[SHORTFANFICTION KYORYUGER]Only one - [SHORTFANFICTION KYORYUGER]Only one นิยาย [SHORTFANFICTION KYORYUGER]Only one : Dek-D.com - Writer

    [SHORTFANFICTION KYORYUGER]Only one

    โดย {p-phoenix}

    When no one’s by your side I’ll wait for you, always.

    ผู้เข้าชมรวม

    849

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    849

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    15
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  31 มี.ค. 58 / 19:53 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น




    Only one









    Why does it break my heart
    Your frozen eyes
    They seem to be crying
    I want to go up to you and hug you


                                     
     
    Tiny Hand
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

















       
      Tiny Hand





       

       

       

       

          ผู้คนมากมายเดินขวักไขว่กันให้วุ่น  เมื่อถึงเวลาเลิกงานของวันทำงานวันสุดท้ายของสัปดาห์อย่างวันศุกร์แล้ว   ฝูงชนกลุ่มใหญ่ก้าวเดินกันออกมาจากชินคันเซ็น  รถไฟความเร็วสูงของประเทศอย่างรีบเร่ง

       

       

       

       

              ไม่ใช่แค่วัยกลางคนเท่านั้นที่กำลังกลับบ้าน   แต่ยังมีทั้งกลุ่มนักศึกษาด้วยเช่นกัน

       

       

       

       

       

              เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อน  ที่ตอนนี้ยาวมากจนระต้นคอ  ส่วนผมด้านหน้าก็ปรกลงมาจนแทบจะปิดดวงตาเรียวจนแทบหมด   ริปปูกัง  โซจิ สะพายกระเป๋าเป้สีดำสนิทไว้ที่ไหล่ที่ไม่กว้างนักเมื่อเทียบกับชายวัยเดียวกัน  เขากระชับเป้ให้แน่นขึ้นเมื่อคลื่นฝูงชนจำนวนมากดันให้เด็กหนุ่มออกมาจากสถานี

       

       

       

       

              ดวงหน้าขาวใสบ่งบอกความไม่พอใจออกมาเสมอ  ไม่ว่าจะตั้งแต่เด็กหรือจะเป็นนักศึกษาก็ตาม  โซจิอยู่ในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยต่างเมืองชื่อดัง  ชุดแต่งกายของเขาไม่มีสีเขียวปรากฎอยู่เหมือนตอนมัธยมปลาย  มีเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาว กับกางเกงขาวยาวสีดำสนิท

       

       

       

       

       

             เสียงดนตรีดังขึ้นมาจากกระเป๋าเป้สีดำที่สะพายอยู่  โซจิเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงดนตรีคุ้นเคยที่ไม่ได้ยินมานานตั้งแต่เขาเข้ามหาวิทยาลัยและย้ายไปอยู่ต่างเมือง  กว่าเขาจะกลับมาที่บ้านก็จบเทอม  หรือไม่ก็มาตอนวันหยุดตามเทศกาล  ซึ่งล่าสุดที่เด็กหนุ่มมาก็เมื่อตอนฉลองปีใหม่

       

       

       

       

           โซจิหยิบจูเดนโมบัคเคิลจากกระเป๋าเป้ออกมาก็พบว่ามันเป็นการติดต่อมาจากคิริว ไดโกะ  หรือที่เขาเรียกว่าคิง   ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเสียงของเพื่อนๆที่ไม่ได้เจอกันพักใหญ่แล้ว

       

       

       

       

           "กลับมาแล้วเหรอ โซจิคุง~"  แต่เสียงแรกที่ได้ยินกลับไม่ใช่เสียงของไดโกะ  มันคือเสียงสดใสของเอมี่ ยูสึกิ  ผู้หญิงคนเดียวในทีมที่เก่งด้านการเตะต่อยจนแม้แต่หนุ่มเจ้าชู้อย่างเอียน ยอร์คแลนด์ยังไม่กล้าที่จะยุ่งด้วยเท่าไหร่

       

       

       

       

             "อ..อื้อ ครับ เอมี่ซัง"   เขาตอบตะกุกตะกัก  อาจเป็นเพราะได้ยินเสียงจ้อกแจ้กของคนทั้งห้าที่แทรกเข้ามาไม่ขาดสาย

       

       

       

       

       

           "บอยจะหาสาวๆได้สักคนมั้ยนะ~?"

       

       

       

       

          "ท่านเอียนพูดอะไรอย่างนั้นล่ะขอรับ"

       

       

       

       

       

             เรียวขายังคงก้าวเดินดุ่มต่อไปยังปลายทางในขณะที่ได้ยินเสียงโนบุฮารุเล่นมุกออกมาจากปลายสาย  ซึ่งเสียงหัวเราะของคิงและคนอื่นๆก็ดังขึ้นมา   ก่อนที่คิงจะบอกว่าให้เจอกันที่บ้านของนตซังด้วยน้ำเสียงที่กลั้วหัวเราะ

       

       

       

       

       

       

       

              กว่าโซจิจะมายังบ้านของนตซัง  ดวงอาทิตย์ก็คล้อยต่ำ  ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนสีจากความสดใสเป็นความมืดมิด  ดวงดาวเริ่มปรากฎขึ้นประดับฟากฟ้ายามค่ำคืน

       

       

       


       

       

