานราวกลีบกุหลาบเม้มเบา ๆ อย่างทุกครั้งที่เจ้าของมักชอบทำเวลาเผลอ
ยิ่งมองแล้วมันน่า ...
... น่ามองต่อจริง ๆ
เอ๊ะ ... ทำไมเอะอะอะไรกูได้แค่มองวะครับ ? =_=;;
และมันอาจจะนานพอที่ชายหนุ่มเอาแต่มองอย่างไม่วางตา เขาสะดุ้งเล็ก ๆ เมื่อเป้าหมายปิดหนังสือและเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาตรง ๆ
ชิบหาย ... เขารู้แล้วว่ากูมองอยู่อ้ะ !! >O<
แต่มันคงสายไปเสียแล้วหากจะเบือนหน้าหนีทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้มองอย่างอื่นไปซะ ...
และอีกครั้งที่เขาอดจะใจหายวาบไม่ได้เพราะร่างบางกำลังส่งยิ้มมาให้เขา แก้มอูมที่อัดแน่นไปด้วยเสน่ห์ของอูยองยิ่งบานขึ้นเมื่อเจ้าตัวยกยิ้ม เอียงคอมองนิชคุณเป็นเชิงถามว่า ‘มีอะไร ?’
นิชคุณส่ายหน้าช้า ๆ แทนคำตอบ มองภาพตรงหน้าแล้วมันอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม
อย่า ... อย่ายิ้มแบบนี้ , แค่นี้นายยังทำฉันหลงไม่พออีกหรือ ?
หลง สำหรับนิชคุณในที่นี่ไม่ใช่ความหลง หากแต่เป็นหลงรัก ...
... จนโงหัวไม่ขึ้น
วินาทีนี้อยากจะเดินไปหอมแก้มซักฟอดให้หายอยาก แต่มันคงจะเป็นเรื่องน่าแปลกที่เพื่อนเขาทำกัน ยิ่งเพื่อนผู้ชายด้วยกันแบบนี้ด้วยนี่สิ ...
ทุกอย่างจะง่ายกว่านี้หากอูยองไม่ใช่เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของนิชคุณ ...
ความรู้สึกในใจที่ไม่สามารถแสดงออกไปได้ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย ไม่รู้ว่าเขาเผลอคิดกับอูยองเกินกว่าเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ พอรู้ตัวอีกที เจ้าหนุ่มแก้มยุ้ยก็จองพื้นที่นั่งอยู่ในหัวใจของนิชคุณไปเรียบร้อยแล้ว
ช่วงแรก ๆ ก็ไม่อยากจะยอมรับหรอกว่ารักเพื่อนคนนี้เต็มเปา เขาไม่ใช่พวกเบี่ยงเบน ทุกวันนี้สามารถยืนยันได้เต็มร้อยว่าเขาชอบผู้หญิง
... แต่สำหรับอูยองคนนี้กลับพิเศษ ไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้กับใครมาก่อนเลยสาบาน
ทั้งเขาและอูยองเป็นเพื่อนกันมากว่าสามปี อูยองเป็นคนเกาหลีโดยกำเนิดอยู่แล้วแต่นิชคุณที่อิมพอร์ตมาจากนอกเพิ่งย้ายมาอยู่และเรียนที่เกาหลีตอนมัธยมปลายปีหนึ่งพอดีและด้วยความที่อูยองที่ปกติเป็นคนอัธยาศัยดีเข้ากับคนง่ายเป็นฝ่ายเข้ามาคุยกับนิชคุณก่อน
หลังจากนั้นเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะค่อย ๆ แน่นแฟ้นขึ้นตามกาลเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับบางอย่างในใจของนิชคุณที่กำลังก่อตัวขึ้นช้า ๆ
“พี่คุณ ..” เสียงหวานที่คุ้นหูดังใกล้ ๆ มือขาวโบกไปมาที่หน้าของนิชคุณหวังให้อาการเหม่อของเขาหายไป ถึงแม้นิชคุณกับอูยองจะเรียนอยู่ชั้นเดียวกันแต่เขาเกิดก่อนอูยองหนึ่งปีและที่เกาหลีค่อนข้างซีเรียสเรื่องการเรียกคนที่อายุมากกว่า นิชคุณเลยกลายเป็นพี่ของเด็กน้อยอูยองไปโดยปริยาย
“เหม่อถึงใครอยู่ฮะ ?”
‘นายไง ...’ ตอบในใจ ไม่ได้พูดให้คนตรงหน้าได้ยิน
มันจะมีซักกี่เรื่องกันเชียวที่นิชคุณกำลังคิด ปกติไม่ใช่คนใจลอยอะไรเลย แต่ที่พักหลัง ๆ ชอบนั่งใจลอยแบบนี้มันเป็นเพราะใครกัน ?!