              เอมี่เป็นคนแรกที่วิ่งมาและสวมกอดเขา   เธอยิ้มสดใสเป็นประกายเจิดจ้า  ก่อนที่คิงจะเข้ามาโอบไหล่เขา  โนบุฮารุยิ้มให้และพูดคุยถามเรื่องการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย  ก่อนจะกอดเด็กหนุ่ม  และเล่นมุกออกมาอีกครั้ง  อุจจี้เข้ามาทักทายเล็กๆน้อยๆ  ถามเรื่องการซ้อมดาบที่เขาไม่มีเวลาซ้อมสักเท่าไหร่

       

       


       

       

       

            ฉันอ่านหนังสือมากกว่าจับดาบอีก อุจจี้"  โซจิพูดอย่างปลงๆ  ถอนหายใจเบาๆให้กับความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดเทอมการศึกษานี้

       

       

       

       

       

           ซามูไรหลงยุคพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ   พูดเชิญชวนเด็กหนุ่มที่มาจากตระกูลนักดาบชั้นสูงอย่างมีความหวัง "ปิดเทอมนี้มาฝึกดาบกับกระผมนะขอรับ"

       

       

       

       

       

         อื้ม"  คนถูกชวนตอบกลับพร้อมรอยยิ้มบางๆ  หันไปมองคนอื่นๆที่เริ่มสังสรรค์กันแล้ว  โดยคิงเป็นคนแรกที่กรอกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าปาก

       

       

       

       

           โซจิและอุสึเซมิมารุยืนคุยกันต่ออีกครู่หนึ่งในมุมมืด  โดยมีเด็กหนุ่มหันไปมองวงสังสรรค์ที่สนุกสนานเป็นระยะ  จนกระทั่งสบตากับใครอีกคนเป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานานแล้ว

       

       

       

       

       

          สายตาเย็นชาของเอียนกำลังทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ   ดวงตารีเรียวสั่นคลอนไปวูบหนึ่งก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวตามปกติในวินาทีถัดมา

       

       

       

       

       

         "มหาวิทยาลัยในเมืองนี้ก็มีไม่ใช่หรือขอรับ?"   อุจจี้เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปจนผิดสังเกต

       

       

       

           โซจิได้ยินคำถามชัดเจน  แต่ไม่ได้เอ่ยปากตอบคำถามของอุสึเซมิมารุในทันที  เพราะคำตอบของคำถามนั้นดังก้องอยู่ในใจ

       

       

       

       

                โซจิกำลังหนีตัวเอง..

       

       

       

       

           “.......ไม่รู้สิ”    เจ้าของดวงตาเรียวเอ่ยตอบ  ก่อนที่คนถามจะชวนไปร่วมการสังสรรค์กับคนอื่นๆ

       

       

       

       

       

       

       

              เวลาล่วงเลยไปจนเกือบถึงเที่ยงคืน  งานเลี้ยงจึงจะเลิกรา  โดยที่แต่ละคนเมาบ้างไม่เมาบ้าง    คนที่ไม่ได้ดื่มก็ต้องแบกคนที่เมาหนักเข้าบ้านนตซังไป  แน่นอนว่าคนที่เมาหนักนั้นหนีไม่พ้นคิงและนตซังเจ้าของบ้านอย่างแน่นอน  โดยเอมี่และยูโกะ  น้องสาวของนตซังช่วยกันแบกผู้ชายตัวโตสองคนเข้าบ้านไปอย่างไม่น่าเป็นไปได้   ส่วนอุจจี้นั้นวิ่งตามหญิงสาวทั้งสองไปอย่างเงอะงะแล้ว

       

       

       

       

               เหลือเพียงเอียนและโซจิที่ไม่ได้สนทนากันแม้แต่ประโยคเดียวตั้งแต่พบหน้ากันคราวนี้    เอียนพูดน้อยลงกว่าเก่าอาจจะเป็นเพราะสาเหตุที่คิงเล่าให้เด็กหนุ่มฟังก่อนจะเมาไม่รู้เรื่องอย่างนั้นจนลำบากคนอื่นไป

       

       

       

              เอียนคบผู้หญิงคนหนึ่งมานานหลายปีแล้ว  ซึ่งเรื่องนี้ทุกคนรู้ดี..

       

       

       

             แต่ทว่าดูเหมือนคนทั้งคู่จะมีปากเสียงและทะเลาะกันหนักทีเดียว

       

       

       

       

           โซจิที่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตร่นลงมาสองสามเม็ด  หันไปมองผู้ชายร่างสูงในชุดสีดำทั้งตัวที่นั่งห่างกันไม่มาก  ดวงตาคมไม่ได้เป็นประกายเจ้าชู้แล้ว  แต่เป็นดวงตาที่เฉยชา.. นิ่งสงบ เยือกเย็น  ไร้ความรู้สึก........

       

       

       

       

       

       

              โซจิไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอกำชายเสื้อตัวเองแน่นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่   สายตาของเอียนมันดูแปลกไปจนเด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนก้อนเนื้อที่อกมันเต้นช้าลง  ทุกครั้งที่มันเต้นเขาจะรู้สึกปวดร้าวอย่างบอกไม่ถูก  ดวงตาเรียวรีหลุบลงต่ำมองกระป๋องเบียร์เย็นๆที่อยู่ในมือของตน  ก่อนจะยกมันกระดกเข้าปาก  รสขมซ่านแผ่ไปทั่วโพรงปาก โซจิเบ้ปากทันทีเหมือนเด็กโดนบังคับให้กินยาขมๆ  ซึ่งคนที่อยู่ไม่ไกลนักก็ไม่ได้นึกจะหันมองมายังเด็กหนุ่มไม่ประสาคนนี้

       

       

       

       

       

                                                                  

       

       

       

       

       

              “อ..เอียนล่ะ  หมอนั่นไม่ฆ่าตัวตายไปแล้วเหรอ”   โนบุฮารุที่โดนน้องสาววางลงบนฟูกนอนอย่างแรงจนเริ่มสร่างเมาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเพื่อนร่วมทีมที่ดูซึมเศร้าผิดปกติ

       

       

               “ไว้ใจโซจิเถอะน่า  สองคนนั่นสนิทกันจะตาย ต้องทำให้เอียนหายเศร้าแน่ๆ”  คิงพูดด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ   หัวเราะคิกคัก  และผล็อยหลับไปทันทีหลังจากพูดจบ

       

       

       

               อุสึเซมิมารุห่มผ้าห่มให้คนทั้งสองที่หลับสนิทเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ไปแล้ว  ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวทั้งสองที่มีสีหน้าหนักใจกับเรื่องของเอียนไม่แพ้กัน  ซามุไรหนุ่มเด้งตัวขึ้นยืนอย่างรวดเร็วก่อนจะเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

       

       

               “กระผมเชื่อท่านคิงนะขอรับ”  

       

       

               ซึ่งมันทำให้หญิงสาวทั้งสองดูตึงเครียดน้อยลง  ก่อนที่สองสาวจะเดินออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้มบางๆที่ดูฝืนยิ้มบนใบหน้า   อุจจี้ผ่อนลมหายใจออกราวกับจะให้ความเครียดลอยผ่านอากาศไป

       

       

       

                 ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยเห็นเอียนซึมแบบนี้มาก่อน

       

       

       

       

                แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เอียนซึมเพราะความรัก

       

       

       

       

       

                ความรักที่ไม่เคยคิดจะมอบให้ใครมาก่อน

       

       

       

       

       

               ความรู้สึกเป็นเรื่องละเอียดอ่อน  จนหลายๆคนนึกมองข้ามมันไป

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

              “เอียน....”   

       

       

       

       

             เวลาเที่ยงคืนมาถึงแล้ว  แต่ทว่าชายทั้งสองคนยังคงนั่งอยู่กับที่ไม่ไปไหน  แม้แต่เด็กหนุ่มตัวบางที่ลุกไปนั่งข้างกายเจ้าของเรือนผมสีดำสนิท

       

       

       

       

                “............”    คนถูกเรียกไม่ตอบ   แต่เงยหน้ามองท้องนภายามค่ำคืนด้วยสายตานิ่งสงบ

       

       

       

       

                   โซจิจึงมองใบหน้าด้านข้างของเอียนเพื่อฆ่าเวลาเล่น   เพลย์บอยคนนี้ดูไม่ต่างจากครั้งแรกที่เขาเจอกันที่ร้านเล็กๆที่เอมี่ทำงานอยู่  ใบหน้าคมคาย  คิ้วเรียวกับดวงตาคมที่เวลานี้ดูเย็นชาเหลือเกิน  จมูกโด่งเป็นสันเหมือนนายแบบ   ริมฝีปากหยักได้รูปราวกับพระเจ้าสรรสร้างมา

       

       

       

       

                    ถ้าหากหัวใจของเขาเด้งกระดอนออกมาจากอกได้  ป่านนี้เขาคงตายเพราะการลอบมองใบหน้าหล่อคมคายนั่น  โซจิพยายามบอกให้ตนเองเลิกสนใจ และหันไปมองผืนฟ้ายามค่ำเช่นเดียวกันกับคนด้านข้าง

       

       

       

       

                แต่แล้วเด็กหนุ่มก็ไม่สามารถห้ามตัวเองได้อีกครั้ง  เขาหันไปมองเอียนอีกครั้ง  โซจิอาจกำลังคิดไปเองว่าแววตาเฉยชาแบบนี้ของเอียนเหมือนมันกำลังร้องไห้อยู่โดยไร้น้ำตา....

       

       

       

              มือเรียวเล็กที่จะยกขึ้นกอดชะงักไป   หยุดการกระทำไปอย่างทันทีเมื่อได้ยินเสียงในสมองสั่งการว่าอย่าทำอะไรโง่ๆแบบนี้ออกไป

       

       

       

                “ไม่ต้องฝืนก็ได้นะ...”    โซจิพูดขึ้นมาลอยๆ  ในหัวนึกถึงน้ำเสียงร่าเริงของเอียนที่แซวเขาเล่นเรื่องผู้หญิงที่ดังออกมาจากจูเดนโมบัคเคิลเมื่อตอนเย็น  เขาอาจคิดไปเองอีกครั้งก็ได้ว่าเอียนแสร้งทำมันเพื่อให้เขาสบายใจ

       

       

       

               ชายร่างสูงละสายตาออกมาจากท้องนภายามราตรี  เขายกกระป๋องเบียร์ขึ้นมาดื่มจนหมด  ก่อนจะหันไปหยิบกระป๋องใหม่ขึ้นมาเปิด  และดื่มเข้าไปอีกจนหมด  หยิบกระป๋องใหม่  ดื่มจนหมด..  ทำแบบนี้ซ้ำๆอยู่หลายครั้ง

       

       

       

           “ถ้ามีปัญหากัน ก็ขอโทษสิ”  โซจิขมวดคิ้วเข้าหากัน  รีบจับแขนของอีกคนไว้ไม่ให้ซดแอลกอฮอล์เข้าปากมากเกินไป  

       

       