ปล่อยให้นั่งโทษคนตัวเล็กได้ไม่นาน ไอคนตัวเล็กที่ว่าก็เขย่าแขนนิชคุณเป็นพัลวัน
“พี่คุณ .. แทแทอ่ะ ! > < น่ารักมากเลยยย ~”
บอกทีซิว่ามันไม่ใช่ชื่อผู้หญิง .. อีกแล้วที่อูยองบ้าผู้หญิงต่อหน้าต่อตานิชคุณ
อยากจะตะโกนใส่หูแม่งให้รู้แล้วรู้แรด
‘เออออ !! กูรู้แล้วว่ามึงชอบบบบ !!~’
อูยองเป็นคนประเภทที่ว่าเห็นสาว ๆ น่ารักหน่อยไม่ได้ จะต้องมาเขย่าแขนนิชคุณแก้เขินทุกครั้งไป ลำพังนิชคุณก็แอบจี๊ดในใจเล็ก ๆ หากแต่ท่าทางเพ้อฝันของอูยองที่มากเกินเหตุทำให้ความหมั่นไส้เข้ามาแทนที่ทุกครั้งไป
แทแทนี่ชื่อผู้หญิงคนล่าสุดที่อูยองมันเรียก เพราะก่อนหน้านี้จะมีทั้งน้องทิฟ น้องยุน น้องคิตตี้ น้องบลายท์ น้องบาร์บี้ สารพัดสาวน้อยในคลังผู้หญิงของอูยองที่กำลังตามบ้าอยู่ในขณะนี้ ...
ถามว่า นิชคุณเซ็งไหม ?
.... เซ็ง
เอือมไหม ?
.... เอือม
หมั่นไส้ไหม ?
.... โคตร ๆ อ่ะ -0-
แล้วเจ็บล่ะ ?
.... อันนี้คงไม่ต้องถาม รีดเดอร์รู้อยู่เต็มอก
บางทีก็อดน้อยใจไม่ได้
เขาอยู่ตรงนี้แท้ ๆ แต่ทำไมอูยองถึงไม่เคยสนใจ
... รู้สึกว่าอูยองอยู่ไกลเกินเอื้อมจริง ๆ
.
.
ในบ่ายแก่ ๆ วันหนึ่งหลังเลิกเรียนแล้ว นิชคุณนั่งทำงานในแลปทอปเงียบ ๆ ที่ม้าหินใต้ต้นไม้ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้า
ไอรายงานบ้านี่ปั่นมาสามคืนสามวันแล้วเต็ม ๆ ยังไม่มีทีท่าว่าจะคืบหน้า ... ในระหว่างรออูยองไปห้องสมุดก็ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยการนั่งปั่นงานต่อไป กำหนดส่งวันมะรืนอยู่แล้วยังลุยไม่ถึงครึ่งทางซักที !
“รอนานมั้ย” สะดุ้งแทบตกเก้าอี้เพราะร่างบางเล่นเดินมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงแถมเข้ามากระซิบอยู่ข้างหูกะแกล้งให้ตกใจเล่น
ลำพังแค่กระซิบมันยังไม่เท่าไหร่ แต่ไอลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดคอบวกกับกลิ่นสบู่เด็กอ่อน ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของอูยองกำลังจะทำให้เขาคลั่งตายซะตรงนี้
รีบปรับสีหน้าและอารมณ์ให้กลับมาอยู่ในจุดที่เป็นปกติโดยไวแล้วถามกลับ
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ? = =^”
“เมื่อเห็น ^___________^” ฉีกยิ้มกว้างอย่างน่ารักทำเอาสายตาของร่างสูงเบลอไปชั่วขณะ
เที่ยวทำตัวน่ารักพร่ำเพรื่อแบบนี้ถ้าวันใดวันหนึ่งนิชคุณเกิดอดใจไม่ไหวขึ้นมาล่ะยุ่ง
“คุณฮยองงงง ~~~” จากที่ยืนหัวโด่อยู่อูยองก็ทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ร่างสูง มือขาวบีบนวดต้นแขนของนิชคุณเป็นเชิงอ้อน มาอีหรอบนี้อีกแล้ว ... นิชคุณรู้เลยทันทีว่าอูยองกำลังจะมีเรื่องให้เขาช่วยเป็นแน่ -0-
“ติวอังกฤษให้หน่อยน้า ~ เรียนไม่รู้เรื่องเลย”
ทีแท้ก็เรื่องนี้นี่เอง ติวอังกฤษให้คนที่อ่อนพื้นฐานด้านภาษาต่างประเทศมากถึงมากที่สุด
ด้วยความที่นิชคุณเคยเรียนที่อเมริกาช่วงนึงก่อนจะมาต่อม.ปลายที่เกาหลีจึงมีภาษีด้านนี้อยู่มาก ถูกยกให้เป็นติวเตอร์ส่วนตัวของอูยองไปโดยปริยาย ... ถ้านี่ไม่ใช่อูยอง จะไม่มีทางถ่ายทอดวิชาขั้นเมพให้หรอกน่ะจะบอก -.-
“รายงานเสร็จยังล่ะ ถ้ายังไม่ว่างงั้นเอาไว้ก่อนก็ได้” หากแต่ตาของอูยองกลับมองเห็นไฟล์งานที่อยู่หน้าจอแลปทอปทำให้อดที่จะลังเลไม่ได้
“ว่างงงงงงงงงงงงงงงงงงง ตอนนี้โคตรว่างอ่ะ ให้ติวตอนไหน ยังไง บอกมาเลย !”
ความจริงคือสารพัดงานกองพะเนินเทินทึกแทบจะหล่นทับหัวเจ้าของมันเข้าซักวัน แต่เมื่ออูยองคือที่สุด งานจุกตูดที่ว่าจึงโดนพับเก็บไป(ชั่วคราว)อย่างช่วยไม่ได้ ...