            เอียนชะงัก  ก่อนที่เขาจะหัวเราะอย่างไร้อารมณ์ขันออกมา

       

       

             “คิงบอกแล้วสินะ  เรื่องไม่เป็นเรื่องของฉันน่ะ”

       

       

       

             เรื่องของนายไม่ใช่แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง !’    โซจิรีบกลืนคำพูดลงคอพร้อมกับน้ำลายไป เขาเงียบไม่พูดอะไรต่อ  เพราะกลัวว่าจะหลุดคำพูดอะไรแปลกๆออกไป

       

       

       

             “ฉันพยายามทำทุกอย่างเพื่อไปขอโทษเธอ  แต่นายรู้ไหม ว่าเธอทำยังไงตอนเห็นหน้าฉัน..”   เอียนพูดขึ้น  แววตาของเขายังคงฉายความเฉยชาไม่เปลี่ยน

       


       

              โซจิส่ายหน้า  เขาไม่เคยมีแฟนมาก่อน  เขาจะไปรู้ได้ยังไงว่าเธอคนนั้นทำอะไร

       

       

       

                “เธอทำเหมือนฉันไม่มีตัวตน”   เอียนยักไหล่  ดวงตายังคงฉายแววของความเจ็บปวดวันนั้นชัดเจนจนโซจิรู้สึกเหมือนก้อนเนื้อในอกถูกกรีดด้วยใบมีดแหลมคมซ้ำแล้วซ้ำเล่า

       

       


       

               ทำไมเวลาเขาเห็นเอียนเป็นแบบนี้...

       

               แล้วรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจแปลกๆกันนะ.......

       

       

       

             คนทั้งคู่สบตากันในความเงียบ   โซจิเห็นตัวเองสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่เฉยชาคู่นั้น  เขาไม่ต้องการให้เอียนเศร้า  เสียใจไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามเถอะ  ความรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาของเขามันดูน่ารำคาญมากในตอนนี้ 

       

       

       

       

                  น้ำหยดใสๆไหลรินจากดวงตารีเรียวอย่างเชื่องช้า  โดยที่โซจิไม่คิดที่จะเช็ดมันออกจากใบหน้าของตน  กลับปล่อยให้มันไหลออกมาอย่างนั้น

       

       


       

               “ร้องไห้ทำไม”   เอียนขมวดคิ้วเข้าหากัน  ยื่นมือมาเช็ดแก้มที่เริ่มมีคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนเหมือนเป็นเด็กๆของโซจิ

       

       

       

               พักพิงฉันได้เสมอนะ...

       

       

               ถ้าวันนั้นนายไม่เหลือใคร........

       

       

       

       

       

              “เปล่า....  ไม่มีอะไร”  โซจิเอ่ยปฏิเสธ ปัดมือฝ่ามือหนาที่เช็ดน้ำตาให้ออกอย่างไม่ใยดี

       

       

       

       

              ถ้าหากเขาสามารถโอบกอดเอียนไว้ด้วยน้ำตาและความรักของเขา

       

       

               เขาจะขอใช้สายตาของตัวเองกอดผู้ชายคนนี้ไว้.......

       

       


       

       

             “บอยกำลังโกหกฉัน”  เสียงของเอียนมันออกจะหงุดหงิดไปสักหน่อย  เพราะโซจิกำลังโกหกอย่างเห็นได้ชัด  เขารู้ดีว่าเขาโกหกเอาไม่เก่งเอาซะเลย แต่ถ้าจะให้บอกความจริงไป ให้โซจิเป็นเด็กโกหกแบบนี้ต่อไปยังจะดีกว่า

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                       ช่วงบ่ายของไม่กี่วันถัดมา  เอียนดูเหมือนว่าจะง้อแฟนสาวคนนั้นได้สำเร็จ  เธอจึงยอมมาพบเจอด้วย  โดยที่เหล่าเคียวริวเจอร์ที่เหลือนั้นก็ตามไปเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ  รวมทั้งโซจิด้วย

       

       

       

       

              เอียนยืนรอแฟนสาวอยู่หน้าร้านขายดอกไม้เล็กๆแห่งหนึ่ง  เขามองนาฬิกาอยู่แทบทุกนาที  ในมือของชายหนุ่มร่างสูงถือช่อดอกเดซี่ที่ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ  แน่นอนว่าเขาซื้อมาจากร้านขายดอกไม้ที่เขากำลังยืนอยู่ด้านหน้าร้าน

       

       

       

       

              ผ่านไปเกือบสิบนาที  แฟนสาวหน้าตาดีของเอียนก็ปรากฏตัวอยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของถนน   เธอเป็นผู้หญิงที่มีหน้าตาน่ารักมากทีเดียว  ดวงตาของเธอกลมโตเป็นประกาย  จมูกรับกับริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูอ่อน  เธอมัดผมสีดำยาวสลวยด้วยยางสีเดียวกันกับผมไว้ลวกๆ  หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสสีขาวสะอาดกับรองเท้าส้นสูงที่ผู้หญิงมักจะนิยมใส่กัน

       

       

       

       

       

                 คิงถึงกับอ้าปากค้างอย่างน่าขัน  จนกระทั่งเอมี่กระทุ้งศอกเต็มแรงใส่ท้องของแฟนหนุ่มที่คบกันได้ไม่นานมานี้  ไดโกะหัวเราะแห้งๆให้ก่อนที่จะหันกลับไปสนใจสถานการณ์ต่อไป  โดยมีสายตาดุๆของเอมี่จ้องมองไดโกะอยู่แทบจะตลอดเวลา

       

       

       

       

                  โซจิส่ายหัวอย่างเอือมๆให้กับคู่รักของทีม  เขาหลุบตาลงต่ำพยายามคิดว่ามันดีแล้วถ้าหากเอียนสามารถตามง้อแฟนสาวคนนี้ได้สำเร็จ   ก็ดูเหมือน.... เอียนรักผู้หญิงคนนี้มากนี่นะ

       

       


       

       

                  เด็กหนุ่มกัดปากแน่น  จ้องมองปลายเท้าของตัวเองเพื่อจะได้ไม่ต้องมองคู่รักที่หน้าร้านขายดอกไม้นั่น   เอียนรู้สึกเศร้าเสียใจ   เขาก็รู้สึกไม่ต่างกันกับเอียน  และถ้าเอียนมีความสุข..

       

       

       
       

                   .....เขาก็ควรจะเลิกก้มหน้ามองเท้าตัวเอง แล้วยิ้มรึเปล่านะ?

       

       

       

       

       

                    เอี๊ยดดดดดดดด !!

       

       

       

       

         เสียงยางรถเสียดสีกับพื้นถนนเสียงดัง   โซจิรีบหลับตาปี๋เหมือนเด็ก  ในขณะที่หูเริ่มได้ยินเสียงความวุ่นวายชุลมุนถัดจากเสียงรถเมื่อกี้   เขาลืมตามองรอบตัวอีกครั้งก็พบว่ามีคนถูกรถชน.....

       

       

       

       

             โซจิมองเห็นไดโกะวิ่งออกไปพร้อมกับโนบุฮารุ  เอมี่ดันหลังให้เขาวิ่งออกไปดูสถานการณ์ความวุ่นวายพร้อมกับเธอ โดยมีอุสีเซมิมารุวิ่งรั้งท้าย  โซจิวิ่งผ่านร้านดอกไม้ขนาดเล็กที่น่าจะมีเอียนยืนอยู่  แต่กลับพบเพียงช่อดอกเดซี่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น   ผู้คนมากมายในบริเวณนี้ต่างก็วิ่งไปยังที่เกิดเหตุเพื่อจะดูหน้าผู้บาดเจ็บ   เอมี่และอุสึเซมิมารุวิ่งไปยังกลุ่มฝูงชนที่รุมล้อมสถานที่เกิดเหตุแล้ว

       

       



       

       

             เด็กหนุ่มยืนนิ่ง   สมองกำลังประมวลผลอย่างเชื่องช้า  เขาก้มเก็บช่อดอกไม้ที่ตอนนี้ไม่เป็นระเบียบอีกต่อไปขึ้นมา  เขาจำรูปร่างลักษณะของช่อดอกไม้ที่เอียนถือไว้ได้..  มันต้องเป็นของเอียนอย่างแน่นอน

       

       

       


       

              “เกิดอะไรขึ้น??”    เขากระซิบกับตัวเองเสียงแหบแห้ง  เรียวขาก้าวยาวๆไปยังกลุ่มคนที่ยืนมุงกันอยู่จนเขามองอะไรแทบไม่เห็น

       

       

       

       

               สิ่งเดียวที่เขาหวังคืออย่าให้เอียนเป็นอะไรเด็ดขาด..

       

       


       

                

              กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายไปทั่วทิศ  เขาเดินแหวกผู้คนเข้าไปยังสถานที่เกิดเหตุอย่างยากลำบาก   จนในที่สุดเขาก็สามารถเข้ามายังที่เกิดเหตุได้สำเร็จ

       

       

       


       

                รถพยาบาลมาถึงพอดี   เขาเห็นเลือดสีแดงฉานสาดกระจายเต็มท้องถนน  รถยนต์ต้นเหตุไม่ได้ขับหนีความผิดแต่อย่างใด  คนขับที่ดูเหมือนว่าจะเมายืนโงนเงนมองเหตุการณ์ข้างๆรถของตนที่ชนเสาไฟฟ้าไปอย่างจัง

       

       



       

               ม่านตาเรียวเบิกกว้างอย่างตกตะลึงเมื่อเห็นเอียนที่ตัวเปื้อนเลือดไปเกือบทั้งตัวกำลังคุกเข่าอยู่กับพื้นถนน  โดยมีคิง นตซัง เอมี่และอุจจี้ยืนนิ่งอยู่โดยไม่ขยับไปไหน   ความรู้สึกในตัวเขาสั่งการให้วิ่ง  วิ่งไปให้ถึงตรงนั้นให้เร็วที่สุด  ทั้งๆที่สมองกำลังสั่งการให้เขายืนมองอยู่เฉยๆไม่ต้องทำอะไร

       

       



       

       

               เด็กหนุ่มตัวบางเบิกตากว้างกว่าเดิมกับสิ่งที่ได้เห็น    ผู้หญิงคนนั้นตัวอาบเลือดนอนอยู่บนเปลเคลื่อนที่  เจ้าหน้าที่กำลังนำตัวเธอไปส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

       


       

       

       

                 แฟนของเอียน......