ถ้าไม่ใช่อูยองที่ขอให้ช่วย เขาคงไม่มีทางทิ้งงานมาตะรันตันตันแบบนี้แน่
“อ้า >~< ขอบคุณมาก ... งั้นเดี๋ยววันนี้ผมไปคอนโคพี่นะ พี่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยไง ^ ^”
เข้าทาง ... เข้าทางคนอย่างนิชคุณที่สุด
ให้ตาย ซ่อนรอยยิ้มแทบไม่ทัน >///<
.
.
ปั่กก !
“งืมมม =___________=”
อูยองครางเบา ๆ เมื่อนิชคุณใช้ปลายด้ามปากกาตีลงบนหน้าผากมนอย่างจงใจ
เพราะนั่งทบทวนแบบฝึกหัดด้วยตาที่หรี่ปรือลงเรื่อย ๆ เลยโดนร่างสูงทำโทษเข้าให้ ร่างเล็กพึมพัมงึมงัมอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะตั้งท่าอ่านทบทวนต่อไปและหาวหวอด ๆ เนื่องจากความง่วงที่เข้าครอบงำ
“ตั้งใจหน่อยซี่ ... ติวเตอร์น้อยใจแย่เลยรู้มั้ย ^ ^” เจ้าของมือใหญ่ว่าพลางดันไหล่เล็กแรง ๆ เป็นเชิงหยอก ทั้งหมดที่สอนไปแม่งเข้าหัวมั่งป่ะหว่ะ ? คุ้มมั้ยที่ทิ้งงานมาสอนคนขี้เกียจอย่างจางอูยองเนี่ย -_-;;
แต่เมื่อเห็นท่าทีของอูยองที่นั่งหัวโงนเงนสัปหงกจะโขกโต๊ะอยู่มะรอมมะร่อจึงล้มเลิกความคิดที่จะติวต่อ เล่นติวกันมาสามชั่วโมงติดแถมไม่ได้พัก อูยองคงรับอะไรไม่ไหวแล้ว -.-
แล้วความรู้สึกกิ่ว ๆ ก็แล่นเข้ามาที่ท้องโดยฉับพลัน มือหนาลูบท้องตัวเองที่เริ่มจะรู้สึกหิวขึ้นมาตงิด ๆ พลางคิดถึงร่างบางว่าคงรู้สึกแบบเดียวกันแน่ ๆ
ทิ้งร่างบางให้นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงของตน อ้าแขนรับลมของแอร์ที่เย็นฉ่ำในห้องนอนให้ชื่นใจ นิชคุณเดินออกมาเข้าครัวครั้งแรกในรอบสามเดือน จำได้ว่าล่าสุดที่เข้ามาเหยียบในนี้เพราะอูยองมาทำรายงานแล้วค้างที่นี่ เจ้าบ้านต้องแสดงตนเป็นเจ้าภาพที่ดีโดนจัดอาหารมื้อพิเศษเป็นมาม่าคนละห่อ -0- ในตู้กับข้าวไม่มีอะไรตุนไว้มากกว่านี้แล้วจริง ๆ และเมนูวันนี้คงไม่พ้นมาม่าอีกตามเคย ...
กลิ่นหอมโชยคลุ้งไปทั่วห้องเมื่อนิชคุณเดินถือชามมาม่าที่เพิ่งต้มเสร็จเข้ามา ทั้งที่ปกติแล้วอูยองจะต้องวิ่งเข้าหาของกินแต่เขากลับอยู่ในอิริยาบถเดิม นอนหงายเอามือก่ายหน้าผากนิ่งไม่ไหวติง คงจะเพลียจนหลับไปแล้ว
นิชคุณยิ้มน้อย ๆ กับภาพตรงหน้า เขาวางชามสองใบไว้บนโต๊ะข้าง ๆ อูยอง นิ้วเรียวรัวแป้นพิมพ์เล็ก ๆ ที่แลปทอปของตน รีบปั่นงานให้เสร็จ ๆ ไปซะท่าจะเป็นความคิดที่ดี
เข็มนาฬิกาเรือนเล็กบนหัวเตียงบอกเวลาห้าทุ่ม งานของเขารุกหน้าไปได้เกินครึ่งจวนจะเสร็จแล้ว
พอก่อนดีกว่าสำหรับวันนี้ ตาคมเหลือบมองร่างบางที่นอนอยู่ข้าง ๆ เห็นแล้วมันอดไม่ได้หากจะยิ้มบาง ๆ
มีแววว่าคืนนี้อูยองคงต้องค้างคืนที่นี่ซะแล้ว ...
อุณหภูมิในห้องยิ่งหนาวเย็นเมื่อดึกขึ้นเรื่อย ๆ นิชคุณที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มแต่ก็ไม่ลืมที่จะมองอูยองในขณะหลับ ...
... ไม่มีใครรู้ ว่าฉันรักนายทุกวัน ...
ตอนนี้อูยองอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ก็ไม่มีทางที่จะเอื้อมถึงซักที ร่างสูงถามตัวเองอยู่บ่อยครั้ง สายตาที่มองไปแบบนั้นฝ่ายตรงข้ามจะรับรู้ถึงความรู้สึกที่กำลังเอ่อล้นรึเปล่า แล้วเขาเคยแสดงท่าทีแปลก ๆ ที่อีกฝ่ายจะจับได้หรือไม่ ... ?