       

       


       

       

               ส่วนเอียนนั้นคุกเข่าอยู่ตรงที่เดิม  น่าประหลาดใจที่เพลย์บอยหนุ่มไม่ได้ร้องไห้ออกมาแต่กลับอยู่ตรงนั้นราวกับจะคิดถึงเหตุการณ์เลวร้ายในชีวิตที่เพิ่งผ่านมา

       

       

       

       

                   เขาหายใจเข้าออกแรงๆด้วยความเหนื่อยหอบ  มือเรียวเล็กยังคงกำช่อดอกไม้ไว้แน่นราวกับมันเป็นที่ยึดเหนี่ยวสุดท้าย   มืออีกข้างกุมซี่โครงไว้ ซึ่งเวลาที่เขาหายใจจะรู้สึกปวดร้าวไปหมด

       



       

       

                เขามองเอียนที่ขึ้นรถพยาบาลไปแล้ว  ไดโกะก็อาสาว่าจะไปเป็นเพื่อนเอียนด้วยซึ่งเวลานี้เอียนดูเหมือนคนที่ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไปจริงๆ  เขาดูว่างเปล่า  ตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  แต่แน่นอนว่าเขายังคงมีสติอยู่ทุกประการ  เขายังใจเย็นเสมอเวลามีเรื่องอะไรต้องตัดสินใจ

       


       

       

       

                  เอียนเป็นผู้ชายเจ้าชู้  แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งเขาเป็นคนขี้เล่น

       

       

       

                  อบอุ่น  รักพวกพ้อง และกลัวการสูญเสียคนสำคัญที่สุด.....

       

       

       

               

       


       

                รู้ตัวอีกที  โซจิก็อยู่บนรถพยาบาลที่เคลื่อนที่ออกไปด้วยความเร็วกับเอียน มือเรียวเล็กยังคงกำช่อดอกไม้ไว้แน่นเมื่อในตัวรถมีแต่ความเงียบ

       

       


       

       

                เอียนกุมมือผู้หญิงคนนั้นไว้หลวมๆ  กระซิบกับเธอว่ามันจะเป็นไปด้วยดี เธอจะต้องไม่เป็นอะไร อยู่ซ้ำๆถึงแม้สติหญิงสาวจะเลือนรางมากแล้วก็ตาม

       

       

       


       

              เป็นอีกครั้งที่โซจิรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นเด็กขี้แง

       

       


       

       

              ความรู้สึกร้อนผะผ่าวที่ขอบตามันทำให้เขาต้องเบนหน้าหนีจากภาพคู่รัก  หันไปมองด้านนอกที่มองจนแทบไม่เห็นว่าอะไรเป็นอะไรเพราะความเร็วที่มากเกินไปของรถ   โซจิสูดจมูกฟุดฟิด  ยกหลังมือขึ้นมาถูจมูกโด่งเชิดรั้น  ก่อนจะเงยหน้าให้น้ำตามันไหลกลับไป   โชคดีที่เอียนไม่ได้สังเกตอะไรนอกจากแฟนสาวของตัวเอง  จึงทำให้ไม่เห็นว่าโซจิแอบหันหน้าไปเช็ดน้ำตาตัวเองเงียบๆ

       

       

       

       

                  รถพยาบาลมาถึงโรงพยาบาลในไม่นานนัก  แต่แฟนสาวของเอียนนั้นยังมีสติอยู่ถึงแม้จะน้อยมากก็ตาม เธอถูกวางบนเตียงนอนผู้ป่วยแบบฉุกเฉินและถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินไปแล้ว

       

       

              

                   โซจิมองร่างสูงที่เดินวนไปมาที่หน้าห้องฉุกเฉิน  แน่นอนว่ามือของโซจินั้นยังถือช่อดอกไม้ของเอียนมาด้วย

       

       

                 “ของนาย”   โซจิยื่นช่อดอกเดซี่สีขาวสะอาดให้ร่างสูงในชุดสีดำทั้งชุด  ซึ่งในเวลานี้เปื้อนเลือดไปแล้วเกือบทั้งตัว

       

               ดอกเดซี่  หมายถึง ความไร้เดียงสา...





                 ความเที่ยงแท้...






       

               เอียนไม่ได้พูดอะไรแต่ก็รับช่อดอกเดซี่ของตัวเองที่ทิ้งไว้หน้าร้านขายดอกไม้ร้านนั้นมาแต่โดยดี  ก่อนจะโยนมันลงถังขยะ

       

       

               “มันไม่มีความหมายอะไรแล้ว  ถ้าไม่มีแฟนของฉัน....”   เอียนถอนหายใจออกมา  พลางหันกลับไปมองประตูห้องฉุกเฉินด้วยสายตาที่โซจิไม่สามารถอธิบายได้ว่าเอียนรู้สึกอะไรอยู่

       

       

       

       

               “เอียน.........”   ในเวลานี้โซจิคงทำได้เพียงเรียกชื่อผู้ชายคนนี้แล้วล่ะมั้ง..  ทำไมเขารู้สึกเจ็บปวดอีกแล้วเมื่อเห็นว่าเอียนเป็นห่วงแฟนสาวคนนี้  มือคู่เรียวเล็กจับไหล่หนาของเพลย์บอยไว้แน่น ให้มาเผชิญหน้ากับตน

       

       

       

               “ฉันไม่เป็นไรหรอก บอย”   ราวกับผู้ชายคนนี้สามารถอ่านสายตาและการกระทำทุกอย่างของโซจิออก  โดยไม่ต้องอธิบายอะไร..  เอียนเป็นแบบนี้เสมอ......  

       

       

       

               ถึงจะบอกว่าไม่เป็นอะไร  

       

       

               แต่เขาก็รู้สึกได้...

       

       

                ว่า..หัวใจของเอียนอ่อนล้าขนาดไหน    

       

       

       

       

       

                โซจิเป็นคนที่ไม่ว่าจะทำอะไรมักจะคิดให้รอบคอบก่อนเสมอ...  เพราะแบบนี้ล่ะมั้งเขาถึงถูกเรียกว่าเยือกเย็นในสายตาของใครหลายๆคน   แต่เพราะผู้ชายตัวโตเบื้องหน้าคนนี้ที่ทำให้เขาไม่อยากจะคิดอะไรให้มากมายอีกต่อไป   เด็กหนุ่มตัวผอมบางในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขายาวกอดชายร่างสูงในชุดเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำกับกางเกงสีดำที่ดูตกตะลึง

       

       

       


       

               โซจิจับหัวของเอียนกดลงบนไหล่บางของตัวเอง  ซึ่งเขาก็แอบคิดเหมือนกันว่าถ้าหากทำแบบนี้มันดูเป็นเขามากที่สุดแล้ว 

       

              “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว....”

       

       

              “........................”   เอียนเงียบ  ไม่ได้ตอบกลับคำพูดของเด็กหนุ่ม

       

       

       

       

                “อยากทำอะไรก็ทำสิ อยู่กับฉันน่ะ....”

       

       

       

                “........................”

       

       

       

       

                 “......ไม่จำเป็นที่จะต้องแบกรับอะไรไว้คนเดียวหรอกนะ”  

       

       

       

       

       

       

       

       

       



       

       

                 นับตั้งแต่วันนั้นผ่านไป  โซจิและเอียนก็ไม่พบเจอกันอีกเลย  ถึงแม้ว่าจะเป็นโซจิเองที่หลบหน้าเอียนเองก็เถอะ จนกระทั่งเอียนมาที่บ้านของโซจิ  เด็กหนุ่มก็ยังจะยืนยันว่ายังไม่ต้องการจะพบหน้าเพลย์บอยหนุ่มคนนี้  และไม่ได้ออกไปที่ไหนเหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆ อยู่บ้านฝึกซ้อมดาบกับอุสึเซมิมารุที่มาหาที่บ้านแทบจะทุกวัน

       

       


       

               

                   

           ใกล้เวลาเปิดภาคเรียนขึ้นมาทุกขณะ  ซึ่งวันนี้เขาก็ตั้งใจว่าจะกลับไปยังหอพักของตนก่อน  โซจิมองไปรอบๆห้องตามแบบฉบับญี่ปุ่นดั้งเดิม  มือเรียวเล็กจัดการพับชุดนักศึกษาของเขาลงกระเป๋าเป้สีดำสนิทอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

       

       

       

       

       

       

              แค่เพียงเห็นสีดำ  เขาก็นึกถึงใครอีกคนขึ้นมาดื้อๆเสียอย่างนั้น

       

       

       

       

       

               เคียวริวแบล็ค...

       

       

       

       

       

               โซจิรูดซิปกระเป๋าและสะพายมันไว้ที่ไหล่ข้างเดียวอย่างเคยชิน   ก่อนจะหันไปตรวจสอบให้แน่ใจว่าเขาเก็บของครบหมดแล้วจริงๆ  เขาผ่อนลมหายใจออก  เพราะในหัวฟุ้งซ่านไปหมด  มันมีแต่เรื่องของผู้ชายที่ชื่อเอียน ยอร์คแลนด์มาเสมอ   เด็กหนุ่มก้าวออกจากห้องนอนของตน  พร้อมปิดประตูลงด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว

       

       

       

       

       

          เขาเดินออกมาจากบ้านก็พบว่าพ่อกำลังจะเดินเข้าบ้านมาพอดิบพอดี   เด็กหนุ่มตัวผอมชะงักมองผู้เป็นบิดา

       

       

       


       

          "ไปแล้วนะครับ พ่อ.."   ประโยคบอกลาที่ฟังดูแปลกเปร่งดังลอดออกมาจากริมฝีปากบาง

       

       



       

           “.........”    ชายวัยกลางคนไม่ได้พูดอะไรขึ้น  เพียงแต่พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้

       

       



       

       

          เด็กหนุ่มมองผู้เป็นบิดาเดินเข้าบ้านไปด้วยสายตาไม่แสดงความรู้สึกใดๆ  ก่อนจะเดินออกมาจากบ้านที่มีลักษณะเป็นแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม

       

       



       

       

       

       



       

       

       

       

             เด็กหนุ่มตัวผอมบางในชุดธรรมดาหยุดเดิน   เขาหยิบอุปกรณ์ที่เหมือนปืนพกแต่ทว่ามีสีสันสดใส  หรือที่เรียกว่า กาบุ รีโวลเวอร์ ขึ้นมายิงไปยังฝาท่อที่หน้าตาแปลกประหลาด

       

       




       

       

             ไม่นานเท่าใดนัก  สีแสงต่างๆก็เริ่มหมุนวน  และร่างผอมบางก็ยืนอยู่ที่ฐานทัพของเคียวริวเจอร์ สปิริตเบสที่เขาไม่ได้มายังสถานที่แห่งนี้นานพอสมควรแล้ว  ทุกอย่างที่นี่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมา  ดวงตารีเรียวปรายมองไปทั่วจนกระทั่งพบว่าเป้าหมายของเขาในครั้งนี้นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง

       


       

       

       