เคยคิดอยู่หลายครั้งว่าอยากจะสารภาพความรู้สึกของตัวเองให้ร่างบางรู้อย่างหมดเปลือก แต่แค่คำ ๆ เดียวก็สามารถทำให้ทุกอย่างพังลงได้ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้คิดอย่างที่เขาคิด
สำหรับอูยองแล้ว คงไม่ได้มองนิชคุณเกินไปกว่าเพื่อนที่ดีคนนึง ไม่มีทางเลยจริง ๆ ที่จะมีอะไรมากกว่านั้น
อึดอัดเหลือเกิน ไม่รู้ว่าจะทนและเก็บความลับนี้ไว้ได้นานแค่ไหน ...
ความลับไม่มีในโลก ซักวันอูยองก็ต้องรู้ ... แต่ไม่ใช่ตอนนี้แน่
ที่ทำได้ตอนนี้คือแค่แอบมองและคิดถึงนายแบบนี้ไปเรื่อย ๆ สินะ
ถึงมันจะทรมานแต่ยังดีกว่าหากอูยองรู้ความจริงแล้วเปลี่ยนไป ...
ในตอนนั้น ‘ความเป็นเพื่อน’ คงไม่มีหลงเหลืออยู่เลย
ไม่เหลืออะไรสักอย่าง
มือใหญ่ค่อย ๆ เอื้อมไปลูบผมนิ่มของอูยองอย่างแผ่วเบา
ปล่อยให้เป็นแบบนี้แหล่ะดีแล้ว นายไม่ต้องรู้หรอกว่าฉันรู้สึกยังไง เพราะทุกวันที่ได้อยู่ข้างนาย หัวใจก็พองโตมาก ๆ แล้ว ...
หากไม่พูด ก็ไม่มีทางรู้
... และเพราะไม่อยากให้รู้ เลยไม่มีทางพูด
ให้เลือก จะเลือกได้ไหม ...
ระหว่าง ‘เพื่อน’ กับ ‘คนรัก’ อะไรที่เราไม่อยากเสียมันไปมากที่สุด ?
ตัวผม ...
ผมคงเลือกเพื่อน
ฉันรักนาย, อูยอง ... รักมาก ๆ แต่ฉันพูดออกไปไม่ได้
************************************************
****************************************
******************************
**********************
*************
******
เก็บรักเอาไว้ในใจบอกใครไม่ได้ ...
และคือความรักที่ฉันต้องซ่อนเอาไว้
ตั้งแต่รู้ตัวเองว่าความสัมพันธ์เปลี่ยนไป
ทำได้เพียงเก็บไว้ในใจอย่างเดิม
ปล่อยวันเวลาให้เดินและเวียนหมุนผ่าน
ปล่อยที่ว่างตรงกลางกั้นเราให้อยู่อย่างนั้น
อาจเป็นเพราะทุกวัน ที่มีเธอเคียงข้างฉัน
... เพียงแค่นั้นที่ฉันได้พออุ่นใจ ...
.
.
.
บ่อยครั้งที่อูยองใช้เวลาส่วนมากนั่งคิดถึงเรื่องของใครบางคนอยู่บนเตียงตัวเอง มือเล็กเอื้อมไปเปิดลิ้นชักใต้เตียงก่อนจะหยิบรูปถ่ายขนาดโปสการ์ดหลายใบขึ้นมาดู ไล่พลิกไปทีละรูปอย่างหลงใหลและอดจะยิ้มตามคนในภาพไม่ได้ ...
ไม่มีใครทำให้อูยองยิ้มกับตัวเองได้นอกจากนิชคุณ
รูปทุกใบที่อยู่ในมืออูยองล้วนเป็นรูปนิชคุณหลากหลายอิริยาบถที่เขาถ่ายเองทั้งสิ้น มีทั้งช็อตที่ถ่ายอย่างจงใจและแอบถ่ายแต่ส่วนมากจะเป็นอย่างหลังมากกว่า ...
จะให้ใครรู้ไม่ได้ทั้งนั้นว่าสำหรับอูยองแล้ว นิชคุณพิเศษกว่าเพื่อนธรรมดา ๆ คนนึง
ความผูกพันที่ลึกซึ้งเกินเพื่อนนั้นเกิดขึ้นมานานปี
... ความรู้สึกหวั่นไหวแบบแปลก ๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นนิชคุณ เสี้ยวหน้าคมของนิชคุณเมื่อครั้งแรกที่ได้มองแม้ในระยะไกลก็สามารถทำให้หัวใจของอูยองวูบไหวอย่างประหลาดได้ ในทีแรกก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมแต่ในตอนนั้นขาของเขากลับเดินตรงเข้าไปหาร่างสูง ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่เหมือนมีอะไรบางอย่างดลใจให้รู้สึกอยากคุยด้วย ...
มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อ ๆ ไป ...
ประโยคสนทนาของคนทั้งคู่ดำเนินไปอย่างไม่รู้เบื่อ ไม่น่าเชื่อว่านิชคุณและอูยอง เพื่อนใหม่ต่างสัญชาติจะสนิทกันได้ในเร็ววัน
ปากอิ่มคลี่ยิ้มกว้างเมื่อหวนนึกถึงเรื่องราวในวันวาน ความทรงจำเกี่ยวกับนิชคุณนั้นมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน
ไม่ปล่อยให้สมองคิดเรื่องอื่น เขาหันกลับมาสนใจกับรูปถ่ายในมือ ในรูปคือนิชคุณที่กำลังเหม่อในท่านั่งเท้าคาง
... อยากจะรู้นักว่ากำลังคิดถึงอะไรหรือกำลังเหม่อถึงใครกันแน่ ?
อูยองเคยตั้งข้อสงสัยและอดแปลกใจกับมันไม่ได้ ... นิชคุณมีสาว ๆ หลายคนมาติดแต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย จะว่าหล่อเลือกได้ก็ไม่ใช่เพราะแต่ละนางก็ใช่ว่าจะหน้าตาพื้น ๆ เสียเมื่อไหร่ ดีไม่ดียังมีบางรายที่หอบตำแหน่งดาวคณะพ่วงมาด้วย
แต่ถึงกระนั้น นิชคุณก็ยังยืนกรานที่จะปฏิเสธ ...
ทำไมนะ ทำไม ?
หรือเพราะเขามีใครอยู่ในใจแล้ว !!?
... อาจจะใช่
คิดได้ดังนั้นสีหน้าของร่างบางก็หมองลงอย่างเห็นได้ชัด ทำไมต้องมาอยู่ในสถานการณ์แอบรักเพื่อนแบบนี้ด้วยนะ อึดอัดเป็นบ้า ! จะทำอะไรก็ไม่ได้สักอย่างต้องคอยเก็บอารมณ์และท่าทางหวั่นไหวทุกครั้งที่อยู่ใกล้เสมอ และถ้าวันดีคืนดีนิชคุณเกิดรู้เรื่องนี้ขึ้นมาคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
... การเก็บความรู้สึกไว้ในใจเพียงคนเดียวจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
.
.
.
ท้องฟ้าส่งเสียงคำรามอื้ออึง ก่อนเมฆตั้งเค้ามีทีท่าว่าฝนกำลังจะตกในไม่ช้า
ช่วงเวลาบ่ายกลับดูคล้ายยามเย็นเพราะหมู่เมฆได้บดบังแสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องลงมายังผืนโลก
สองสหายหันมามองหน้ากัน ... ถ้าฝนตกขึ้นมาจะกลับบ้านยังไง ?!
“พี่คุณ วันนี้ขับรถมาใช่มั้ย” อูยองถามร่างสูงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ... ถ้าฝนเกิดตกขึ้นมาตอนนี้จะได้ใจชื้นขึ้นบ้างว่าอย่างน้อยก็ได้ติดรถพี่คุณกลับบ้านสบาย ๆ ไม่ต้องมายืนเบียดกับประชากรที่หนาแน่นบนรถเมล์ในสภาพที่เสื้อผ้าเปียกแฉะ
“ไม่”
ฝันที่คาดไว้ในตอนแรกกลับสลายลงเมื่อร่างสูงตอบ
เวร ... ร่มก็ไม่ได้หยิบมาซักคัน กลับไปมีหวังเปียกแน่ T^T
“งั้นรีบกลับก่อนที่ฝนตกดีกว่า”
“อื้อ”
ว่าแล้วสองร่างก็ลุกขึ้น หวังจะออกจากคอฟฟี่ชอปเล็ก ๆ ข้างมหาลัยนี้ทันที แต่ยังไม่ทันทีประตูจะถูกดันออกกลับมีฟ้าผ่าเปรี้ยงเสียงดังลั่นทำเอาผงะไปชั่ววูบ
แหมะ ..
แหมะ ..
หยดน้ำจากฟากฟ้าเกาะพราวที่ด้านนอกของประตูร้านพร้อมกับพื้นถนนที่เป็นรอยด่างดวงอย่างรวดเร็ว
จู่ ๆ หยาดฝนก็เทกระหน่ำลงมาซะดื้อ ๆ สองร่างถอนหายใจยาวพร้อมกันและยอมเดินกลับไปนั่งในตำแหน่งเดิมแต่โดยดี มองด้านนอกร้านด้วยสีหน้าปลงไม่ต่างกัน ฝนห่าใหญ่ไม่พอแถมลมกระโชกแรงยังพัดพาใบไม้ที่ร่วงตามพื้นถนนปลิวว่อนไปทั่ว
“เอาไง ?” ร่างบางหันไปตามผู้ร่วมชะตากรรมที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แต่เมื่อเห็นสภาพนอกร้านแล้วมีความเป็นไปได้สูงว่าฝนจะตกอีกยาว
“เรื่อย ๆ เหอะ ...” พยักหน้าเห็นด้วยกับนิชคุณ เอาวะ รอต่อไปจนกว่าฝนจะซา พอถึงตอนนั้นแล้วค่อยว่ากันอีกที
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า บรรยากาศในร้านค่อนข้างเงียบเหงา มีเพียงลูกค้าหลงหลืออยู่ในร้านแค่สองสามโต๊ะต่างกำลังรอเวลาที่ฝนจะซาลงเหมือนคนทั้งคู่เช่นกัน
อูยองนั่งเท้าคางมองไปนอกร้านเห็นรถขับผ่านไปคันแล้วคันเล่า เห็นแล้วมันน่านัก !