              ถึงแม้ว่าเอียนจะหลับหรือตื่นอยู่ก็ตาม  ผู้ชายร่างสูงคนนี้ก็ยังส่องประกายท่ามกลางทุกสิ่งเสมอ เขาเป็นคนๆเดียวที่โซจิจะหาเจอในหมู่ผู้คนมากมาย  ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้น  มันไม่ใช่รอยยิ้มสดใสที่ส่องประกายอย่างเอมี่  หรือรอยยิ้มที่ดูเข้าอกเข้าใจกันเหมือนไดโกะ  แต่มันเป็นเพียงการยกยิ้มให้กับความเศร้าบางอย่างที่ตีรวนขึ้นมาในอกจนเด็กหนุ่มรู้สึกชาวาบไปหมด

           

       

       

       


       

             ในมือของโซจิถือกาบุ รีโวลเวอร์ประจำตัวของตนไว้ข้างหนึ่ง   ส่วนอีกข้างหนึ่งถือก้านดอกไม้สีแดงจัดจ้านไว้ในมือหลวมๆ

       

       

       


       

             โซจิหลุบตาลงต่ำ  ปล่อยให้พื้นของฐานทัพเป็นที่ยึดสายตาอยู่ชั่วขณะ  ในหัวสมองของเด็กหนุ่มพยายามคิดไตร่ตรองอะไรบางอย่างว่าเขาควรจะทำอย่างนี้รึเปล่า...

       

       

       

       


       

            เขาตัดสินใจในความเงียบ..    ฝืนให้ปากของตัวเองคลี่ยิ้มออกมา

       

       


       

       

       

       

              ดวงตาพระจันทร์เสี้ยวที่หยีเล็กเพราะกำลังยิ้มให้ชายหนุ่มที่หลับสนิทอยู่   น้ำตาหยดใสๆก็ไหลรินออกมาจากดวงตาคู่เรียวสวย  หยดน้ำตาที่ปะปนไปกับความรู้สึกบางอย่างในอกที่พูดออกมาไม่ได้ไหลไปตามโครงหน้าเรียวของเด็กหนุ่ม  ก่อนที่น้ำตาหยดแรกจะหยดลงไปยังกลีบดอกไม้สีแดงจัดที่ถืออยู่

       

       



       

            เขาอยากจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆกันกับผู้ชายคนนี้

       

       

       

            อยากจะฝันแบบเดียวกันกับเอียน...

       

       



       

       

            โซจิกัดปากของตัวเองแน่น  ร้องไห้โดยไร้เสียงอยู่ในความเงียบงัน  หยดน้ำตาทำให้ภาพทุกอย่างพร่ามัว ถึงแม้ภาพของเอียนที่หลับอยู่จะเลือนรางมากก็ตาม  เด็กหนุ่มไม่สนใจที่จะปัดน้ำตาออกจากใบหน้าแม้แต่น้อย 

       

       

       
             แต่โซจิไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น....




                  เขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่นิดเดียว..........






       

       

            ดูเหมือนว่าเอียนจะอ่านหนังสือจนผล็อยหลับไป  เพราะหนังสือเล่มหนาไม่มากถูกเปิดออก วางอยู่บนตักของชายร่างสูง  มือเรียวเล็กที่ในเวลานี้สั่นระริกค่อยๆวางดอกไม้สีแดงลงบนหนังสือเล่มนั้นอย่างเบามือเพื่อไม่ให้คนกำลังหลับตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทรา

       

       

       

             เขาใช้ฝ่ามือเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าลวกๆอย่างไม่ใส่ใจ  ก่อนจะหันหลังกลับไปยังที่ที่เขาควรจะไป...

       

       

       

       

             ดอกคาร์เนชั่นมีถิ่นกำเนิดในยุโรปตอนใต้...

       

       

       

       

             ลักษณะขอบกลีบหยักเป็นแฉก  มักมีหลายสีสัน..

       

       

       

       

       

               ดอกคาร์เนชั่นสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของ หัวใจที่แตกสลาย...

       

       

       

       

       

       

           

       

       

               คำพูดนั้นยังคงดังก้องอยู่ในใจของโซจิเสมอ....

       

       

       

       

       

             

       

                คำพูดที่โซจิกล่าวในใจมาตลอดเวลา.....

       

       

       

       

       

               คำพูดที่ไม่เคยพูดออกไป....

       

       

         





       

                ฉันรักนายนะ....























              'รักแค่นายคนเดียว.....'















       


       


       
      END.




           ใช้กรรไกรตัดฉึบเลยค่ะ =w= ฮ่าๆๆๆ *ร้องไห้พร้อมหัวเราะเหมือนคนบ้า (?)
      แฟนฟิคสั้นเรื่องนี้ก็มาจากเพลง Only one ของTiffany snsdที่มาost.ซีรี่ย์ที่กำลังดูอยู่  เพลงนี้เพราะมากๆค่ะ  ฟังแล้วก็อยากจะแต่งฟิคขึ้นมาซะเลย  ความจริงแล้วเวลาจะเขียนฟิคนี่ก็ฟังเพลงจนได้เรื่อง(?)ตลอดค่ะ ฮ่าๆ  หวังว่าฟิคนี้จะทำให้ใครหลายๆคนชอบนะคะ //ใครจะไปชอบฟร๊ะ ดราม่าขนาด.... =_=;;

      ถ้าชอบก็คอมเม้นท์ ไม่ชอบก็คอมเม้นท์จะได้ไปปรับปรุงฝีมือการเขียนต่อไปนะคะ ~ ยอมรับทั้งคำติชมจากทุกท่านค่ะ (รวมทั้งเสียงกรีดร้องของสาวกดำเขียวหลายๆคนที่น่าจะกำลังปาหม้อชามรามไหมาในไม่ช้านี้)



       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×