“พี่คุณอ่ะ !! ไม่เอารถมา เลยติดแหงกกันอยู่นี่เห็นมะ” ปากก็บ่นไปอย่างนั้นทั้งที่ในใจอยากใช้เวลาอยู่กับร่างสูงใจแทบขาด
“(กู)จะไปรู้มั้ยครับว่าฝนมันจะตกแบบนี้ แล้วเราล่ะ ไม่รู้จักเตรียมร่มมาเอง” สวนกับด้วยสีหน้าไม่พอใจเช่นกันแต่ในใจนี่ปลื้มสุด ๆ
นิชคุณปล่อยให้เวลาผ่านไปกับการนั่งปั่นงานที่คั่งค้างของตนให้เสร็จ แอร์เย็นฉ่ำในร้านบวกกับอากาศเย็นจากฝนตกยิ่งทำให้อากาศในคอฟฟี่ชอปแห่งนี้หนาวขึ้นเป็นทวีคูณหากแต่ยังสู้ความเย็นข้างนอกที่ฝนเทลงมาไม่ได้อยู่ดี
ด้วยอุณหภูมิด้านในที่เย็นกว่าทำให้กระจกใสตรงหน้าอูยองที่มองออกไปด้านนอกร้านนั้นฝ้าจับหน้าขึ้นเรื่อย ๆ อูยองใช้มือถูวนกับกระจกเพื่อให้ฝ้าหายไปจากนั้นก็ใช้นิ้วเขียนข้อความบนกระจกแก้เบื่อ
เสียงฝืด ๆ ของนิ้วที่ถูกับกระจกทำให้นิชคุณเงยหน้าขึ้นมาสนใจกับสิ่งที่อูยองกำลังเขียน
‘เฮ้อออ ~’ นิชคุณมองและอ่านคำนั้นในใจ จู่ ๆ ก็นึกสนุกอยากเขียนตอบขึ้นมา
ร่างบางที่เมื่อเห็นนิ้วของนิชคุณกำลังเขียนข้อความต่อจากที่ตนเพิ่งเขียนก็อ่านตาม
‘ทำไมล่ะ ?’
แล้วร่างบางก็เขียนตอบตามที่ตัวเองคิด ‘อยากให้ฝนหยุดตก’
‘แต่ฉันไม่’
เลิกคิ้วอย่างแปลกใจก่อนจะเขียนประโยคถัดไป
‘เพราะ .. ?’
‘อยากอยู่กับนายต่อไง ฮ่า ๆๆๆๆ’
แล้วหน้าของอูยองก็ร้อนผ่าวขึ้นมากะทันหัน อดคิดไปไกลกับประโยคล่าสุดที่นิชคุณเป็นคนเขียนไม่ได้
... ร่างบางชะงักไปหลายวิจนคนข้าง ๆ สังเกตได้
เสียงนิ้วถูกับกระจกทำให้อูยองเรียกสติกลับมาได้อีกครั้ง
‘ทำไมเงียบไป ?’
‘หิวน่ะ’
ตอบกลบเกลื่อนไปงั้นทั้งที่ในใจกำลังว้าวุ่น เมื่อเหลือบสายตาไปอ่านมันอีกทีก็อดใจเต้นไม่ได้
หยุดซักทีเจ้าหัวใจบ้า !
ไร้สาระน่ะ มันแค่ประโยคนึงที่ไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งอะไรเลย หยุดคิดเข้าข้างตัวเองซะทีจางอูยอง !
“สั่งไรกินมะ หิวเหมือนกัน” เป็นนิชคุณที่เริ่มพูดก่อน ไม่รอฟังคำตอบจากร่างบาง เขาเดินไปที่เคาท์เตอร์เพื่อสั่งคาปูชิโนร้อนให้ตัวเองแต่ก็ไม่ลืมที่จะสั่งโอวันตินเย็นเพิ่มวิปครีมให้อูยอง
ไม่ต้องถามก็รู้ว่าอยากกินอะไร ...
นับเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับอูยองที่นิชคุณรู้ดี
แก้วของโอวันตินเย็นถูกยื่นให้ร่างบาง มือเล็กรับมันมา ก้มหัวขอบคุณแล้วเร่งจัดการกับวิปครีมทันที
นิชคุณจิบกาแฟอึกเล็ก ๆ แล้วหันไปสนใจกับงานในแลปทอปของตัวเองต่อ
"ยังไม่เสร็จอีกเหรอ ให้ผมช่วยได้น่ะ *U*" อูยองเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้กับร่างสูงมากขึ้นแล้วชะโงกหน้ามองที่หน้าจอแลปทอป
นิชคุณหันมามองอูยองโดยไม่รู้ว่าระยะห่างจากใบหน้าของอูยองนั้นมีมากแค่ไหนเป็นผลให้ต่างฝ่ายต่างมองใบหน้าซึ่งกันและกันในรยะประชิด
ตาเรียววูบไหวเล็กน้อยเมื่อฝ่ายตรงข้ามมองลึกเข้าไปในดวงตา ทั้งคู่ต่างสะกดกลั้นอารมณ์และท่าทีหวั่นไหวในใจก่อนจะรีบผละออกจากกันในไม่กี่วินาทีถัดมา
"อ่า ... เมื่อกี้นายพูดว่าไงนะ" นิชคุณถามก่อนจะก้มหน้าลงไปสนใจกับแลปทอป พยายามทำตัวให้เป็นปกติ
"รายงาน ให้ผมช่วยได้" ราวกับแข่งกันว่าหากใครแสดงท่าทีส่อไปในทางว่ากำลังหวั่นไหวก่อนคนนั้นจะแพ้ อูยองตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่แพ้นิชคุณ
"ไม่เป็นไร จะเสร็จอยู่แล่ว" ตอบพร้อมกับหันไปยิ้มบาง ๆ ให้อูยอง
"ปากนาย ... ฮ่า ๆๆ กินเลอะเทอะอีกแล้วนะ ^ ^" นิชคุณหัวเราะร่าเมื่อริมฝีปากแดงอิ่มของอูยองถูกแต้มไปด้วยสีขาวของวิปครีม ร่างสูงเอี้ยวตัวไปใกล้คนข้าง ๆ แล้วใช้ทิชชู่ซับเบา ๆ ที่มุมปกาของอูยอง
ร่างบางที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์หวาดเสียวเมื่อครู่เจอนิชคุณเทคแคร์เข้าหน่อยก็ถึงกับหลุดยิ้มออกมา
ขอบคุณสวรรค์ที่นิชคุณหันกลับไปพิมพ์งานแล้วจึงไม่เห็นรอยยิ้มที่อูยองพยายามจะซ่้อน
... เกือบไปแล้วมั้ยจางอูยอง
เก็บกลับไปยิ้มกว้างดีใจรวดเดียวที่บ้านไม่ได้หรือไงกันนะ ?!
แต่เมื่อคิดถึงหลักความเป็นจริง ... ปกตินิชคุณก็เป็นคนเทคแคร์คนรอบข้างอยู่แล้ว
ที่เขาทำแบบนี้มันออกจะเป็นเรื่องปกติที่เพื่อนเขาทำกันไม่ใช่หรือ ?
ไม่ว่าเขาจะทำอะไรนิชคุณก็จะคอยช่วยอยู่เสมอ เพราะเป็นแบบนี้บางครั้งจึงอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้
โทษร่างสูงอยู่บ่อยครั้ง ... ทำไมถึงชอบทำอะไรที่มันคลุมเครือแบบนี้นัก !
ตัวเองไม่ได้คิดอะไรก็อย่ามาทำให้คนอื่นเขาคิดแบบนี้สิ T_T
รู้อยู่แก่ใจว่านิชคุณไม่มีทางคิดกับเขาเกินเพื่อนแน่ แต่ก็อย่ามาทำตัวดีจนมันน่าคิดไม่ได้หรือไง
เพราะความจริงแล้ว ... มันไม่มีอะไรเลย
... ไม่อยากคิดไปเองฝ่ายเดียวน่ะ
ในสายตาพี่ เคยมองเห็นผมบ้างมั้ยนะ ?
ถ้าวันใดวันหนึ่งนิชคุณรู้ความจริง คงเกิดบาดแผลรอยใหญ่ในมิตรภาพของคนทั้งคู่ ไม่มีความโล่งใจเหมือนแต่ก่อนจนอาจกลายเป็นจุดจบของมิตรภาพเลยก็ได้ ...
เพราะหัวใจที่ไม่รักดีเผลอพลั้งคิดเกินกว่าเพื่อนจึงต้องอึดอัดและทรมาน ในเมื่อไม่รู้จักหักห้ามใจตัวเองก็ควรได้รับบทลงโทษที่สาสม ...
แต่ถึงยังไง อูยองคนนี้ก็ยังยืนยันที่จะรักนิชคุณ ...
ให้เลือก จะเลือกได้ไหม ...
ระหว่าง ‘เพื่อน’ กับ ‘คนรัก’ อะไรที่เราไม่อยากเสียมันไปมากที่สุด ?
แน่นอนว่าเลือกจะที่รักษามิตรภาพของเราต่อไป ...
แค่ได้เห็นพี่ทุกวันผมก็สุขใจจนบอกไม่ถูกแล้ว
ผมรักพี่ ... รักมาก ๆ แต่ผมขอเลือกที่จะพูดมันในใจดีกว่า
.
.
.
ไม่รู้ว่าพายุลงเกาหลีหรืออย่างไีร ฝนห่าใหญ่ยังคงเทลงมาจากท้องฟ้า ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะซาลงเมื่อไหร่
... ราวกับเป็นใจให้สองหัวใจได้มีเวลาเคียงข้างกันนานแสนนาน ...
ใคร ๆ ก็ว่า 'ความลับไม่มีในโลก'
... ถึงสองคนนั้นจะเลือกเก็บมันไว้ในใจแต่สักวันความนัยก็ต้องถูกเปิดเผยอยู่วันยังค่ำไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ณ เวลานี้หากยืนยันที่จะปิดมันไว้ต่อไป ... แล้วเมื่อไหร่กันนะที่สองหัวใจจะได้เชื่อมโยงถึงกันซักที ?
"มรสุมเข้าหรือไงน่ะ" ร่างบางเริ่มกล่าวโทษฝนฟ้าที่ตกนานหลายชั่วโมง "อยากกลับบ้านจะแย่อยู่แล้ว = =;;"
ถึงคนข้าง ๆ จะเอาแต่บ่นอย่างหงุดหงิดใจแต่นิชคุณกลับรู้ซึ้งถึงประโยชน์ของฝนตกในครั้งนี้ ...
ประการแรก มันทำให้งานของเขาเสร็จในเวลาไม่นาน
และประการที่สอง ... เขาได้มีเวลาอยู่กับอูยองนานกว่าทุกวัน
แต่มันติดตรงที่ว่านี่ก็ปาเข้าไปสามทุ่มแล้ว ขืนรอให้ฝนหยุดตก มีความเป็นไปได้สูงว่าจะต้องนอนค้างที่นี่
คิดบางอย่างได้ร่างสูงจึงเดินออกไปที่เคาท์เตอร์และพูดบางอย่างที่อูยองไม่ได้ยินก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกับร่มคันหนึ่ง
"ไม่รู้ว่าฝนจะหยุดเมื่อไหร่ ถ้ารอฉันว่าพรุ่งนี้เช้าคงไม่ได้กลับแน่ ..."
"เอ๋ .. ?"
"ไปยืมร่มเจ้าของร้านมาน่ะ ... เรากลับกันเถอะ" เหตุผลของนิชคุณทำให้อูยองสงสัยนัก
ปากกำลังจะถาม 'ทั้ง ๆ ที่ในตกขนาดนี้อ่ะนะ ?' แต่เมื่อภาพของเขากับนิชคุณเดินตากฝนกลับบ้านด้วยกันสองต่อสองถูกฉายเข้ามาในหัวทำเอาอูยองรีบตกปากรับคำแทบไม่ทัน
"อืม .. กลับก็ดี ^ ^"
เจ้าแลปทอปเครื่องโปรดของนิชคุณถูกยื่นให้กับเจ้าของร้าน ร่างสูงเลือกที่จะฝากมันไว้ที่นี่ซักคืนแล้วพรุ่งนี้ค่อยมารับ
งานก็เสร็จแล้ว คงไม่มีอะไรต้องห่วงอีกต่อไป ...
มือหนาของร่างสูงผลักประตูกระจกของร้าน ก้าวขาเดินนำออกไปพร้อมกับกางร่มให้ร่างบางที่เดินตามออกมา
ละอองฝนกระทบกับใบหน้าพร้อมกับอากาศเย็นที่บาดผิวของคนทั้งสอง
ทั้งเสื้อและกางเกงชื้นด้วยละอองฝนอย่างรวดเร็ว
นิชคุณโอบไหล่เล็กของคนข้าง ๆ ให้เข้ามาแนบชิดก่อนจะเดินลุยฝนไปพร้อม ๆ กัน
และเป็นอีกครั้งที่ฟ้าฝนช่างเป็นใจปล่อยหยาดละอองฝนปรอย ๆ ลงมาจากฟากฟ้าแทนที่จะเป็นฝนห่าใหญ่แบบเมื่อหลายชั่วโมงที่ผ่านมา
นิชคุณลอบมองเสี้ยวหน้าหวานเป็นระยะในขณะที่อูยองกำลังก้มหน้าเหลือบมองไหล่ด้านซ้ายของตัวเองที่มีมือของนิชคุณวางอยู่
... ปล่อยให้เป็นแบบนี้ล่ะดีแล้ว
ไม่ต้องรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามรักเราหรือไม่
"พรุ่งนี้ผมเป็นหวัดแน่เลย ..."
"หัวแข็งอย่างนายไม่เป็นอะไรง่าย ๆ หรอก -0-"
"แต่ผมอยากป่วยอ่ะ ขี้เกียจไปเรียน > <"
"ถ้าอู้จนเรียนไม่ทันคนอื่นจะขำให้"
"กลัวอะไร ยังไงพี่ก็ติวให้ผมอยู่แล้ว *U*"
"... เออ ! ... รู้ดีนี่เรา ^ ^"
.
.
มีความสุข ... ที่ได้เคียงข้างกัน
แม้จะได้ใช้เวลาด้วยกันแค่ช่วงสั้น ๆ หากแต่มันจะตราตรึงในใจไปนานแสนนาน ...
.
.
END
+Talk
ถามรีดเดอร์ ... งงมั้ยค้าาา มันมาจากไหนวะเรื่องนี้ > <
ไรเตอร์ตอบ ... นั่นสิ มันมาจากไหน(วะ) = =;;
ช่วงเวลาที่เพื่อน ๆ กำลังอ่านหนังสือสอบอย่างหน้าดำคร่ำเครียด แต่้เรากลับมาตะรันตันตันกับฟิค
ไม่ได้มาต่อเรื่องไหน แต่ได้เรื่องใหม่มาเลย ซะงั้น - -
เอาเถอะ รวบให้มันเป็นone shotเป็นการบังคับตัวเองไปในตัวว่้่า "มึงต้องจบน่ะ !!"
วันช็อตเรื่องแรกในชีวิตและจบอย่าง .... (จะบอกว่าสมบูรณ์ก็ไม่ได้เพราะมันดวกเอาการอยู่ -0-)
Qreaz. 10
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น